ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีค่ะ ยังแอบอ่านอยู่นะคะ จากคุณ : ภูเก็ต 1 - [ 20 มิ.ย. 49 14:27:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าว ก็ไอ้ที่แวบไปแวบมาเนี่ย ก็ไปหากะตังส์น่ะสิครับ ขืนอยู่เฉยๆ คุณผู้หญิงคงต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงผมทั้งชีวิตน่ะสิ เฮ้อช่างมันเถอะครับ เรื่องนี้ขี้เกียจสนใจแล้ว เดี๋ยวจะมีคนมาหาว่าเอาเรื่องเก่ามาขายเรียกเรตติ้งอีก เวรจริงๆ ทำอะไรก็ผิดไปหมด ไม่เป็นไรหรอก หนสุดท้ายแล้ว ไปดีเถอะนะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 20 มิ.ย. 49 14:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลงชื่อครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 20 มิ.ย. 49 23:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาลงชื่อด้วยคนครับ จากคุณ : กลับมาแล้วคนดี - [ 21 มิ.ย. 49 00:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านข่าวแล้วมาเล่าให้ฟังกับเรื่องราวในแวดวงคนชนแก้ว เมื่อวานนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดประชาพิจารณ์ หรือรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม คือนอกจากจะห้ามโฆษณาเป็นเวลาแล้ว ตอนนี้เขาจะห้ามโฆษณา 24 ชั่วโมงในสื่อทุกประเภท รวมทั้งการห้ามประชาสัมพันธ์องค์กรที่ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกรูปแบบด้วย ที่เด็ดมากคือต่อจากนี้คนที่มีอายุไม่ถึง 25 ปี เขาห้ามซื้อ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ครับผม ไม่รู้ว่าที่โน่นเขามีกฎเหล็กขนาดนี้ไหม แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ผมว่ายิ่งคุมเข้มแบบนี้ ยิ่งเหมือนเป็นการเพาะพันธุ์มาเฟียเสียมากกว่า ก็รู้ๆ อยู่ว่าบ้านเราน่ะการบังคับใช้กฎหมายเป็นยังไง อ้อ แล้วป๋า ช.ช. เซียนเหล้าด่านชายแดน อัพเดตข้อมูลนี้ด้วยนะครับ ด้วย พ.ร.บ.ฉบับนี้ เขามีการเสนอให้ปรับราคาสินค้าเหล้าจากร้านดิวตีฟรีขาเข้าให้สูงขึ้น ก็คงได้ในร้านดิวตีฟรีของไทยเองตามสนามบินยังงั้นมั๊งครับ ของลาว มาเลย์ กะกัมพูชา คงไปห้ามเขาไม่ได้ ผลที่ได้ให้ทายระหว่าง 1. คนกินเหล้าน้อยลงเพราะราคาเหล้าสูงขึ้น 2. คนยิ่งหนีไปกินเหล้าปลอดภาษีมากขึ้น เพราะราคายิ่งต่างกันมากขึ้น นั่นหมายความว่า จะต้องยิ่งเสี่ยงกับการซื้อเหล้าปลอมมากยิ่งขึ้น ผมว่ามาตรการการควบคุมหรือปราบปรามยาเสพติด ไม่ว่าจะชนิดหรือระดับไหนก็ตาม คนคิดนโยบาย น่าจะปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์แบบ 360 องศาบ้างนะ เอ้อ ผมหมายถึงวิสัยทัศน์รัฐบาลเขมริน อินทิรา อะไรนั่นนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับประเทศไทยเลยจริงๆ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 21 มิ.ย. 49 12:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาสนับสนุนป๋า ชช. ที่ว่า "เจอกันครั้งแรก ผมก็ยังประหลาดใจว่า หนอนหนังสือขนาดนี้ ทำไมถึงยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวขนาดนี้" หน้าตาอาจารย์ใหญ่สื่อศิลปของเราท่านละอ่อนจริงๆ ขอนินทา/ประจานหน่อยเหอะ อาจารย์ใหญ่โทรฯคุยกับผมครั้งแรกแล้วไม่ยอมโทรฯมาอีกเลย แอบไปกระซิบออดอ้อนกับพี่วิฯ ว่า "ไม่กล้าโทรฯไป.... พี่แกเสียงแก่..." เฮ่อะๆๆ แหม อาจารย์ก็นะ ทำย้งกะจะชวนไปออกเทปงั้นละ ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป จากคุณ : ha ha yee - [ 21 มิ.ย. 49 13:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ฮะฮ้า คุณหมอไม่รู้อะไร จริงๆ แล้วผมไม่ติดใจเรื่องที่ว่าเสียงก่งเสียงแก่อะไรหรอก แต่มันผิดหวัง ที่แรกนึกว่าจะได้ยินเสียงคุณหมอสาวๆ ไพเราะเสนาะหู หรือถึงจะเป็นนายแพทย์ แต่ก็น่าจะฝากโทรศัพท์ไว้กับพยาบาลสาวจบใหม่ๆ ให้ช่วยรับสายก็ได้ นี่ดันรับเอง แถมพูดเสียง "สวัสดีคร้าาาาบ" ยังกะพ่อสุทธิชัยบวกกะน้องตุ้มตอนเมาๆ ตอนลงเวทีหลังจากที่ตะบันท่าฤษีบดยาลงกระหม่อมฝรั่งลงไปนอนนับสิบแล้วนั่นแหละ แล้วงี้จะไม่สยองได้ไง ก็ไม่รู้นี่นาว่าความฝันของคุณหมออยู่ที่การออกเทป ไม่ยากครับ แนะนำพยาบาลในคลินิกให้สักสองสามคนสิครับ ผมพอจะมีรุ่นพี่รุ่นเชื้อทำงานอยู่กะอาร์ เอส แกมกี่อะไรกะเขาอยู่บ้าง หรือถ้าคุณหมอจะออกเอง ก็สบายครับ ช่วงนี้เทปเปล่ากำลังเป็นที่ต้องการในตลาดพอดี เดี๋ยวออกมาวางแผนชนกะของผมแบบตัวต่อตัวแผงต่อแผงกันเลย เสร็จแล้วจะได้ชวน ป๋า ช.ช.กะคุณป้าวิ มาออกน้ำยาล้างหัวเทปเป็นน้ำจิ้มเคียงแผงไปซะทีเดียวเลย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 21 มิ.ย. 49 17:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขออนุญาตเอารูปมาแจมกระทู้คุณวิน่ะค่ะ พอดีหนีอาจารย์ไปเที่ยวออสเตรีย มีคนชวนไปดูเกษตรกรที่นั่นเค้าเลี้ยงควาย ย้ำควายค่ะ แต่เป็นควายรีดนมที่เค้าเรียกว่า swamp buffalo พันธุ์นี้เค้าจะมีขนยาว นมที่ได้ไม่ใช้ดื่มค่ะ แต่เอาไว้ทำชีส ลองทานแล้วค่ะ ชีสควายอะหร่อยดี อ่อนกว่าชีสที่ทำจากโคหรือแกะเยอะเลย แต่เป็นรสชาติที่หนูชอบก็เลยชมว่าอร่อย แต่อันนี้แล้วแต่คนชอบ เกษตรกรที่นี่เค้าทำอะไรพอตัวค่ะเลี้ยงควายไม่กี่ตัวตัวหนึ่งรีดนมได้วันละหก กก. เอง แต่เค้าสามารถเลี้ยงตัวเองได้ค่ะ ไม่จนเหมือนบ้านเรา หนูว่าเค้าทำอะไรประมาณตัวเองได้พอดี ทำไมพูดเรื่องควายเนี้ย ความจริงจะบอกว่าไปเที่ยวไร่ไวน์มาค่ะ ฮิๆๆ ...ในที่สุด นี่ถ้าไม่ได้อ่านไวน์กับสงครามโลกของคุณวิ ทริปเที่ยวไร่ไวน์คงไม่มีในหัว ต้องขอบคุณที่จุดประกาย หนูไม่ทราบว่าที่ออสเตรียโดนพี่นาซีเข้ามาขู่กรรโชกจะอาไวน์เหมือนที่ฝรั้งเศสหรือเปล่า แต่ไร่ไวน์ที่นี่เยอะเหมือนกันน่ะค่ะ โดยเฉพาะเขตที่อยู่ด้านตะวันตกของเวียนนา มีไร่ไวน์ขึ้นตามภูเขาถ้ามองออกไปจะเห็นไร่ไวน์สีเขียวเข้ม เขียวจางสลับตามความลึกหรือสูงของหุบเขา ลักษณะแบบนี้เป็นลักษณะพิเศษของไร่ไวน์ที่ออสเตรีย โดยเฉพาะเขตเมือง Krem ท่านที่เมตตาพาไปเที่ยวบอกว่า บริเวณไร่ไวน์แถวเมือง Krem ได้รับการจดเป็นมรดกโลกด้วยค่ะ ดูรูปก่อนค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แอบคิดว่า ไวน์คงเกี่ยวกะชีสนิดหนึ่งค่ะ แต่ชีสนี้พิเศษหน่อยเพราะทำจากนมควาย จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชีสควาย จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องมองไกลๆ จะเห็นวิวจากไร่องุ่น บางทีเค้าก็เรียก ต้นไวน์ ไม่เรียกต้นองุ่น อันนี้หนูเพิ่งทราบค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต้องถือว่าเป็นโอกาสดีของตัวเองที่ ผู้นำเที่ยวมีภารกิจต้องไปชิมไวน์ที่ไร่ไวน์ที่จะกล่าวถึง ท่านบอกว่าเจ้าของไร่เป็นเพื่อนสมัยเรียนหนังสือด้วยกันที่เวียนนา ชื่อคุณ IISE Maeir คุณ IISE เป็นเกษตรกรผลิตไวน์มาได้ 20 ปีแล้วค่ะ แล้วเป็นคนแรกๆ ที่ ริเริ่มทำไร่ไวน์แบบ organic ได้ยินแล้วหูผึ่งเลยค่ะ เพราะ เดี๋ยวนี้อะไรก็ ออร์กานิก นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ตัวเองได้รู้จักไวน์ออร์กานิก ไร่ไวน์แห่งนี้ผลิตไวน์ ยี่ห้อ Geyerhof (ไม่ได้ค่าโฆษณา ค่ะ แถมตัวเองยังซื้อเองอีก ฮี่ๆ) ตั้งอยู่ที่ เมือง kremtal, Austria ริมฝั่งแม่น้ำ ดานูบ (โดนาว) พื้นที่ 30 เอเคอร์ พันธุ์องุ่นที่ปลูกในพื้นที่นี้ประกอบด้วย Gruner Veltliner, Riesling, Pinot blanc และ Chardonay สำหรับผลิต ไวน์ขาว และมีองุ่นพันธุ์ Zweigelt, Pinot Noir และ Cabernet Souvignon สำหรับไวน์แดง ค่ะ เจ้าของไร่เล่าให้ฟังว่า พื้นที่แห่งนี้เริ่มปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์มาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 (กรี้ด อยู่ในใจ ทำไมมันประวัติ ยาวนานขนาดนี้) แต่ว่าตระกูลของเธอเข้าจับจองพื้นที่นี้และดำเนินกิจการผลิตไวน์จากไร่องุ่นนี้เมื่อศตวรรษที่ 16 นี้เอง จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เจ้าของไวน์ แนะนำไวน์และใจดีสอนวิธีชิมไวน์ให้ด้วยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของตัวเองที่เรียนรู้วิธีชิมไวน์ค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:44:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โต๊ะนั่งใต้ถุนบ้านเป็นทางเข้าไปสู่ที่เก็บไวน์ค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทางเข้าที่เก็บไวน์ค่ะ ใต้ถุนบ้านเค้านั่นเอง เข้าใจที่คุณวิเขียนเรื่องไวน์กะสงครามแล้วค่ะ ว่าเกษตรกรผู้ทำไวน์เป็นยังไง จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:52:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 รูปนี้เป็นบ่อน้ำที่ขุดไว้ไต้ถุนบ้านเพื่อใช้ในการดื่ม หรือล้างถังเก็บไวน์ ในสมัยแรกๆ ของการเริ่มทำไวน์ของบ้าน บ่อนี้ไม่ใช้แล้วค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 22:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไร่นี้ได้ตรารับรองจากทางการว่าเป็นไร่ออร์กานิก จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 23:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สมัยเริ่มทำไร่กันในยุคเริ่มแรก จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 23:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มีเรื่องขำๆ ของตัวเอง คือว่าตอนที่ชิมไวน์ ปรากฎว่าไวน์แต่ละชนิดก็โชว์กลิ่นของเธอแตกต่างกันออกไป บางขวดกลิ่นเหมือนดอก Hola บางขวดกลิ่นเหมือน สตรอเบอร์รี่ เลยสงสัยถามเค้าไปว่า ข้างรั้วไร่องุ่นมีเถาต้นสตรอเบอรรี่ขึ้นพอดีเหรอคะ ไวน์ถึงได้มีกลิ่นนี้ ฮ่าๆๆ เค้าขำกันเลยอ้ะ เพราะว่ากลิ่นสตรอเบอร์รี่มันมาจากการผสมของ ดิน หิน น้ำอากาศของพื้นที่ปลูกองุ่น ในแต่ละปี ไม่ได้แอบปลูกสตรอเบอร์รี่ข้างๆ เถาองุ่นหรอกนะจ้ะ ฮี่ๆ ก็คนมันไม่รู้นี่ค่ะ ฟังเรื่องไวน์ก็เลยซาบซี้งเลยค่ะว่าพื้นดินตรงที่ปลูกไวน์นี่คืออัญมณีสมบัติล้ำค่าของแต่ละครอบครัวจริงๆ ทริปนี้สนุกและได้ความรู้มากค่ะ อ่านเฉยๆ ไม่พอขอไปเห็นกะตาละกัน เรื่องราวเข้ากะกระทู้ได้นิดนึงก็เลยเอามาแจม ค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 21 มิ.ย. 49 23:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชื่นชมและยินดีในการเป็นศิษย์กระทู้คุณ horseshoes เสียจริงๆ คุณเป็นคนที่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน เชื่อว่าสังคมและอนาคตข้างหน้าจะต้องก้าวไกล นี่คือตัวอย่างอีกหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงคำว่า"จุดประกาย" ที่ได้แตกยอดออกไปกลายเป็นพลุดวงใหญ่ คุณ horseshoes ติดตามอ่านเรื่องฮิตเล่อร์ และเรื่องไวน์ ไวน์ จนปรุอย่างนี้ ถ้าลองเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อนๆในออสเตรีย รับรองคงได้คุยกันถูกคอ นั่งไม่ลุกตั้งกะเช้ายันเย็นเลยทีเดียวค่ะ ออสเตรีย..ไม่ได้รับการย่ำยีจากฮิตเล่อร์มากเหมือนที่อื่น เพราะที่นั่นเป็นบ้านเกิดของเขาเอง และ ทางออสเตรียก็แสนปลื้มที่คนของตัวได้ไปเป็นใหญ่เป็นโต ต้อนรับกันเอิกเกริก พร้อมใจกันรวมประเทศเข้ากับเยอรมัน (หรือที่เรียกเป็นทางการว่า Anschluss) และที่สำคัญคือร่วมยอมรับนโยบายช่วยนาซีจำกัดยิว..และ คอมมิวนิสต์ อย่างแข็งขันอีกต่างหาก อันนี้เขียนให้อ่านแล้วในเรื่อง เชลย..ตอน คุณนายนาซี และเรื่องกสิกรไวน์ อันนี้จริงค่ะ ..แต่ละครอบครัวภูมิใจในศักดิ์ศรีของตัวเอง ทุกคนมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขด้วยความหวังของดินฟ้าอากาศในปีต่อปี และมันเป็นการทำเศรษฐกิจที่พอเพียงอย่างจริงแท้แน่นอน มีที่เท่าไหร่ก็ทำได้แค่นั้น..เวลาที่ว่างระหว่างฤดูรอองุ่นสุก ก็ไปเลี้ยงวัว รีดนมทำซีส เลี้ยงไก่กินใข่ ตามอัตภาพ ซีสจากนมควาย..ยังมีอีกชนิดค่ะ ที่เรารู้จักกันแพร่หลาย เพราะนำมาโรยหน้าพิซซ่า นั่นคือ Mozzarella (ถ้าเป็นของแท้จากอิตาลี) แต่ Mozzarella ในอเมริกา เป็นส่วนผสมของนมวัวและนมควาย (จำนวนน้อยนิด) และไร่ไวน์ Geyerhof ที่คุณไปนั้น ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกันนะคะ.. 2001 Riesling Sprinzenberg, Geyerhof, Kremstal, Austria Possibly the best Austrian, and dry, Bracing acidity, maybe just a bit too much, as one might perhaps expect from unripe fruit. Yet this wine has very good riesling fruit intensity, as one would expect from 2001, a long taste, and nice bouquet. The color is golden. A wine to sip and savor. ที่สำคัญคือ เป็นไวน์ออร์กานิค หรือระบบปลูกแบบธรรมชาติ ที่ไม่ใช้ปุ๋ยสารเคมีใดๆ เท่านั้นไม่พอ มันหมายถึงเกษตรกรต้องทำงานหนักเป็นสามเท่าตัวในรักษา หน้าดิน ชั้นดิน และ การปรุงแต่งให้อาหารดินด้วยวิธีพื้นบ้าน เช่นนำกระดูกสัตว์ไป โรย ผสมดินกับหินควอทซ์ รวมทั้งการหมักที่ไม่มีการใช้ทั้ง Carbonic Maceration และ Malolactic fermentation ไร่นี้ ก็เป็นหนึ่งเดียวของออสเตรีย และเป็นหนึ่งในไม่กี่ไร่ในโลก.. อ้อ..ได้สั่งให้ตัวแทนขายเขาส่งมาให้ชิมแล้วค่ะ สามสี่ขวด อาทิตย์หน้าคงได้รับ จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 00:29:59 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ข่าวในคคห.ที่ 5 เรื่องการพิจารณากฏหมายว่าด้วยเรื่องของมึนเมา นั้น..ก็ดี ถ้าถือปฏิบัติจริงๆ แต่แหม..อายุ 25 นี่ไม่แก่ไปหน่อยเหรอ ทีเลือกตั้งทำไมให้คนที่มีอายุ 18 ลงเลือกได้ เพราะดันบอกว่า โตแล้ว..เป็นผู้ใหญ่แล้ว.. พอถึงเรื่องการค้าขายที่มีผลประโยชน์ที่ (ไม่ลงตัวกับใครบางคนมัง..) ก็บอกว่า..รอไว้อายุ 25 ค่อยซื้อได้ เรื่องภาษีก็เข้าไปอยู่ในวังวนเดิมๆ คือ พยายามรีดหาเงินเข้าคลังจากทุกวิถีทาง.. กฏเหล็กของอเมริกา คือ ผู้ที่ซื้อเครื่องดื่มของมึนเมาได้ อายุต้อง 21 ปีบริบูรณ์ ที่เข้มแข็งมาก ..นั่นคือ กฏหมาย(ในเมืองใหญ่ๆ)เอาจริงกับการ"เมาแล้วขับ" มาก.. จะมาอ้างว่า..หนแรกนะคร๊าบ....เมานี๊ดเดียวเอง... ไม่ได้ทั้งนั้น ติดคุกหมด ค่าประกันตัวหลายพัน ค่าทนายอีกหลายพัน ค่าศาล ค่าไปโรงเรียนเพื่อรับการอบรมสั่งสอนนิสัยใหม่อีกหลายพัน ไหนจะต้องโดนค่าแท๊กซี่ระหว่างที่ยังขับรถไม่ได้อีก เรียกว่าแทบหมดอนาคตไปเลยเชียว.. ยิ่งถ้าเป็นเด็กเมาด้วยแล้ว..ผู้ผิดขั้นร้ายแรงคือผู้ที่จำหน่ายสุราให้ แต่ได้ผลจริงๆนะ...นิสัยในการบริโภคสุราของผู้คนนั้นเปลี่ยนไปเลย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 00:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับผู้ที่สนใจไวน์ Organic หรืออีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า..Biodynamics มีอยู่ในรายนามชื่อเหล่านี้ค่ะ The Metropolitan Pavilion in New York was the site June 14 of the first tasting of biodynamic (and some organic) wines in America. The 74 participating vintners subscribe to a charter that emphasizes vineyard methods that pursue the true and inimitable expression of terroir and cellar work that respects the high level of originality and unique characteristics of each terroir. They strictly avoid synthetic chemicals and ban viticultural and winemaking practices that falsify the unique expression of their terroir. Their sites are certified as organic or biodynamic by a recognized organization in their countries. Austria Nikolaihof Wachau; Weingut Geyerhof Australia Castagna Vineyard; Jasper Hill Vineyard; Cullen Wines Chile Vi๑a Antiyal; Santa Emiliana France Champagne -- Fleury; F. Bedel; Larmandier-Bernier Alsace -- Pierre Frick; Marcel Deiss; Zind-Humbrecht; Martin Schaetzel; Marc Tempe; Ostertag; Marc Kreydenweiss Jura -- Andre et Mireille Tissot Provence -- Chateau de Roquefort; Chateau Romanin; Domaine de Trevallon Loire -- De Suronde; Tour Grise; Coulee de Serrant; de l'Ecu; Saint- Nicolas Bourgogne -- A et P de Villaine; Giboulot; Leflaive; Pierre Morey; Trapet Pere et Fils; Leroy et d'Auvenay Bordeaux -- Falfas; Gombaude-Guillot; Haut-Nouchet; Lagarette; La Tour Figeac Rhone -- Clos du Joncuas; Domaine de Villeneuve; Montirius; Domaine Viret; M. Chapoutier Languedoc-Roussillon -- Beauthorey; Cazes; Gauby; Leon Barral; du Traginer; Fontedicto Germany Freiherr Heyl zu Herrnsheim; Eymann; Hahnmulle; Prinz zu Salm-Dalberg & Schloss Wallha�sen; Wittmann; Sander Italy Cascina Degli Ulivi; La Biancara; Radikon Stanislao New Zealand The Millton Vineyards; Providence Vineyards Slovenia Movia Spain Albet I Noya; Alvaro Palacios; Compania de Vinos Telmo Rodriguez; Descendientes de J. Palacios; Dominio de Pingus; Mas Estela United States Araujo Estate Wines; Benziger Family Winery; Brick House Vineyards; Ceago Estate Wines; Cooper Mountain Vineyards; Coturri Winery; Patianna Organic Vineyards; Robert Sinskey Vineyard จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 02:32:46 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สำหรับตัวเอง..ไม่เคยคิดว่าไวน์คือเครื่องดื่มของมึนเมาเลยแม้แต่นิด ชีวิตการเรียนรู้เริ่มด้วยการแต่งงานกับคนฝรั่งเศส ที่มีครอบครัวทำธุรกิจไวน์ มีร้านอาหารฝรั่งเศส มีไวน์บาร์ นับว่าเป็นยุคแรกๆของการบุกเบิกไวน์บาร์เลยจริงๆ มีมุมกาแฟ เรียกว่า Cafe du Marche ที่มีกาแฟเอสเปรสโซ่ คาปูชิโน และ ลาเท ทุกชนิด ไวน์บาร์..จะเปิดขายไวน์ดีๆเป็นแก้ว..แต่จะมีเมนูบอกว่า อาทิตย์นี้จะเปิดอะไรเป็นพิเศษ เพื่อที่คอไวน์นั้นๆจะได้เตรียมตัวกันเนิ่นๆ ตอนนั้นไวน์มูตอง และ ลาฟีต เราขายแก้วละ 12-15 เหรียญเอง มีกับแกล้มให้ด้วยนะ รินประมาณว่าสี่ออนซ์ ขวดหนึ่งมีประมาณ 22-24 ออนซ์ รินได้ หกแก้ว.. (อ้อ..ลืมบอกว่า ต้นทุนขวดละ ประมาณ 35-48 เมื่อปี 1988) กำไรไม่ได้มากมายก็จริง..แต่บรรยากาศของการชุมนุม การสนทนาของชาวไวน์นั้น มันเป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวา.. ในยามบ่ายของวันหยุด เรามีรายการ Meet the Winemaker ด้วย คือเป็นรายการที่ไวน์เมธีจะมาทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์...รินไวน์และให้ความรู้ ใครไม่รู้จะไปไหนก็มาแวะจิบไวน์ อ่านหนังสือที่มีวางเรียงรายไว้ให้ ทักทายพูดจา ทานขนมอร่อยๆ บางคนแวะมาทานไวน์วันละแก้วสองแก้ว เหมือนกับแวะมาสังสรรเข้าคลับ..มาได้ทุกวัน บอกว่าถ้าไม่ได้มาเหมือนกับ อะไรมันขาดๆหายๆไป..จนบัดนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ คุณพ่อหมีคะ..นี่คือเทคนิคอย่างหนึ่งในกระตุ้นการขายไวน์ ค่ะ ลองไปเสนอเจ้านายดู ไวน์ที่จะเปิดขายเป็นแก้ว เราเลือกได้ค่ะ ว่า..จะเอาไวน์อะไร ไม่จำเป็นต้องเป็นกรอง ครู ราคาก็มีให้เลือกหลายชนิด ถือว่าเป็นการให้ความรู้ เรียนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งบ๊อบ ปาร์คเกอร์ ในภาพคือ มุม Cafe du Marche ที่เล่ามา จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 04:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในวัน Bastille หรือ วันชาติฝรั่งเศส (14 กรกฏาคมของทุกปี) เราจะจัดระบำ Can Can จากซาน ฟรานซิสโก มาโชว์ โอ้โห..แต่ละสาวกระโดดขึ้นไปเต้นกันแบบเมามัน.. เปิดไวน์ และแชมเปญรินกันเป็นสิบๆลัง.. ตอนนั้นผู้คนมีสปิริตในการเฉลิมฉลองมากค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 04:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 .................แถมผู้หญิงสมัยนี้ฉลาดจะตาย แกเอ๊ยยยย...!!! พี่วิขา ชม หรือ ด่าคะ... ........................................................................ พี่หมอคะ เสียงแก่ แต่หน้าเด็ก ให้อภัยได้ค่ะ อย่าให้เสียงเด็กแต่หน้าแก่ก็แล้วกัน!!!! อีกนิดนึงค่ะพี่หมอ ไม่ทราบวันนี้จะเข้ามาหรือเปล่า ช่วยไปที่กระทู้นี้หน่อยนะคะ มีคนเขาถามเรื่องคลังกระทู้เก่ากบฎยังเตริก์ แต่หนูหาไม่เจอ รบกวนพี่หมอด้วยค่ะ ลืมแปะลิงค์ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4474677/K4474677.html จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 22 มิ.ย. 49 10:05:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 มาเซ็นชื่อ ตามอ่านต่อครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 22 มิ.ย. 49 11:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เพิ่งว่างเข้ามาอ่านกระทู้เมื่อกลางวันนี้เองค่ะ หลังจากที่หายไปหลายวัน อย่างที่บอกว่าประชุมและลูกติดพัน เมื่อกลางวันก็เขียนขณะที่ว่างแป๊บนึง..ไม่ได้กวาดตาอ่าน ทั้งหมด เลยไม่เห็นว่าน้องสาวคนสวย ตาโต ขนตางอนเฉียบ ตีกอล์ฟไกลเลยผู้ชาย..มานั่งคอยอยู่เป็นแรก ค่ะ เธอคนนั้นคือ คุณภูเก็ต 1 หวานใจของป๋าชอบแช้งค์ ที่ห่างหายไปเสียนาน ได้ข่าวว่า กำลังจะมีส้มหล่นได้ไปตีกอล์ฟที่คุณหมิงอีกแล้วหรือ..น่าอิจฉาจริง.. เพิ่งเข้าไปอ่านกระทู้ของป๋า..ในห้องกอล์ฟมาเมื่อกี้.. ขำกลิ้งไปกลิ้งมา..ปากจัด สำนวนเข้มข้นเหมือนเคย ใครสนใจไปอ่านได้นะคะ..ที่นี่ http://www.pantip.com/cafe/supachalasai/topic/S4467036/S4467036.html อ้อ..แอบบอกน้องสาวแม่ทูนหัว ภูเก็ต 1 ซะหน่อย.. ว่าพี่อยากได้น้ำพริกไตปลาจัง กระปุกกลมที่มีฝาแดงๆ มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปะมาเม็ดนึงน่ะ จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไร จะให้หลานๆซื้อ ก็บอกไม่ถูก..ขอชื่อหน่อยจ้ะและช่วยถามเขาด้วยว่า...ส่งขายที่ไหนในกรุงเทพ คุยหลังไมค์กับป๋าทุกครั้ง ได้ฝากความรักและความคิดถึงไปให้เสมอนะจ๊ะ..เขาบอกหรือปล่าว..??? จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 11:37:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มาต้อนรับคุณ "กลับมาแล้วคนดี" เข้ากระทู้ค่ะ ปิดประตูล๊อคเลย เข้าแล้วห้ามออกไปไหน... คุณกาสะลองคะ.. โถ..ชมซิ...จากใจจริงเชียวแหละ เข้าไปตอบในกระทู้ที่ถามแล้วนะคะ ให้ลิงค์ของคุณหมอไปเสร็จสรรพ ขอบคุณมากค่ะ ที่เข้ามาบอกกล่าว ช่วยเป็นหูเป็นตา ต้องยกตำแหน่งเลขาฯสองกระทู้ให้ซะแล้วมังเนี่ย.. ส่วนคุณวิโรจ คุณ Natt คุณหมอ อีตาสื่อฯ ป๋าชช.นั่นคือ ผู้ร่วมก่อตั้ง.. ถือเป็นหน้าที่เลยเชียว..ว่าต้องเข้ามาส่งเสียง นี่ร่ำๆจะประกาศหาคนหายเหมือนกัน เพราะ คุณหลาน sofatboy..ไปติดดูบอลที่ไหนก็ไม่รุ...?? น้องใหม่อย่างคุณ วาริชเวสม์ มาลงชื่อไม่เคยขาด เนี่ย..บางครั้งว่าจะอู้ก็เลยไม่ค่อยสะดวกใจ.. รู้สึกผิดๆยังไงไม่รู้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 12:07:43 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พี่วิขา... จากข้อความที่ว่า "อยากได้น้ำพริกไตปลาจัง กระปุกกลมที่มีฝาแดงๆ มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์แปะมาเม็ดนึงน่ะ " ถ้าเป็นของพื้นเมืองภูเก็ต น่าจะเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบอย่างหนึ่ง และไตปลาแห้งอีกอย่างค่ะ ถ้าเป็นน้ำพริกไตปลาคงจะดับเบิ้ลเผ็ดนะค้าพี่จ๋า...(เดี๋ยวโดน..+++) แต่จากลักษณะที่ว่า มีเม็ดมะม่วงแปะคล้ายหน้าผากท่านเปาบุ้นจิ้น น้องคิดว่าน่าจะเป็นไตปลาแห้งอ่ะค่ะ ที่ภูเก็ตมีหลายเจ้า เช่นแม่จู้ , แม่พร, จี้มิก,จี้ฮวด ,จี้นงค์,จี้...(จี้ของภูเก็ตแปลว่าพี่ผู้หญิง) ที่วางขายในกรุงเทพฯน่าจะเป็น แม่จู้ ที่เขาทำเป็นอุตสาหกรรม แต่นู๋ว่าไม่อร่อย ที่อร่อยต้องจี้ฮวด ที่ต้นตำรับ สดๆ คุณยายยังทำเองอยู่เลยค่ะ หลานพี่วิ น้องขอเบอร์ติดต่อหลังไมค์ ด้วยค่ะ จะได้หารือกัน ขอบคุณและคิดถึงค่ะ จากคุณ : ภูเก็ต 1 - [ 22 มิ.ย. 49 12:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แหม...คุณภูเก็ตหนึ่งตอบมาทันใจจริง ขอบคุณมาก ใช่แล้วค่ะ..น้ำพริกแห้ง..จำได้ว่าเคยไปซื้อที่ร้านที่เป็นโรงงานแกะมะม่วงหิมพานต์ ที่หน้าโรงงานเป็นป้ายเป็นรูปเม็ดมะม่วงที่ว่านี่แหละ (ที่เขาต้อนนักท่องเที่ยวไปไงล่ะ) แต่มันไม่เผ็ดมากเท่าไหร่ พอไหวนะคะ ขายเป็นกระปุก ในร้านขายของสารพัดอย่าง ประเภทปลาหมึกแห้ง กุ้งเสียบ ท๊อฟฟี่ ขนม น้ำพริกนั่น พี่เห็นกระปุกไม่ค่อยสวย ซื้อมาไม่มาก ที่ไหนได้ แย่งกันหนึบหนับ.. หมดไปนานแร๊ะ.. ค่ะ แล้วจะหลังไมค์ไปบอกเบอร์น้อง เบอร์หลาน ว่าคนไหนสะดวก แต่ต้องไปหาก่อน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 13:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พลพรรคกระทู้อาจจะตกใจ คิดว่า รายวะ..คุยเรื่องไวน์อยูดีๆ กลายเป็นน้ำพริกไตปลาไปเสียแล้ว.. ต้องขอเรียนว่า..ชีวิตในอเมริกา มีกินทุกอย่างเกือบเท่ากับซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างที่เมืองไทย ขนาดโรตียังมีขายเลย แช่แข็งมา อร่อยด้วย..ปลาคง ปลาเค็มมีหมด ที่ไม่มีคือ ปลาสลิดตัวโตๆ เนื้อแน่นๆ (ที่มีอยู่คือ ตัวเล็ก ผอมซีด ทอดแล้วแข็งโป๊ก) และ แกง(และน้ำพริก)ไตปลา..ที่อร่อยๆครบเครื่อง แบบไม่เผ็ดจัด นี่ละค่ะ..ถึงได้คิดถึง"บ้าน"หนักหนา จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 13:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เล่าเรื่องขำของวงการไวน์หน่อย เอามาจากข่าวใน wine spectator ว่า.. มีการแอบด่ากันแบบหยาบคายด้วยคำ F.... ระหว่าง ท่านเซอร์ คลิฟฟ์ ริชาร์ด (Sir Cliff Richard) ที่มาได้คำนำหน้าว่า เซอร์ แบบเดอะ บีตเติ้ลส์ เพราะสร้างรายได้จากการขายแผ่นเสียงหลายร้อยล้าน เป็นอดีตนักร้องขวัญใจวัยรุ่นเมืองอังกฤษ (รุ่นไหน..ก็รุ่นคนเขียนละซิ) กับเชฟปากร้ายชื่อก้อง กอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) ท่านเซอร์อยากจะทดสอบความสามารถทดลองชิมไวน์แบบบอดๆ เชฟ แรมซี่ย์ ก็ได้รินไวน์ฝรั่งเศสขวดละ $750 ให้ ท่านเซอร์ชมว่ายอดเยี่ยม.. ต่อมา เชฟ ก็รินไวน์ขวดต่อไป.. ท่านเซอร์ถ่มถุย..บอกว่า ห่วยแตก อย่างนั้นไม่ยอมเสียเงินซื้อหรอก ไวน์เฮงซวย.. เชพก็เลย..สวนให้ว่า..ไอ้ขวดห่วยแตกนั่น (ชื่อ Vida Nova from Portugal, a blend of Aragonez, Syrah, Trincadeira and Alicante Bouschet) มันเป็นไวน์ของยูนะ.. ยูเป็นคนเอามาเอง ท่านเซอร์เสียหน้าสุดๆ ยื่นปากไปกระซิบที่หูของเชฟแรมซี่ย์ ด้วยคำว่า..F.....อะไรก็ไม่รุ.. (ข่าวก็เป็นข่าวให้อ่านน่าตื่นเต้นไปงั้นแหละค่ะ ทั้ง เซอร์ ริชาร์ดและ เชฟกอร์ดอน แรมซี่ย์ ต่างสนิทสนมพูดคำด่าคำกันได้ตลอดเวลา) จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 13:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แต่ข่าวที่น่ายินดี คือ ในงานพระราชสมภพวันคล้ายวันประสูติครบ 80 ชันษา ของสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง ในงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ที่มีอาหารหลักสี่คอร์สนั้น สองคอร์สแรก ที่เป็นอาหารเบาเรียกน้ำย่อย ได้เลือกไวน์ของนิวซีแลนด์ Woodthorpe Chardonnay 2004 (ขวดละ $ 18 เอง) ในอาหารสองคอร์สสุดท้าย คือ Mount Horrocks Riesling 2005 จาก Clare Valley, Australia (ขวดละ $25) และ Chateau Margaux 1983 (อันนี้ ขวดละ $ 500 เขาเอาไว้รินดื่มถวายพระพร) นับว่าทรงประหยัดได้อย่างเต็มที่จริงๆ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 14:16:33 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณทั้งคุณกาสะลองฯ กับพี่วิฯ ที่ช่วยส่งข่าวและจัดการเรื่องแจกลิ้งค์โฮมเพจให้ครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 22 มิ.ย. 49 14:22:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ยังอยู่ครับ มีแวบเป็นนินจาบ้าง ฮะแฮ่ม ... คุณอาแอบมีกรี๊ดเจ้าชายเหมือนกัน แต่เร็วกว่าสาวๆในพันทิปไปก่อนแยะ ท่านเซอร์ คลิฟฟ์ ริชาร์ด สมัยยัง The Young Ones ตอนนี้ยังเต้นไหวอยู่ไม่หอบก็เก่งแล้วครับ จากคุณ : sofatboy - [ 22 มิ.ย. 49 14:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เชฟ กอร์ดอน แรมซีย์ จากคุณ : sofatboy - [ 22 มิ.ย. 49 14:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มาส่งเสียงด้วย Vida Nova ครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 22 มิ.ย. 49 14:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ^ ไม่ต้องคุยคุย กับเซอร์ Cliff ปกติ เชฟแกก็ F... O.. ตลอดเวลาอยู่แล้วครับ ติดตามลีลา แกได้ทาง ubc series รายการ Hell's kitchen ครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 22 มิ.ย. 49 14:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ไวน์ Vida Nova เป็นภาษาละติน แปลว่า ชีวิตใหม่ หรือ new life นี่เป็นไร่ไวน์ของท่านเซอร์อีกไร่หนึ่งค่ะ.. ที่ชื่อนี้เพราะตอนที่ซื้อมานั้น สภาพเน่าเต็มที่ ท่านเซอร์เลยปรับปรุงกะจะทำไวน์ออกมาเป็นงานอดิเรก สถานที่เอาไว้พักผ่อน.. แต่บรรดาแฟนคลับได้รุมเร้า พร้อมใจกันหนับหนุน.. ท่านเซอร์เลยเห็นว่า ไหนๆก็ไหนๆ ทำออกมาขายซะเลย เพราะลูกค้าก็มีเพียบอยู่แล้ว.. ก็เลยออกมาวางตลาดนี่ละค่ะ.. แถมได้รางวี่รางวัลกะเค้าอีกต่างหาก..(ดูภาพ) หลาน sofat เอ๋ย..ขอบอกว่าท่านเซอร์กำลังจะออกเดินสายคอนเสิร์ตในเดือนกรกฏาคมนี้นะคะ รอบเกาะอังกฤษเลยทีเดียว ตั๋วน่ะขายเกลี้ยงไปแล้ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 15:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 40 บ๊อบกับแพ๊ทได้รับเลี้ยงบุตรสาวบุญธรรมมาหนึ่ง ตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ สัญชาติ เชื้อชาติ  ไม่ปรากฏ  ปกปิดกันมาก ชื่อว่า Maia (ไมอา) ปัจจุบันอายุได้ 18 ปีแล้ว.. ซึ่งเขาทั้งสองได้ทุ่มเทให้กับลูกสาวคนนี้มาก ตั้งแต่ไมอายังอยู่ชั้นประถม บ๊อบพยายามทำหน้าพ่อ และผู้ปกครองที่ดี ที่มีส่วนช่วยในการสร้างทักษะให้กับเด็กๆ ตามสาขาวิชาชีพ เขาได้ไปทำการบรรยายในเรื่องไวน์ สาธิตวิธีการเปิดไวน์ ให้กับเด็ก(ชั้นประถม..) ปรากฏว่า..ถูกผู้ปกครองคนอื่นๆ"ด่าเละ" กลับมา หาว่าไปทำให้เด็กนิสัยเสียก่อนเวลาอันควร.. เขาและแพทก็พยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่นกันช่วยส่งเสริมหาทุน หารายใด้ให้กับการกุศล เช่น..ประมูลที่จะเข้าร่วมโต๊ะดินเนอร์กับเกจิบ๊อบ หรือช่วยหารายได้ให้กับการกุศลในเรื่องมะเร็งในเด็ก ที่เขาไม่เคยปฏิเสธ แต่..ในยามที่ มาดาม Ruth Bassin ภริยาม่ายของ นาย Addy เจ้าของร้านไวน์ McArthur ผู้ซึ่งครั้งหนึ่ง..ได้เคยให้ความช่วยเหลือบ๊อบในการเริ่มต้นธุรกิจจดหมายเวียน The Wine Advocate ในการให้รายชื่อลูกค้า (อันถือว่าเป็นความลับในธุรกิจ) กับเขาในครั้งแรกที่มาขอ.. มาดามได้ขอให้เขาช่วยมาร่วมหารายได้ให้กับสมาคมโรคหัวใจแห่งอเมริกา เขากลับนิ่งเฉย..ไม่ช่วย ไม่สนใจ.. นับว่าเป็นคนแปลกเอาการ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 22 มิ.ย. 49 15:36:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 . เอ กี่โมง กี่ยามกันแล้วนี่พี่ เริ่มปรับเวลานอนเตรียมกลับเมืองไทยแล้วหรือ สงสัยถ้าเคล็ดลับในการถอดรหัสที่พี่วิโรจแนะนำมาใช่เลย ต้องมีคนหมดตุ๊ดแน่ ค่าแผ่นๆละ 200 ชุดนั้น 3 แผ่น 600 เกิดสมาชิกสนใจ หลั่งไหลมามืดฟ้ามัวดิน ต้องจำนำร้านทุนอับมาทำซ้ำแจกฟรีแหงแก๋ ถ้าหากตกลงกันว่า ให้ผู้สนใจเตรียมแผ่นมาแลกตามสเป๊คที่แจ้งให้ทราบหลังไมค์ จะน่าเกลียด เป็นที่ครหาไปถึงไหนไหมครับ พอดีน้องมีกำหนดเข้ากรุงอีกแล้ว จะท้าพี่หมูแก่กับพวกมาตบตีกัน น่าจะมีเวลาว่างพอที่จะแอบนัดพบพี่วิโรจ ถ้าเธอสะดวก (อุ๊ย แค่นึกก็ตื่นเต้น ขนลุก ขนชันแล้วพี่ เหมือนทุกครั้งที่ได้พบหน้าสมาชิกครั้งแรกเลย อีตาสื่อศิลป หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว อย่างงี้ คุณหมอฮา ฮา ยี้ นักร้องเสียงทอง อย่างงี้ เฮ้อ .....) ไง ไง อาทิตย์นี้ก็จะได้รับแขก คือ ท่านอาจารย์ใหญ่กระทู้โน้นอีกครั้งครับ ดีใจ๊ ดีใจ เจอตัวยากนัก อีตานี่ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 22 มิ.ย. 49 16:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 42 "น่าจะมีเวลาว่างพอที่จะแอบนัดพบพี่วิโรจ ถ้าเธอสะดวก (อุ๊ย แค่นึกก็ตื่นเต้น ขนลุก ขนชันแล้วพี่ เหมือนทุกครั้งที่ได้พบหน้าสมาชิกครั้งแรกเลย อีตาสื่อศิลป หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว อย่างงี้ คุณหมอฮา ฮา ยี้ นักร้องเสียงทอง อย่างงี้ เฮ้อ ...." โอ...ไม่รู้จะเลือกไปสายไหนดี ? จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 22 มิ.ย. 49 18:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แหม ป๋า ถ้าจะต้องลงทุนขนาดนั้น ผมว่า (ขอกระซิบเบาๆ แล้วกัน) ว่าลองข้ามแดนแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ไปยังดินแดนแห่งป่าหิมพานต์ข้างๆ ติดๆ ประชิดชนม์เรานี่แหละ แถวๆ ป่าหญ้าป่าพงอันรกครึ้มนั้น มันอุดมไปด้วยต้นดีดีผล อันมีระย้อยย้ามาเป็นพวงๆ ทั้งแผ่นทั้งปก ในอัตราไม่กี่อัฐรสเองนะขอรับ จะเอาลูก Down fall หรือจะเป็นเจ้า Monda ก็พอจะหาได้อยู่ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบเท่านั้นแหละ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 22 มิ.ย. 49 18:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 44 น้าครับ เด๋วดูที่เซี่ยงไฮ้ให้ ถ้ามีจะหอบมาให้ครับผม จะได้ไม่ต้องลำบากน้าสื่อศิลป เวลาไปทำงาน เพราะไหนๆจะกลับอยู่แล้ว ปล. ถ้ามีนะครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 22 มิ.ย. 49 21:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ป้าหวานครับ ได้ข่าวจากตอนที่แล้วเรื่องปั๊มดีวีดี ผมอยากลองชมบ้าง เดี๋ยวหลังไมค์ไปนะครับ.... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 23 มิ.ย. 49 10:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณเด็กน้อยฯ.... ตอบไปแล้วนะคะ คุณวิโรจคะ..สายไหนก็ไม่แปลกนี่คะ เพราะ เชื่อว่าใครต่อใครเขาก็รู้จักหน้าค่าตากันหมดแล้ว.. น่า..นะ..ทำตัวให้ว่างหน่อยน่า... คุณพ่อหมีฯ..ดูรายการของอีตากอร์ดอนนี่ด้วยหรือคะ.. โห..สงสัยหูฉิ่งไปเลย เพราะพี่แกด่าเช็ดตลอดทั้งรายการ หลาน sofatboy กลับมาแล้ว..ดีใจจริง ในภาพของคลิฟฟ์ ตอนนั้นกำลังเป็นหนุ่มน้อย กระชากหัวใจสาวรุ่น(ๆป้า) ด้วยเสียงเพลงไม่กี่เพลงเอง.. นี่คือรูปในปัจจุบัน.. ท่านเซอร์ คลิฟฟ์ ริชาร์ด จากคุณ : WIWANDA - [ 24 มิ.ย. 49 11:33:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ในยุคทองของการปลูกองุ่นในเอมริกามาเริ่มเอาเมื่อช่วงของ 1990's นี่จริงๆ มันไปกระจายออกไปทั่ว จากคาลิฟอร์เนีย เลื้อยขึ้นไปยังโอเรกอน ผ่านไปถึง วอชิงตัน กำลังจะทะลุไปในเขตของฝั่งตะวันออก หรือที่เราเรียกกันว่า East Coast ทำให้ชาวไวน์ในยุโรปเริ่มนั่งไม่ติดที่ ต่างหาทางขยับขยายตัวเองกันเป็นการใหญ่ เพราะตอนนี้เริ่มประจักษ์กันแล้วว่ากำลังจะโดนโจมตีมาจากทุกด้าน จะมายึดถือธรรมเนียมหยิ่งในแทร์วาร์อย่างเดียวไม่ได้แล้ว ทางออกที่ดีที่สุด คือ ต้องออกไปสุ่มหาเขตทำไวน์นอกประเทศที่ผืนดินยังไม่แพง เช่นในสเปน อิตาลี หรือแม้แต่ในกลุ่มนิวเวิลด์ กลุ่มที่ว่านี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ต่างคือเจ้าของชาโตที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วในปัจจุบัน เพราะมันเป็นการลงทุนแบบไม่ต้องเสียค่าโฆษณาต่อยอดให้มากมายไป เอาชื่อเสียงที่มีอยู่มาการันตี ก็นำออกตลาดขายได้เลย อีกทั้งเรื่อง"ทุน" ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ..ในนโยบายนี้มีผู้กระสันอยากจะมาเป็นนายทุนให้เยอะแยะ และจะบอกให้ว่า ล้วนแล้วแต่เป็นนักลงทุนข้ามชาติแทบทั้งนั้น แต่ปัญหาสำหรับผู้บริโภคก็ยังมีอยู่ กล่าวคือ องุ่นหลักที่ปลูกได้ผลดีเลิศในฝรั่งเศส มีไม่กี่ชนิดที่มีชื่อเสียงครองตลาด เช่น คาแบร์เนต์ โซวิญอง,ชาร์ดอนเนย์, ปิโนต์ นัวร์, รีสลิ่งฯลฯ คนที่ชื่นชอบไวน์ชาร์ดอนเนย์ (สมมุตินะคะ) เคยลองชิมของนาปา แล้วติดใจ..หมายใจว่าชาร์ดอนเนย์จากที่อื่นๆจะต้องเหมือนกัน.. ในความเป็นจริงแล้ว..มันไม่ใช่ ส่วนต่างนั้นมีมากมาย แต่คนทำไวน์นั้น อยากที่จะก๊อปออกมาให้เหมือนกันจะตาย ยอมทุ่มทุนกันไม่อั้นในการคืบหน้าของเทคโนโลยี่ เพียงเพื่อต้องการให้องุ่นที่ปลูกที่ ชิลี ที่อินเดีย จะออกมาใกล้เคียงกับต้นฉบับ จนเทคนิคในปัจจุบันนั้น มีการฉีด เกร็ดน้ำแข้งแห้งเข้าไปในถังหมัก เพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของไวน์ในการชะลอบ่ม (สำหรับพื้นที่ที่มีอากาศร้อน) หรือการฉีดอ๊อกซิเจนเข้าไปทีละน้อย เพื่อเป็นการปรับแทนนินส์ในไวน์ให้นุ่มเนียนยามสัมผัสลิ้น และเป็นการย่นเวลาของการบ่มให้เร็วขึ้น ไม่ต้องอยู่ในถังค้างข้ามปีอย่างแต่ก่อน (สำหรับพื้นที่ที่มีอากาศเย็น) ที่ออสเตรเลียนั้น..ก้าวหน้าจัด เขาวัดดีเอ็นเอของไวน์ที่ผลิตกันเลย..สามารถปรับให้ออกมาเท่ากันเด๊ะ.. รสชาติของไวน์จะออกมาเหมือนกันทุกขวด และ ทุกปี ไม่มีผิดเพี้ยน จากคุณ : WIWANDA - [ 24 มิ.ย. 49 12:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 วันนี้...มีของฝากให้คุณชอบแชงค์...และสหายครับ La Vieille Julienne 2001, Cote-du-Rhone Vieilles Vignes "สีแดงอมน้ำตาลปลายดำ...เข้มลึกปานกลาง กลิ่นรากไม้หวาน ชะเอมหอม ธูปขาวหอม ลังไม้สด คาวอ่อนๆ โครงเนื้อหนาเต็ม ครีม ผลไม้สูง แอซิดดีปานกลาง สมดุลดีมาก ความลงตัวพอใช้ได้ ช่วงจบยาวดี" ...อยากให้ลองเพราะ...หากหลง La Falaise จนหัวปัก ...ควรมีตัวนี้ไว้เป็นที่พักใจ ...เป็นไวน์ที่จัดอยู่ในซอยเดียวกัน ...ที่สำคัญ...ถูกกว่าด้วยครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 24 มิ.ย. 49 20:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 49 La Vieille Julienne Vieilles Vignes (Cotes-du-Rhone) เอ...เอาไวน์ชื่อนี้มาแอบสะกิดเราป่าวเนี่ย.. Vieilles Vignes มันแปลได้ว่า..ไร่ไวน์แห่งเหล่าหญิงชรา อิอิอิอิอิอิ... พูดถึงเรื่อง ไวน์แห่ง Rhone ที่มีหมวดเรียกในนามว่า Cotes-du-Rhone โก๊ต ดู โรห์น ก็ดีแล้ว จะได้เล่าถึงเรื่องที่เกี่ยวกับบ๊อบซะเลย เพราะมันสำคัญระดับประเทศทีเดียว เพราะถ้าไม่ใช่ บ๊อบ ปาร์คเกอร์คนนี้แล้ว ไวน์แห่งโรห์น ยังไม่มีวันได้ผุดได้เกิด (เช่นเดียวกับไวน์อื่นๆอีกหลายที่ในโลก) บ๊อบเองก็ประกาศเสมอว่า "ผมไม่สนหรอก..ว่าไอ้ไวน์ที่ผมกำลังชิมเนี่ย มีชาติมีตระกูล ลูกหลานไฮโซมากี่ชั่วคน หรือจะมาจากแทร์วาร์หรือไม่แทร์วาร์ ราคา สี่เหรียญหรือสี่ร้อย มันไม่สำคัญสำหรับเลย ผมให้คะแนนตามคุณภาพที่ชิม..ชอบไม่ชอบ ก็ช่วยไม่ได้" ส่วนบ๊อบเองหลังจากที่ช่วยโปรโมทไวน์บอร์คโดซ์ในปี 1982 จนดังระเบิดแล้ว..ซึ่งความจริงมันเป็นการช่วยกัน โปรโมทมากกว่า ทั้งไวน์และคน.. เพราะเขาเองก็"ดัง"มาได้ผลของการชิมที่ถูกต้อง..(ที่บางคนว่าฟลุ๊ค) จากผลอันนี้ทำให้เขารู้สึกสนุกในการที่จะทดสอบความสามารถในการที่จะทดสอบหาคุณภาพจาก พื้นที่โนเนม ไร่ไวน์ที่ถูกลืมต่างๆ กลับมาปัดฝุ่น เอาขึ้นหิ้งใหม่ อันเป็นการท้าทายประสิทธิภาพในการชิมของตัวเองไปด้วย.. เป้าหมายของเขาที่มุ่งความสนใจไปคือ แคว้นโรห์น ที่เมื่อก่อนนั้น ไม่มีใครสนใจ เป็นไวน์ระดับล่างๆของพวก ไฮโซปารีเชียงที่ไม่เคยเหลือบตาแล แต่บ๊อบได้นำเสนอเขียนในจดหมายเวียน อีกทั้งชมเชยอย่างสุดฤทธิ์ ถึงขนาดทำหนังสือเกี่ยวกับ Rhone โดยเฉพาะ ในปี 1987 (และนำมาอัฟเดทพิมพ์ออกใหม่อีกครั้ง ในปี 1997) ซึ่งเนื้อความในนั้น..เกี่ยวกับไวน์แห่งโรห์น.. โดยเฉพาะ ไวน์จากพื้นที่เล็กๆนามว่า Chateauneuf du Pape (ชาโตเนอฟ ดู ป๊าป) ที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ครั้ง สมัยโรมันยังครอบครองดินแดนในส่วนนี้ ฝรั่งเศสยังเป็นที่รู้จักกันในนามของ Gauls และเชื่อกันว่า วิธีผลิตไวน์ของ CDP นั้น มาจากวิธีของชาวโรมันแต่ครั้งก่อน อ้อ...Pape ในที่นี้คือ พระสังฆราช และ Chateauneuf du Pape หมายถึง พระวิหารใหม่ของพระสังฆราช ประวัติก็กำลังจะเล่า ตอนนี้ดูในแผนที่ก่อนว่า แคว้นโรห์น นั้นอยู่ติดกับชายแดนอิตาลีขนาดไหน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 25 มิ.ย. 49 01:20:02 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ก่อนจะพูดถึงไวน์แห่งหมู่บ้านชาโตเนอฟ..เรามาคุยถึงแคว้นโรห์นก่อนเลยดีกว่า ว่า โรห์น คือเส้นทางผ่านการค้าขายระหว่างชาวกรีก(โรมัน ที่ครองอยู่ในอิตาลี)กับชาวกอล (ฝรั่งเศส) มานานแสนนานครั้งดึกดำบรรพ์ ไวน์คือสินค้าชนิดหนึ่งที่มีประวัติสาวไปได้ถึงปี 125 BC หรือศตวรรษแรกนั่นเชียว จากหลักฐานของไหไวน์ที่ค้นพบในโรห์น ทำให้แน่ใจได้ว่า ไวน์จากโรห์นมีประวัติเก่าแก่กว่าไวน์จากที่ไหนไหนในฝรั่งเศส และในศตวรรษที่ 14 ท่านสังฆราช John XXII ที่เพิ่งย้ายอารามหลวงมาตั้งที่เมือง Avignon (อาวิญอง) เป็นที่ถาวร หลังจากที่บ้านเมืองมีสงคราม วัดวาอารามได้ถูกทำลายเสียหาย พระสงฆ์องค์เจ้าถึงกับเดือดร้อนที่อยู่ ย้ายกันจ้าละหวั่น..เมื่อมาลงตัวที่อาวิญอง สังฆราชจอห์นที่ยี่สิบสองถือว่าเป็นองค์ที่สองของเมืองใหม่นี้ จึงได้เรียกเขตนี้ว่า..Chateauneuf du Pape สังฆราชองค์ต่อมา คือ Benedict XII ได้ปรับปรุงสร้างพระอารามหลวงนี้ต่อไปจนเสร็จ พร้อมทั้งหันมาทำนุบำรุงไร่ไวน์อันเป็นส่วนหนึ่งในกิจของสงฆ์ สำหรับศาสนปัจจัยด้วยอีกโสดหนึ่ง.. จนไวน์ของโรห์น หรือ โรห์น แวลลี่ย์ นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักในเชิงการค้า มีหลักฐานยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรย้อนหลังไปได้ตั้งแต่ปี 1650 มาถึงปี ค.ศ. 1737 ได้มีพระบรมราชโองการเป็นตัวบทกฏหมายออกมาว่า ในถังไวน์จากโรห์นทุกถังจะต้องประทับตรา C.D.R. ให้เห็นเด่นชัด ถือว่าเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค แต่ไวน์จากโรห์นทั้งหมดรวมทั้งฝั่งซ้ายของพื้นที่เพิ่งมาได้รับการจดทะเบียนรับรองในชื่อของ Cotes du Rhone จากรัฐบาล (High Courts of Tournon and Uzes) ในปี 1936 พอปีต่อมา..Baron Le Roy ผู้ที่มีทัศนวิสัยกว้างไกลได้จัดระเบียบความเรียบร้อย ข้อกำหนดและคุณภาพไวน์ฝรั่งเศสทั้งหมด โดยการก่อตั้ง AOC (Appellation d'Origine Controlee)ให้ชัดเจน ดังนั้น ไวน์จากโรห์นจึงได้รับการรับรองอีกชั้นหนึ่ง ว่าเป็น Appellation Cotes du Rhone Controlee อย่างเต็มภาคภูมิ เมื่อได้รับการรับรองแล้ว..ตามข้อกำหนดของ AOC ไวน์แห่งโรห์น จึงต้องชัดเจนในพันธุ์องุ่น ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่มีใครสนใจว่าจะเอาอะไรมาผสมกันมากน้อยแค่ไหน..สูตรใครสูตรมัน เพราะคนฝรั่งเศสด้วยกันย่อมทราบว่า แคว้นโรห์นเหนือ โรห์นใต้นั้นปลูกอะไรได้บ้าง..ไวน์ก็จะไม่ฉีกหนีไปจากองุ่นพันธุ์นั้นๆ แต่..สำหรับคนนอก..จะได้ทราบว่า..โรห์น..ปลูกองุ่น Grenache และ Cinsault ที่ใช้สำหรับรสหวาน นุ่มนวล เนียนละไม และ Mourvedre, Syrah, Muscardin และ Camarese สำหรับความเข้มข้น ได้อารมณ์และบุคคลิกของเนื้อไวน์ให้คงทน Counoise และ Picpoul เพื่อความหอมจรุงอันเป็นเอกลักษณ์ของแทร์วาร์ Clairette และ Bourboulenc เพื่อปรุงให้ไวน์มีชีวิตชีวา จัดจ้านเคล้ารื่นรมย์ ฝากแผนที่มาอีกอันหนึ่งด้วย จะได้เห็นชัดๆว่า โรห์นส่วนเหนือ และโรห์นส่วนใต้ ที่มี ไวน์พระทำ หรือ Chateauneuf du Pape นั้นอยู่ตรงไหน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 25 มิ.ย. 49 03:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แต่ไวน์ของโรห์นนั้น เหมือนกับมีกรรม พอกำลังจะรุ่ง..กะเขาซะหน่อย ไหนก็เพิ่งได้รับ AOC มาหมาดๆ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว..ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง 1939 (ไปอ่านเรื่องฮิตเล่อร์ ถ้าใครยังไม่เข้าใจ เขียนไว้ให้แล้ว 25 ตอน) แถมอยู่ชายแดนของอิตาลีที่เป็นภาคีกับเยอรมันเข้าไปอีก เรียกได้ว่า..ไร่ไวน์ที่รักทั้งหลายมีแต่รอยรองท้าบู๊ทเหยียบย่ำ เศษกระสุนปืน วัตถุระเบิดเสียหายเกือบทั้งหมด สงครามเลิก..ในปี 1945 ฝรั่งเศสค่อยหายใจคล่อง ปีนั้น ไวน์มีผลผลิตที่งดงาม..ดังกับออกมาช่วยฉลองอิสรภาพที่เพิ่งได้รับ ไวน์แห่งโรห์น...ที่บ๊อบได้ค้นพบว่าสุดเลิศนั้นคือ Guigal, Cote Rotie จากโรห์นส่วนเหนือ ที่เจ้าของคือนาย อีเตียง กีกัล (Etienne Guigal) ที่มีลูกชายเป็นไวน์เมธีมือทอง นามว่า มาร์เซล (Marcel) ที่รู้จักทำไวน์โดยความเชื่อมั่น อดทนรอจนองุ่นสุกได้ที่ และ ถังไวน์ที่หมักก็ใหม่เอี่ยม สะอาดหมดจด ไม่ใช่ถังเก่าๆอย่างที่เคยทำ และที่สำคัญคือ มาร์เซลเลือกองุ่นทำไวน์แบบเจาะไปตามไร่ ที่ปลูกในพื้นที่ดินแนวเดียวกัน และพิถีพิถันในการเลือกเฟ้น ไม่ผสมร้อยแปดเป็นไวน์จับฉ่าย ผลการทำไวน์แบบ luxury macro-cuvees นี้ ได้ผลดีจนเป็นที่แพร่หลาย หลายไร่จึงเอาตามอย่าง.. บ๊อบได้ยินเสียงเล่าลือ..จึงได้ทำการชิม..ไวน์ของ Guigal Cote Rotie La Mouline (ที่มีอยู่สามไร่..คือ La Mouline, La Landonne และ La Turque น้องใหม่ปลูกทีหลังเมื่อ 1985) ผลคือ หลังจากที่เขาได้ชิม La Mouline..เขาได้ประกาศอย่างก้องไปให้สะท้านหูผู้รอฟัง รอซื้อว่า.. " The single greatest red wine in the world" และ La Landonne ก็เปรียบเสมือนกับมหาคีต Brahms แห่งวงการดนตรี คะแนนจากบ๊อบจึงได้หลั่งไหลให้กับไวน์ของ Guigal อย่างท่วมท้น..มากกว่าไร่ไวน์ดังๆในบอร์คโดซ์แบบทิ้งห่าง และราคา..อย่าพูดถึง.. ในช่วงปี 1990's ไวน์ที่กล่าวนามมานี้ ในอเมริกา (ถ้าหาได้)ขวดละหลายร้อย.. และนี่คือ ต้นฉบับการเลียนแบบของเหล่า cult wines ของนาปา.. ฟังแล้วคุ้นๆกันไหม เมื่อเทียบกับ Bond ของ Harlan จากคุณ : WIWANDA - [ 25 มิ.ย. 49 04:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 52 Guigal 1991, La Landonne Cote Rotie Rate: 96 17/6/2006...Gianni "สียังแดงอมดำ ส่งกลิ่นลังไม้หอมหวาน ใบชา เครื่องเทศหอมสดชื่น โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางแน่น ให้สมดุลและความลงตัวดีมาก แอซิดดี ให้ความสดชื่น เป็นไวน์รูปงาม กล้ามสวย สะอาด เท่..... พร้อมดื่มได้ที่แล้วและจะอยู่ต่อไปอย่างงามสง่าได้กว่าปี 2030" จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 25 มิ.ย. 49 09:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 53 Guigal 1991, La Turque Cote Rotie Rate: 94 17/6/2006...Gianni "สีออกแดงอมดำ เข้มลึกปานกลาง ให้กลิ่นหอมของผลไม้แดงเข้ม ดอกไม้สีเข้มดอกเล็กเป็นพุ่มใหญ่ ลังไม้ เครื่องเทศบางเฉียบ ให้ความหอมลึก สดชื่น ไอแอลกอฮอล์นุ่มละเอียด โครงเนื้อหนาปานกลาง แอซิดสมบูรณ์มาก สมดุลและความลงตัวอยู่ในระดับดี แทนนินละเอียดมาก เป็นไวน์อวบแต่อ้อนแอ้น เป็นสาวสวย...น่าหยิกก้น พร้อมดื่มมากและสมบูรณ์สุด...ในวินาทีนี้แล้ว และน่าจะไปต่อได้ถึงปี 2025" จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 25 มิ.ย. 49 09:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 54 Guigal 1991, La Mouline Cote Rotie Rate: 95 17/6/2006...Gianni "สีแดงธรรมดา เข้มลึกปานกลาง ส่งกลิ่นรากไม้ขมอ่อนๆ กลิ่นลังไม้ชื้น ดอกไม้แดงดำดอกใหญ่ๆ โครงเนื้อหนาปานกลาง แอซิดอยู่ในระดับดี สมดุลดีมากๆ ความลงตัวกลมกล่อมดีพอใช้ เนื้อละเอียด สวยงามสง่า สวยสด เป็นหนุ่มหล่อเท่ นุ่งยีนส์ เคราเขียว... พร้อมดื่มแล้ว แต่ยังไม่ Peak ...น่าจะดีสุดๆ ในช่วงปี 2010 แต่น่าจะอยู่ยาวไปได้ไม่เกินปี 2025 จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 25 มิ.ย. 49 10:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีค่ะ คุณวิโรจ วันนี้ไม่นั่งหน้าจอดูบอลหรือคะ? ..................................................... ที่เล่ามานั้นคือ ไวน์ของ Cote Rotie เพชรน้ำงามของโรห์น เหนือ ถ้าดูในแผนที่ ไล่ลงมาจากเมือง Vienne (ที่โรมันมาสร้างไว้ให้) ไล่ลงมาเรื่อย จะเป็นแบ่งเขตดังนี้ค่ะ.. เขต Cote-Rotie AOC - ถ้าชื่อนี้ละก้อ คือ องุ่นแดง ไซราห์ 80% ผสมด้วย องุ่นขาว วิโยเย (viognier) ถึง 20% เขต Condrieu AOC (กองดียู) และ เขต Chateau-Grillet AOC (ชาโต กริลเลต) ทำไวน์ขาวอย่างเดียว ก็ วิโยเย นี่แหละ เขต Saint-Joseph AOC และ เขต Crozes-Hermitage AOC (โครซ-แอมิตาจ) - ทำไวน์แดง ด้วยองุ่นไซราห์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออาจผสมด้วยไวน์ขาวจากองุ่น มาร์ซานน์ (marsanne) และ ฮูซานน์ (roussanne) บ้าง..หรือบางไร่ก็ผลิตไวน์ขาวอย่างเดียว ด้วยองุ่นสองชนิดนั่น.. เขต Hermitage AOC - เหมือนกับ ข้างบน แต่จะใช้ไวน์ขาวจากองุ่นสองชนิดนั้น มากกว่า ราวๆ 15 % เขต Cornas AOC - ทำไวน์แดงด้วยองุ่นไซราห์อย่างเดียว เขต Saint-Peray AOC - ทำเฉพาะไวน์ขาวและไวน์ซ่าด้วยองุ่นขาว marsanne และ roussanne. ทีนี้เคลื่อนมาทางโรห์นใต้.. Chateauneuf-du-Pape AOC มี ตำบลอื่นๆทำไวน์ที่สามารถใช้ชื่อไวน์ว่า..ชาโตเนอฟ ดู ป๊าปกำกับที่ฉลากได้ นั่นคือ Coteaux du Tricastin AOC, Cotes du Ventoux AOC, Cotes du Vivarais AOC, Lirac AOC, Tavel AOC , Vacqueyras AOC, Gigondas AOC และในส่วนโรห์นใต้นี้..จะปลูกองุ่นได้หลากหลายกว่า.. เช่น.. องุ่นแดงคือ..Grenache Noir ที่มีมากและสมบูรณ์ องุ่นขาว..คือ Grenache Blanc, Clairette, Roussanne, Picpoul, Picardan และ Bourboulenc ดังนั้น ส่วนผสมและสูตรการผลิตจึงไม่เหมือนกับโรห์นส่วนเหนือที่ชัดเจนในองุ่นหลัก คือ ไซราห์ที่จัดจ้าน.. ทั้งหมด ไม่ว่าเหนือหรือใต้ คือ Cotes du Rhone AOC ทั้งนั้น แต่ถ้าเห็นว่ามีเขียนไว้ว่า..Cotes du Rhone Villages - AOC คือหมู่บ้านทำไวน์ของโรห์นใต้ที่อยู่ติดชายแดนของ โปรวองซ์ (Provence) ที่มีอยู่ด้วยกันเกือบสิบไร่ ฉะนั้น..คำจำกัดความว่า Cotes du Rhone เหมือนกัน แต่..ไวน์นั้นไม่เหมือนกัน..เหนือกับใต้ รสชาติและการผลิต แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.. แต่เป็นเพราะบ๊อบโปรดปราน Cote Rotie เลยทำให้ไวน์ของโรห์น ขายดิบขายดีไปยกกระบิ ราคาขึ้นแบบพรวดพราด ผู้คนไม่สนใจว่ามันจะเหนือหรือใต้..จะซื้อซะอย่าง..ทำให้ไวน์แห่งโรห์นใต้ต้องรีบพัฒนาปรับปรุงตัวเองกันเป็นการใหญ่ จากคุณ : WIWANDA - [ 25 มิ.ย. 49 12:28:49 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อาร์เจนตินา...เยอรมัน...บราซิล...สเปน ทีมในใจ...ผ่านเข้าไปหมดแล้ว...สบายใจ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 25 มิ.ย. 49 13:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ยังค่ะ คุณวิโรจ..บอลยังต้องลุ้นต่อไป อีกนาน.. แหม..ตั้งเดือนเชียวนะคะที่ต้องอดตาหลับขับตานอนกันเนี่ย.. .......................................... คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อจริงๆ เพราะเสียงที่ขานรับกับความสำเร็จของไวน์โรห์น มีทั้งบวกและลบ.. เสียงเอเย่นต์ไวน์ตัวใหญ่ฝั่งอังกฤษ คือนาย Robin Yapp ที่นำไวน์จากโรห์นเข้ามาจัดจำหน่ายตั้งแต่ปี 1970's ได้โต้แย้งว่า..ไวน์โรห์นเหนือ ระบบเข้มข้นอย่าง โก๊ต โรติ นั้น ไม่เข้าท่า เข้มเกินความจำเป็น ขาดความเนียน โอ๊คจัดจนเหม็น และที่สำคัญ แก่แอลกอฮอล..(แค่ 13 % เอ๊ง..ลองมาชิมของสมัยนี้ที่โก่งกันขึ้นไปถึง 15-16 สงสัยจะตาเหลือกตาตั้งกันเป็นแถวๆ) เสียงขานรับในความเห็นของนายรอบินมีตามมาจาก ตัวแทนจำหน่ายชื่อดัง เช่น Kermit Lynch และ Robert Chadderdon ที่เห้นด้วยกับเขาทุกประการ หมายเหตุ..ชาวอังกฤษมีรสนิยมในการชิมไวน์ไม่เหมือนใคร เพราะเขาชอบเบอร์กันดี ที่ทำมาจากองุ่น ปิโนต์ นัวร์มาแต่ไหนแต่ไร สีสวยใส รสชาติมีปริศนาให้ค้นคว้าหลากหลาย ค่อยบ่มค่อยเป็นค่อยไป รอกันได้เป็นสิบๆปี กว่าจะ เอามาเปิดเลี้ยงกันที ต้องปัดหยากไย่ให้วุ่นวาย.. และเพราะไวน์สีสวยใสนี้เอง อังกฤษจึงเรียกไวน์จากฝรั่งเศสว่า Claret แทนคำว่าไวน์ อย่าว่าแต่ใครเลย..แม้แต่แพ๊ต ศรีภริยาของบ๊อบเองก็เถอะ..หลังจากที่ได้ลองไวน์ Cote Rotie ที่บ๊อบนำมารินเพื่อขอความเห็นแล้ว..จิบแรก..เธอถึงกับถามว่า "ชอบเข้าไปได้ไง ขมโอ๊คขนาดเนี้ย..?" จนบ๊อบต้องนำ ไวน์ Cote Rotie ชนิด พิเศษ หรือ top cuvees ของสิบปีที่แล้ว มาให้ลองใหม่.. แพ๊ต..จึงเห็นชอบด้วย ว่า ดี.. ส่วนนายกีกัล..ก็ร่ำรวยขึ้นทันตาเห็น สร้างโรงทำไวน์ใหม่ราคานับล้านๆสำหรับผลิตไวน์ Cotes du Rhone ชั้นราคาประหยัดออกสู่ท้องตลาด เข้าทำนองน้ำขึ้นให้รีบตัก และมีเงื่อนไขในการขาย แบบสุราไทย.. นั่นคือ ถ้าจะอยากได้ไวน์ตระกูล La สารพัด ไปขายหกขวด..ก็ต้องเอาไวน์ชั้นประหยัดพ่วงไปด้วย 100 ขวด.. เอาป่ะล่ะ..??? จากคุณ : WIWANDA - [ 25 มิ.ย. 49 14:34:31 ]

ความคิดเห็นที่ 58 รายงานผลครับ เจ้า Mondovino ที่เซี่ยงไฮ้ ไม่มีซักแผ่น แหล่งเล็ก แหล่งใหญ่ มีแต่คนส่ายหัวเพราะไม่รู้จักครับผม จากคุณ : Natt_ac121 - [ 25 มิ.ย. 49 15:40:11 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ป้าครับ เจ้ามอนโดอาไรนี่ หายากจิงๆ บนบิททอเรนท์ ยังไม่มีเลย จากคุณ : Natt_ac121 - [ 25 มิ.ย. 49 16:22:03 ]

ความคิดเห็นที่ 60 แผ่น มอนโด อยากได้ด้วยอ่ะครับ หาซื้อไม่ได้เลย ใครอยู่แถวๆสีลม ผมขน notebook ไปก้อปได้ไหมครับ จากคุณ : LightStream1010 - [ 25 มิ.ย. 49 16:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 Baron Pierre Le Roy de Boiseaumarie (1890 - 1967) เข้าร่วมรบในสงครามโลก ครั้งที่ 1 ในฐานะนักบิน ปัจจุบันครอบครัวได้สืบทอด ทำไวน์ Chateau Fortia สืบต่อจากเขา จากคุณ : sofatboy - [ 25 มิ.ย. 49 16:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 . เฮ้อ ... อุตส่าห์ลั่นปากว่าจะไม่ไปไขว่คว้าหาเดือนดาวแล้วนะ จะหยุดทุกสิ่งที่ La Falaise แล้ว ..... พี่วิวันดา พี่วิโรจ ก็ยังมีการบ้านให้ต้องคันตะหงิดขึ้นมาในใจอีก ขอจดลงโพยไว้ก่อนนะ (ตอนนี้โพยยาว 2 เมตรกว่าแล้ว) เข้ากรุงเที่ยวนี้อยู่คนเดียว จะไปนอนโกดังของเค้าที่ซอยแดงอุดมให้รู้แล้วรู้แรดไปเลย ไม่รู้อีตาชอบแช้งค์คนสุดท้องจะทนไม่ควักกระเป๋าก็ให้รู้ไป ยิ่งของขึ้นโต๊ะเสวย ราคาประหยัดด้วย พี่จ๋า ... เข้าทางน้องเลย ส่วนเรื่อง "พ่วง" น่ะ อย่าพาดพิงนะ พี่จำประโยคอมตะตอนที่เสี่ยได้ขายเบียร์ใหม่ๆได้ไหมล่ะ เสี่ยเจ้าเก่าน่ะ เค้าดูถูกถึงขนาดเปรยออกมาว่า ... ช่างมัน เจ๊กแม่ ...ง ขายเบียร์ไม่เป็นหรอก ..... ได้ยินเค้าถุยมาอีกทีจ้ะ สมน้ำหน้าที่เลยถูกเหยียบซะแทบกระอักเลือด . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 25 มิ.ย. 49 16:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 63 Marcel และ Philippe Guigal (ภาพจาก wine journal) จากคุณ : sofatboy - [ 25 มิ.ย. 49 16:52:58 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เกือบลืมไปเลยครับ ถ้าคุยถึงเรื่อง บ๊อบบี้ จะไม่พูดถึง Chateauneuf du Pape ก็กะไรอยู่ เพราะแกมักจะดื่ม ไวน์ Chateauneuf du Pape เป็นประจำเวลาที่ มีแขกที่บ้าน ยกตัวอย่างจะเห็นได้บ่อยๆใน Hedonist's Gazette ของแก 26 April Dinner at Chez Parker - 2000 Pierre Usseglio Chateauneuf du Pape Reserve des Deux Freres rate 100 - 2000 Domaine du Caillou Chateauneuf du Pape Clos du Caillou Reserve rate 98+ - 2000 Chateau Beaucastel Chateauneuf du Pape Hommage a Jacques Perrin rate 96+ แหมให้คะแนนซะ... ปล.ขอบคุณคุณอาวิ มากๆครับสำหรับ reply หลังไมค์ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 25 มิ.ย. 49 23:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 65 Pierre Usseglio & Fils Reserve des deux Freres, 2000 Chateauneuf du Pape, Southern Rhone France Rate: 94 “สีแดงอมดำ เข้มทึบลึกสนิท ให้กลิ่นหอมของชะเอมหวาน เปลือกไม้หอมนวล โอ๊กละเอียดเนียน เครื่องเทศพวกพริกไทยสด กลิ่นโดยรวมออกมาแบบหยาบๆ แฝงกลิ่นน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย โครงเนื้อหนาเต็ม ค่อนข้างดราย ทั้งแอซิดิตี ความสมดุลและความลงตัวออกมาแบบดีมาก แม้ว่าจะอยู่บนโครงสร้างของผลไม้ที่ดีเพียงธรรมดา ยังไม่พร้อมดื่มนัก น่าจะต้องรออีกห้าหกปี” ...คงเป็นเพราะความตั้งใจที่มาดมั่น จึงเลือกทำไวน์แบบ Low Yield แต่แปลกที่เอา Grenache และ Syraz มาผสมกันอย่างละครึ่ง ...อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน Chateauneuf du Pape ...หมักแยกในถังคอนกรีต บ่มสองปีในถังโอ๊กขนาดเล็ก ...Reserve des deux Freres... “Reserve of Two Brothers” ได้เป็นไวน์ธงจากฝีมือสองพี่น้อง Jean-Pierre กับ Thierry ที่สร้างชื่อลือเลื่องได้ด้วยผลผลิตเพียงแค่สี่พันขวด Reserve des deux Freres เป็นไวน์ที่ดีมากๆ แต่ Parker ให้เต็มร้อย...ก็ทำเกินไป ...ไม่รู้ว่าอยู่อารมณ์ไหน จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ วันสุนทรภู่ 07:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอความช่วยเหลือ สอบถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย พอดีนายอยากจะหาซื้อ Clef du Vin ไม่รู้ว่าจะหาซื้อได้จากที่ไหนบ้างคะ หรือว่าสั่งจากทางไหนบ้างคะ จากคุณ : RuRuJang - [ วันสุนทรภู่ 13:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 67 clef du vin จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ วันสุนทรภู่ 17:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เรื่อง คลิ(ฟ ไม่ออกเสียง) ดู แวง  ที่แปลว่า  กุญแจไวน์ นั้น.. ความจริงก็ไม่อยากขัดคอ หรือ ขัดใจนะคะ ถ้าอยากจะซื้อมาเป็นสมบัติ  แต่เห็นว่าราคาไม่น้อย ก็ร่วมสองร้อยเหรียญแหละ เลยอยากจะนำเสนอความคิดเห็น ก่อนที่คุณจะซื้อ CDV คือ ของเล่นชนิดใหม่ชนิดหนึ่งสำหรับนักชิมไวน์มือใหม่ที่ยังหลงทางผิด คิดว่ามีแล้ว..ทำให้ตัวเองเจนจัดและรู้ทันไวน์   ประสิทธิภาพของจุดทองแดงปลายกุญแจนั้น เมื่อจุ่มไปใน ไวน์(ใหม่ๆ)ที่รินลงในแก้ว หนึ่งวินาที  จะทำให้ไวน์นั้นเป็นไวน์แก่ขึ้นหนึ่งปี (ของเวลาบ่ม) เนื้อความว่า..จะทำให้ไวน์อร่อยขึ้น นุ่มนวลขึ้น  และผลพลอยได้คือ ถ้าไปในงานชิมไวน์ ที่หมายใจหมายตาว่าจะซื้อมาเก็บ..ก็ลองจุ่มไปเรื่อยๆ ถ้าไวน์นั้นรสชาติดีขึ้น ก็เป็นอันว่า..ในอนาคตต้องดีแน่นอน ซื้อได้เลย หากว่า..ไม่ดีขึ้น ซ้ำยังเลวลง..ก็ให้แน่ใจได้ว่า ไวน์นั้นเป็นของไม่ดี.. นี่คือ คำตอบในโลกจินตนาการของนักไวน์มือใหม่ หรือที่เราเรียกว่า novice ในความเป็นจริงแล้ว..มันเป็นของเล่นประเภท hoax ที่อ้างเทคโนโลยี(ยังไม่มีสถาบันไหนรับรอง) ที่มองได้สองทาง ถ้าคุณนำไปใช้ในร้านอาหาร บางคนอาจเห็นว่าเท่..แต่คอไวน์จริงๆจะเห็นเป็นเรื่องขำขันค่ะ ครั้งหนึ่ง..เรื่องความวิเศษของ"ทองแดง" และ "แม่เหล็ก"นั้น เป็นที่บ้าคลั่งในอเมริกา (หรืออาจจะเป็นทั่วโลก) คือ ถ้านำมาสวมใส่แล้วจะไม่ปวดหลัง ไม่ปวดตัว  บางคนว่าทำให้อายุยืน(ว่าเข้าไปนั่น)  มีขายเป็นกำไล  เป็นที่ห้อยคอ  (นักกอล์ฟที่แหละตัวดี..ซื้อกันนัก) ราคาตอนออกใหม่ๆ ขายกันเป็นร้อยเป็นชั่ง เงินเหรียญนะคะ  ตอนนี้ คือ $19.99 ยังไม่มีใครซื้อ.. และในเรื่องไวน์..การโฆษณาของ CDV นี้ ในภาพดังที่จะเอามาแปะให้ดู  ยิ่งทำให้เห็นว่า คนที่เอารูปมาลงนี่ "ปล่อยไก่" ทั้งเล้า ถ้าอยากทราบว่า..ไก่อยู่ที่ไหนในภาพ? ขอให้คุณวิโรจมาแจม ให้คำตอบค่ะ... เพราะฝีปากเธอ..อิฉันละช๊อบ..ชอบบบบ... จากคุณ : WIWANDA - [ 27 มิ.ย. 49 01:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 69 มารอจับไก่ เอ๊ย มารอดูไก่ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 27 มิ.ย. 49 10:52:37 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ...ตอนที่เห็นคำถามขอความช่วยเหลือของคุณ RuRuJang ก็ชั่งใจอยู่นาน กะว่ารอให้พี่วิตอบก่อน เห็นท่าจะดีเป็นแน่แท้ ...แล้วในบัดดล...ก้อ ...โป๊ะเช๊ะ เป็นไปอย่างที่คาด ...ไม่ซื้อหวยก็รวยได้ เจ้า Clef du Vin ก็เป็นอย่างที่พี่วิเกริ่นไว้นั่นแหละครับ มันมีเอาไว้หลอกขายเหล่าคอใหม่หัดดื่ม ...ที่ปลาบปลื้มเทคโนโลยี...ตะบี้ตะบันเชื่อแบบเลื่อนลอย มันก็แค่เอาโลหะอัลลอยหย่อนลงในไวน์ ...ให้เกิดปฏิกริยา Oxidation ขั้นยิ่งยวด ...จนทำให้ลิ้นกร่อย ก็ขอเตือนให้ระวังจงหนัก...เพราะจะไม่มีโอกาสเป็นโรคตับแข็ง แต่จะได้...มะเร็ง...แทน ...ในสนนราคาเริ่มต้นเพียงแค่สี่พันบาท ...แต่ช้าก่อน หากท่านซื้อมะเร็งที่ Amazon.com ในชุดพิเศษ ...ราคาจะขั้นต้นเริ่มที่ $199.95...ทุ๊กถูก โอ ! พระเจ้าอ๊อด...น่ากอดมาก ...ก็ด้วยอุปกรณ์แบบนี้แหละครับ..ทำให้คนรักไวน์ (ตัวจริงทั้งหลาย) ถูกเหมารวมจากผู้คนว่า "...งมงาย..เรื่องมาก...ขาดสติ...ฯ..." ...ติ๊กต็อกๆๆๆๆ ...เรื่องไก่ที่พี่วิเห็นเดินเพ่นพ่านนั้น ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่ามีกี่ตัว หรือเดินเล่นอยู่ตรงไหนบ้าง ...เกรงว่าอาจจะเป็นคนละตัวกันด้วย ...แต่ผมโกรธเป็นบ้าเลย ผมว่า...มันต้องบ้า และบ้ามากกว่า...จนถึงบ้าที่สุด ที่เอาไอ้เจ้า Clef du Vin จิ้มจุ่มใน...ชาโตปาลแมร์ (Cht.Palmer) ...สุดยอดไวน์กำมะหยี่สีม่วงแห่งมาร์โกซ์ (Margaux) ...ทำอย่างนี้...มาชกกันดีกว่า ...ช่างไม่รู้ที่ต่ำ...ที่สูงเอาเสียเลย จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 27 มิ.ย. 49 11:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แหม..ต้องกระโดดจูบคุณวิโรจสักฟอด.. ที่เห็นไก่ตัวเดียวกัน.. ดูดิ..ดันเอาชาโต ปาล์แมร์ สุดยอดของไวน์บอร์คโดซ์ (และเป็นของโปรดของพี่ด้วย ชอบมากกว่ามูตองเสียอีก) มาตั้งสาธิต..เอาไอ้นี่จุ่มลงไป เพื่อหาทางพิสูจน์ว่าไวน์นี้ ดีหรือไม่ดี...หนอยแน่ะ.. กร๊วกเอ๋ย...บังอาจจจจนัก โทษนี้สมควรตาย..!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 27 มิ.ย. 49 11:25:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 M.Chapoutier  ผู้เป็นเจ้าของคือ นาย Michel Chapoutier ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก และสามารถคิดวิธีที่จะนำเอาอักษร  Braille มาไว้บนฉลากไวน์ได้  ซึ่งเรื่องก็มาจาก เมื่อปี 1993 เพื่อนที่เป็นนักร้อง ของ ไมเคิล ชื่อ Gilbert Montagne บ่นกระปอดกระแปดว่า จะซื้อไวน์ในไวน์ชอปนั้น ยาก ก ก เหลือเกิน ไมเคิล ทนเห็นความเดือดร้อนของเพื่อน รวมไปถึงผู้พิการ ไม่ได้ จึงคิดวิธี ทำฉลากอย่างไรให้ปูดออกมาอย่างมีรูปแบบเดียวกับ อักษร Braille      เพื่อที่ คนตาบอด สามารถ ที่จะรู้ถึง ชื่อ ถิ่นกำเนิด ปี ประเภทของไวน์ ได้เหมือนคนทั่วไป (จำมาโม้จาก WS) จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 27 มิ.ย. 49 17:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สาธุ........ ดวงตาเห็นธรรมซะทีเมื่ออ่านเรื่องที่ป้าหวานมาเฉลยพร้อมกับคุณวิโรจ .......ไปดูบอลบราซิลกะกาน่าต่อ เดี๋ยวมาใหม่..... จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 27 มิ.ย. 49 22:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 74 บอลจบแระ.......บราซิลเล่นตั้งรับแบบไม่ประทับใจเล้ย ถ้ากาน่ามีตัวยิงแจ๋วๆ ป่านนี้บราซิลอาจน้ำตาตกในก็ได้ เฮ้อ........ จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 28 มิ.ย. 49 00:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 75 บราซิล ชนะ กาน่า 3 - 0 ไปแล้วครับ..... ...บราซิล เหมือนไวน์เมด็อกชั้นดี แม้เนื้อบางแต่ก็มีสีสัน เร้าใจ...ลุยขึ้นไปทีไรไม่ได้ประตูก็ได้เสียว....ส่วนกาน่า เหมือนไวน์เนื้อเยอะ เข้มข้น แต่ซื่อบื้อ ไม่มีอะไรน่าสนใจ....ครองบอลก็มาก คุมเกมได้ดี...แต่เข้าฮอร์สไม่เป็น.... ....กำลังรอดูคู่ สเปน กับ ฝรั่งเศส ตอนตีสอง....คาดว่าฝรั่งเศส คงขาลงแล้วเหมือนไวน์ถึงอายุขัย....แม้จะไร้พลังแต่คงเหลือลายไว้บ้างอย่างเจือจาง.... ....อ่านเรื่อง Clef du Vin แล้วให้ขัดใจยิ่งนัก.... ....ประการแรก...มาปู้ยี่ปู้ยำชาโตปาล์แมร์ของผมทำไม....ตัวนี้ก็ของโปรดของผมตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เหมือนกัน....ไม่ต้องจิ้มเจ้า CDV ลงไป....เธอก็พร้อมที่จะยิ้มหวานให้ใครต่อใครอยู่แล้ว ...ประการที่สอง...ถ้าเพื่อ "...ให้เกิดปฏิกริยา Oxidation ขั้นยิ่งยวด ..." อย่างที่คุณวิโรจว่า....ยิ่งน่าโมโหใหญ่....จะเร่งรัดขืนใจไวน์อะไรกันนักหนา...เดี๋ยวนี้เขาไม่รู้จักรอกันบ้างเลยหรือ....ถ้าไม่อยากรอ...แม้เธอจะปิด..ก็ชื่นชมเธอได้..เพราะเธอก็มีเสน่ห์แบบปิด ๆ...มีอะไรอีกเยอะแยะให้ค้นหา... ....พูดถึงเรื่องนี้แล้ว....นึกขึ้นได้ว่าเกิดอาการหงุดหงิดเมื่อสองสัปดาห์ก่อน....ไปงานดินเนอร์ในโรงแรมใหญ่...เขาเปิด First Growth ของเมด็อกตัวคุ้นเคยให้ดื่ม....ดื่มแล้วมันยังไงพิกล..ไม่ซาบซ่าถึงใจเหมือนเคย...ฟังว่าเธอถูก Double Decanting มา....มีคำอธิบายว่าเป็นเทคนิคยอดฮิตของคนดื่มไวน์สมัยนี้... .....เลยสงสัย...สงสัย....ว่าไอ้เทคนิค Double Decanting นี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร....ใครช่างคิดพิสดารอะไรกันขนาดนี้...หาตัวเจอแล้วจะประนามให้เข็ด....ใครรู้ช่วยสงเคราะห์เล่าให้ฟังหน่อยครับ.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 28 มิ.ย. 49 00:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ...ผิดคาด...ไวน์ถึงอายุขัย...ที่ว่าเหลือลายเจือจางอย่างทีมฝรั่งเศส....แม้จะเนื้อบางจนเหลือไม่มากแล้ว...แต่ค่าที่เคยเป็นไวน์ใหญ่....ความเก๋ายังอยู่ครบ....เลยเบียดเอาไวน์ใหม่สด ที่ทั้งเย็น หวานและนุ่มนวลแต่ขาดความเร้าใจอย่างทีมสเปนไปในตอนท้าย.... ...ครับ...ฝรั่งเศส ชนะ สเปน 3 - 0 ไปด้วยความเก๋าเกมของผู้เล่นชุดแชมป์โลกเมื่อ 8 ปีก่อนแท้ๆ.... ....ตีสี่แล้วครับ...ไปนอนดีกว่า จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 28 มิ.ย. 49 04:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 77 สวัสดีค่ะ คุณปีบ.. อ้าว..ดูแมทช์เดียวกันหรือปล่าวคะนี่..ฝรั่งเศสชนะสเปน 3-1 ไม่ใช่เหรอ  สเปนสกอร์ก่อนด้วยละ เล่นเอาใจหายใจคว่ำไปหมด... ................................ เรื่อง Double Decanting ของไวน์ตอนนี้กำลังฮิตในสังคม ยุคนี้..เพราะว่ามีตำราพิมพ์มาขายหลายเล่ม..ต่างคนต่างเขียนตามประสบการณ์ของตัวเอง ของเล่นแบบ CDV ก็ออกมาตอกย้ำให้คนเชื่อว่า ไวน์ต้องมีการทำ Oxidation ให้เยอะๆ.. ทฤษฏีของ Michel Rolland  ก็มุ่งแต่การทำ Micro-Oxy มันเหมือนกับเป็นการนำทางชี้แนะให้คนเชื่อ และนำไปปฏิบัติจนออกนอกรีตนอกรอย.. คนเรานะคะ ถ้าไม่เคยมีประสบการณ์ของไวน์ผ่านหูผ่านปากมามากพอจนเหลือเข้าไปสะสมกองอยู่ในสมองละก้อ ใครบอกอะไรก็เชื่อทั้งนั้น ขอให้ฟังดูไฮเทค และติดราคามาแพงๆก็ใช้ได้ เรียกว่าหมดความเป็นตัวของตัวเองไปเลย.. เชื่อว่าเขาไปอ่านตำรานี้มาค่ะ.. Do all wines need decanting? However, prior to drinking the wine, it will be necessary to separate the wine from the sediment if the full benefit of the aging process is to be enjoyed. Double decanting is an excellent solution as it gives the wine a double dose of air and does not require a decanter. นั่นเป็นตำราของคนรุ่นใหม่..คิดใหม่ ทำใหม่.. ส่วนรุ่นเก่าๆ..จะเป็นอย่างนี้.. Decanting wines into bottles when one wishes to use these instead of decanters : We would recommend avoiding double decanting. Once is enough. More than one decantation will result in over oxidation of the wine. และตำราเก่าๆจะให้ความสำคัญของการเก็บรักษามากกว่า เพราะนี่กุญแจดอกสำคัญ..ว่า เนื้อไวน์ในนั้นจะเป็นอย่างไร ดังที่ได้พยายามจะบอก จะถามเสมอว่า..คุยๆกันเรื่องไวน์ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้เนี่ย..มีใครรู้บ้างว่า.. มันตั้งอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย กลางแดดมานานเท่าไร กว่าจะมีชิปปิ้งไปเอาออกมา.. ออกมาแล้วก็ใส่รถสิบล้อ วิ่งไปบนถนนที่หน้าไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อ ขวดกระทบกันสั่นระริกนานนับชั่วโมง พอไปถึงร้านก็จับยัดใส่ตู้เย็น.. (ตามตำราว่า..Sudden changes in temperature will accelerate the oxidation and deteriorate the quality of the wine) ถ้าลองเป็นแบบนี้ ไม่ว่าดีแคนสองหนสามหน หรือ จะจิ้มจุ่ม CDV ก็ไม่ช่วยอะไรได้ทั้งนั้น.. ฉะนั้น..ถ้าจะซื้อไวน์จากใครหรือที่ไหน ก็ขอให้รู้จักฝีมือเถ้าแก่ให้ดีๆ  ในอเมริกานี่นะคะ เขาขอดูใบส่งของกันเลยทีเดียว เพราะสามารถเช๊คกับบริษัทขนส่งได้ ทีนี้ใครจะเชื่อตำราไหน..ก็ตัวใครตัวมัน..กระเป๋าใครกระเป๋ามัน.. แต่ถ้าเป็นกระเป๋าของดิฉันละก้อ  หนเดียวค่ะ..!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 28 มิ.ย. 49 07:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 78 .. ....โอ๊ย...ปล่อยไก่ตัวใหญ่...อุตส่าห์จะโชว์เก๋าว่าดูบอลถึงตีสี่....ดันพิมพ์จากสัมปชัญญะเกือบสุดท้ายก่อนหมดสภาพว่า ฝรั่งเศสชนะ 3 - 0.....แหะๆ...ผิดครับ....น่าอายจริงๆ.... ........................... ....เรื่อง Double Decanting ของคนรุ่นใหม่..... ....จะเป็นไปได้ไหมครับว่าเพราะไปบูชาลัทธิ Low Yeild...เนื้อหนา....เข้มข้น...ของ Michel Rolland หรือพี่บ๊อบคนเก่งของพี่วิ.....แต่ด้วยลิ้นที่ผ่านแดดผ่านฝนมาน้อย....ทำให้ยอดไวน์ที่พวกเขาบูชา มันขื่นมันขม จนเหลือจะรับ....จึงต้องหาทางลดความแก่กล้าด้วย Oxidation แบบเร่งด่วน....หรือมีเวลา ก็เปิดไวน์ทิ้งไว้สองวันสองคืน ค่อยเอามาดื่ม.... ....ทำไมไม่ใช้วิธีพื้นฐานผสมน้ำให้เจือจางลง..หมดเรื่องหมดราวไปเลย... .....ผมคิดของผมนะว่า...ที่ต้องทำไวน์หนักข้น เพราะหมดปัญญาจะทำให้ไวน์ซับซ้อน ลุ่มลึก เหมือนคนรุ่นเก่า...อาจเป็นเพราะไม่มี Terrior ดีดีเหลืออยู่แล้ว.....ความหนักข้น จะกลบเกลื่อนสิ่งต่างๆ ที่มีไม่ครบได้อย่างง่ายดาย.... .....ตอนจะดื่ม...พอใส่ Oxidation ไปมากๆ...ความหนักข้นก็จางลง....เปิดเผยธาตุแท้ดั้งเดิมของไวน์ออกมา....ถ้าดื่มแล้วยังอร่อยสมกับราคาที่จ่ายอยู่ละก็... ...ผมว่าคงใช้มาตรวัดความอร่อยของไวน์กันคนละยี่ห้อ แล้วละครับ..... .. จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 28 มิ.ย. 49 09:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ...ภาพชัดๆ ฉลากไวน์ของ M.Chapoutier ...ที่มีอักษร  Braille บนฉลาก...เพื่อคนพิการทางสายตา ...ขอได้รับการสรรเสริญ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 มิ.ย. 49 09:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าอย่างงั้นพี่วิ..ทั้ง2ท่านครับ ขอความเห็นที่อีตาบ๊อบบอกว่า  The 2000 Ch.M...... is the best with about 24-48 hours of decanting. ส่วนบอลโลกคราวนี้ ส่วนตัวผมว่า Riesling Eiswein Oberhauser Brucke, Hermann Donnhoff 2002,2001 น่าจะมาวินนะครับ เพราะว่าในอดีตทีมจากละตินไม่เคยครองความยิ่งใหญ่ในยุโรปได้  ส่วน Ch.d'Yquem 2001, Nyetmber Premiere cuvee Blanc de Blanc 1999, Amarone della Valpolicella Dal Forno Romano 1997, Quinta do Noval Vintage Port 1997 ถึงจะเป็นยุโรปและได้แต้มสูงจากอีตาบ๊อบ(ยกเว้น Blanc de Blanc)แต่ก็เสียเปรียบเจ้าภาพอยู่ดีครับ  ส่วนอีกยุโรปหาไวน์เปรียบเทียบไม่เจอและไม่ใช่แชมป์เก่าด้วยเลยไม่ให้เครดิต  เพราะว่า 4 ทีมสุดท้ายจะเหลือแต่แชมป์เก่าเท่านั้น เสียใจล่วงหน้ากับ Quinta do Noval Vintage Port 1997 ครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 28 มิ.ย. 49 09:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 81 กลับมาแล้วครับ  ขอบคุณพี่วิโรจด้วย  ผมได้แผ่น ดีวีดี แล้ว  แต่ไม่รู้เป็นไง  ลองเล่นด้วยเครื่องซัมซุง ที่มันอ่านได้ทุกแบบ (คือเน้นประมาณว่าแผ่นก๊อป เพราะถ้ายี่ห้อมาตรฐานสูง มันจะเล่นตัว ไม่อ่านแผ่นก๊อป แผ่นข้ามโซน) ปรากฎว่ามันไม่อ่าน พอดี เอามาลองตอนที่กำลังจะเดินทาง เลยไม่ได้ทดลองกับเครื่องอื่น เดี๋ยวจะไปลองในคอมพ์ดูบ้าง แต่แผ่นที่ชะแว๊บมาจากตลาดจีน ลองดูแล้วครับ ยังไม่ทันจบเรื่องหรอก  มันเป็นหนังแบบสารคดี ประมาณว่าเที่ยวไปตามสัมภาษณ์เจ้าของไร่ไวน์เกี่ยวกับการมาลงทุนทำไวน์ของโรเบิร์ต  มอนดาวี ก็ดูมาจนถึงมันฉายภาพหน้าไร่ไวน์มอนดาวี ที่เอารูปมาแปะบนฉลากขวดนั่นแหละ ก็พอดีหมดเวลา  ยังไม่ได้ดูต่อ คือดูเอาความรู้เกี่ยวกับวงการไวน์ก็โอเคครับ แต่จะเอาสนุกเหมือนกับ side way นั่น ก็คนละแนวกันนะ เอาไว้เดี๋ยวผมลองก๊อปเจ้าแผ่นจากจีนนี้ดู  ถ้าได้จะส่งต่อกันให้อีกทีครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 10:33:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นคุณพี่ป้าวิฯ บ่นเบื่อๆ กับการตีกอล์ฟ  ผมปรึกษากับคุณหมอ ฮา ฮา ยี (ทางโทรจิต) แล้ว  เห็นพ้องต้องกันว่า โรคนี้น่าจะมีสมมุติฐานของโรคมาจากการที่คุณพี่เจ๊ เดินสายตีกอล์ฟมากเกินไป เรียกว่าปรุไปทั้งสนามเมกา กะสนามไทย ก็ใครจะบ้าถึงขั้นหอบไม้กอล์ฟทั้งชุด ผูกด้วยเชือกฟาง (จริงๆ สาบานได้) แล้วไปยืนรอเพื่อนขับรถมารับ  ที่ป้ายรถเมล์ (โอ้ พระเจ้าจอร์จ มันยอดมาก คุณพี่เกิดมาเพื่อเป็นสาวมั่นจริงๆ เลย) ลองนึกภาพอารมณ์ของคนขึ้นรถเมล์กรุงเทพฯยามเช้าๆ ดูสิครับ ว่ามันปวดใจขนาดไหน แล้วนี่ต้องมาเจอ สาวใหญ่วัยมันส์ ยืนถือไม้กอล์ฟทั้งชุด ผูกด้วยเชือกฟาง มายืนประกบแบบหายใจรถต้นคออีก โอ้ พระเจ้าจอร์จอีกหนเหอะ สรุปก็คือ คุณพี่เจ๊ คงจะเบื่อหน่ายสนามกอล์ฟแหงๆ พอดีวันนี้ นสพ.ประชาชาติธุรกิจ เขาเอาเรื่องสนามกอล์ฟแห่งใหม่มาลงให้ดู ก็เลยจะขออาสาสอนสังฆราช  แนะนำให้คุณพี่เจ๊ฯ ลองแวะเวียนไปเล่นดู เขามีเวบไซต์ให้ครับ hhtp://www.prisonview.com ลองเข้าไปดูได้ครับ เผื่อไฟกอล์ฟในใจจะลุกพรึ่บขึ้นมาอีก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 10:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เอาผังสนามมาให้ดูครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 10:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ส่วนอันนี้เป็นกฎของสนามครับ Prison View Golf Course is located on the grounds of Louisiana State Penitentiary; therefore, all guests must provide personal information (date of birth, drivers license number, social security number, etc.) for complete background check before play. (48 hours in advance) No tee times will be scheduled prior to completed background check. Convicted felons and individuals listed on any inmates visiting list will not be allowed access. All golfers must present valid, state issued identification upon arrival. Play may be suspended at any time, due to institutional need or at the Warden's discretion. Tee times may be cancelled without notice. Absolutely NO firearms, drugs, alcohol or other contraband items (such as, but not limited to, cameras, knives, etc.) are allowed on the premises.   Persons entering Louisiana State Penitentiary must consent to a search of their vehicle, belongings and/or person at any time, while on institutional grounds จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 10:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 85 คุณสื่อศิลป... ตอน Write เสร็จ...ก็ลองเช็คดูจากเครื่อง Kenwood (ไม่รู้ว่าเครื่องนี้มันหัวสูงหรือเปล่า) และ Computer มันก็เล่นได้ดีนี่ครับ ไม่รู้ว่า..คุณพ่อหมี คุณ Sofatboy คุณชอบแช๊งค์ ...จะเจอปัญหาเดียวกันหรือเปล่า ...เจ้า Mondovino นี่มันดื้อน่าดู จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 มิ.ย. 49 10:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ลืมลดขนาดรูปครับ  เลยบักเติบไปหน่อย จะโดนด่าไหมเนี่ย คือไอ้เจ้าสนามที่ว่า มันสร้างอยู่ในคุก หรือเรือนจำที่มีนักโทษขังอยู่จริงๆ ไม่ใช่อดีตเรือนจำอะไรประมาณนั้น แล้วเขาบอกว่าสาเหตุที่ต้องสร้าง เพราะกะจะล่อใจพวกผู้คุมที่ไม่ได้เข้าเวร ให้มาเล่นกอล์ฟ เผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ (แสดงว่ามันมีแวว) จะได้ระดมเจ้าหน้าที่ได้ง่ายหน่อย เพราะที่นี่เป็นคุกขังนักโทษระดับประหาร กะตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นทุกคนเลยพร้อมทำทุกอย่างแบบคนไม่มีอะไรจะเสีย ส่วนผู้ออกแบบสนาม ก็ไม่ต้องไปจ้างมือโปร มือแปรที่ไหน ให้ทันตแพทย์ประจำสนามเป็นคนออกแบบให้ อาศัยว่าตีพอได้ มีแฮนดิแคป 15 ก็เอาแล้ว ยิ่งแรงงานขุดดิน แบกหาม ปูหญ้า ยิ่งแล้วใหญ่ ไปจ้างผู้รับเหมาทำไมให้ปวดใจ นี่เลย พวกนักโทษทั้งหลายนั่นแหละ เพราะฉะนั้นช่วงที่ไปตี ก็ระวังหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวไปเจอช่วงเขากำลังปรับปรุงกรีนด้วยแรงงานนักโทษอยู่พอดี มันจะไม่ได้กลับออกมาเล่นสนามข้างนอกอีกนะสิ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 10:55:10 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เดี๋ยวจะกลับไปลองเครื่องอื่นดูครับ ที่เลือกลองจากซัมซุงก่อน เพราะมันเป็นเครื่องที่ทำมาสำหรับเล่นแผ่นข้ามโซนกะแผ่นผีอยู่แล้ว เลยเผื่อเหนียวไว้ก่อน พอเครื่องนี้เล่นไม่ได้เลยหนักใจว่าไอ้เครื่องแบบ Sony หรือโน๊ตบุคอะไรพวกนี้ มันจะเล่นได้หรือเปล่า เพราะผมเคยลองเอาแผ่นจีนไปเล่นกับเครื่องมาตรฐานแล้ว บางแผ่นมันอ่านไม่ได้ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 11:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ตอบคุณปีบและคุณวาริชเวสม์   ในเรื่องที่ถามมาว่าตำราเก่าหรือไม่ หรือเป็นเพราะไวน์เข้มข้นจนต้องเอามาดีแคนสองสามหนนั้น มันเข้ากันพอดีกับที่คุณวาริชเวสม์เอาคำแนะนำของบ๊อบมาที่ว่า.. Chateau Margaux 2000 ต้องดีแคนนานเป็นวันสองวันนั้น.. เพราะว่าคนสมัยนี้เร่งกิน เร่งดื่ม เพราะไม่คิดว่าจะมีชีวิตยืนยาวรอนานเป็นสิบปีได้  มันถึงต้องมีความคิดใหม่ๆมาช่วย เสริมเทคนิค และ เครื่องจิ้มจุ่ม.. เมื่อคน(พวกสมาชิกของบ๊อบนั่นแหละ) กระสันอยากจะลองชิมไวน์มาร์โกต์ใหม่ๆให้ได้   ทั้งๆที่ Ch. Margaux  ปี 2000 นั้น จะถึงเวลาดื่มที่ดีที่สุดจริงๆคือ 2015 แต่ไม่มีใครยอมคอย  จึงจำเป็นต้องมาในวิธีเปิดรับอากาศให้มาเป็นตัวช่วยทำการปรับนุ่ม.. น่าเสียดาย...."เสียของ"จริงๆ จากคุณ : WIWANDA - [ 28 มิ.ย. 49 11:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 89 อีตาสื่อ..เธอก็รอไปเล่นเองก็แล้วกัน สนามกอล์ฟนั่นน่ะ ไปเที่ยวมาสนุกมั๊ย? ป๋าสบายดีเหรอ... แหม..เรื่องถือไม้กอล์ฟยืนรอพรรคพวกที่ป้ายรถเมล์นี่.. เป็นเรื่องฮาแตกของคณะกอล์ฟไทยจริงๆ.. แต่..จะว่าไปแล้ว..วันนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากชาวบ้านทั่วหลักสี่จริงๆนะ ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว  สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยนานาชนิด  ที่ตัวเองก็แปลไม่ออก ว่าทำไมต้องมองกันขนาดนั้น.. กลับมาเล่าให้น้องๆที่บ้านฟัง..มันแปลให้เสร็จสรรพว่า.. เขาคงสงกะสัยม๊างงง....เพ่..ว่าจะเอาไปตีกอล์ฟหรือจะเอาไปเข้าโรงจำนำ  !!!! 555555555555555 จากคุณ : WIWANDA - [ 28 มิ.ย. 49 11:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ผมเข้าใจเอาเองว่า...ที่คุณวาริชเวสม์ยกประโยค "The 2000 Ch.M...... is the best with about 24-48 hours of decanting" นั้น อาจจะเป็น Mouton Rothschild 2000 ก็ได้ ...เลยขอเล่าประสบการณ์สองครั้งจากไวน์ตัวนี้ ครั้งแรก...เมื่อต้นปีที่แล้ว ...เพื่อนคนหนึ่งเปิดเลี้ยงฉลองปีใหม่ แถมคุยว่าเปิดมาจากบ้านตั้งแต่เมื่อเช้า ...คะเนว่าคงกว่าสิบชั่วโมง ...แถมยังฟุ้งว่า Parker ให้เปิดล่วงหน้าสองวัน ...ผมล่ะพูดไม่ออก ได้แต่นั่งกรอกหน้า...และถอดสี ...แต่ก็ได้ Tasting Note มาแบบนี้ครับ Mouton Rothschild 2000 Rate: 96 "สีแดงสด เข้มทึบ ลึกปานกลางออกมาทางมาก สวยสว่างตา ให้กลิ่นกาแฟคั่วจางๆ น้ำตาลทรายแดง ดินสอแห้ง แอลกอฮอล์นุ่ม สาบปนเปรี้ยวอ่อนๆ แต่แฝงด้วยกลิ่นผลไม้แน่นสุด สด และละเอียด โครงเนื้อหนาเต็ม เข้ม ลึก ให้ความสุกสดแน่นของผลไม้สมบูรณ์แบบเต็มเหยียด สดชื่น แอซิดิตี้เยี่ยม แม้แทนนินจะสูง แต่ก็แสดงสมดุลออกมาให้รู้ว่าลงตัวดีมาก ...ยังไม่ใช่เวลาของมัน คงอีกราวสิบปีขึ้นไป ...เปิดให้เวลาหายใจสักสองชั่วโมงก็น่าจะเกินพอ" เนื้อหาข้างบน ...ผมบันทึกบนพื้นฐานที่ว่า ...ถ้าไวน์มันไม่ Off ไปก่อนหน้านี้แล้ว...ควรจะได้ราวๆ นี้ครับ ...เป็นการบันทึกไวน์ระลึกชาติย้อนกลับว่า "...เมื่อมันยังไม่ตาย...มันควรจะเป็นอย่างไร" และในการชิมทดสอบครั้งที่สอง...หลังจากนั้นอีกครึ่งปี ...ครั้งนี้รวมหัวกันลงขันในก๊วนเพื่อนคนรักไวน์ ...และเปิดให้ไวน์ได้หายใจเพียงแค่ชั่วโมงเดียว ...บันทึกครั้งนั้นก็ออกมาตามที่ระลึกชาติไว้เมื่อคราวที่แล้วเลยครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 มิ.ย. 49 11:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 91 แหม..ที่คุณปีบว่า.."หรือพี่บ๊อบคนเก่งของพี่วิ" เขียนถึง.. เพราะว่าเขาคือจุดศูนย์กลางของทุกอย่างในวงการไวน์  ที่ไม่ว่าจะคุยถึงเรื่องอะไรก็ต้องโยงไปถึงเขาทั้งหมด ฉะนั้น เอาเรื่องเขามาเล่าเป็นหลัก ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเขียนได้ง่ายขึ้น.. ส่วนในความเห็นของ MW คนอื่นๆจะนำมาเล่าทีหลัง เพื่อจะเห็นความแตกต่าง ในด้านการบริหารความสามารถทักษะ และประสบการณ์ในเส้นทางไวน์ และคคห.ที่ 64 ของคุณพ่อหมี ที่พูดถึง "26 April  Dinner at Chez Parker" เดี๋ยวคนจะสงสัยว่า ไอ้ร้านอาหาร เช ปาร์คเกร์ นั้นอยู่ที่ไหน.. ไม่ใช่นะคะ มันคือในครัวที่บ้านของบ๊อบเอง เขาเรียกกันว่า Chez Parker ที่ในอดีตมีแม่ครัวกิตติมศักดิ์ นามว่า แพ๊ต เคยครอง..แต่ในระยะหลังๆกลายเป็นบ๊อบที่เริ่มสนใจทำอาหารอร่อยๆ แปลกๆ เพื่อมาแกล้มกับไวน์ดีๆ และ เปิดเลี้ยงเพื่อนกลุ่มใกล้ชิดเสมอ จนระยะหลังมานี่น้ำหนักตัวได้พุ่งขึ้นไปเกือบสามร้อยปอนด์ และเขาไม่จำเป็นไปตระเวณชิมตามไร่ไวน์อีกแล้ว เพราะไวน์ใหม่ๆจากไร่ต่างๆที่ต้องการความเห็นจากเขา ก็ต้องส่งไปให้ที่บ้านที่แมรี่แลนด์   นอกจากพวกที่มี  connection ส่วนตัว เช่น เหล่าไวน์เมธี ดังๆ อย่าง Helen Turley, Heidi Peterson ที่บ๊อบให้ความไว้เนื้อเชื่อใจกับการทำ Big Wine ในสไตล์ที่เขาชอบคะแนนจึงหลั่งไหลแบบไม่อั้น.. จนเฮเลน ตามที่เล่าไปแล้วว่า สามารถเรียกค่าปรึกษา จากไร่ไวน์รายละ สองแสนถึงสองแสนห้า(พร้อมส่วนแบ่งกำไร) และรับงานแบบวิ่งรอก พอมีเสียงติงหนาหูเข้า..บ๊อบก็แก้เกี้ยวกับเหล่าสมาชิกว่า.. "ใครต่อใครเขาหาว่าผมกับเฮเลนมีบัญชีลับร่วมกันที่ธนาคารสวิส...พูดกันไปได้...เหลวไหลจริง" จากคุณ : WIWANDA - [ 28 มิ.ย. 49 12:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 92 คุณป๋าเดิมทีก็สบายดีหรอกครับ จะมาป่วยก็เพราะผมไปนี่แหละ เพราะซี้ติ่งเขากำลังบ้าคาราโอเกะ (จริงๆ ไม่ได้อยากร้องเพลงหรอก อยากชวนน้องๆ ไปช่วยถือไมค์มากกว่า) คืนนั้นคุณป๋าก็เลยต้องนั่งทนพวกผมร้องเพลงให้ฟังตั้งแต่ 2 ทุ่มยันตีหนึ่ง แถมเช้าต้องขับรถไปประชุมต่อที่ภูเก็ตอีก เอ้อ ก็ขอแจ้งให้คุณพี่ภูเก็ต 1 ทราบนะครับว่า ผมและเพื่อนๆ ขอลงนามยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า คืนนั้น นอกจากใช้ยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มแก้คอแห้งกะหูดับเป็นระยะๆ แล้ว คุณป๋า ไม่ได้เอามือไปใช้เกาะเกี่ยวกอด อะไรต่อมิอะไรอีกเลย สาบานให้ฟ้าผ่าจริงๆ แต่ขอให้ผ่าไปที่ซี้ติ่งคนเดียวนะ ก็มันเป็นคนชวนนี่หว่า จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 12:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 93 รายงานผลเรื่อง Mondovino จากคุณวิโรจ ครับ ชัดเจน แจ่มแจ๋ว ครับ  นั่งดูมันใน ออฟฟิสนี่หละ  นั่งดูกับเจ้านายครับ ดูไป ถกกันไป ผู้หญิงในออฟฟิส สนใจหนังเรื่องนี้อยู่ตอนเดียวครับ คือตอน พาไป Chez Parker นี่หละครับ หมาเค้าน่ารัก มั่กมาก ก จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 28 มิ.ย. 49 12:31:52 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ไปถึงหาดใหญ่แล้วก็เลยต้องแวบไปด่านจังโหลนตามธรรมเนียม ไปเช๊กราคากะของในดิวตีฟรีแถวๆ นั้นเสียหน่อย ก็ไม่รู้ว่าตลาดไวน์ที่นั่นมันวายหรือไง นอกจากจะราคาแพงกว่าด่านอื่นๆ แล้ว ยังเหลือน้อยประเภทลงไปอีก พรึบไปด้วยเพนโฟลด์ เจ้าประจำสำหรับคอไวน์เมืองไทย มีตั้งแต่ Bin 2  Bin 28  Bin 389 St.Henri  แล้วก็จบที่ Bin 707 แต่ไม่ใช่ปีล่าสุด เป็นปี 2002 หรือไงนี่แหละ ฟาดซะ 5 พันกว่า นอกจากนั้นแล้วก็มีแต่ วิลด์แฮม เลขตองทั้งหลาย ที่ราคา 300 กว่าบาท กะไวน์สเปนอีก 2-3 รุ่น หาฝรั่งเศสดีๆ ไม่มีเลย วันนั้นไปที่ร้านดาวเรือง ด่านเวียงจัน มีรุ่นล่าสุดที่ 2006 เห็นติดราคาไว้ที่เกือบๆ จะ 7 พันบาท แต่ที่เทียบให้ดูร้านตามด่าน สำหรับคอไวน์ที่ชอบเลาะตะเข็บชายแดน (ป๋า กระซิบว่า ที่ให้ไปดูนะ เอาแค่มันส์ แต่ถ้าจะสั่งจริงๆ ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นหรอกเฟ้ย เอาแค่นี้พอ เดี๋ยวป๋า ลำบาก) ตอนนี้ร้านดาวเรืองที่เวียงจัน กำลังนำหน้า เพราะอัพร้านใหม่  เปิดโซนไวน์โดยเฉพาะ มีหลายเกรด ทั้งฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ชิลี  ระดับกรองด์ ครู ก็มากหน้าหลายตา วิธีการจัดเก็บก็เรียบร้อย อยู่ในห้องแอร์ วางนอนอย่างดี เหมือนมีเชฟฝรั่งเศสมาขายเอง แล้วขอบอก ว่าราคาถูกกว่าร้านที่ไม่ติดแอร์ที่อยู่ติดๆ กันเสียอีก ส่วนด่านแม่สาย หลังจากที่ปล่อยให้ฝั่งลาวเขาควักกระเป๋าคนไทยมานานแล้ว  ตอนนี้ปรับตัวใหม่ เปิดดิวตี้ฟรีเป็นเรื่องเป็นราวกับเขามั๊ง ไวน์ก็แน่นอน เพนโฟลด์ ครองตลาดใหญ่ ราคาสูงกว่าเวียงจันนิดหน่อย โดยเฉพาะ  Bin 2 กะ 389 แต่ที่นี่ไม่เน้นบุหรี่ มีแต่ยี่ห้อแบบว่าโลกเบี้ยวทั้งนั้น เหล้าพันธุ์จอห์นนี่เดินเล่น ก็มีครบ ราคาถูกกว่าที่หาดใหญ่ด้วย ส่วนที่แปลก คือ มีไวน์ชิลี ตัวที่รอธไชลด์เข้าไปทำด้วย ฉลากสีแดงๆ (จำชื่อไม่ได้ แต่ฟาดไปหมดแล้ว)  ขายที่เมืองไทย พันแปด ที่ด่านเอาแค่หกร้อย รสชาติก็เหมาะกับราคาหกร้อยมากกว่าพันแปดครับ พอดีรอบนี้เดินสายไปจังหวัดชายแดนหมดเลย ก็เลยได้แวบเข้าไปมันทุกด่านในเวลาไล่เรี่ยกัน เลยแวบเอามาฝากให้ฟังเล่นๆ ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 12:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 95 มีไวน์ชิลี ตัวที่รอธไชลด์เข้าไปทำด้วย ฉลากสีแดงๆ (จำชื่อไม่ได้ แต่ฟาดไปหมดแล้ว)  ขายที่เมืองไทน พันแปด ที่ด่านเอาแค่หกร้อย.... ....ขวดนี้มั้ง Escudo Rojo จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 มิ.ย. 49 16:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ตัวนี้แหละครับ แม่นเลย แต่ผมเห็นที่เมืองไทย มีขายอีกตัวนึง ฉลากสีน้ำเงิน ที่เป็นรูปเหมือนเขาแกะเก่าๆ หรือเครื่องหมายอะไรประมาณรุ่นมายานั่นแหละ พี่รอธไชลด์เขามีเอี่ยวเหมือนกัน ตอนนี้เปิดไปแล้ว แต่ยังไม่หมด รสชาติดีกว่าเจ้าเอสคูโด้นี่หลายขุม เดี๋ยวจะกลับไปดูยี่ห้อจะๆ อีกที พอดีเมื่อคืน แค่เริ่มเปิด พ่อโล้นอ้วนก็ยิงเข้าเสียแล้ว เลยมัวแต่ลุ้นบอล ไม่สนใจไวน์ สุดท้ายก็หลับคาจอ ไวน์ค้างเหลือคาแก้วยันเช้า ต้องเททิ้งทั้งน้ำตาไปอีกเทือก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 28 มิ.ย. 49 18:05:17 ]

ความคิดเห็นที่ 97 . พี่วิครับ.... ....ที่ผมแถมไปว่า..."...หรือพี่บ๊อบคนเก่งของพี่วิ"...แซวเล่นนะครับ...เพราะอ่านที่พี่เขียนแล้วก็เห็นไม่ค่อยหลงไหลได้ปลื้มไปกับแกสักเท่าไร.... ....ในก๊วนไวน์ของผมที่ดื่มกินกันมาสิบกว่าปี...ถ้าพูดถึงตาบ๊อบนี่จะแบ่งออกเป็นสองค่าย... ....ฝ่ายแรกนิยมชมชื่นแกเป็นอันมาก...ตัวไหนแกให้ 100 หรือใกล้เคียง เป็นต้องหามาลองให้ได้...... ....ส่วนอีกฝ่าย จะออกไปทางหมั่นไส้...อาจเรียกว่ามีอคติกับแกเลยก็ว่าได้....แถมคาดเดาว่าไวน์เรท 100 ของแกจะออกมาแนวไหน ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยผิด....เมื่อได้ลองเองแล้วจะเรทให้อย่างเก่งไม่เกิน 95...ยิ่งเทียบไวน์กับราคา...ฝ่ายนี้ไม่ยอมเสียตังค์ซื้อไวน์พวกนี้เด็ดขาด...บอกว่าถ้าจะเสียเงินขนาดนี้ หาไวน์ตัวอื่นที่ดีกว่าได้อีกเยอะ....แต่ที่ได้ชิม...ก็เพราะอาศัยไอ้ฝ่ายแรกที่อยากลองแล้วหามาให้.... .....ส่วนผมอยู่ฝ่ายไหน....เดาไม่ยากใช่ไหมครับ......ฝ่ายหลังแน่นอน....ไชโย.... . จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 28 มิ.ย. 49 22:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ถ้าหนูเป็นพี่ภูเก็ต 1 นะคะ หนูจะซื้อยาล้างหูชนิดเข้มข้นไว้ให้ป๋าสักสองโหล หลังจากรับแขกสร็จแล้ว   ป๋าจะได้เอาไว้ล้างทั้งหูซ้ายจนทะลุหูขวาไปเลย จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 28 มิ.ย. 49 23:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 99 คุณปีบก้อ..พี่ก็รีบแก้ตัวขยายความ เพราะหวั่นๆเหมือนกันว่าคนจะสงสัยว่ามาเขียนอะไรกับเรื่องของอีตาบ๊อบนี่มากมาย..เลยต้องอธิบาย บ๊อบนี่นะคะ ในยุคแรกของเขานั้น..คือเทวดาเลยจริงๆ เพราะเขาทำให้ธุรกิจไวน์เป็นที่รู้จัก  เป็นที่ขายได้ และ ทำให้คน appreciate ไวน์มากขึ้น.. ในยุคที่สอง..เป็นยุคที่เขาออกเสาะหาของเปรียบเทียบ ทำความรู้จักกับไวน์ที่ยังไม่คุ้นเคย..เรียกว่าเริ่มหาตลาดเพื่อที่จะนำมาเขียนเสนอให้กับสมาชิก  ไม่งั้นจะซ้ำซากวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่  region ในยุคที่สาม...หลังจากที่ได้รับเสียงตอบรับที่กระหน่ำมาจากทุกมุมโลกที่มีความเจริญเติบโตในด้านดอทคอม เทคโนโลยี่ รวมทั้งการร่ำรวยหลั่งไหลของเงินใหม่ หรือที่เราเรียกว่า..neuveau riche  อันเป็นที่มาของกระแสวัตถุนิยม  กระเป๋าถือแบรนด์เนมราคาถีบจากหลักหมื่นมาเป็นใบละหลายแสน..ไวน์(เก่าๆ)จากหลักสิบมาเป็นหลักร้อย หลักร้อยออกมาเป็นหลักพัน.. ไวน์ใหม่ๆ..ที่ไม่เคยมีประวัติของแทร์วาร์ ของการผลิต จะให้มาไต่เต้าขายหลักสิบก็คงไม่ทัน จึงต้องใช้ตัวช่วย เรียนทางลัด ทำไวน์ให้ถูกปากคนชิมอย่างบ๊อบ แล้วก็ขายกันเรือนพันเรือนหมื่น กลายเป็นสินค้า exclusive ไปเลย.. และยุคนี่เองที่เขาเปี๋ยนไป..นอกเหนือจากการวิจารณ์ติชมไวน์ เขาได้ทำหน้าที่เป็น"คนออกคำสั่ง" ว่าไวน์ควรจะมีรสเช่นไร.. ใครที่ไม่ทำตามสเปค..ก็จะไม่ได้รับความสนใจ เมื่อเกิดความขัดแย้ง เสียงสะท้อนกลับจากไร่ไวน์หลายไร่ ที่ไม่เห็นด้วย..หมายถึงพวกไร่ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังยึดถือระบบปู่ย่าตายายอยู่.. ก็จะได้รับการสั่งสอนจากบ๊อบเป็นระยะ..เช่นการให้คะแนนไวน์โนเนมจากโนบอดี้ เช่น นาย แมนเฟรด แกรงเกิล (Manfred Krankl) เจ้าของร้านอาหารในลอส แอนเจลิสที่วันดีคืนดีเกิดอยากทำไวน์ขายเอง  ก็ไปเที่ยวยืมเครื่องมือของไร่ไวน์ที่เขาทิ้งๆแล้ว..ซื้อองุ่นมาทำไวน์ ได้สองสามถัง ตั้งชื่อโรงไวน์ให้โก้  Sine Qua Non Winery Sine Qua Non เป็นภาษาละติน ที่ใช้กันบ่อยๆในหลายสถานะ อ่านได้ สองอย่างทั้ง ซินนี่ ควา นอง และ ซิน ควา นอง แปลว่า..ของจำเป็นอย่างยิ่งยวด ขาดไม่ได้ จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 01:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 100 นาย MK นี่พอแกไปลองไปลองมา ก็มาลองทำไวน์ด้วยองุ่นไซราห์  ในนามว่า The Queen of Spades ทำเสร็จได้ 100 กว่าลัง..แจกให้เพื่อนมั่ง ส่งไปขายในร้านของตัวเองมั่ง ของเพื่อนๆมั่ง.. เกิดนึกสนุกขึ้นมา ก็ส่งไปขวดหนึ่งให้บ๊อบชิมที่ออฟฟิซของ The Wine Advocate  พร้อมอธิบายเบ็ดเสร็จว่า ตัวเองทำไวน์ขึ้นมาแบบดิบๆ ไม่มีการกรอง และทำแบบอนาถา ไม่มีโรงไวน์  แต่ใช้โรงนาข้างฟรีเวย์เป็นสถานที่ ช่วยชิมและให้ความเห็นหน่อยเถอะ.. อาทิตย์ต่อมา..บ๊อบโทรกลับจริงๆ  ปรากฏว่า เขาชอบมาก และให้คำแนะนำโดยด่วนว่า..รีบไปทำให้ถูกกฏหมายซะ (หมายถึงต้องผ่านขั้นตอนสารพัดสำหรับในอนุญาตทำ winery ไม่ทราบว่าตอนนี้มีหรือยัง...) ที่สำคัญคือ เขาได้เขียนลงไปให้คะแนนในจดหมายเวียน ถึงสมาชิก ท่าววน้านนนแหละ ป่าช้าแตก..นาย MK และครอบครัวไม่ต้องหลับต้องนอน เสียงโทรศัพท์สั่งซื้อ สั่งจองแบบไม่ขาดสาย ทั้งๆที่ไวน์นั้น..ไม่มีแล้ว..แจกไปหมดแล้ว นี่ก็ดูเหมือนการเล่นเกมส์สนุกๆอย่างหนึ่งของบ๊อบ.. ในการให้คะแนนแบบไม่สนใจว่า มันมาจากไหน.. ขออธิบายเพิ่มเติม..ว่า..คนที่งมงายกับคะแนนจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ก็จะซื้อตะพึดตะพือ ไม่ได้ดูเลยว่า ไอ้ไวเนอรี่ ชื่อประหลาดๆนั่น มีการทำไวน์ที่ถูกต้องตามอ.ย. หรือไม่ มีใบอนุญาตที่ถูกต้องหรือปล่าว..ขอให้เห็นเลข 9 จากบ๊อบ ก็ใช้ได้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 02:07:03 ]

ความคิดเห็นที่ 101 พวกเหล่าไวน์ใหม่ๆต่างรู้กันดีว่า วิธีที่จะเข้าถึงบ๊อบนั้นมีอยู่สามทางใหญ่ๆ หนึ่ง คือ เสี่ยงส่งไปที่ออฟฟิซ WA ตามที่เล่ามา ซึ่งนับว่าเป็นการเสี่ยงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ สอง  คือการใช้ระบบจ้างดารามือไวน์ทองมาประจำเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน  และกลุ่มดาราที่ว่านี้มีเพียงจำนวน ร้อยกว่านิดๆ  ส่วนซูเปอร์สตาร์มีคนเดียว คือ มิเชล ผู้ซึ่งตอนนี้รับจ้างกว่าร้อยไร่ ครอบคลุมไปทั่วในทุกทวีป เดินทางตรวจงานด้วยเครื่องบินเจ๊ท  จนได้ฉายายามว่า The flying winemaker สามคือ..โดยผ่านตัวกลาง หรือเนโกเซี่ยน  ที่มีความสามารถที่ขึ้นชื่อและเป็นที่ยอมรับในเรื่องของการชิมและตัดสินไวน์ อย่างในอิตาลี มีเกจิคนเก่งแบบเป็นรองมิเชลไม่เท่าไหร่ นั่นคือ ริคการ์โด โคตาเรลล่า (Riccardo Cotarella)   ริคการ์โด ได้รู้จักมักจี่กับบ๊อบ เพราะครอบครัวมีธุรกิจไร่ไวน์ใน Falesco, Umbria จากการสนทนาไม่เท่าไหร่  เขาได้ซึมซับถึงความต้องการของบ๊อบในการผลิตไวน์ให้ถูกปากได้อย่างทันที และได้นำมาปฏิบัติอย่งเร่งด่วน ในวินเทจของปี 1996 บ๊อบได้เขียนถึงเขา ว่า เป็น ร่างทรงของมิเชลได้เลยทีเดียว (สไตล์ของริคการ์โด จะว่าไปแล้วก็คือ ก๊อปของมิเชลมานั่นแหละ เพราะถนัดในเรื่องขององุ่นเมอร์โลต์) และเป็นเพราะแต้มสุดโต่งที่เขาได้..ตามมาด้วยความก้าวหน้าในธุรกิจ ทำให้ ใครต่อใครพากันรุมจ้างให้ไปเป็นที่ปรึกษาไม้ประดับ..เพื่อล่อบ๊อบ.. และเรื่องเงินนั้นไม่เข้าใครออกใคร..ข่าวได้กระจายไปถึงสเปน ที่เร่งผลิตไวน์ให้ถูกปากบ๊อบ แม้ว่าจะต้องเลาะพันธุ์องุ่นเก่าๆทิ้งไปเพื่อพันธุ์ใหม่ที่แพงกว่า ก็ต้องยอม เพื่อที่จะให้ได้ยินถึงหูบ๊อบ..ให้มาชิมให้ได้ อย่างรายของ โฮร์เฮ ออร์โดเญซ์ (Jorge Ordonez) ผู้ผลิตไวน์ Remelluri  (เรเมยูรี)  ที่ลงทุนตามว่า.. บ๊อบได้ให้คะแนนถึง 94 ในปี 1994 (ตามด้วยปี 1995 อีก) พี่แก..ถึงกับร้องตะโกนวิ่งไปตามถนน ว่า.. ปาร์คเกอร์ให้ 94...ปาร์คเกอร์ให้ 94 ดีใจจริงๆว้อย..!!! ใครต่อใครถึงกับตามมาถามว่า แกไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะ เขาถึงมาให้คะแนนตั้งเยอะตั้งแยะ.. นายโฮร์เฮ..บอกว่า ไม่ได้ทำ แต่กำลังจะทำ นั่นคือ จะจัดทริปให้บ๊อบบินไปเที่ยวทั่วสเปน.. อย่างมณฑล Ribera del Duero ที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อน..ที่มีไวน์ชื่อว่า Pingus ที่มีไวน์เมธีเป็นชาวเดนิช นามว่า Peter Sisseck  บ๊อบให้คะแนนถึง 98  ในวินเทจ ปี 1995 เล่นเอาวงการตลาดไวน์ในสเปนปั่นป่วนไปหมด.. ขนาดว่า..ไวน์ปิงกุส ตัวนี้..ปีเก้าห้า ที่ว่านี่ ขายในสเปน ขวดละพันเหรียญ และในอเมริกาถ้าหาได้ ก็ ห้าร้อย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 11:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ริคการ์โด โคตาเรลล่า (Riccardo Cotarella)   ภาพจาก japan wine จากคุณ : sofatboy - [ 29 มิ.ย. 49 14:14:54 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เฮ้อ...โล่งอก นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว...ชักเป็นห่วง จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 29 มิ.ย. 49 14:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 104 โฮร์เฮ ออร์โดเญซ์  Jorge Ordonez ( ภาพจาก tienda) จากคุณ : sofatboy - [ 29 มิ.ย. 49 14:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 105 Peter Sisseck (ภาพจาก vivirelvino) จากคุณ : sofatboy - [ 29 มิ.ย. 49 14:26:15 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณพี่วิโรจสำหรับ Mondovino มากครับ เตรียมปรับเวลาดูบอลต่อ  แหะ แหะ ... จากคุณ : sofatboy - [ 29 มิ.ย. 49 14:29:22 ]

ความคิดเห็นที่ 107 โล่งอกเรื่องอารายยยค้า..คุณวิโรจขา..??? วันนี้นะ อุตส่าห์ว่างทั้งวัน ตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องไวน์ตั้งแต่เช้า..หนอย..เน็ทดันเสีย โทรไปจิกบริษัทตั้งแต่เช้า เขาว่าเขาจะส่งช่างมาดูพรุ่งนี้...เลยโวยซ้า.. พอบ่ายๆก็หอบไปนั่งต่อเน็ทที่ร้านกาแฟ  อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเสร็จ ก็เขียนได้แค่นั้นละค่ะ เพราะไม่มีสมาธิ พอกลับมาบ้าน ลูกชายเขามาดู ขยับสายให้ใหม่ ก็ใช้ได้ตามปรกติ.. เอ..เมืองไทยมีเน็ท wireless ใช้ในที่สาธารณะไหมคะ? ที่นี่..หอบโน๊ตบุ๊คไปนั่งได้แทบทุกที่..สะดวกมากค่ะ เดี๋ยวนี้ร้านกาแฟดีๆ คนนั่งกันเพียบ เข้าไปงี้..ยังกะห้องเรียนแน่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 14:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ...โล่งเรื่องคุณ Sofatboy กลับมา...หลังหายไปหลายวัน ...ห่วงว่า...จะเสียบอลหนัก ...จนต้องพักไปชำระบาดแผล  ...555 ...Wireless Internet ที่นี่มีครับ แต่ส่วนใหญ่จะล๊อก ...ต้องแจ้ง IP เขาถึงจะให้ Link ครับ ...ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องเป็น ไม่สมาชิกก็ต้องเป็นลูกค้า...อะไรเทือกนั้น ...ยังไม่ศิวิไลสักเท่าไหร่... จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 29 มิ.ย. 49 15:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 โอย!!!กว่าจะตามอ่านจนทัน หืดขึ้นคอเลยค่ะป้าขา จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 29 มิ.ย. 49 16:01:40 ]

ความคิดเห็นที่ 110 งั้นมาที่ร้าน Mo C Mo L ที่เชียงใหม่สิครับ ขายกาแฟรสดีทีเดียว(ผมชอบ) ร้านและบรรยากาศดี เคยไปนั่งใช้ wireless lan ที่นั่นทำงาน สั่งกาแฟแก้ว ขนมชิ้น ก็ใช้ได้แล้ว ว่าแต่ค่าเครื่องนั่งมาใช้ wireless lan ที่นี่มันจะแพงกว่าใช้ที่กรุงเทพ จากคุณ : Ronachai (amscmu) - [ 29 มิ.ย. 49 17:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอบคุณคุณ Ronachai ค่ะ  พี่ก็ถามไปงั้นแหละ เผื่ออีกหลายปีข้างหน้าตอนที่กลับไปอยู่เมืองไทยถาวร จะได้ทำตัวเหมือนกับที่อยู่ที่นี่ คือ ไปนั่งจิบกาแฟและเล่นเน็ท เพียงแต่ที่นี่ฟรีค่ะ เสียแต่ค่ากาแฟ..คือเขาหวังผลระยะยาวน่ะ คนที่ไปนั่งก็ไปกันทุกวัน..ติดจนเป็นนิสัย คิดดูว่าเดือนๆหนึ่งรับลูกค้าประจำเท่าไหร่  ร้านยิ่งคนแน่น คนก็ยิ่งชอบ บางทีลูกค้าด้วยกันที่เข้ามาซื้อกาแฟ เห็นคนอื่นๆหอบเครื่องคอมพ์มานั่งทำงาน มีการเข้ามาขออ่านเมล์ตัวเองนิดนึง.. ก็เอื้อเฟื้อกันดีค่ะ  เป็นแนวของการจีบแบบสมัยใหม่ด้วย สาวสวยๆมักจะมีหนุ่มมาขออ่านเมล์ประจำ.. แต่ตัวเองไป มักจะมีของเล่นไปด้วย..เพราะใช้เป็นตัวช่วยในการทำงานด้วยค่ะ  นับว่าเป็น sine qua non ที่ต้องติดตัว ติดรถไว้ตลอดเวลา.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 22:56:37 ]

เป็น wine pocket pc ขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ เลือกใช้ตัวนี้เพราะตัวอักษรใหญ่ เห็นง่ายน่ะค่ะ เปิดขึ้นมาแล้วก็หาได้หมด นับเป็นหมื่นรายการสารพัด พร้อมแต้ม..พร้อมรีวิว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 23:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เช้าวันนี้อ่านข่าวของคุณคิม ว๊าชไวทซ์  เรื่องให้ความเห็น แนะนำไวน์โลกเก่า โลกใหม่ด้วย.. เห็นว่าจะเปิดโรงเรียนสอน.. ก็นับว่าเป็นความคิดที่ดี  แต่เป็นงานเป็นการไปหน่อย น่าจะเริ่มจากการจัดกลุ่มก่อน  หาช้างเผือกที่สนใจและใฝ่หาความรู้เรื่องนี้จริงๆด้วยตัวเอง เรื่องไวน์..ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะประกาศหาคนมาเรียนแบบว่า ไม่รู้จะทำอะไร ไปเรียนเรื่องไวน์ดีกว่า.. ถ้าสอนไล่ไปตั้งแต่พันธุ์องุ่น  ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ  ดิน..ฯลฯ รับรองว่าเหลือนักเรียนเรียนไม่กี่คน..เพราะ หนึ่ง..การดื่มไวน์ไม่ใช่วัฒนธรรมของบ้านเรา จึงจำเป็นต้องเริ่มเรียนกันตั้งแต่ ก.ไก่ ข.ใข่ สอง..ค่าเรียนคงไม่ถูก สาม..จะไปบอกใครว่ามาเรียนเรื่องไวน์  ผู้คนคงหาว่าเหลวไหล..เพราะผิดด้วยศิลห้า ถ้าจะหานักเรียนที่เป็นพวกไฮโซ..ก็คงยาก เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเกจิ เจ้าของชาโตมาเองด้วยกันทั้งนั้น คงไม่มีใครยอมเสียหน้ามาเรียน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 มิ.ย. 49 23:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณหมาน้อยฯ ไม่ต้องรีบอ่านขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เพราะจะได้อู้มั่ง.. ............................................ พูดถึงไวน์โลกใหม่..ก็เล่าต่อเสียเลย ในปี 1993 บ๊อบเคยเขียนวิจารณ์ไวน์จากออสเตรเลียว่า "ไอ้ที่มีอยู่มากมายก่ายกองน่ะ ล้วนแล้วแต่เป็นไวน์ห่วย กับ ห่วยแตก ด้วยกันทั้งสิ้น" แต่พอเวลาผ่านไปเพียงปีเดียว..ด้วยการชักนำชักจูงให้ลองชิม 1994 Clarendon Hills (Shiraz), Barossa Valley โดยการเชิญชวนของ  Dan Phillips  เนโกเซี่ยน รายใหญ่รายหนึ่ง  ที่ได้เหมาไวน์นี้เข้ามาขายในบริษัทของตัวเอง และนายแดนคนนี้ คือเพื่อนของนาย MK (อ้อ..ลืมบอกไปว่า  Manfred Krankl คือลูกครึ่งเชื้อสายอเมริกัน-ออสเตรเลี่ยน) คือว่าหลังจากที่บ๊อบชื่นชอบกับไวน์ของนาย MK ที่ส่งไปประเคนถึงที่แล้ว..ทั้งคู่ได้มีการเจรจาติดต่อ พูดคุยถูกคอกัน..จึงเป็นช่องทางที่นาย MK ได้คุยถึงสรรพคุณไวน์ออสเตรเลียให้ฟัง.. และจากนั้น บ๊อบก็เริ่มสนใจลองไวน์จากดินแดนจิงโจ้ ที่พอดีว่าจัดจ้านถูกปาก แก่ดีกรีสมใจ เขาจึงแจกแต้ม 100 เป็นว่าเล่น..พร้อมชมเชยอย่างไม่หยุดปาก จนหนังสือพิมพ์ออสซี่ถึงกับกระทุ้งว่า.. "มัวไปทำอะไรอยู่ตั้งเป็นนานสองนาน..น่าจะรู้ซะตั้งกะปีมะโว้โน่นแล้ว ว่าของดีนั้นอยู่ที่นี่ !!" ในที่สุด บ๊อบและครอบครัวก็ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนชาวออสซี่ถึงที่เมื่อปี 2001  ห้าวัน ทั้งเที่ยวทั้งชิม.. เที่ยวที่ซิดนี่ย์, ไปดำน้ำที่ Great Barrier Reef  และเยี่ยมชมไร่ไวน์เล็กทางตอนใต้ หลังจากที่ไปเยี่ยม เพนโฟลด์ กร็อง ตามระเบียบแล้ว ไร่ไวน์ที่บ๊อบได้ให้คะแนน 99 อย่าง Draycott Shiraz Reserve (Burge Family)  นั้น ยอดขายทะลุจาก 25 % ขึ้นมาเป็น 60% เพียงแค่ข้ามคืน.. และเสียงโทรศัพท์ เอกสารส่งแฟ็กซ์ทำงานต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง.. ราคาของไวน์ออสซี่นั้นไม่ใช่ถูกเมื่อเทียบกับไวน์ของอเมริกา..แต่ในเนื้อของความจริงนั้น คนที่ได้รับไปเต็มๆ ไม่ใช่กสิกรไวน์  หากแต่เป็นบริษัทคนกลางไม่กี่คนต่างหากที่เป็นเสือนอนกิน เรื่องนี้ได้นำมาถกกันในระหว่างการประชุมพร้อมอาหารกลางวันระหว่างกสิกรไวน์(พวกที่ได้รับแต้มสูงๆ)กับบ๊อบในวันหนึ่ง Chris Ringland ไวน์เมธีของ Three Rivers Shiraz (รับไป 100 เต็มในวินเทจของ 1996) เกิดความยั๊วะสุดขีด..เขาประกาศขึ้นราคาไวน์ของเขา เป็นขวดละ $ 600 เท่ากับ ขึ้นราคาถึง 923 % ทั้งๆที่ราคา 600 เนี่ยนะ  อีก็ขายหมดภายในสองอาทิตย์.. ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ..!! จากคุณ : WIWANDA - [ 30 มิ.ย. 49 00:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 115 แต่บ๊อบก็เป็นบ๊อบอยู่วันยังค่ำ..เขาเลิกไม่ได้ในการเที่ยวสั่งสอนชาวบ้านว่า อะไรควรทำ ไม่ควรทำ.. และสิ่งที่ควรนั้นคือ ขอให้เลียนแบบไวน์ยุโรปให้มากที่สุด นั่นคือ ความละเมียดละไม ผสมกับเทคโนโลยี่ที่มี..ที่ทุ่มทุนไปแล้วอย่างมหาศาล.. และ..แน่นอนว่า เสียงสะท้อนกลับในด้านลบก็มี.. Tim White  ไวน์คอลัมนิสต์  ของหนังสือ Australian Financial Review บอกว่า.. "ผมรู้สึกว่า..ตอนนี้มันกลายเป็นนายปาร์คเกอร์เป็นผู้มาค้นพบเพชรเม็ดงาม และมาทำการเจียรนัยด้วยตัวเอง ไวน์ของเราจึงได้ส่งประกายเจิดจ้าอย่างนี้ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว..ไวน์ของเราได้ทำกันมาช้านานกว่า 150 ปีแล้ว และไม่ใช่ว่ามีดีแต่ที่ Barossa Valley ซะที่ไหน  ตัวเองมาแค่ห้าวัน จะมารู้อะไรมากมาย"  และ "เที่ยวมาบอกให้ทำโน่นทำนี่..ผมละกลัวเหลือเกินว่า อีกหน่อยไวน์ของเราก็จะกลายเป็น Parker-Cola (อย่างที่ใครๆเรียกไวน์ จาก Cape d'Estaing) หรือ Mc.Wines ไปหมด ไม่เหลือเอกลักษณ์อะไรให้เป็นของตัวเอง" แต่ในด้านบวกที่เขาพูดถึงบ๊อบก็มี..ว่า พูดได้ตรงดี ว่า ไวน์ดี อยู่ที่ไหนก็ดี ไม่ว่าในแก้ว ในถัง ในแท้งค์ และ บ๊อบรู้จักให้คำที่วิลิศมาหรา จนคนอ่านเคลิ้มตามไปในอารมณ์ เมื่อข่าวของการวิจารณ์ของทิม ไวท์ ถึงหูบ๊อบ เขาตอบแบบทันทีว่า.. "นักหนังสือพิมพ์(ไวน์)ออสซี่ทั้งหมด..ถูกซื้อไปแล้วโดยสี่บริษัทไวน์ยักษ์ใหญ่  ไม่มีความเป็นกลางเหลืออยู่ร๊อก.." จากคุณ : WIWANDA - [ 30 มิ.ย. 49 00:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ฮี่ๆๆๆๆๆ นั่งยิ้มกริ่ม (เพราะตามอ่านทันแล้ว) รอป้าวิค่ะ จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 30 มิ.ย. 49 10:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขออนุญาตมาตอบคุณพี่วิโรจน์นิดนึง ไวน์ชิลีที่เฮียรอธไชลด์เขาไปร่วมด้วยอีกตัวที่ผมไปเจอ มันชื่อว่า MAPU ครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 49 10:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณสื่อศิลป...ครับ ผมว่าน่าจะเป็น EPU ...ใช่ตัวนี้หรือเปล่าครับ Epu 2000 Vina Almaviva, Santa Rosa Puente Alto, Maipo Valley Valle Central, Chile Rate: 90 ...สีแดงสด...เข้มปานกลางออกมาทางลึก ...กลิ่นผลไม้แดงไม่สุกนัก พร้อมรากไม้เขียวโปรยมาพร้อมความเย็น ...หนังเหนียวอมเปรี้ยวปะปนกับโคลนเขียว พริกไทยสด...และธูปแห้ง ...มีซากกากน้ำตาลทรายตกค้างเล็กน้อย ...โชยความหอมของกาแฟสดและโอ๊กสวยดี ...มีความหลากหลายในกลิ่นดีมาก ... โครงเนื้อนั้นหนา แน่น เต็ม หยาบในระดับปานกลาง ...แอซิดิตี้และความลงตัวดี สมดุลดีมาก สดชื่น อร่อย ...แอลกอฮอล์สูงปานกลาง จบสวย ยาวปานกลาง ...หลังสร้าง Almaviva จนกระฉ่อนโลก ...ความร่วมมือครั้งใหม่จาก Baron Philippe de Rothschild ...และ Vina Concha y Toro จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ...ด้วย Epu อันหมายถึง “The Second” ...โดยใช้ Cabernet Sauvignon เป็นโครงหลัก ...ร่วมกับ Carmenere อีกเกือบหนึ่งในสาม ...หมักในโอ๊กใหม่เกือบปีครึ่ง ...นี่คือส่วนผสมอันลงตัวของกรรมวิธีผลิตไวน์แบบฝรั่งเศสแท้ ...บวกกับผืนดินอันสมบูรณ์สุดแห่งทวีปอเมริกาใต้ ...ไวน์หายากตัวนี้...แม้เป็นแค่ไวน์เบอร์สอง ...แต่วันหนึ่งข้างหน้า...จะยืนเคียงไหล่ไวน์หลักได้อย่างไม่ขัดเขิน จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 มิ.ย. 49 12:59:21 ]

ความคิดเห็นที่ 119 Almaviva จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 มิ.ย. 49 14:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 120 แป่วววววววววววววววว อีกแล้วครับท่าน ความจำสั้น มันก็ได้แค่นี้แหละครับ เอ้อ เรื่องดีวีดี ปรากฎว่าเจ้าโน๊ตบุคมันหัวดีกว่า อ่านออกแล้ว แต่มันระบุผลออกมาว่า สาเหตุของปัญหา คือ เรื่องการข้ามโซนนั่นแหละ ตัวแผ่นมันโซน 1 สหรัฐฯ  ส่วนหัวอ่านมันโซน 3 เอเชีย มันก็เลยพูดปะกิตติดๆ ขัดๆ อยู่ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 49 16:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อีกเรื่องนึง ไม่เกี่ยวกะไวน์ แต่เกี่ยวกะสงครามโลกครั้งที่ 2 ขอโดดประเด็นกระทู้หน่อยแล้วกัน เรื่อง The Sun เป็นเรื่องเกี่ยวกับจักรพรรดิฮิโรฮิโตในช่วงที่แพ้สงครามกับการตัดสินใจยอมรับแนวทางรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ให้ลดตัวเองลงมาจากเทพเจ้า กลายมาเป็นปุถุชนธรรมดา หนังเรื่องนี้สร้างโดยทีมภาพยนต์ของรัสเซีย ตัวแสดงญี่ปุ่นก็เอาญี่ปุ่นแสดง  เพราะเอกลักษณ์มันชัดเจนอยู่ แต่สงสัยว่าตัวแสดงที่เล่นเป็นอเมริกัน ไม่รู้ว่าเขาเอารัสเซี่ยนแสดงเองหรือเปล่า เพราะหน้าตานายพลแมคอาเธอร์ มันพิกลอยู่ พอดีได้ดูดีวีดีเรื่องนี้ได้วันเดียว ทางกรุงเทพธุรกิจเขาก็เอามาเขียนถึง เลยสบายไป ได้รู้ว่าคนอื่นเขาวิจารณ์ยังไง ก็เป็นไปยังที่เขาว่า คือ เนื้อเรื่องชวนหลับเป็นที่สุด เพราะธีมหลักของเรื่อง ไม่ได้เน้นฉากสงครามโครมครามอะไรกัน กระทั่งจะแทรกมาให้ตื่นเต้นเหมือน Down Fall ก็ไม่มี แต่เนื้อหาและอารมณ์หนังทั้งหมด เพ่งไปที่ตัวของฮิโรฮิโต ที่ผู้สร้างพยายามสร้างให้เห็นถึงความเป็นคนธรรมดาของจักรพรรดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาของชาวญี่ปุ่นยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสนใจในชีววิทยา ขนาดขึ้นจากบังเกอร์มาดูปูดองในโหล หรือ ทหารญี่ปุ่นที่ยังขนขวดดองสัตว์น้ำต่างๆ มาให้พระองค์ชม ยิ่งตอนที่เชิญ ผอ.สถาบันฯมานั่งคุยเรื่องของ "แสงเหนือ" นี่ยิ่งหนัก  เพราะขณะที่สถานการณ์กำลังลำบาก กลับสนพระทัยว่า แสงเหนือ มีจริง หรือเปล่า เพราะเคยได้ยินแต่ปู่เล่าให้พ่อฟัง ไม่เคยเห็นเอง หนังยังทำให้ท่านดูธรรมดาอีกในตอนที่จักรพรรดิ์อนุญาตให้ช่างภาพอเมริกันมาถ่ายภาพพระองค์ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกและเป็นไปไม่ได้ของราชสำนักญี่ปุ่น ขนาดที่ว่าตอนที่ช่างมาเตรียมถ่ายภาพ ต้องมีราชเลขาเดินลงมาจัดระเบียบช่างภาพ ด้วยมาดที่ดูสง่า ทำให้ช่างภาพเข้าใจว่าเป็นองค์จักรพรรดิ์เสียเอง จนทำให้แตกแถวต้องเอา สห.มาห้ามกันใหญ่ แล้วตอนนั้นเอง ที่จักรพรรดิ์เสด็จลงมาโดยไม่มีใครรู้จักและสนใจ เพราะกำลังเถียงกับ สห.ถึงตำแหน่งยืนถ่ายภาพที่ทางทหารระบุว่าต้องห่างจากพระองค์ไม่น้อยกว่าเมตรครึ่ง ทั้งๆ ที่ฮิโรฮิโต มายืนฟังการโต้เถียงอยู่จนแทบจะติดช่างภาพอยู่แล้ว หรือตอนที่ล่ามทหารอเมริกันครึ่งญี่ปุ่น (น่าจะเป็นพวกฮาวาย ที่มีลูกครึ่งญี่ปุ่นอยู่เยอะ) กระซิบกับองค์จักรพรรดิ์ตอนที่กำลังจะเจรจากับนายพลแมคอาเธอร์ว่า ท่านกรุณาใช้ภาษาญี่ปุ่น เพราะการที่จักรพรรดิ์พูดภาษาอังกฤษ จะทำให้ดูด้อยลง แต่ฮิโรฮิโต ก็ไม่ยอม  ยังคงพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นกับแมคอาเธอร์อยู่นั่นเอง ช่วงสุดท้ายของหนัง บ่งบอกถึงการตัดสินใจของฮิโรฮิโต ถึงสถานภาพของจักรพรรดิ์ตามรัฐธรรมนูญแบบใหม่ที่อเมริกันจะร่างให้ โดยเน้นอารมณ์ของจักรพรรดิ์ว่าต้องการอยู่คนเดียว และนั่งเขียนไฮกุอยู่เงียบๆ แต่ไฮไลต์อยู่ฉากสุดท้าย ตอนที่จักรพรรดินีและพระโอรส มาพบ ซึ่งสร้างความเบิกบานใจให้กับฮิโรฮิโต จนอดพระทัยไม่ได้ ต้องเสด็จออกไปพบที่ห้องโถง ขณะนั้นต้องเดินผ่านราชเลขา คนใกล้ชิด ท่านก็ถามถึงการทำสำเนาเทปเสียงที่ประกาศการยอมแพ้ของญี่ปุ่น ราชเลขาฯตอบกลับมาว่า การทำสำเนาบันทึกเสียงเรียบร้อยดี และวิศวกรผู้ดำเนินงาน ได้ประกาศว่า ขอทำฮาราคีรีตัวเอง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจนี้ ด้วยความตกตะลึง ฮิโรฮิโต ถามกลับไปว่า แล้วท่านได้ห้ามเขาหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ เกี่ยวกับไวน์ไหมเนี่ย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 30 มิ.ย. 49 16:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ไม่เกี่ยวกับไวน์ครับคุณสื่อศิลป (สื่อศิลป)แต่เกี่ยวกับคุณ SO FATman&little BOY ที่พี่วิโรจโล่งอกไงครับ FATman ลงฮิโรชิม่า littleBOY ลงนางาซากิ ฮิโรฮิโต เลยยอมแพ้ครับ แจมถูกที่ไหมนี่... จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 30 มิ.ย. 49 18:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 123 Chris Ringland  เจ้าของไวน์ Three Rivers Shiraz ของออสเตรเลีย ... แต่ต่อมาใช้ชื่อของเขาแทน เนื่องมีชื่อไวน์ที่ซ้ำกันในอเมริกา จากคุณ : sofatboy - [ 30 มิ.ย. 49 20:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 124  เข้ามาตอกบัตรครับ เห็นที่แช่ไวน์แบบแหวกแนวเลยเอามาแปะครับ   ไม่รู้จะมีใครสนใจหรือเปล่า http://www.grilllovers.com/shopItemDetail.aspx?ItemID=7791311 จากคุณ : sofatboy - [ 30 มิ.ย. 49 20:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 125 พี่วิครับ... ...ไอ้เจ้า wine pocket pc ....... เปิดขึ้นมาแล้วก็หาได้หมด นับเป็นหมื่นรายการสารพัด พร้อมแต้ม..พร้อมรีวิว.. ...มันสามารถ Update ข้อมูลได้หรือเปล่า ทำได้อย่างไร แบบไหนครับ ? จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 มิ.ย. 49 21:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 126 พี่วิ... แล้วที่อ่าน... "เช้าวันนี้อ่านข่าวของคุณคิม ว๊าชไวทซ์ เรื่องให้ความเห็น แนะนำไวน์โลกเก่า โลกใหม่ด้วย.. เห็นว่าจะเปิดโรงเรียนสอน.." ...อ่านจากที่ไหนครับ รบกวนขอแหล่งที่มาหน่อยครับ ...เพราะผมเคลือบแคลงมาก ...กับ Role เทือกนี้ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 มิ.ย. 49 21:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ตอบคุณวิโรจค่ะ wine pocket pc อัฟเดทข้อมูลไม่ได้ เพราะมันมีเมมโมรี่ของมันอยู่แล้ว..และมีไว้เพื่อทบทวนความจำกับไล่หาในสิ่งที่เราไม่รู้..หลายขนาด ถ้าแพงหน่อยก็จะมีบัญชีไวน์มากขึ้น แต่บางอันพี่ไม่จำเป็นต้องใช้ เพราะไวน์หลายชนิดในนั้นในอเมริกาไม่มีขาย ใช้ถ่าน สามเอ..สะดวกดีค่ะ   แต่จะซื้อเป็น software ไปลงใน pkpc ของเราก็ได้ http://www.pocketgear.com/software_detail.asp?id=10626 สนใจป๊าววว?? อ่านเรื่องคุณคิมที่นี่ค่ะ.. http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9490000084318 จากคุณ : WIWANDA - [ 30 มิ.ย. 49 22:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ป่าว แย่งหน้าที่ นา คับ   (รูปจาก manager) คิม ว๊าซไฟท์ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 1 ก.ค. 49 00:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ....เช้าวันนี้อ่านข่าวของคุณคิม ว๊าชไวทซ์ เรื่องให้ความเห็น แนะนำไวน์โลกเก่า โลกใหม่ด้วย... พี่วิ... ...เรื่องนี้น่าเบื่อมากเลยครับ (ถ้าอยากรู้...ขอหลังไมค์แล้วกัน) จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 1 ก.ค. 49 08:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 130 งั้นหลังไมค์มาเลยน้อง..อยากรู้ง่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.ค. 49 10:47:10 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เฟี้ยว...ไปแล้วครับ...พี่วิ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 1 ก.ค. 49 11:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เนื่องจากภาพใน คคห ที่ 128 ขอเรียนว่า การวางไวน์นั้นถือทักษะในการค้ามากกว่าการรักษาไวน์ที่ถูกต้อง ไปที่ไหนในเมืองไทยก็เจอแบบนี้ทั้งนั้น คือหัวตั้งขึ้น..เพื่อให้คนเห็นฉลาก และวางเป็นร้อยๆขวดก็แบบนั้น.. ความจริงแล้ว..เขาจะวางตั้งขึ้นขวดเดียว(ถ้าจำเป็น) เพื่อตัวอย่าง ที่เหลือจะเอาวางนอนราบ..ไม่ใช่วางแบบเดียวกันทั้งหมด ยิ่งสมัยนี้ เขาวางแบบนี้กันแล้วค่ะ ถึงจะรู้ว่าแน่จริง.... http://www.winemastercellars.com/CommSlides.html จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.ค. 49 12:30:08 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ...พี่วิครับ ...ในความเห็นส่วนตัวของผม (...คนเดียว) ...บุคคลากรในทุกอณูที่เกี่ยวข้องกับวงการไวน์...ในเมืองไทย ค่อนข้างจะทั้งอ่อนด้อยและขาดแคลนทั้ง Knowledge และ Knowhow ...ผู้บริโภคส่วนหนึ่ง (...ซื่งคือส่วนใหญ่) ไม่ได้รับทราบความเป็นจริงในคุณภาพผลิตภัณฑ์ ...สื่อส่วนหนึ่งเกี่ยวกับไวน์เท่าที่มีอยู่ ก็ดักดาน...ดื้อด้าน (ตามนิสัยหลักที่มักอวดดีแบบไทยๆ) ...สื่ออีกส่วนก็เป็นเครื่องมือทางการตลาด..ที่เลือกซื้อหามาใช้บริการได้ ...อยากได้อะไร...บอกมา ไม่อยากให้พูดอะไร...ก็บอกมา ...ตรงจุดนี้แหละครับที่ทำให้วงจรอุบาทว์โผล่ขึ้นมาวาดลวดลายได้ง่าย ...และบ่อยครั้ง...จับดมได้ยาก (โดยผู้โภคตาดำๆ) ...เฮ้อ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 2 ก.ค. 49 17:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ขึ้นกระทู้ใหม่ได้แล้วมังคะ... ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ K4503278 จากคุณ : WIWANDA - [ 3 ก.ค. 49 11:11:31 ]