|
สัจนิยมแบบอัศจรรย์
|
|
......ความกระตือรือร้นของผู้คนสงบลง
และเพื่อนๆ
ของเขาก็ชักไม่พอใจเขานวนิยาย
เรื่อง
ตัวจริงตัวปลอม (The double)
ของเขาทำให้เบลินสกี้
คิดว่ามันมุ่งไปในทางจิตวิทยามากเกินไปเสียแล้ว
ไม่อยู่ในลักษณะวรรณกรรมแบบสัจนิยม
และการที่เรื่อง Landlody (นางในฝัน)
ของเขากลายเป็นเรื่องรักๆ
ใคร่ๆ ไป
ยิ่งทำให้เบลินสกี้
ออกจะอารมณ์เสียมากขึ้น
สีสันแบบ "น่าอัศจรรย์"
ของเรื่องน้ำทำให้เขาไม่พอใจเลย
นักวิจารณ์ผู้นั้นพูดอย่างขึงขังว่า
"ในสมัยของเรานี้
สิ่งอัศจรรย์อาจมีอยู่ก็แต่ในโรงคนบ้าเท่านั้น
ไม่ใช่ในวรรณกรรม
และเป็นเรื่องของหมอ
ไม่ใช่ของกวี..ในงานศิลปะ
จะต้องไม่มีอะไรที่เคลือบคลุมและเข้าใจไม่ได้อยู่
."
คำโต้เถียงเช่นนี้ไม่ใคร่จะทำให้ดอสโตยเยียฟสกี้
เชื่อเท่าไหร่นัก
งานชิ้นหลังๆ
ของเขาจึงได้ชื่อว่ามีลักษณะเป็น
"สัจนิยมแบบอัศจรรย์"
ในปี 1848
ก่อนที่เบลินสกี้จะสิ้นชีวิตไม่นาน
เขาได้ให้คำตัดสินสุดท้ายไว้ว่า
"เราถูกพ่ออัจฉริยบุคคลดอสโตยเยียฟสกี้
โกงเอาแล้วละ
ไม่ใช่หรอกรึ?"
อย่างไรก็ตาม
ความแตกต่างกันในความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสุนทรีภาพก็ไม่ใช่เหตุผลอย่างเดียวที่ทำให้ดอสโตยเยียฟสกี้
แยกไปจากเบลินสกี้ |
......มีผู้สังเกตเห็นอย่างถูกต้องว่า
การแข็งข้อของอีวาน
คารามาซอฟ
ในนวนิยายเล่มสุดทท้ายของดอสโตยเยียฟสกี้
และระบบของการโต้เถียงของเขาคล้ายคลึงกับตรรกวิทยาที่เกี่ยวกับสุนทรียภาพของเบลินสกี้ในระยะต้นทศวรรษ
1840
อย่างน่าสะดุดใจดอสโตยเยียฟสกี้
เคยบอกว่า "ข้าพเจ้ารับเอาคำสอนทั้งหมดของเขามาใช้อย่างหลงใหล.."
ทฤษฎีของราสโคลนิกอฟ
(ตัวเอกในเรื่อง Crime and
Punishment) รวมทั้งปรัชญาของ
อีวาน คารามาซอฟ
นั้นสามารถจะล้มละลายหายไปแต่ในขณะที่มันมาชนกับ
"ชีวิตจริง" ซึ่งมนุษย์ยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่ในโลกเท่านั้น
เบลินสกี้เชื่อว่ามนุษย์ยังไม่ได้เรียนรู้ถึงความหมายที่ช่วยบรรเท่าความชั่วนี้ได้
แต่ดอสโตยเยียฟสกี้
ถือว่ามนุษย์ได้รับคำสัญญาเช่นนั้นแล้ว
เบลินสกี้ปฏิเสธคริสต์ศาสนา
โดยถืว่าไม่สอดคล้องกับหลักมนุษย์นิยมแบบใหม่และหลักศีลธรรมใหม่
แต่ดอสโตยเยียฟสกี้นั้นเคารพรักพระคริสต์มาก
ในปี 1854
เขาเขียนจดหมายไปถึงเพื่อนคนหนึ่งว่า
"ถ้าผมพิสูจน์ได้ว่าพระคริสต์นั้นอยู่แยกจากสัจธรรม
หรือสัจธรรมอยู่แยกจากพระคริสต์จริงๆ
แล้ว
ผมก็อยากจะอยู่กับพระคริสต์มากกว่าอยู่กับสัจธรรม"
ถ้อยคำอันน่าสังเกตเหล่านี้มีค่าควรแก่การคิดพิจารณา
นั่นหมายความว่าเขาต้องการอยู่กับมนุษยชาติมากกว่าอย่างอื่น
ถ้า "สัจธรรม"
กลายเป็นสิ่งที่เป็นปรปักษ์ต่อมนุษยชาติ
เขาก็จะเลือกเอา "น้ำตาของเด็กน้อย"
มากกว่า |
......เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ดอสโตยเยียฟสกี้
แยกตัวจากแวดวงของเพื่อนนักเขียนเก่าๆ
ของเขา (เช่น เนกราซอฟ
เทอร์เกเนฟ พานาเยวา (Panayeva)
และคนอื่นๆ) ก็คือ
เพื่อนๆ
เหล่านั้นทุกคนซึ่งทำตามเบลินสกี้
ได้ละทิ้งหนังสือพิมพ์
Otichestvenniye Zapiske (บันทึกจากมาตุภูมิ)
ไปหาหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่และมีชื่อเสียงที่มีชื่อว่า
Sovremennik (ร่วมสมัย)
ดอสโตยเยียฟสกี้
ไม่ยอมไปร่วมกับเพื่อนๆ
เหล่านั้นเพราะเขาถูกมัดมือมัดเท้าเพราะการเป็นหนี้อังเดร
กราเยฟสกี้ (Andrei Krayewsky)
ผู้จัดพิมพ์หนังสือของเขา
และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์
Otechestvenniye Zapiski
ิอยู่มากมาย
จึงจำเป็นต้องพิมพ์เรื่องของเขาทุกเรื่องในหนังสือพิมพ์นั้น
เขามักจะเบิกเงินล่วงหน้าพ้นจากความเป็นหนี้ได้
จนต้องเข้าคุกเพราะไม่สามารถใช้เงิน
650
รูเบิลให้แก่บรรณาธิการผู้นี้ได้ |
......ในกรุงปีเตอร์สเบิร์ก
เขาเฝ้าแต่ย้ายจากที่นั่นไปอยู่ที่นี่อยู่ตลอดเวลาราวกับว่าถูกขับไล่โดยอะไรลับๆ
ที่น่ากลัวกระนั้น
เขามักจะชอบห้องเช่าที่สามารถแลเห็นโดมและหอคอยโบสถ์จากหน้าต่างได้ |
......เป็นที่รู้กันดีว่าดอสโตยเยียฟสกี้
มีความไม่มั่นใจในสุขภาพของตนเองอยู่เสมอ
เขาจะดื่มน้ำอุ่นแทนชา
มักตรวจลิ้นตนเองอยู่เสมอ
และอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ
ในเรื่องรูปร่างของศีรษะของตัวเองซึ่งมีคนบอกว่าเหมือนศีรษะของโสเครติส |
......เขาเกิดเป็นลมบ้าหมูครั้งแรกที่ไซบีเรีย
แต่ที่จริงเป็นโรคประสาทไม่ปกติมานานแล้ว |
......"การพบกันวันศุกร์"
ของมิคาอิล
เพตราเซฟสกี้ (Mikhail
Petrashevsky)
มีปัญญาชนหนุ่มๆ
ซึ่งนิยมความคิดของ Fourier
มาประชุมกันเสมอ
ดอสโตยเยียฟสกี้
ไม่ได้มาเป็นประจำ
แต่มีความสนใจในการพบปะนี้มาก
ในปี 1848
การประชุมเหล่านี้มีลักษณะรุนแรงขึ้นเพราะได้รับอิทธิพลจากการปฏิบัติซึ่งเกิดขึ้นในยุโรป
การประชุมเหล่านั้นก็คล้ายกับการประชุมของสโมสรการเมืองเดี๋ยวนี้นั่นเอง
มีวาระการประชุมอ่านหนังสือ
ถกเถียงเรื่องการเซ็นเซอร์
และต้องการจะให้เลิกระบบการติดที่ดินเสีย
ในคืนของวันที่ 23
เมษายน 1849
คนที่มาประชุมถูกจับไปหมด
อันที่จริงกิจกรรมของคนเหล่านี้ไม่ได้เหมือนกับของสมาคมลับ
ไม่ได้พยายามจะประท้วงด้วยอาวุธ
มีแต่ใช้คำพูดเท่านั้น
ข้อกล่าวหาดอสโตยเยียสกี้ก็คือ
เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มลับที่มี
7 คน
ผู้วางแผนที่จะจัดตั้งโรงพิมพ์หนังสือที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม
การมีส่วนร่วมของดอสโตยเยียฟสกี้
ในแผนการนี้ยังไม่ถูกเปิดเผยโดยอัยการ
แต่รัฐบาลก็มีหลักฐานเพียงพอ |