![]() |
![]() |
สู่ฝันอันยิ่งใหญ่(2) |
ดอน กิโฮเต้ | สุดมือเอื้อมคว้าข้าจะฝัน
กล้าหาญรานรบอริร้าย ชีวิตจะปลิดปลดมิลดละง่าย จะไปถิ่นอันคนกล้ายังคอย |
(ทำนองเพลง "ศาลศาสนา" แว่วมาแล้วค่อยๆ ดังขึ้น กิโฮเต้ตะกุกแล้วก็เงียบไป เซรบานเตสหมดบุคลิกของกิโฮเต้เดินออกมาข้างหน้าขณะเสียงเพลงดังขึ้น ฉากเปลี่ยนกลับไปที่คุก พวกนักโทษไม่ไหวติง ต่างเงี่ยหูฟัง) | |
เซรบานเตส | (ไม่แน่ใจ) นั่นเสียง... |
หัวหน้า | คนของศาลศาสนา |
เซรบานเตส | หมายความว่า... |
นักโทษคนหนึ่ง | คงมาเอาตัวใครสักคน |
นักโทษ | ลากตัวไปสอบปากคำ |
นักโทษ | ยังไม่ทันที่คนนั้นจะรู้ตัว ก็ถูกเผาทั้งเป็นเสียแล้ว |
เซรบานเตส | เขาจะมาเอาตัวผมหรือ |
ดุ๊ก | เป็นไปได้อย่างยิ่ง ไม่กลัวรึ เซรบานเตส (เซรบานเตสส่ายหน้าอย่างอึดอัด ดุ๊กพูดเย้ยๆ) ความกล้าของคุณไปไหนหมดมีอยู่แต่ในจินตนาการของคุณใช่ไหม (เซรบานเตสถอยกรูดขณะที่ดุ๊กตามคาดคั้น) หนีไม่พ้นหรอก เซรบานเตส มันกำลังจะเกิดกับคุณ เร็วเข้า เรียกคนกล้าแห่งลามันช่า ให้มาปกป้องคุ้มครองคุณสิ มาช่วยคุณให้รอด หากว่าเขาทำได้ (ที่บันได คนจากศาลศาสนาปรากฏตัวขึ้น พวกเขาสวมเสื้อคลุม ใส่หมวก ท่าทางน่ากลัว เซรบานเตสนิ่งขึงด้วยความกลัวดวงตาเท่านั้นที่เคลื่อนไหว มองตามขณะพวกนั้นลงบันไดมา ครั้นเดินเข้ามาใกล้เซรบานเตส ทหารยามก็เปิดช่องประตูที่พื้นห้อง ดึงตัวนักโทษคนหนึ่งขึ้นมาลากขึ้นบันได เซรบานเตสทรุดตัวลงที่ม้านั่งอ่อนระโหย เพลงศาล ศาสนาค่อยๆจางลง จนหายไปเมื่อบันไดถูกชักขึ้น หัวหน้าดีดนิ้วส่งสัญญาณให้นักโทษคนหนึ่งนำเอาถุงหนังแพะบรรจุเหล้าองุ่นมาส่งให้เซรบานเตส ผู้รับไปดื่มอึกๆด้วยมืออันสั่นเทา) |
หัวหน้า | ดีขึ้นไหม |
เซรบานเตส | (อ่อนแรง) ขอบคุณ... |
หัวหน้า | ดีละ มา..แก้คดีของแกต่อ |
เซรบานเตส | ขอพักสักนิดเถอะ.. |
ดุ๊ก | (อย่างดูแคลน) ลามันช่านี่...มันหน้าตายังไงนะ |
หัวหน้า | ที่ราบกว้าง ว่างเปล่ารกร้าง |
นักโทษ | ทะเลทรายน่ะซี |
หัวหน้า | ที่ไร้ประโยชน์ |
ดุ๊ก | ผลิตออกมาก็แต่คนบ้า |
เซรบานเตส | ผมอยากพูดว่า คนที่เห็นภาพมายามากกว่า |
ดุ๊ก | เหมือนกันนั่นแหละ ทำไมพวกกวีอย่างแกจึงฝักใฝ่อยู่กับคนบ้านักละ |
เซรบานเตส | คิดว่า..คงเพราะมีอะไรๆ เหมือนกันอยู่มาก |
ดุ๊ก | ต่างก็หันหลังให้ชีวิตเหมือนกัน |
เซรบานเตส | เราต่างเลือกเฟ้นเอาสิ่งที่เราพอใจจากชีวิต |
ดุ๊ก | คนเราจะต้องยอมรับชีวิตอย่างที่มันเป็น |
เซรบานเตส | ผมอยู่มาเกือบห้าสิบปีแล้ว ผมได้เห็นชีวิตอย่างที่มันเป็น เห็นความเจ็บปวด ทุกข์ยากหิวโหย.. มันเป็นความโหดร้ายเกินกว่าจะทำใจให้เชื่อได้ ผมได้ยินเสียงคนเมาร้องเพลงดังมาจากร้านขายเหล้า ได้ยินเสียงครวญครางดังมาจากกองขยะข้างถนน ผมเคยเป็นทหารและได้เห็นเพื่อนล้มลงในสนามรบ ... หรือไม่ ก็ค่อยๆ ตายไปทีละน้อยอย่างทรมานผมเคยโอบพวกเขาไว้ในอ้อมแขนเมื่อวาระสุดท้ายมาถึงคนเหล่านี้ล้วนมองชีวิตอย่างที่มันเป็น กระนั้นก็ยังตายอย่างสิ้นหวัง ไม่เคยรู้จักความรุ่งโรจน์ ไม่เคยเอ่ยคำอำลาโลกอย่างกล้าหาญ ..มีแต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสับสน เฝ้าสะอึกสะอื้นถามว่า "ทำไม" เขาคงไม่ได้ถามว่าทำไมเขาต้องตาย หากปรารถนาจะถามว่าทำไมจึงต้องมีชีวิตอยู่ด้วยเล่า |
(ลุกขึ้นยืน และค่อยๆ เข้าสู่บุคลิกของดอนกิโฮเต้ในขณะที่ดนตรีบรรเลงคลอไปเบาๆ และฉากเริ่มเปลี่ยน) ในเมื่อชีวิตนั้นเองคือความบ้า ใครจะบอกได้ว่า ความวิกลจริตมันอยู่ตรงไหน บางทีการพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เป็นอยู่นั้นแหละคือความบ้า การยอมล้มเลิกความใฝ่ฝันสิอาจเป็นความบ้า การไขว่คว้าหาดวงแก้วในที่ซึ่งมีแต่สิ่งปฏิกูล การพยายามเหนี่ยวรั้งสติสัมปชัญญะไว้ในโลกของเหตุผลนั่นแหละคือความวิกลจริต และที่สุดของความบ้าทั้งปวง คือการมองชีวิตอย่างที่มันเป็นแทนการมองชีวิตอย่างที่มันควรจะเป็น | |
(ดนตรีเพลง "ดอนกิโฮเต้" เบาๆ ขณะที่เขาพูด คุกและบรรดานักโทษหายไปหมดแล้ว เซรบานเตสอยู่โดดเดี่ยว ม้าทั้งสองปรากฎตัว แสงเริ่มเปลี่ยน) | |
ดอน กิโฮเต้ | (ร้องเพลง) |