จระเข้บก

 
เขาเดินเข้าเดินออกในเส้นทางสายแคบๆ สายนี้
จากเล่มเกวียนชราที่จอดนิ่ง
สู่บึงหญ้าขนอันกว้างไกล
ด้วยระยะทางประมาณสามร้อยเมตรเส้นนี้
คือเส้นทางที่หล่อเลี้ยงชีวิตของพวกเขา
ให้สามารถมีลมหายใจแหวกอากาศออกมาได้เหมือนบุคคลอื่น
ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน
ดวงตะวันเลยเที่ยงไปนิดหน่อย
หญ้าขนที่เก็บเกี่ยวได้ก็ใกล้จะเต็มเกวียนแล้ว
ทันใดนั้นเอง
หนึ่งในชายเกี่ยวหญ้าก็วิ่งท่าทางหืดหอบ
ออกมาจากท้ายดงต้นกะลาอย่างไม่คิดชีวิต
มือขวาของเขายังคงกำด้ามเคียวอยู่แน่น
เขาส่งเสียงร้องด้วยถ้อยวาจาที่ฟังดูไม่เป็นภาษามนุษย์
พอดีกับหญิงแก่คนหนึ่ง เดินไปตักน้ำที่สระน้ำพบเข้า
แกถามชายเกี่ยวหญ้าว่
"เป็นอะไรไปเหรอ"
ชายเกี่ยวหญ้าระล่ำระลักออกมาว่า
"จระเข้ จระเข้ จระเข้บก เจ้านาย จระเข้บก"
"จระเข้บกเหรอ" หญิงชราทบทวนคำพูดของเขาอย่างช้าๆ
"ใช้ เจ้านาย จระเข้บก"
ระหว่างนั้นชายเกี่ยวหญ้าอีกคนหนึ่ง
เดินแบกฟ่อนหญ้าออกมาจากป่ารกนั่น
เมื่อเขาเอาฟ่อนหญ้าไปขึ้นเกวียนแล้ว
จึงเดินมาที่เพื่อนของเขาซึ่งกำลังยืนพูดอยู่กับหญิงชรา
จากนั้นชายสองคนก็พูดกันด้วยภาษาฮินดู
สักครู่หนึ่งทั้งคู่ก็เดินเข้าไปเกี่ยวหญ้าตามเดิม
ด้วยจิตใจที่เอื้ออาทร
หญิงชราไม่วายที่จะเอ่ยวาจาทิ้งท้ายให้กับพวกเขา
"ไม่ใช้จระเข้บกหรอก พ่อหนุ่ม
คนที่นี่เขาเรียกมันว่าตัวเหี้ยน่ะ
มันไม่เคยทำอันตรายใครเลย
แล้วแถบนี้ก็มีชุกชุมมากเสียด้วย ไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้ะ"
 
ชายเกี่ยวหญ้าคนหนึ่งหันมายิ้มให้กับหญิงชรา
ขณะที่เพื่อนของเขา
หันมามองด้วยสีหน้าที่ยังคงหวาดผวาอยู่
ในความเป็นจริงที่ดำเนินไปนั้น
ขณะที่ชายเกี่ยวหญ้าเผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์ที่เขาเรียกว่า
"จระเข้บก" แล้วเขาวิ่งหนีมันอย่างสุดชีวิตนั้น
ก็คงจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน
กับที่เจ้าจระเข้บกมันพบเขา
แล้วมันก็ตกใจกระโจนหนีอย่างไม่คิดชีวิตเหมือนกัน
สัญชาตญาณนั้นบ่งบอกให้เรารู้ว่า
ชีวิตทุกชีวิตรักตัวเอง
แม้ว่า ชีวิตที่ผ่านมาจะลำบากยากแค้นเลือดตาแทบกระเด็น