ลาก่อนบึงหญ้าขน

 
กร็อบกรับ กร็อบกรับ
คล้งเคล้ง คล้งเคล้ง
กร็อบกรับ คล้งเคล้ง กร็อบกรับ คล้งเคล้ง
กงล้อแห่งชีวิตหมุนชีวิตอยู่เช่นนี้
ชายตัดหญ้าสองคน ขับเกวียนชราเทียมม้าแก่สีขาว
มาเยือนบึงหญ้าขนอีกครั้ง
เขาหยุดม้า ก่อนที่จะถึงต้นชมพู่ที่เขาเคยจอดเกวียนพัก
เขามองไปรอบๆ ตัว
ป่าหญ้าอันกว้างไกล บัดนี้กลายเป็นทุ่งดินอันไพศาล
ยาวจรดแม่น้ำ
บ้านหญิงแก่ใจดีที่เขาเคยเห็นทุกครั้งที่ขับเกวียนมาเกี่ยวหญ้า
บัดนี้ไม่เหลือแม้ตอ
เขาหันไปส่งภาษากับเพื่อนฮินดู
ซึ่งกำลังตกตะลึงกับสภาพที่ประจักษ์
ด้วยถ้อยคำภาษาที่เร็วปรื๋อ
ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเอามือชันคาง
สักครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเพื่อน
ที่กำลังกวาดตามองสภาพโดยรอบอยู่
เขาลุกขึ้นและชักม้ากลับ
กร็อบกรับ กร็อบกรับ
คล้งเคล้ง คล้งเคล้ง
กร็อบกรับ คล้งเคล้ง กร็อบกรับ คล้งเคล้ง
เสียงเกือกม้าที่สัมผัสกับพื้นถนนลูกรัง
ผสานกับเสียงของล้อเกวียนที่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ตามแรงวิ่งของม้า
ระยะเวลาหนึ่งเดือน
ที่พวกเขาทั้งสอง ตั้งใจจะกลับมาเก็บเกี่ยวผลผลิตแห่งธรรมชาติ
หนึ่งเดือนที่เขาไปเก็บเกี่ยวหญ้าขน ณ ดินแดนอื่น
และอีกหนึ่งเดือนต่อไป ที่บึงหญ้าขนอีกกี่แห่ง
ที่ซึ่งพวกเขารู้สึกว่า มันเป็นสมบัติอันล้ำค่าของพวกเขา
มันเป็นพลังแห่งชีวิตของพวกเขา
จะถูกทำลายไป
"โอ.. เจ้านาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของเจ้านาย
อาหารดีๆ พาหนะดีๆ
เสื้อผ้าดีๆ บ้านหลังงามๆ
แม้แต่เม็ดดินเพียงเม็ดเดียว
ก็เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้านาย
โอ.. พระผู้เป็นเจ้า"
เหี้ยตัวสุดท้าย โผล่หัวขึ้นมาจากริมฝั่งน้ำ
มันว่ายข้ามแม่น้ำไปอย่างอ่อนล้า
เพื่อแสวงหาดินแดนใหม่ที่ดีกว่า
สำหรับเผ่าพันธุ์เหี้ยจักพึงอยู่ได้อย่างศานติ