......บ่ายอ่อนๆ
ในวันเสาร์
อาชาร์ลส์ของผม
พ่อหม้ายภริยาไม่อยู่ออกเดินทางไปสถานพักผ่อนวันหยุดแห่งหนึ่ง
ไกลจากเมืองราวชั่วโมงด้วยการเดิน
เพื่อเยี่ยมภริยากับลูกๆ
ซึ่งใช้ช่วงฤดูร้อนนั้นอยู่ที่นั่น |
......นับแต่ภริยาไม่อยู่
บ้านไม่เคยทำความสะอาด
เตียงนอนไม่เคยเก็บจัด
ชาร์ลส์กลับถึงบ้านดึก
สะบักสะบอมมาจากการตะลุยไปทุกคืนในราตรีอันเขาติดงอมด้วยแรงกดดันของวันร้อนที่ว่างเปล่า
ผ้าเครื่องนอนเย็นๆ
ที่ย่นเยินไร้ระเบียบนั้นเหมือนสวรรค์อันเปี่ยมสุข
เหมือนเกาะปลอดภัยที่เขามาขึ้นฝั่งได้สำเร็จด้วยแรงหยาดสุดท้ายของคนถูกปล่อยทิ้งกลางทะเลที่ถูกคลื่นโยนมาหลายวันหลายคืนกลางพายุคลั่ง |
......คลำทางไปในความมืด
เขาจมร่างลงระหว่างกองขาวๆ
เย็นๆ
ของเครื่องนอนขนนก
แล้วหลับลงเมื่อทิ้งตัว
ขวางหรือหันหัวไปปลายเตียง
กดลึกลงในความนุ่มของหมอน
ราวในการหลับนั้น
เขาต้องการเจาะให้มันทะลุลงไป
ต้องการสำรวจเข้าไปให้ทั่วถ้วน
จนกองภูเขาทรงพลังของเครื่องนอนขนนกเหล่านั้นต้องลุกออกมาจากกลางคืน
เขาต่อสู้
ในการหลับของเขา
กับเตียงนอนเหมือนนักว่ายน้ำทวนสู้กระแสน้ำ
เขาเค้นและขุดมันกองขึ้นด้วยร่างของเขา
เหมือนกะละมังแป้งนวดใบมหึมา
แล้วตื่นขึ้นตอนเช้ามืดในสภาพสิ้นแรง
เหงื่อชุ่มทุ่มตัวขึ้นบนฝั่งของกองเครื่องนอนซึ่งเขาไม่อาจเอาให้อยู่ได้ในการต่อสู้ของแต่ละคืน
กึ่งขึ้นมาแล้วจากหลืบลึกของการสลบไสล
เขายังห้อยค้างอยู่บนขอบของรัตติกาล
เฮือกหาลมหายใจ
ขณะเหล่าเครื่องนอนโตขึ้นรอบๆ
บวมและอืดพอง แล้ว
อีกครั้ง
ปิดล้อมเขาไว้ในกองภูเขาแห่งแป้งนวดขาวๆ
อันหนักอึ้ง |
......เขาหลับไปในสภาพนั้นจนสายโด่ง
ระหว่างนั้นเหล่าหมอนก็จัดตัวมันเองขึ้นเป็นที่ราบแบนๆ
ขนาดใหญ่ซึ่งการนอนอันบัดนี้สงบลงแล้วของเขาตระเวนไปได้
บนถนนขาวๆ เหล่านี้
เขาค่อยๆ
คืนสู่การรู้สึกตัว
สู่ยามทิวาวาร
สู่ความเป็นจริง
แล้วในที่สุดก็เปิดเปลือกตา
เหมือนผู้โดยสารที่หลับอยู่จะทำเมื่อรถไฟเข้าจอดที่สถานี |
......ความสลัวเติมเข้ามาในห้องด้วยเศษตกค้างของหลายวันแห่งความโดดเดี่ยวและเงียบเชียบ
หน้าต่างหึ่งด้วยฝูงว่อนยามเช้าของเหล่าแมลงวัน
มีเพียงม่านเท่านั้นที่โพลนแสงเจิดจ้า
ชาร์ลส์หาวเอาร่างกายของเขาออกมา
เอาหลืบลึกของทุกช่องกลวงของมัน
สิ่งตกค้างจากวันวาน
ออกมา
การหาวนี้บิดคั้นเข้มข้นราวกับร่างกายของเขาต้องการปลิ้นตัวเองออกมาข้างนอก
ในลักษณะนี้เองที่เขาขจัดทรายและหินอับเฉาส่วนเหลือค้างยังไม่ย่อยของวันก่อนหน้านี้ |
......หลังทำให้ตัวสบายลงเช่นนั้นแล้วเขาก็เขียนค่าใช้จ่ายทั้งหลายของเขาลงบนสมุดบันทึก
คิดคำนวณอะไรสักอย่าง
บวกรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน
แล้วเคร่งคิด
จากนั้นอีกนานที่นอนนิ่งอยู่กับการจ้องของนัยน์ตาเบิ่งๆ
สีน้ำๆ
และฉ่ำชื้นอยู่ในแสงสลัวๆ
อันพร่ากระจายของห้องซึ่งสว่างขึ้นด้วยการแผดของวันร้อนหลังม่าน
นัยน์ตาของเขา
เหมือนกระจกเงาบานจิ๋ว
สะท้อนทุกวัตถุวาวแสง
สีขาวของแสงอาทิตย์ในช่องแตกหน้าต่าง
ผืนสี่เหลี่ยมสีทองของม่าน
แล้วปิดขัง
เหมือนหยดน้ำ
ทั้งห้องนั้นด้วยความสงัดนิ่งของบรรดาพรมกับเก้าอี้ว่างเปล่าๆ
โล่งๆ ของมัน |
......ระหว่างนั้นวันข้างหลังเหล่าม่านก็อื้ออึงมากขึ้นรุนแรงขึ้นด้วยเสียงหึ่งๆ
ของแมลงวันที่พล่านด้วยแสงอาทิตย์หน้าต่างไม่อาจอั้นไฟขาวนั้นไว้ได้
และเหล่าม่านก็ซีดลงด้วยละลอกของความจ้า |
......ในที่สุดชาร์ลส์ก็ลากตัวเองขึ้นจากเตียง
นั่งอยู่บนนั้นพักหนึ่ง
..คราง
เลยสามสิบไปแล้ว
ร่างกายของเขาเริ่มออกเนื้อ
ระบบ
บวมขึ้นด้วยไขมัน
ทรุดโทรมด้วยกิจกรรมเพศ
แต่ยังเลื่อนไหลอยู่ได้ด้วยน้ำเลี้ยง
ดูเหมือนค่อยๆ
ก่อรูปอยู่ในความเงียบนั้น
บั้นปลายอนาคตของมัน |
......ระหว่างที่ชาร์ลสนั่งปราศจากความคิดอยู่ตรงนั้น
มึนตื้อยอมแพ้อย่างราบคาบให้กับระบบหมุนเวียน
ระบบหายใจและการตุบๆ
ขึ้นลึกๆ
ของน้ำเลี้ยงธรรมชาติ
ข้างในของร่างที่กำลังออกเหงื่อของเขานั้นก่อรูปขึ้นด้วยอนาคตอันยังไม่รู้
ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
เหมือนการงอกอันร้ายแรงที่ลามดันไปในทิศอันไม่อาจรู้
เขาไม่ได้กลัวมัน
เพราะเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับเจ้าสิ่งมหึมาและยังไม่รู้ที่จะเข้ามา
เขากำลังโตไปกับมันโดยไม่โต้แย้งกับความเป็นหนึ่งเดียวอันแปลกนั้น
อึ้งกับการตกใจที่ช่างหัวมันไปแล้ว
เห็นรู้อนาคตตัวเองได้แล้วในการสมบุกสมบันไปกับความสุขอันล้นหลากเหล่านั้น
ในเหล่าเนื้องอกอันน่าอัศจรรย์ซึ่งกำลังบ่มตัวอยู่เบื้องสายตาที่มองเข้าไปข้างในนั้น
จากนั้นนัยน์ตาข้างหนึ่งของเขาก็เหลือบแลไปนิดหนึ่ง
ข้างนอก
เหมือนออกไปหามิติอีกมิติหนึ่ง |
......หลังจากนั้นเขาก็ตื่นขึ้นจากการนึกสนุกที่สิ้นหวังเหล่านั้น
กลับมาสู่ความเป็นจริงของช่วขณะนั้น
เขามองไปที่เท้าบนผืนพรม
อวบอ้วนและนุ่มนิ่มอย่างเท้าผู้หญิง
แล้วค่อยๆ ถอดกระดุมกลัดทองจากข้อแขนเสื้อ
จากนั้นก็ออกไปที่ครัว
แล้วในมุมร่มๆ
มุมหนึ่งก็พบถังน้ำ
กระจกเงาบานกลมๆ
เงียบเชียบและจ้องมอง
ซึ่งรอเขาอยู่
สิ่งมีชีวิตและรู้อย่างเดียวในห้องอาคารแบ่งอันว่างเปล่านั้น
เขาเทน้ำลงในอ่างและลิ้มรสด้วยผิวของเขาในความชื้นอ่อนๆ
หวานๆ ปร่าๆ ของมัน |
......เขาแต่งตัวอย่างระมัดระวังแต่ไม่เร่าร้อน
หยุดพักนานระหว่างแต่ละขั้นตอนการหยิบจับ |
......เหล่าห้อง
ว่างเปล่าและถูกทอดทิ้ง
ไม่เห็นด้วยกับเขา
เหล่าเครื่องเรือนกับผนังห้องจ้องมอง
วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่เงียบๆ |
......เขารู้สึก
เมื่อเข้าไปในความนิ่งสงัดนั้น
เหมือนเป็นผู้บุกรุกเข้าไปในอาณาจักรใต้น้ำด้วยสำนึกของกาลเวลาที่แตกต่างและเป็นคนละเวลา |
......เมื่อเปิดช่องลิ้นชักของตัวเอง
เขารู้สึกเหมือนเป็นขโมย
และอดไม่ได้ที่ต้องเดินไปโดยเขย่งๆ
เพราะเกรงจะทำให้เกิดเสียงและการก้องที่มากเกินไป
ซึ่งรออย่างรำคาญอยู่แล้วที่จะได้มีโอกาสระเบิดขึ้นด้วยการปลุกที่เบาที่สุด |
......แล้วเมื่อ
หลังย่องเบาจากห้องแต่งตัวไปยังห้องเล็กส่วนตัว
เขาพบทีละชิ้นทีละชิ้นของบรรดาสิ่งที่ต้องใช้
และจบการแต่งตัวลงท่ามกลางเหล่าเครื่องเรือนที่ทนดูอยู่เงียบๆ
ในที่สุดเขาก็พร้อม
เขายืน
หมวกถืออยู่ในมือ
รู้สึกค่อนข้างกระอักกระอ่วนใจอยู่ว่า
แม้จนขณะท้ายสุดนี้แล้วก็ยังไม่พบเลยสักถ้อยคำที่จะไล่ความเงียบไม่เป็นมิตรนั้นออกไป
จากนั้นก็เดินไปที่ประตู
อย่างเชื่องช้า
อย่างบอกลา
อย่างคอตกๆ
ขณะใครอีกคน
ใครสักคนที่หันหลังตลอดกาล
เดินไปด้วยฝีเท้าเดียวกันในทิศตรงข้าม
เข้าไปในความลึกของกระจกเงาทะลุผ่านแถวๆ
ของเหล่าห้องว่างๆ
ซึ่งไม่ได้มีอยู่เลย |