copied from PANTIP.COM : K4435490 เส้นทางไวน์.... ในสายทางประวัติศาสตร์ ตอนสิบเอ็ด{แตกประเด็นจาก K4402445} [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 2

คนที่ประมูลล็อตหมายเลขสองได้นั้นคือ มหาเศรษฐีจากฮ่องกง นามว่า M.K. Koo ในราคา $460,000
ดาราภาพยนตร์โทรทัศน์ Geena Davis (ในชุด Commander in Chief) พยายามที่จะยัดเยียดกระตุ้นยอด
ราคา ด้วยการเสนอตัวร่วมโต๊ะดินเนอร์กับนาย M.K. Koo ถ้าเขาจะเพิ่มยอดให้จนถึง $580,000

แต่ขอแสดงความเสียใจ เศรษฐีไม่สน...
บอกว่า ขอแค่ไวน์ก็พอ ดาราไม่ต้อง...แต่แก้ตัวแบบบัวไม่ให้ช้ำว่า
"ผมมาประมูลเพราะสนใจในตัวไวน์ ที่จะเอามันกลับไปดื่ม
กับเพื่อนๆที่รออยู่ ส่วนเรื่องประมูลอื่นๆนั้น ต้องขอเรียนว่าไม่สะดวก อีกอย่างหนึ่ง ผมซื้อไปดื่ม..ไม่ได้เอาไปเก็บสะสม"

ปีนี้..เสน่ห์ของการประมูลได้ลดน้อยไปจากปีที่แล้วมาก จากรายได้ที่เหลือแค่ 7.4 ล้าน หายไปจากปีที่แล้วถึง 3 ล้าน ทั้งๆที่ราคาของปีนี้ได้โก่งขึ้นมากว่าเดิม
(กว่า 30 % เทียบกับปีที่แล้ว)
ไวน์ที่เข้าร่วมก็เหลือดีๆน้อยเต็มที เศรษฐีกระเป๋าหนักจริงๆ ในรายการก่อนๆก็หายหน้าไป เหลือแต่ คนในวงการที่มาประมูลกันเอง น่าสงสัยมาก..(ยกเว้นรายจากฮ่องกงนั่น)
ตามรายชื่อดังนี้..

Top Five Live-Auction Bidders

1. Joy Craft, Woodside, Calif.(น่าประหลาด เป็นแม่บ้านเกษียณธรรมดา ไม่มีประวัติในวงการไวน์ เพิ่งเข้ามาแบบรีบร้อน เพราะเพิ่งซื้อตั๋วผ่านประตูเข้ามาประมูลก่อนเวลาเพียงสามวันเอง ประมูลไวน์ไปรายการไหนไม่ทราบ แต่ชื่อขึ้นอันดับหนึ่ง)

2. M.K. Koo, Hong Kong

3. Koerner Rombauer, St. Helena, Calif.(คนนี้เป็นไวน์โบร๊คเกอร์ เอาเป็นว่า คนกันเอง)

4. Larry Durham, Montecito, Calif.(เศรษฐีจากเท็กซัส)

5. Stratton Sclavos, Saratoga, Calif (คนนี้เป็นเจ้าพ่อ
เครื่องมือสื่อสาร)

สาเหตุของลดน้อยถอยลงนั้น..จะเล่าให้ฟัง

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 06:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3

Cult Wines ที่มีด้วยกันไม่กี่ไร่นั้น ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จก็คือไวน์เมธีเพียงไม่กี่คน ส่วนเจ้าของนั้น..ลืมไปเลย นอกจาก Grace Family และ Harlan แล้ว..
เจ้าของไร่ที่ต่างพกเงินเข้ามาในนาปา ล้วนแล้วแต่เป็นนักแสวงโชคที่มีความรู้เรื่องไวน์น้อยนิดเต็มที เพียงแต่ทุกคนหวังว่า ทำไวน์ดีๆให้ขึ้นมาติดชาร์ทสักตัวสองตัว..
ปัญหาเรื่องตลาดก็จะหมดไป เนื่องจากในยุค 1990's นั้น
รัฐบาลได้สนับสนุนการทำไวน์อย่างเต็มที่ มีการหักลดหย่อนภาษีได้แทบทั้งหมด
ต้องทราบไว้อย่างหนึ่งว่า คนอเมริกันถ้ามีรายได้จากทางอื่นๆมาก ก็ต้องเสียภาษียุบยิบและเสียซ้ำเสียซาก เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้คนนำเงินออกลงทุน รัฐบาลจึงได้สรรหาโครงการใหม่ๆ หรือที่เรียกว่า tax shelter ให้คนได้สนใจออกมาเสี่ยงโชค ถ้าขาดทุนก็เอาไปหักกับภาษีที่ต้องเสียให้มันเสียน้อยลงไป

ไวน์เมธีคนสำคัญนี้ คือ เฮเลน เทอร์ลี่ย์ อายุปัจจุบันก็ 60
แล้ว..ทั้งเธอและสามีที่อดีตคือไวน์โบร๊คเกอร์ John Wetlaufer นั้นมาจากรัฐจอร์เจีย ตัวเธอเองเรียนมาทางด้านพืชวิทยา และไม่ได้สนอกสนใจเรื่องไวน์อย่างมากมายมาก่อน จวบจนที่ได้มาแต่งงานจึงเข้าร่วมสนใจในธุรกิจของสามีและกลับเข้าไปเรียนเรื่องไวน์ และเรื่ององุ่นให้ชัดเจนไปกว่าเดิม
จากนั้น ก็ได้ย้ายเข้ามาใน นาปา คาลิฟอร์เนีย..และได้เริ่มทำงานกับห้องแล็บของมอนดาวีก่อนที่จะเข้าไปรับจ๊อบ
เล็กๆตามไร่โน้นไร่นี้
(ต้องเข้าใจว่า ในตอนนั้นหลายไร่ในนาปา..ต่างก็ทำไวน์กันแบบไม่เป็นประสา ใครคิดสูตรอะไรได้ก็ทำกันไป อย่างที่เล่าให้ฟังมาในต้นๆ)
เมื่อเฮเลนได้พกวิชาความรู้ที่เรียนติดตัวมาบ้าง อีกทั้งทำงานอยู่กับมอนดาวีจึงมีโอกาสได้เข้าคลุกคลีวงใน
แต่ความที่เธอเป็นคนฉลาดและเข้าใจในความต้องการและรู้ถึงจุดอ่อนของตลาด
เธอรู้ดีว่า..ไร่เล็กๆถ้าทำไวน์ออกมาขายแข่งกับมอนดาวี ก็จะมีแต่ทางหายนะ ไม่มีทางขายได้ นอกจากจะต้องทำให้แตกต่างออกไป..
การที่จะแตกต่าง..นั่นคือ แอลกอฮอลในไวน์ที่ต้องไม่เหมือนกับท้องตลาด ที่เขียนไว้ว่า 12.5% by Volume

อ้ะ..ทีนี้จะอธิบายถึงเรื่องนี้ซะที คำว่า by Volume หมายถึงโดยมวลที่สามารถปรับขึ้นได้ลง 1.5 ตามกฏหมายอเมริกา เพราะว่ารัฐบาลได้เห็นว่า ไวน์เมื่อยามบรรจุอยู่ในถังกับการที่กรอกมาอยู่ในขวด อาจมีอัตราเปลี่ยนแปลงของดีกรี จึงได้เผื่อขึ้นลงให้ และไวน์
ส่วนใหญ่จะอยู่ในระหว่าง 11-12 ดีกรี
ฉะนั้น..12.5 คือ อัตราประเมิน..

และดีกรีตรงนี้เอามาจากไหน..

ตอบคือ เอามาจาก จำนวนของ Brix หรือน้ำตาลในองุ่น
คูณด้วย .55 จำนวนที่ได้คือ ดีกรีของแอลกอฮอล..
ตัวอย่าง เมื่อเก็บองุ่นในขณะที่วัดได้ 22 บริกซ์
ก็เท่ากับ 22 x .55 = 12.10 ดีกรี หรือ เข้าข่าย 12.5 by Volume

ดังนั้นการที่ยกระดับไวน์ให้เข้มข้นและแก่จัด นั่นคือ การที่ไวน์ได้สุกเต็มที่ อมน้ำตาลมากกว่า 22 ซึ่งเดี๋ยวนี้เขารอกันจนถึง 25-26 เพื่อที่จะได้ไวน์กว่า 14 ดีกรี
แต่กฏหมายก็มีอีกว่า..ถ้าเกิน 14 ดีกรีให้จำกัดความของ Volume ใหม่คือ บวก(ไม่มีลบ)ได้แค่ 1 หมายถึง
ถ้าไวน์ออกมาในถังคือ 14.3 ในขวดจะต้องแจ้งว่า 15.3

และการเสียภาษีกับสรรพามิต..ไวน์ที่มีการแจ้งมาดีกรีสูงกว่าปรกติ หมายถึง 12.5 หรือที่เรียกว่า Table Wineนั้น...จะต้องเสียภาษีเพิ่มไปตามดีกรี ซึ่งเป็นเงินไม่ใช่น้อย..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 07:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 4

ไหนๆจะเล่าแล้ว..ก็เล่าให้หมดเลยละกันในเรื่องเพดานภาษี
ผู้ผลิตจะต้องจ่ายภาษีต่อแกลลอนไวน์ คือ $1.07 นั่นหมายถึงไวน์ที่ดีกรี 14.1 หรือต่ำกว่า..
ถ้าสูงกว่านั้น หมายถึงเกิน 14.1 ต้องจ่าย $1.57 ต่อแกลลอน
และพวกที่ออกมาสูงถึง 21.1 ถึง 24 จะต้องจ่ายถึง $ 3.15 ต่อแกลลอน (ไม่มีข้อยกเว้น)

ส่วนพวกไวน์ซ่า ทั้งหลายนั่น จ่ายราคาเดียวไม่ว่าจะแก่หรืออ่อน คือ $3.40 ต่อแกลลอน
แต่ถ้าผู้ผลิตไวน์ซ่าได้มีผลผลิตเพียงน้อยนิด ไม่ถึง
151,000 แกลลอนต่อปี ขอลดหย่อนภาษีได้

นี่คือ หลักการเสียภาษีของชาวไวน์แบบคร่าวๆ

เฮเลนได้ทำการทดลองของแปลก ในจุดประสงค์ครั้งแรกคือการแหวกแนวเพื่อต้องการตลาดอันเป็นเรื่องที่ยากยิ่งของวงจรค้าไวน์ในอดีต แต่ผลสำเร็จของไร่ Opus One
ที่มีแต่คนคอยซื้อนั้น มันช่างหอมหวลยิ่ง..
และแสดงให้ใครต่อใครได้เห็นว่า..
ของดี..ถึงจะราคาแพง..ยังเป็นที่ปรารถนา
นั่นคือการลงมือให้คำแนะนำในฐานะที่ปรึกษา และ การทดลองทำ..ในหลายๆไร่ดังนี้..

Bryant Family Vineyard เจ้าของคือ Don Bryant ที่ลองด้วยตัวเองแล้ว ปรากฏว่าไวน์ออกมาแหลกม่ายล่าย จึงไปจ้างเฮเลนมาช่วยในปี 1992 ซึ่งเธอได้ทำไวน์ออกมาด้วยองุ่น 100 % cab/sau ที่ใช้วิธี Low Yield ขนาดเอาแค่ผลผลิต 2 ตันต่อหนึ่งเอเคอร์ ปรากฏว่า ผลนั้นไวน์ของเฮเลนที่ทำในปี 1992 และ 1993 ที่มีจำนวนเพียง 1000 ลัง ได้เป็นที่ฮือฮาในหมู่คอไวน์
เฮเลนและสามียังได้รับจ๊อบกับไร่ Canepa ใน Alexander Valley ในระยะเดียวกันด้วย อันนี้คือการทำไวน์ชาดอนเนย์ อันเป็นที่ฝึกปรือฝีมือ..

ไหนจะยังมาทำวิธีเดียวกันกับ ไร่ Colgin (Herb Lamb Vineyard) 100 ที่ Howell Mountain อันนี้ทำออกมาแค่ 200 ลัง และขายให้กับสมาชิกทางไปรษณีย์เท่านั้น..
เพราะกลุ่มผู้ติดตามไวน์รสเข้มข้นนี้ไม่ไปไหนเสีย..
ลองฟาดขนาด 14 % ขึ้นไปละก้อ ไวน์อื่นๆกลายเป็นน้ำประปาไปหมดแล้ว..

จ๊อบที่ Green & Red นั้น เจาะเฉพาะทำไวน์ Zinfandel
ส่วนที่ ไร่ Harrison นั้นมาเริ่มทำในปี 1992 และมุ่งปรับสภาพให้ดีขึ้น เพราะพื้นที่คือไร่บนภูเขาที่เหมาะกับการท้าทาย..และไวน์ก็ได้มีคุณภาพดีขึ้นมาก
(ตอนนี้ไร่ไวน์บนภูเขากำลังเป็นที่นิยม สูงถึง 1200-1600
ฟิตยิ่งดี เหมาะสำหรับองุ่นสำหรับทำไวน์รสข้น ดังที่ได้เล่ามาในกระทู้ก่อนๆว่า ตัวเองยังต้องไปเข้าสัมนาเพื่อค้นหาความจริง)

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 08:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5

ไหนจะไร่ La Jota, ไร่ Landmark (อันนี้ทำไวน์เบอร์กันดี)
และไร่ Martinelli, ไร่ Pahlmeyer (ของโปรดคุณวิโรจเค้า), ไร่ Swanson
และไร่Turley ที่เป็นของน้องชายตัวเอง ที่เธอได้เข้าไปช่วยในการให้ความร่วมมือ(บ้าง)

จึงกล่าวได้ว่า..ในช่วงของ 1992-1995 เฮเลนได้ผ่านงานของการให้คำปรึกษาและช่วยเริ่มให้กับหลายๆไร่ ดังที่ว่า..
จนช่ำชอง และได้ส่งชื่อเสียงไปถึงหูของ บ๊อบ..
ที่ยอมสยบให้กับฝีมือของเธออย่างราบคาบ..แจกแต้มไม่อั้น ขอให้มีชื่อของ เฮเลน..ไม่ว่าจะอยู่เบื้องหลังของไร่ไหน ไร่นั้นมีชัยชนะไปแล้วกว่าครึ่ง..

ทันทีที่บ๊อบได้หันมาสนใจให้คะแนนแบบทุ่มเทขนาดนั้น
สาวกทั้งหลายก็ต่างพากันแย่งชิงที่จะได้เป็นเจ้าของไวน์เทพธิดาสร้างกันอย่างล้นหลาม (มีด้วยกันอีกสองคน Heidi Barrett ,Mia Klein) ชนิดว่า ยิ่งผลออกมาขายน้อย ยิ่งกระสัน..ราคาเท่าไหร่ก็สู้

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 08:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6

จนเฮเลนและสามีได้ออกมาทำไร่เอง ในปี 1990 ชื่อว่า..Marcassin ในขณะที่ยังวิ่งรอกรับจ๊อบตามไร่ต่างๆอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่า ผลของไวน์ชาดอนเนย์จาก
ไร่มาร์คัสซิน นั้น รับคะแนนไปจากบ๊อบอย่างเต็มๆแบบว่าเกือบร้อยประมาณนั้น..
จากการวิ่งรอกทำงานมากมายหลายแห่งนั้น ในที่สุด
ไร่ Bryant ที่จ้างสองผัวเมียมานานถึงเกือบสิบปีนั้น ทนไม่ไหว ประกาศเลิกจ้าง...ในปี 2002
ที่เป็นการเปิดศึกฟ้องร้อง ชนิดสาวไส้ให้กากินเป็นการเอิกเกริก

เพราะทางฝ่ายเฮเลนและสามี ถือว่าไม่ยุติธรรมที่จะมาเลิกจ้างกันง่ายๆแบบไม่มีพิธีรีตอง เพราะทั้งสองไม่ได้ทำอะไรผิด ไวน์ก็ออกมาดี จนติดอันดับ cult แล้วจะเอาอะไรกันอีก จึงเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวน $ 550,000
(ค่าจ้างทำงานคือ ปีละ 250,000 ต่อปี)

ทางฝ่ายเจ้าของไร่ก็ไม่ยอมจ่าย สู้คดี จ้างทนายระดับบิ๊กๆ
ยกทีม..โดยอ้างว่า ไม่ได้ไล่ออก แต่เฮเลนและสามีได้บอกไว้ว่าจะลาออก จึงตกลงตามนั้น..

ศึกการฟ้องร้องไปฟาดฟันกันอย่างถึงพริกถึงขิง..ในการให้การระหว่างในศาล ทุกคนจึงได้ทราบว่า ต้นทุน(บวกกำไรแล้ว)การผลิต
cult wine นั้น ตกขวดละ $ 25 (ดังคำให้การ)
แต่เนื่องจากการขายไวน์นั้นมีเทคนิคพลิกแพลงมากมาย
ถ้าจะขายโดยมีตัวกลางหรือโบร๊คเกอร์ จะต้องขายลังแถมหนึ่งลัง..
ดังนั้น..จึงต้องขายออก(ว่าเป็นต้นทุน) คือ ขวดละ $ 50
จึงจะครอบคลุมในส่วนที่แถม..
เพราะตอนนั้นคือปีแรกที่ยังไม่ได้คะแนนจากบ๊อบ...
เลยยังไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่อย่างไร..

แต่ถึงขวดละ 25 ก็ยังนับว่าต้นทุนมหาศาลเอาการ
ในขณะที่ไวน์อื่นๆธรรมดา ต้นทุนนี๊ดเดียว..ห้าเหรียญก็ยังไม่ถึง ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆที่จะขาย..
แต่ด้วยอิทธิพลของเธอที่มีกับนักชิมไวน์ที่ขึ้นชื่อในเวลาต่อมาทำให้ไวน์ขายได้ถึงขวดละ 500 ซึ่งเอและสามีจึงได้เปิดฉากเจรจาของส่วนแบ่งจากกำไรอันมหาศาลตรงนี้..
ซึ่งทำให้เจ้าของไร่ไม่พอใจ จึงได้ไล่เธอและสามีออกจากงาน อันเป็นเหตให้เสียลูกค้าไปหลายราย เพราะในช่วงนั้นได้มีผู้ที่สนใจติดต่อว่าจ้างมา แต่ต้องปฏิเสธไป
เนื่องจาก เห็นว่ามีพันธะอยู่กับไร่ Bryant

นั่นคือ คำให้การของเฮเลน..ถึงสาเหตที่ไม่ได้รับความยุติธรรม

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 09:29:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8

คดีสู้กันนานถึงสองปี ..ตัดสินในปี 2004 ที่(ดูเหมือนว่า)
เฮเลนชนะ..ได้รับค่าทำขวัญ $255,421
ซึ่งน้อยมาก..ค่าทนายยังไม่พอด้วยซ้ำ..

ส่วนทางเจ้าของไร่..ได้จ่ายค่าทนายไปกว่าล้านเหรียญ

สรุปคือ..เลิกแล้วต่อกัน..ต่างคนต่างเปียก..
แต่ภาพของ cult wines ได้เด่นชัดขึ้น..ในด้านของวิทยาศาสตร์การผลิตที่มุ่งเน้นให้หนักไปทางแอลกอฮอล์ และความเข้มข้น หนักโอ๊คเข้าไว้ บางไร่มีเนื้อที่แค่หกเอเคอร์
และแถมยังต้องไปแอบฝากทำกับไร่ข้างๆ
รอแค่ให้บ๊อบมาชิม..และเตรียมรอรับรายชื่อสมาชิกจากจดหมายเวียน The Wine Advocate ได้เลย เดี๋ยวก็จะหลั่งไหลเข้ามาเอง..

ผู้อ่านอย่าคิดว่า..แค่สองสามดีกรีในไวน์ที่แตกต่างสูงขึ้นนั้นไม่มีความหมาย
โหย..แก้วเดียวก็เมาได้แล้วสำหรับคนที่ไม่คุ้น

ในภาพ เฮเลนและจอห์น (สามี)

จากคุณ : WIWANDA

- [ 7 มิ.ย. 49 09:40:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11

เฮเลนและสามี หันมาบริหารงานให้กับหนึ่งในนายจ้างที่ได้ติดต่อกับแบบแอบๆตั้งแต่เมื่อครั้ง 1999
แต่เมื่อจบคดีจากศาลก็ได้ประกาศตัวเป็นทางการ
นั่นคือกับไร่ไวน์ใหม่เอี่ยมชายเขตเนื้อที่ 2.5 เอเคอร์ติดกับไร่ Dominus
ซึ่งถือว่าปลูกองุ่นได้คุณภาพเยี่ยม เพราะไวน์เมอร์โลต์ของ Pahlmeyer (ปาห์ลเมย์เออร์ ตรงคำว่าเออร์..ออกเสียงควบสั้นๆ) หรือไวน์หลายๆชนิดที่เฮเลน
ทำก็มาจากองุ่นของไร่ดอมินุส เจ้านายใหม่ของเฮเลน คือ ครอบครัว Blankiets ที่ยอมทุ่มเงินไม่อั้นสำหรับไร่เล็กเนื้อที่เท่าแมวดิ้นตายนี้
เพราะมองเห็นลู่ทางที่จะติดโผยกระดับในสังคมไวน์ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง..
ขอเล่านิดหนึ่งนะคะ สำหรับสังคมไวน์ในนาปานี้..ไม่ว่าคุณไปที่ไหนในนาปา..ที่เปรียบเสมือนเมืองใหญ่ๆเมืองหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักใขว่
และทุกคนพูดจาประสาไวน์ล้วนๆ เงินที่หมุนเวียนอย่างมหาศาลในท้องที่ก็มาจากเงินจากไวน์ สังคมเล็กใหญ่ก็มาจากไวน์
สังคมอีกสังคมหนึ่งที่เลิศเลอสามารถขึ้นไปเหยียบสภาทำเนียบขาวได้ก็คือ สองสังคมที่มีนามว่า 95up Club และ 100 Club
พวกแรกคือ กลุ่มใหญ่ชาวทำไวน์ที่ได้รับคะแนน(จากบ๊อบและ WS) 95 ขึ้นติดๆกันสามปี และพวกนี้ก็พยายามถีบตัวเองมาอยู่ใน
100 คลับกันอย่างสุดความสามารถในทุกวันนี้ เพราะกลุ่ม 100 ที่ว่านี้มีเพียงไม่กี่ราย (ก็พวก Cult Wines นั้นแหละ)
กลุ่ม 100 นั้นเปรียบได้ก็เสมือนกับเป็นพระราชวงค์นาปาเลยทีเดียวที่ต้องทำตัวเป็นผู้นำและหัวหอกในการออกสิทธิออกเสียง
เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของวงจร..ดูได้จากการที่ต้องมอบไวน์ของตัวเองออกประมูลหาเงินเข้าการกุศล ยิ่งได้มาก ยิ่งมีบารมี...
ส่วนไร่ Staglin นั้น..(เบอร์หนึ่งในการประมูล) คือไร่ที่พยายามไต่อันดับอย่างน่าสงสาร ทำไวน์แค่ระดับโอเค (ได้จาก WS 95 คะแนนในปี 2002
แต่ยังจากบ๊อบสูงสุดคือ 92)
เจ้าของสองสามีภรรยานั้นได้พยายามตีซี้กับบ๊อบทำตัวยิ่งกว่าสาวก พยายามเข้าร่วมวงจรทุกวงจรในนาปา เพื่อให้เด่นให้ดัง..
ครั้งหนึ่งที่บ๊อบไปเยี่ยมชมชิมไวน์ในไร่ ขณะที่กดกริ่งที่ประตูใหญ่เพื่อที่จะต้องเปิดด้วยระบบไฟฟ้ามาจากข้างใน เสียงขานรับคือ
คุณนาย (Shari) ที่ได้ทำตัวแบบกันเอง แต่ฟังแล้วไม่ค่อยเข้าท่ากับมารยาทของการรับแขก..นั่นคือ
"อ๋อ..บ๊อบเหรอ..งั้นตอนเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ติดมือเข้ามาให้ด้วยนะ"
(ก็คนงานมีเป็นร้อยๆ..ทำไมไม่ใช้ฟะ)

จากคุณ : WIWANDA

- [ 8 มิ.ย. 49 00:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12

ยิ่งมาเห็นในหนังเรื่อง Mondovino ที่ไปถ่ายทำในไร่ ปรากฏว่า เจ้าของไร่ทั้งสองไม่ได้พูดถึงเรื่องการทำไวน์เลย..แต่ดันพาชมสถานที่
สระว่ายน้ำ โต๊ะกินข้าวที่ชายคา ปฏิมากรรมปั้นในสวน และการพูดจาสองสามประโยคกับไวน์เมธีที่มีคนงานเม๊กซิกันยืนคุมคอยให้กำกับอยู่ข้างๆ
จนคนสัมภาษณ์ต้องถามไปแบบแย๊บๆว่า..
"คนงานของคุณเป็นเม๊กซิกันทั้งหมดเลยหรือ?"
คำตอบก็อ้ำๆอึ้งๆ...ครั้งผู้สัมภาษณ์ได้นำคำถามประโยคเดียวกันนี้ไปถามกับเจ้าของไร่สองสามีภรรยา ก็ได้รับคำตอบชนิดไปไหนมาสามวาสองศอกว่า
"เรารู้จักและสนิทสนมกันหมด สามารถเรียกชื่อแรกได้เลย..บางทีเราก็เอา T-shirts ไปแจกให้พวกเขาด้วยนะ"

ที่โดนถามเหน็บเช่นนี้..เนื่องจาก หลายๆไร่ในนาปาได้ดำเนินงานทำไวน์โดยกลุ่มชาวเม๊กซิกันฝีมือดี ที่มีเครือข่ายคลุมไปทั่วนาปา
ในช่วงฤดูเก็บองุ่นนั่น..เขาสามารถเรียกประชุมพลคนงานเก็บนับหมื่น นับแสนได้ในชั่วข้ามคืน เงินทองจ่ายกันสดๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
บางคณะไม่ได้เก็บเพียงอย่างเดียว สามารถจัดดำเนินงานต่อตั้งแต่แยกองุ่น คัดองุ่น บีบ คั้น ให้เสร็จสรรพ ตามคำสั่งของไวน์เมธีที่แค่ต้องเดินตรวจตราดูงานเท่านั้น เพราะคนงานมีความช่ำชองและเจนจัดมาก

เจ้านายใหม่ของเฮเลน..The Blankiets ซื้อไร่นี้เพราะมองเห็นลู่ทางซื้อฝันสู่ความดังแบบสำเร็จรูป..นั่นคือ
1.มีไร่ติดกับไร่ดัง 2. จ้างไวน์เมธีระดับเฮเลนทำไวน์ 3. เมื่อได้เฮเลนก็ต้องได้บ๊อบมาชิม..
แล้วชื่อเสียงจะไปไหนเสีย..ตอนนี้เพียงแต่ว่าจะขายไวน์ในราคาเท่าไหร่ดีก็เท่านั้น...ส่วนองุ่นที่มีติดไร่ติดต้นมานั้นคือ Sangiovese
ที่ได้ต่อตาไปบนต้นและรากของ Cabernet และ Merlot เพราะดินนั้นมีอยู่สองชนิด
ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มเงินลงไปอีก 5 ล้านปรับหน้าดินใหม่ให้สมบูรณ์กว่าเดิม เพื่อที่จะกลับไปปลูก Cabernet และ Merlot ให้ชัดเจน
ส่วนโรงทำไวน์ค่อยสร้างทีหลัง เอาไปฝากทำที่ไหนก่อนก็ได้
(ตอนนี้เอาไปทำที่ Oakville Wine Co.)
ตอนนี้ก็จ่อคิวรอเป็น Cult Wine อยู่ เพราะขายให้กับสมาชิกเท่านั้น..ขวดละ$ 100
คนที่ซื้อก็คือ กลุ่มเก็งกำไร เพราะถ้าขึ้นอันดับตามที่คาดเมื่อไหร่...หมายถึงราคาจะพุ่งไปหลายเท่าตัว

จากคุณ : WIWANDA

- [ 8 มิ.ย. 49 00:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17

ป๋าชอบแช้งค์และเพื่อนๆกระทู้ทุกคนคะ..

ตามที่ป๋าถามมาว่า..
"พี่วิวันดาครับ
ราคาอย่างนี้พี่ Natt_ac121 ยังหมั่นไส้ พี่จำราคาที่เมื่อก่อนพี่เคยแปะให้พวกเราดูเมื่อปี 2 ปีก่อนได้ไหม แค่เห็นราคาแต่ละขวด ลมพาลจะใส่ ทำไมต้องถึงขนาดนั้นก็ไม่รู้พวกเศรษฐีเค้านี่นะ "

คำตอบคือ พวกเราชาวเอเชี่ยนนี่ละค่ะ คือตัวการในการปั่นราคา..และฝรั่งเองยังดูถูก (นี่คือ จุดประสงค์และเป้าหมายในการที่เขียนกระทู้เรื่องไวน์นี่)
จากหนังสือ เรื่อง The Emperor of Wine เขียนโดย Elin McCoy
หน้า 236 ย่อหน้าสุดท้าย ได้เขียนดังนี้ว่า..

PART OF WHAT MADE THE WINE MARKET GLOBAL
WAS THAT PEOPLE WITH NO HISTORY OF WINE
DRINKING AND NO WINE KNOWLEDGE,
especially in Hong Kong, Singapore, and Japan,
were embracing the culture of the grape and French wines,and with them Parker and his point system.

ตรงที่พิมพ์ตัวใหญ่ไว้ให้นั้น เก็บไปอ่านให้ดีๆ แม้ว่าเขาจะไม่พูดถึงประเทศไทยก็ตาม...แต่มันก็เจ็บแปล๊บ

จะว่าไปแล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆนะ ในญี่ปุ่นนั้น
บ๊อบ ปาร์คเกอร์ โด่งดังยิ่งกว่าดาราเพลงร๊อค
หนังสือไวน์ของเขา ได้แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นขายเป็นแสนๆเล่ม ในปี 1985-1986 ที่เขาได้เขียนถึงไวน์ โรมาเน-กองติ ว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้ ราคาจากขวดละ $200 พุ่งพรวดไปถึงขวดละ $4000-$5000

ญี่ป่นได้ทุ่มเทศึกษาในเรื่องนี้มาก ในปี 1995 ชาวญี่ปุ่น
นามว่า Shinya Tasaki ซอมมิลเยร์ ของโรงแรม
Seiyo Ginza ได้รับรางวัลชนะเลิศแฟนพันธ์แท้ไวน์ เอ๊ย..
ไม่ช่าย การประกวด The World Sommelier Competition นับว่าเป็นชาวเอเชี่ยนคนแรกที่ได้รางวัลนี้
เลยยิ่งเรียกความสนใจให้เพิ่มมากไปอีก..
ผู้คนต้องการรู้เร็ว..เรียนเร็ว..เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปอยู่ในวงจรของความดังแบบสมัยใหม่..
ดังนั้น Parkerpoints คือคำตอบสำหรับทุกคน..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 8 มิ.ย. 49 11:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18

แต่เรียกได้ว่า นี่คือ win-win situation สำหรับทุกคน
เพราะ การส่งออกของไวน์ฝรั่งเศสสู่เอเซีย ได้พุ่งขึ้นถึง
115 % หรือ $1.32 (billion) ในช่วงของ 1997-98
ไวน์จากคาลิฟอร์เนียก็ขยับขึ้นกว่า สามสิบล้านเหรียญเช่นกัน

เพราะเหตุนี้..บ๊อบจึงได้มั่นใจในการเดินสายเอเซีย
ร่วมเดือนในปี 1998 เพราะไม่ว่าเขาจะย่างก้าวไปที่ไหน
ได้รับเสียงตอบรับอย่างท่วมท้น เขาแวะที่ฮ่องกงก่อน เพราะตอนนั้นกำลังจัดงาน Asia VinExpo และต่อด้วยสิงคโปร์ ญี่ปุ่น
ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนในญี่ปุ่น กล้องโทรทัศน์ไม่เคยห่าง
การถ่ายทอดออกทีวีนั้นมีอย่างไม่ขาดระยะ ทุกคนเรียกเขาว่า เทพเจ้าแห่งไวน์ (ทั้งๆที่ไม่เคยผลิตเองสักขวด)

ในงานเลี้ยงต้อนรับแบบดินเนอร์ราตรีสโมสรคืนหนึ่ง
ดาราหนังเร็ทเอ๊กซ์คนหนึ่งนามว่า Naomi Kawashima
ได้ถือโอกาสขณะที่กรรมการคนหนึ่งที่นั่งข้างๆบ๊อบ
ต้องลุกขึ้นไปกล่าวต้อนรับบนเวที เธอได้ถือโอกาสนี้
นวยนาดไปนั่งข้างๆบ๊อบทันที เพียงเพื่อต้องการกล้องโทรทัศน์ให้จับเรียกเรทติ้ง และ ในขณะเดียวกันนั้น
เธอได้ดึงผ้าคลุมไหล่ออก เผยให้เห็นชุดราตรีที่ผ่าลึกจนถึงสะดือ..
กว่าจะลากตัวกันออกไปได้..ก็ได้สปอตไปหลายนาทีแบบฟรีๆ
และได้ผลจริงๆ ยายดารานี่ดังไปเลย..

ชาวญี่ปุ่นได้คลั่งไคล้บ๊อบถึงขนาดลืมเกียรติภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไปเลยทีเดียว..
พวกเขาได้คะยั้นคะยอให้บ๊อบจัดการชิมและให้คะแนนสาเกร่วมสองร้อยกว่าชนิด..
นายบ๊อบ..ก็บ้าจี้พอกัน ตอบตกลงเอาก็เอาวะ..
สาเกมีดีกรีถึง 18 ห่างจากไวน์ที่บ๊อบเคยชิมถึง 4-5 %
เนี่ยะนะ มันเล่นเอาเหงื่อแตกพลั่ก..แทบล้มคว่ำไปตรงนั้น
แถมกลิ่นที่จัดจ้ามันทำให้เขาเกือบอาเจียน แต่ก็ต้องทน..
เพราะหลวมตัวไปแล้ว..เขาถามตัวเองว่า
"What have I got myself into?"

แต่ไหนๆก็ไหนๆ เขากลับมาเขียนในจดหมายเวียนถึงสมาชิกเรื่องคะแนนของสาเก ที่เขาให้คะแนน 87-92 จาก สาเก 52 ชนิด

จากคุณ : WIWANDA

- [ 8 มิ.ย. 49 11:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27

แวะเข้ามาทักคุณวิวันดาค่ะ
เพิ่งกลับมาจากอุรุกวัย เป็นทริปที่สุดยอดมาก ให้ความอึดของตัวเอง
ที่นั่นเค้าก็ทำไวน์เยอะน่ะค่ะ หนูลองชิมหลายเจ้ารสชาติไม่เลวทีเดียว ตามอ่านประวัติเจ้าของไร่ไวน์ส่วนมากมาจากฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ทั้งนั้นค่ะ มีทริป เที่ยวไร่องุ่นชมการทำไวน์ด้วย แต่โทรจองทัวร์ทีไร มีเราคนเดียวทุกที สรุปไม่ได้ดูว่าเค้าทำไวน์ยังไง แต่ซื้อหนังสือมาค่ะ ถ้ายังไงจะสแกนมาแปะค่ะ ไวน์นั่นราคาย่อมเยา ยิ่งเทียบกะราคาที่อังกฤษแล้วต้องสุดแสนจะถูก ค่ะเทียบกับรสที่ได้

มาบอกว่ายังอ่านอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน เสมอค่ะ

จากคุณ : horseshoes

- [ 9 มิ.ย. 49 02:18:36 ]

ความคิดเห็นที่ 29

เพิ่งเข้ากระทู้มาได้ไม่ถึงอาทิตย์ ชอบมากครับ ไล่อ่านของเก่าเกือบทุกกระทู้ เกือบทุกlink ทึ่ง ทึ่ง และโค-ตะ-ระ
ทึ่ง เข้าใจ (ถ่องแท้มากขึ้น)เกี่ยวกับไวน์และประวัติศาสตร์
วันนี้เป็นวันดี ก็เลยถือโอกาสนี้เข้ามาแจม จะได้จำได้แม่นว่ามาเริ่มวันไหน แอบเป็นกบที่เล็กกว่ากะลา(กะลาก็โค-ตะ-ระ เล็กด้วย) พี่ๆช่วยช่วยยกกะลาที่ครอบอยู่ออกให้ด้วยครับ โดยการเขียนๆและตอบๆ กระผมน้องใหม่คนนี้จะตามอ่านตลอดไป เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากกะลาใบเล็กใบนี้ ไปสู่กะลาใบที่ใหญ่ขึ้น หรือไม่ก็ไปสู่โลกกว้างนอกกะลา ขอพี่ๆได้โปรดเขียนๆตอบๆเป็นวิทยาทานต่อๆไปตลอดเทอญ สาธุ

มาวแย้ว ไม่มาววว เมา ไม่เมา
กลับไปหลบที่เดิมดีกว่า (เป็นกำลังใจให้กับพี่ๆทุกคนคร๊าบ)

จากคุณ : วาริชเวสม์

- [ 9 มิ.ย. 49 14:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33

Tasting Note แด่คุณ Hurley และ Parker

24/3/2549, Giusto, ประสานมิตร
Pahlmeyer 2000
Cabernet Sauvignon, Napa Valley , California
"....แดงดำ ทึบลึกมาก ให้กลิ่นโอ๊กสวย เข้ม แอลกอฮอล์สูงปานกลางแต่นุ่มนวล ครีมหอม ผลไม้ดำ แต่ไม่แสดงกลิ่นที่มีเอกลักษณ์

....โครงเนื้อหนาเต็ม แอซิดและความชัดลึกดีมาก สมดุลดี แทนนินกับโอ๊กเหมือน Burnt มาแบบตั้งใจเต็มเหยียดเพื่อให้ได้ Roasted Coffee จนติดขมและจบขม แม้จะหนักแต่ก็ไม่มีความอลังการใดๆ เป็นผู้หญิงแบนๆ หนาๆ Fake และขาดเสน่ห์ แอลกอฮอล์สูงมากในโพรงจมูก"

ไวน์แบบนี้แหละครับที่ Parker อยากให้ชาวโลกดื่มด่ำไปกับรสนิยมของเขา

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 9 มิ.ย. 49 21:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 34

อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณวิโรจ

เรามักต้องมาเจอกันยามนี้ทุกที คือ ก่อนนอนของคุณ กับตอนเช้าของพี่ (แวะเข้าติ๊ดนึง ก่อนไปทำงาน)
เรื่องเทียบไวน์กับผู้หญิงนี่..มันส์มากค่ะ เพราะทางชาวไวน์
ได้แอบด่าคุณบ๊อบว่า..
"ลูกทุ่ง(หมายถึงคาวบอยอย่างบ๊อบ) มันก็เป็นลูกทุ่งอยู่วันยังค่ำ"
เพราะรสนิยมในเรื่องไวน์ที่ชัดเจนของเขา ก็คือสิ่งที่คุณวิโรจได้พรรณาไว้ เหมือนกับผู้หญิงที่เน้นไปทางอกใหญ่
ตัวหนา ก้นล้นเหลือ จริตเติมแต่งแพรวพราว แบบเป็นที่นิยมในยุคของฮอลลีวู๊ดยุคหนึ่ง

และที่พี่เคยบอกคุณว่า..บ๊อบหมายใจโปรโมทไวน์ประเภทนี้ ก็เหมือนกับเป็นการเหยียบย่ำอาชีพไวน์ของฝรั่งเศสให้จมดินนั้น..ขอตอบตรงนี้เลยว่า..
ถ้าเขายังมีอิทธิพลต่อ"สาวก" ของเขาไปอย่างนี้ อีกหน่อย คนไม่อ่านฉลากไวน์แล้วค่ะ จะดูแค่ % Volume ที่แจ้งที่ขวดเท่านั้น ยิ่งมากยิ่งดี
ไวน์ฝรั่งเศสจะมาทำดีกรีแก่นั้น..ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้รอจนองุ่นสุกจัด อย่างในนาปา หรือ กลุ่ม New World อื่นๆ
และถ้าคนที่คุ้นเคยกับไวน์ระดับ 14 อัพ ก็จะไม่มีความละเมียดละไมให้กับไวน์อื่นๆ มันผิดรส ผิดลิ้นไปอย่างทันที

เดี๋ยวนี้มีถึง 16 แล้วนะคะ...ขอบอกกกก...

จากคุณ : WIWANDA

- [ 9 มิ.ย. 49 23:05:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35

ขอต้อนรับ..คุณ วาริชเวสม์, คุณ Ramin&Indra เข้ากระทู้ค่ะ อย่าลืมนะ ว่า เข้ามาแล้วห้ามออก..(มีขู่)

ยินดีต่อการกลับมาของ คุณ horseshoes แฟนขาประจำที่น่ารักและคงทนค่ะ ขานี้เที่ยวอุตลุดเหมือนกัน..น่าจะมาเขียนเล่าเรื่องการเดินทางมั่งนะคะ ..อยากฟัง

คุณเกศิณี..ที่รัก

ขอบอกว่าเขียนเรื่องไวน์นี้ ยากที่สุด เพราะจะต้องพยายามทำเรื่องที่ไม่สนุก..ให้อ่านสนุก และเจตนาคือ อยากให้คนที่ไม่เคยสนใจในเรื่องนี้ หันมาสนใจ..
เพราะเชื่อว่าอีกหน่อยจะไม่ใช่เรื่องไกลตัวของสังคมในปัจจุบัน
ไม่อยากให้ทุกคนพอรู้สึกตัวว่า..ถึงเวลาที่จะต้องรู้เรื่อง
ไวน์กับเขาบ้างด้วยแรงกระแสกดดัน
ก็ไปซื้อหนังสือของปาร์คเกอร์มาอ่านอย่างชาวญี่ปุ่น
พออ่านจบเล่ม ก็ไปซื้อไวน์ที่แนะนำมาลองสามสี่ขวด
แล้วคิดไปเองว่า ตัวเอง..จัดเจนพอ..หรือไม่ก็ยึดหนังสือนั้นเป็นไบเบิ้ลประจำกาย ใช้เป็นข้อมูลคอยเก็บไปถกไปเถียงเอาชนะกับเพื่อนๆ
ที่เขียนเพราะอยากให้ทราบว่า..เรื่องราวของไวน์มีที่มาที่ไปและก่อนจะเข้าใจในเบื้องหน้า..
ตัวเราต้องมีพื้นฐานของเบื้องอื่นๆ..ที่มีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตความเป็นอยู่ เศรษฐกิจ และการเมือง

และที่เขียนคงทนมาได้หลายตอนนี้ ก็ต้องขอขอบคุณแรงใจจากผู้อ่านและผู้รู้..เกจิอย่างคุณวิโรจที่เข้ามาช่วย
แจมให้ออกรสชาติในการสนทนา อีกทั้งคอยช่วยให้การแนะนำในเรื่องการจัดซื้อจัดหาของดีราคายุติธรรมให้กับ
เพื่อนๆ.. ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ..คุณวิโรจเจ้าขา..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 9 มิ.ย. 49 23:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36

คนซ้ายมือ นี่คือ เฮเลน ในเวอร์ชั่น Aussie ครับ Chris Ringland

เจ้าของไวน์ 100 แต้มจาก ปาร์คเกอร์ หลายๆตัว ทั้ง Three Rivers และ Chris Ringland (Shiraz ทั้งคู่)

Greenock Creek ไร่ไวน์ที่ บ๊อบบี้ กล่าวว่า เป็นไร่ที่ดีที่สุด ใน ออสซี่ ไวน์เมกเกอร์และ เจ้าของ คือ ไมเคิล วอห์น (ใจดีโครต)
แต่เบื้องหลังการทำไวน์ (ที่น้อยคนมากที่จะรู้) คือ ตา คริส นี่หละที่เป็นที่ปรึกษาคุณ ไมเคิล (และบ๊อบบี้ ก็ตามมาชิม)

Torbreck ไวน์ที่มี สไตล์ Rhone ไร่นี้ บ๊อบบี้ก็ชมไม่ขาดปาก แต้มก็ วนๆ อยู่ แถวๆ 100 - 95
ไวน์เมกเกอร์และ เจ้าของ คือ เดวิด พาวเวล ลูกมือเก่าของคุณ ไมเคิล และที่เด็ด คือ เป็น ศิษย์ ของ Chris Ringland
(และบ๊อบบี้ ก็ตามมาชิม)

จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear

- [ 9 มิ.ย. 49 23:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 37

ส่วนตา..pigtt นี่..คิดถึงมาก เพราะคนนี้แหละที่มาเคาะประตูบ้าน ลากไปตีกอล์ฟทุกเช้า แทบไม่มีวันหยุด
หอบหิ้วกันไป ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
หนีไปแอบที่หัวหิน..อีตานี่ก็ยังยกพวกตามไปจิกออกมาตีกอล์ฟสนาม มาเจสติค ปราณบุรีจนได้..

ส่วนตาป๋าชอบแช้งค์ นั่น..ไม่ต้องบอกก็คงทราบนะคะ
ว่า..คือเพื่อนรัก เป็นบุคคลที่มีอะไรหลายอย่าง "น่าที่ง"
อย่างที่สุด เพราะเธอจะเป็นคนที่สุภาพเรียบร้อย นุ่มนวล
แต่ยามที่เขียนเล่าเรื่องนะ..สำนวนจัดจ้านเหลือหลาย
แถมไม่ชอบใจในเรื่องอะไร เธอตำหนิไม่ยั้ง..
เจ้าของสนามกอล์ฟหลายสนามแทบจะต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวไปเชียว

จากคุณ : WIWANDA

- [ 9 มิ.ย. 49 23:30:40 ]

ความคิดเห็นที่ 39

คุณพ่อหมีฯ ก็เข้ามาตอนดึกด้วยเหมือนกัน..สวัสดีค่ะ

อ้อลืมเล่าเรื่องของ Don Bryant หลังจากที่ศาลตัดสิน..

ในฐานะที่เขาเป็นเศรษฐี เจ้าของบริษัทประกันภัยที่หาญกล้ามาซื้อไร่ในนาปา แถมไม่ได้อยู่บริหารซะด้วยซ้ำ
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฮเลนและสามีนั้น
เขาไม่เสียดายกับเรื่องเงินค่าทำขวัญ..ดังที่ได้ประกาศไปว่า เสียค่าทนายไปมากว่าหลายเท่าตัว และยินดีที่เรื่องราวได้จบสิ้นไปซะที..
ไม่ต้องมามองหน้ากันอีก..

แต่วงการไวน์ได้จับตาดูอย่างเขม็งว่า Cult Wine อย่าง
ไบรอันท์ จะเอาไวน์เมธีฝีมือดีที่ไหนมาทำ..
หวยก็มาออกที่.. Philippe Melka ชาวไวน์จากบอร์คโดซ์
ที่มีชื่อเสียง(ไม่มากนัก) จากการทำไวน์ชื่อว่า Metisse. แต่สไตล์การทำไวน์และฝีมือนั้น ยังห่างไปจากเฮเลนแบบคนละชั้นไปเลย..

ดังนั้น..เพื่อเป็นการ"กันเหนียว" ไร่ Bryant จึงได้จ้าง
Michel Rolland มาประดับไว้ด้วย...

เห็นม๊ะ..บอกแล้วไง ว่านี่คือสูตรสำเร็จ..!!!

จากคุณ : WIWANDA

- [ 9 มิ.ย. 49 23:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 45

เรียน ลูกค้า Mondovino ที่นับถือ

ณ บัดนี้ (...รับอย่างน่าชื่น) ผมยังไม่ได้จัดส่งแผ่นดังกล่าวเลย (แฮ่ะๆ)
สืบเนื่องจากที่คุยว่าสามารถแก้ Protect ได้นั้น
ในความเป็นจริงหลังตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว...พบว่า
การลอกไฟล์ขนาด 7.5 กิกส์ แล้วขมวดลงในแผ่นขนาด 4.7 กิกส์ นั้น...เป็นอาชญากรรม

มันเกิดการดิ้นสู้ ถีบ กัด เสมือนเกิดการข่มขืนขึ้น
ภาพหลายช่วงเกิดความพร่ามัว และติดขัดในหลายๆ ช่วง

ผมเลยตัดสินใจแก้ไขใหม่ทั้งหมด ด้วยการลอกมันใส่ในแผ่นขนาด 8.5 กิกส์
จึงเกิดการสมยอม โดยปราศจากการขัดขืน
เสร็จสมอารมณ์หมายกันทั่วหน้า

ผมจะจัดส่งให้ทุกท่านหลังงานราชพิธี (หน่วยราชการหยุดหมด (ขนาดผมจะเดินทางไปไหนยังลำบากมาก (ดันพำนักอยูติดเขตพระราชวัง (เกาหลังแกรกๆ))))

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 11 มิ.ย. 49 20:34:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46

ทุกช๊อตที่พี่วิเล่ามา
...โดยเฉพาะเกี่ยวกับไวน์นาปา นายปาร์ฆเก และ มิเชล โฮลอง (สำเนียงฝรั่งเศส) ทำให้ผมรู้สึกเศร้า...บ่อยครั้ง

แม้ว่า...ครั้งหนึ่ง เคยชื่นชมสามสิ่งที่ว่ามาก่อน ...แต่นั่นก็นานมากแล้ว

..หลังสลัดตัวเองเป็นอิสระจากไวน์บอร์ฆโด ก็ตระเวณซอกแซกไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นสเปน อิตาลีฯ

ช่วงหนึ่งก็หันหน้าหานาปานี่แหละ ด้วยคาดว่าจะได้ความรู้สึกใหม่ๆ ที่แตกต่าง...แต่ก็เปล่า
สิ่งที่ได้ส่วนใหญ่เป็นภาพฉาบ...(ซึ่งกว่าจะรู้ก็หลายปี)

...มีตัวจริงไม่กี่สาย...ที่เห็นก็มีแต่ Ridge, Dominus, Robert Mondavi, Joseph Phelp, Clos du Val, Heitzh และ Stag's Leap (ยังมีอีกหลายตัว...นึกไม่ออก) ที่พอจะเป็นเสาหลักของนาปาได้

...แต่ก็น่าเสียดาย ไวน์นาปาที่เหลือต่างตกอยู่ในอิทธิพลของระบบทุนนิยม โดยมีนายปาร์ฆเก..ร่วมมือกับ...โฮลอง สร้างภาพครอบงำหมด

...ในนาปา...วันนี้คงยากทีจะเห็น...คนรักไวน์...สร้างไวน์

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 11 มิ.ย. 49 23:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 47

...อ่าน คคห. 46 ของคุณวิโรจแล้วห่อเหี่ยวอย่างไรพิกล...

ผมสังเกตว่า...การทำไวน์ของคนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงกรรมวิธีจากที่คนรุ่นก่อนๆ สะสมเคล็ดวิชาไว้ให้...เร่งรัดรีบเร่งให้เกิดผลสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น...จะด้วยวิทยาศาสตร์...การตลาด...หรือแม้แต่ต้องมอมเมาผู้บริโภคให้เสพติดกับแบรนด์...ก็ตาม

...จะมองได้ไหมว่า ประชากรคนทำไวน์มีมากขึ้น....ทางเลือกน้อยลง...พื้นที่ปลูกองุ่นที่ดี Terrior เกรดเอ ไม่เหลือไว้ให้แล้ว...ต้องหาทางเลือกอื่น เพื่อจะได้นำตนให้ทะลุไปสู่แนวหน้า...และแน่นอน...ความร่ำรวยที่ตามมา

วิธีง่ายที่สุด...คือสร้างผู้บริโภคกลุ่มใหม่ขึ้นมาให้ติดกับค่านิยมอะไรสักอย่าง...ทำสินค้าที่แตกต่างรองรับคนกลุ่มนี้...แล้วยกยอว่าเป็นสไตล์ของคนรุ่นใหม่...มีระดับ...กระเป๋าหนัก

....เราจึงเห็น Garage Wine, Cult Wine, Oak Chip, มิเชล โรลองค์, โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์....เคลือบอยู่ในไวน์รุ่นใหม่ของ St. Emilion, Pomerol, Languedoc, Napa แม้กระทั่งถิ่นใหม่อย่างอาร์เจนติน่า

ไวน์แอลกอฮอล์สูงถึง 15-16....แทนนินที่เข้มข้น ฝาดจนเหนียวตั้งแต่ลำคอถึงปลายลิ้น....สามารถกลบเกลื่อนความไม่สมบูรณ์และสวยงามของกลิ่นและรสได้เป็นอย่างดี...

....คนดื่มไวน์รุ่นใหม่ซึ่งลิ้นและจมูกยังสะสมความเก๋าไม่พอที่จะเปิดไปสู่ความซับซ้อน หฤหรรษ์ ของไวน์เก่ารุ่นใหญ่....เจอมวยหมัดหนักอย่างนี้เข้า....ก็ซี้ดซ้าด สะใจ อิ่มหนำ ดื่มด่ำกับความหนักหน่วง....โดยไม่ได้นึกว่า มีมวยอย่าง...มูฮาหมัด อาลี...ที่เต้นพลิ้ว สวยงาม เหมือนผีเสื้อโบกบินยามเช้า ล้อแสงอาทิตย์....อยู่ด้วย

...แต่ก็ช่างเถอะ...ผมยังเชื่อว่า...ของดีแท้อยู่นาน...ของปรุงแต่งฉาบฉวยอยู่ได้เดี๋ยวเดียว....เพราะเมื่อขาดความลึก ความซับซ้อนที่เป็นคุณสมบัติของไวน์เก่ารุ่นใหญ่....ความหนักเพียงอย่างเดียวไม่สามารถตรึงใจให้คนดื่มไวน์รุ่นใหม่ใช้ชีวิตร่วมกับมันได้ตลอดไป...เมื่อลิ้นและจมูกสะสมความเก๋าได้ระดับ...ความเบื่อหน่ายไวน์หนักก็จะตามมา...โหยหาความสวยงามซับซ้อนของไวน์รุ่นเก่า...โลกของไวน์ก็จะกลับมาสู่ความสมดุล...

มองในแง่ดี...ไวน์ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่ก็เป็นเรื่องดี....เพราะได้เพิ่มทางเลือกให้คนดื่มไวน์...ที่บางอารมณ์ก็อยากจะเย่อกับไวน์หนักเข้มข้น สะใจ...

.....แต่ถ้ามองในแง่ร้าย...ด้วยระบบทุนนิยมสุดกู่...มีกำไรเป็นสรณะ...ไวน์เหล่านี้จะเป็นไวรัสระบาดไปสู่ไวน์รุ่นเก่า....ดึงเอามาเป็นพวก... เปลี่ยนแปลงโลกแห่งไวน์ให้เหมือนกันไปหมด...

....โอ...อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย....

จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์

- [ 12 มิ.ย. 49 09:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 53

ที่คุณปีบบอกว่า..

"มองในแง่ดี...ไวน์ที่ทำโดยคนรุ่นใหม่ก็เป็นเรื่องดี....เพราะได้เพิ่มทางเลือกให้คนดื่มไวน์...ที่บางอารมณ์ก็อยากจะเย่อกับไวน์หนักเข้มข้น สะใจ...

.....แต่ถ้ามองในแง่ร้าย...ด้วยระบบทุนนิยมสุดกู่...มีกำไรเป็นสรณะ...ไวน์เหล่านี้จะเป็นไวรัสระบาดไปสู่ไวน์รุ่นเก่า....ดึงเอามาเป็นพวก... เปลี่ยนแปลงโลกแห่งไวน์ให้เหมือนกันไปหมด..."

มันจะเป็นประการหลังเสียละมาก เพราะ สาเหตุแรก
ถ้าใครสักคนหนึ่งจะเปิดปากออกมาด้วยความบริสุทธิ์ใจว่า
ชั้นชอบ Heitz Cellar มากกว่า Harlan
สิ่งที่แรกที่คนฟังจะรู้สึกก็คือ
โห..บ้านนอกชะมัด มาจากไหนวะเนี่ย..แค่ราคาก็เทียบกันไม่ติดแล้ว ยังแค่นจะมาคุย..เชอะ !!
ในสังคมคนรุ่นใหม่ รุ่นดอทคอมของสมัยนี้ ดูง่ายๆอย่าง
กลุ่ม Silicon Valley พวก young executives ทั้งหลาย
เขาไปปาร์ตี้หรือพาสาวออกเดทกันแต่ละครั้ง เขาจะเอาไวน์แต้ม 100 ของปาร์คเกอร์ ไปเปิดให้ใครต่อใครตาลุกวาว..
จนเดี๋ยวนี้มันกลายเป็นแฟชั่นแล้วค่ะ..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 12 มิ.ย. 49 11:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 54

และนี่คือสาเหตุที่ฝรั่งเศสต้องดิ้นรนใขว่คว้าหาแต้มคืน
ความหวังที่ยังพอมีเหลือริบหรี่ นั่นก็คือ พื้นที่ในมณฑลแลงเกอดอคที่สามารถปลูกองุ่นให้สุกสุดขั้วได้ เพราะมีอากาศร้อนดังที่ว่า..
หากแต่ไม่เคยมีประวัติของแทร์วาร์
(ช่างมันปะไร)
การทำไวน์แบบใหม่ก็ไม่ชำนาญ
(ไม่เป็นไร เอาก๊อปเอาเทคนิคของออสเตรเลียมาได้)
ไวน์ในอดีต..ชื่อเสียงไม่ค่อยดี
(โอย..เรื่องเล็ก เลาะองุ่นเก่าทิ้งไป ปลูกใหม่ จำกัด yield ให้มันชัดเจน ถังโอ๊คของเราก็ผลิตได้เอง จะไปกลัวอะไร อ้อ..แต่ต้องไม่ลืมจ้างมิเชลมาเป็นที่ปรึกษา)

เมื่อฝรั่งเศสคิดได้ดังนั้น..การปรับปรุงพื้นที่ในแลงเกอดอค
ได้ถูกบัญญัติขึ้นมาเป็นกฏหมายแบบปัจจุบันทันด่วน
เผื่อว่าไวน์ได้ทำออกมาติดตลาดตามคาดแล้วละก้อ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้กับประเทศ และปากท้องของกสิกร
อย่างเห็นหน้าเห็นหลังทีเดียว..
แต่นั่นก็หมายถึง ไวน์ฝรั่งเศสที่เคยยิ่งยงมานานนับร้อยๆปี
กำลังเข้าสู่สภาพเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่..และ(อาจ)ต้องเดินตามหลังไวน์ของประเทศในกลุ่มโลกใหม่ด้วยซ้ำ..

ส่วนเรื่องที่บ๊อบเริ่มเอาใจออกห่างไปจากไวน์ฝรั่งเศสนั้น เพราะมีสาเหตุแห่งความขัดอกขัดใจหลายอย่าง
(จะทะยอยเล่าให้ฟัง) จนฝรั่งเศสเริ่มรู้สึกถึงความร้าวฉาน
และมองภาพได้ชัดว่า บ๊อบกำลังหนุนไวน์จาก
คาลิฟอร์เนียอย่างสุดตัว
ยอดขายและยอดส่งออกตกวูบแบบเห็นคาตา..
รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีชาร์ค ชีรัค จึงต้องรีบทำการประจบประแจงสมานสัมพันธไมตรีใหม่..
และนั่นคือที่มาของการให้เหรียญตราเครื่องราชย์ระดับอัศวิน (La Croix du Chavalier de L'Ordre National du Merite) ให้กับชาวต่างชาติ กับนาย โรเบิร์ต ปาร์คเกอร์ จูเนียร์ ในปี 1999

จากคุณ : WIWANDA

- [ 12 มิ.ย. 49 12:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 73

หายไปทำงานค่ะ เพราะจะต้องส่งทีมไปอลาสก้าเหมือนเช่นเคยทุกปี เพราะว่าในเครือของบริษัทมีรีสอร์ตสำหรับนักตกปลาที่นั่น..ปีนี้ตัวเองไม่ได้ไป (อาจต้องไปแค่สามสี่วันสำหรับรับแขกวีไอพี)
แค่เรื่องจองตั๋วเครื่องบินก็ปวดหัวแล้ว กว่าจะถึงต้องเปลี่ยนเครื่องถึงสามต่อแน่ะค่ะ
บอลเบิล..ไม่ได้ดูเลย..เซ็งโคดดด..

โอย..อยากกินปูนึ่งงงงงงงงงงงงง.........ไวน์ไม่ต้อง..

แล้วเรื่อง Bond น่ะ..ยังไม่ใช่ Cult Wine นะคะ เป็นแค่นโยบายของ Harlan ที่จำเป็นต้องขยายกิจการออกไปโดยใช้ชื่อเสียงของฮาร์ลันมาการันตี และโอกาสที่จะระบายผ่องถ่ายถังโอ๊คไปใช้ เพราะฮาร์ลันต้องเปลี่ยนทุกปี..ในเมื่อขึ้นทะเบียนโค้ลท์ไปแล้วไง
แต่เนื่องจากพี่ยุ่นเขาเห่อมาก..ไม่ต้องขายใครหรอกค่ะ แค่ส่งโตเกียวก็ขายไม่พอ..ราคาก็ขึ้นไปสุดโต่งเหมือนเช่นไวน์ตัวอื่นของรายการแต้มสูงของบ๊อบ

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 00:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 74

La Croix de Beaucaillou ที่นี่ตกราคาประมาณว่า 39-45 เหรียญค่ะ แล้วแต่ว่าซื้อที่ไหน มีโปรโมชั่นหรือเปล่า..

แต่เป็นของดี เป็นไวน์รองของ Du Cru Beaucaillou
เช่นเดียวกับ Bond กับ Harlan นั่นแหละค่ะ

ดีใจนะ..ที่เห็นว่าพวกเราได้พูดถึงไวน์ขาว ของดี ราคายุติธรรม พร้อมแนะนำให้แกล้มอาหารไทยบ้าง
นี่คือ ศิลปของการดื่มไวน์..ไม่จำเป็นแพงสุดโต่ง..
โดยเฉพาะประเภทที่มี"ชื่อ" ให้คนได้แค่พูดถึงนั้น..มันเป็นกลไกของการปั่นราคาไวน์ที่กำลังยุ่งเหยิงอยู่ในทุกวันนี้..

ไวน์ในอนาคต..หมายถึงการซื้อราคาไวน์ของดี ราคาถูก
ที่กำลังอยู่ในถังยังไม่ได้บรรจุขวด.ตอนนี้ก็ราคาพุ่งขึ้นผิดกับปีก่อนๆอย่างมากมาย
การซื้อไวน์ในอนาคตนั้น ต้องจ่ายเงินเดี๋ยวนี้..แต่รอไปรับ
ไวน์ตอนที่ออกตลาดในสองปีข้างหน้า..
อย่างซื้อวันนี้..จ่ายเงินเรียบร้อย ไปรอรับเอาในปี 2008
อย่าง.. La Croix de Beaucaillou ราคายังพื้นๆอยู่ เพราะบ๊อบยังไม่ได้ให้คะแนน..
ดูได้ตามนี้..(จากอีเมล์ของบริษัทไวน์คอมมูนที่ส่งมาให้)

2005 Croix de Beaucaillou 750ml - Future WS89-91
Item Name: 2005 Croix de Beaucaillou 750ml - Future WS89-91
Category: Bordeaux Blend
Item Number:
Bottle Size: 750 ml
Price: $29.94
Seller: WineCommune (22290)
Send WineCommune a message
2005 Croix de Beaucaillou 750ml - Future WS89-91

WS89-91

Please note, this is a futures offering, due to arrive Spring 2008. Payment for wine is due upon purchase. Shipping charges are due upon delivery. You will be contacted once wine has arrived at our warehouse. Purchases that are made in whole cases will be kept in their original container but will be unpacked if being shipped to you.

(คะแนนจาก WS คือคำย่อของสถาบัน
Wine Spectator)

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 00:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 76

Judgement of Paris ภาคนาปา นี่..ไม่ค่อยมีใครสนใจค่ะ
นอกจากข่าวจากหนังสือเวียนของชาวไวน์ต่างๆเท่านั้น
อย่างที่บอกคือ..คณะผู้จัดไม่มีชื่อเสียงมากมายอะไรนักในกลุ่มไวน์บริโภคชาวอเมริกัน..
ลองถ้าเป็นบ๊อบจัดละก้อ..ดังระเบิด..
อีกทั้ง..คนไม่ค่อยสนใจไวน์ที่ไม่มีแต้มกำกับ..
อีกส่วนหนึ่งคือการจัดงานประกวดไวน์ หรือกิจกรรมไวน์ในนาปา โดยเฉพาะที่โคเปีย มีขึ้นบ่อยมากจนคนเอือม..
กว่าจะเข้าใจเรื่องการตัดสินในรอบสอง 30 ปีให้หลังมานี่..
คนต้องเข้าใจในเรื่องของการตัดสินครั้งแรกก่อน
ครั้งนั้นคือการตัดสินระหว่าง สุดยอดของความยิ่งยงไวน์บอร์คโดซ์ฝรั่งเศส กับไวน์โนเนมของนาปา...
(ที่มักไม่ค่อยมีคนรู้เรื่อง เชื่อมั๊ยเชื่อ?)

ในครั้งนี้..ทั้งหมดคือไวน์"โนเนม"สำหรับคนรุ่นใหม่ค่ะ
คุณวิโรจขา...

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 04:51:52 ]

ความคิดเห็นที่ 78

หอยนางรม ทานเยอะไม่ดีนะคะ...โคลเลสสูง ว่าแต่ว่า ปูไข่นึ่ง กับปูม้านึ่ง ไม่เหมือนกันเหรอคะ?

เท่าที่เข้าใจ ปูไข่ ก็คือปูม้าตัวเมีย ที่กำลังอุ้มท้อง เมื่อถึงฤดูวางไข่ บรรดาตัวเมียทั้งหลาย จะมีไข่ทะลักออกมาอยู่ที่ด้านนอกตรงสามเหลี่ยมให้เห็นชัดเจน

ถ้าใครไม่ชอบกินไข่ปู ก็อย่าเลือกซื้อปูตัวเมีย เพราะเนื้อจะไม่แน่น แต่ไข่จะเยอะมากค่ะ

ส่วนใครที่ชอบทานเนื้อปู ก็เลือกซื้อปูตัวผู้ เพราะเนื้อจะแน่น แต่ไม่มีไข่

ปูเดือนมืด จะแน่นอร่อยกว่าปูเดือนหงายค่ะ

ส่วนปูที่มีขายตามชายทะเลบางขุนเทียน เรียกว่าปูทะเลไม่ใช่เหรอคะ ซึ่งก็มีทั้งตัวเมีย และตัวผู้เช่นกัน

เมื่อใดที่มีโอกาสขับรถไปชายหาดชะอำ เป็นอันต้องบรรจุเมนู ซีฟู๊ด ราคาชาวบ้านไว้ด้วยเสมอ

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแหล่งขายซีฟู๊ดที่ว่านี้มากนัก ราคาปูม้าเป็นๆ ตัวโตๆ ขนาดสี่ตัวโล ราคากิโลละ 80 บาท ไม่เกินร้อย

มีบริการนึ่งให้เสร็จ พร้อมทั้งน้ำจิ้มรสเด็ด ที่โขลกกันเดี๋ยวนั้น ใช้พริกขี้หนูสวน เขียวแดง กระเทียมไทยกลีบเล็ก และต้องเป็นมะนาวแป้นเท่านั้น ความเปรี้ยวอย่างอื่น ทดแทนไม่ได้ค่ะ

ได้ยินเสียงโขลกพริก พร้อมกับได้กลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ ของพริกขี้หนูสวนเขียว ผสมกับกลิ่นเผ็ดหอม ของพริกขี้หนูสวนแดง เมื่อแม่ครัวบีบมะนาวเปรี๊ยวจี๊ดใส่ลงไปสักสองลูก น้ำลายก็วิ่งจี๊ดซี๊ดซ๊าดขึ้นมาแล้วค่ะ

ระยะเวลาที่ไปเป็นเพชฆาตปู ณ หมู่บ้านชาวประมงสุดชายหาด พอประมาณกับการแช่อะไรก็จำไม่ได้แล้วค่ะสักขวดสองขวดรอท่าไว้

พอทุกอย่างพร้อมเพรียงกันปุ๊บ ก็ถึงเวลาที่เราเรียกว่าสวรรค์บนดินเชียวค่ะพี่วิ

เดี๋ยวนี้ ซื้อปูราคา และขนาดที่ว่า ไม่ได้แล้วค่ะ ราคาขึ้นยังกะโดนปั่นหุ้น เพราะคนกรุงนิยมกันเยอะ ด้วยว่าถูกว่า และสดกว่า พร้อมทั้งได้บรรยากาศแห่งการเปิบด้วยค่ะ

ส่วนที่เขาตะเกียบ ก็ยังพอไหวค่ะ

หมายความว่า ยังหาของสดๆ ทานได้ ส่วนราคาก็สมเหตุสมผลค่ะ เมื่อเทียบกับสถานที่ ที่เข้าใช้สโลแกนว่า "If it swim , we have it"

อีกเช่นกันค่ะ ที่เขาตะเกียบ ก็ต้องตะกายข้ามฝั่งไปให้ถึงที่ที่เขาจับกุ้งกัน ซื้อกันเดี๋ยวนั้น ปรุงกันเดี๋ยวนั้น

กุ้งแชบ๊วยหางแดง ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก 10-15 ตัวโล กิโลละ สี่ร้อยบาท ถูกกว่า chardonnay อีกค่ะ

ว่าแล้ว พี่วิอยากทานกุ้ง หรือ ปูม้านึ่งมากกว่ากันคะ?

เห็นเจ้าขวดที่ท่านข้างบนกรุณาเอามาแปะให้ดู ก็หวลนึกขึ้นมาได้ว่า นานแค่ไหนแล้วหนอที่เราไม่ได้ไปเป็นเพชรฆาตปู.....คงถึงเวลาแล้วมั๊ง

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว

- [ 15 มิ.ย. 49 10:25:41 ]

ความคิดเห็นที่ 79

ค่ะ..นับรุ่นตัวเองไม่ถูกเช่นกัน คนขายไวน์รุ่นใหม่ๆนี่ บางคนแทบไม่รู้จักการแบ่ง growth ของไวน์ฝรั่งเศสด้วยซ้ำ
ร้อยละ 80 อ่านใบบอกและจำคะแนนของบ๊อบ..เอามาหากิน
ก็เห็นใจพวกเขานะคะ เพราะไวน์ของนาปามีเป็นพัน ไหนจะยังในเขตอื่นๆอีก เขาจะเลือกจำแต่ตัวไหนที่ขายคล่อง
และกำไรมากๆเท่านั้น..
ขืนไปสุ่มสี่สุ่มห้าย้อมแมวขายไวน์ฝรั่งเศส เดี๋ยวหน้าแหกกลับมา เพราะไม่รู้ว่าจะไปพบคน"รู้จริง" เมื่อไหร่และที่ไหน
ต้องเหลียวหน้าเหลียวหลัง หลอกถามให้ดีๆก่อนเปิดปากขาย เรื่องนี้สนุกออก.. เพราะเจอมาเยอะมาก...

.....................

คุณกาสะลองที่รัก

แหม..บรรยายซะได้กลิ่นทะเลเลยเชียว ความจริงที่นี่ก็มีทั้งปูและกุ้ง..เพียงแต่ทานคนเดียวมันไม่ได้อารมณ์หรอกค่ะ หรือจะไปทานกับเพื่อนๆแบบฝรั่งจืดๆชืดๆ มันก็ไม่เข้าท่า..
มันต้องที่ริมหาด..นั่งโจ้แบบจิ้มน้ำจิ้มกระเทียมน้ำส้ม..ชิมไวน์ ตั้งวงตีรัมมี่....ใครแพ้จ่ายค่าไวน์
นี่ละค่ะ..จะได้อารมณ์มันส์ๆแบบสะจัยยย...

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 11:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 80

แฮะๆ ...น้ำยายไหย....

ปกติแล้วเวลาจะทานปูไข่...ผมจะเลือกปูเนื้อตัวเมีย
...(สีดำๆ นะครับ...ตลาดสามย่านด้านท้ายตลาดสด..มีเยอะ)
ซึ่งต้องเลือก ...เนื้อก็พอกินได้ แต่เหนื่อยตอนแทะ....เหงือกพัง

คราวนี้...เจ้าไข่ปูจะมีความมัน...เข้ม...อมขมอมหวานจางๆ
...ก็เลยจะเหมาะกับ Chardonnay ...ยิ่งไวน์จากโลกใหม่ด้วยแล้ว
...เนื้อมักแน่น หวานและมีโอ๊กสูงจัด
...จึงเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย...เป็นโล่เป็นหอก

แต่ธรรมชาติของปูม้า (ไม่ว่าจะมีไข่หรือไม่) คือ
...เนื้อจะหวาน (ต้องสดด้วยนะครับ)

...ความหวานของเนื้อปูม้า...มักถูกไวน์ขาวประเภทโอ๊กสูงเข้าไปแทรกจนเสียรสชาติ

การเลือก Sauvignon Blanc จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
เพราะโอ๊กไม่จัด แทนนินอ่อน และไม่หวานมาก

พร้อมกับน้ำจิ้มแบบของคุณกาสะลองฯ

"ได้ยินเสียงโขลกพริก พร้อมกับได้กลิ่นเหม็นเขียวนิดๆ ของพริกขี้หนูสวนเขียว
ผสมกับกลิ่นเผ็ดหอม ของพริกขี้หนูสวนแดง
เมื่อแม่ครัวบีบมะนาวเปรี๊ยวจี๊ดใส่ลงไปสักสองลูก
น้ำลายก็วิ่งจี๊ดซี๊ดซ๊าดขึ้นมาแล้วค่ะ"

...แล้วจึงจะขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับปูม้านึ่ง...ด้วยประการฉะนี้แล

(รีบหารูป...ปูไข่กับปูม้า...มาตัดหน้าคุณ Sofatboy....อิๆ)

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 15 มิ.ย. 49 11:42:35 ]

ความคิดเห็นที่ 82

ในอเมริกา..ไม่ใช่คนว่าจะมีแต่คนที่บูชาและเชื่อฟังบ๊อบไปทั้งหมด คนที่มีความเห็นแตกต่างก็มี..
แต่ทุกครั้งที่เริ่มแย้งในเวบบอร์ด เช่น เวบ Prodigy (ที่บ๊อบมักเข้ามาให้ความเห็นในเรื่องไวน์) ก็จะมีเหล่าสาวกช่วยกันแห่มากระหน่ำจนอ่วม จนไม่อยากมีใครยุ่งหรืออยากเสียอารมณ์ด้วย

แต่ก็ไม่วายมี"ผู้กล้า" อย่างนาย Robert Callahan ที่มีอาชีพเป็นเพียงพนักงานขายไวน์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่กล้าโต้แย้งกับเกจิบ๊อบได้ในแทบทุกเรื่อง..
เท่านั้นไม่พอ..ยังมีอีกคนหนึ่งที่ถือว่าเป็นแนวร่วม คนนี้ไม่ธรรมดา เขาคือ Stuart Yaniger ที่เป็นถึงด๊อกเตอร์ทางวิทยาศาสตร์ ที่มีความรู้เรื่องไวน์ดีคนหนึ่ง..
(สจ๊วต ยานิเกอร์ คือหนึ่งในทีมของผู้ที่ได้คิดทำจุกไวน์สังเคราะห์ออกมาสู่ตลาด)
ทั้งคู่ได้ฟาดฟันกับบ๊อบอย่างถึงพริกถึงขิง จนเข้าข่ายเป็นศัตรู(ทางด้านความคิด)ตัวเอ้ทีเดียว..

สจ๊วตได้ยกขึ้นมาถามว่า..เขาได้ลองไวน์สองชนิดที่บ๊อบแนะนำด้วยตัวเองโดยการทำ blind tasting ทั้งคู่
อันหนึ่ง คือ filtered และอีกอันหนึ่ง unfiltered
เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันต่างกันอย่างไร..
ทั้งคู่เหมือนกัน..แต่ทำไมคะแนนที่บ๊อบให้จึงต่างกันหนึ่งคะแนน ดังนั้นจึงอยากทราบว่า ไอ้หนึ่งคะแนนนั้นมันมาจากไหน และ บ๊อบได้ชิมพร้อมกันหรือไม่ หรือ ชิมตัวหนึ่งที่ไร่ อีกตัวหนึ่งที่ร้านอาหารพร้อมกับดินเนอร์
กรุณาตอบด้วย..
(ตัวหนึ่งได้คะแนน 93 และ อีกอัน 92)

คำถามนี้โดนใจ..ที่ถ้าตอบ..ก็คงไม่ใช่ง่ายๆ
ถ้าไม่ตอบ..ก็เหมือนกับเป็นการหลบเลี่ยง..
แต่สิ่งที่สจ๊วตโดนเต็มๆ..นั่นคือสาวกหน่วยกล้าตายของบ๊อบเข้ามากระหน่ำด่าแบบสาดเสียเทเสีย..ว่า..
กล้าดีอย่างไร..ถึงมาสงสัยในการชิมของพระอาจารย์ได้
ท่านว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น..อย่ามาทำสู่รู้ !!

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 12:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84

เอารูปมายั่วน้ำลายพี่วิเหรอค่ะ?

กว่าคุณ sofat จะเข้ามา บรรดาเหยื่อในจานข้างบน ก็คงเหลือแต่กระดองแล้วละค่ะ

ถ้าทานปูม้านึ่ง แล้วจะได้ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับปูม้า....ขอเชิญคุณวิโรจน์ขึ้นไปสำรวจสถานที่ให้ก่อนเถิดนะคะ

ตัวข้าพเจ้า ขอเป็นแค่เพฌฆาตปูม้าเท่านั้นพอ...ยังไม่อยากขึ้นสรรค์ค่ะ...อิๆๆ

เวลาจะทานไข่ หรือมันปูนะคะ หลังจากที่เปิดกระดองปูออกมาแล้ว ให้เราเอานิ้วโป้ง กด และดันส่วนที่ไข่และมันปูยังติดอยู่กับกระดอง เมื่อหลุดออกมาแล้ว ให้ตักน้ำจิ้มรสเด็ดเทราดลงไปและทานจากในกระดองนั่นแหละค่ะ

ความขมหวานจางๆของไข่และมันปู (จะมีขี้ปูด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้) เมื่อผสมกับน้ำจิ้มจากครกใบเดิม

ก็ขึ้นสรรค์เหมือนกันค่ะ

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว

- [ 15 มิ.ย. 49 12:25:24 ]

ความคิดเห็นที่ 85

เมื่อโดนกระหน่ำมากๆจากสองคนที่เล่ามา เพราะสาเหตุที่บ๊อบเริ่มหันมาโปรโมทไวน์คาลิฟอร์เนียอย่างออกหน้าออกตา แถมยังกดขี่ไวน์ฝรั่งเศสแบบเป็นนัยๆอีกต่างหาก
(ทั้งสจ๊วตและโรเบิร์ต มีความเห็นที่แตกต่าง)
โรเบิร์ตได้โจมตีไวน์ Beaux Freres (โบ แฟรส์)ของน้องเขยบ๊อบแบบไม่เลี้ยง ว่าหลับหูหลับตาให้คะแนนหรือไงฟะ
ห่วยสิ้นดี..
แค่นั้นเอง..ความอดทนของบ๊อบก็ขาดผึง..

ในปี 1996 บ๊อบ..จึงจำใจต้องทำอะไรสักอย่าง นั่นคือ
จัดงานพิสูจน์ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย..เขาเชิญโรเบิร์ตพร้อมออกค่าใช้จ่ายให้มาในงานชิมไวน์แบบบอดๆ พร้อมกับเหล่าสาวกในเวบบอร์ดต้นเรื่องอีกยี่สิบคน..ให้มาเป็นสักขีพยาน ในการชิมไวน์กว่าสามสิบชนิดเด็ดๆที่คัดมาจากเซลล่าร์ส่วนตัวของพระอาจารย์บ๊อบ..
เพื่อให้ โรเบิร์ตได้ชี้ออกมาว่าอันไหนคือ ของคาลิฟอร์เนีย
อันไหนคือ ของฝรั่งเศส..

งานนี้..ใช้ชื่อว่า " The Robert Parker Invitational: The Prodigy Tasting " จัดขึ้นในเดือนธันวาคม 1996...
ที่ Milton Inn เมือง Sparks รัฐ Maryland
เป็นการเริ่มตั้งแต่อาหารกลางวันพร้อมการชิมไวน์แบบ
เลิศหรูอลังการ
โรเบิร์ตได้ชวนสจ๊วตไปด้วย..
แขกทุกคนต่างเข้าร่วมในการทายที่มาของไวน์ และมีการให้คะแนนในไวน์ตัวที่ชอบ..

โรเบิร์ตทายถูกกว่าหกสิบเปอร์เซนต์ ..และคะแนนตัวที่เขาชอบที่สุดนั้น คือไวน์จาก Beaux Freres 1994 ที่เขาได้ด่าไว้หนักหนา..

ซึ่งแน่นอนว่า มันได้เป็นการ"หักหน้า" โรเบิร์ตอย่างไม่มีชิ้นดี ถ้าดูรูปการณ์แบบเผินๆ...
แต่..คนขายไวน์อย่างเขาที่มีประสบการณ์ชิมมานาน..
หาใช่ยอมได้ง่ายๆ เพราะคำถามต่อมาที่น่าสงสัยว่า..ไวน์ในขวดของโบ แฟรส์ นั้นจะใช่"ไวน์ต้นฉบับ"ของมันหรือเปล่า หรือมีการย้อมแมว สอดใส้เกิดขึ้น..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 15 มิ.ย. 49 12:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 90

ขออนุญาตครับ...พี่วิ

ตอบคุณวาริชเวสม์...

"Y" ซึ่งต้องอ่านออกเสียงว่า "อีเกรค" ไม่ใช่ "วาย"
เป็นไวน์ขาวที่ถือกำเนิดในถิ่นเดียวกับสุดยอดไวน์หวาน d'Yquem (ดีเค่ม) ....แห่ง Sauternes (โซแทนส์)

ส่วน "Haut-Brion Blanc"(โอต์บรีญงบลอง)
เป็นสุดยอดไวน์ขาวที่เกิดในที่ๆ เดียวกับสุดยอดไวน์แดง...Haut-Brion แห่ง Graves (กราฟส์)

ทั้ง "อีเกรค" และ "โอต์บรีญงบลอง" ต่างผลิตจากองุ่น Semillon
และ Sauvignon Blanc อย่างละครึ่ง...เหมือนกันเป๊ะ
แต่มาจากคนละเขตกันเลย
...ดินไม่เหมือนกันกัน ...Terrior (แตร์ฮัว) ก็ต่างกัน
Character ต่างกันสิ้นเชิงครับ

อีเกรค...เป็นไวน์เนื้อละเอียด...ให้กลิ่นหอมยีสต์ Botrytris
ออกหวานนำและเปลี่ยนเป็นดราย...ซับซ้อนดีครับ

โอต์บรีญองบลอง...เป็นไวน์ดรายแต่กำเนิด ซับซ้อน
มีความพร้อมดื่มยาวนานกว่าไวน์ขาวตัวอื่นๆ

ถามว่า...น่าลองไหม...โดยตัดประเด็นราคาออกไป

ขอบอกว่า...สมควรต้องเด็ดที่เดียวเสียทั้งคู่...ถ้ามีบารมีพอ

เพราะ...คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนขององุ่นสายพันธุ์เดียวกัน
...ที่มีส่วนผสมเหมือนกัน ...แต่ปลูกในสภาพที่ต่างกัน

ถามว่า...น่าซื้อไหม...โดยเอาประเด็นสนนราคามาคิด

ถ้าคุณผ่านการดื่มไวน์ขาวมาในระดับหนึ่ง
ผมว่า...น่าลองนะ ...กัดฟัน...ขบเหงือก...ก็พอทำเนา....อภัยกันได้

แต่ถ้าไม่แน่ใจ...ผมว่าอย่าเลย
มีเหตุอยู่สองประเด็นคือ

หนึ่ง...คุณจะไม่เข้าใจมันอย่างคุ้มค่า...กับเงินที่เสียไป...เปลืองเปล่า ๆ

สอง...ในสนนราคาที่คุณว่ามานั้น...มีดีๆ ให้จิ้มอีกถมถืด

ถ้าถามเป็นการส่วนตัวว่า...ผมรักชอบตัวไหน

ผมเลือก Haut-Brion Blanc
...แต่ไม่ซื้อหรอกครับ....แพงเกินกว่าจะเป็น"ไวน์ขาว" ไปหน่อย

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 15 มิ.ย. 49 22:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 91

งั้นจะเล่าเสริมให้ฟัง..

เรื่องและประวัติของของ ชาโต ดีเคม สนุกมาก เอาไปทำภาพยนต์ชนิดศึกสายเลือดได้หลายภาค และเขาคนนี้
คือ ท่าน Marquis Bertrand de Lur-Saluces คือตัวการสำคัญในการตั้งแง่ขัดขวาง ไวน์ Mouton Rothschild
ทุกทางเท่าที่จะทำให้ เพื่อไม่ให้ปรับมาเป็น 1st. Grand Cru ตลอดระยะเวลาถึงสี่สิบปี..

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ไวน์หวานได้ถูกปลอมปน
และเลียนแบบ(จากเยอรมัน) จนทำให้เสียชื่อ
ความนิยมตกวูบ..ไร่ไวน์ที่ผลิตโซแตนส์ต่างๆจึงหันมาผลิตไวน์ขาวกันบ้าง..อย่าง Ch. Doisy-Daene ที่เริ่มก่อน
ดังนั้น ท่านมาร์ควิซ จึงได้ไอเดีย..ผลิตไวน์ขาวออกมาบ้าง
เริ่มในปี 1959 ในซีรี่ย์ของ Y หรือ อีเกรค ที่ใช้องุ่นสองชนิด(ดังที่คุณวิโรจว่า) ครึ่งต่อครึ่ง
ในความคิดของท่านมาร์ควิซนั้น..ไม่ได้มีความภาคภูมิใจอะไรกับไวน์ตัวนี้นัก เพราะจุดประสงค์ของการที่ผลิตมันออกมาก็เพื่อความอยู่รอด มิใช่เพื่อเป็นการวัดความก้าวหน้าแต่อย่างไร

และไวน์อีเกรค ดีเคม นี้ ไม่ได้ผลิตทุกปี..จะผลิตเมื่อปีไหนที่องุ่นสำหรับทำไวน์โซแตนส์มันไม่แห้งเหี่ยว จนน้ำตาลเกาะมากพอ(หรือที่เรียกว่า noble rot)

จากคุณ : WIWANDA

- [ 16 มิ.ย. 49 02:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 92

ถ้าสนใจไวน์บอร์คโดซ์ขาว จาก Graves แล้วละก้อ ขอเชิญให้ทดลองตัวนี้ค่ะ (ถ้าหาได้ในเมืองไทย)
เหมาะกับอาหารทะเลอย่างที่สุด
รสชาติได้ลองแล้ว สมดังคำเล่าลือทุกประการ...
ราคาตกอยู่ในประมาณว่า ขวดละยี่สิบห้าเหรียญ..และรับรองว่าอยู่ในถังโอ๊คแท้ๆ

Chateau Haut Selve Graves Blanc 2002
France
A stellar white Graves, with unique qualities due to the influences of Sauvignon Gris.

Release Notes:
Price : $22.50

Our Rating : 93
Country : France
Region : Graves
Grape : Semillon
Sauvignon Blanc
Alcohol : 12.5%

A stellar white Graves made from Semillon (50%), Sauvignon Blanc (35%), and the rare Sauvignon Gris (15%). Made from hand-picked grapes that underwent extended skin contact maceration to obtain the highest quality of free-run juice. Aged 9 months in oak barrels before release. The Bordelais cousin of Sauvignon Blanc, Sauvignon Gris lends its denser, richer, and more full-bodied fruit flavors to this unique wine.

Tasting Notes:
Deep lemon gold color. Beautiful nose of lychee, peach, and vanilla. Smooth and supple with developing flavors of peaches and other stone fruits. A fresh, concentrated wine with a crisp finish of wood and citrus notes. Excellent with fish and shellfish. Drinks well now to 2008

จากคุณ : WIWANDA

- [ 16 มิ.ย. 49 03:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 94

ขอแสดงความตกใจ...จนมือไม้สั่น
ด้วยการนำเสนอไวน์ขาวชั้นเยี่ยมจากอิตาลี...ยอด

Jermann, Vintage Tunina
Bianca, 2002
Indicaizone Geografica Tipica
Friuli-Venezia Giulia, Italia

“ไวน์ขาวสีเหลืองทองอ่อนๆ ดูสว่างตา สวยงาม
ให้กลิ่นหอมสดชื่นขององุ่นเหลืองอย่างสดชื่น
ตามด้วยโอ๊กหอมหวานงดงาม โครงเนื้อหนาออกมาทางปานกลาง
ให้แอซิดิตีที่ดี สมดุลงดงามพอใช้ ช่วงจบให้ความขมจางๆ จากโอ๊กเข้ม
ภาพโดยรวมค่อนข้างดี เป็นไวน์สดชื่น...ง่ายๆ
...ใช้เริ่มต้นอาหารเย็นได้ดี”

ไวน์ขาวจากเมือง Farra d’Isonzo แคว้น Friuli Venezia Giulia
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี
สร้างความแปลกใจจาก Chardonnay, Sauvignon-Blanc
และ Malvasia ที่ปรุงเข้าด้วยกัน แล้วบ่มด้วยถังโอ๊กจากสโลวัค
จนได้ออกมาเป็นอดีตไวน์ขบถแห่งอิตาลี
...ที่อวบอิ่มและล้นด้วยเล่ห์เสน่หา

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 16 มิ.ย. 49 07:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 97

หลังจากเหตการณ์ในวันนั้น..โรเบิร์ต ก็ยัง"กัดไม่ปล่อย"
อยู่เช่นเดิม เขาได้เขียนลงใน alt.food.wine.com
ประกาศศึกอย่างเป็นทางการ ด้วยการเขียนถึงบ๊อบในแนวของคำถามว่า..
ในหนังสือไวน์แห่งโรห์น (Rhone) ที่บ๊อบได้เขียนขึ้นมาขายนั้น ตัวเองได้ชิมทั้งหมดหรือเปล่า หรือนั่งเทียนเขียน
จากเครื่องคอมพ์แบบออโต้ไพล็อต..

หลังจากที่ข้อความได้หลุดออกไปไม่กี่วัน ทางบริษัทขายไวน์ที่โรเบิร์ตทำงานอยู่ก็ได้รับจดหมายจากสำนักงานทนายความชื่อดัง Simon & Schuster โดยแจ้งว่า
ข้อความที่โรเบิร์ตได้เขียนขึ้นมานั้น ทำให้ลูกความของเขาเสียชื่อเสียง ดังนั้นถ้าไม่ลบออกไป ก็จะดำเนินการทางกฏหมาย..

เผอิญว่า..เจ้านายของโรเบิร์ตไม่ใช่คนบ้าจี้ เขากลับเห็นเป็นเรื่องขำขัน ที่คนอย่างเกจิบ๊อบจะมาเอาเรื่องกับข้อความไม่กี่ประโยคบรรทัดนั่น..แทนที่จะให้ลบออก..
เขากลับนำเอาข้อความในจดหมายของทนายมาโพสต์ให้ชาวบ้านอ่านเป็นเรื่องขำอีกด้วย..
เลยทำให้ใครต่อใครได้รู้ว่า..บ๊อบนั้นช่างหวั่นไหวกับ
ข้อความทุกข้อความที่ทำให้บัลลังค์ของเขาสั่นสะเทือน
ไม่ว่ามากหรือน้อย..

และบัลลังค์ที่เขานั่งมานานนั้น จะว่าไปแล้วมันก็สั่นคลอนจริงๆเสียด้วย เพราะเขาเป็นกระบี่ที่แสนโดดเดี่ยวในยุทธจักรจริงๆ เมื่อเทียบกับคนอื่น อย่าง
The Wine Spectator คู่แข่งคนสำคัญนั้นก็จัดว่าเป็นสถาบันใหญ่ มีสำนักงานหรูหราที่ปาร์ค อะเวนิว มหานครนิวยอร์ค มีเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญในเรื่องไวน์แทบทุกประเทศ ที่แคว้น ทุกมณฑล
ที่มีนับสิบๆ
ทั้งหมดทำงานกันเป็นทีม..ที่ขึ้นตรงกับตัวประธานคือ Jim Suckling

จากคุณ : WIWANDA

- [ 16 มิ.ย. 49 12:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 98

เพราะเขาเริ่มขวัญผวามากับการชิมและวิจารณ์ไวน์เบอร์กันดีที่มีเสียงสะท้อนกลับในด้านลบอย่างหนาหู จึงได้ทำให้เขาตัดสินใจจ้างผู้ช่วยเฉพาะทางฝรั่งเศส ในปี 1996 ชื่อว่า Pierre Antoine Rovani (ปีแอร์ อันโตน โรวานี)

ทั้งคู่ได้พบและรู้จักกันในปี 1992 ตอนนั้นปีแอร์มีอายุเพียง 28 ปี ทำงานขายไวน์อยู่ในห้างแมคอาร์เธอร์
ซึ่งบ๊อบได้ไปบ่อยๆในฐานะลูกค้าประจำ เขาได้ประทับใจในความสามารถของปีแอร์ที่เชี่ยวชาญทั้งสองภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อีกทั้งมีความรู้เรื่องไวน์ลึกซึ้งเกินกว่าอายุ
ที่สำคัญ เขาทั้งสองพูดคุยกันถูกคอและมีนิสัยที่เข้ากันได้
เป็นอย่างดี..

ประวัติส่วนตัวของปีแอร์ ที่มีทั้งพ่อทั้งแม่เป็นชาวฝรั่งเศสที่พ่อเขาได้มาทำงานใน World Bank ส่วนแม่นั้นทำงานที่สถานทูตฝรั่งเศส
ปีแอร์ได้คุ้นเคยกับไวน์มาตั้งแต่เด็กๆ เมื่ออยู่ในโรงเรียนแค่ชั้นประถมหนึ่ง อายุเพียงห้าขวบเขาได้เคยนำไวน์ไปรินแจกให้เพื่อนๆชิมในถ้วยกระดาษมาแล้ว

ดังนั้นเมื่อเข้ามาร่วมทีม..บ๊อบจึงปล่อยให้ปีแอร์ดูแลไวน์ฝรั่งเศสในเขตหนาวทั้งหมด เช่น โรห์น และเบอร์กันดี
ที่ทำไวน์ออกมาได้อย่างไม่เข้มข้น หนาหนัก
หรือจะว่าอีกที..คือให้ปีแอร์เข้าไปในเขตที่"ไม่ต้อนรับ"
และ"ไม่เชื่อถือ" เขานั่นเอง..
และในขณะเดียวกัน บ๊อบก็ได้เตือนปีแอร์ไว้ล่วงหน้าด้วย
ให้ระวัง..ว่า..งานนี้ไม่หมู

และมันก็เป้นจริงๆเช่นนั้นซะด้วย เพราะทริปแรกของปีแอร์
ที่โผล่หน้าเข้าไปในบอร์กันดี ก็โดนเข้าเต็มๆเลย..
คือไม่มีใครต้อนรับ แถมยังเหยียดใส่ทั้งสายตาและคำพูด
ด้วยว่า..
"อ๋อ...เป็นลูกกระจ๊อกของไอ้ปาร์คเกอร์งั้นเหรอ?"

จากคุณ : WIWANDA

- [ 16 มิ.ย. 49 12:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 99

ท่าทีที่ประนีประนอม บุคลิกที่ไม่แข็งกร้าว พูดจาแบบถนอมน้ำใจคนและเป็นชาวฝรั่งเศสด้วยกัน นอกเหนือไปจากความสามารถที่ชิมไวน์เป็น ปีแอร์จึงเริ่มได้รับไมตรี
จากชาวเบอร์กันเดียนบ้าง..
แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังถือว่า เขาคือลูกศิษย์ปาร์คเกอร์ที่มีรสนิยมไวน์เข้มข้นอย่างลูกทุ่ง..ไม่รู้จัก ไม่ซาบซึ้งกับคำว่า
delecacy และ finesse

ส่วนบ๊อบได้เพิ่มงานให้กับปีแอร์ โดยให้ครอบคลุมเขตไวน์ของ Alsace, Germany, Austria, New Zealand, Pacific
Northwest ซึ่งผลออกมาก็พอใช้ได้ ดีบ้าง และยังมีที่ต้องปรับปรุงอีกมากเช่นกัน
และบ๊อบเองก็ได้พยายามการันตีกับชาวคณะสมาชิกจดหมายเวียนของเขาอย่างเต็มที่ว่า..สมรรถนะการชิมไวน์ของเขานั้นไม่เคยเสื่อมถอย เข้มแข็งคึกคักราวกับอัศวิน
ในหนังเรื่อง The Lone Ranger เพียงแต่ตอนนี้เขามีผู้ช่วย
คือปีแอร์ ที่เปรียบเหมือนกับ Tonto (ในหนัง) ที่คอยอยู่เคียงข้าง ไปไหนไปกัน..

และจากคดีฟ้องร้องกับ Faiveley ที่เขาต้องจ้าง Eric และ
Hanna Agostini นั้น..ทำให้เขาได้ตัดสินจ้าง อันนา มาเป็นผู้ช่วยและเป็นที่ปรึกษาฝั่งฝรั่งเศสอีกคนหนึ่ง เนื่องจากอันนาคือทนายความที่มีความรู้เรื่องกฏหมายดี..
กฏหมายฝรั่งเศสมีความซับซ้อนมากมาย ซึ่งบ๊อบเกรงว่า
เขาอาจพลาดจนถูกฟ้องร้องได้อีก..จึงเป็นการดีที่มีทนายความคอยช่วยเรื่องให้คำแนะนำ ดูแลการแปลเอกสาร

งานแรกของอันนาคือการแปลหนังสือไวน์แห่งโรห์นของบ๊อบให้เป็นภาษาฝรั่งเศส ในปี 1996 ส่งไปพิมพ์ที่สำนักงาน Solar Publishing
จนต่อมา..บ๊อบเริ่มต้องพึ่งพาอันนามากขึ้น
มากขึ้น จนกลายมาเป็นเลขานุการส่วนตัวก็ว่าได้..
ไม่ว่าเรื่องการนัดพบ การติดต่อชิมไวน์ตามไร่ และแปล
จดหมายเวียนเป็นภาษาฝรั่งเศส

ขอเพิ่มเติมให้ว่า ตัวอันนาก็เปรียบเสมือนหูตา เป็นสปายของบ๊อบเพื่อที่จะคอยส่งข่าวบอกถึงกระแสการเคลื่อนไหวของไวน์ ของเจ้าของไร่ไวน์ ของไวน์เมธี
เพราะ การที่จะวิจารณ์ไวน์แบบสุ่มสี่สุ่มห้าโดยที่ข้อมูลไม่แน่นแล้ว..นับว่าเป็นการเสี่ยงเกินไป..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 16 มิ.ย. 49 13:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 100

ขอบคุณพี่วิ..,พี่วิโรจ มากครับ

ได้ความรู้เยอะมากครับพี่ ที่เหลือจะพยายามกัดฟันไปหามาลองซักขวด เฉพาะ อีเกรค นะครับ ส่วนโอต์บริญง บลอง ราคาเกินเอื้อมจริงๆ หายากอีกต่างหาก

เมื่อวานนี้อ่าน นสพ.กรุงเทพธุรกิจเจอเรื่องหนึ่งว่า ยอดขายหลุยส์วิตตองทั่วโลกไตรมาสสองเทียบกับไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น15% คิดเป็น3,560 ล้านยูโร และคาดว่าจะสามารถกระตุ้นยอดขายทั้งปีได้ไม่ต่ำกว่า 143,000 ล้านยูโร

เหตุผลหนึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์หลักที่เป็นสินค้าราคาแพงอาทิ กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า น้ำหอมฯลฯ ที่ขายดีอยู่แล้วก็คือ คนญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง(ไม่รู้รวมคนไทยด้วยหรือเปล่า) ได้นิยมบริโภคแชมเปญ ไวน์ บรั่นดี และเครื่องดื่มในเครือ LVMH เพิ่มขึ้นอย่างมาก (แฮะแฮะ..ผมกำลังจะไปซื้อ อีเกรค ของเขามาลองอยู่เลย)

เห็นตัวเลขยอดขายแล้วไม่แปลกใจเลยที่ อีตาบ๊อบ ต้องโปรไวน์ นาปา นี่มันสงครามเศรษฐกิจชัดๆ และ 100 แต้มสำหรับผลประโยชน์ที่ลงตัวกัน พี่วิ..ว่าไงครับ

ปล.ต้องขอประทานโทษพี่วิ..ด้วยครับที่ถามพี่วิโรจผ่านกระทู้ของพี่วิ.. โดยไม่ขออนุญาตก่อน

จากคุณ : วาริชเวสม์

- [ 16 มิ.ย. 49 14:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 102

เอาเรื่องเบาๆมาแทรกครับ มีไวน์ที่ทำออกมาโดยดาราหนังแนวซู่ซ่า Savanna Samson ( ชื่อในวงการ) ชื่อจริง Natalie Oliveros ออกไวน์ชื่อ Sogno Uno หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Dream One เป็นไวน์สัญชาติอิตาลี ที่ทำขึ้นจากองุ่น พันธุ์ Cesanese 70% , Sangiovese 20% และ Montepulciano 10% จาก Lazio และ Tuscany ปรุงโดยนักทำไวน์ Roberto Cipresso
และเมื่อ Robert Parker พบกับ Savanna Samson ในการเปิดตัวไวน์นี้ เขาได้ชิมและประทับใจในไวน์นี้มากและถึงกับกล่าวว่า It was really opulent and luscious and it had a personality. และให้คะแนนถึง 91 แต้ม อันนี้ไม่รู้ว่าเจ้าของมีส่วนในการให้คะแนนหรือเปล่าเหมือนกันครับ ...

ภาพนี้ ... หาที่เรียบร้อยที่สุดแล้วครับ

จากคุณ : sofatboy

- [ 16 มิ.ย. 49 16:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 108

คุณวาริชเวสม์ที่รัก

ที่เขียนตบท้ายมาว่า..

....ปล.ต้องขอประทานโทษพี่วิ..ด้วยครับที่ถามพี่วิโรจผ่านกระทู้ของพี่วิ.. โดยไม่ขออนุญาตก่อน......

กรุณาอย่าคิดอย่างนั้น กระทู้นี้เป็นของพวกเราทุกคน
ใครใคร่ถาม..ถาม..ใครใคร่ตอบ...ตอบ..
และยิ่งเป็นคำตอบของคุณวิโรจด้วยแล้ว ถือเป็นเกียรติค่ะ
อีกอย่างหนึ่งเรื่องไวน์นี้..ไม่มีใครสามารถรู้ได้หมด(ต่อให้เป็นเทวดาด้วยเอ้า..)
อาจรู้เยอะเพราะสนใจติดตามค้นคว้ามากกว่า..ก็เท่านั้น
รู้อะไรก็เอามาแบ่งปันเล่าสู่กันฟัง นี่คือสิ่งดี..
เพราะหายากนะคะที่จะมาเจอคนที่มีความสนใจคล้ายๆกัน
ไม่เคยคิดเลยว่า กระทู้จะยาวยืดยาดมาสิบกว่าตอนเข้าไปนี่แล้ว
ยังเคยแอบคิดว่า..เขียนไปหาอะไรฟะ..ใครจะมาอ่าน
เสียเวลาเปล่าๆปลี้ๆ
แต่อีกใจหนึ่ง..ก็เชื่อว่าอาจจุดประกายให้คนหันมาสนใจอ่านและเก็บเอาไปคิดบ้าง เพราะตอนที่เขียนเรื่องไวน์ ไวน์ เรื่อง ฮิตเล่อร์กับสงครามโลกครั้งที่สองนั้น..มีเด็กหญิงในชั้นมัธยมคนหนึ่งติดตามอ่านอย่างเหนียวแน่น แถมยังมีความรู้ดีเรื่องเหล่าทหาร SS ด้วยอีกต่างหาก..

และขอย้ำว่าถามคุณวิโรจนั้น..ถูกต้องแล้วค่ะ เพราะเธอทราบการเป็นไปของตลาดไวน์ในเมืองไทยดีที่สุด

จากคุณ : WIWANDA

- [ 17 มิ.ย. 49 12:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 109

เรื่องของ Sogno Uno นี้ก็ดังอยู่พักหนึ่งในอเมริกา
ความคิดเห็นแตกออกเป็นหลายฝ่าย
ยัยซาวันนาดาวโป๊นี้
ไม่ได้ทำไวน์เอง แต่ดันมีฝาละมีเป็นตัวแทนขายไวน์ที่นิวยอร์ค ผู้ซึ่งมี connection กับไวน์เมธีคนดังของอิตาลี และเป็นไวน์เมธีที่ทำไวน์ส่งให้สำนักวาติกันด้วย ชื่อว่า..Roberto Cipresso (ไวน์เมธีนะคะ)
ดูเหมือนจะเป็นแผนการโปรโมทเรียกร้องความสนใจของสามีนักธุรกิจของเธอ ที่สามารถเอาชื่อเสียงของดาราหนังเอ๊กซ์ กับ คนทำไวน์ของสำนักวติกันมาผนวกกัน ทำออกมาให้เป็นจุดขายได้..
ไวน์นี้..เป็นการไปชี้เลือกเอาที่โรงทำไวน์แถวๆ Lazio region และนำมาผสมผเสกับไวน์ของทัสคานีไปด้วย(ตามความเห็นชอบของ Roberto Cipresso)
สั่งทำมาล๊อตแรก..400 ลัง และมาติดออกแบบแปะป้าย
ในนามของ Sogno Uno ให้ดูเซ็กซี่บอกยี่ห้อของเธอที่เป็นถึงดาราหนังโป๊ขั้นตุ๊กตาทองเชียว..

ทั้งหมดนี้คือ แผนงานที่วางโดยสามีของเธอทั้งสิ้น..
ตัวซาวันน่าเอง..ไม่มีความรู้เรื่องไวน์มากไปกว่าผู้บริโภคธรรมดา เคยได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า..

""When they say, 'leather,' I think 'old boots,' " she said. "And when they say, 'vanilla,' I think 'ice cream.' "

แต่ที่บ๊อบให้คะแนนโต่งขนาดนั้น เพราะว่าเขาชิมแล้วชอบ
ไม่ได้สนใจว่ามันจะมาอย่างไร และจากใคร..
เรื่องให้คะแนนตามใจท่านอย่างนี้..ยังมีอีก
เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 17 มิ.ย. 49 12:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 110

.

พี่วิวันดาจ๊ะ

น้องหายไปทัศนาจรกรุงเทพเมืองฟ้าซะยาวเชียวแหละ อย่างที่บอกไว้ว่า อีตาสื่อศิลปนั่น ทีแรกถามแล้วหมอว่าจะอยู่ตลอดไม่มีตารางอะไร พอน้องโผล่ไป พี่แกดันไปอยู่เวียงจันทน์ซะนั่น เลยตระเวณเล่นกอล์ฟกันเองในครอบครัวกับอาเสี่ยชอบแช้งค์คนสุดท้อง อาจารย์เต้ย ภูเก็ต 1 คุณหนุน PA 13(log-in ของหนุนจ้ะ)ไปๆมาๆเลยสงสัยต้องไปโม้ในโต๊ะกอล์ฟอีกแล้ว ทั้งที่เบื่อการเฝ้ากระทู้อย่างยิ่ง แต่เมียพูดเป็นนัยว่า ชักหายหน้าไปนาน โผล่ไปทักทายพรรคพวกหน่อย วันหยุด 2 วันนี้ เลยว่าจะลองร่างๆเป็นแนวก่อน ถ้าไม่ไหลลื่นเพราะความที่ขาดพรสวรรค์ ขาดความกระหาย แบบที่พี่มีอยู่สม่ำเสมอก็คงพับเสื่อ เก็บฉาก แต่ถ้าพอฝืดฝืนไปได้บ้าง อาจจะมีการวิจารณ์สนามกอล์ฟใหม่สักแห่ง พี่ก็ยังไม่เคยไปเล่นที่นี่ด้วยนะ

ส่วนพี่วิโรจนั้น ได้เรียนให้ทราบไปแล้วว่า มอบหมายให้เสี่ยหมูไปทำซ้ำดีวีดี 3 แผ่นนั้น เมื่อแล้วเสร็จก็จะตั้งร้านทุนอับนั่นเป็นศูนย์กลางเสียเลย เพราะไปมาสะดวกกว่าหาดใหญ่มาก เมื่อนั้นก็จะเรียนรบกวนพี่วิโรจอีกครั้ง

ส่วนเรื่องอภิมหาประวัติไวน์ ตั้งแต่นี้คงขอติดตามอ่านไปอย่างเดียว รวมทั้งรอคอยรูปภาพประกอบจากคุณหมอฮาฮายี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งหากมีรูปภาพประกอบที่แปะไม่ได้ จะรบกวนให้คุณหมอส่งส่วนตัวจ้ะ

ที่จะอ่านอย่างเดียว เพราะยิ่งนานไป ยิ่งมีอะไรต่อมิอะไรที่พิจารณาแล้ว น้องว่า มันไม่มีทางสิ้นสุด ยิ่งไล่ตาม ยิ่งขวนขวาย ยิ่งวุ่นวาย ยิ่งยุ่งเหยิง ในเมื่อพอใจและมีความสุขดีกับ La Falaise แล้ว ไฉนต้องไขว่คว้าหาดาวเดือนอีกเล่า

.

จากคุณ : ชอบแช้งค์ (ชอบแช้งค์)

- [ 17 มิ.ย. 49 14:38:53 ]

ความคิดเห็นที่ 111

ขอเอาหัวโขกพื้นคาราวะ ขออภัยป๋า สัก 3 ที แล้วบอกว่า ข้าน้อยสมควรตาย

จริงๆ แล้วไม่มีหมายอะไรเลย ตอนที่ป๋าโทร.มา (ตามประสาคนโสด อะเจ๊ย)

แต่ดันเกิดซวย แค่วันครึ่งหลังจากป๋าโทร.มา

ดันเจอคิวด่วนไปสายอีสาน ต้องบินไปเช้าวันรุ่งขึ้นเลย

แล้วอีท่าไหนไม่รู้

ตื่นมาอีกทีก็นอนอยู่แคมของซะแล้ว

ไม่เป็นไรครับ

เดี๋ยวอาทิตย์หน้าจะลงไปแก้ตัวขออภัย ด้วยการคาราวะสุราสักหลายจอกถึงเมืองหาดใหญ่เลย

ยังไงฝากป๋าช่วยเคลียร์ระเบิดสนามบินให้หน่อยก่อนแล้วกัน

แล้วก็ขออภัยป้าวิที่ยืมหน้ากระทู้นี้มาแก้ตัวอีกหนแล้วกัน

ส่วนเรื่องไวน์ ตอนนี้ไม่มีความรู้จะไปแลกเปลี่ยนกะใครแล้ว

มีแต่เรื่องดีวีดี เรื่องที่กำลังก๊อปกันอยู่

พอดีไปเดินแถวท่าขี้เหล็ก ไปเจอเวอร์ชั่นฝรั่งเศส ก็เลยแวบติดมือมาแล้ว

ยังไม่ได้เปิดดูเลยว่ามันมีซับอังกฤษหรือเปล่า

อ้อ รวมทั้งเรื่อง Down Fall ด้วย ไปเจอที่นั่นเหมือนกัน

แถมอีกเรื่อง ไม่รู้เลียนแบบกันหรือเปล่า ตั้งชื่อว่า The Sun เป็นเรื่องช่วงสุดท้ายของฮิโรฮิโต ก่อนจะพ่ายแพ้สงคราม

หยิบมาด้วยอีกแผ่น

เอาไว้ได้ดูแล้วดีเท่า Down fall แล้วจะตั้งโต๊ะปั๊มแจกให้เป็นเรื่องเป็นราวอีกที

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป)

- [ 19 มิ.ย. 49 11:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 112

ถึงคุณพี่วิฯ : มาเตรียมรอเข้าฟังประวัติชาโต ดีเคม ค่ะ(ติดเรื่องของพี่ อย่างกะติดละครโทรทัศน์ ไปซะแระ)

คุณสื่อศิลป์: ใช่คุณสื่อศิลป์ที่เล่ากบฏยังเติร์กหรือเปล่าเอ่ย เล่าเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เลย คุณสื่อศิลป์ตัวจริงแก่หรือยังคะ (อันนี้อยากรู้จริง ๆ ขออภัยล่วงหน้าอย่างแรง แต่อยากรู้จริง ๆ ค่ะ)

คุณวิโรจน์: อ่าน wine tips กะ wine's note ของคุณบ่อย ๆ ได้ความรู้เยอะดี แต่ชิมเท่าไหร่ก็หาที่จบไม่เป็นสักที ไอ้รสชาติตอนจบเนี่ย มันต่างกันอย่างไรคะ จบตอนที่เรากลืนลงท้องไปหมดแล้ว หรือจบตอนที่มันยังอยู่ในคอของเราอ่ะคะ มีตัวอย่างชื่อไวน์ที่มีการจบที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วสำหรับไวน์ชนิดเดียวกัน (แดง&แดง) (ขาว&ขาว) มาเป็นตัวอย่างบ้างไหมคะ จะได้ไปลองซื้อมาจบ อันนี้อยากรู้จริง ๆ ค่ะ นะค๊า

จากคุณ : เกศณี - [ 19 มิ.ย. 49 17:34:23 A:58.8.11.178 X: TicketID:093688 ]

ความคิดเห็นที่ 113

อนุญาตครับ พี่วิ

ตอบคุณเกศณี...ครับ

...อาการ"จบ" ซึ่งในภาษาไวน์จะใช้คำว่า Finish นั้น
เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายที่สุดในกระบวนวุ่นเกี่ยวกับไวน์เลยครับ
...อาการ "จบ" ในไวน์นั้น...คือปฏิกริยาสะท้อนที่ร่างกาย..
โดยเฉพาะต่อมรับรสในโพรงปาก ออกมาทำงานแสดงอาการรับรู้ครับ

...แล้วอาการตอนจบ...มีลักษณะรวมอยู่ด้วยกันคือ
...อาการหลังดื่ม...ที่เมื่อน้ำไวน์ไหลลงคอ น้ำไวน์บางส่วนยังคงโลมไล้ในช่องปาก
...ขณะที่ปุ่มรับรสทำงานต่อเนื่อง ต่อมน้ำลายก็ปล่อยสารหล่อลื่น (ก็น้ำลายนั่นแหละ) ออกมา
แต่เป็นในส่วนต่อมที่อยู่ที่โคนลิ้น

...ลองนึกภาพดื่มน้ำมะนาวดูก็ได้ เมื่อน้ำมะนาวเข้าปากและสัมผัสปุ่มรับรส
...นั่นคือได้ความเปรี้ยวครับ เมื่อกลืนลงไปแล้วสักครู่
ต่อมน้ำลายที่โคนลิ้นจะทำงาน...คือปล่อยน้ำลายสอออกมา
...นั่นแหละครับคือส่วนที่อธิบายคำว่า Finish ได้ง่ายที่สุดครับ

อะไรทำให้ Finish ออกมาแตกต่างกัน ?

มีหลายองค์ประกอบครับ แต่ที่สำคัญจะต้องอยู่ตรงที่...โครงสร้างของผลไม้ คือ แน่น ...ไม่ใช่เนื้อแน่นหรือหนัก แต่หมายถึงต้องมีคุณภาพดี คือ มีน้ำตาล แอซิดิตี สมดุล ความลงตัวฯ ซึ่งเหตุหลัง ๆ นี้เกิดจากการหมักบ่มที่มีคุณภาพด้วย
...อาการจบแบ่งออกง่ายเป็น Step คือ
Short..ดื่ม...กลืน..แล้วหายไปเลย ไม่มีอะไรคงค้างให้ต่อมน้ำลายได้ทำงาน ...Medium...พอมีติดค้างอยู่จนรู้สึกได้ ...Long ...น้ำลายจากโคนลิ้นทำงาน...ฉ่ำคอ ...Lingering...แม้น้ำไวน์จะหมดไปแล้ว ต่อมยังคงทำงานต่อเนื่องและกระตุ้นเร้าต่อมน้ำลายยาวนาน

ความยาวถ้าวัดจาก Short ไปถึง Lingering ก็อาจเป็นได้ตั้งแต่ 0-5 นาที ครับ

...ขออนุญาตไม่ระบุไวน์สองขั้วอย่างที่ขอมานะครับ
เดี๋ยวชาวบ้านจะเดือดร้อน

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 19 มิ.ย. 49 18:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 114

เอ้อ คุณเกศณีครับ

มันก็แล้วแต่ว่าจะเอาไปเปรียบเทียบกับใครครับ

ยกตัวอย่างเช่น

ถ้าเอาอายุผมไปเปรียบเทียบกับคุณพี่ป้าวิวันดา

ผมก็จะดูแก่นิดหน่อย

เพราะคุณพี่ป้าวิวันดานั้น

คุณเธอเข้าข่ายสาวสองพันปี

ไม่มีคำว่าแก่

แต่ถ้าไปเปรียบเทียบกับคุณป๋า ช.ช.แล้วละก็๋

โอ้โห ทีนี้ผมจะหนุ่มราว ๆ กะเด็กช่างกลพึ่งหัดตีเลยละ

เพราะคุณป๋า ช.ช.นั้น แกแก่ (เลี้ยว) กว่าใคร ๆ มานานแล้วครับ

เอ้อ แล้วที่สำคัญ ชื่อผมมันเอามาจากชื่อกลุ่มสมัยเรียน ก็เลยไม่มีตัวการันต์ครับ

แล้วที่ว่าเขียนในยังเติร์กหรือเปล่า

ตอบว่า เดี๋ยวนี้ นาน ๆ เขียนทีครับ

เพราะอู้บ่อยจนเขาปลดประจำการให้เป็นคนแก่กินบำนาญไปเรียบร้อยแล้ว

เหลือก็แค่สิ้นเดือนมาตกเบิกซะทีอะไรยังงั้นนั่นแหละ

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป)

- [ 19 มิ.ย. 49 18:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 118

ตาสื่อ...เรื่อง Downfall พี่ส่งดีวีดีไปให้ดูกันตั้งนานแล้วไง
ไม่ได้รับเหรอ..???

คุณเกศณีคะ..เรื่องของ ชาโต ดีเคม ถ้าสนใจก็จะเล่าต่อหลังจากเรื่องของบ๊อบนี่ละกัน ดูท่ากระทู้นี้อาจจะยาวยืดแข่งกับกระทู้ยังค์เติร์กซะแล้วซิ

คุณพ่อหมีคะ เรื่อง ภาพยนตร์ของ The Judgement of Paris เนี่ย..ถ้าสร้างจริงๆคงต้องใส่สีตีใข่อีกบานเบิก
เพราะไม่งั้นก็ไม่สนุก..ที่เขาตัดสินใจสร้าง เพราะผลจากหนังอินดี้ส์ ที่ต้นทุนต่ำอย่าง Mondovino ได้รับความสนใจล้นหลามผิดคาด หรืออย่างเรื่อง Sideways ได้ออกฉายไปทั่วโลกจนกลายเป็นหนังทำเงินไม่ต่างอะไรกับหนังระดับบิ๊กๆ อีกทั้งมีนโยบายแฝง นั่นคือการโฆษณาขายไวน์แบบทางอ้อม และใครมีสตังค์ก็เตรียมซื้อไวน์รายชื่อในการแข่งเก็บไว้เลย..

จากคุณ : WIWANDA

- [ 19 มิ.ย. 49 22:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 119

.

พี่วิวันดาครับ

ผมพยายามทำซ้ำแล้วไม่สำเร็จ นึกว่าไฮเถคไม่พอ เลยหอบขึ้นมากรุงเทพ ส่งให้เสี่ยหมูจัดการ ป่านนี้ยังหาเครื่องที่ถอดรหัสไม่ได้เลย สาเหตุเดียวกับที่พี่วิโรจเจอแน่ เลยแนะเสี่ยหมูให้ส่งไปให้มืออาชีพสะด๊วบดีกว่า ตั้งเดือนแล้วยังไม่สำเร็จ มันน่า .... นัก

อาจารย์ใหญ่สื่อศิลป ลงมาหาดใหญ่น่ะ เสี่ยติ่งมาด้วยหรือไม่ แล้วจะมายังไง มียวดยานพาหนะเองหรือมีใครดูแลหรือยังครับ เอาชุดกอล์ฟเตรียมมาไถสวนด้วยหรือเปล่า ขอกำหนด ขอรายละเอียดอีกหน่อยนะ

คุณเกศณีครับ โดยปรกติเค้าจะไม่ให้ถามรายละเอียดส่วนตัวออกอากาศกัน เฉพาะเรื่องอายุยิ่งหนักหนาสาหัสนัก เพราะบางคนยังอยากเป็นเด็กน้อยอายุเยาว์ น่ารัก สดใสอยู่เสมอในจินตนาการของสมาชิก เลยยกคนอื่นเปรียบเทียบซะจนตัวเองเป็นเด็กช่างกลไปโน่น เฮอ ... แต่จริงของเค้าครับ เจอกันครั้งแรก ผมก็ยังประหลาดใจว่า หนอนหนังสือขนาดนี้ ทำไมถึงยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้

.

จากคุณ : ชอบแช้งค์

- [ 20 มิ.ย. 49 10:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 120

ฮะอา นี่เป็นคำวิจารณ์อันแรกและอันเดียวที่ขอน้อมรับอย่างไม่มีข้อกังขาและสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น

"ทำไมถึงยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้"

ก็สงกะสัยตัวเองอยู่เหมือนกันครับ

ถ้ามันหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวแบบที่ป๋าว่าจริง ๆ

ไหงมันยังไม่มีใครเอาสักทีวะ

แต่ไม่เป็นไรของแบบนี้ไม่ปฎิเสธอยู่แล้ว

คุณพี่ป้าวิวันดาเจ้าขา อย่ากังวล เรื่องดีวีดีที่ส่งให้ได้รับและดูไปตั้งแต่แรกแล้วครับ

ที่ไปซื้อใหม่เพราะประทับใจหนักหนา เห็นครั้งแรก ก็เตือนตัวเองว่า เฮ้ย มีแล้วซื้อทำไมวะ

เห็นครั้งที่ 2 ช่างมันเว้ย จะซื้อเก็บไว้ใครจะทำไมวะ

เรื่องมันก็เป็นฉะนี้แล

ส่วนเรื่อง Mondovino เดี๋ยวขอเอาไปให้ช่างเถอะเขาดูก่อนว่ามันติดปัญหาเทคนิกการก๊อปหรือเปล่า

ถ้าไม่ เดี๋ยวหนุมาณอาสาเองครับผม

คุณป๋า ช.ช. ไม่ต้องห่วง งานนี้เสี่ยติ่งขอร้อง

แกสั่งนักสั่งหนาว่าขอจัดการเองทั้งหมด พี่ช่วยเคลียร์เวลาให้พร้อมแล้วกัน

ส่วนรายละเอีัยดการเดินทางทั้งทางตรงและทางอ้อม จะหลังไมค์ไปให้วันนี้ครีับ

แค่นี้ป้าเขาก็จะเขกกระโหลกแตกแล้ว เอาเนื้อที่กระทู้เขามาเขียนอะไรก็ไม่รู้

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป)

- [ 20 มิ.ย. 49 11:24:10 ]

ความคิดเห็นที่ 121

คุณชอบแช้งค์..ครับ

สาเหตุของการทำซ้ำไม่สำเร็จง่ายๆ นั้น อยู่ที่ข้อมูลต้นฉบับ ซึ่งปกติ DVD จะเป็นหนังยาว มักใช้เนื้อที่จัดเก็บราว 7 กิกส์ขึ้นไป แต่แผ่นขายในท้องตลาดทั่วไปจะมีเนื้อที่เพียง 4.7 กิกส์เท่านั้น การทำซ้ำโดยตรงจึงไม่ได้ผลครับ

ปัญหานี้จะแก้ได้ 2 ทางครับ
...คือใช้โปรแกรมพวก DVD Shrink ซึ่งจะบีบอัดเนื้อหาขนาดใหญ่ของต้นฉบับให้เล็กลง แล้วมันจะบรรจุลงแผ่น 4 กิกส์ได้ แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ภาพไม่คมชัด เป็นโมเสคในบางช่วง และเล่นไปเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาเฉย ๆ
...ใช้แผ่น DVD รุ่นพิเศษที่มีความจุ 8.5 กิกส์มาใช้เสียเลย ซึ่งได้คุณภาพเดียวกับต้นฉบับทุก ๆ เรื่องเลยครับ ข้อเสียคือ ราคาแผ่นตกร่วมสองร้อยบาทแน่ะครับ

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร)

- [ 20 มิ.ย. 49 11:26:41 ]