ความคิดเห็นที่ 1 พี่วิ...และสหาย มาว่ากันต่อถึง GranMonte.......สักหน่อย จากที่ยังต้องยืมจมูกเพื่อนฝูงหายใจ ที่ GranMonte ยังต้องใช้โรงหมักบ่ม และไวน์เมกเกอร์มือดีอย่างคุณประยุทธิ์ซึ่งมาจาก PB Winery แต่มีการแยกถังน้ำไวน์ของแต่ละไร่กันอย่างชัดเจน และขบวนการควบคุมหรือตัดสินใจนั้น ทำกันอย่างเป็นเอกเทศ แต่ถึงกระนั้น ผมสามารถเหมารวมได้ว่า ไวน์จากสอง Winery นี้ แม้จะแตกต่างกันในรายละเอียด แต่นับเป็นฝาแฝดได้..โดยภาพหยาบๆ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 พ.ค. 49 06:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่หลังจากได้พูดคุยกับคุณวิสุทธิ์..... ในอนาคตอันใกล้ GranMonte คงจะมีโรงหมักบ่มเป็นของตัวเองเสียที ซึ่งคือช่วงเวลาเดียวกับที่...นิกกี้...ว่าที่ไวน์เมกเกอร์สาวคนแรกแห่งสยาม จะหอบหิ้วความรู้เรื่องการทำไวน์...จากออสเตรเลีย...ในอีกไม่เกินสองปีข้างหน้า และเวลานั้น คนไทยอาจกล่าวได้ว่า นี่คือ Boutique Wine ตัวแรก...ของไทย จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 พ.ค. 49 07:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "ตอนนี้..ไวน์อินเดียกำลังเป็นที่จับตา..ใครต่อใครรอเฝ้าดูผล เชื่อว่าในปีหน้าคงจะชัดเจนขึ้น เพราะลงทุนจ้าง มิเชล (Michel Rolland) ไปเป็นเสนาธิการด้านผลิตแล้ว" ผมรับไม่ได้จริง...กับคำพูดที่ว่า "ไวน์ดีสามารถผลิตที่ไหนในโลกก็ได้ ...ขอให้มี Michel Rolland เป็นที่ปรึกษา" ...จิตอ่อนเหลือเกิน....ถ้าใครจะเชื่ออย่างนั้น จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 พ.ค. 49 07:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "นี่คิดเอาเองนะคะ ว่า..ไร่ GranMonte น่าจะจัดไวน์ทัวร์ สำหรับบรรดาแฟนๆไวน์ทั้งหลาย แบบว่า เป็นทัวร์เลี้ยงไก่ย่าง เนื้อย่างโคราช พร้อมชิมไวน์ผลผลิต.. รับรองว่า..ได้ใจและได้ผลการโฆษณาไวน์ของไทยแบบในวงกว้างทีเดียว.. ไม่แน่นะคะ อีกหน่อยอาจถูกจัดอยู่ในรายการทัวร์ของการท่องเที่ยวแบบตลาดน้ำก็ได้.. ถ้าได้อย่างนี้ละก้อ...ไวน์ไทยจะดังเร็วมาก" ใครก็ได้...ที่พบข้อความนี้ เอาไอเดียไปบอกคุณวิสุทธิ์ด้วย แต่ผมรู้มาว่า...สามผู้ยิ่งยงแห่งเขาใหญ่ คุณปิยะ แห่ง PB Winery ...คุณวีรวัฒน์ แห่ง Cht. de Bruames ...คุณวิสุทธิ์ แห่ง GranMonte จะร่วมมือกันโปรโมทสามไร่ไวน์แห่งเขาใหญ่กันอยู่แล้ว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 พ.ค. 49 07:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน... ...ได้มีโอกาสไปทำ Blind Tasting เพื่อทำการคัดเลือกไวน์ไทย เพื่อไปประกวดในโอกาสเปิดประชุมเอเปค 2006 ที่ประเทศเวียดนาม ...โดยคัดให้เหลือไวน์ขาวและแดงอย่างละหนึ่ง ซึ่งผลที่ออกมา ไวน์ไทยที่จะนำส่งเข้าประกวดคือ ไวน์ขาวจาก Monsoon Valley, Colombard ไวน์แดงจาก GranMonte, Primavera, Shiraz จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 26 พ.ค. 49 10:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 555555.... ขำคุณวิโรจ ที่ได้ดู Mondovino แล้วสติแตกไปเลยกับมองซิเออร์ โรลลานด์ ที่เขาพูดถึง Micro-oxygenation (Micro-oxygenated) นั้นหมายถึง เทคนิคใหม่ที่ไวน์กำลังผลิตกันอยู่ในตอนนี้ คือการฉีดอ๊อกซิเจน เข้าไปในถังไวน์ทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆตามต้องการในการที่จะปรับรสชาติให้ละมุนละม่อมขึ้น และเพื่อเป็นการย่นเวลาของการหมัก มิเชลได้นำมาใช้กับหลายไร่ที่เขาเป็นที่ปรึกษาอยู่(ก็นับเป็นร้อยไร่แหละ รวมทั้ง Harlan ของโปรดของคุณวิโรจด้วย) นี่ขนาดไวน์ Bond ไร่ย่อยๆออกมาของ Harlan นะ มีด้วยกันสามชนิดคือ 2002 Bond (Harlan) St. Eden, Vecina, Melbury บ๊อบให้คะแนนไป 96 ป้อยท์ แบบหน้าตาเฉยเลย ยังมีอีกหลายไร่ที่ใช้บริการของมิเชล ซึ่งตอนนี้ปิดเป็นความลับกันแบบสุดชีวิต เพราะโดนโจมตีมาก.. ไอ้สามขวดนี้..รวมทั้งหมดตกประมาณ แปดร้อยกว่าเหรียญ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 พ.ค. 49 12:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่อง จัดงานอย่างที่คุณ อาวิ เสนอมานั้น ก็น่าสนใจมากครับ (โดยเฉพาะ พริตตี้) แต่งานแบบนี้ ส่วนมาก จะต่างคนต่างจัด ครับ บริษัท ไวน์ โคกันยาก อย่างเดือนเก้า นี้ ผมก็จะมี ไวน์เมธี(เมกเกอร์)ดินเนอร์ ที่สมุย ครับ (ไกลดีจัง) คุณวิโรจ ครับ Monsoon Valley, Colombard นี่เจ๋ง กว่า Chenin Blanc ของ กรานมอนเต้ อีกหรือครับ หรือว่า กรานมอนเต้ได้ไวน์แดง ไปแล้ว จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 26 พ.ค. 49 12:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ฉลอง กระทู้ครบ 10 ตอน จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 26 พ.ค. 49 12:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ว่าจะเล่าเรื่องของ Opus One ก็ไม่รู้จะแทรกตรงไหน เอาตรงนี้ละกัน แล้วค่อยไปเล่าเรื่องบ๊อบต่อทีหลัง.. โอปัส วัน เพิ่งจะมีงานฉลองกันใหญ่โตไปเมื่อปี 1994 นี้เอง เป็นการฉลองวินเทจของปี 1991 ทั้งๆที่ไร่นี้ได้ เริ่มมาก่อนหน้านั้นนานมาก เอาตั้งแต่เริ่มความคิด ที่ท่านบารอน ฟีลีป เดอ รอธส์ไชลด์ ได้นำเสนอเชิญชวน ร่วมลงทุนกับ โรเบิร์ต มอนดาวี ในการที่ได้พบกันที่ฮาวาย โดยบังเอิญ เมื่อปี 1970 แต่นั่นคือการพูดกันทีเล่นทีจริง.. (แหม..ก็รอธส์ไชลด์คือนายธนาคาร ที่มองเห็นเส้นทางเศรษฐกิจของอเมริกาอย่างทะลุปรุโปร่งน่ะซิ แถม บารอนเนสเมียใหม่ก็เป็นอเมริกัน นามว่า Pauline Fairfax Potter) ต่อมา..คือปี 1978 ที่โรเบิร์ตได้ไปเยี่ยมชมและเจรจาถึงเรื่องนี้อีกครั้งกับท่านบารอนถึงที่ไร่มูตองในบอร์คโดซ์ การเจรจาใช้เวลาแค่ 25 นาที ก็บรรลุถึงจุดหมาย นั่นคือ ทั้งคู่จะจับมือกันผลิตไวน์สไตล์บอร์คโดซ์ชั้นดี ในผืนดินของมอนดาวี..นาปา คาลิฟอร์เนีย.. ทั้งคู่เข้ากันด้วยดีอย่างน่าประหลาดใจ ทั้งๆที่ที่มาของคนทั้งสองต่างกันอย่างลิบลับ.. คนหนึ่ง ก็เป็นลูกมหาเศรษฐีมาหลายชั่วโคตะระ คนหนึ่ง คือลูกหลายอิตาเลี่ยนอพยพมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ.. แต่ที่เหมือนกันอย่างแน่นอน คือ มันสมองที่ฉลาดหลักแหลม เจ้าความคิดเป็นที่หนึ่ง.. โครงสร้างคร่าวๆในข้อตกลงชั้นแรก คือ ทางฝรั่งเศสออกทุนและ know how ทางอเมริกาจัดสรรเรื่องที่ดิน สำนักงานและคนงาน... อย่างนี้ต้องเรียกว่าส้มหล่นทั้งเข่ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 พ.ค. 49 13:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างแรกเลย..ก็คือ การหาชื่อไวน์ที่เหมาะสม ท่านบารอนเลือกว่า..Gemini (อ่านว่า เจมะไน) ทางมอนดาวี..ขำกลิ้งไปมา..บอกว่า "ไม่ได้หรอก ชื่อนี้..ใช้ไม่ได้" "ทำไมล่ะ?" "ก็..เพราะมันเป็นชื่อบาร์เกย์ที่โด่งดังของ ซาน ฟรานซิสโก น่ะซิ" ก็เลยแห้วไปในชื่อนี้..ต่อมา ท่านบารอนก็เอาอีก บอกว่า "งั้นชื่อ Opus..เป็นไง โอปัสเป็นภาษาละติน แปลว่า ทำงาน.." "แต่มันก็แปลว่า..การแสดงดนตรีด้วยนะ..ไม่หวานแหววไปหน่อยหรือ?" สรุปว่า ท่านบารอนก็ต้องกลับไปนอนคิดใหม่สองสามคืน ในที่สุด ก็โทรกลับมาบอกว่า "งั้นเอาเป็น Opus One ละกัน ดีม๊ะ.." ทางมอนดาวีดีดมือเป๊าะ..บอกว่า เข้าท่า..เป็นอันว่าตกลงตามนั้น.. ส่วนผู้ที่จะเข้ามาคุมดูแลผลประโยชน์ในส่วนของฝรั่งเศส คือ บารอนเนส ฟีลิปปีนส์ ธิดาหัวแก้วหัวแหวนของท่านบารอนนั่นเอง (เพราะตอนนั้นท่านบารอนก็อายุมากแล้ว.. สุขภาพก็ไม่ค่อยดี) งานก่อสร้างโรงผลิตไวน์ได้เริ่มต้นอย่างรีบด่วน.. ถังโอ๊คอย่างดีของฝรั่งเศสได้ถูกส่งมาลูกแล้วลูกเล่า หวังที่จะผลิตไวน์โอปัส วันออกมาด้วยองุ่นของมอนดาวีให้ทันกับการเก็บของปี 1979 (เพราะดันไปซื้อเบอร์โทรศัพท์เลขสวยไว้แล้ว คือ 963-1979) ไวน์งานนี้แทบไม่ต้องโฆษณาขายเลย เพราะดังระเบิด มาตั้งแต่มีข่าวแว่วๆของการร่วมมือของสองค่ายยักษ์ใหญ่ นี้แล้ว..คนจองสั่งซื้อหมดตั้งแต่องุ่นยังไม่ทันออกเป็นช่อ วินเทจของปี 1979 พร้อมกับ 1980 นั้นได้ออกมาขายสู่ตลาดเมื่อปี 1984 ด้วยราคาขวดละ $50.00 การก่อสร้างได้ดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งการ เกษตรองุ่น ที่ไร่โอปัส วัน ต้องสามารถเพาะปลูกองุ่นให้เติบโตเพื่อมาทำไวน์เองได้ บารอนเนสได้เข้ามาดูแลการผลิตอย่างแข็งขัน สมดังที่พ่อได้ไว้ใจ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่ท่านบารอนไม่ได้อยู่ดู ความสำเร็จ เพราะ มาเสียชีวิตในปี 1988 ความจริง..ถ้าท่านบารอนยังมีชีวิตอยู่ก็อาจอยากตายไปก่อนก็ได้ เพราะว่าไร่โอปัส วัน ได้พบกับอุปสรรคมากมาย ที่ใหญ่หลวงก็มีถึง สองครั้ง สองครา.. และถ้ากระเป๋าไม่หนักจริงๆ ละก้อ เจ๊งงงงงไปนานแล้ว... จากคุณ : WIWANDA - [ 26 พ.ค. 49 14:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อุปสรรคอันแรกคือ..การสร้างโรงผลิตและเก็บไวน์นั้น ได้มีการทำชั้นใต้ดินลงไป เพื่อในการที่จะเก็บรักษาไวน์ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เย็นเหมาะสม แต่พอสร้างเสร็จ วิศวกรเพิ่งมาสำรวจพบว่า.. อาคารทั้งหลัง พร้อมชั้นใต้ดินนั้น ได้ปลูกสร้างอยู่บน"ตาน้ำใหญ่" แถมใกล้กับธารน้ำพุใต้ดินที่มีความร้อนถึง 72 ดีกรี ดังนั้น การแก้ใขก็ต้องรีบกระทำอย่างเป็นการด่วน.. อีกทั้งต้องเพิ่มเครื่องทำความเย็นขนาดรอบทิศให้กับที่เก็บ ไวน์ งบประมาณที่กะไว้สิบล้านเหรียญก็บานปลายไปราวกับพลุแตก ต่อมา..ในขณะที่องุ่นกำลังโตได้ที่ พร้อมที่จะทำไวน์ด้วยองุ่นของตัวเอง ในปี 1990 ก็ปรากฏว่า.. โรคห่าองุ่นได้ลงสู่คาลิฟอร์เนีย..องุ่นใน 75 เอเคอร์ของ โอปัส วัน กำลังถูกโรคระบาด ที่ต้องเลาะทิ้งทั้งหมด.. ต้องมาปรับพื้นดินใหม่..ปลูกใหม่.. ตลอดเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา โอปัส วันได้ยังคงใช้องุ่นของมอนดาวีมาโดยตลอด เพิ่งจะมาใช้ของตัวเองเพียงสองปีมานี้เอง.. งบประมาณไม่ต้องพูดถึง..หมดไปห้าสิบล้านได้มัง.. แต่ก็ต้องขอบอกว่า..ไร่โอปัส วันนั้น ข้างในเลิศหรูอลังการ งดงามนัก เครื่องเรือนและเฟอร์นิเจอร์ของเก่างามๆจากฝรั่งเศสส่งมาจัดแต่ง ให้สมฐานะมหาเศรษฐีสร้าง เมื่อปี 1979 ที่ผลิตไวน์ออกมาครั้งแรกนั้น มีเพียง 12,000 ลัง ตอนนี้ก็ประมาณว่า 30,000 กว่าลัง เป็นไวน์สไตล์บอร์คโดซ์แท้ๆ ที่มีส่วนผสมผสานของ องุ่น cab/sau กับ merlot และ cab/franc และมันได้ถูกส่งออกไปขายยังทั่วโลก..ตามความเรียกร้องของผู้บริโภค แต่..ในฝรั่งเศส Opus One กลับเป็นไวน์ที่ไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนเห็นเป็นเรื่องตลก.. ชาวปารีเชียง (อย่างญาติของสามี) ทำท่าเบ้ปาก กลอกหูกลอกตาประหลับประเหลือก บอกว่า "วุ๊ย..ไวน์ลูกผสม (เขาหมายถึงลูกผู้ดีกับลูกแจ๋ว) อย่างนี้ ไม่กินให้เสียความรู้สึกหรอกย่ะ.." จากคุณ : WIWANDA - [ 26 พ.ค. 49 14:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ทางเข้า ไร่ (แทนคุณ sofa boy ไปก่อน) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 26 พ.ค. 49 16:12:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เพิ่งหลุดเข้ามาในกระทู้นี้...ตามอ่านเสียหลายชั่วโมง...ยิ่งอ่านยิ่งสนุก...ขอเกาะท้ายไปด้วยคนครับ.. จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 26 พ.ค. 49 23:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอชี้แจง.. "มิเชลได้นำมาใช้กับหลายไร่ที่เขาเป็นที่ปรึกษาอยู่ (ก็นับเป็นร้อยไร่แหละ รวมทั้ง Harlan ของโปรดของคุณวิโรจด้วย)" มีบาปจะเล่าให้ฟัง... คือว่า เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมได้ไวน์มาล๊อตหนึ่ง แต่ว่ามีอยู่ขวดหนึ่งเป็นนาปาปี 1991 เพื่อนมันยัดรวมมากับไวน์อีกหลายตัว ...แล้วผมก็ไม่รู้จักมันเลย ...จนมีอยู่วันหนึ่งเหลือบไปเห็น เออ...ฉลากสวยดีว่ะ มันอะไรกันหว่า เลยเปิดดื่มสองคนกับแฟนที่บ้าน ...ดื่มเสร็จ ตกใจ รีบโทรไปหาเพื่อน "เฮ้ย...มลึง แมล่ง...ไวน์อะไรว่ะ อาหร่อยอิ๊บอ๋าย" เพื่อนมันย้อนถามหน้าตาฉลากว่าเป็นไง "ฉลากกลมๆ รี สี เทาๆ ข้างในเป็นรูปนางฟ้า" "เฮ้ย ! นั่นมัน...ห่าลั่น...นะว๊อย" "แล้วไง" ก็ยอมรับครับว่า จากนั้นก็เก็บ Harlan ไว้เรื่อยมา จนรุ่นล่าสุดหยุดที่ปี 1999 ...ที่เลิกเพราะวินเทจ 2000 ในเมืองไทยขายตั้งสี่หมื่น... ...มันจะมากเกินไปแล้ว อีตามิเชล (ล่าสุดได้ดื่ม Bond 2001, St. Eden.....ก็อร่อยแบบน่าเบื่อจริงๆ) จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 พ.ค. 49 09:56:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ...ไอ้ Bond ทั้งสามตัวที่ว่า...ทั้ง St. Eden, Vecina และ Melbury มันต่างกันอย่างไรขอรับ...ดูฉลากแล้ว เห็นต่างกันแต่ชื่อ กับปุ่มกลมสีส้ม ชมพู เขียว แค่นั้น...อยากรู้ อยากรู้.. จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ (ปีบ เมืองกาญจน์) - [ 27 พ.ค. 49 10:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ๊ย ... โดนแซว อ่านไปอมยิ้มไป ตึก opus one ออกแบบโดย สถาปนิก Scott Johnson จาก Johnson, Fain & Pereira (ภาพจาก cepdivin.org ) จากคุณ : sofatboy - [ 27 พ.ค. 49 10:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ดูรูปบรรยากาศได้ที่ ... (เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ดูรูปได้ครับ) http://yhoni.hp.infoseek.co.jp/NapaWinery/OpusONE.html http://yhoni.hp.infoseek.co.jp/NapaWinery/OpusONE-1.html จากคุณ : sofatboy - [ 27 พ.ค. 49 10:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไวน์พวกนี้เขาจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ปลูกองุ่น อย่าง Melbury ที่ผลิตออกมาในปี 1999 เพียง 225 ลังนั้น มาจากพื้นที่ปลูกองุ่นทาง Lake Hennessy ชื่อว่าไร่ Melbury อยู่ทางด้านตะวันตกของนาปา และที่สำคัญคืออยู่ติดกับไร่ Bryant Family ซะด้วย พวกนี้คือ cult wines (ตัวแรกอ่านออกเสียงสั้นๆ =โค้ลท์ ไวน์) ที่จะเล่าในทีหลังเมื่อถึงเวลา แต่เอาซะหน่อยก็ดีจะได้เข้าใจไว้เป็นพื้นฐาน หมายถึงเป็นการทำไวน์ที่ประดิษฐ์ประดอยสุดชีวิต Cult มาจากคำว่า Cultivate นับตั้งแต่พื้นที่ที่จะปลูกก็ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญมาทำการวิจัยว่าจะต้องใช้เทคนิคการบ่มหมักดินขนาดไหน นานเท่าใด รวมทั้งเรื่องการใช้ปุ๋ยที่ต้องเน้นหนักไปตามปุ๋ยธรรมชาติ ตรงนี้คือที่มาในเนื้องานของมิเชล ตามมาด้วยการใช้องุ่นที่ต้อง clone มาจากของดีเด็ดดัง หมายถึง นักเกษตรองุ่นจะทำสถิติมาว่า องุ่นต้นไหนออกลูกและทำไวน์ได้อร่อยที่สุด (ซึ่งในไร่นึงอาจจะมีไม่กี่ต้น) เขาก็จะนำพันธุ์นั้นไปทำ clonal selection หรือเรียกง่ายๆว่า ก๊อปออกมาด้วยเทคโนโลยีใหม่ และนำมาทดลองปลูกจนเป็นที่พอใจ การทำ cult wines นั้น เขาจะทำกันน้อยๆแค่ในพื้นที่หกหรือเจ็ดเอเคอร์เท่านั้น เพื่อจะได้ดูแลองุ่นทุกเมล็ดได้ทั่วถึง ต้นทุนสูงมาก ในการปลูกนั้น เขาจะกดดันองุ่นให้อยู่อย่างลำบาก เพื่อให้หยั่งรากลงไปในพื้นดินให้มากที่สุด โดยการให้น้ำน้อยๆ ผลองุ่นจะได้ออกมาเล็กๆเท่ากับขนาดมะเขือพวง เพราะยิ่งเล็กก็ยิ่งเข้มข้น เขาไม่ต้องการให้องุ่นโตตึง จนเปลือกขยายอย่างกับองุ่นที่เราซื้อมาทาน องุ่นอย่างนั้นไม่มีคุณภาพในการทำไวน์ แค่นี้ก่อนนะ..เรื่องการทำไวน์พวกนี้ค่อยเล่าในทีหลัง.. นี่คือที่มาของราคามหาโหด แต่รสชาติของโค้ลท์ ไวน์ เข้มข้น กลิ่นหอมหนาหนักด้วยโอ๊คนั้น คือ รสชาติสุดโปรดที่บ๊อบต้องการ ดังนั้น ไวน์พวกนี้จึงได้คะแนนกันเกือบหรือเต็มร้อยเป็นแถวๆ ส่วน Vacina คือไร่ที่อยู่ทาง Oakville นาปาเหมือนกัน ไร่ St.Eden นั้น ออกมาทีหลัง เมื่อปี 2001 อยู่ในพื้นที่ทาง Silverado Trail, Napa ทั้งหมดนี้ คือ ไร่องุ่นในเครือของ Harlan ทั้งหมด ..โดยใช้ชื่อว่า Bond ซึ่งมี มิเชล โรลลานด์ เป็นที่ปรึกษาในการผลิต Cult Wines ทั้งหมดอยู่ในนาปา ตามรายชื่อเหล่านี้.. Araujo Estate Eisele Vineyard Bryant Family Vineyard Colgin Cellars Herb Lamb Vineyard Dalla Valle Vineyards Maya Grace Family Vineyards Harlan Estate Screaming Eagle Winery & Vineyards Shafer Vineyards Hillside รวมว่ามีอยู่แปด..แต่กำลังจะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตอนนี้มีมาอีกหนึ่ง คือ Sloan ที่บ๊อบเพิ่งให้คะแนน 100 เต็ม..(เอิ๊ก..) ตามภาพ.. หมายเหตุ..ที่ไม่อยากเล่ามากนัก เพราะราคาของมันเกินกว่าที่มนุษย์ในโลกที่สามจะหามากินได้ หรืออาจจะรวยก็เถอะ การหาซื้อนั้นยากหนักหนา เพราะเขาผลิตกันมาเป็นจำนวนไม่กี่ร้อยลังเท่านั้น..แค่จะขายให้กับสมาชิกที่คอยก็ ยังไม่พอเลย.. ขนาด Grace Family Vineyards (cult wine รายแรก)นาย Dick Grace เจ้าของเองยังไม่กล้าเปิดกิน...บอกว่า เสียดาย อีตานี่ถนัดเรื่องการทำบุญทำกุศล แกชอบบริจาคให้เอาไปประมูลสร้างโบสถ์ เพราะประมูลกันทีตกขวดละสองสามพันเหรียญแน่ะ เอารูป Sloan ไปดูก่อน จากคุณ : WIWANDA - [ 27 พ.ค. 49 12:27:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีคุณ ปีบ เมืองกาญจน์ และขอต้อนรับเข้ากระทู้ในฐานะน้องใหม่เอี่ยมค่ะ.. มีกฏอยู่ข้อหนึ่งที่ต้องถือปฏิบัติอย่างเหนียวแน่นนะคะ.. คือเข้ามาแล้ว..ออกไม่ได้ ไม่งั้นอาจ"มีงอน" จากคุณ : WIWANDA - [ 27 พ.ค. 49 13:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ว่าไวน์จะแพงเท่าไร ญี่ปุ่นซื้อได้หมดจริงๆ ภาพจากเว็บขายไวน์ของญี่ปุ่น (rukuten.co.jp) จากคุณ :sofatboy - [ 27 พ.ค. 49 14:31:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ... จากคุณ :sofatboy - [ 27 พ.ค. 49 14:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ...คุณวิวันดา (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า)..ขอบคุณอย่างแรงสำหรับข้อมูลของ Bond แล้วแถม Cult Wine อีกต่างหาก...ไอ้ผมมันขี้สงสัย...พวกนี้ใช้องุ่นพันธุ์อะไรทำครับ.. ...สำหรับกฏที่ต้องปฏิบัติอย่างเหนียวแน่น...ขอยืนยันว่าจะทำอย่างแข็งขัน...ครับผม จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 27 พ.ค. 49 16:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ตื่นเช้ามา..(เอ..ก็ไม่เช้านะ เก้าโมงแล้ว) สังหรณ์ใจว่าต้องมีคนถามเรื่ององุ่น เลยแวะเข้ามาดูกระทู้ แม๊..ซื้อหวยไม่ยักกะถูก คุณปีบ..ถามมาจริงๆ คืองี้ค่ะ Harlan ต้องการจะสร้างไวน์ Bond ขึ้นมาในฐานะ ไวน์ลูกหลาน มิใช่ว่าจะมาแข่งรัศมีกับไวน์หลัก ซึ่งเป็นหนึ่งใน cult wines อยู่แล้ว (ไปดูรูปในกระทู้เก่าๆได้) อีกทั้ง บอนด์ยังใหม่มาก เพิ่งถือกำเนิดมาไม่นานนี้เอง (บอนด์กำลังจะมีเพิ่มมาอีกสามไร่ในอนาคต) ดังนั้น เขาจึงต้องชัดเจนในเรื่องนี้ เริ่มจากชื่อ..ที่ต้องไม่เหมือนกัน สอง..พันธุ์องุ่น นั้น ไม่ว่าใครจะไปพูดหรือโฆษณาว่าจะมันเป็นอะไรก็ตาม (เพราะในเว็บขายไวน์บางเวบ บอกว่าเป็น cab/sau) แต่ที่แน่ๆคือ ต้องว่ากันตามกฏหมายของอเมริกา กล่าวคือ ชื่อองุ่น ถ้าเจาะจงลงไปว่า เป็นไวน์ cab/sau หรือ merlot หรือ zinfandel ก็ตาม ไวน์นั้นๆจะต้องใช้องุ่นที่แจ้งหน้าฉลากไม่ต่ำกว่า 75 % ถ้าไม่ใช่..ต้องใช้คำว่า Red Wine ได้แค่นั้น.. หมายถึง การที่ผู้ผลิตได้นำไวน์ที่มาจากองุ่นหลายชนิด มาผสมกัน แต่ในเชิงโฆษณา(ขาย) นั้น คุณอาจสับสน เพราะในการขาย..ขืนใช้คำว่า ไวน์แดงซื่อๆ มันก็จะดูเป็นไวน์ราคาถูก เขาจึงเลี่ยงมาใช้ให้ฟังดูดี เช่น.. Cabernet Blend (หมายถึง คาแบร์เนต์และเหล่าลูกผสมสารพัด)มั่ง..Meritage (หมายถึงเอามารวมๆกัน)มั่ง หรือจะให้ดูมีความตั้งใจหน่อย เขาก็จะใช้คำว่า.. Proprietary Blend แต่ Harlan ได้ใช้คำคำนี้ไปแล้ว กับไวน์อีกตัวหนึ่งของเขา ที่ยังไม่มีใครพูดถึง เพราะไม่ค่อยภูมิใจเท่าไหร่ เนื่องจาก บ๊อบให้คะแนนต่ำไปนิด(89-90) นั่นคือ Harlan Estate The Maiden Proprietary Blend ST ตามภาพค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 พ.ค. 49 23:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 หลังจากที่ถอดกระดาษออกแล้ว..หน้าตาเป็นแบบนี้ จากคุณ : WIWANDA - [ 27 พ.ค. 49 23:29:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 พี่วิ...และสหาย ...สืบจากที่เล่าว่ามีโอกาสลอง ...Harlan Estate 1991 ในบาปครั้งแรกเมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว ...Harlan Estate 1992 เมื่อเจ็ดปีก่อน ...Harlan Estate 1998 เมื่อเดือนเก้า...ปลายปีที่แล้ว ...The Maiden 2000 เมื่อปลายปี...ด้วยอภินันท์จากคนการบินไทย ...Bond 2001, St. Eden เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ...เมื่อเอา Tasting Notes ทั้งห้ามาอ่านดู ...ในต่างกรรมต่างวาระนั้น มันบอกว่า...แทบจะเป็นไวน์ตัวเดียวกัน ...ทุกคำตอบ มันซ่อนอยู่ใน...Mondovino ทั้งหมด จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 พ.ค. 49 08:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นี่ไงล่ะ..คุณวิโรจ ที่พี่ต้องขอบอกว่าจะเล่าให้ฟังทีหลัง ตั้งแต่กระทู้แรกๆ ความจริงเบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องนี้นั้น เราทราบกันมานานแล้ว แต่ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟังที่ไหน ตั้งต้นไม่ถูก คนที่สร้างหนังเรื่อง Mondovino มันทนไม่ไหวจริงๆ เลยสร้างออกมาแบบหนังอินดี้ โดยใช้กล้องวีดีโอธรรมดาๆนี่แหละ ฉายเอาตังส์ได้กับพวกเราเท่านั้น คนอื่นดู ก็อาจไม่เข้าใจ และพาลไม่รู้เรื่อง(ขออภัย..มิได้ดูแคลนนะคะ แต่ มันเป็นภาพยนตร์เฉพาะกิจของคนทำไวน์และคนที่ติดตาม เรื่องของไวน์จริงๆ) Cult Wines แทบทุกตัวได้ลองมาหมดเช่นกัน เพราะที่สมาคมผู้ค้าไวน์จัดการประชุมชิมบ่อยๆ (ทุกคืนวันอังคาร หกโมงเย็น ถึง สามทุ่ม) ยกเว้น Grace Family Vineyards และ Screaming Eagle ยังไม่เคยลอง ในความรู้สึกคือ ดื่มฟรีๆก็โอเค แต่ถ้าต้องซื้อ(ในราคาที่ปิดไว้แบบมหาโหด)..ไม่เอา..ไม่สน !! Cult Wine บางไร่(และที่จะกำลังจะเกิดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด) เป็นนอมินี่ของธนาคารค่ะ ที่ถือกรรมสิทธิ์พื้นที่ไร่ไวน์ที่หลุดจำนองหลายๆไร่ เอามาปั่นราคา โดยการจ้างทีมงานหน้าม้า อันกอร์ปไปด้วยนักบริหารอาวุโส (ในสายของการผลิตไวน์) ต้องหาไวน์เมธีดังๆ และ บังคับด้วยว่า..ต้องใช้ Rolland's method รวมทั้งต้องได้ตัวมิเชลมาเป็นกุนซือด้วย.. แบ้งค์ยอมทุ่มทุนไม่อั้น..เพราะ มิเชลมา บ๊อบก็มา.. และคนอย่างมิเชล..ซื้อได้ด้วยเงิน.. ดูตัวอย่างของกรณีไร่ Screaming Eagle ที่พอดังแล้ว.. ขายเลยด้วยราคาที่มหาศาลราวกับปูด้วยทองคำ มากกว่าราคาจริงเกือบร้อยเท่า.. ฉะนั้น ถ้ารักที่จะเป็น wine enthusiast ต้องมีสติ.. อย่ายอมให้ถูกหลอกด้วยแรงโฆษณาทั้งทางตรงหรือทางอ้อม จากคุณ : WIWANDA - [ 28 พ.ค. 49 12:08:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 พี่วิ และ สหาย ...เชื่อหรือไม่ว่า Yacochuya ของ Argentina ที่ใช้องุ่น Malbec มันยังเหมือนกับ...ห่าลั่น...เลย (เห็นลายเซ็นต์นั่นม่ะ) จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 พ.ค. 49 13:35:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 "ตามกฏหมายของอเมริกา กล่าวคือ ชื่อองุ่น ถ้าเจาะจงลงไปว่า เป็นไวน์ cab/sau หรือ merlot หรือ zinfandel ก็ตาม ไวน์นั้นๆจะต้องใช้องุ่นที่แจ้งหน้าฉลากไม่ต่ำกว่า 75 % ถ้าไม่ใช่..ต้องใช้คำว่า Red Wine ได้แค่นั้น.." ขอขยายข้อความของพี่วิ ด้วยภาพของ Insignia ครับ ไวน์นี้ถ้าเรียกให้เป๊ะ ต้องเรียกไวน์ประเภทนี้ว่าเป็น Meritage คือมีสัดส่วนผสมขององุ่นด้วย Concept แบบ Bordeaux คือมีหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งไม่มีองุ่นสายพันธุ์หลักเกิน 75% อย่างที่พี่วิว่าไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็ยอมให้ตราหน้าว่าเป็นเพียง Red Wine ธรรมดา เพียงเพื่อให้ชาวโลกรู้ว่านี่คือ ไวน์บอร์ฆโดแห่งนาปา หมายเหตุ แต่แม้ Insignia 2002 ขวดนี้จะ Blend ด้วย Cabernet ถึง 78% Merlot 14 % , Petit Verdot 7 % และ Malbec อีก 1 % เขาก็เต็มใจที่จะเป็นเพียง Red Wine เพื่อให้รู้ว่าไผเป็นไผ ให้ได้อย่างนี้สิ....ขอเชิญชวนทุกท่านปรบมือให้ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 พ.ค. 49 21:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พี่วิครับ ขออนุญาตตอบคุณพ่อหมีฯ หน่อยนึงครับ "คุณวิโรจ ครับ Monsoon Valley, Colombard นี่ เจ๋ง กว่า Chenin Blanc ของ กรานมอนเต้ อีกหรือครับ หรือว่า กรานมอนเต้ได้ไวน์แดง ไปแล้ว" การตัดสินไวน์ที่จะส่งไปประกวดที่ประเทศเวียดนามที่เล่าให้ฟังนั้น เป็นการทดสอบชิมแบบ Blind Tasting โดยมีคณะกรรมการรวมทั้งสิ้น 5 ท่าน (รวมทั้งผมด้วย) ไวน์ทุกขวดถูกห่อหุ้มมิดชิด กรรมการทุกท่านไม่มีโอกาสได้สัมผัส ไวน์ขาวถูกเสริฟก่อนจนครบห้าตัว แล้วจึงตามด้วยไวน์แดง และทุกขวดเป็นไวน์ไทยทั้งสิ้น โดยมีคณะกรรมการจัดการอีกชุดคอยควบคุมครับ หลังจากที่การชิมทดสอบจบลง ใบคะแนนถูกรวบรวมและทำการเฉลี่ยค่าจากกรรมการทั้งห้า หลังจากนั้นจึงเปิดเผยไวน์ทั้งหมด เผยโฉมออกมา ไวน์ขาวจาก Siam Winery คือ Monsoon, Colombard ชนะขาดลอย (ซึ่งผมก็ให้คะแนนไวน์ตัวนี้ดีที่สุด) รองลงมาถ้าจำไม่ผิดคือ GranMonte ครับ (และผมก็ให้ไวน์ขาวจาก GranMonte เป็นที่สองเหมือนกันครับ) ส่วนไวน์แดงที่ชนะคือ GranMonte 2003, Primavera, Shiraz 2003 (ซึ่งผมให้เป็นลำดับสองรองจาก PB Winery นิดเดียว) การคัดเลือกดังกล่าวจึงไม่อยู่ภายใต้การคำนึงถึงปัญหาแทรกซ้อนหรือเกรงคำครหาอย่างที่ถามเลย จากคุณ :วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 พ.ค. 49 22:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 "ไวน์ขาวจาก Siam Winery คือ Monsoon, Colombard ชนะขาดลอย (ซึ่งผมก็ให้คะแนนไวน์ตัวนี้ดีที่สุด)" โอว..ไม่ลองไม่ได้แล้วครับ Colombard (ไม่ทราบว่า ใช่ 2005 หรือเปล่าครับ) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 28 พ.ค. 49 22:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คุณพ่อหมี... "Monsoon, Colombard ชนะขาดลอย" มิได้หมายความว่า แต้มขาดนะครับ...เพียงแค่ชนะแบบเป็นเอกฉันท์ ก่อนลอง ได้โปรดนึกเสมอนะครับว่า....นี่คือไวน์ไทย หมายเหตุ ...สมมุติฐานในการชิมทดสอบทั้งไวน์แดงและขาวของผมคือ...ความพร้อมดื่ม จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 29 พ.ค. 49 07:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาตแทรกนอกเรื่องหน่อยครับ พี่วิฯ ผมมีเรื่องขอร้องให้ช่วยนิ๊ดนึง ฝากพี่เปิดหลังไมค์ด้วยนะครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 29 พ.ค. 49 10:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แหม..แสดงความอยากกินออกนอกหน้าเกิน ขอบคุณคุณวิโรจ ครับ คือผมมี GranMonte chenin blanc อยู่ในตู้(เย็น) กำลังบังคับแกมขู่เพื่อนให้ หา Colombard มาลองกัน ครับ เห็นรูป Insignia แล้วนึกถึงความหลัง... . . เปล่าครับ ไม่ได้ดื่มครับ ขนครับ โหลครึ่ง ในเป้1ใบ หลังแอ่น จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 29 พ.ค. 49 11:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 35 …อ่านกระทู้นี้ เห็นพูดถึง Ch. De la Negly – La Falaise กันหลายครั้ง...กลัวตกขบวน จึงต้องขวนขวาย แล้วก็หามาจนได้....เป็นปี 2003....เมื่อคืนฤกษ์งามยามดีที่จะเสพสม...เปิดไวน์รอครึ่งชั่วโมง....ผัดสปาเก็ตตี้ปลาเค็ม พริกแห้ง ใส่ใบโหระพา โรยพาร์เมซานบางๆ...แล้วเข้าประจำที่ ....ไวน์เข้มสมใจ กลิ่นรากต้นไม้ใหญ่ปนไอทะเลของหมู่บ้านประมง...เนื้อแน่น รสหนัก...เอาคาวกลิ่นปลาเค็มและเผ็ดของพริกแห้ง ได้อยู่หมัด....ส่งให้สปาเก็ตตี้จานนี้สมบูรณ์แบบ...ยิ่งกินยิ่งดื่ม รสก็ยิ่งเข้มข้น ....ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง...สปาเก็ตตี้หมดแล้ว ไวน์ยังเหลือสองแก้ว....ที่บอกว่ารสยิ่งเข้มข้น...ตอนปลายกลับเข้มข้นมากกว่า ทั้งหนักหน่วงและรุนแรง....เข้าปากแล้วรู้สึกโหยขึ้นมาทันที แม้ว่าสปาเก็ตตี้ยังอยู่เต็มท้อง....ต้องหั่นพาร์เมซานมากลั้วคอ....จบแก้วสุดท้ายอย่างสมอยาก... แต่มีคำถามคาใจ ....ทำไมไวน์ตัวนี้ ยิ่งเปิดนานยิ่งเข้มข้น...ต่างจากไวน์ตัวอื่นที่เวลาจะช่วยให้เนียนและนุ่มขึ้น...จะว่าแอดซิดิตี้แผ่วปลายก็ไม่ใช่...สงสัย สงสัย ...ใครเอ่ย...จะไขปัญหาทางเทคนิค ให้หายข้องใจได้ครับ..... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 29 พ.ค. 49 14:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ สปาเกตตี้ ต้องอร่อยแน่ๆ เลย ฮือๆ ทำไม กับแกล้มไวน์ คืนนี้ ของพวกผม ถึงมีแต่ หมูยอ ฟระ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 29 พ.ค. 49 22:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตามที่คุณปีบถามถึง เรื่องไวน์ Ch. De la Negly – La Falaise นั้น..ถ้าเกิดสงสัยอย่างนี้ขึ้นมา ลองพลิกดูที่ฉลากค่ะ ว่ามีส่วนผสมขององุ่นอะไรบ้าง..คุณจะพบว่า ดังนี้..A blend of 60% Syrah, 30% Grenache, and 10% Mourvedre หมายถึงองุ่นไซราห์ (อ่านเป็นซายราห์) มีเป็นจำนวนมากสุด คือ 60 % ที่เหลือคือองุ่นรอง เนื้ออ่อน ไวน์ของมณฑล Languedoc นั้น..ในอดีตกาลคือท้องถิ่นที่ปลูกองุ่นได้มากที่สุด แต่เป็นทำไวน์ที่ด้อยคุณภาพ เป็นเพราะว่า ในยามนั้น ดีมานด์ในเรื่องไวน์ยังมีไม่มาก จึงไม่มีใครสนใจพัฒนา ปล่อยให้เป็นการทำไวน์หล่อเลี้ยงให้กับชาวไร่ชาวนาไป แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปแล้วค่ะ..ทั้งการช่วยเหลือจากรัฐบาลและการสนับสนุนจากภาคเอกชนทุกมุมโลกที่แห่กันไปลงทุน (กำลังจะเล่าให้ฟังต่อไป) Languedoc คือพื้นที่อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสใกล้กับ ทะเลเมดิเตอเรเนียน อากาศร้อนถึง 100 องศาในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งบอร์คโดซ์ก็พลอยได้รับอานิสงค์จากกระแสลมร้อนของแลงเกอดอคไปช่วยในการบ่มองุ่น องุ่นที่นี่จึงงอกงามเจริญพันธุ์ออกไปหลายชนิด ว่ากันว่า มีถึง พันกว่า.. ดังนั้น ในปัจจุบัน ชาวกสิกรองุ่นของแลงเกอดอค ได้รับการศึกษาและเงินทุนในการพัฒนาสายพันธุ์ ของเก่าที่ไม่ได้ความจึงถูกเลาะออกไปหมด เพราะในปี 1979 รัฐบาลได้ขู่ว่า ถ้าลองปลูกกันแบบกระเจิดกระเจิงอย่างเมื่อก่อน จะไม่ยกระดับให้เป็น Vin de Pays (หรือ AOC du Lanquedoc) ให้ กฏหมายได้ออกบังคับมาว่า องุ่นจะต้องตัดแต่งเป็น low yield ประมาณว่า 3 ตันต่อ h/a แต่จะผสมอะไร ยังไงก็ได้ตามสะดวก นี่คือสาเหตุที่ไวน์ของ แลงเกอดอค-รูซิลยอน ในระยะหลังๆจึงออกมามีสีสันและรสชาติที่เข้มข้น ชัดเจนกว่าแต่ก่อน อีกทั้งเป็นเพราะเทคนิคใหม่ๆของ New World ที่ได้รับจากออสเตรเลียด้วย เมื่อไวน์ที่คุณปีบได้ดื่มไปแล้ว ตั้งสองชั่วโมงเกิดเข้มข้นขึ้นกว่าเก่า ไม่ใช่เพราะเทคนิคอะไรหรอกค่ะ เป็นเรื่องของวิทยาศาสตร์เคมีธรรมดาๆที่ว่าด้วยเรื่องของการระเหิด ระเหยหายไปขององุ่นตัวรองๆ เช่น..Grenache และ Mourvedre ซึ่งมีแทนนินส์ที่แสนน้อยนิด มันไม่อยู่คอยแล้วค่ะ สองชั่วโมงที่ว่านั้น..มันหายไปเกือบหมดแล้ว เหลือไว้แต่..Syrah ที่หนาหนักค้างเติ่ง.. ให้คุณได้ดื่มด่ำจนประทับใจมาถึงบัดนี้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 30 พ.ค. 49 08:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอกบัตรค่ะ อ่านรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง แต่ก็ตามมาอ่านตลอดค่ะ จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 30 พ.ค. 49 09:49:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โห... พี่วิฯ ครับ... "เข้ามาแล้ว..ออกไม่ได้..." เหมือน Hotel California เลย "You can check-out anytime you like, but you can never leave." จากคุณ : ha ha yee - [ 30 พ.ค. 49 10:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 . อะแห้ม คุณหมอ คคห 39 นี่ท่าจะไปนั่งเป็นทาร์ซานโห่ชายรักลูกวันนั้นที่ Eagles มาเล่นที่อิมแผ็ค เมืองทองด้วยหรือเปล่าครับ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 30 พ.ค. 49 14:14:43 ]

ความคิดเห็นที่ 41 . พี่วิวันดาจ๊ะ น้องคิดว่าพี่จะส่งแผ่นแอบถ่ายนั้นมาทาง Pony Express ที่เราคุ้นเคยกันในสมัยก่อน เลยใจเย็น โดยไม่คาดว่าเดี๋ยวนี้เค้าใช้เวลาข้ามซีกโลกกันแค่ 5 วันก็ถึงเรียบร้อยแล้ว ขนาดน้องส่งไม้กอล์ฟจากหาดใหญ่ไปให้ลูกน้องเก่าที่จังหวัดระนอง ประเทศไทย ในวัน เวลาไล่เลียกัน ของยังไม่ถึงเลยจ้ะ แผ่นต้นฉบับทั้ง 3 อยู่ในสภาพปรกติ ทำงานได้โดยไม่ต้องไปถอดรหัสข้ามโลกให้ศาสนิกชนต้องออกมาประท้วงแต่อย่างใด ดารานำแสดงหน้าตาเข้าท่าทุกคน แต่ฟังพี่แกไม่ค่อยรู้เรื่อง เดี๋ยวกลับบ้านไปเปิดในเครื่องที่มี sub title แล้วอ่านเอาอีกที(มี sub title ไหมก็ไม่รู้) ... ดำเนินเรื่องดี ไม่มีเซ็นเซ่อร์เบลอๆแบบแผ่นญี่ปุ่นให้เสียอารมณ์ คราวนี้เหลือเพียงภารกิจที่พี่จะต้องมอบหมายแล้วว่า เป็นฉันใด แต่ก่อนอื่นน้องต้องรีบติดต่อเสี่ยฉลอง ซีดี เพื่อขอราคาเด็กไว้ล่วงหน้าเผื่อปริมาณที่จะใช้มากกว่าประมาณการ ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่เกินเลย อย่างไรก็ดี ขอวางกติกาตามแบบทั่วไป คือ 3-5 แผ่น ราคา ..... 5-10 แผ่น ราคา ..... 10 แผ่นขึ้นไป ราคา ..... ถ้ารับเป็นตัวแทนจำหน่ายจะลดให้เป็นพิเศษ กราบขอบคุณอย่างงาม 3 เทื่อจ้ะ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 30 พ.ค. 49 14:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 42 . คุณพี่ปีบ เมืองกาญจน์ครับ ขอยกย่องว่าพี่ "ปากเสีย" แบบที่พี่วิโรจ เตือนไว้ล่วงหน้าไปเรียบร้อย เพราะบ้านผมขนาดซดกัน 2 โหลแล้ว ยังไม่มีใครจินตนาการได้ถึงกลิ่นหอย กลิ่นทะเล ถึงหนักขนาดแถวหมู่บ้านประมงแบบพี่ปีบเลย สุดยอดจริง พี่วิโรจได้แนวร่วม ได้แฟน เพิ่มอีกแล้ว แล้วระวังนะครับ ถ้าติดตามพี่วิโรจ ได้ของดีจากพี่เค้าไปเรื่อยๆ พี่ปีบถ้าจะออกไม่ได้ แบบที่ผมติดหนึบต้องเข้ามาทุกเมื่อที่ว่าง แล้วก็ออกไปไหนไม่ได้ แบบที่พี่วิวันดา แบบพี่หมอฮาฮายี้ว่าแน่ "You can check-out anytime you like, but you can never leave." . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 30 พ.ค. 49 14:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 43 . พี่วิโรจครับ ไร่ที่ว่านั้น ผมก็เคยแวะไปใช้บริการหลังกลับจากเล่นกอล์ฟแถวเขาใหญ่ เพราะร้านอยู่ในเส้นทางลัดกลับเข้า กทม พอดี แต่ไม่ได้สุ่มหกสุ่มเจ็ดไปนะครับ ตั้งใจไปเชียวเพราะได้ยินชื่อเสียง ความตั้งใจของพี่เจ้าของเค้ามาแยะ เสียนิดเดียวที่ตอนนั้นยังไม่ได้รับอนุญาตจากคุณหมอพี่ชายให้จิบไวน์เป็นยารักษาอาการความดันทุรังต่ำ เลยพลาดไม่ได้ลิ้มรสไวน์ของเค้า แต่ก็ถ่ายรูปคู่กับแนวต้นองุ่นนั่นไว้เป็นที่ระลึกหลายโหล เพื่อเปรียบเทียบกับแนวต้นองุ่นที่เราก็ไปถ่ายรูปมาจากวินหยาจอะไรที่อยู่ทางลงไปซิดนี่ย์นั่นครับ ส่วนร้านอาหารของเค้าที่ไปชิมวันนั้น ถูกปาก ถูกใจมาก เพราะชอบอาหารแนวนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และได้โอกาสที่คุณพี่เจ้าของอยู่แถวนั้น เลยวิสาสะกันตามประสาคนช่างซัก ช่างถามตามอาชีพตัวเอง ได้อะไรติดมาเพื่อจะลืมไปอย่างรวดเร็วเยอะแยะเชียวครับ ไว้พี่วิวันดากลับมาจากบ้านนอกเมื่อไร เราค่อยนัดกันไปเล่นกอล์ฟแถวนั้น ขากลับแวะจิบ แวะเจี๊ยะ กันให้สมใจสักครั้ง แค่คิดก็มีความสุขตามประสาคนอยู่หัวเมืองไกลแล้วครับ เดี๋ยวนี้เจอเซียนไวน์ ผมมักถามเค้าว่า ทำไมโอปั๊สวัน ถึงชื่อ โอปั๊สวัน แล้วมันแปลว่าอะไร ... แหะ แหะ แผ่นดีวีดีของพี่วิวันดา ทำท่าจะขายได้เป็นเนื้อเป็นหนังก็คราวนี้แหละครับ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 30 พ.ค. 49 14:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 . อ้อ อีกนิดนะครับ เจ้า La Falaise นี่ อยู่บ้านผมเปิดแล้วไม่เคยอยู่ได้นาน 2 ชั่วโมงจน "องุ่นตัวรองๆ เช่น..Grenache และ Mourvedre ซึ่งมีแทนนินส์ที่แสนน้อยนิด มันไม่อยู่คอยแล้วค่ะ สองชั่วโมงที่ว่านั้น..มันหายไปเกือบหมดแล้ว" ที่บ้านผมเท 2 รอบก็หมดขวดแล้ว รอบแรกเรา "กันเปย" เหมือนลาดื่มน้ำซะด้วยสิ คราวต่อไปนัดกับนายหัวไว้แล้วที่ภูเก็ตคืนวันที่ 1 มิย. ... ไม่พบพานไม่แยกย้าย ไม่เมามายไม่เลิกรา... ไม่รู้ผิดวิธีการจิบไวน์ของชาวบ้านทั่วไปกันหรือเปล่า เป็นสามล้อถูกหวยนี่ วางตัวไม่ค่อยถูกครับ เห็นท่าจะต้องละเลียด ละเมียด ละไม เรียนรู้วิธีการจิบไวน์ที่ได้รสชาติแบบราชสำนักบ้างเสียแล้ว แต่ก็ยังมีความสุขกับรสชาติไวน์นะครับ จนเดี๋ยวนี้ลืมจินทอหนิคไปแล้ว . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 30 พ.ค. 49 15:18:07 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณชอบแช้งค์...ครับ พอดีผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้ใน Wine Tips เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เลยขอยกมาไว้ที่นี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์บ้างครับ ................. "เมื่อไวน์ได้หายใจ" ...นอกจากขนาดใบหูที่ยาวต่างกัน ดวงตาที่กลมโตไม่เท่ากัน ตลอดจนรูปหน้าคิ้วคางยาวยื่นไม่เหมือนกัน สิ่งที่มิอาจเห็นได้ชัดเจนจนกว่าจะรู้จักใกล้ชิดคือ ...ความคิดที่แตกต่าง ผมมีก๊วนไวน์เป็นของตัวเองแล้วครับ แต่ต่างคนก็มีหลักการห่างกันมากเลย แค่เรื่องเปิดไวน์ให้หายใจก็วุ่นแล้ว บางคนเปิดมาตั้งหกชั่วโมง อีกคนเปิดมาจากบ้านตั้งแต่เช้าฯ ส่วนผมก็มักมาเปิดต่อหน้าแล้วรอตามสมควร ถกเถียงกันมาตลอดเลยครับ ไม่รู้ว่าจะหาข้อยุติกันอย่างไร                          ปัญญา  / สะพานใหม่ ....ยินดีด้วยครับ ที่คุณหาก๊วนไวน์จนเจอ แต่ก็ขอเตือนว่า ปัญหาที่จะเจอภายภาคหน้าจากการมีก๊วนไวน์นั้น จะติดตามมาอีกมากมาย ...คุณต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจในความแตกต่างที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นคือธรรมชาติของมนุษย์ชาติในการรวมกลุ่ม ซึ่งมักเริ่มจากมาตรฐานความคิดและความเชื่อที่ต่างกัน ปัญหาของคุณไม่ยาก ค่อยๆ คิดตามนะครับ ...จากผลองุ่นที่ถูกปลิดหลุดจากต้น ถูกบีบโยนลงถังหมัก เติมยีสต์และปล่อยให้ย่อยสลายจนกลายเป็นน้ำผลไม้แปดเปื้อนแอลกอฮอล์ จากนั้นจึงบ่มรวมในถังโอ๊กไม่เห็นเดือนตะวันอีกเป็นปีสองปี แล้วจับขังเดี่ยวในขวดอย่างน้อยอีกหกเดือน กว่าจะปล่อยออกมาดูโลก คิดดูสิครับว่า มันถูกกดดันกดดันขนาดไหนที่ไม่ได้พบผู้คน พอโผล่หน้าออกมาดูโลกตอนเปิดขวด มันจะดูหูหนาตาเล่อปานใด ...ด้วยความฝาดเฝื่อนของแทนนินที่ได้จากเมล็ดและกิ่งก้าน ตลอดจนเคมีธรรมชาติระหว่างหมักไปจนถึงปฏิกิริยาต่อเนื่องระหว่างถูกบ่มในถังโอ๊ก สิ่งเหล่านี้เป็นเสมือนถุงเมือกที่ห่อหุ้มน้ำไวน์ไว้ไม่ให้เฉิดฉายโดยง่าย ...การปล่อยให้ไวน์ได้หายใจจึงเป็นเหมือนการปลดแอกสู่โลกกว้าง ความฝาดเฝื่อนจะลดน้อยลง ความกลมกล่อมจะแทรกเข้าแทนที่ ส่วนรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวก็จะเปิดเผยออกมา ...แล้วควรปล่อยให้ไวน์ได้หายใจกันแบบไหน ? ก็ลองใช้สูตรง่ายๆ เป็นภาพกว้างๆ อย่างนี้ก่อน ...สำหรับไวน์อายุยังน้อยและมีเนื้อบาง นัยว่าอายุไม่เกิน 5 ปี ควรให้เวลาหายใจสัก 15-20 นาที ...แต่หากเนื้อหนาหน่อย ก็อาจต้องเพิ่มเวลาให้อีกสักนิดตามความเหมาะสม ...โดยเอาอารมณ์ตนเองเป็นที่ตั้ง ...ส่วนไวน์มีอายุหรือพร้อมดื่มแล้ว เหมาเอาว่าอยู่ระหว่าง 8-15 ปี ก็เอาเวลาครึ่งชั่วโมงไว้เป็นมาตรฐานสูงสุด ถ้าเนื้อหนาหน่อยก็อาจเพิ่มเวลาได้ตามอัธยาศัย ...ส่วนกับไวน์เก่าแก่มากๆ เกิน 15 ขึ้นไป บางทีแค่สิบห้านาทีก็อาจเพียงพอ ถ้าเนื้อหนาหน่อยสักครึ่งชั่วโมงก็ได้แล้ว ...บางขวดถ้าเก่าจริงเป็นยี่สิบสามสิบปี เปิดพอหายใจได้สองฝืดก็ดื่มเลย...นี่สามารถทำได้ ...แต่เรื่องสำคัญที่คนทั่วไปมักเพิกเฉยคือ การปล่อยให้ไวน์หายใจนั้น จำเป็นต้องทำในอุณหภูมิที่เย็นเสมือนในเวลาดื่ม ตามมาตรฐานคือราว 20-25 องศาเซลเซียส ...ไม่ใช่ปล่อยให้หายใจในที่อุ่นๆ ร้อนๆ เพราะมันจะเกิดอาการคล้ายกับคนผิดอากาศ เดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน เกิดอาการเหงื่อไหลไคลย้อยไล่ไปจนถึงเหงื่อกาฬแตกซ่าน น้ำไวน์ที่ได้เสียสมดุลทั้งกลิ่นและรสชาติหมด ...คราวนี้มาว่าถึงเรื่องการเปิดไวน์ให้หายใจเป็นชั่วโมง บางคนเล่นเป็นครึ่งวัน บางทีเลยเถิดกันเป็นวันสองวันก็เคยได้ยิน ...วิธีคิดแบบนี้น่าจะมาจากกูรูไวน์ชาวอเมริกันชื่อ Robert Parker Jr. ที่มีอิทธิพลทางความคิดและได้รับความเชื่อถือจากผู้รักไวน์ทั่วโลก แต่เขาก็โดนวิจารณ์ว่า รักชอบแต่กับไวน์เนื้อแน่น-หนัก-หนาเท่านั้น คงด้วยเหตุที่เขาต้องทดสอบไวน์ใหม่ๆ ในแต่ละปีอยู่เป็นนิจนี้เอง ทำให้ต้องพบกับอุปสรรคที่บดบังความงามของไวน์ใหม่ๆ ...นั่นคือแทนนินอันหนาเตอะ โอ๊กที่จัดจ้าน และแอลกอฮอล์ที่สูงจัดจนผ่าวลิ้น ...เขาจึงเลือกใช้วิธีลดความร้อนแรงของสามสิ่งที่ว่านั้นด้วยการให้ไวน์หายใจอย่างยาวนาน ...วิธีการดังกล่าวกลายมาเป็นข้อโต้แย้ง เนื่องจากหลักการปล่อยไวน์ให้หายใจนั้น มีพื้นฐานเพื่อใช้กับไวน์ที่พร้อมดื่มแล้ว โดยมีช่วงระยะเวลาเหมาะสมกำหนดไว้ชัดเจนกับไวน์อายุต่างๆ ...แต่หลักของนาย Parker กลับมุ่งเน้นยืดเวลาหายใจให้ยาวนานกับไวน์ใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมดื่ม ...แล้วการปล่อยให้หายใจอย่างยาวนานนั้น ก่อเกิดผลดีหรือเสียอย่างไรบ้าง ? หนึ่ง-แอลกอฮอล์อันร้อนแรงระเหยออกมาจนเบาบาง สอง-แทนนินจะลดความกระด้างฝาดเฝื่อน สาม-โอ๊กจะแสดงตัวชัดเจนด้วยความนุ่มนวล และสี่-กลิ่นผลไม้ แอซิดิตี้ และความสดใสของเนื้อน้ำจะเปิดเผยขึ้น ...ในส่วนนี้ขอติงนิดหนึ่งว่า การเลือกใช้แนวทาง Parker นั้น ต้องระลึกเสมอว่า แทนนิน-แอลกอฮอล์- แอซิดิตี-โอ๊ก และความเป็นผลไม้ในไวน์แต่ละตัวนั้น มิได้มีระยะยืนนานคงทนเท่ากันนะครับ ...ตรงที่แทนนินนุ่มนวลลง แอลกอฮอล์อาจจะแผ่วเบา เมื่อโอ๊กสำแดงกลิ่นชัดเจน ความสดชื่นจากแอซิดิตี้อาจหดหาย ความเป็นผลไม้อาจเพิ่งจะตื่นหรือไม่แน่ว่าจะตายไปแล้วหรือยัง ...แล้วสิ่งที่คุณได้จากไวน์ตัวนั้นๆ เมื่อดื่มหลังสามชั่วโมงนั่นคืออะไร ? มันอาจเป็นอะไรที่ได้มาไม่ครบ ได้ไอ้โน่น ขาดไอ้นี่ ...นึกภาพมันเหมือนได้เห็นหนูน้อยวัยกระเตาะเดินเล่นในสวน แล้วจู่ๆ ก็ถูกแม่ลากเข้าบ้านไม่ให้ใครได้พบเห็นอีก พอโผล่มาอีกทีก็กลายเป็นสาวไปเสียแล้ว ...ครั้นพอเราเข้าไปพูดคุยด้วย ก็พบว่าหล่อนช่างสวยสง่าแต่พูดจาไม่รู้เรื่อง นึกภาพไม่ออกว่าก่อนที่จะมาเป็นสาว ...สิวแตกมากี่เม็ด ...นมแตกพานมาเมื่อไหร่ ...แม้จะเป็นไวน์ใหม่ที่ไม่พร้อมดื่ม แต่หากใช้วิธีปล่อยให้หายใจแบบดั้งเดิมเสมือนใช้กับไวน์ที่พร้อมดื่ม ด้วยเวลามาตรฐานเริ่มนับจากครึ่งชั่วโมง ในวินาทีต่อวินาทีนั้น ...คุณจะสามารถมองเห็นเด็กน้อยแปลงกลายเป็นสาวสวยทีละนิด เห็นการเติบใหญ่จนกลายเป็นสาวเต็มตัวในทุกฝีก้าว และยังสามารถสะกดรอยตามหล่อนไปเรื่อยๆ ว่า ...สาวใหญ่นางนี้จะมีจริตหรืออารมณ์แปรปรวนอย่างไร ...คิดดูเอาเองนะครับว่า อยากใช้แง่คิดไหน ...ปัญหาเรื่องการปล่อยไวน์ให้หายใจนี้ ยังสามารถปล่อยวางได้ครับ แค่ทำใจเป็นกลางและยอมรับความจริงว่า ...ทุกคนต่างพกพารสนิยมมาเป็นสินทรัพย์ส่วนตัว ...ความรู้ที่พกมาและความเชื่อที่ยึดถือนั้นล้วนเป็นเอกสิทธิ์ส่วนบุคคลทั้งสิ้น ....ของใครของมันครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 พ.ค. 49 15:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เอ้อ ขอเกาะขบวนไปด้วยได้ไหมครับเนี่ย เขาไปจนถึงทะเลแอตแลนติกกันแล้ว ผมยังไม่เห็นกระทั่งบางแสนเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 พ.ค. 49 17:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47 พี่วิครับ (ถือวิสาสะ เรียกเหมือนชาวบ้านเขานะครับ) ขอบคุณที่ไขปัญหาเรื่อง La Falaise ที่ยิ่งนานยิ่งเข้ม...ชอบจังกับ "...Grenache และ Mourvedre ซึ่งมีแทนนินส์ที่แสนน้อยนิด มันไม่อยู่คอยแล้วค่ะ สองชั่วโมงที่ว่านั้น..มันหายไปเกือบหมดแล้ว" ...Languedoc เป็นเขตที่น่าสนใจจริงๆ น่าจะมี Cult Wine เหมือน Napa ที่พี่เล่านะครับ....อยากรู้เพิ่มอีกแล้ว...โรคขี้สงสัยกำเริบ อ่ะ... คุณ ชอบแชงค์ ครับ ขอบคุณที่ยกย่องว่าผม "ปากเสีย"....แหม...ก็ลงทุนเรื่องนี้ไปเยอะแล้ว...ต้องมีอาการอย่างนี้บ้าง....เหมือนแหนมที่หมักได้ที่....แต่รับรองได้ว่ายังไงก็ไม่ได้หนึ่งในร้อยของคุณวิโรจเขาหรอก.... ....ที่คุณว่า...จะเกิดอาการติดหนึบต้องเข้าทุกเมื่อที่ว่าง....เอ...ผมว่าผมมีอาการแล้วนา...อย่างวันนี้ก็เข้ามาดู 3 รอบแล้ว... ...ส่วนที่บอกว่า ไวน์ที่บ้านอยู่ไม่ถึงสองชั่วโมง....งานนี้ของผมกรณีพิเศษ....ดื่มที่บ้านกับหวานใจกันแค่สองคน....เลยต้องเก็บอาการ มันเลยอยู่ยาวได้ขนาดนั้น....ถ้าอยู่ในก๊วนของผม...ก็ดื่มกันแบบลาแบบอูฐเหมือนกัน...แต่หลังจากละเมียดกับมันรอบแรกไปแล้วนะครับ... คุณวิโรจ ครับ เรื่องให้ไวน์หายใจ....ถ้าดื่มที่บ้านหรือในกลุ่มเพื่อนฝูง ผมเห็นด้วยกับแนวความคิดหลัง...เพราะได้วนหลายแก้วจนจับอาการเปลี่ยนแปลงได้ทุกระยะ...ได้รับรู้ความพิสดารซับซ้อนของไวน์แต่ละตัว.... ...แต่ถ้าเป็นรายการไวน์เทสติ้งก็น่าคิดนะครับ...เพราะได้มากันแค่คนละสองอม....ไวน์ที่รินมาจึงควรมีการหายใจจนเป็นสาวสะพรั่งพร้อมใช้งานแล้ว....ส่วนจะนานเท่าไหร่ก็อยู่ที่ฝีมือคนเตรียมไวน์....อย่างที่คุณว่า บางทีก็เจอไอ้ที่หายใจจนเลยวัยอันควรแก่การใช้งาน...เพราะมันแห้วไปแล้วครับ... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 30 พ.ค. 49 20:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มีสูตรสปาเก็ตตี้ที่กำลังเห่อค่ะ ลูกกระจองอแงให้ทำให้กินทุกวันเว้นวันน่ะค่ะ ได้สูตรจากเพื่อนมา เลยอยากจะเล่าให้ฟัง อาจจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน แต่ว่าอยากจะถามว่า สปาเก็ตตี้สูตรนี้น่ะ ควรจะดื่มไวน์อะไร จึงจะเข้ากันค่ะ สปาเก็ตตี้ไข่กุ้ง (ขนาดหนึ่งจาน): น้ำมันมะกอก ผัดกระเทียมสับ(เยอะๆ) ผัดขี้หนูพริกแห้งลงไปด้วยแล้วแต่ชอบเผ็ดมากน้อย หอมดีแล้วใส่กุ้ง (กุ้งชีแฮ้เล็ก ประมาณ 10-15 ตัว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) ใส่พริกไทยดำ ใส่ Parsley หั่นฝอยๆ หนึ่งกำมือ ใส่เกลือหนึ่งขยุ้มสามนิ้ว (สงสัยจะครึ่งช้อนชา ขออภัยไม่เคยตวงค่ะ) ผัดจนกุ้งสุก(ไม่มาก) ใส่เส้นสปาเก็ตตี้ (ทำเองไม่เป็น ชอบยี่ห้อ Panzani ค่ะ) ใส่เนย ใส่มายองเนสญี่ปุ่น(คิวพี) ใส่ไม่ต้องถึงกับ creamy (บีบขวดสองจื๊ด) ผัดต่อไปจนเนยและมายองเนสละลายไปหมดก็ดับไฟค่ะ รอจนเย็นลงนิดนึง ใส่ไข่กุ้งหนึ่งช้อนแกงพูนๆ แล้วคลุกเร็วๆ แล้วรีบเทใส่จาน (ต้องไม่ให้ไข่กุ้งสุกค่ะ) แล้วโรยหน้าด้วยไข่กุ้งอีกปุ๊นึง เสร็จละ จานนี้ต้องระวังเค็มไป เพราะไข่กุ้งเค็มค่ะ ต้องเบามือไว้ก่อนตอนใส่เกลือ เนี่ยค่ะ ไวน์อะไรดีคะ? (คือว่านกดื่มไม่เป็นนะคะ แต่เพื่อนๆ เขาดื่มกันค่ะ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 31 พ.ค. 49 00:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ซ้าย Cabernet  ขวา Shiraz         (ว่างจัด) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 31 พ.ค. 49 00:34:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขออภัยที..ที่หายหน้าไปสองสามวัน ได้แว๊บเข้า แว๊บออก มาอ่านแต่ไม่มีเวลาคุย เพราะต้องทำงานตัวเป็นเกลียว อาทิตย์ที่ผ่านมาคือลองวีคเอนด์ค่ะ หยุด เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เนื่องจากเป็น Memorial Day งานยุ่งหัวฟู หน้าแก่(ไปอีก) ก่อนที่เราจะคุยเรื่องไวน์ไปถึงไหนต่อไหนนั้น ต้องหันกลับมาดูขั้นตอนการผลิตเสมอ เพราะมันเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดยั้ง เดี๋ยวนี้จะกลายเป็น " วิทยาศาสตร์แห่งการผลิตไวน์"ไปแล้ว.. เรื่องต้นทุนและมาร์จิ้นของกำไร ได้ยกตัวเลขมาให้ดูแล้วเมื่อกระทู้ต้นๆ..และเมื่อคุณปีบมาถามถึงเรื่องรสชาติที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ต้องอธิบายถึงแทนนินส์ เลยจะขอเล่าต่อไปถึงเรื่องนี้ด้วย..ว่า.. แทนนินส์และสารพัดกลิ่นนั้น ไม่ได้มาจากองุ่นเพียงอย่างเดียว หากแต่มันมาจาก โอ๊คด้วย.. และโอ๊คนั้น..ก็มิใช่ว่ามาเป็นรูปถังเพียงอย่างเดียว หากแต่มันมาในรูปของ สะเก็ดโอ๊ค, ชิ้นโอ๊ค, แท่งโอ๊ค, แค๊ปซูลโอ๊ค,ที่มีบริษัททำขายออกเป็นเรื่องเป็นราว (ก็คือบริษัททำถังโอ๊คนั่นแหละค่ะ) ที่ทำเป็นกิจการแบบเป็นล่ำเป็นสัน ขอยกตัวอย่างตัวเลขจากบริษัทเดียวเอง ที่ขายออกถึงหนึ่งล้านปอนด์ต่อปี อัตราในการใช้ คือ หนึ่งหรือสองปอนด์ ต่อไวน์หนึ่งร้อยแกลลอน แถมยังสั่งได้อีกตามเมนูว่า จะเอารสชาติไหนเพิ่มเติม เช่นถ้าไวน์เมธีต้องการให้ออกกลิ่น toasty ในไวน์ที่ทำทางบริษัทก็จะจัดการคั่วให้แก่ไฟตามสั่ง ที่มีทั้ง light, medium, dark ที่พิเศษสุดคือ จะเอาโอ๊คจากประเทศไหนก็ได้ตามใจชอบ อเมริกา แคนนาดา หรือของที่ดีที่สุด คือ โอ๊คฝรั่งเศส เพราะฉะนั้น ขอให้ทราบว่า ไวน์นับสิบๆ ร้อยๆล้านแกลลอนที่ออกมาจำหน่ายให้เรานั้น ได้ใช้วิธีแช่อิ่มด้วยโอ๊คซอง..ที่ทำเหมือนกับซองชาขนาดใหญ่ ขอยกตัวอย่างหนึ่งในการโฆษณาขายมาให้ชม.. Heavy Toasted French Oak Chips 4 Oz. Bag N51 Authentic French oak. Rich flavor. An alternative to storing your wine in an oak barrel, is to add oak chips to the wine. The affect is the same, and a lot less hassle. Oak chips can be added to your wine at anytime during the fermentation process. $5.95 เท่านั้นไม่พอยังมี Glow-Wine Spices (Hot Spiced Wine Mix) $1.95 -- Product of Germany. For hot spiced wiine. Contains cloves, cinnamon, orange peel, lemon, vanilla, fennel, anise, juniper all in convenient teabags. Package contains 6 bags. Use one teabag per bottle of wine. และ... Oak Essence $5.95 -- Sinatin 17. Use to taste. Contains 600 cc liquid oak flavoring. Normal usage for red wines is about 0.5 mL to 1 mL per liter of wine. สุดท้ายอันนี้สำคัญ.. Dried Elderberries - 8 oz. $8.95 -- Produces wines deeper in color with mmore tannin and an enhanced fruity bouquet. Use 2 oz per 5 gallons, in the primary fermenter for no longer than 72 hours. มีต่อ... จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 01:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะ ว่าไม่ได้ผิดกฏหมายอะไรในหลายๆประเทศ ไวน์เมธีสามารถใช้ได้ตามดุลยพินิจ ทุกอย่างได้ผ่านอ.ย. แล้วเรียบร้อย อเมริกา และ ประเทศทำไวน์ new world ทั้งหลายได้ไฟเขียวให้ไวน์ของตัวเอง ปรุงแต่งรสได้สารพัด รวมถึงความผิดขั้นอุกฤติในการทำไวน์ นั่นคือ อนุญาตให้เติม หรือ น้ำตาล ลงไป ทีนี้ปัญหามันก็มาที่การค้าเสรี(ไวน์)ระหว่าง ฝรั่งเศส และอเมริกา กฏหมายของฝรั่งเศสแต่ดั้งเดิม ได้ห้ามโน่นห้ามนี่สารพัด ห้ามใช้โอ๊คสำเร็จรูป ห้ามเติมน้ำ.. ดังนั้น..ข้อเสียเปรียบจึงมีมากมาย.. ในที่สุด..เมื่อต้นปีนี้เองฝรั่งเศสจึงต้องออกมาประกาศว่าจะอนุญาตให้ใช้โอ๊คสำเร็จรูปได้ ข่าวที่ออกมาได้สร้างความเดือดแค้นให้กับชาวไวน์นิยมเป็นอย่างยิ่ง.. ตามตัวอย่างของคอลัมน์นักข่าวคนนี้ Revolution in French Wine Industry Author: PalQ Date: 04/20/2006, 12:32 pm The French government announced a few weeks ago that "it will soon allow wine producers to flavor their wine with wood shavings". Now whilst this sounds unappetizing to wine novices, like myself, wine afficianados will understand the reason - the cost of oak barrels some producers claim put the French vintages at a competitive disadvantage over vinticulters in other countries like Australia, South Africa and the U.S. who currently flavor their wines with oak chips rather than aging it in oaken barrels. Some purists are decrying the proposed new law and are contesting it. As for South African wines, i get a kick everytime i visit my local Whole Foods by a wine they showcase from there called "Goats Do Rome", an obvious take off on Cotes des Rhone, one of France's traditionally esteemed appellations. สาเหตุที่อเมริกาและประเทศอื่นๆอ้างว่าจำเป็นต้องมี"ตัวช่วย" เช่นน้ำ และน้ำตาล นั้น เพราะว่า องุ่นปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน และการเก็บนั้นคือตอนที่สุกจัด ในองุ่นมีน้ำตาลมาก ซึ่งหมายถึง แอลกอฮอล์ย่อมสูงตาม (เกินกฏหมายกำหนด) จึงจำเป็นต้องเติมน้ำลงไปเพิ่มการลดปริมาตรแอลกอฮอล และยังแย้งอีกว่า..ทีกับเบอร์กันดี ทำไมฝรั่งเศสจึงให้เติมน้ำตาลได้เล่า..? ทั้งๆที่ใครต่อใครก็ทราบคำตอบกันดีอยู่แล้วว่า เบอร์กันดีอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น องุ่นไม่สุก จึงจำเป็น ต้องใช้เทคนิคดังว่า.. มาถึงเรื่องปัญหาคาใจกับโอ๊คสำเร็จรูปนั้น.. วิธีการไม่ได้ผ่านกรรมวิธีเครื่องจักรกลอะไร แค่โยนลงไปแช่เพื่อสร้างรสชาติ กลิ่นจรุงให้คนมาดื่มด่ำ..อีกทั้งเป็นการประหยัด ลดต้นทุนไปบานตะไท..หรือเรียกได้ว่า เป็นวิธี short cut แบบเลี้ยวมุมศอกหักโค้ง..ย่นระยะการหมักไปได้โข อเมริกาหนุนหลังในเทคโนโลยีนี้เต็มที่ในฐานะพี่เอื้อย ในขณะที่ฝรั่งเศสไม่มีโอกาสเถียงอะไรได้ เพราะตลาดไวน์ถูกโจมตีมาแทบในทุกทาง จนต้องออกมาเดินขบวนกันไม่นานมานี้ จึงต้องปล่อยเลยตามเลย..ถึงขนาดยอมจะให้กสิกรทำไวน์ใช้ oak chip ตามสมัยนิยมไปกับเขาด้วย.. เพราะอะไรรู้ไหมคะ..?? เพราะสหภาพแรงงานของยุโรป หรือที่เราเรียกว่า EU นั้น กำลังตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อเห็นว่า ไอ้น้ำองุ่นแช่เศษโอ๊คของอเมริกานั้น..สร้างเม็ดเงินจากการส่งออกขายได้ถึง (According to the San Francisco-based Wine Institute, a trade association, the United States)$736 million ในปี 2004, เพิ่มมาถึง 30 % จากยอดของปี 2003, และ $500 ล้านในนั้น คือขายในตลาดยุโรปนี่เอง ตายแล้ววว...อกอีแป้นแตกกก.. หันมาดูตัวเองและพวกพ้องยูโรเปี้ยนที่ทำไวน์ทั้งหมดดูบ้าง..ยอดส่งออกไวน์ ในปี 2004 เพียง $2.3 billion ให้กับ United States ต่ำกว่า ปี 2003 ถึงสิบเปอร์เซนต์ และนับวันจะลดลงไปทุกที..ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ในการต่อสู้ที่จะยึดตลาดคืนจึงต้องรีบกระทำด่วน.. ในการประชุม..สำหรับข้อเปลี่ยนแปลงนี้ จำเป็นที่จะต้องได้รับการเห็นชอบจากบอร์ดสมาชิกอาวุโสของสหภาพแรงงาน EU ถึง 25 เสียง.. ที่ (French Liberal Democrat) มาดาม Anne Laperuze. ได้ประกาศก้องด้วยความช้ำใจว่า.. "I don't want a McDonald's-type chardonnay." แต่นั่นก็คือ ช่วงของปลายปี 2005 2006..ดังที่ได้บอกมาแล้วว่า..เขาจะเปลี่ยนแปลงกฏหมาย ของการทำไวน์จริงๆ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 02:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อย่างที่บอกมาแล้วในกระทู้ต้นๆว่า นี่กำลังเอาเรื่อง"วงใน" ของอาชีพและการทำมาหากินมาเล่าให้ฟัง..(อีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว..ช่างมันปะไร) คือว่า ในนาปานี่แหละ มีบริษัททำที่เหน็บแผ่นโอ๊ควางรองให้ในถังไวน์ ซึ่งสามารถใช้กับถังได้ทุกชนิด และออกแบบให้เป็นพิเศษให้เหมาะกับถังที่ใช้ด้วยถ้าต้องการ กล่าวคือ ที่เหน็บไม้โอ๊คแผ่นจะวางอยู่โดยรอบด้านในของถัง นั่นคือ การใช้แผ่นไม้โอ๊คแช่ลงไปในถังไวน์ แบบให้อยู่เป็นที่เป็นทาง ไม่ให้มาลอยฟูฟ่อง..ว่างั้นเถอะ ซึ่งเดี๋ยวนี้เขาก็ทำขายเป็นชิ้นๆ แบบไม้ทำการฝีมือ ชื่อบริษัทว่า..Innerstave ที่สามารถเอามาติดให้ได้ ไม่ว่าถังไวน์จะเป็นสเตนเลส หรือ คอนกรีต ขนาด จุสามหมื่นแกลลอน ทำได้โม๊ดดด... มันก็เหมือนกับการแช่ซองโอ๊คแหละ เพียงแต่ว่า อันนี้ยอมกลั้นใจลงทุนเพิ่มมาอีกนิด บางรายก็ใช้ทั้งแช่ ทั้งเหน็บ ทำทุกอย่างเพื่อให้ไวน์ของตัวได้มี flavor ของโอ๊ค ตามความประสงค์ของผู้บริโภค พวกพนักงานของ Innerstave พวกนี้แหละ ที่มักจะได้หัวเราะกันเฮฮา ครึกครื้นทุกครั้ง..ที่อ่านเจอหรือพบว่า บริษัทลูกค้าของตัว..ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม หรือ ไวน์ดีเด่นในการแข่งขันที่โน่นที่นี่.. สนใจเข้าไปชมได้..ตอนนี้ธุรกิจกำลังรุ่งเรืองอย่างฉุดไม่อยู่เชียว http://www.innerstave.com/index.html จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 03:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 53 พวกเราที่มีการชุมนุมชิมกันในทุกอาทิตย์เดี๋ยวนี้.. ต่างคนก็ผ่านประสบการณ์มามาก มาคุยและเห็นพ้องต้องกันว่า..เราได้เดินทางมาในสายเดียวกันหมด หมายถึงผ่านพบและเจอะเจออะไรมาเหมือนๆกัน กล่าวคือ เมื่อเริ่มต้น"รู้"ใหม่ๆ...อยากจะทดลองมันไปหมด อยากจะบุกไปมันถึงไร่ ไปกินไปนอน ไปเฝ้าดูการทำ อ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง เข้าคอร์สแทบทุกคอร์ส เพื่อหาไวน์ในดวงใจ เพื่อที่จะได้เป็นคน(มีความ) รู้ (เรื่องไวน์) มาก พอ"รู้มาก" เข้า..เริ่มเอนเอียง ทำตัวเป็นกรรมการ ชอบไวน์โน้น ติไวน์นี้ เปรียบเทียบไปเรื่อย ไม่ชอบขี้หน้าไอ้นั่น เกลียดไวน์เมคเกอร์ที่นี่ ตามไปบูชาคนเก่ง..เชิดชูไวน์ตัวที่เห็นว่าประเสริฐกว่าของใครในโลก.. มาถึงตรงนี้ มีเงินเท่าไหร่ซื้อไวน์หมด แม่บอกเสมอว่า ซื้อทองเก็บไว้มั่งนะลูก.. ก็ไม่เคยฟัง..แต่ไวน์ขวดละสี่ซ้าห้าร้อย(เหรียญ) ซื้อโลดดด.. พอ"รู้ซึ้ง" เข้า..เลิกเจ๊าะแจ๊ะกับเพื่อนที่"รู้น้อย" แล้ว.. รำคาญ..พล่ามอยู่ได้ เริ่มไปพูดจาภาษาไวน์กับระดับ เกจิโน่น..ชอบที่จะได้ยินข่าววงใน ประเภทล้วงลึกว่า ใครทำอะไร ที่ไหน อันไหนที่"ตกข่าว" ไปก็นอนไม่หลับ รีบไปหาข้อมูลมาใส่สมองแบบด่วนจี๋ มาถึงบัดนี้...ไม่ว่าจะรู้มาก หรือ รู้น้อย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีเรื่องที่ต้องให้เรียนรู้เพิ่มขึ้นได้ทุกวัน..นับแต่จะมากขึ้น มากขึ้น.. จนบางครั้งไม่อยาก"รู้"อะไรเลย..ไม่อยากที่จะต้องฉุกคิดในสมองว่า ไอ้ไวน์ตัวที่ตูกำลังชิมอยู่เนี่ย..มันโอ๊คชนิดไหนวะ..?? เพราะขนาดขวดละเป็นร้อย..ยังใช้วิธีโอ๊ค short cut อย่างที่เล่ามาเล๊ย..นับประสาอะไร.. เนี่ย..เชื่อแม่ซะตั้งแต่ทีแรก ป่านนี้มีทองน้ำหนักเท่าตัวไปแล้ว.. จิงม๊ะ...คุณวิโรจขา.... ??? จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 03:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ่อออย ! ....ซี๊ดดดด ....จี๊ดดดดเข้าหัวใจ ...นี่มัน French Oak หรือว่า Slovanian กันหว่า ...ขวดนี้ Merlot ชัดเจนมาก ...ต้องตัวนี้เลย...ปาร์เกอร์ให้ 96 แต้มแน่ะ ...มีนี่หรือยัง ...มิเชลเขาเป็นคนทำ ...เป็นไงมั่ง ...คุณให้แต้มเท่าไหร่ ถ้าอยู่ข้างนอก วันๆ ...วนเวียนฟังก็แต่กับเรื่องแบบนี้...เซ็งมะเร็ง วันนี้...อยากแค่...ดื่มไวน์...ที่บ้าน...มีสุข จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 31 พ.ค. 49 07:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 55 . ยอดเยี่ยม ถูกใจล้ายหลาย ทั้งพี่วิวันดา ทั้งพี่วิโรจครับ ยิ่งเมื่อคืนดู "basics" ไปรวดเดียวทั้ง 3 แผ่น เลยเริ่มคุ้นกับบางคำ บางวลี บางการกระทำ เช่น ถังไม้โอ๊คนั่น ขึ้นมาติ๊ดนึง จนมั่นใจว่า จะไม่ไปเรียก คาเบอร์เน่ ฟิเลมิยอง ให้ใครหัวเราะอีก แต่ แหม พอพี่วิวันดาบอกว่า รู้ ไม่รู้ ก็เท่านั้น เลยเบาใจว่า รู้เท่าหางอึ่งของตัวเองแบบนี้ไปก็ดีแล้ว คอยตามเก็บของดีที่เซียนชี้ เซียนแนะให้ จะสะดวกกว่า อาศัยเพดานลิ้น อาศัยจมูกของผู้ชำนาญการที่เราไว้วางใจหายใจสะดวกกว่าแยะ ลองแล้วชอบไม่ชอบ ถูกปากถูกใจหรือไม่ ค่อยว่ากันอีกที ดูดีวีดีแล้ว ยิ่งตามอ่านได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอีกครับพี่วิวันดา แล้ววันนี้จะละเมิดลิขสิทธิ์ ทำซ้ำ แผ่นที่ว่าทั้งหมด 16 ชุดก่อน พี่มีรายชื่อจะให้ดำเนินการหรือไม่อย่างไรครับ ส่วนทางผมเองก็จะกระจายเรื่องสนุกที่แสนจะยุ่งยาก วุ่นวายนี้ไปตามแหล่งเดิมๆของตัวก่อนครับ อีกนิดนะ ดูเค้าชิมไวน์กันแล้ว น่าเกลียดเล็กน้อยตรงที่เค้าจิบ อม กลั้วคอ แล้วก็บ้วนทิ้ง เสียด๊าย เสียดาย คืนนั้นที่พี่ทำ blind tasting ไม่เห็นบอกว่าต้องบ้วนทิ้ง มิน่าพอขวดที่ 10 ผมเลยลิ้นพันกัน แกะเกือบไม่ออก . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 31 พ.ค. 49 08:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ตอกบัตรเข้าอ่านค่ะ จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 31 พ.ค. 49 11:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 57 Anne Laperrouze (Union pour la democratie francaise) น่าจะเป็นคนเดียวกันนะครับ ในเน็ตส่วนใหญ่จะใช้ Anne Laperuze ... อยู่ในคณะกรรมการดูแลเรื่องการเกษตรและพัฒนาการเพาะปลูก ภาพจาก europarl.eu.int จากคุณ : sofatboy - [ 31 พ.ค. 49 11:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ป๋าชช.ที่รัก.. รอไว้ไปอ่านหลังไมค์ดูแล้วกัน คงจะมีผู้สนใจขอมาไม่น้อยหรอก อ้อ...ช่วยกรุณาติดต่อสื่อศิลปด้วย เขามีปัญหาจะถามแน่ะ.. วันนี้คือวันอังคารสุดท้ายของเดือน..ที่มีการประชุมชิมไวน์ในหมู่ผู้ประกอบการ จะขอเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปดังนี้.. กลุ่มผู้ประกอบการค้าไวน์ได้จัดตั้งชมรม หรือที่เรียกว่า Cellars Club ที่สมาชิกจะจ่ายค่าบำรุงรายปี รายเดือน.. และรายครั้ง รายปี แค่ไม่กี่สิบเหรียญ หมายถึงว่าเข้ามาเป็นสมาชิกแล้วนะ มีอะไรติดต่อมาได้ และคอยรับข่าวสารที่จะส่งมาทางอีเมล์ รายเดือน..คือการที่เราต้องเข้าไปเป็นผู้สร้างกระแสเงินหมุนให้กับเจ้าของสถานที่ ที่ได้อนุเคราะห์ให้เราใช้เป็นที่ประชุมทุกครั้ง..ซึ่งนั่นคือ ร้านขายไวน์ที่ใหญ่ที่สุด นามว่า Rancho Wines โดยการที่เราต้องเป็นสมาชิกซื้อไวน์ทุกเดือน ตามแต่ราคาของระดับสมาชิก ถ้าประเภทบัตรทองก็เดือนละ $ 100 and up บัตรเงินก็ $ 70 ขึ้น ส่วนจะซื้อไวน์อะไรก็ตามแต่เรา ส่วนใหญ่เราจะจ่ายล่วงหน้าไปเลยทั้งปี...(เอาไปหักภาษีได้) และรายอาทิตย์ที่มีการประชุมชิม.. วันนี้คือ การจัดชิมไวน์ Burgundy flight ที่ได้จัดออกเป็นสองชุด ชุดไวน์ขาว ต่อด้วยชุดไวน์แดง ทั้งหมดจากจากเบอร์กันดี หมายถึงว่า ถ้าสมาชิกสนใจอันไหนก็มาเฉพาะอันนั้น.. หรือจะอยู่ทั้งสองรายการก็ได้ เพิ่มเงินเอา.. ส่วนใหญ่ทุกคนจะอยู่..เพราะต่างรอคอย"ไวน์เด็ด surprise" ที่ประธานชมรมจะเอามาเปิด..แต่นั่นหมายถึงต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก แล้วแค่ราคาไวน์พร้อมกับจำนวนคนร่วมชิมที่หารเอาตามหัว ภาพ..สถานที่.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 13:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ไวน์ที่จะเปิดคือ .. ไวน์ขาว.. 1. Domaine Herve Chablis Premier Cru "Vau de Vey" 2004 2. Deuxmontille Meursault "Les Grands Charrons" 2004 3. Paul Chapelle & ses Filles Puligny-Montrachet 2004 ทีนี้ก็ไวน์แดง.. 1 Domaine Chandon de Briailles Savigny-Les-Beaune 1er Cru Aux Fourneaux 2003 2. Domaine Confuron-Cotetidot Nuits-Saint-George 2003 3. Domaine Confuron-Cotetidot Charmes Chambertin 2003 วิทยากรคือ หัวหน้าตัวแทนการขายของบริษัทนำเข้าไวน์ทั้งหมดที่กล่าวนามมานี้ ก็ชิมกันไป เฮฮากันไป ตามประสา..เพราะ ไวน์เบอร์กันดีนั้นก็คุ้นๆกันอยู่แล้ว สีใสสวย.. กลิ่นต้องหากันแบบสูดลึกๆรสแน่นปึ้ก เพราะมาจากองุ่น Pinot Noir ที่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แบบล้ำลึก จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 13:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สุดท้าย..หัวหน้ากลุ่มได้ประกาศว่า จะเปิด Dom. de la Romanee Conti 1998 Richebourg Grand Cru ราคาขวดละ $ 400.00 ใครสนใจบ้าง..ยกมือ สรุปคือ ได้มา แปดคน..(รวมฉันด้วย) ก็หารกันไปคนละ 50 เหรียญ.. เพราะว่า ไวน์กรอง ครูของเบอร์กันดี ชนิดนี้นั้น ได้ผลิตมาแค่ ปีละ หมื่นกว่าขวดเอง โอกาสที่จะซื้อกินก็หายาก เพราะ ผู้คนในแวดวงต่างไม่ค่อยสนใจไวน์ตัวนี้ ทั้งๆที่ คนเราสามารถจิบไป..ชมไปด้วยความสบายใจ กว่าจะมาเป็นสองอึกให้เราได้ดื่มนั้น มันได้ผ่านความเป็น"มือโปร" และความเอาใจใส่ในทุกกิ่ง ทุกเมล็ด และ..เขานอนนิ่งอยู่ในถังโอ๊คฝรั่งเศสแท้ๆก่อนการบรรจุขวดอย่างแน่นอน นี่ละค่ะ..ชีวิตประจำวันอังคารเย็น..เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเอากล้องไปถ่าย เพราะไม่รู้ว่าจะถ่ายไปทำไม..เกะกะ แต่เป็นเพราะคุณพ่อหมีถามเรื่องไวน์ ไฟล์ท และ อาชีพเป็น ตัวแทนจำหน่ายไวน์ด้วย.. เผื่อว่าจะได้นำเอาวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้เอา แค่สมาชิกชื้อไวน์เดือนก็เป็นหมื่นๆแล้วนะคะ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 พ.ค. 49 14:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 61 คุณพ่อหมี.... เมื่อก่อน...(สิบปีที่แล้ว) เจ้านายคุณก็เคยทำแบบนี้มาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ แต่ดันมาหยุดทำเสียเอง ...คิดแต่จะขายของอย่างเดียวมันไม่ได้หรอก ...คุณก็กระทุ้งเค้าไปสิ ปล....บอกเขาด้วยว่าผมฝากเหน็บมา (ไวน์ขวดนี้...ผมก็เอามาจากเจ้านายคุณนั่นแหละ...ขายแพงฉิบ...) จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 31 พ.ค. 49 14:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 62 . พี่จ๊ะ หลังไมค์ไม่มีข่าวสารอะไรเลยนะ ส่วนรูป Romanee Conti 1998 Richebourg Grand Cru น่ะ เห็นไม่ค่อยชัดเลยจ้ะ ขอเจ๋งๆเป็นบุญตาซักครั้งนะ ขวดละเป็นหมื่นบาทอย่างงี้เนี่ย ขอให้แว้บบบ เข้าเต็มตาแบบขวดที่พี่วิโรจอวดมาที่ 61 เลย เรื่องถังไม้โอ๊คเอาไปลวกไฟ อบไฟ ใส่กลิ่นต่างๆ ถ้าไม่ได้ดูหนังนั่น นึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่ก็ยังงงที่กลิ่นมันแทรกเข้าไปผสมอยู่กับไวน์ได้ยังไง สงสัยเหมือนกลิ่น "กะทะ" ที่กุ๊กมือดีเค้าผัดกับข้าวไหมนะพี่ สนุกจังนะ เวลาพี่กับพี่วิโรจ ส่งกระแสคลื่นความถี่เดียวกันให้ "คนดู" จับได้ด้วย . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 31 พ.ค. 49 20:50:55 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แหม..ป๋า..ฝีมือถ่ายรูปอิฉันน่ะ มันห่วยแตกอย่างนี้แหละ พอไปจ่อใกล้ๆ แฟลชมันก็จ้า..เบลอไปหมด แต่ฝากรูปนี้มา พอไหวม๊ะ.. กำลังครื้นเครงเชียว.. กลุ่มผู้สูงวัยที่นั่งข้างๆน่ะ เป็นแฟมิลี่เจ้าของไร่ไวน์ใน ท้องที่แถวนี้แหละ ทำมาสามชั่วคนแล้ว.. คุณยายผมขาวนั่น เชื่อไม่เชื่อว่า..คือลูกค้ารายใหญ่ที่ซื้อไวน์(เอาไปสะสม)เดือนละเป็นหลายๆพัน จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 00:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เนี่ย..ไวน์เซ็ทเนี้ย..ที่ซื้อตามสิทธิสมาชิกรายเดือน และไม่ต้องเอามาบ้าน ในฐานะสมาชิกรายปี เราฝากเขา เก็บไว้ได้ หรือ สามารถแลกเปลี่ยนกับไวน์ตัวอื่นๆที่ น่าสนใจกว่า (ที่ดันหลงพลัดเข้ามา) อัตราการแลกเปลี่ยนก็เปิดตำราเทียบค่ากันเลย.. แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียม 20% (ก็โหดพอสมควร) แต่มันได้สร้างกระแสของธุรกิจให้มีการเคลื่อนไหว เพราะร้านไวน์กลายเป็นที่ชุมชุมของหมู่ลูกค้า ที่ไม่รู้จะทำอะไรก็เดินเข้ามาพูดมาคุย แวะชิม wine of the day ที่ทางร้านมักเปิดขายเป็นแก้ว (แบบว่าเชิงโฆษณา) ขอบอกว่า..พวกที่ชิมแก้ว..แต่ซื้อติดมือไปเป็นขวด หลายชวด หรือ ยกลังก็มีออกบ่อยไป บางทีเจอกับกลุ่มที่เรามักคุ้นด้วย..คุยกันติดลม.. บรรยากาศที่มีความอบอุ่น มีมิตรภาพ เราก็เอาไวน์ที่ฝากไว้มาเปิดชิมแชร์กัน ต่างคนต่างผลัดกันเปิด ตามธรรมเนียมเราต้องเสียค่าเปิดขวดด้วย..(เหมือนกับเป็นค่าทำความสะอาดแก้ว..) กับพวกเราเจ้าของร้านมักไม่คิด เพราะเป็นขาประจำเก๋ากึ้ก แต่ในฐานะขาประจำและความเป็นเพื่อนกัน ทำให้ต้อง"ทิป" หนักไปอีกหลายเท่าตัว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 00:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ตอบป๋า..ที่ถามว่า.. "เรื่องถังไม้โอ๊คเอาไปลวกไฟ อบไฟ ใส่กลิ่นต่างๆ ถ้าไม่ได้ดูหนังนั่น นึกยังไงก็นึกไม่ออก แต่ก็ยังงงที่กลิ่นมันแทรกเข้าไปผสมอยู่กับไวน์ได้ยังไง สงสัยเหมือนกลิ่น "กะทะ" ที่กุ๊กมือดีเค้าผัดกับข้าวไหมนะพี่ " เอาง่ายๆเลยนะป๋านะ ขอให้นึกถึงน้ำที่ใส่มาในกระบอกไม้ไผ่ กับน้ำในขันพลาสติก ต่อให้ป๋าหลับตาชิม..ป๋าก็บอกได้ว่า อันไหนมาจากปล้องไม้ไผ่ อันไหนมาจากขันพลาสติก.. นี่คืออิทธิพลของภาชนะ หรือ ถ้าเพื่อนป๋าสูบซิการ์..ว่างๆก็ขอกล่องซิการ์(เปล่าๆนะ)ลองดมดู เอามาวางไว้ นานๆก็ลองดมอีก บางทีไวน์ตัวใดตัวหนึ่งที่ได้ลองจะมีกลิ่นออกมาคล้ายๆกัน และป๋าจะบอกได้ทันทีว่า.. "อ้า..นี่มันออกแนว tobacco เลย.. " รับรองว่า..วงแตกกระจายยยย...!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 00:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ส่วนหนึ่งของตลาดไวน์ในฝรั่งเศสที่เอียงกระเท่เร่อย่างเช่นเป็นอยู่ทุกวันนี้ เพราะว่า เหล่าบรรดาเจ้าของไร่กระเป๋าหนักทั้งหลายต่างพากันสละเรือ ออกไปทุ่มทุน เปิดธุรกิจไวน์ในพื้นที่นอกประเทศเป็นแถวๆ และไปนั้นไม่ใช่ไปตัวเปล่าซะที่ไหน ต่างพากันหอบความรู้และเทคนิค ความละเมียดละไมในการผลิตออกไปด้วย อย่างที่ดังที่สุด ก็เมื่อคราวที่ ท่านบารอนแห่งมูตองไปจับมือร่วมทำไวน์ Opus One กับมอนดาวี ในปี 1979 นั่นคือการประสานงานครั้งแรกของ บอร์คโดซ์-คาลิฟอร์เนีย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ใครต่อใครในฝรั่งเศสยังเจ็บใจไม่หาย เพราะท่านบารอนได้นำเทคนิคการผลิตไวน์ชั้นสุดยอดวิทยายุทธของชาวบอร์เดอเลส์ (บอร์คโดซ์)ไปให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย จากครั้งนั้น..ต่อมา บารอนเนส ฟิลิปปินส์ (ลูกสาว) ได้เข้าไปบุกตลาดตั้งเครือข่ายสาขาทำไวน์ที่ ชิลี ในนโยบายเดียวกันกับ โอปัส วัน นั่นคือ การทำไวน์กรอง ครู ให้เกิดขึ้นในในชิลีให้จงได้ บารอนเนสก็ได้ร่วมจับมือลงทุนกับ Gulisasti Tagle (Vina Concha y Toro) ทำไวน์ในนามว่า Almaviva ซึ่งเมื่อทำออกมาได้ก็สร้างความขุ่นเคืองให้กับชาวบอร์คโดซ์พอสมควร เพราะ บารอนเนสได้นำไปตั้งเด่นเป็นสง่าในห้างไวน์ "place de Bordeaux" ที่ตอนนั้น ไม่ขายไวน์อื่นใดนอกจากไวน์ที่ผลิตในบอร์คโดซ์เท่านั้น ไม่ใช่รอส์ไชลด์ตระกูลเดียว เหล่าท่านเศรษฐีทั้งหลายก็พากันเดินขบวนออกนอกประเทศกันเป็นแถวๆ เช่นกัน อย่าง Eric de Rothschild (Charteau Lafite-Rothschild ร่วมกับ Chalone in California , Los Vascos in Chile และ Quinta do Carmo in Portugal) Edmond and his son Benjamin de Rothschild (Charteau Clarke, Rupert-Rothschild ร่วมกับ Frederiscksburg in South Africa), Paul Pontallier (director of Charteau Margaux) และBruno Prats (ex-Cos d'Estournel) ไปทำไร่ Vina Aquitana in Chile (Domaine Paul Bruno), Marnier Lapostolle (Casa Lapostolle in Chile) ยังมีอีกมากมายหลายคน ยกมาไม่หวัดไม่ไหว..แม้แต่ Michel Rolland ก็ออกลงร่วมลงทุนในอาร์เจนตินา, อาฟริกาใต้ และร่วมลงทุนกันนายทุนยักษ์ใหญ่สองคนจากฝรั่งเศส คือ Jacques และ Francois Lurton ไปทำไวน์ในสเปน สาเหตุก็คือ ทุกคนหนีระบบการหักภาษีแบบมหาโหดของฝรั่งเศส และ ค่าแรงงานที่นับวันแต่จะสูงขึ้นจนจ้างกันไม่ไหว ไหนจะต้องมาแบกรับค่าสวัสดิการเข้าไปอีก และนี่กำลังเป็นปัญหาของอเมริกาเช่นกัน เพราะ ถ้าหาก กฏหมายเรื่องขับไล่แรงงานต่างชาติได้ถูกกำหนดใช้ขึ้นจริงๆ ตลาดไวน์ปั่นป่วนแน่นอน เนื่องจาก คนงานในไร่ คนงานเก็บองุ่นแทบทั้งหมด คือ เม๊กซิกันล้วนๆ ไวน์ที่กำลังมาแบบเงียบๆนั้น คือจาก จีน มณฑล Changyu, Changyu Wine Village และ โมร๊อคโค เขต Meknes และ Boulaouane โดยภายใต้การนำของบริษัทยักษ์ใหญ่ Castel ที่ได้ปรับปรุงรูปแบบบุกตลาดใหม่ด้วยเงินอัดฉีดถึง 724 ล้านยูโร จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 03:20:51 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ...ไม่ได้อ่านสองวัน...เรื่องราวเปลี่ยนไปหลายหัวข้อแล้ว...น่าสนใจทั้งน้านน... ...ที่น่าทึ่งคือพี่วิบอกว่า...."ไวน์ที่กำลังมาแบบเงียบ ๆ นั้น คือจาก มณฑล Changyu"...ฟังดูน่ากลัว....เพราะจีนจะทำอะไร ก็ทำแบบใหญ่ๆ เยอะๆ...ถ้าทำสำเร็จ คงมีอิทธิพลต่อวงการไวน์ทั่วโลก เหมือนกับสินค้าอื่นที่ตีตลาดไปทั่วแล้ว... ....คำถามครับ (ขี้สงสัยอีกแล้ว)...เขาทำไวน์ระดับไหน...ภูมิประเทศและดินของเขาเหมาะกับการทำไวน์หรือเปล่า...และตลาดในประเทศของเขาพัฒนามารองรับแล้วหรือยัง...จำได้ว่าเมื่อสิบห้าปีก่อนไปเมืองจีน...ไปที่ไหนก็มีแต่เบียร์ชิงเต่า...ดื่มกันทั่วบ้านทั่วเมือง จนผลิตแทบไม่ทัน... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 1 มิ.ย. 49 09:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 68 . ขอบคุณสำหรับรูปจ้ะ จะได้จดจำไว้เหมือนเจ้า Honma ชุดละเกือบล้านที่คนเล่นไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้เล่นเปี๊ยบเลย เลยพาลสงสัยตามพี่ปีบด้วย เพราะตัวเองก็เคยกระดก ซิงเตา อยู่บ่อยเหมือนกัน ถ่ายรูปกับเพื่อนกลุ่มนี้ พี่แลสดใส หน้าตาผ่อง ดูเด๊กเด็ก คบไว้นานๆนะจ๊ะ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 1 มิ.ย. 49 09:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 69 พี่วิ ครับ.. คคห. 52....สุดยอด... ...นับถือ..นับถือ....ขอคารวะด้วย Montgrass - Sauvignon Blanc หนึ่งจอก... วลีเด็ด..."...นี่กำลังเอาเรื่อง"วงใน" ของอาชีพและการทำมาหากินมาเล่าให้ฟัง..(อีกไม่กี่ปีก็เกษียณแล้ว..ช่างมันปะไร)..." แล้วก็ "...มาถึงบัดนี้...ไม่ว่าจะรู้มาก หรือ รู้น้อย ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีเรื่องที่ต้องให้เรียนรู้เพิ่มขึ้นได้ทุกวัน..นับแต่จะมากขึ้น มากขึ้น..จนบางครั้งไม่อยาก"รู้"อะไรเลย...." .....อย่างนี้เขาเรียกว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ...บรรลุธรรมถึงขั้นไม่อยากยึดติด....ส่วนผมคงต้องเวียนว่ายในน้ำไวน์อีกหลายพักใหญ่ๆ.....ครับ จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 1 มิ.ย. 49 09:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 70 รายชื่อไวน์ที่คัดมาจากร้อยกว่าไร่ในจีน..ที่เกจิ Rose Murray Brown MW เขาว่าพอเจี๊ยะล่าย.. RED Dragon Seal Cru de Huailai Dry Red Cabernet Sauvignon/Syrah 2002 Hebei Province Closed nose, but rich, fleshy palate with medium length. Shows potential. Drink 2005 Not available in the UK; www.dragonseal.com Dragon Seal Huailai Reserve Cabernet Sauvignon 2002 Hebei Province China’s best red. Impressive nose of vanilla, coffee and blackfruit. Smooth and ripe with soft, dry tannins. Disappointing finish. Drink 2005 Not available in the UK; www.dragonseal.com Great Wall Huaxia Cabernet Sauvignon 2002 Changli, Hebei Province Good fruit concentration. Oak needs integrating; dry, firm, limited length; unlikely to have been made from 100% Chinese grapes. Drink 2005 Not available in the UK; www.cofco.com.cn Grace Tasya Reserve Merlot 2002 Shanxi Province China’s best Merlot. Cedar, coffee, earthy aromas, light fruitcake and dark plum flavours. Lacks mid-palate depth but has smooth tannins with dry finish and medium length. Drink 2005 Not available in the UK. www.grace-vineyard.com WHITE Dragon Seal Riesling 2002 Hebei Province Lime, apple fruit and honeyed nose. Tastes baked and confected with a boiled sweet finish. Drink 2005 Not available in the UK; www.dragonseal.com SPARKLING Dragon Seal Française Method 100% Chardonnay Brut NV Hebei Province Citric, toasty, honeyed aromas reminiscent of Cava. Palate is light, fresh, but short on the mid-palate fruit. Drink 2005 Not available in the UK; www.dragonseal.com Huadong Winery Chardonnay NV Shandong Province China’s best white. Buttery, smoky, ripe citric fruit, with full broad flavours and some rubbery undertones. Disappointing acidity and finish. Drink 2005 £10.58 @ EVW; www.huadongwinery.com DESSERT Sun Valley Riesling Icewine NV Shenyang, Liaoning Province Very aromatic.Elegant length bears strong similarities to Canadian Icewine. Drink 2005 Not available in the UK; www.asia-red.com เหลืออย่างเดียวที่การที่จะทำอย่างไร ให้กสิกรไวน์จีนรู้จักคำว่าคอย..หมายถึงไม่รีบเก็บองุ่นก่อนกำหนด เพราะนี่คือปัญหาในปัจจุบัน เมื่อเก็บองุ่นที่ไม่สุกเต็มที่ ไวน์ออกมาพร่องแพร่ง บางทีต้องเติมน้ำตาล ปัญหาที่สอง คือ ไวน์ขวดของจีนจะออกขายสู่ตลาดในประเทศได้ ในราคาไม่เกินขวดละสามเหรียญ ไม่งั้นก็เจ๊ง.. ไม่มีใครซื้อ แต่ที่แน่ๆคือ รัฐบาลช่วยสุดชีวิต ช่วยเปิดทางให้นักลงทุน และช่วยกสิกร อีกทั้งมุในการช่วยหา terrior ที่ดีที่สุดอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างนี้ซิคะ จึงเรียกว่า..น่ากลัว.. !! จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 13:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณวิโรจบ่นว่า Gaja (หรือ กาเฉอะ ที่อเมริกาอ่านออกเสียงนี้เลยค่ะ) ตัวนั้นแพง.. แหม..แล้วนี่ล่ะ Gaja Costa Russi Langhe ฟังราคาแล้วก็มึนพอสมควร.. อีตาป๋า.. เพื่อนฉันรุ่นนี้น่ะ ก็อยากจะคบเขานานๆอยู่หรอกนะ.. แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่"นาน"ให้ได้คบหรือเปล่าน่ะซิ..?? อ้อ..ขอบอกนะคะ ว่าใครสนใจเรื่องไวน์ หลังไมค์ไปขอ คุณป๋าชอบแช้งค์ได้ เพราะส่งไปแล้ว สามแผ่น.. ดูบ่อยๆจะเข้าใจในขั้นตอนของการทำไวน์ดีขึ้น.. คุณปีบคะ.. เบียร์ซิงเตา ที่นี่ก็ขายเยอะ ทุกร้านจีนมีขายทั้งนั้น. และไม่ใช่สูงสุดคืนสู่สามัญอะไรนั่นหรอกค่ะ (แหม..ฟังแล้วจั๊กกะจี้ดีพิลึก) เพียงแต่ ไม่แน่ใจว่า เราแก่ขึ้น หรือ โลกมันหมุนเร็วเกินไป เมื่อก่อน รู้"ลึก"เรื่องไวน์อเมริกา ไวน์ฝรั่งเศสกว่าคนอื่น เราก็คิดว่าเราเดินมาสุดถนนแล้ว..แต่ที่ไหนได้ พอมาถึงเข้าจริงๆ หนอย...ยังมีถนนสายออสเตรเลีย ถนนสายอิตาลี สายสเปน สายชิลี สายอาร์เจนติน่า สายอาฟริกาใต้ สายนิวซีแลนด์ สายอินเดีย สายจีนที่กำลังผลุบๆโผล่ๆมาให้เห็นลิบๆนั่นอีก แถมเทคนิคการทำไวน์ก็มีขึ้นมาอีกมากมาย ตามกันเหนื่อยเลยค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 1 มิ.ย. 49 14:23:57 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อะฮ่า ชักตามทันแล้ว เพราะไวน์จีนยี่ห้อกำแพงยิ่งใหญ่นี่ เคยซดแล้ว จากฝีมือรุ่นน้องที่ไปทำงานเมืองจีน แล้วซื้อมาฝาก เพราะเห็นว่าเราเป็นพวกขี้เหล้า เมายา ทีแรกก็ดีใจ ที่มันยังนึกถึง แต่ที่ไหนได้ ตอนกลับ มันเปิดตู้คว้าตัวเจ็บๆ ไปหลายขวด แถมบอกว่า เอามาแลกกับไวน์จีนนะ เวร จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 1 มิ.ย. 49 17:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 73 คห.61 จากคุณวิโรจ ผมจะถ่ายทอด โดยไม่ตกหล่นครับ (รวมถึงคอมเม้น เรื่อง Gaja ด้วย อิอิ) คุณ อาวิ ครับ อย่าลืมเส้นทางสายไทย นะ ครับ แม้จะยังไม่มีเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ (สงสัยยัง เวนคืนไม่เสร็จ) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 มิ.ย. 49 21:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เพิ่งรู้ครับว่า เมืองไทยมี ไร่องุ่น Merlot ด้วย (เหอะๆๆ)... -_- " " The Golden Of Trat Koh Chang Reserve Merlot " Terrior ที่นี่ คงมีเอกลักษณ์ คล้ายๆ La Falaise ครับ ..... คือมีกลิ่นหมู่บ้านชาวประมง แท้ๆเลย (อิอิ) แต่ฟรุ้ตที่ออกมา คงเหนือกว่า โดย อาจมี ทุเรียน แก้วมังกร สละ และเงาะครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 มิ.ย. 49 21:55:17 ]

ความคิดเห็นที่ 75 คห.60 ของ คุณอาวิ "เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเอากล้องไปถ่าย เพราะไม่รู้ว่าจะถ่ายไปทำไม..เกะกะ แต่เป็นเพราะคุณพ่อหมีถามเรื่องไวน์ ไฟล์ท และ อาชีพเป็น ตัวแทนจำหน่ายไวน์ด้วย... เผื่อว่าจะได้นำเอาวิธีนี้ไปประยุกต์ใช้เอา" ง่ะ ..อ่านแล้วรู้สึกตื้นตัน จังคับ ความรู้และ คำแนะนำต่างๆที่ผ่านมา ของคุณอาวิ ผมรับรองว่า มันคงเป็นประโยชน์แก่คนแถวนี้ มากมาย คุ้มกับ ที่คุณอา หามาให้ เรื่องไวน์คลับ ไวน์เมมเบอร์ นั้น มีโครงการครับ มีการออกแบบ Card ไว้แล้วด้วย แต่จะเป็นรูปเป็นร่างนั้น ก็คงต้องศึกษากันต่อปาย (แถวนี้หละคับ) ผมก็คุยเรื่องนี้ แย๊บๆ เจ้านายอยู่ เป็นครั้งคราวครับ (มี คุณวิโรจนี่หละครับ ฮาร์ดคอ ให้กระทุ้งเลย) (",) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 มิ.ย. 49 23:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เอ้า...สวัสดีพี่วิ และ ชาวโลก ณ บัดนี้...ขอแจ้งให้ทราบว่า ข้าพเจ้าปลดล๊อค...กกต.หน้าด้าน เอ๊ย... Mondovino ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณพ่อหมี คุณสื่อศิลป คุณชอบแช๊งค์ คุณ So Fat Boy คุณหมอ Ha Ha Yee คุณปีบ....มีใครอีกหว่าฯ กรุณาหลังไมค์ที่จัดส่งมายังข้าพเจ้าด้วย จักเป็นพระคุณยิ่ง จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 2 มิ.ย. 49 10:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 77 มาแอบอ่านค่ะ (ปกติก็จะแอบอ่านทู้กกกก...วัน) เป็นกระทู้ที่สวยใส ไม่ไร้สติ อ่านแล้วอิ่ม!!! จากคุณ : เกศณี - [ 2 มิ.ย. 49 16:48:09 A:58.8.11.23 X: TicketID:093688 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอต้อนรับคุณเกศณีเข้ากระทู้ด้วยความยินดีค่ะ และอยากให้พวกที่แอบอ่านทั้งหลายเข้ามาแสดงตัวกันหน่อย...จะได้ทราบไงคะว่า เรามีผู้ที่สนใจเรื่องเดียวกันกี่คน.. สองสามวันนี้..ขอเล่าตรงๆว่า มืดมัวในจิตใจมาก เพราะเพิ่งเสีย"ของรัก" ไป..เธอคือ ฮันนี่ สุนัขคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ด้วยกันมาถึง 16 ปีกว่า เมื่อวันอังคารที่ไปชิมไวน์มา กลับบ้านมาค่ำๆ มาเขียนกระทู้ ฮันนี่ยังเดินเตาะแตะไปมา..แต่สังเกตได้ว่าไม่ทานอาหารอย่างที่เคย คิดไปเอง..ว่าคงเป็นเพราะอากาศร้อนเกิน ก็เอาน้ำเย็นไปลูบตัว เช็ดหน้าเช็ดขี้ตาให้ตามปรกติ วันพุธ ก็ไม่ทานอีก..แต่น้ำพร่องไปเยอะพอควร เธอหลับ หายใจระรวยแทบทั้งวัน..ตอนกลางคืนได้ยินเสียงร้องหงิงๆอยู่ข้างนอก เดินไปดู..ปรากฏว่า ฮันนี้ลุกไม่ได้ ขาหลังไม่มีแรง พยามยามจับตัวให้ลุก ก็ล้มแปะ ล้มแปะ โทรไปหาหมอ.. หมอบอกว่า ให้มาส่งได้แล้ว ฮันนี่แก่เกินไปกว่าการรักษา ขอให้ตัดใจ put her to sleep อย่าไปทรมานเขา เช้าวันพฤหัส 06/01/06 ขับรถพาฮันนี่ (โดยให้ลูกชายอุ้มไว้แนบอก)ไปส่งที่ SPCA ด้วยอาการน้ำตาท่วม เอาเสื้อยืดตัวที่ใส่นอน ใส่ให้เขา..ส่งให้กับมือหมอ แล้วเราก็รีบผลุนผลันออกมา.. ไม่อยากบรรบายภาพเลยว่า...อาดูรขนาดไหน รู้แต่ว่า..จะไม่เลี้ยงหมาอีก พอแล้ว..ร้องไห้มาหลายครั้งหลายหนในยามที่ถึงการจากพราก ที่เขียนเล่ามาให้ฟัง..เพราะจะได้บันทึกไว้ในที่นี้เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักความผูกพันที่มีให้กับฮันนี่ แม่เพื่อนรัก แต่ตอนนี้อาการดีขึ้น..ทำใจได้แล้ว.. เกิด แก่ เจ็บ ตาย..อย่างน้อย ฮันนี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นหมาที่โชคดีที่สุดตัวหนึ่ง ที่เกิดมาไม่เคยต้องลำบากลำบน หน้าหนาวนอนเบาะติด heater หน้าร้อน มีพัดลมเป่า.. เป็นหมาพันธ์ปักกิ่งที่อายุยืนมาก บรรดาเพื่อนปากหม..โทรมาแสดงความเสียใจ แต่ไม่วายเหน็บให้ว่า.. "ถ้าชั้นเป็นมัน..ชั้นก็อยู่นานเหมือนกันละวะ อยู่สบายตั้งกะเกิดยังกะคาบช้อนเงินช้อนทองแบบนี้ มันไม่อยากตายง่ายๆหรอกว้อย" ระหว่างที่เสียใจในวันสองวันนั้น เพื่อนได้เอาวีซีดีละครไทย เรื่อง เลดี้เยาวราช มาให้ดูให้เพลิน จะได้ไม่อาดูรมากนัก ดูไป ดูไป ก็สนุกดี เพราะชอบนิรุตติ์ ชอบอภิชาติ แต่มาเจอฉากหนึ่ง ต้องอึ้งกับไดอะลอค ที่ไม่รู้ว่าคนเขียนบทเขียนขึ้นมา หรือ จากนักประพันธ์.. เพราะในประโยคสนทนามีคำว่า "กัด" ที่หมายถึง การแซว ติฉิน หรือ ดักคอ บ่อยมาก.. ทีนี้คำว่า"กัด" นี้ได้เลื่อนเปื้อนไปถึง การสนทนาระหว่าง แม่และบุตรสาว แม่..เป็นถึง คุณหญิง.. แสดงโดย เดือนเต็ม สาลิตุลย์ ลูกสาว..ชื่อ อัปสรวิไล แสดงโดย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล (น่าขำม๊ะ..ในความเป็นจริง สองคนนี่อายุไล่เลี่ยกัน เผลอๆ เดือนเต็มจะอ่อนกว่าอีกด้วย) ในฉาก..คุณหญิงแม่กำลังตำหนิลูกสาวที่เป็นหญิงหม้าย ลูกสาวตวาดกลับแว้ดว่า.. "นี่คุณแม่กำลัง"กัด"ไล(ชื่อแทนตัวของเธอ)นะคะเนี่ย.." คุณหญิง..ตอบกลับว่า "กัดซิ..ชั้นต้องกัดเธอให้รู้ตัวยังไงล่ะ" โอ้โห..ดูไปขนลุกซู่ไป..พลางสลดใจอีกต่างหาก !!! จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 49 10:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จะเล่าต่อถึงเรื่องการกระจายออกไปทำมาหากินในประเทศอื่น อย่างมอนดาวีที่มุ่งไปยังฝรั่งเศสตอนใต้นั้น.. ไปแบบนายทุนเต็มตัว ด้วยสาเหตุหลักคือ กลัวโรคห่าองุ่น.. เพราะ Phylloxera นั้น น่ากลัวจริงๆสำหรับธุรกิจใหญ่พันล้านอย่างมอนดาวี และไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก อีกทั้งเห็นคาตาว่า ไร่โอปัส วัน ก็เพิ่งโดนไปไม่นานมานี้ จากประวัติศาสตร์ โรคห่าองุ่นนี้มีการวนมาในรอบยี่สิบปี ถึงแม้ว่าองุ่นพันธุ์ใหม่จะมีรากที่แข็งแรง ไม่ล้มตายหายเกลี้ยงอย่างแต่ก่อน แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงๆหมายถึงการเสียเวลา เสียเงินทองในการพลิกฟื้นสถานะ หน้าดิน.. ดังนั้น..มอนดาวีจึงจำเป็นต้องหาพื้นที่ในการปลูกองุ่นทำไวน์สำหรับฉุกเฉิน.. อีกทั้งพื้นที่ในแลงเกอดอค นั้นกำลังเป็นที่น่าสนใจ นี่คือสาเหตุที่ทีมของมอนดาวีได้ยกโขยงเข้ามาล๊อบบี้ นักการเมืองท้องถิ่นของแขวง Aniane ในมณฑล Languedoc-Roussillon จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 49 10:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 80 วันที่ 25 กรกฏาคม 2000 คือวันประกาศชัยชนะในชั้นแรกของมอนดาวี ที่โปรเจ็คการทำไร่ไวน์ใน แขวงอะเนียน (Aniane) มณฑล แลงเกอดอค-รูซีลยอน (ความจริงน่าจะเขียนว่า ลังเกอดอค นะ..แต่ไม่ชอบเลย ไม่สวย อ่านแล้วจะกลายว่าเป็นลัง-กะดกทู๊กทีไป) ผ่านมติของเทศบาลเมือง โดยการผลักดันของ Andre Ruiz นายก อบต. ด้วยสัญญาเช่าพื้นที่ทำไวน์ 123 เอเคอร์ในระยะยาวถึง 99 ปี และทางบริษัทมอนดาวีเองก็ไม่ได้ปิดบังถึงนโยบายที่จะเปิดฉากการทำไวน์แห่งโลกใหม่ในพื้นที่ของ"โลกเก่า" ชาวพื้นเมืองได้เกิดมีความเห็นแตกแยกเป็นสามฝ่ายในเรื่องนี้ ฝ่ายแรกก็ว่า ดี..อาจจะทำให้ไวน์ของแลงเกอดอคได้เปิดตัวสู่ตลาดโลกให้เป็นที่ฮือฮา ฝ่ายที่สองว่า..มาก็ดี..ไม่มากรูก็ไม่แคร์ ฝ่ายที่สามว่า...เมิงงงง..อย่าสะเออะ หนึ่งเสียงที่แข็งขันของฝ่ายสุดท้ายนี่คือ นายแซมมวล กีแบรต์ (Samuel Guibert) เจ้าของไร่ไวน์ Domaine Mas de Daumas Gassac ที่อยู่ใกล้เคียงออกมาขวางอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่..ขั้นตอนสุดท้ายคือการที่จะต้องผ่านมติจากรัฐบาล ที่ทุกคนพร้อมที่จะยอมเซ็นผ่าน เพราะ มณฑล แลงเกอดอค-รูซีลยอน นี้ ไม่เคยสร้างไวน์ที่มีชื่อเสียงมาก่อน ผลิตได้แต่ไวน์ไห ไวน์ตุ่ม แม้ว่ารัฐบาลได้เข็นกฏหมาย AOC ออกมาบังคับใช้ จัดระเบียบการปลูกองุ่นใหม่ทั้งสายพันธุ์ และระเบียบของปริมาณ-ปริมาตร ของผลผลิต แต่ภาพพจน์ของเจ้าแห่งไวน์ราคาถูกก็ยังลบให้หายไปได้ยาก ถ้ามอนดาวีเข้ามา..นั่นก็หมายถึง ชื่อเสียงที่จะผลิตไวน์ชั้นดีที่มีชื่อเสียงรองรับออกมาสู่ตลาด เริ่มมีแววสดใส และทางมอนดาวีเองก็หวังอย่างเต็มที่ ในนโยบายของไวน์ชั้นดี (Syrah)ที่จะผลิตในพื้นที่ ราคาเริ่มต้นที่ ขวดละ $ 60.00 แต่..อุปสรรคก็บังเกิดจนได้ นายกฯคนเก่าได้พ้นวาระไป คนใหม่ที่มาแทนมาจากพรรคสังคมนิยม หรือ พูดง่ายๆว่า เป็นพรรคฝ่ายซ้าย มะงุมมะงาหราขึ้นมาทำงานในสำนักงานไม่กี่วัน ไม่เคยรู้เรื่องรายละอียดในสัญญาเช่า 99 ปีนี้มาก่อน เผอิญว่าข่าวที่ทุกคนได้รับ มาจากในหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หลายกระแส ทีนี้ก็มาถึงคราวของ นายกีแบรต์ที่ได้แนวร่วมคือฝ่าย NGO ฝั่งซ้าย หรือที่เรียกว่า Green Party ที่เข้ามาขัดขวางแถมยังโจมตี ด่าว่ากลุ่มมอนดาวี ว่าเป็นไอ้พวกอวดดี ยะโส จองหองที่ชอบเที่ยวเบียดเบียนชาวบ้าน ถึงขนาดเป็นการเดินขบวน ที่สำคัญที่รัฐบาลถึงขนาดต้องระงับโครงการนี้ไป เพราะ สาเหตุคือ เนื้อที่ 123 เอเคอร์นี้ ส่วนหนึ่งเป็นป่าธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่คนส่วนใหญ่ไม่ยอมให้มีการทำลายหรือบุกรุก แต่กว่าที่รัฐบาลจะออกมาชัดเจนในเรื่องนี้...ทางมอนดาวีก็ทุ่มทุนละลายแม่น้ำไปแล้วกว่า เจ็ดล้านเหรียญที่ไม่มีวันได้คืน เพียงแต่หวังในกระแสการเมืองที่อาจพลิกผัน ถ้าฝรั่งเศสเจอปัญหาเศรษฐกิจหนักๆเข้า..อาจจะต้องกลับมาพิจารณาใหม่.. แต่เป็นไปได้ยาก..เพราะการเมืองของอเมริกาที่สนับสนุนสงครามอิรักนั้น..คืออีกเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลฝรั่งเศสไม่กล้าที่จะร่วมสังฆกรรมใดๆด้วย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 3 มิ.ย. 49 10:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เสียใจด้วยเรื่องสุนัขครับพี่ จากคุณ : ha ha yee - [ 4 มิ.ย. 49 06:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สวัสดีค่ะ คุณหมอ วันหยุดนี้อยู่บ้านเลยเข้าเน็ทแก้เซ็งหรือคะ..? รูปหลานน่ะ..ใหม่ๆไม่มีมาโชว์เลยเหรอ อยากดูว่าผมขึ้นหมดหรือยัง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริงๆ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มิ.ย. 49 11:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ในช่วงปี 1990 เป็นต้นมา..บ๊อบก็เปลี่ยนไปแบบกลับหลังหัน จนใครต่อใครตามแทบไม่ทัน เพราะ..เขาเกิดหันมา"โอ๋" ไวน์นาปาขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ทั้งๆที่เมื่อก่อนนั้น เขาโจมตีอย่างไม่เลี้ยง อีกทั้งชอบยกไวน์ไวน์ฝรั่งเศสมาเปรียบเทียบให้เจ็บใจออกบ่อยๆ แต่คราวนี้กลับประกาศก้องว่า.. "ไวน์คาลิฟอร์เนียกำลังจะขึ้นมายืนอยู่แถวหน้าในตลาดโลกอีกไม่ช้าไม่นาน..ใครที่ไม่เชื่อก็นับว่าโง่เต็มที" แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปสำหรับตลาดไวน์นาปานับตั้งแต่ 1970's เป็นต้นมาจนถึงบัดนี้ นั่นคือ การที่ต้องอิงกับสื่อโฆษณาชักนำในการขาย (ซึ่งต่างกับไวน์ฝรั่งเศสไม่ต้องใช้ตัวช่วย) ยิ่งเป็นไร่เล็กๆด้วยแล้ว..ต้องวิ่งหาที่ขายแบบเท้าแทบพลิก ต้องพยายามโฆษณาให้เป็นที่รู้จักแทบในทุกรูปแบบ เข้าข่ายว่าแทบจะกราบกรานร้านค้าให้ช่วยรับไป ส่วนเรื่องที่จะเททิ้งเทขว้างให้ชิมฟรีๆอย่างไร่ใหญ่ๆนั้น ก็ทำได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากปริมาตรการผลิตนั้นมีน้อยนิด แต่จะว่าเป็นของดี..ของวิเศษ..ใครจะเชื่อ อีกทั้งที่มาที่ไปก็ไม่มีหัวนอนปลายเท้า..ไม่มีชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลที่เคยทำไวน์ดีๆมาค้ำการันตี (อย่างไวน์ฝรั่งเศส..อีกแล้ว) ดังนั้น..การหาตลาดคือสิ่งสำคัญที่ต้องกระทำด่วน.. และสื่อโฆษณา...คือสิ่งเดียวที่ทุกคนได้ฝากความหวังไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สื่ออย่างปาร์คเกอร์ หรือ สื่ออย่าง The Wine Spectator นั้น เปรียบเหมือนกับเทพเจ้ามาโปรดเลยทีเดียว (ในตอนนั้น สถิติได้ชี้ชัดว่า..ประชากรอเมริกันดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลเพียง 12 % และ ในจำนวนของ 12 % นี้ 88 % นั้น ดื่มไวน์) จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มิ.ย. 49 11:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 84 พอบ๊อบเริ่มหันมาสนใจและสนับสนุนไวน์คาลิฟอร์เนีย.. ไร่เล็กๆที่ว่านี้มีเฮ...เพราะเริ่มจับทางถูกว่า เขาต้องการอะไร โดยจากการที่เขาได้สรรเสริญ ไวน์ของ Silver Oak, Dunn, Caymus, Mayacamas ในจดหมายเวียน The Wine Advocate สู่บรรดาสมาชิกนั่น ทุกคนสามารถแกะรหัสลับดาวินซีได้อย่างทันทีว่า... ไวน์ต้องเข้มข้น องุ่นต้องสุกจัด ถังโอ๊คต้องใหม่และสด ซึ่ง..คุณสมบัติดังกล่าว..นาปามีครบหมด แสงแดดไม่เคยขาด น้ำท่าสมบูรณ์ ฝนตกตามฤดูกาล พื้นที่กว้างขวาง ดินดีมีเกลือแร่ อีกทั้งเทคโนโลยี่ที่ทันสมัย เรื่องไวน์ก็กลายเป็นเรื่องหมูๆ.. หัวหอกไพโอเนียร์รุ่นแรกที่ถอดรหัสลับนี้ได้ คือสุภาพสตรีสองคน..ที่มีอาชีพในการทำไวน์ และถือว่าเป็นเด็กรุ่นใหม่ นั่นคือ Helen Turley (คนนี้ที่บ๊อบยกย่องว่าเป็น แม่เทพธิดาไวน์ หรือ Wine Diva) และ Heidi Peterson Barrett ที่ได้เริ่มสนใจและเอาใจใส่ในการปลูกองุ่นให้ออกมางอกงามทุกเมล็ด คัดเลือกแต่ที่สุกจัดสมใจ ไม่ต้องการปริมาณ แต่เน้นในคุณภาพของความเข้มข้น และหมักให้หอมอบอวลในถังโอ๊คฝรั่งเศสใบเล็ก (ที่เรียกว่า barriques = แบร์รีค) และ นี่คือ สิ่งที่เราเรียกว่า Cult Wines ที่บ๊อบได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมการผลิต และดื่มด่ำไปกับสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ลิ้มรสจนให้คะแนนท่วมทะลัก เท่านั้นไม่พอ..เขายังไปเที่ยวแนะนำชักชวนใครต่อใครให้หันมาทำ CW ให้มากขึ้น.. คนที่เชื่อก็หันไปจำนองบ้าน กู้หนี้ยืมสินจากธนาคารเพื่อจะนำมาปรับผังการผลิตไวน์ใหม่ ตามบ๊อบว่า คนที่ไม่เชื่อก็ทำเฉยๆ..ไม่รู้ไม่ชี้..อย่าง Tim Mondavi (ลูกชายของโรเบิร์ต มอนดาวี ที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานการผลิตของไวน์มอนดาวี) ความจริงสัมพันธภาพระหว่าง บ๊อบกับไร่มอนดาวีนั้นก็เป็นไปด้วยดี ต่างคุ้นเคยสนิทสนมพอควร..แต่เนื่องจากที่ทิม ไม่ได้สนใจทำตามที่บ๊อบแนะนำ เขาก็"ด่า"ไม่เลี้ยงเหมือนกัน ว่า ไวน์ที่ออกมาในปี 1999 นั้นใสยังกะน้ำล้างมือ ทั้งๆที่ธรรมชาติได้อำนวยสิ่งที่ดีที่สุดให้ทุกอย่างแล้ว.. ฉะนั้น คะแนนที่จะให้คือ 80 นิดๆ บางชนิดให้แค่ 70 หน่อยๆ.. เรียกได้ว่า..ต่ำอย่างชนิดไวน์แหลกไม่ล่ายเอาเสียเลย ผลคือ..บริษัทไวน์มอนดาวีในปี 2000 นั้น สต๊อคร่วงลงไป 14 จุด!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มิ.ย. 49 12:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 85 แน่นอนว่า..ความสัมพันธ์ที่ว่าเคยแน่นแฟ้นนั้น เริ่มคลายเกลียวลงไป.. ทางมอนดาวีได้แต่กัดฟันกรอด..ไม่กล้าที่จะออกมาต่อต้านได้เต็มที่ ดังที่ทิมได้ให้สัมภาษณ์ว่า "บ๊อบก็มีไอเดียเป็นของเขา ทางเราก็พยายามเป็นตัวของตัวเอง ย่อมมีแตกต่างกันอยู่บ้าง" แต่ในขณะเดียวกัน มอนดาวีผู้พ่อก็ได้ขอนัดพบกับบ๊อบ เพื่อที่จะได้คุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ผลออกเป็นอย่างไร ไม่มีใครรู้ได้ รู้แต่ว่า.. มาดามมอนดาวีได้พูดในงานเลี้ยงวันเกิดหลานว่า "เราทำไวน์ตามที่เราถนัด ด้วยหัวใจและวิญญาณ คนที่ชิมเขาก็ย่อมรู้เอง ว่าของของเราเป็นของดี" ส่วนทิมนั้น..หมางเมินไปเลย..เพราะเขาได้เล่าว่า สาเหตุที่บ๊อบหงุดหงิดนั้น เพราะในช่วงการเดินสายของเขาในการชิมไวน์ที่นาปา ในเดือนตุลาคมของปี 2000 นั้น ทิมไม่ได้อยู่รับหน้า เพราะต้องไปงานประชุมของ Wine Spectator ที่นิวยอร์ค (WS ถือว่าเป็นคู่แข่งของจดหมายเวียน The Wine Advocate ของบ๊อบ) และเมื่อบ๊อบได้ถูกรับหน้า รับรองโดย เจเนเวียฟ แจนเซน ไดเร็คเตอร์คนหนึ่งในฝ่ายผลิต เขาจึงรู้สึกว่าถูกหยาม ดังนั้น ผลของการชิมไวน์จึงออกมาเลวร้ายไปหมด ในการแก้เกมส์เอาตัวรอดกับ บ๊อบ ปาร์คเกอร์ ด้วยมันสมองที่ชาญฉลาดของมอนดาวี..นั้น คือ การจ้าง มิเชล โรลลานด์ มาเป็นที่ปรึกษาในการผลิตให้รู้แล้วรู้รอดไป.. ส่วนทิมไม่หายข้องใจ..เขาได้ให้บริษัททดสอบคุณภาพไวน์ ในโซโนมา ที่ชื่อว่า Enologix (ใหญ่โตและมีชื่อเสียงที่สุด) ให้ทำการทดสอบไวน์ cab/sau ของมอนดาวี โดยการประชันกับไวน์ที่เรตติ้งสูงๆของบ๊อบอื่นๆอีกหลายตัว ในรูปแบบของ blind tasting and testing ซึ่งผลก็ออกมาว่า ไวน์ของทิมนั้นไม่ได้ด้อยหรือใสไปกว่าคนอื่นๆเลย เขาถึงได้ออกมาบอกว่า "ก็แล้วแต่ใครจะคิด เพราะบางทีคนที่เขียนก็ไม่ทันได้คิด แต่คนดันเชื่อในสิ่งที่เขาเขียน..." จากคุณ : WIWANDA - [ 4 มิ.ย. 49 12:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เสียใจกับเรื่องสุนัขด้วยครับ ... Helen Turley จากคุณ : sofatboy - [ 4 มิ.ย. 49 18:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 87 Helen Turley อีกภาพจาก vinbladet จากคุณ : sofatboy - [ 4 มิ.ย. 49 18:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 88 Heidi Peterson Barrett (ภาพจาก lasirenawine) จากคุณ : sofatboy - [ 4 มิ.ย. 49 18:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 89 Heidi Peterson Barrett (ภาพจาก sfgate) จากคุณ : sofatboy - [ 4 มิ.ย. 49 18:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 90 Tim Mondavi และ พ่อ Robert Mondavi (ภาพจาก robbreport) จากคุณ : sofatboy - [ 4 มิ.ย. 49 18:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ตอนแปดขวบ...ผมก็ไม่เลี้ยงสุนัขอีกเลย หลังจากหมารัก...เจ้า Lucky มันตาย แม้ว่าพ่อจะเอาเข้าบ้านอีกหลายตัว...หลังจากนั้น เสียใจด้วยครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 4 มิ.ย. 49 18:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แหม รอให้พี่ถามถึงอยู่พอดี เตรียมรูปไว้อวดแล้ว อิ อิ อิ ขวบกับสองเดือนแล้วครับ วันอาทิตย์อยู่เวร ไม่ได้อยู่บ้านครับ ทำงานอาทิตย์ละหกวัน เรื่องไม่เลี้ยงสุนัขอีกเพราะกลัวความพลัดพราก ผมอยากให้คิดอีกด้านนึง ว่าถ้าเราเลือกที่จะเลี้ยงอีก จะมีสุนัขที่โชคดี ได้มีคนที่รักมัน และคนที่มันรัก... บ้านผมไม่เคยขาดสุนัขครับ แล้วก็รักมันทุกตัว จากคุณ : ha ha yee - [ 5 มิ.ย. 49 07:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เสียใจด้วยค่ะป้าขา บ้านหนูก็ไม่เคยขาดสุนัขเหมือนกันค่ะ ถึงวันนี้ก็จากไปแล้ว 9 ตัว ที่ยังอยู่ก็ 6 ตัวค่ะ จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 5 มิ.ย. 49 12:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ...มาช้า ยังดีกว่าไม่มา...เสียใจเรื่องสุนัข..ด้วยครับพี่วิ ...คล้ายว่าทุกคนมีประสบการณ์เรื่องนี้มา...บางคนทุกข์หนักถึงการพลัดพราก...จนเข็ด...ไม่อยากเจออีก...แต่อีกหลายคนก็คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของสัตว์โลก.. ...ผมจัดอยู่ในกลุ่มแรก...ตอนนั้นจำความได้แล้ว....นานจนป่านนี้ ความสะเทือนใจครั้งนั้นยังเหลือร่องรอยอยู่เลย..... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 5 มิ.ย. 49 16:23:14 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เสียใจเรื่องสุนัขด้วยค่ะ มีแต่คนบอกว่า สุนัขนี่ ถ้าตายละก็ ได้ไปสวรรค์ทุกตัวค่ะ เพราะมันไม่เคยโกหก จริงใจมาก เกิดมาแบบว่า..รักเจ้าของคนเดียว..จริง ๆ จากคุณ : เกศณี - [ 5 มิ.ย. 49 17:25:08 A:58.8.11.143 X: TicketID:093688 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เสียใจครับ ปักกิ่งของคุณป้า ต้องอึดสุดๆ สิบหกขวบ น่าจะเป็นปักกิ่งที่แก่ที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาเลยครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 5 มิ.ย. 49 19:51:26 ]

ความคิดเห็นที่ 97 เสียใจเรื่อง คุณฮันนี่ ด้วยนะครับ เชาเชา 10 ขวบของแฟนผมชื่อ ลัคกี้ ก็เพิ่งเสียไป เข้าใจเลยครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 5 มิ.ย. 49 21:47:36 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ...คืนนี้หวานใจไม่อยู่...กินข้าวคนเดียวที่บ้าน...สั่งเดอะพิซซ่าอย่างหนาถาดใหญ่...เปิด Vieille Julienne - Cote du Rhone v.v. 2001....เปิดคอมแล้ววิ่งเข้าหากระทู้นี้แหละ...อ่านทบทวนไปมาสองเที่ยว.... ....ไวน์หมดไปค่อนขวด...รสชาติไวน์และพิซซ่าไม่รู้เป็นอย่างไร เพราะมัวแต่อ่าน....รู้แต่ว่าลื่นไหลจนอิ่มตื้อ....แอลกอฮอล์ในเส้นเลือดได้ระดับ....ความคิดเตลิดไปไกล... ...สะดุด คหห. 7,19,50-52 ...เดี๋ยวนี้การทำไวน์ซับซ้อนขึ้นมาก...แต่จะถึงขั้นนี้ไหมหนอ.... ....ทารุณไวน์ให้ลำบาก คับแค้น เน้นผลผลิตต่ำ เหลือผลองุ่นต้นละ 5 เถา เถาละ 14 ลูก ....เติมอ๊อกซิเจนในถังบ่มใหญ่ทุก ๆ 12 ชั่วโมงครั้งละ 1.3 แกลลอนสำหรับ 7 วันแรก และทุก 24 ชั่วโมงสำหรับ 14 วันถัดไป ....เติม มิเชล โรลองต์ ลงไปที่ Label ....วางชิ้นโอ้ก 2x3x1 นิ้ว 32 ชิ้นในถังหมักที่ระดับความลึก 12 นิ้วจากพื้นถัง ทุกชิ้นทำมุม 45 องศากับฝาถัง เป็นเวลา 18 วัน แล้วโรยผงโอ๊กฝรั่งเศสอย่างละเอียดคนให้เข้ากันก่อนบรรจุขวด 10 วัน ....เติมไซรัปกลิ่นหนังกระเป๋ากุชชีเก่าสามปีที่ Terrior ไม่ยอมแถมมาให้ถังละ 18 มก. ในสองวันสุดท้าย... .....ผ่านไป 30 ปี...ในที่สุด...นักวิทยาศาสตร์คิดค้นพบสูตรทำไวน์อย่างสมบูรณ์....ไม่ต้องอาศัยพันธุ์องุ่น...ไม่ต้องมียีสต์...Terrior ไม่เกี่ยว...ไม่มีถังโอ้ค....ไม่ต้องบ่มเก็บ....อยากดื่มเมื่อไหร่ก็เทน้ำเปล่าลงแก้วไวน์แล้วเทผงเคมีสำเร็จรูปจากซองที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตระหัส 075LT2036 ราคาซองละ 50 บาทลงไป เขย่า 4 รอบ ก็ได้ทั้ง กลิ่น รส แอลกอฮอล์ ของ Latour 2036 ที่สมบูรณ์....ทุกอย่างเหมือนปี 1990 ไม่ผิดเพี้ยน..... .....ถึงตอนนั้น...ไม่เป็นไร....ผมไม่อยู่แล้ว.....สำหรับคนที่อายุยังน้อย....ขอให้โชคดีครับ..... ....ไวน์แก้วสุดท้ายหมดพอดี....หนึ่งคนหนึ่งขวดกำลังได้ที่...เอิ้ก....ไปนอนดีกว่า.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 5 มิ.ย. 49 23:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ลาทัวร์ ซอง เด๋วทำเล่นๆดีกว่าครับ จากคุณ : ดิคดิค (Natt_ac121) - [ 6 มิ.ย. 49 11:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 100 . ร้ายมากจริงด้วย พี่ปีบนี่ ล่อคนเดียวขวดนึงเลยหรือ วันก่อนลองทั้งขวดบ้าง เล่นเอาต้องพักฟื้นตั้ง 2 วันกว่าวิญญาณจะเข้าร่าง พี่วิวันดาจ๊ะ ชอบ "ก็แล้วแต่ใครจะคิด เพราะบางทีคนที่เขียนก็ไม่ทันได้คิด แต่คนดันเชื่อในสิ่งที่เขาเขียน..." ใน คคห 85 จังเลย ใช้ได้ทุกเรื่อง ทุกโอกาสเสียด้วย เพราะคนเราสมัยนี้แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ยังต้องมีคนอ่านให้ฟังทุกเช้าทุกช่องทีวี ต่างกับที่เดิมต้องหาอ่านเอาเอง แถมถ้าฟังแล้วก็ไม่กรอง ด้วยความที่เชื่อถือผู้อ่าน ก็เลยไปกันใหญ่ ไปๆมาๆกิจการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก จะอยู่จะไปนี่เลยไปขึ้นอยู่กับอิทธิพลคนอื่นเสียหมด แย่จังนะ ส่วนหมาน่ะ ทุกบ้านก็แบบนี้ ทำใจเถอะจ้ะ ที่บ้านก็ฝังมาหลายรุ่นจนจะเต็มเนื้อที่อยู่แล้ว เลยชินกับการพลัดพรากได้ระดับหนึ่งเหมือนกัน เดี๋ยวเหอะ สักพักก็ขี้คร้านจะขวนขวายหามาเลี้ยงอีก จะคอยดู . จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์) - [ 6 มิ.ย. 49 13:00:54 ]

ความคิดเห็นที่ 101 Ch. Latour 2036 จากคุณ : Natt_ac121 - [ 6 มิ.ย. 49 19:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ได้ความรู้และเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้ดื่มไวน์แต่ยังได้ดื่มด่ำกับความรู้และสุนทรีย์ที่หลายๆท่านมอบให้ ขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : ~ลมทะเล~ - [ 6 มิ.ย. 49 21:35:12 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมแสดงความเสียใจกับฮันนี่นะคะ ตอนนี้ฉันเองก็กำลังงงๆอยู่เหมือนกัน จำไม่ได้ว่าตอนที่เลิกกับสามีนั้น ฟูมฟายเท่านี้หรือเปล่า.. (พูดเล่งงง..) ขอบคุณสำนวนของคุณปีบที่ทำให้ยิ้มออก..ส่วนรูปของหลาน Natt นั่น ถึงกับหัวเราะกิ๊กเลยค่ะ ขอต้อนรับคุณลมทะเลเข้ากระทู้ด้วยอีกคนหนึ่ง..เชิญหาความสำราญได้เลยค่ะ ตาชช...หมาบ้านเธอน่ะ ตัวใหญ่โตยังกับช้างสาร กะฝังในพื้นที่หมายจะทำปุ๋ยหรือไงยะ? อ้อ...ขอขึ้นกระทู้ใหม่เสียที..ยาวมากแล้ว ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้K4435490 จากคุณ : WIWANDA - [ 7 มิ.ย. 49 05:14:41 ]