copied from PANTIP.COM : K4503278 เส้นทางไวน์.... ในสายทางประวัติศาสตร์ ตอนสิบสาม{แตกประเด็นจาก K4469869} [ประวัติศาสตร์]

ความคิดเห็นที่ 15

พูดถึงของมีค่าควรเมือง (ไม่ใช่เมืองเรานะ แต่เป็นเมืองฝรั่งเศส) คือ มูตอง 1945 นั้น..แทบจะเหลือแต่ชื่อแล้วค่ะ
หรืออาจได้เห็นแต่ภาพ เมื่อประมูลคราวที่แล้ว ราคาตั้งไว้
แค่ $ 4,400.00 แต่ไม่มีใครซื้อ..

ไม่ใช่ว่าไม่มีเศรษฐีใจป้ำ หากแต่เบื้องหน้าเบื้องหลังมันมีมากมาย..จนผู้คนสับสน
ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องนี้ ต้องไปอ่านเรื่องไวน์ ไวน์ที่เคยเขียนไว้ก่อน..
จะย่อๆให้ฟัง..ว่า..ฝรั่งเศสบอบช้ำมาตั้งแต่ ก่อน 1914
หรือสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วยซ้ำ (ตอนนั้นเรียกว่า
The Great War) สงครามครั้งนั้น จบลงเมื่อปี 1919
ลูกเด็กเล็กแดงยังไม่ทันโต..ก็มาต่อด้วยสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 1939 ห่างกันแค่ยี่สิบปีเอง..
ซึ่งครั้งที่สองนี้..ตั้งท่าเสียดิบดีว่าจะสู้ แต่พอเห็นรถถังเยอรมันไหลบ่าเข้ามา..ชาวฝรั่งเศสบอกว่าไม่ไหวแล้ว..ขอยอมแพ้ให้เยอรมันเข้ามาอย่างง่ายๆ แทบไม่มีการสู้รบ
ยกเว้นแต่เลือดรักชาติจริงๆอย่าง นายพล ชารลส์ เดอ โกลล์ ที่ไปอยู่ตั้งรัฐบาลอิสระที่อังกฤษ ทำงานใต้ดินกับหน่วยเสรีฝรั่งเศส
ในยามนั้น ธุรกิจไวน์ทั้งหมดหายวับไปกับตา เพราะนาซีเข้ามาคุม และรีดส่วยไวน์ส่งไปเบอร์ลินแทบทั้งหมด
ยิ่งไวน์ตระกูลรอธส์ไชลด์ด้วยแล้ว..ยิ่งโดนหนัก เพราะว่าเป็น"ยิว" ที่จะต้องถูกยึดทรัพย์เข้าคลังเยอรมัน นอกเหนือไปจากการส่งตัวเจ้าของไปเข้าค่ายนรก
ท่านบารอนฟีลลีป แห่งมูตอง ต้องยอมยกทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่มี ก่อนออกนอกประเทศ(ไปอังกฤษ)เพื่อแลกกับชีวิต และได้ไปเพียงคนเดียว ลูกสาวและเมียยังต้องซ่อนตัวอยู่ในปารีส..

ไร่ไวน์มูตอง..รัฐบาลวีชี่ของจอมพลเปเตน ได้ช่วยเหลือโดยการนำไปจดทะเบียนว่าเป็นทรัพย์สินของรัฐ ที่โดยข้อสัญญาภาคีกับนาซี ถือว่า จะมายึดครองไม่ได้..
การทำไวน์ในช่วงของการรีดส่วยให้กับนาซี จึงเป็นไวน์ชั้นเลว จนถึงเลวที่สุด หมายถึง จาก 1939-1945 ที่เยอรมันยอมแพ้ในเดือน พฤษภาคม นั้น เรียกว่าก่อนลาจากก็ไม่ใช่ว่าจะไปง่ายๆ อาละวาดทำลายสุดฤทธิ์เช่นกัน
มีการวางทุ่นระเบิดทั่วไปในปารีส และท่าเรือบอร์คโดซ์
เรื่องราวในตอนนี้..สนุกมาก ถ้าใครสนใจอ่านหนังสือ
เอกสารสงคราม..

จากคุณ : WIWANDA - [ 3 ก.ค. 49 23:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16

ปี 1945 ที่ฝรั่งเศสได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสรภาพนั้น
มันล่วงเลยมากลางปีเข้าไปแล้ว..องุ่นออกมาดีจริง แต่เป็นไปตามอัตภาพเพราะเนื่องจากไร่ขาดการดูแลมานานหนักหนา ปุ๋ยไม่มี คนงานที่ช่ำชองไม่ไปออกศึกชายแดน หรือไม่ก็ถูกเข้าค่ายนรกกันหมด
ไวน์ที่สามารถเข็นออกมาได้ คือไวน์ที่ทำด้วยความปิติ
ยินดี เพราะเหมือนกลับมาเกิดใหม่จากความหวังที่ได้ดับสูญไปแล้ว..
มันเป็นไวน์แห่งชัยชนะ เป็นไวน์แห่งอิสรภาพของบ้านเมือง รสชาติจึงได้เลอเลิศกว่าไวน์ไหนๆในโลก
(ลองนึกและจินตนาการเอาใจเขามาใส่ใจเรา)
และเป็นไวน์ที่แน่นอน..ย่อมดีกว่าปีก่อนๆ นับไล่มาจาก 1939 ที่ถือว่าเป็นไวน์ส่วยนาซี

คนที่ทำไวน์ปีนั้นก็เป็นเพียงคนงานแก่ๆที่เหลือเพียงหยิบมือเดียว..ทำออกมาได้ไม่กี่ถัง
แต่คนที่ดีใจที่สุด และต้องกลับมาแจกไวน์ทดแทนบุญคุณของใครต่อใครสารพัด คือ ท่านบารอนฟีลลีป นั่นเอง
ตัวท่านบารอน นั้นมีทั้งทุกข์และสุข ได้และเสีย..
เสีย..คือ ต้องเสียศรีภรรยาไป เนื่องจากพอนาซีเริ่มรู้ตัวว่าแพ้ อีกทั้งสายข่าวกรองมาว่า..ตัวบารอนที่ออกไปอยู่อังกฤษนั้น ได้เข้าร่วมรบประจำการกับกองทัพอากาศ
อย่างเต็มความสามารถ
ดังนั้น หน่วย SS จึงไปจับตัวบารอนเนสเอาไปทรมานในค่ายนรก และเสียชีวิตที่นั่น ก่อนฝรั่งเศสจะได้รับการปลดปล่อยในไม่กี่วันเอง..
ไวน์ในถัง..ของปีนั้น คือ 1945 (ที่มาบรรจุขวดในสองปีต่อมา) ได้รับไอเดียริเริ่มเป็นปีแรกจากท่านบารอน ในการที่จะใช้ศิลปินชื่อดังมาออกฉลากไวน์ในแต่ละปีต่อมา..
อันเป็นธรรมเนียม ยกเว้นอยู่ปีเดียว คือปี 1977 ที่
สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่สอง และควีนมัม ได้เสด็จไปเยือนถึงไร่เป็นการส่วนพระองค์
(เอ้า..ไปอ่านในเรื่องลอดลายรั้ว..วินด์เซอร์ เขียนไว้แล้ว)
ฉลากจึงออกมาเป็นรูปมงกุฏเพื่อเป็นการเถลิงพระเกียรติ

ดูได้ที่นี่..ถึงปีต่างๆของรูปแบบฉลากและคนออกแบบ

http://www.mcnees.org/images/wine/labels/Mouton_Rothschild_Label_Library.htm

จากคุณ : WIWANDA - [ 4 ก.ค. 49 00:12:40 ]

ความคิดเห็นที่ 17

ไวน์มูตองจึงเป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงและกล่าวขวัญถึงแต่ในด้านดีๆ เพราะเหมือนกันมีเทวดาประจำเมืองมาช่วยไว้
ทั้งไร่ และเจ้าของ ส่วนเรื่อง รสชาติ..ค่อยว่ากันทีหลัง
ในยามนั้นจะไปสรรหาของดิบของดีมาจากไหน..เพราะกว่ามูตองจะมาทำการปรับไร่ เลาะเศษอาวุธ เศษดินปืนทิ้งไปหมดก็หลายปีอยู่
ใครต่อใครอยากได้มาเก็บไว้บูชาเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ ยิ่งพวกที่เป็นทหารผ่านศึกสงครามมาด้วยแล้ว..
อยากได้กันเหลือเกิน

แต่ส่วนใหญ่ได้ไหลทะลักไปอภินันทนาการผู้มีพระคุณในลอนดอนเกือบหมด..
เหลือไว้ดูเล่นก็ในมิวเซียม หรือ ลูกหลานผู้ดีตกยากนำออกมาจากตู้โชว์มาเร่ขาย..

คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรงอย่างไทย..
ไม่เข้าใจ..เห็นเขาอยากได้กันก็พากันไปลือว่ามันดีเยี่ยมดีเลิศอย่างโน้นอย่างนี้..ฝอยกันฟุ้งจนกลายเป็นไวน์เทวดาไปโน่น..

จากคุณ : WIWANDA - [ 4 ก.ค. 49 01:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 25

ยังมีอีกเป็นกะตั๊ก..แม้แต่เรื่องคุณนายนาซีที่เอามาเล่า..ก็ทำเป็นหนังแล้วด้วยละ..

เอาละนะ พอก่อนเรื่องหนังเดี๋ยวคนอ่านเรื่องไวน์จะเซ็ง..
แต่ไหนๆเล่าถึงนี่แล้วก็จะเล่าต่อถึงเรื่องมูตอง 1945 ให้จบๆไปว่า..
ไวน์นี้ได้หลั่งไหลไปอยู่ในญี่ปุ่นมาก เพราะชาวญี่ปุ่นกำลังฮิตเรื่องไวน์ ไม่รู้ว่าไปอ่านเอาจากที่ไหน หรือไปได้ยินใครเขาพูดกัน..ปรากฏว่ามีขายในญี่ปุ่นแบบเป็นเรื่องเป็นราว
ทราบจากตัวแทนที่เล่าให้ฟังว่า..เขาบินไปเหมาซื้อถึงที่ราวกับพากันไปขุดสมบัติพระศุลี
และดูเหมือนกับว่าเป็นของโก้..ที่มีในครอบครอง เพื่อจะเอามาบลัฟกันได้ ว่า
ข้าแน่เฟ้ย..
น่างงไหมเนี่ย..???

เพราะไวน์นี้คือ ไวน์แห่งการเฉลิมฉลองอิสรภาพของฝรั่งเศสที่ชนะสงคราม ถึงได้มีรูปตัว V บนฉลากด้านบน พร้อมทั้งการประกาศว่า เป็นปีแห่งชัยชนะ..
แต่นั่น..มันหมายถึงความพ่ายแพ้อย่างยับเยินของชาวอาทิตย์อุทัย ที่ต้องโดนระเบิดนิวเคลียร์ถึงสองลูก
ในสองเมือง คือ ฮิโรชิมา และ นางาซากิ
เป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป เพราะการทำศึกที่ "ไม่รู้เขารู้เรา"

ใครจะนึกว่า ลุงแซมจะกกระเบิดเอาไว้..ทั้งๆที่ในปี
1939-41 ตอนที่เยอรมันบุกโปแลนด์ ต่อด้วยรัสเซีย..
ทหารม้าคอสแซคออกมาวิ่งปุเลงๆ ไล่ยิงรถถังอยู่เลย
ปรากฏว่าโดนนาซีสอย..ตายเป็นเบือ คิดดูแล้วกันว่า
โบราณขนาดไหน..

แต่ในที่สุด..ระเบิดสองลูกนั่นก็ได้สยบเวทีสงครามแปซิฟิคไปอย่างสงบเสงี่ยมในปี 1945 เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าเจ็บปวดและสูญเสียของญี่ปุ่นอย่างไม่มีอะไรมาเทียบได้

เลยทำให้นึกภาพไม่ออกว่า..พี่ยุ่นจะเอาไวน์มูตอง 1945
ไปทำอะไร เพราะเวลาที่เขาเปิดกินกัน..เขาจะชูแก้วขึ้นและตะโกนก้องว่า
"Salut a l'annee de la victoire" แปลว่า..
"ขอดื่มให้กับปีแห่งชัยชนะ" ไชโย ไชโย๊..อะไรทำนองนั้น

แล้วพี่ยุ่นจะมาร้องอะไร หรือจะดื่มเพื่ออะไร ในเมื่อมันจะเหมือนกับไปตอกย้ำความหลังแห่งความสูญเสีย..

หรือ พวกเขาอาจถูกปิดกั้นไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ในช่วงนี้กันแน่ ??

ไม่เชื่อไปดูในเวบขายไวน์ของเขาซิ..

http://www.price-navi.jp/h/gourmet-drink/hikaku.0.1.html?k=CH.Mouton+Rothschild+1945&d=0608&p=9

จากคุณ : WIWANDA - [ 4 ก.ค. 49 12:17:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26

เห็นด้วยครับพี่วิโรจ แต่คืนนี้ผมว่ากว่าจะผ่าน Amarone Della Valpolicello Dal Forno Romono 1997 ไปได้ก็หนืดติดคอแถมช่วงจบยาวแน่ (ถึงขั้นดวลจุดโทษ)

พี่วิโรจ..มีรูปมาให้ดูแล้วไม่มี Tasting Note ผมถือว่าผิดกฏครับ ผมรออ่านฟรีอยู่นะครับ ส่วนในหนังสื่อที่พี่เขียนผมก็ซื้อมาอ่านครับแต่มันน้อยและคอยนาน(เดือนละครั้ง)

พี่วิ..ครับ
ผมว่าปีบอลโลกกับปีไวน์นี่มีอะไรที่เกี่ยวพันกันอยู่นะครับ นับจากปี 1966,1970,1974,1978,1982,1990,1994,1998และ2002 ล้วนแล้วแต่เป็นปีที่ไวน์(เฉพาะไวน์โลกเก่า) ดี ดีมาก ดีเยี่ยม ถึงดีที่สุด ยกเว้นปี 1974 ปีเดียวเท่านั้นที่ไม่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้นผมขอฟันธงว่าปี 2006 จะเป็นปีที่ไวน์ไม่ดี เหตุผลเดียวกันกับปี1974 คือ เยอรมันเป็นเจ้าภาพและได้แชมป์โลก น่าสงสารผู้ผลิตไวน์จริงๆ
อย่าซีเรียสครับท่าน ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ จะได้มีแรงไว้ดื่มไวน์นะครับ

พี่วิ..สบายดีนะครับ

จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 4 ก.ค. 49 12:30:13 ]

ความคิดเห็นที่ 27

แหม พี่ก็ เรื่องแหกคอก แหกกระทู้ ตะแบงไปเรื่องที่เขาไม่คุยกันเนี่ย

ผมถนัดนักแล

เห็นไหมละ ถึงจะคุยเรื่องไวน์ แต่ก็วกมาที่สงครามโลกจนได้เหมือนกัน

เรื่องบาดแผลสงครามนี่ไม่ต้องห่วงครับ

มีแต่ประชาชนพลเมืองที่โดนลูกหลง หรือมีญาติรับเคราะห์กรรมไปทั้งๆ ที่ไม่รู้อิโหน่เหน่เท่านั้นแหละ

ที่เขาจะจดจำยาวนานประมาณว่าเล่ากันไปถึงลูกถึงหลาน

แต่นักการเมือง ผู้ก่อสงครามนั้น ไม่มีปัญหา

พร้อมจะลืมทุกอย่างได้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว

ก็วันนี้หนังสือพิมพ์ยังลงข่าวเลยว่า เรือกวาดทุ่นระเบิดของมะริกัน ไปจอดเทียบที่ท่าเรือเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีต่อกันระหว่างสองประเทศ

ดูข่าวแล้วนึกถึงเรื่องที่คุณจีระนันท์ พิตรปรีชา เขียนเล่าไว้ในหนังสือ "อีกหนึ่งฟางฝันฯ "จริงๆ

เธอเล่าว่า ตอนที่ไปติดแหงกอยู่ฮานอยนั้น เคยได้ไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์สงคราม แล้วได้เห็นอุปกรณ์อะไรบางอย่างที่ฝรั่งเศส นำมาใช้กับสตรีเวียดนาม เพื่อรีดความลับเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเวียดมินห์

นั่นคือกาละมังคว่ำที่ฝังใบมีดโกนเอาไว้

โดยมีฉลากกำกับการใช้อุปกรณ์ชิ้นนั้นไว้ว่า

สตรีเวียดนามท่านใดที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นเวียดกง หรือล่วงรู้ข่าวสารของขบวนการเวียดมินห์แล้วไซร้

จะต้องถูกตำรวจฝรั่งเศส

(จริงๆ กระทรวงอาณานิคม จะจ้างพวกอดีตตำรวจเก่ามาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในอาณานิคมนี่ต่างหาก ไม่ได้เทียบขั้นเทียบยศ หรือประจำการด้วยศักดิ์และสิทธิเท่าเทียบกับข้าราชการในเมืองแม่แต่อย่างใด)

นำอดีตสตรีท่านนั้น(เพราะตอนกลับออกไปคงไม่เหลือสภาพสตรีเท่าไร) มานั่งคร่อมกาละมังไปใบนั้น เพื่อรีดความลับออกมาให้หมดจนกว่าเจ้าอาณานิคมจะพอใจ

ฟังแล้วสยองดีเนอะ

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 4 ก.ค. 49 12:47:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30

ลูกค้าหนูที่ลันดั้น delay palyment ไปอีกเจ้าละสองสามวีค

ไม่รู้จะทวงจะด่ากันยังไง

เพราะอีไม่ยอมรับว่าเสียพนันบอล

แต่อีบอกว่าเอาไปช่วยงานการกุศล....??

พี่วิขา ขอรบกวนพื้นที่กระทู้ไวน์โพสต์เรื่องไร้สาระ พอเป็นกระสายนะคะ

หากไม่ได้โพสต์อะไรเลย หนูคงอกแตกตายภายในเร็ววันนี้แล้วละค่ะ

เหตุเนื่องมาจากที่กระทู้ยังเติร์กอันเป็นที่รักของหนู หนูคงโพสต์อะไรที่ไร้สาระไม่ได้อีกแล้วละค่ะ

เพราะมีคนขู่ไว้ว่า ถึงร้อยเมื่อไหร่ แล้วจะเลิก

ด้วยเหตุนี้ สมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย จึงไม่กล้าโพสต์อะไรให้มันเกะกะ ยุ่มย่าม รำคาญตา

เนื่องด้วยกลัวว่ากระทู้จะถึงร้อยเร็วเกินไป

หากพี่วิ จะกรุณาสงเคราะห์ผู้เล่นกระทู้ตาดำๆอย่างหนู

ขอให้พี่วิ ตั้งกระทู้ยังเติร์กไปเรื่อยๆนะคะ

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 4 ก.ค. 49 22:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 31

มีโอกาสได้อ่าน wine notes ในนิตยสาร cuisine อยู่บ่อยๆค่ะ

ก็ได้แต่สัยสัยว่า กลิ่นหอมต่างๆ ของ wine ที่ผู้เขียนบรรยายไว้ เป็นกลิ่นที่มีจริงในธรรมชาติหรือเปล่า

หรือเป็นกลิ่นที่อยู่แอบซ่อนอยู่ในจินตนาการของผู้เขียนเอง

เพราะกลิ่นบางกลิ่น ที่ท่านบรรยายไว้ ยังนึกไม่ออกเลยค่ะว่า เราจะไปได้กลิ่นอย่างว่ามาจากที่ไหน

อย่างเช่น หอมกลิ่นโคลนเขียว ผสมพริกไทยเงี๊ยะ

คนอ่าน ก็นึกจินตนาการอยู่ตั้งนานว่า ไอ้โคลนเขียวเนี่ย มันมีอยู่ที่ไหนในโลกนี้

ทำยังไง เราถึงจะได้มีโอกาสไปสูดดมกลิ่นหอมของมันบ้าง

หรือต้องตามไปดมที่ดาวอังคาร?

แล้วถ้าต้องมาผสมกับกลิ่นพริกไทยล่ะคะ จะออกมาเป็นยังไง

พริกไทยขาว หรือว่าพริกไทยดำ หรือ green pepper ?

อุ๊ย สาระพัดที่จะนึกตามค่ะ

อ่านไป จินตนาการไป ท้องก็หิ๊ววววว หิว

บางที อ่านยังไม่ทันจบ ก็มึนซะแระ

เพราะไอ้ที่เอาจิบยามอ่านเนี่ยะนะคะ

บางครั้ง ก็ไม่เข้ากับรรยากาศการอ่านเอาซะเล๊ย

แต่พี่วิเคยบอกว่า ไม่เข้ากับชาวบ้าน...ช่างหัวมาน...!

แต่ขอให้เข้ากับกระเป๋าของเรา

เป็นอันใช้ด้ายยย

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 4 ก.ค. 49 23:33:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32

กาสะลอง..น้องเอย

คุณวิโรจน่ะ เขาอยู่ในแวดวงของผู้ชิมไวน์ที่เชี่ยวชาญ
ชนิดหลับตาเห็นภาพไร่ และ ได้กลิ่นดินเชียว..

มือใหม่หัดดื่มน่ะ..พี่ก็ไม่อยากให้ไปพะวงถึงเรื่องกลิ่น หรือ
พลอยไปคิดเปรียบเทียบให้วุ่นวาย..
ขอให้ลองแล้ว บอกกับตัวเองว่า ชอบหรือไม่..ก็เท่านั้น
ชอบตัวไหน ยามจะซื้อจะหาก็ไปหาประเภทเดียวกัน ใกล้ๆกัน จะได้ไม่ผิดหวัง..
แล้วยามว่างก็ไปค้นหา ประวัติอื่นๆของไวน์ตัวโปรดมาอ่านให้ซึมซับ ยิ่งรู้เยอะ จะยิ่งเซฟเงินในกระเป๋า

แต่ขอบอกก่อนว่า..ไวน์มือใหม่นั้น..ถ้าลองผูกตา ปิดจมูกและให้ชิมไวน์ขาว กับไวน์แดง..(ในอุณหภูมิเดียวกัน)แล้วให้ทายว่า แก้วไหนขาว
แก้วไหนแดง
คอไวน์หลายคนที่ชอบโวกันนัก..ยังทายไม่ถูก
เชื่อม๊ะเชื่อ..???

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 02:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33

ดวงของบ๊อบนี่ก็เริ่มมาตุปัดตุเป๋เอาตอนหลังๆนี่..บ้านที่แมรี่แลนด์ที่อยู่อาศัยใช้เป็นโฮมออฟฟิซ เป็นที่คอยรับไวน์ของใครต่อใครที่ขยันส่งมาให้ชิม..ทางไปรษณีดังที่เล่านั้น..เขาลืมไปสนิทว่า ที่รัฐแมรี่แลนด์กฏหมายย่อยต่างๆของการห้ามขาดสุรา ตั้งแต่ครั้งประเทศได้ตกอยู่ในช่วง Prohibition นั้นยังไม่ได้พิจารณาปรับยกเลิก
ดังนั้น..การซื้อขายหรือส่งเครื่องดื่มแอลกอฮอลข้ามรัฐจึงยังผิดกฏหมายอยู่ (ในปัจจุบันก็ยังไม่ได้ยกเลิก และยังมีอีกหลายรัฐที่อยู่ในข่ายที่ซื้อรับส่งข้ามแดนไม่ได้)

ในปี 1998 ที่อธิบดีกรมสรรพสามิต ของรัฐได้เกิดทำการตรวจสอบขึ้น เพราะเจอเข้าอย่างจัง..ว่า นายบ๊อบ ปาร์คเกอร์นั้น ได้กระทำการผิดกฏหมายมานานถึง 19 ปี
ถ้าจะพูดในแง่ของกฏหมายแล้ว..ผิดจริง..อาจต้องเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล และ ติดคุกหัวโต

เรื่องนี้"สายใน"เล่าให้ฟังว่า..วิ่งคดีกันตีนพลิก เรียกว่าถึงกับเข้าถึงคองเกรสให้ช่วยกันอย่างสุดฤทธิ์ ขนาดบ๊อบเองที่เป็นทนายแท้ๆยังแทบจนปัญญากับปัญหานี้ เหมือนกับปลามาตายน้ำตื้นดังสุภาษิต
เขาต้องวิ่งไปวิ่งมากับระหว่างแมรี่แลนด์และแอนนาโปลิส
เพื่อการสอบสวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กว่าจะได้รับการช่วยเหลือลงมาจาก"ใครบางคน" ที่หาทางออกให้ว่า..ให้ยกเว้นบ๊อบเสียคนหนึ่ง..ในฐานะ
"wine expert" และให้มีสิทธิเหมือนกับโรงพยาบาลที่สามารถสั่งซื้อเครื่องเวชภัณฑ์อันมีส่วนผสมของแอลกอฮอลได้อย่างถูกกฏหมาย
"สายใน" ได้เล่าให้ฟังต่อว่า..ไม่รู้ว่า..งานนี้ต้องเป็นหนี้บุญคุณใครบ้าง..และจะมีการใช้กันอย่างไรก็ต้องคอยดูกันไป..

บ๊อบจึงรอดเงื้อมมือกฏหมายไปได้ ทั้งๆที่นี่คือการโอนอ่อนของกฏหมายอย่างไม่เคยมีในประวัติศาสตร์
ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้ว..บ๊อบสมควรต่อความผิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย..เพราะตัวเองเป็นทนายความย่อมรู้กฏหมายดีอยู่แก่ใจ..จะมาแก้ตัวว่าไม่รู้ อย่างคนธรรมดาไม่ได้ และไม่ใช่แอบส่งแอบรับอย่างเดียว ทางตำรวจสรรพสามิตยังได้ค้นประวัติว่า..ไปซื้อหามาจากวอชิงตัน ดีซีใส่รถขับข้ามรัฐมาบ่อยๆด้วย
(รัฐแมรี่แลนด์ กับ วอชิงตันดีซีนั้น ในความจริงคือแค่ถนนสองเลนกั้น)
หากแต่ในข้อกล่าวหานั้น ฟังดูน่ากลัวมากกก...

บ๊อบเองก็ขมขื่นมากกับเรื่องนี้..เขาเครียดจัด และให้สัมภาษณ์อย่างแค้นๆว่า..
"ให้ตายซิ..ไอ้บ้านเมืองนี้มันเป็นอะไรของมัน..โทษของการส่งไวน์ขวดหนึ่งมันมีค่าเท่ากับส่งปืนกระบอกนึงเลย
ที่ฝรั่งเศส ไวน์คือปัจจัยส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต จะกินจะดื่มจะอาบที่ไหนก็ได้ ไม่มีใครเขาว่าอะไร ผมละเบื่อ..!!"

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 03:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34

Salute....Italiano

แด่สองลูกสุดสวย...เมื่อยามตีสี่ครึ่ง

La Spinetta 2000
Barolo, Versu, Piedmonte, Italia
Rate: 94

“สีเนื้อน้ำดูแดงสด เข้มปานกลาง สว่างตามาก
ให้กลิ่นแน่นหอมหวานเจือผิวไผ่ เครื่องเทศเนียนหอมหวาน
แฝงกลิ่นน้ำมันกลีเซอรีนอ่อนๆ แต่โครงเนื้อกลับหนาเต็ม
ให้ความสดชื่นด้วยแอซิดิตี้สมบูรณ์แบบ ครบเครื่อง
ความกลมกล่อมและสมดุลออกมาในขั้นดีมาก แทนนินสูงแต่นุ่ม
ช่วงจบนั้นยาวแค่ปานกลาง เป็นไวน์ดื่มสนุก เร้าใจมาก”

...กับแค่องุ่น Nebbiolo อายุเฉลี่ยห้าสิบปี
...บนแปลงไร่ที่พร้อมใจหันหน้าลาดลงทิศใต้
...องุ่นทุกเม็ดเก็บด้วยมือ ปลอดสารเคมีและสิ่งแปลกปลอม
...บ่มด้วยถังโอ๊กฝรั่งเศสเต็มร้อย

...ไม่น่าเชื่อว่าจะแหวกขึ้นมา จนเป็นไวน์ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่ง Piedmont กับเขาได้

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 5 ก.ค. 49 07:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35

ทางด้านฝรั่งเศสในช่วงของปี 1990's มานั่น..ความสัมพันธ์ชั้นในกับอเมริกาง่อนแง่นมาก เพราะไม่ว่าทางรัฐบาลของบุช(ทั้งพ่อทั้งลูก) จะขอความร่วมมือในด้านการปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายอะไรแทบไม่ได้เลย..
ความร่วมมือที่ได้มานั้นแทบจะเป็นศูนย์

หันมาดูทางฝรั่งเศสบ้างว่า..สภาพบ้านเมืองและคนในประเทศก็ย่ำแย่ เพราะคนต่างชาติจากกลุ่มตะวันออกกลางนั้นมีมากมายจนเดินชนกัน เกิดความขัดแย้งบ่อยๆระหว่าง
ชนชั้นและสีผิว..เศรษฐกิจตกต่ำ อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น โจรผู้ร้ายชุกชุม
จนเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย 9/11 (2001) ขึ้นมา ฝรั่งเศสปฏิเสธการเข้าร่วมรบในอิรักอย่างหน้าตาเฉย..เพราะ
สภาพไม่พร้อม..
อีกทั้งพวกเขารู้สึกเบื่อเต็มที่..กับแผนของการ"รบนอกบ้าน" ของอเมริกา ที่ขยันทำศึกนัก ไม่เคยห่วงว่าบ้านเมืองใครจะเสียหาย..(แม่กระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง..นั่นก็ใช่) ฝรั่งเศสเกรงว่าตัวเองจะกลายเป็น"หญ้าแพรก"
ที่อยู่ตรงกลางระหว่างช้างสาร..
นี่คือที่มาของการขัดแย้งแบบเข้าขั้นแตกหัก ..

ดูได้จากการแข่งขันฟุตบอลที่ Stade de France เมื่อ
8 ตุลาคม 2001 กับทีม อัลจีเรีย
นักท่องเที่ยวอเมริกันโห่ไล่ทีมฝรั่งเศสกันกระหึ่ม

อาการชิงชังนี้ได้แพร่กระทบเข้าไปในเรื่องของธุรกิจไวน์ด้วย..สภาพการเป็นเจ้าบัลลังก์เริ่มง่อนแง่น รัศมีแห่งความยิ่งใหญ่ที่เคยมีมานานนับร้อยๆปีเริ่มอับแสง..เพราะมาเจอทีเด็ดของไวน์ในโลกใหม่ที่ใช้กลยุทธการ"รวมตัว"บุกแบบ
ไม่มีจังหวะให้ทันตั้งตัว..
หรือกลยุทธการทุ่มเงินลงทุนแบบ Gallo และ Mondavi
ที่ได้ใช้เวลาสร้างชื่อ ทุ่มทุนโฆษณาสร้างตลาด
หรืออย่าง Penfold's ที่ได้ไปกว้านซื้อไร่ไวน์ต่างถิ่น เช่น
Rosemount มาไว้ในครอบครองอีก ทั้งๆที่มีไวน์รองบ่อน ในนามของ Lindemans อยู่แล้ว..

เรียกว่าที่ไหนจะขายเพนโฟลด์ ต้องยกกระบิไปอีกสองยี่ห้อ..

เท่านั้นไม่พอ..บริษัทเบียร์ยักษ์ใหญ่ออสซี่ Foster's
ได้เข้ามากลืนกินกลุ่มไวน์ของนาปาไปด้วย นั่นคือ
กลุ่ม Beringer Blass และอยากทราบว่ากลุ่มนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน..ดูได้ที่นี่ค่ะ ว่า ครองอะไรไว้บ้าง..

http://www.beringerwineestates.com/wineries/index.html

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 07:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36

เมื่อโดนศึกหนักเข้าแบบนี้ ไวน์ฝรั่งเศสก็ซวนเซ เพราะไร่ไวน์เล็กๆแต่ละไร่นั้น ทำกันแบบต่างคนต่างอยู่ ยี่ห้อใครยี่ห้อมันมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยมีการรวมตัว
แถมบางไร่ พี่น้องกันแท้ๆยังทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายอีกต่างหาก

เมื่อปี 1982 ตอนที่บ๊อบได้ให้คะแนนไวน์บอร์คโดซ์แบบสะท้านแผ่นดินนั้น ได้สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล
ราคาไวน์ถีบตัวพุ่งพรวดๆ จนไม่จำเป็นต้องทำแบบขวดเล็ก
ออกมาอีกต่อไป..(ขวดเล็กคือขนาดครึ่งขวด ที่ออกมาขายแบบทดลองเป็นตัวอย่าง..ในปัจจุบัน ไวน์คาลิฟอร์เนีย
ได้ทำออกมาขายเกร่อ)

กระแสเงินตราที่หลั่งไหลอย่างมากมายมหาศาล จนสามารถดลบันดาลให้คนธรรมดากลายเป็นเทพเจ้าภายในเวลาอันสั้น..เลยเกิดคติขึ้นมาที่ทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจ นั่นคือ
" one palate, one system, one world"
เพราะ..มันช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน รอฟังความเห็นจากคนคนเดียว...ก็จบ..ไม่ต้องห่วงว่าใครจะคิดอย่างไร ไม่ต้องห่วงว่าเป็นไวน์โลกไหน..ถือเอาแต้มเป็นสำคัญ..

ตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา..ชาวบอร์โดซ์ไม่ต้องทำอะไรมากมาย..ทุกคนตั้งหน้ารอแต่การชิมของบ๊อบ เพื่อที่จะเอามาเป็นตัวกำหนดราคาขาย..นั่นหมายถึง en primeur
หรือไวน์ในถัง..
และถ้าชาโตไหนได้คะแนน 100 เต็ม นั่นหมายถึงราคาที่จะพุ่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ตลาดอเมริกาคือหัวใจของชาวบอร์คโดซ์ แต่ถ้าไม่มีแต้มที่ชัดเจนจากบ๊อบ การซื้อขายก็จะยังชะลอตัวอยู่
ฉะนั้น ภายในทุกปี ต้นเดือนมีนาคน ทุกคนหายใจเข้าออกเป็น รอคอยการมาของ Le Grand Bob อย่างใจจดจ่อ
ความจริงเทศกาลการชิมนั้น คือปลายเดือน
หากแต่..บ๊อบมีประกาศิตมาว่า..ไม่ว่าง มาได้ตอนต้นเดือน
ทุกคนจึงต้องตามใจ..ต้นเดือนก็ต้นเดือน..

การชิมไวน์ เอิง เปรอะเมอร์ นั้น..จัดโดย UGC หรือ
the Union des Grands Crus ที่หมายถึงว่า เจ้าของชาโตจะต้องส่งไวน์ของตัวเองมาคนละถัง เพื่อให้เหล่าเกจิทั้งหลายได้ชิมทดสอบ ซึ่งบ๊อบได้มาชิมตั้งแต่ 1980's โน่น
แต่..ใน 1993 มา...บ๊อบไม่มาร่วมในงานเช่นเคย เขาสมัครใจที่จะชิมเป็นการส่วนตัว ในโรงแรม หรือไปชิมตามไร่แบบไม่ให้รู้ตัวล่วงหน้า

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 09:47:11 ]

ความคิดเห็นที่ 37

แงแงแง...นาซี เอ้ยไม่ใช่..ขอโทษที...ทีมเยอรมันของผมโดน 2 ลูก 2 นาทีสุดท้ายช่วงต่อเวลา สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าช่วงจบที่ว่ายาวแล้ว มีตีกลับมาให้ระลึกถึงและโหยหาโดยไม่รู้ลืมได้ถึง 2 ครั้ง ไวน์ Piedmonte มันอึดกว่าตอนจบนี่เอง แงแงแง...

ส่วนตัวบอลโลกคราวนี้ของผมจบแล้ว ชีวิตที่เหลือคือจิบไวน์รักษาสุขภาพไปเรื่อยๆ เตรียมร่างกายไว้ดูบอลโลกที่อัฟริกาใต้ในอีก 4 ปีข้างหน้าครับ

เฮ้อย......ขอถอนหายใจยาวๆให้กับการเมืองไทยที่กลับมาน่าเบื่อ เพราะคนหน้าหนา และคนหน้าเหลี่ยม แถมมีจมูกโต อีกต่างหาก

พี่วิ...อยู่ทางโน้นได้รับข่าวอะไรเกี่ยวกับบ้านเมืองในไทยบ้างครับ ที่นี่น่า....แม่งจริงๆครับ ขออภัยที่หยาบคาย กำลังเครียดบอลแพ้ครับ

ไชโย...มี Tasting Note ให้อ่านฟรีจากพี่วิโรจ...กลับมาแล้วพร้อมภาพประกอบ.. ที่ผมว่าผิดกฏเพราะผมเห็นมุมกล้องบวกแก้วทรงสูงที่มีน้ำองุ่นอยู่ข้างๆ ก็เลยเหมาเอาว่าพี่วิโรจ..มีการทดสอบและทำ Tasting Noteไว้ครับ ส่วนภาพที่เอาจากในเน็ทมาแปะไว้เฉยๆก็ไม่ประท้วงครับ (แอบเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฟนพันธุ์แท้ครับ)

จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 5 ก.ค. 49 09:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38

ความจริงบ๊อบเองก็กลัวการย้อมแมวเช่นกัน หมายถึง
ไวน์ตบตา..เอาถังเข้มข้นมาให้ชิม แต่ที่ขายนั้นกลายเป็นคนละคุณภาพ ดังเป็นที่รู้จักกันว่า..Parker Cuvee
Parker barrel ซึ่งทำให้เขาต้องตามไปชิมแล้ว ชิมอีก
ในระยะเวลาที่ผ่านไปเป็นช่วงๆ
นี่คือสิ่งที่ชาวไวน์ทุกคนกังวล..
เพราะ ไวน์นั้นจะมีการปรับเปลี่ยนรสชาติตามความขึ้นลงของปรอทวัดอุณหภูมิของอากาศ
ไอ้ตรงขึ้นๆลงๆตรงนี้แหละ อาจหมายถึง 10 แต้มหายไปจากบ๊อบได้เลยเชียว

ซึ่งนี่คือที่มาของกระแสเสียงโต้ตอบของชาวไวน์ที่ไม่พอใจในแต้มที่ได้รับ..
ข้อโต้แย้งนั้นมีมากมายหลายสถาน..เช่น การชิมไวน์ที่ต่อเนื่องอย่างกระชั้นชิดจากไร่ก่อน..หรือ อยู่กลางระหว่างชิมไวน์จากไร่ดังๆหัวท้าย..

โดยเฉพาะความเห็นจากเจ้าแม่ไวน์ปุยยัก คือ เมย์ เอเลน เดอ เลงเกแซง (May-Elaine de Lenquesaing) แห่ง Ch. Pichon Lalande (คงจำได้นะ เขียนถึงเยอะในเรื่องไวน์ ไวน์) ที่มีประวัติอันงดงามของการทำไวน์มานานหลายชั่วอายุคน..ตัวเธอเองก็ได้เข้ามาบริหารเต็มตัวในฐานะทายาท ก็เมื่อปี 1978
บ๊อบได้ให้ความเคารพและให้คะแนนไวน์ของเมย์อย่างสมฐานะ.. แต่การให้คะแนนของเขาในเดือนมีนาคมต่อไวน์อื่นๆในบอร์คโดซ์นั้น สร้างความหมองหม่นให้กับเมย์เป็นอย่างยิ่ง..ในฐานะที่เป็นคนที่รู้จักไวน์มาตั้งแต่ก่อนเกิด
และยิ่งมาได้ยินบ๊อบสารภาพในเวลาที่ได้ชิมไวน์(ที่เคยให้คะแนนน้อยในถัง) ว่า..
"โอ้โห..มันดีขึ้นเยอะเลย..ดีกว่าเก่ามาก"

เมย์บอกว่า..
"ฉันเองเห็นข้อผิดพลาดของบ๊อบมาอย่างมากมาย..หลายปีติดๆกัน เตือนแล้วก็ไม่เชื่อว่า..ไวน์ในถังน่ะมัน"สด"เกินกว่าการด่วนตัดสิน จะเปรียบเทียบให้ฟังนะ ว่า เด็กอายุเพียงสี่ห้าขวบน่ะ เราจะบอกได้หรือว่าอนาคตเขาจะดีหรือไม่ดีอย่างไร..?

และเป็นเพราะว่าบ๊อบตั้งมาชิมไวน์เร็วกว่าปรกตินั้น มันเท่ากับเป็นการเร่งให้ชาวไวน์ต้องรีบเอาไวน์ลงถังโอ๊คเล็ก
หลังจากที่หมักเสร็จ ซึ่งตรงนั้นมันจะฝาดเฝื่อนจนเกินไป
ทางเลือกที่จะแก้ไขนั่นคือ การทำ microbullage
(หรือ=micro-oxygenation) คือการฉีดอ๊อกซิเจนลงในถัง
เพื่อการปรับรสนุ่ม..

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 10:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 41

จุดเจ็บของชาวบอร์คโดซ์ที่ได้รับจากบ๊อบนั่นคือ
การที่เขาเทคะแนนให้กับไวน์โรงรถ หรือ vins de garage
(หมายถึงไวน์ที่ทำในโรงนาเล็กๆคล้ายกับโรงรถ..อาจมีไร่ของตัวเองแบบเล็กๆ หรือไปซื้อองุ่นของชาวบ้านมา)
อย่างรายของนาย Michel Garcia ที่ทำไวน์ออกมาในชื่อว่า Chateau Garcia ที่ทำไวน์ออกมาเข้มข้น เหนียวราวกับสีทาห้องน้ำ ชาวบอร์คโดซ์ต่างพากันส่ายหน้า
บอกว่า..ไวน์กุ๊ยๆ อย่างนี้เสียชื่อบอร์คโดซ์หมด

แต่..ปาร์คเกอร์ให้คะแนนเกือบเต็มร้อย จนไวน์ของนายมิเชลนี่ ขายได้แพงกว่าไวน์ กรอง ครู..ทั้งๆที่เพิ่งเปิดกิจการทำมาแค่สองสามปี และตัวมิเชลเองก็ไม่ใช่กสิกรไวน์อะไรที่ไหน เขามีอาชีพเป็นช่างเหล็กที่อยากจะหารายได้เสริมเท่านั้นเอง..

นี่คือการกระทำที่ถือว่าเป็นการย่ำยีหัวใจของชาวไวน์อย่างยับเยิน..จนยากที่จะให้อภัย โดยเฉพาะกับไร่ Cos d'Estournel กรอง ครู ชั้นสองที่มีชื่อเสียงและเกียรติประวัติมานานนับหลายชั้น ที่ได้คะแนนต่ำกว่า
ไวน์โรงรถของนายมิเชล การ์ซิอา
ทั้งที่อยู่ห่างไปจากกันแค่ข้ามหัวถนน...

จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.ค. 49 10:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 47

.

พี่จ๊ะ

" ไวน์ที่สามารถเข็นออกมาได้ คือไวน์ที่ทำด้วยความปิติยินดี เพราะเหมือนกลับมาเกิดใหม่จากความหวังที่ได้ดับสูญไปแล้ว..

มันเป็นไวน์แห่งชัยชนะ เป็นไวน์แห่งอิสรภาพของบ้านเมือง รสชาติจึงได้เลอเลิศกว่าไวน์ไหนๆในโลก "

แม้จะเคยอ่านประโยคนี้มาแล้วครั้งก่อน พอมาเจออีกก็ยังซาบซึ้งเหมือนเดิม แต่ถ้าเปลี่ยนจากไวน์เป็น กระแช่ ของเรา คงจะยิ่งปิติยิ่งกว่านี้อีก

เห็นท่าจะต้องยอมรับว่า หมดปัญญาไล่ล่าตามรายชื่อที่ผ่านเข้ามาแล้ว มากอย่างแรง เดี๋ยวไปๆมาๆเลยหวนคืนวงการอีก ปล่อยให้ the beast within ที่ขังมันมานาน 20 กว่าปีหลุดคืนสังคมอันเส็งเคร็งเข้าอีก ท่าจะยุ่งวุ่นวายแน่ ขอจิบๆวนๆอยู่วงนอก ฉาบฉวยเข้ามาในบางโอกาสที่น่าฉกฉวยจะดีกว่าเป็นแน่แท้

เฮอ ... พักฟื้นรูหูที่บอบช้ำจากเสียง "ไซฮ่อจื้อ" นานเป็นอาทิตย์เชียวกว่าจะกลับเข้าที่

.

จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 5 ก.ค. 49 14:31:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48

อย่าไปเชื่อ

ผมแอบสืบมาแล้ว

ตอนนี้ป๋า กำลังหาทางติดต่อกับอากู๋และอาเเฮียอย่างขมักเขม้น ชนิดกอล์ฟไม่ได้ตี ไวน์ไม่ได้แตะ

แถมน้ำมันปาล์มยังลืมบีบอีกแนะ

ก็เพราะเริ่มมองเห็นแสงรำไรอยู่ปลายอุโมงค์ตั้งแต่เมื่อคืนนั้นผ่านไปแล้วไง

ว่าการผันตัวเองไปเป็นผู้จัดการนักร้องระดับซุปเปอร์สตาร์ สังกัดค่ายยักษ์ใหญ่เมืองไทยนะ

มันเฟื่องกว่าขนาดไหน

แหล่งข่าววงในกระซิบมาด้วยว่า ป๋า ช.ช.แอบยัดปัจจัยใส่มือเอเย่นต์ที่รับงานไปติดต่อกับอากู๋กับอาเฮียด้วยสิ

แถมยังไปสัญญิงสัญญากันอีกว่า ถ้าอากู๋กะอาเฮียสนใจจะดูตัวเมือไร จะโทรเรียกให้มันบินลงมาเลย

หรือจะให้กระผมบินไป กทม.ก็ได้

แค่เอา 389 ไปล่อมันหน่อย ก็โผล่หัวออกมาแล้ว

เชอะ ฝันไปเถอะป๋า นักร้องระดับผมนะ ถ้าไม่ได้คอนแทคน์ระดับ โก อินเตอร์เหมือนน้องทาทาแล้วละก็

อย่าหวังเสียให้ยากกเลย

ต่อให้ 10 เสี่ยอู๊ดมาเองก็เถอะ

แค่ทุกวันนี้เดินสายเปิดคอนเสิร์ต ซุปเปอร์ดูโอ 2 คนกะซี้ติ่งแบบอะราวด์เดอะประเทศ แถมข้ามฝั่งโขงอีกคนละสองรอบ

แค่นี้ก็เรียกเสียงฮือฮากันอื้ออึงไปหมดแล้ว

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 5 ก.ค. 49 18:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 50

คุณกาสะลอง...ครับ

"ก็นึกจินตนาการอยู่ตั้งนานว่า ไอ้โคลนเขียวเนี่ย มันมีอยู่ที่ไหนในโลกนี้"

...เมื่อสักสี่สิบปีที่แล้ว...มีที่ตรอกจันทน์...สะพานสามครับ

...ตอนนั้นถนนยังเป็นดินอัด สองข้างทางเป็นบ่อเลี้ยงปลากัดและเพิงเพาะจิ้งหรีด
...ลึกเข้าไปในสวนที่ชื้นแฉะและอับแสง คือบ่ออภิบาลปลากัดที่ต้องพักฟื้น...หลังกรำศึก
...ช่วงขอบดินใต้ต้นพลับพลึง...จะมีดินเละ...และเขียวคล้ำ
...กลิ่นนั้นแหละครับ

...ถ้าไม่ชัด...ก็ลองหาซื้อน้ำใบบัวบกมาดื่มและดม
...พร้อมจินตนาการถึงความเข้มข้นเพิ่มขึ้นอีกสักสิบเท่า
...กลิ่นนั้นแหละครับ

ป.ล. ...เท่าที่ทราบ...ดาวอังคารยังไม่ปรากฏต้นพลับพลึงครับ

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 5 ก.ค. 49 23:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53

ขอต้อนรับคุณ Phantom of the Cellar สมาชิกใหม่เข้ากระทู้ค่ะ อย่าลืมนะ กฏของที่นี่มีว่า..เข้าแล้ว..ห้ามขาด ห้ามหาย ต้องมาตอกบัตรเป็นกิจวัตร และห้ามลาออก
อิอิอิอิ..

.......................................

นี่.อีตาป๋า..เธอพาซี้สื่อศิลปและเสี่ยติ่งไปตระเวณคาราโอเกะทั่วหาดใหญ่เลยเหรอ..ไม่ได้คิดจะตีก๊ง ตีกอล์ฟ
เอาเทคนิคแปดร้อยกระบวนท่าประสาโปรมาสอนน้องนุ่งมันมั่งหรือไง..
นึกซะว่าทำบุญทำทานให้กับหนุ่มโสดใจแตกตาดำๆคนนึงก้อแล้วกัน..น่า..นะป๋านะ..!!

...............ง

วันนี้ไม่กล้าอยู่ดูบอล ฝรั่งเศส เพราะมันเครียด ..
ไม่ใช่เพราะว่าเชียร์หรือพนัน..แต่ไม่อยากเห็นคนรอบข้างผิดหวัง ไม่อยากเห็นความเศร้าโศก
เลยหนีไปตีกอล์ฟทั้งวัน..กลับมาพอรู้ว่า ฝรั่งเศสชนะ
ก็โล่งใจ...
ยังต้องมีลุ้นในวันเสาร์อีก...เฮ้อ..คราวนี้ไม่รู้จะหนีไปไหน
สนามกอล์ฟก็แน่นเพราะเป็นวันหยุด

จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ค. 49 10:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 60

ต้องขอน้อมรับในจินตนาการอันล้ำลึกของคุณวิโรจน์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

บรรยายได้เห็นภาพเหมือนกับอ่านเพชรพระอุมา ตอนที่คุณพนมเทียนบรรยายฉากที่ระพินทร์แอนด์เดอะแก๊งค์ เดินทางมาถึงสระอโนดาด แล้วต้องหาทางผ่านไปให้ได้

ตอนที่ผู้กองยอดรักของเจ้า แงซาย อาสาลงไปเป็นเหยื่อล่อเจ้าบัวโบราณ เพื่อที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่า เจ้าบัวกระด้งที่ว่านี้ มันเป็นพืชหรือเป็นสัตว์

ผลก็คือ ผู้กองโดนดูดเข้าใบในกอบัว ช่วงนี้แหละค่ะ ที่คุณพนมเทียนบรรยายกลิ่นโคลนเขียว ผสมสารพัดกลิ่น จนอ่านไปก็คลื่นเหียนไป

พอมาอ่านเจอกลิ่นโคลนเขียวของคุณวิโรจน์ จินตนาการแรกที่นึกถึงก็คือ กลิ่นตะไคร่น้ำเขียวๆที่ผสมกับโคลนแฉะๆ ที่เกาะอยู่ตามอ่างไม้น้ำทั่วไป

แต่ดมอย่างไร มันก็ไม่หอมนะคะ แต่สยดสยองมากกว่าค่ะ

เพราะสถานที่ที่จะได้กลิ่นเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะชื้นแฉะ ก็เลยไม่ค่อยกล้าเข้าไปสัมผัสค่ะ เพราะกลัวงู

แต่กลิ่นหอมเขียวของใบบัวบก กลับอร่อยนะคะ ว่าแล้ววันนี้ก็จะเข้าตลาดสี่มุมเมืองหาซื้อใบบัวบกมาสักสองสามโล เอามาล้างให้สะอาด

ที่เน้นว่าต้องล้างให้สะอาด ก็เพราะว่าเคยเจอมาแล้วค่ะ ซื้อใบบัวบกมาเป็นกำๆ พอเอามาแกะหนังยางออกเพื่อที่จะล้าง

พลันก็ปรากฏเจ้าสิ่งมีชีวิต ที่ผู้หญิงเกลียดกลัวที่สุด ตัวดำๆโผล่ออกมา เต้นดุ๊กดิ๊กได้ด้วยค่ะ พี่วิคิดดูสิคะ จะโกลาหลสักแค่ไหน แตกตื่นกันทั้งครัวบ้านเรา และครัวบ้านอื่น นึกว่าเจออีที

กว่าจะได้กำซาบกลิ่นหอมเขียวของใบบัวบก คูณ สิบ ก็จำไม่ได้แล้วละคะว่ามันเป็นกลิ่นของเจ้าขวดไหนที่เซียนไวน์ท่านแนะนำไว้

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 6 ก.ค. 49 11:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63

...แล้วเจ้า Mouton Rothschild 1945 แก้วที่สี่ของผม...ก็ผ่านเจ้า Lavradores de Feitoria, Tres Bagos, Douro 2001...มาได้แบบนิ่มๆ แต่น้ำลายเหนียวคอเหมือนกัน....

.....เป็นอันว่า ได้ดื่ม Mouton 1945 แก้วสุดท้ายในวันอาทิตย์นี้แน่นอน...แต่จะเบียดจนได้ฉลอง V for Victory เหมือนฉลากของเขาหรือไม่....น่าคิด....เพราะด่านสุดท้าย หินสุดๆ...

....Amarone Della Valpolicello Dal Forno Romono 1997 ของคุณวาริชเวสม์....ธรรมดาซะที่ไหน...ทั้งข้น ทั้งเหนียวหนึบเหมือนยางมะตอย...1997 อีกต่างหาก....กำลังคึกคะนอง...เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง...

....แต่ Monton 1945 ขวดนี้ก็ไม่ธรรมดา....เป็นสต๊อค Mahler Besse ของแท้ไม่ต้อง Refill.....ถ้าจำไม่ผิด มาจากลังที่สองนับจากล่าง แถวสาม ซึ่ง Laurence บอกว่ามันนอนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ย้ายมาจากชาโตในปีที่บรรจุขวด....กลิ่นซีดาน กลิ่นอองรี กลิ่นตูราม น่าจะยืนระยะได้จนถึงหยดสุดท้าย....

.....ตีสองของวันอาทิตย์นี้ห้ามพลาด.....ไวน์เก๋าฝรั่งเศส เจอไวน์ข้นอิตาลี....ใครนอนหลับไม่ดูเขาบี้กัน...ต้องถือว่าใจดำเต็มทน....

จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 7 ก.ค. 49 00:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 64

เชียร์ทุกทีมตั้งแต่ อาร์เจนตินา ฮอลแลนด์ สเปน อังกฤษ เยอรมัน...แต่ก็ตกม้าตายเรียบวุธ
ขอเสี่ยงอีกครั้ง...ถือหาง

Dal Forno Romano, 1997
Amarone, Della Valpolicella, DOC
Vigneto di Monte Lodoletta, Illasi
Verona, Italy
Rate: 100

“สีไวน์แดงสดอมดำ เข้มทึบลึกมาก ส่งกลิ่นหอมของกาแฟคั่วบดชั้นดี
กุหลาบสีดำ เนื้อไม้หวานเข้ม มีความสลับซับซ้อนและอิ่มตัวมาก
ไอแอลกอฮอล์แรงจัดขนาด 17.5 ดีกรี
โครงเนื้อหนาเต็มเหยียด ได้ความสดชื่นจากแอซิดิตี้ที่สวยงามจากผลไม้สุกสด
เข้มลึก ความสมดุลกลมกล่อม มาพร้อมกับความหนักแน่น
ทุกอย่างลงตัวสมบูรณ์สุดยอด รสชาติในกระพุ้งแก้มระเบิดออกมายิ่งใหญ่
สัมผัสได้ถึงความเข้มลึกแม้หลังกลืน จบยาวเร้าใจจริงๆ
พร้อมดื่มสุดราวปี 2010 และจะยืนยงไปได้อีกกว่าห้าสิบปี”

...ด้วยกฎเหล็กที่กำหนดไว้ ...ให้ใช้องุ่นไม่เกินร้อยกิโลกรัมต่อไวน์สิบห้าลิตร
...บ่มด้วยถัง Barriques ของฝรั่งเศสเป็นเวลาอย่างน้อยสองปี
...ปล่อยน้ำไวน์ให้นอนนิ่งในขวดอย่างอีกสี่ปี
...จึงไม่แปลกที่ Dal Forno Romano จะกลายเป็นความภูมิใจของชาวเวโรนา
...นับแต่ปี ค.ศ. 1983 ที่ออกสู่โลกภายนอก

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ค. 49 10:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 68

เพื่อเป็นการไว้อาลัย...แด่ชาวอาเจนไตน์

Yacochuya, 1999
Cafayate, Calchaquie Valley, Argentina
Rate: 94

...สีแดงเข้มอมดำ มืด ทึบ ลึกมาก แต่กลับดูสดใส
...ส่งกลิ่นแก่นไม้เขียวเข้ม พร้อมกับผลไม้ดำมะเมี่ยมเกือบสุกอิ่ม
...ปูนขาวเข้มปนเครื่องเทศจัดจ้าน แอลกอฮอล์ในกลิ่นนั้นสูง แต่ให้ความนุ่มนวล
...โครงเนื้อหนาเต็มเหยียดมาก ให้ความรู้สึกแน่นเหมือนนมสด
...ปริมาณแทนนินสูงจัด แอซิดิตีสวยงามดี
...เนื้อน้ำสมดุลดีพอใช้ จบเร้าใจดีจัง

...บนทิวเขาเลาะใต้เส้นทรอปิคออฟแคปริคอร์น ทางตอนเหนือของอาเจนตินา
...ตรงความสูงกว่าสองกิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล
...Michel Rolland ไวน์เมกเกอร์ชาวฝรั่งเศสนามกระเดื่อง
...จงใจให้ต้นองุ่นสายพันธุ์มาลเบค (Malbec) ผจญกับความร้อนรุ่มในช่วงกลางวัน
...และทนความหนาวเหน็บในช่วงค่ำคืน
...ทำให้ต้องฝังรากลงลึกให้มากสุด เพื่อหาสินแร่ไว้ดูแลตนเองในสภาวะรันทด
...และแน่นอนที่เมื่อองุ่นออกมาดี ย่อมต้องใช้ถังโอ๊กฝรั่งเศส
...และหมักบ่มอยู่ยาวนานกว่าสิบห้าเดือน ก่อนบรรจุแบบไม่กรองตะกอน

...หากเป็นคนใจร้อน คุณจะเกลียด “ยาโคชูยา”
...แม้จะยังไม่พร้อมดื่ม
...แต่กับสเต็กเนื้อ Medium Rare หรือ ซี่โครงแกะย่างถ่าน
...เป็นได้เห็นสวรรค์

ป.ล....พี่วิครับ...ที่ร่ายมาทั้งหมดก็แค่ตั้งใจ...มิให้กระทู้ร่น

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ค. 49 07:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 70

ขอต้อนรับคุณสมานฉันท์เข้ากระทู้ในฐานะน้องใหม่ (ที่ซุ่มอ่านอยู่นานแล้ว)
เอ้า..พรรคพวกที่ซุ่มๆอยู่ทั้งหลายน่ะ ออกมาแสดงตัวให้ชื่นใจกันหน่อยเร้ววว..อยากรู้ง่ะ ว่า..คนที่สนใจอ่านเรื่องไวน์จริงๆนั้น จะมีสักกี่คนกันในประเทศสารขัณฑ์เนี่ย..

ยังไม่มีอารมณ์เขียนเรื่องไวน์นะ..รอลุ้นบอลวันพรุ่งนี้อยู่
แต่ใจจริงๆแล้ว..เชื่อว่าอิตาลีจะชนะ เพราะฟอร์มดีกว่า

หายไปหลายวันพอสมควร..คือว่า ไปแข่งกอล์ฟตามคำเชิญค่ะ ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกันมานาน
ทั้งๆที่บอกเขาไปแล้วว่า อาจจะไม่ชนะ เนื่องจากไม่ได้เล่น
บ่อยๆอย่างแต่ก่อน (ก็หันมาเอาดีทางนั่งเขียนกระทู้ไวน์อยู่นี่ไง..) และ แต้มต่อที่มีติดตัวชนิดแกะไม่ออก ลบไม่ได้นั้น มันก็ต่ำ (กว่าฝีมือจริงๆ)

เพื่อนว่า..เอาน่า..ไม่ได้ต้องการชนะคะคานอะไร ไปร่วมเล่นกันสนุกๆ เพราะเพื่อนฝูงถามถึง และมีปาร์ตี้ยาวจนถึงค่ำด้วย..ไปนะ..เพื่อนขอร้องงงงงง...
สรุปว่า..ไปก็ไป..
วันแข่งคือ วันที่ 5 ที่ผ่านมา..ฉะนั้น สองสามวันก่อนหน้า
จึงต้องจำใจไปซ้อมพอเป็นพิธี เพราะว่า เดี๋ยวแต้มมันจะฉีกออกนอกลู่นอกทางจนกู่ไม่กลับ..อายเขาปล่าวๆ

ปรากฏว่า..ซ้อมตีจนมือถลอกปอกเปิก ต้องเอาแบนด์เอด
มาแปะ มาพันให้ยุ่งเหยิง..

จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ค. 49 12:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 71

ก็สนุกสนานเจี๊ยวจ๊าวเป็นลิงแตกฝูงเหมือนเคย ก็ผู้หญิงกว่าร้อยคนน่ะ คิดดูละกัน..
การแข่งเป็นไปตามกติกา คือ two best ball หมายถึงเล่นสี่คนในก๊วน แต่ เลือกนับคะแนนของสองคนที่ตีดีที่สุดในแต่ละหลุม และนำมารวมกันในทีหลัง พร้อมกับการหักแต้มต่อออกมาเป็นคะแนน net...

กดดันพอสมควร เพราะ ถ้าตีไม่ดีก็จะเป็นภาระกับเพื่อน
แต่ก็สนุก เพราะไม่มีใครเครียด เฮฮากันไปได้ทุกหลุม
ก็คิดว่าเล่นออกมาโอเคนะ..ไม่ขี้เหร่จนเกินไป
เล่นเสร็จก็เข้างานไปปาร์ตี้ต่อ..รอฟังผลว่า..
จะมีสิทธิลุ้นชนะได้มากน้อยแค่ไหน..
ทั้งๆที่ปากว่ามาเล่นสนุกๆ..ชนะก็ช่างไม่ชนะก็ช่าง..
แต่ในความที่เป็นสายเลือดคนไทยนักสู้จากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา..แพ้ไม่(ค่อย)เป็น...!!!

ผลออกมา..ก๊วนเราชนะที่หนึ่ง ด้วยแต้ม 126 (ใน flight
ที่สองตามแต้มต่อ)
รับรางวัลกันเพียบไปเลย..

(นี่ตั้งใจมาเล่าให้ป๋า ชช.ฟังนะเนี่ย....)

จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ค. 49 12:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 72

ตอนเช้า..ก่อนการแข่ง..คณะกรรมการบอกว่า หลังจากแข่งเสร็จ ระหว่างรับประทานอาหาร จะมีการประกวดหมวก
ว่าของใครสวย ก็จะมีรางวัล เพราะคอนเซปของงานคือ
จัดงานแบบการแข่งม้าของ Kentucky Derby หรืออย่าง Royal Ascot ที่อังกฤษ ที่พวกสาวๆจะต้องสวมหมวกหรูๆเข้างานเป็นธรรมเนียม

และในความมุ่งหมายนั้น เพื่อความสนุกสนานจริงๆไม่ต้องการให้ไปใช้สตังค์ซื้อหากันให้สิ้นเปลือง จึงบอกให้ทราบในตอนเช้า..เพราะนักกอล์ฟหญิงส่วนใหญ่มักจะมีหมวกกันคนละใบสองใบอยู่ในรถอยู่แล้ว
ยิ่งเป็นช่วงหน้าร้อน..ก็มักจะมีหมวกสวยๆกัน..

แต่ไม่ใช่..ฉัน.. เพราะไม่ชอบใส่หมวกประเภทรุงรัง..
หน้าไม่ให้ ใจก็ไม่รัก.. เพื่อนร่วมก๊วนก็นิสัยเหมือนๆกัน..
แต่หมวกปีกที่ท้ายรถน่ะมี..
และการดัดแปลงก็ไม่ยากอะไรเลย..ไปคว้าดอกไม้เทียมที่เขาจัดอยู่ในกระถาง..เอามาวางประดับสองสามช่อ
ก็เดินเข้างานได้หน้าตาเฉย..

จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ค. 49 12:45:16 ]

ความคิดเห็นที่ 76

สิ่งที่ดลใจให้เล่าถึงเรื่องการแข่งกอล์ฟนี่ คือเรื่องการจัดงานที่โปร่งใส น่านับถือ กล่าวคือ รายได้ รายจ่ายทั้งหมด
แถลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมเอกสารแจกในวันนั้นเลย..ทุกบาททุกสตางค์ ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น (นอกจากรายจ่ายหลักค่าสนามและค่าอาหาร)
กลุ่มคณะจัดงาน..ทุกคนล้วนควักกระเป๋า ช่วยลงขันกัน สละเวลาส่วนตัวเข้ามา
เพราะเหตุนี้เอง..ของรางวัลจึงได้รับบริจาคมาอย่างท่วมท้น
ซึ่งแต่ละรายการใหญ่ๆและมีมูลค่าทั้งนั้น..

จึงอยากบอกผ่านไปยังพวกข้าราชการนัก(ขยัน)จัดงานแข่งกอล์ฟที่เมืองไทยทั้งหลาย..
จะเล่าให้ฟัง..งานนี้มันส์มาก..ขอบอกกกก
คือเมื่อปีก่อนที่ไปเมืองไทย เดินสายตีกอล์ฟ..
พรรคพวกที่สนิทชิดเชื้อกันมาโอดโอยให้ฟังว่า ทั่นผู้ใหญ่ในกองทัพ(กองไหน..ก็อย่าไปรู้เลย) ยัดเยียดให้ซื้อก๊วนกอล์ฟแข่งการกุศล เพราะคุณนายเป็นคนจัด เผื่อว่าจะได้เป็นคุณหญิงกะเขาบ้าง..
ไม่มากไม่มายอะไร แค่ก๊วนละห้าหมื่นเอง..พี่ช่วยแบ่งไปสักก๊วนซิ..
โห..ห้าหมื่นบาทไทย ..แถมตีสนามกระจอกๆเนี่ยนะ
ไม่โก่งราคาไปหน่อยเหรอ???
น่าพี่น่า..เพื่อการกุศล..ช่วยหน่อยนะ ??

โอย..สงสารจริง เพราะเงินตั้งแสนไม่ใช่น้อยๆกับการที่จะเล่นกอล์ฟประเดี๋ยวประด๋าว..ยัยคุณนายนั่นแกเอาอวัยวะส่วนไหนคิดกัน..ถึงได้ตั้งราคาขนาดนั้น
แต่ด้วยความที่อดรนทนไม่ได้ จึงไปรีดไถมาจากเพื่อนให้อีกที เพราะบริษัทเธอมีงบเยอะ..แต่ให้มาแต่เงิน
ส่วนกอล์ฟ..เพื่อนว่า..
"แกก็หาก๊วนไปเล่นเองละกัน..."
ก็เลยได้มีโอกาสสัมผัสกับการเล่นกอล์ฟที่แพงที่สุดในชีวิต..ที่สนามของกองทัพไทย

การแข่งดำเนินไปแบบสุกเอาเผากิน ไม่มีระบบการแจงกติกา ไม่มีใบบอก ไม่มีการจัดก๊วนแบ่งประเภท
ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างเล่น..แถมพนันกันต่างหาก
ส่วนเสนาบดี..สามีคุณนาย..กร่างมาก เดินไปไหนคนตามเป็นพรวน ท่าทางใหญ่โตเหมือนเทวดา ออกเล่นก่อนใคร
ปากคาบบุหรี่ก๋า..
(ซึ่งความจริงเขาต้องนอบน้อมกับพวกคณะที่เสียเงินมาเล่นให้มาก เพราะพวกนี้คือพวกที่มีอุปการคุณของจริง)

เผอิญทั่นมีบารมีมากหรือไงไม่ทราบ หรือไม่ก็มีลูกหาบนอกรายการตามเล่น(ฟรี)เยอะ สนามจึงติด ก๊วนไม่ขยับ เพราะคนเป็นจำนวนหลายร้อย(แคดดี้บอก)
พวกเราจึงเล่นด้วยความเสียอารมณ์ เพราะต้องรอกันจนลืมวง..กว่าจะจบใกล้ค่ำมืด แถมยังต้องรีบเพราะก๊วนหลังไล่มาติดๆ หลายคนก็เป็นห่วงว่าจะเล่นไม่จบก่อนค่ำ

เล่นเสร็จไม่มีเวลาอาบน้ำอาบท่า..เปลี่ยนเสื้อเช็ดตัวได้ก็ขึ้นไปชั้นบนที่ห้องจัดงานเลี้ยงเลย..
ผลคือ ไม่มีที่นั่ง...โต๊ะทุกโต๊ะเต็มด้วยผู้คนนานาชนิด ที่มองแล้วบอกได้เลยว่า ไม่ใช่นักกอล์ฟ แต่เป็นเหล่าคุณนายที่พ่วงมาหมดทั้งครอบครัวลูกเด็กเล็กแดง
นอกจากไม่มีที่นั่ง..อาหารแกรนด์บุฟเฟ่ท์ที่ว่าจัดอย่างอลังการนั้น ก็ไม่มี ..หมดไปตั้งแต่บ่ายมัง..
บนโต๊ะของทั่นผู้มีบารมี..มีอาหารที่จัดคอยไว้ให้สารพัดชนิดอย่างพร้อมพรัก รวมทั้งไวน์ Bin ต่างๆ...
ในห้องแอร์นั้น..ทั่นและเหล่าสมุนคู่ใจสูบบุหรี่ สูบซิการ์กันควันโขมงอย่างหน้าตาเฉย..

ไม่มีการแถลงยอดรายได้ รายจ่าย..ไม่มีการบอกกล่าวอะไรทั้งสิ้น..และไม่ทราบด้วยว่า..มีการมอบเงินให้"กาชาด"ตามที่ว่ามานั่นหรือปล่าว..

บอกตรงๆว่า..เสียดายเงินห้าหมื่นนั่นจริงๆ..อยากเอาไปให้บ้านครูน้อย หรือ สถานสงเคราะห์สัตว์พิการมากกว่า..
แต่ก็เอาเถอะ..ถือว่าเป็นการซื้อ"โง่" เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย..!!!

จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ค. 49 13:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 84

มาต้อนรับคุณ house (panote_saechiew) เข้าสังกัดกระทู้ในฐานะน้องใหม่เอี่ยม
เห็นม๊ะ..ต้องให้เรียกให้หาจนแทบจะแงะให้หลุดออกมาจากขอบกระทู้ให้ออกมาปรากฏตัว..ไม่งั้นก็ซุ่มอยู่นั่นแล้ววววว...พ่อคุณ
เขียนเรื่องฮิตเล่อร์ยาว 25 ตอนจบนั้นก็ด้วยความอดทนอย่างที่สุดค่ะ เพราะต้องเปิดหนังสือหลายเล่มมาก
แต่อยากให้อ่านกัน เพราะถ้าเข้าใจประวัติศาสตร์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั่นแล้ว..ต่อไปจะอ่านเรื่องอะไรก็จะเข้าใจหมดรวมทั้งเรื่องไวน์ด้วย..

น้องกาสะลองเจ้าขา ..เห็นสวยได้ยังไง แก้มคนใส่ใหญ่ล้น อิ่มเอมด้วยไขมันจนเบ่งบานออกมานอกปีกหมวก 5555555

จริงของคุณ สมานฉันท์ จบงานบอลโลก จะได้กลับมาเป็นผู้เป็นคนกะเขาเสียที หมายถึงชาวไวน์ทั้งหลายที่อยู่รอบข้างน่ะค่ะ
ตอนนี้ยังซับน้ำตากันอยู่ป้อยๆ ทั้งๆที่ปากว่าไม่ได้คาดหวังว่าจะชนะอิตาลีได้ แต่ก็ใจหาย..และเสียดายโอกาสทอง
ที่ไม่รู้ว่าจะมาถึงอีกเมื่อไหร่..

เมื่อตอนบ่ายๆเข้าไปอ่าน blog ของคุณปีบมา..สนุกมาก
อ่านไปยิ้มไป..เขียนได้ดีและมีอารมณ์ร่วมในตัวอักษรที่บรรยายในเรื่องก๊วนไวน์อย่างเห็นภาพชัดเจน
เขียนอีกซิคะ?

จากคุณ : WIWANDA - [ วันอาสาฬหบูชา 10:04:58 ]

ความคิดเห็นที่ 86

วันนี้นั่งฟังการบรรยายของคุณ"ผู้จัดการ"ที่พูดในหอประชุมเล็กธรรมศาสตร์...มีอะไรหลายอย่างที่โดนใจ นั่นคือการมองโลกในด้านของเนื้อความที่มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เขาพูดถึงสงครามโลกทั้งสองครั้ง.
ตอนนี้เชื่อว่า ถ้าใครได้อ่านเรื่องที่เขียนทิ้งๆไว้ คงเข้าใจ
และตามฟังเขาได้ทัน..

และอีกอย่างหนึ่งที่นึก"ทึ่ง" นั่นคือ ความคิดที่เหมือนกันเด๊ะ..ในเรื่องโทรศัพท์มือถือ..อันเป็นสิ่งที่วิวันดาไม่มี และไม่เคยสนใจที่จะมี..มีคนว่าฉันว่า เป็นไดโนเสาร์ตัวสุดท้ายในคาลิฟอร์เนีย.. ก็จริง..
เพราะเหตุผลคือ..ไม่ชอบให้ใครมาเป็นเจ้านาย..เรียกมาแล้วต้องรีบรับ..หนักเข้าก็ติด คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก ก็ยกโทรศัพท์ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนโน้นคนนี้ หรือกดยิกยักเล่นเกมส์ อีกทั้งไม่ชอบมีภาระที่ต้องเลี้ยงดู ทนุถนอม
ชาร์ทถ่าน พกแบต..ตัวคนเดียวไม่มีห่วง..ไม่จำเป็น
สมัยก่อนไม่มี..ยังทำงานได้ มีชีวิตอยู่ได้
ตอนนี้ก็เลยไม่มี..ไม่พก..

ความคิดที่แปลกๆนี้..รวมไปถึงเรื่องไวน์..กำลังจะเล่าถึงไวน์ที่ส่งไปประมูล(สามขวดนะคะ ไม่ใช่ขวดเดียว)
Ch.Lafon-Rochet (Saint-Estephe)1993 ซึ่งเป็น Grand Cru ชั้น 4 ที่มีเนื้อที่ 40 hectares อยู่ระหว่าง ไร่ Cos d’Estournel และติดชายแดนของ ไร่ Ch. Lafite-Rothschild ในเขตปุยยัก

อ้อ..ขอบอกเรื่องสัดส่วนของเฮคตาร์ ก่อน นั่นคือ
เนื้อที่ 1 Hectare = 2.47 Acres
ไวน์ 1 Hectoliter = 25 Gallons

ทีนี้ไวน์ของ LR นี้..เป็นไวน์ของขุนนางที่ทำแบบตามใจฉัน
เพราะเป็นขุนนาง และเชื่อมั่นในเรื่องของแทร์วาร์ที่ดีที่สุด
ที่ได้ครอบครองอยู่..คำว่า Rochet มาจากคำว่า Roche
ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง Rock ที่มีอยู่เป็นหลักของพื้นที่ไร่ ที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ หินคว๊อทซ์ละเอียดผสมอยู่มากมาย พื้นที่แบบนี้มีการไหลระบายน้ำที่ดีที่สุด
ดังนั้น..การทำไวน์ของเขาทุกปี ทำแบบเศรษฐกิจพอเพียง
ไม่สนใจตลาดนอกประเทศ ไม่สนนิโกเซี่ยน ไม่สนบ๊อบ
หรือใครๆ
คะแนนจะได้ 80 กลางๆ 80 แก่ๆ หรือ 90 ต้นๆ
เขาก็ไม่สน..ทำไวน์ตามธรรมชาติที่ประทานให้...องุ่นที่ผสมจึงไม่มี recipe ที่ลงตัว..แล้วแต่ว่าอะไรจะงามในปีนั้นๆ..
(จนมาถึงปี 1995 จึงได้เปลี่ยนมาเอาเมอร์โลต์ ผสม
เพราะกระแสตลาดที่ต้องการไวน์ประเภทดื่มได้ปุ๊บป๊บ)
ฉะนั้น..การที่ LR เพิ่งมาตื่นเอาในปี 1995 นั้น..นับว่าช้ามาก ทำให้ต้องไปตั้งหลักเอาใจตลาด..ก็คงอีกหลายปี

และเป็นเพราะในอดีต..LR ไม่เคยอยู่ในสายตาตลาด
อังกฤษ ไม่ยอมทำรสชาติที่แน่นอนเหมือนกันทุกปี
จึงไม่ใช่ไวน์ที่ถูกยกย่อง..ราคาจึงอยู่ในระดับพื้นๆ..
ในขณะเดียวกัน ไวน์ของไร่ข้างๆที่ยอมทำตามสั่งของเอเย่นต์..ได้รับการกระตุ้นยอดขาย..จนเป็นที่ติดอันดับ
ว่าเป็นของดีและราคาแพง..(ทั้งๆที่ราคาทุนนำเข้านั้น..ต่ำเตี้ยนิดเดียว)

ไวน์ LR ก่อนยุค 1995 จึงเป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ของบอร์คโดซ์ ซังค์ เอสเตป ที่มาจากเนื้อของแทร์วาร์
มันสมองและน้ำมือของคนทำไวน์รุ่นเก่า ด้วยภูมิปัญญา
ของคนในโลกเก่าอย่างแท้จริง..
ในราคาที่..ทุกคนพอหาดื่มได้..

หลักฐานที่ทำให้เชื่อว่าเป็นของดีจริง เพราะ ในงานประชุมไวน์ที่นคร ซาน ฟราน
ซิสโก 1994 เขาได้มีการนำไวน์
เก่าๆหลายยี่ห้อที่จะต้องทำการ recap มาเปิดชิมกัน..
ไวน์ LR ที่ไม่มีใครเคยเหลียวแล..ได้ถูกนำมาเปิดด้วย
เป็นของปี 1982..

จิบแรก เล่นเอา...เกจิหลายต่อหลายคน..ตาค้าง ต้องชิมกันแล้วชิมกันอีก..บอกว่า..ไม่คิดเลยว่าจะดีถึงขนาดนี้..
และนี่กระมัง..คือสาเหตที่มี feed back กลับไปให้
ทางไร่ต้องเริ่มเปิดยุทธศาสตร์ใหม่..นั่นคือ
การทำไวน์ที่มี recipe ที่แน่นอน ที่สามารถให้นักชิมไวน์
มั่นใจว่า..จะออกมาคล้ายคลึงกันทุกปี ไม่ใช่ฉีกโต่ง และเปิดดื่มได้ในเร็ววัน..ต้องมารอกัน สิบห้า ยี่สิบปี อย่างแต่ก่อน...

จากคุณ : WIWANDA - [ วันเข้าพรรษา 01:04:07 ]

ความคิดเห็นที่ 91

เข้าพรรษาพอดีค่ะ พี่วิ

เกจิไวน์ ก็เลยงดบรรยายรับเข้าพรรษาไปแล้วสองวัน

แต่หนูอ่านอย่างเดียว คงไม่ผิดศีลนะคะ

อยากรบกวนให้คุณวิโรจน์ ช่วยแนะนำสถานที่ที่มีเรื่องราวเหมือนที่เขียนไว้ในคอลัมน์ wine note แถวๆหลักสี่ ดอนเมือง รังสิตบ้างเถิดค่ะ

เพราะสถานที่ที่ท่านเขียนไว้ ค่อนข้างไกลบ้านเสียเหลือเกิน

ชอบที่คุณวิโรจน์ เขียนถึงสถานที่ที่ไม่หรูหรามากนัก (ที่หรูมากๆก็มีค่ะ แต่อ่านแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้ติดใจอะไร) แต่แฝงไว้ด้วยความมีรสนิยม และเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มค่ะ

ออกพรรษาเมื่อไร อาจลวงใครไปนั่งปรึกษาหารือ ตามประสาคนมีปัญหากับจีนคอมมิวนิสต์สักที

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ วันเข้าพรรษา 22:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 92

เจ๊ ไม่ต้องห่วงหรอก พณฯ เขาไปดีแล้ว

นับเป็น ผบ.ที่ได้รับการยอมรับน้อยที่สุดคนนึงในประวัติศาสตร์กองทัพกว่า 100 ปี

แถมยังมีเสียงยี้ตามไปอย่างระงม ประมาณว่า วงศาคณาญาติก็ช่วยฉุดไม่ไหว (อีกแล้ว)

อ้อ แล้วอย่าหลงไปนับรุ่นตามปีนะ เพราะ พณฯท่านเมื่อตอนเรียนอยู่ในโรงเรียนรั้วมีสีนั้น

ตะแก ไม่รู้ฝึกหนักจนหลับในหรือไงไม่ทราบ

เลยเกิดอุบัติเหตุในชีวิต ก้าวพลาดตกบันได หล่นลงมาชั้นนึงครับ

สุดท้ายเลยต้องผสมผเสนับรุ่นรวมไปกับรุ่นน้องซะงั้น

แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังได้ดิบได้ดีมีโชคยิ่งกว่าถูกหวยเงินล้าน

ทั้งๆ ที่คนตรงที่เคยนั่งตำแหน่งตรงนี้ นับย้อนหลังไปได้ไกลถึงหลังศึกทุ่งบางเขน

ส่วนใหญ่ล้วนแต่เคยผ่านตำแหน่งที่ 1 ของชั้นมาแล้วทั้งนั้น

ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ว่าคนสอบตกซ้ำชั้นจะได้ขึ้นแท่นขนาดนี้

เ้อ้อ พี่ไปโรงเรียนพลตำรวจบางเขนถูกใช่ไหมครับ ถ้าไม่แน่ใจ กลัวจะหลง ก็ฝากข้าวผัดกะโอเลี้ยงไปกะป๋าเขาก็ได้

อย่าลืมบอกให้เขาชงแก่ๆ หน่อยนะพี่

ผมชอบขมๆ

จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 12 ก.ค. 49 10:24:32 ]

ความคิดเห็นที่ 96

สวัสดี...วันอาสาฬ์ควบเข้าพรรษา...ครับ...พี่วิ

...ที่นี่เขารณรงค์กันให้ "หยุดเหล้า...เข้าพรรษา" กัน
...ผม (และหลายๆ คน) เลยรอดตัว ซัดแต่ไวน์อย่างมีสติ
...ขาวหนอ แดงหนอ..ดูหนอ...ดมหนอ...ชิมหนอ...
...สดชื่นหนอ แอซิดิตีหนอ...ขมปี๋หนอ แทนนินหนอ...
...อ้าว...นี่มันโอ๊กชิบ (หาย) หนอ

คุณกาสะลอง..ครับ

"รบกวนให้ช่วยแนะนำสถานที่ที่มีเรื่องราว
เหมือนที่เขียนไว้ในคอลัมน์ wine note
แถวๆ หลักสี่ ดอนเมือง รังสิตบ้างเถิดค่ะ"

แหะๆ ...ผมเป็น "เด็กตรอกจันทร์...สะพานสาม"...มาแต่กำเนิดครับ
...ไม่ค่อยจะถนัดแถบนั้นเลยจริงๆ
...แต่ถ้ามีโอกาสเปิดไวน์ขาวดีๆ ...ซดก๊วยเตี๋ยวเรือริมเส้นรังสิต-นครนายก...เมื่อไหร่
...จะไม่ละทิ้งโอกาสครับ

...คุณ Phantom of the Cellar ที่น่าริษยา (มากกว่าอิจฉา) ยิ่ง

...นับเป็นบุญที่เกิดจากบารมีสั่งสมมาแต่อดีตชาติเลยนะครับ
...ที่ได้ดื่มร่วมกับพี่อู๋...ไวน์ของพี่ท่านสุดยอดจริงๆ ครับ
...ผมยังประทับใจไม่รู้ลืมกับ Dominus 1994 ของพี่เขาเลยครับ

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 12 ก.ค. 49 14:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 97

โอ้ อาจารย์อย่าได้ริษยาเลยครับ นับเป็นบุญของผู้น้อยจริงๆครับที่ได้ร่วมดื่มกับแก
ไปอยู่เขาใหญ่ฝึกปรือวิชาดมไวน์มา 2-3 วันได้ดมไปทั้งสิ้น 12 ตำรายุทธ์ ดังนี้

วันแรก-คืนวันศุกร์ที่ 7 กรกฏาคม
แชมเปญ-ของ Duval-Leroy NW
ไวน์ขาว-เป็นไวน์ขาวจากเบอร์กันดีของพี่เล็กซึ่งก็คือ Saint Aubin 1er Cru จำโดเมนกับวินเทจไม่ได้
ไวน์แดง-Leoville Poyferre 1996 Double Magnum size (93 แต้มจากปู่บ็อบ)

วันที่2
แชมเปญ-Jacqqussion Grand Vin Signature 1995
ไวน์ขาว-Aussie Duress 1998 ของ Leroy
ไวน์แดง-เต็มไปด้วยลมปราณของ rhone ตลบอบอวลไปทั้งคืนและเสริมด้วยพลังยุทธ์ดีกรีแชมป์โลกอย่าง super tuscan ทำให้คำคืนนั้นธาตุไฟแทบเข้าแทรกทีเดียวเชียวดีที่ได้บรรยากาศแห่งเทือกเขา ลมปราณธาตุธรรมชาติบวกกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมจากวงดนตรีสไตล์ควอเตอร์ของพี่อู๋ ทำให้รอดพ้นชะตากรรมมาได้แบบหวุดหวิด(แหม มันเวอร์จริงๆเว้ย)
1.Domain du Pegueer,Chateauneuf du Pape,Cuvee reserve 2000 (95 แต้มจากปาร์คเกอร์)
2.Domain du Gaillou, Chateauneuf du Pape 2001(อร่อยดี)
3.Domain du Gaillou, Le Quartz Chateauneuf du Pape 2001 (96 แต้ม อร่อยดีแต่มาช้าไปหน่อยประมาณ 1 วัน)
4.Gaja, Sito Moresco 1996
5.Castello di Fontebrutoli, Siepi 1998
ปิดท้ายด้วยไวน์ที่พี่อู๋งัดออกมา 2 ตัว (แบบว่ามาทีหลังแต่หมดก่อน) อันได้แก่
1.ไวน์แดง-E.Guigal, Hermitage 1999 (หมดแบบสายฟ้าแลบยังไม่ทันสุดเลย)
2.สุดยอดแห่งไวน์หวานโซแตรนที่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าตามันบ่อยนัก (ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยต่างหาก) ในเมืองไทย Chateau Raymond Lafon 1997 (นี่ก็อร่อยแบบยิ่งยวดอีกเหมือนกัน ประมาณว่าเพี่ยงแค่ท่านกระพิบตาทีเดียวเท่านั้นไวน์ก็ปราศนาการไปสิ้นแล้ว)
ส่วนรายละเอียดของไวน์แต่ละตัวนั้น (เทสโน้ต+รูปประกอบ) ไว้จะนำเสนอในโอกาสต่อไปแล้วกันนะครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอกราบขอบคุณพี่อู๋ รวมไปถึงพี่เล็กด้วยจริงๆครับที่ได้ช่วยส่งเสริมและจุนเจือผู้เยาว์อย่างผมให้ก้าวไปข้างหน้าในเส้นทางไวน์ได้อีกก้าวใหญ่ๆจริงๆครับ

จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ค. 49 17:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 100

ก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิตไม่มีแล้วค่ะคุณวิโรจน์

แต่ก็มีก๋วยเตี๋ยวที่ขายในคลองรังสิต ซึ่งจะหาทานได้ตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือ จิ้มจุ่ม หมูกะทะ ไปจนถึง ข้าวซอยเจียงใหม่

แม้แต่สะเต๊กก็มีค่ะ อเมซิ่งแท้ๆ

แถบชานเมือง มักเป็นอะไรที่ถูกลืม ทั้งที่บางที มีอะไรน่าสนใจเยอะ

ไม่ได้เกิดมาเป็นคนกรุงเทพกะเขาบ้างก็แล้วไป เพราะสถานที่ที่คุณวิโรจน์เคยไปมีความหลังนั้น

แค่เอ่ยชื่อ ก็มืดแปดด้านแล้วค่ะ

ช่วงหน้าหนาวปลายปี บรรยากาศแถบทุ่งรังสิต ยังน่าหลงไหลเสมอนะคะ

หากมีโอกาสเหมาะๆ น่าจะนัดเพื่อนๆที่รู้ใจ หิ้วอะไรก็ได้มาสักคนสักขวดสองขวด

เพราะไอ้เจ้าขวดอะไรก็ได้เนี่ยะแหละค่ะ อาจทำให้อาหารที่อร่อยอยู่แล้ว เพิ่มความอร่อยยิ่งๆขึ้นไปอีก

แว่วๆมาว่า พี่วิคนสวยเสมอของเรา มักจะปิ๊กบ้านกลับมาเยี่ยมเมืองไทย ช่วงหน้าหนาวของที่นี่เป็นประจำทุกปีใช่ไหมค่ะ

เห็นทีหนูต้องไปขอเพิ่มวงเงินกรรมธรรมอีกสักหน่อย

เพราะก๊วนนี้ โจทย์เยอะเหลือเกิน ไม่ทราบจะมีชีวิตรอดหรือเปล่า

แต่หนูตัดสินใจแล้วค่ะพี่ !

คนเราเกิดมา ตายหนเดียวเท่ากัน

จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 12 ก.ค. 49 21:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 101

อ่านรายการชิมไวน์ที่จุลดิศของคุณ Phantom แล้วก็ขอนิยมชมชื่นด้วยใจจริง เพราะนั่นคือก๊วนไวน์ที่มีคุณภาพ
เพราะเลือกดื่มของดี ในราคาที่พอเหมาะสม ไม่ใช่ประเภทสุดโต่งราวกับปลูกองุ่นที่ดาวอังคาร..

ไวน์ที่กล่าวนามมาทั้งหมดนั้น..เป็นของดีสมดังที่บ๊อบแจกคะแนนให้ ..อย่าง..Leoville Poyferre 1996 ที่บอกว่าขนาด Double Magnum ขออธิบายให้ทราบนะคะว่า..

ขนาดจิ๋ว เรียกว่า Pony คือ .187-.200 Milliliters
ขนาดครึ่งขวด หรือ Half-bottle หรือ "split" หรือ "tenth"
คือ .375 Milliliters
ขนาดหนึ่งขวด คือ .750 Milliliters คือ มาตรฐาน หรือเรียกว่า.. "fifth"
ขนาด แมคนั่ม (Magnum) หรือ 1.5 Liters เท่ากับสองขวดมาตรฐาน
ขนาดดับเบิ้ล แมคนั่ม (Double Magnum) คือ 3.0 Liters เท่ากับไวน์สี่ขวด ไปไหนก็ต้องเอาใส่รถเข็น

มีก๊วนไวน์แบบนี้ละค่ะ สนุกนัก ต่างคนต่างเอาไปคนละขวดสองขวด แล้วมาเปิดลองชิมกัน ครึกครื้นไม่เบา..
และขอยกนิ้วให้คนเลือกเอาโซแตนส์ Chateau Raymond Lafon ติดตัวไปเปิดจิบตบท้ายรายการ
(รินแจกได้แค่คนละครึ่งถ้วยตะไล..ก็พอ)
ได้อารมณ์ดีจริงๆ ราคาสมเหตุสมผลกว่า "ดีเคม"
แต่..คุณภาพไม่หนีห่างกันสักเท่าไร..

มาถึงตรงนี้..ต้องขอบอกว่า มันไม่ใช่อยู่ที่ไวน์ หรือยู่ที่คะแนนของบ๊อบ..แต่มันอร่อยล้ำเลิศเพราะเป็นการอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นของกลุ่มเพื่อนสนิทมิตรรู้ใจมากกว่า..

จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ก.ค. 49 11:48:29 ]

ความคิดเห็นที่ 105

พี่วิ...ครับ

...Alter Ego เข้าตลาดเมืองไทยมาร่วมสิบปีได้
...แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจนัก เพราะราคากว่าสามพันบาทครับ
...ยิ่งพอรู้ว่าเป็น Second Label ยิ่งไม่สนเข้าไปใหญ่
...ผมเคยดื่มปี 2000 แล้วครับ ดีใช้ได้ทีเดียว

Alter Ego 2000
Margaux, Medoc, Bordeaux, France
Rate: 90

...สีเนื้อแดงเข้ม ทึบลึก ส่งกลิ่นหนังอานม้า เครื่องเทศเขียว ไม้แก่น
...โดยรวมเป็นกลิ่นขมขมอมหวาน
...โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางเต็ม
...แทนนินสูงปานกลาง ดราย แอซิดดีพอใช้
...สมดุล...ความลงตัว...ดีปานกลาง ผลไม้ดีพอใช้ ช่วงจบยาวปานกลาง
...จะพร้อมดื่มนับจากปี 2008 และจะเริงร่าต่อไปถึง 2015 จึงเริ่มโรย
...Alter Ego 2000 นี้ ทำจากองุ่น Cabernet Sauvignon 53% และ Merlot 47% ครับ

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 13 ก.ค. 49 13:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 110

เอาละ น้องกาสะลอง หนูก็รออ่านคำแนะนำจากคุณวิโรจไปเรื่อยๆก็แล้วกัน เพราะพี่อยู่ไกลเกินไปกว่าที่บอกได้ว่า
ของดีราคาถูกในเมืองไทยมีอะไร หรือ ขายกันที่ไหน..

งั้นมาเล่าเรื่องบ๊อบต่อ..อู้มานานแล้ว

คือหลังจากที่บ๊อบหันมาคบกับมิเชลอย่างสนิทสนม
การโปรโมทไวน์ฝั่งขวาของบอร์คโดซ์ก็เริ่มเดินหน้าเต็มตัว
ซึ่งมันได้สร้างความร้าวฉานในหมู่ชาวบอร์คโดซ์ด้วยกัน
และนั่นหมายถึง ราศรีของบ๊อบก็เริ่มหมอง
ผู้คนมองเขาด้วยสายตาที่เคลือบแคลง..
งานไวน์ที่เขาไปชิม..ก็มีการเขียนกระแนะกระแหนว่า
เป็นงาน CoCa-Cola-ization of wine
ผู้คนเริ่มหันมาซุบซิบ เจาะลึกนินทา และช่วยกันแบ่งปันข้อมูลที่มา ผู้คนเหล่านั้นก็หาใช่ใครที่ไหน คือพวกที่เคย
ได้รับคะแนนจากบ๊อบมาช่วยสนับสนุนจนเป็นไวน์ขึ้นชื่อมีระดับขึ้นมาทันตาเห็นนั่นเอง

ทั้งๆที่ระวังตัว..แต่เขาก็ก้าวพลาดจนได้ นั่นคือ..
การที่เขาได้นัดพบกับ Alain Raynaud ประธานของ
Union des Grands Crus มาร่วมรับประทานอาหารค่ำ..
โดยที่ นายอเลน ได้ถือโอกาสเชิญเจ้าของไร่ไวน์
มาร่วมโต๊ะด้วยอย่างเซอร์ไพรส์ ก็มี
นาย Gerard Perse เจ้าของ Chateau Pavie และ ที่ขาดไม่ได้ คือ มิเชล..ที่ถือว่าเป็นเจ้าของไร่ไวน์อีกคนหนึ่ง
เท่านั้นไม่พอ..นายอเลน ประธานยูเนี่ยนเองก็เป็นเจ้าของไร่ไวน์ ที่เพิ่งผลิตไวน์ตัวใหม่ออกมา ชื่อว่า
Quinault L'Enclose (St.-Emilion Grand Cru)ซึ่งได้รับคะแนนจากบ๊อบไปไม่น้อย (อันนี้..คือของดีราคายุติธรรมนะคะ ขอบอก ที่นี่ขวดละห้าสิบกว่าเหรียญ และ จะไม่ผิดหวังเชียว แต่หายาก)

เสียงอื้ออึงในด้านลบก็ตามมาติดๆ.. พวกที่เคยได้คะแนน
แย่ๆจากบ๊อบก็รวมกลุ่มหันมาโจมตีแบบไม่เลี้ยง..
อย่าง Chateau Bouscaut (ชาโต บูสโกต์) ซึ่งเป็นไวน์เก่าแก่ชั้นดี มีชื่อเสียงเกียรติประวัติมานานแสนนาน
ได้รับคะแนนจากบ๊อบในปี 1999 แค่ 79-82
ถือเป็นโอกาสแก้แค้นแบบไม่ยั้ง โดยการออกให้สัมภาษณ์ถึงเงื่อนงำในคะแนน
และแน่นอนว่า..แนวร่วมที่ออกมาต่อต้านนั้น..จำนวนไม่น้อย เรียกได้ว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก..!!!

จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ก.ค. 49 15:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 111

เห็นเทสติ้งโน้ต ของคุณวิโรจ แล้วมาอ่านของผมที่เขียนเองแล้ว เขินครับ
ของผมเขียนอะไรก็ไม่รู้... ได้กลิ่นมะกอกดองร้าน subway งี้ กลิ่นสนิมชื้นๆ งี้
ความรู้สึกของผมที่มีต่อขวดนี้ก็คือ ผมชอบกลิ่นของมันมากๆ ครับ ซับซ้อนเล็กน้อย หอมแบบ ผลไม้สุก และ พัฒนา ตลอดเวลา ไปจน 2 ชม. ครึ่ง
ส่วนรสชาติ ตอนแรก รู้สึกได้เลยว่า ผมยัง "ปากเสีย" ไม่พอ อมจนกลืนแล้ว ก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไป 2 ชม. ดีขึ้นมากๆ ครับ ครบเครื่อง

แต่...สำหรับผม ไม่โดนครับ ยังหลงไหลได้ปลื้ม กับไวน์โลกใหม่อยู่

สำหรับเรื่องจะขายได้ไหมนั้น ก็เป็นไปตามที่คุณ วิโรจ เคยพูดถึง ครับว่า ลูกค้า ไพรเวท นั้นเป็นกลุ่มหลัก

----------------------------------------------------------
ขออนุญาต จับชน กับ ราดหน้านายเคี้ยง ไส่ไข่เจียว

จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 13 ก.ค. 49 16:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 112

คนที่ร่วมโต๊ะอีกคนหนึ่งคือ นาย Gerard Perse เจ้าของ
ชาโต ปาวี นั่นก็ได้รับแจกคะแนนไปอ่วม ปี 2000 รับไป 100 เต็ม ปี 2001 รับไป 94-96 ขนาดนี้..นายเปอร์สยังมีหน้ามาบ่นกระปอดกระแปดด้วยความหงุดหงิด หาว่า น้อยไป..

คนที่ออกมาขวางเรื่องการให้คะแนนแบบน้ำไหลไฟดับ
ที่เที่ยวไปแจกไวน์โรงรถมั่ง ไวน์ฝั่งขวาไร้วี่แววแทร์วาร์มั่ง...ของบ๊อบนั้น
คือ หญิงแกร่ง Jancis Robinson เกจิไวน์หญิงแห่งเกาะอังกฤษนั่นเอง..
แจนซิสเป็นนักข่าวโดยดั้งเดิม..เธอเป็น Master of Wine
ตั้งแต่อายุเพียง 34 (เกิดปี 1950) และเป็น MW คนแรกที่
เป็นคนนอกไม่ได้มาจากครอบครัวของชาวไวน์
แจนซิสได้ประกาศอย่างไม่เกรงใจเกจิบ๊อบเลย..ว่า
ไอ้เจ้าไวน์ที่ต่างได้รับกันไปคนละ 90 แก่ๆ หรือ 100 เต็มอย่าง ปาวี นั้น..ไม่เข้าท่า..โอ๊คกระจายไม่เป็นที่เป็นทาง
ขาดความพอดี แก่ดีกรีจนเหมือนกับดื่มเหล้าพอร์ตที่
กลาสีเรือชอบซด
ความเป็นไวน์แบบผู้ดีๆน่ะ หายไปไหน..???

บ๊อบก็ออกโรงตอบโต้ทันที เขาว่า..แจนซิสมีความเป็นอังกฤษอยู่ในสายเลือดและในดีเอ็นเอ จนหูตาฟ้าฟาง..
มองไม่เห็นความเป็นสัจจธรรม อังกฤษทำไวน์ดีๆชนิดเข้มข้นไม่ได้ (เพราะดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ) จะมารู้จักมักจี่อะไรกับไวน์รสจัด และถ้าจะโกรธก็ไม่น่าจะต้องไปพาลเอากับไวน์ของปาวี (ที่ดีแสนดี ให้ไป 100 เต็มน่ะเหมาะสมแล้ว) น่าจะหันมาตำหนิเขาตรงๆจะดีกว่า..

เพราะการโต้แย้งข้ามทวีปนี้เอง ทำให้นายเปอร์สมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย..
ข่าวดีคือ..เขาได้ถือเป็นโอกาสโก่งราคาไวน์ 2001 ขึ้นไปสูงลิ่ว..ร่วมสองร้อยเหรียญ

ข่าวร้ายคือ..คนที่ฟังแจนซิสก็มีจำนวนไม่น้อย..ไวน์ ชาโต ปาวี ที่ว่าแพงๆนั้น ก็อยู่คงกระพันประจำหิ้งไวน์ต่อไป
เพราะขายไม่ออก..

จากคุณ : WIWANDA - [ 13 ก.ค. 49 16:35:11 ]

ความคิดเห็นที่ 113

แหม...กำลังปั่นต้นฉบับ Pavie 2000 อยู่พอดีเลย

Pavie 2000
St.-Emilion, Bordeaux, France
Merlot 60%, Cabernet Franc 30%, Cabernet Sauvignon 10%
Rate: 97

...สีแดงสด ทึบลึกมาก ส่งกลิ่นฟางอ้อย แก่นและรากไม้
...เป็นกลิ่นซับซ้อนที่สมบูรณ์แบบ สำแดงความเป็นผลไม้แดงดำ
...แอซิดิตี้และความลงตัวสมบูรณ์แบบ สมดุลดีมาก
...โครงเนื้อหนาเต็ม เนื้อหนา แน่น อวบอย่างที่ไม่เคยพบ
...บอกถึงความมหัศจรรย์ที่แตกต่างจากไวน์ St.Emilion อย่างสิ้นเชิง
...จบยาวเร้าใจ คงจะพร้อมดื่มปี 2010 และอยู่ยาวเกิน 2050

“เอาเป็นว่ามาเริ่มเดินกันใหม่...ตั้งแต่ต้นเลย”

...นับเนื่องจากปี 1998
...นอกจากจะสั่งรื้อและวางสัดส่วนพันธุ์องุ่นในไร่ใหม่หมด
...องุ่นทุกเม็ดถูกลำเลียงส่งจนถึงปากถัง
...ผ่านระบบสายพานที่สามารถคัดแยกก้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
...โรงหมักแห่งใหม่พร้อมถังไม้ใหม่ถูกจัดสร้าง
...คู่โรงบ่มขนาดใหญ่อันทันสมัยที่สุดใน Bordeaux

“เปลี่ยนให้หมด เว้นไว้ก็แต่ชื่อ Pavie” ...Gerard Perse

...เป็นไวน์ดีมากแบบแปลกๆ เหมือนไม่เคยเป็น St.-Emilion

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 13 ก.ค. 49 16:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 117

สวัสดียามดึกๆครับทุกๆคน

อาจารย์วิโรจน์ครับ เล็กขลาตาชนะครับ คำตอบครับ

ถูกกกต้องงงงนะคร้าบบบ
ผมอยู่ก๊วนเดียวกับแกมาได้ซักพักแล้วล่ะครับ แกให้ความการุณย์แก่ผมมากเลยครับ

พี่วิครับขวดนั้นแหละครับ ต้องขออภัยจริงๆที่ลงชื่อผิดไปหน่อย วันนั้นนับว่าน่าเสียดายนักสำหรับไวน์ตัวนี้เพราะต้องชนกับไวน์ตัวที่เชิงดีกว่าทำให้มันเหมือนโดนข่มเอาไว้เลยครับ แต่ท่าได้ดื่มมันแบบเดี่ยวๆแล้วก็นับว่าเป็นมือกระบี่ชั้นแนวหน้าตัวนึงทีเดียวเชียว

โอ้พี่วิครับ raymond lafon ขวดนั้นเป็นของพี่อู๋แห่งจุลดิศครับ เป็นเซียนไวน์ในหมู่เซียนไวน์คนหนึ่งของเมืองไทยทีเดียวเชียวครับ

ผมรู้สึกว่า Alter Ego 2000 เป็น 1 ในไวน์ฉลาก 2 ที่ดีเยี่ยมตัวหนึ่งทีเดียวเชียวนะครับ เป็นรองแม่ทัพที่สามารถไว้วางใจให้นำทัพสู้ศึกได้เลยครับ และเป็นไวน์ที่ค่อนข้างจะคุ้มเงินทีเดียวเชียวครับ(ราคาประมาณ 2000 กว่าๆบาทเท่านั้นเองครับ)

จากคุณ : Phantom of The Cellar (Phantom of the Cellar) - [ 13 ก.ค. 49 23:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 119

ความซวยของบ๊อบไม่ได้หยุดยั้งแต่เพียงแค่นั้น...มันตามมาอีกยาว คราวนี้หนักหนาเอาการ ..
ในเดือนมกราคม 2002 คือการเดินสายชิมไวน์บอร์คโดซ์
ของบ๊อบนั่น ระหว่างที่เขามาถึงที่ไร่ ชาโต ปาล์แมร์
ณ. ลานจอดรถนั้นเอง เขาได้รับทราบข่าวว่า มีการลือกันพร้อมกับหลักฐานชัดเจน ว่า..เขารับเงินทองสินจ้างจากไร่ไวน์ต่างๆในการให้คะแนน และหลักฐานนั้นคือ
บิลที่มีตัวเลขเก็บเงินลูกหนี้..โดยเอกสารดังว่า เป็นกระดาษที่มีเครื่องหมายของ WA ของแท้..

บ๊อบได้ฟังก็แทบคลั่ง..เขารู้ดีว่ามันไม่เป็นความจริง ต้องมีใครสักคนสร้างสถานะการณ์ขึ้นมาเพื่อความมุ่งประสงค์ร้าย..เขาเข้าสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง..และไปพบกับเหล่าลูกหนี้ที่ได้บิลนั่น..ซึ่งไม่ใช่รายกิ๊กก๊อก หากแต่..เขาคือ
นาย Laporte ผู้บริหารไร่ไวน์ใน St.-Emillon ไร่หนึ่งในจำนวนหลายๆไร่ ที่มีเจ้าของคนเดียวกัน นั่นคือ The Green Group (เป็นบริษัทลงทุนใหญ่ข้ามชาติจากเบลเยี่ยม)
เมื่อได้พบกัน..นาย ลาพอรต์ ได้ยื่นเอกสารเรียกเก็บเงิน
(ที่จ่ายไปแล้ว) ให้เขาดูหนึ่งปึกใหญ่
ผู้ที่รับเงินไป....นั่นคือ นาง Hanna Agostini เลขาคนสนิทสายไวน์บอร์คโดซ์ประจำฝรั่งเศสของบ๊อบนั่นเอง

เมื่อสอบถามกับเจ้าตัว..อันนาทำท่าตกใจ เธอเล่าว่า
จริงอยู่..ที่เธอได้มีธุรกิจ(นิดหน่อย) โดยการทำหน้าที่เป็น
ที่ปรึกษาให้กับ The Green Group แต่ทำในบริษัทของตัวเองกับสามี ในบริษัทชื่อว่า Wine & Feathers
และเธอได้นำเอกสารดังว่ามาให้ดู ซึ่งมีลักษณะและจำนวนเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ใช่เอกสารในกระดาษของ
WA (Wine Advocate)

และบ๊อบได้แย้งว่า..ถ้าเป็นการปลอม ตกแต่งเอกสาร..แล้วกระดาษของจริงเหล่านั้น เขาเอามาจากไหนกัน?

อันนาก็ตอบว่า..จำได้หรือเปล่า ที่เมื่อสองเดือนก่อน ที่เล่าให้ฟังว่า กระเป๋าเอกสารของเธอที่มีกระดาษของ WA นั้นได้หายไป คนหวังร้ายอาจจะเอาไปทำขึ้นมา เพื่อหวังล้างชื่อเสียงของบ๊อบ

แค่นี้เอง...บ๊อบก็เชื่อในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของอันนา
อย่างหมดใจ..อีกทั้งได้เตือนว่า..อย่าริหาเงินโดยการทำตัวเป็นที่ปรึกษาอีก เพราะมันจะหมองมาถึงเขา..
เลิกซะเถิด..

ทั้งอันนาและสามีก็รับปากรับคำเป็นอย่างดี..
ส่วนเรื่องเอกสารปลอมหรือไม่ปลอมนั้น เขาได้แจ้งความให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินคดี..

จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ก.ค. 49 03:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 120

แต่..มันช้าไปแล้วไตรภพ...!!

หนังสือพิมพ์ทั่วฝรั่งเศสได้ลงตีข่าวนี้แบบเจาะลึก
และลงข่าวในระยะเวลาแบบตั้งใจ นั่นคือ ในอาทิตย์ปลายเดือน เมษายน 2002 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่บ๊อบกำลังจะประกาศคะแนนของการชิมไวน์ วินเทจ 2001 พอดี
ในหัวเรื่องของขบวนการที่เรียกว่า..
" The Affair that brings the house of Parker down"
หรือ L'Affaire que ebranle' la maison Parker

เนื้อข่าวมีการสืบและค้นคว้ามาอย่างดี แบบละเอียดยิบ..
ว่า..นางอันนา และสามี เลขาส่วนตัวและผู้ช่วยคนสนิทของบ๊อบ ปาร์คเกอร์ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทน"หากิน"
"หารายได้" กับชาวไร่ไวน์มานานหนักหนา ตลอดเวลาหกปีที่ผ่านมา โดยการล๊อบบี้ให้ใครต่อใครมาเจอกัน และ
เพื่อให้คนพวกนั้นได้เข้าไปถึงบ๊อบ เพื่อที่จะได้คะแนนเเต้มสูงลิบ ส่วนตัวเองได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเป็นทอง
พร้อมเปอร์เซนต์ในยอดขาย..
ในรายของ The Green Group นั่น นางอันนาได้พานาย
Riccardo Cotarella (ไวน์เมธีอิตาเลี่ยน..เล่ามาแล้วนะ)
และ นาย Jean-Luc Thunevin ไวน์เมธีประเภทปาฏิหารย์
ทำไวน์ออกมาถูกปากบ๊อบ ได้รับแต้มไปเต็มๆร่วมร้อย(จะเล่าทีหลัง ถึงไวน์ที่ว่านี้ นามว่า..Chateau Valandraud)
ไปพบเจรจาธุรกิจกับบริษัท เดอะ กรีน กรุ๊ป เพื่อทำการ
ว่าจ้างคนทั้งสองมาผลิตไวน์ทั้งหมดในเครือของบริษัท
ให้ถูกปากบ๊อบอย่างที่เคยได้รับผลสำเร็จมา..
และนี่คือ..การที่หลายไร่ได้มาซึ่งคะแนนแบบสุดโต่งของ
เกจิบ๊อบ..

ข่าวนี้ฮือฮา..เล่นเอาบัลลังค์จักรพรรดิ์แห่งไวน์สะเทือน
จนแทบล่ม..

จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ก.ค. 49 03:45:41 ]

ความคิดเห็นที่ 121

บ๊อบนั่งไม่ติดที่..เขารีบให้สัมภาษณ์กับ Le Nouvel Observateur ว่า..
เขาเองก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน มารู้จริงๆก็เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา..ว่าอันนาทำอาชีพเสริม (แบบเล็กๆน้อยๆ) ในนามของบริษัทของเธอเอง ไม่เกี่ยวกับเขา
และได้ตักเตือนให้หยุดไปแล้ว..เรื่องก็น่าจะจบกันไป
แต่เรื่องที่อันนาได้จัดการคิวการชิมไวน์ในไร่ และแนะนำไวน์ดีๆใหม่ๆมาให้ชิม..นั่นเป็นเรื่องจริง..
ซึ่งในการณ์นี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเขาเอง
อันนาไม่มีอิทธิพลใดๆในการชักจูง..

ซึ่งการที่บ๊อบได้ให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น เท่ากับเป็นการฆ่าตัวเอง เพราะเบิ้องหลังแล้ว..มันมีมากกว่านั้น
เพราะเขาไม่รู้ตัวเลยว่า..กำลังถูกทรยศจากคนที่เขาได้ไว้ใจที่สุด..

แต่เขาก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ..โดยการจ้างทนายความให้ดำเนินการกับเรื่องนี้..
ซึ่งทุกอย่างก็เงียบไปพักหนึ่ง เพราะอยู่ในขั้นตอนของการตามล่าหาความจริง..
แม้ว่าจะอยู่ในระยะของการสืบหาก็ตาม..ใครต่อใครหลายผู้คนก็ยังกังขาว่า..
ทำไม..ในเมื่อมีข่าวฉาวโฉ่ หมิ่นเหม่ต่อชื่อเสียงขนาดนี้
บ๊อบยังจ้างอันนาในฐานะผู้ช่วยอยู่อีก ทำไมไม่ไล่ออก..
นี่คง"รู้กัน" ละซิ..

น้อยคนที่จะเข้าใจว่า..บ๊อบคือทนายความคนหนึ่ง ที่ถือคติว่า..innocent until proven guilty และ เขาให้ความเห็นใจกับอันนาที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ตกมาอยู่ในหมู่ของกลุ่มเสือสิงห์ กระทิง แรด..แถมยังอาจมีสาเหตุมาจากการเหยียดผิว..เพราะอันนามีเชื้อสายของชาว Mauritius
(คือชาวเกาะในกลุ่มมหาสมุทรอินเดียอันเป็นอาณานิคม
ฝรั่งเศส)
จะไปสู้รบตบมืออะไรไหว..???

จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ก.ค. 49 04:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 126

แวะมาตอกบัตร และสวัสดีทุกๆท่านครับ
วันนี้มีเทสติ้งโน๊ตมาแปะให้ชมกันเล่นๆนะครับ(อย่าขำนะครับแบบว่าพลังยุทธยังไม่สูงอะครับ)
วันที่ 7/07/06 ณ จุลดิศ
Champagne Duval Leroy, Brut NW

แชมเปญให้สีเหลืองใสดูสวยงาม ฟองพรายเต้นระริกอย่างเริงร่าเหมือนดั่งดรุณีแรกแย้ม แย้มยิ้มเอื้อนโอษฐ์ชวนให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มงมงาย กลิ่นกายเธอนั้นหอมสะอาดสดชื่นมีกลิ่นอายของ ozone บนยอดเขาแอลป์ กรุ่นด้วยกลิ่นของบิสกิตชั้นดีที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารยามเช้าในโรงแรมระดับ 5 ดาว กลิ่นยีสต์หอมกำลังดีไม่เหม็นตุจนเกินงาม นับเป็นกลิ่นที่หอมแบบใสๆแต่แฝงความเซ็กซี่ไว้ภายใน ทำให้นึกถึงน้องโพร์ขึ้นมาจับใจ

พอจิบดื่มเข้าไปเหล่าฟองพรายทั้งหลายก็ประทุขึ้นมาภายในโพรงปาก แต่ไม่โผงผางโฉ่งฉ่างในทางกลับกันกับนุ่มละมุนกลมกลึงเหมือนการแตกระเบิดของดอกไม้ไฟที่ตอนแรกเหมือนจะรุนแรงแต่กลับนุ่มนวลและสวยงามตราตรึงใจยิ่ง แอซิดฯนั้นสมดุลสดชื่นกำลังดี อาฟเตอร์เทสละมุนช่วงจบใช้ได้แต่กระชั้นสั้นไปหน่อย

จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 14 ก.ค. 49 13:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 128

สวัสดีครับพี่วิ...จากความเห็นที่ 110

..."เท่านั้นไม่พอ..นายอเลน ประธานยูเนี่ยนเองก็เป็นเจ้าของไร่ไวน์ ที่เพิ่งผลิตไวน์ตัวใหม่ออกมา ชื่อว่า
Quinault L'Enclose (St.-Emilion Grand Cru) ซึ่งได้รับคะแนนจากบ๊อบไปไม่น้อย (อันนี้..คือของดีราคายุติธรรมนะคะ ขอบอก ที่นี่ขวดละห้าสิบกว่าเหรียญ และ จะไม่ผิดหวังเชียว แต่หายาก)"...

...ตัวที่พี่วิ...ว่าคือตัวนี้ครับ ผมก๊อปมาจาก bbr.com นะครับ

...Chateau Quinault l'Enclos is now unquestionably one of the star estates in St-Emilion. It is a St-Emilion Grand Cru property and is owned by Dr Alain Raynaud and his wife Franoise with cult oenologists, Michel Rolland and Denis Dubourdieu, acting as consultants. Quinault l'Enclos's spanking new cuverie and chai are located in the heart of the town of Libourne with the 18-hectare vineyard being very close to the Pomerol boundary.

...The average age of the vines is high (60-70 years) and the wine is now a blend of 80% Merlot, 10% Cabernet Franc and 10% Cabernet Sauvignon. Quinault l'Enclos is matured in 100% new oak barrels for 18 months and is bottled unfined and unfiltered.

ผมได้ซื้อ Ch. Quinault l'Enclos ปี 2000 ที่สิงคโปร์ ราคาขวดละ 125 เหรียญสิงคโปร์ ตกราวๆ 2,900 บาทครับ ยังไม่มีเวลาบินไปเอามาเปิดชิมครับ ของยังอยู่ที่โน่นอยู่เลยครับ และไม่กล้าซื้อเยอะด้วย ซื้อไว้แค่ 6 ขวดครับ (ซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว)

ที่พี่วิ..บอกว่า...ของดีราคายุติธรรมนะคะ ... และจะไม่ผิดหวังเชียว.. แต่หายาก ...

คำถามคือผมควรจะซื้อเพิ่มหรือไม่ครับ และมีใครเคยชิมมาแล้วบ้างครับช่วยบอกด้วยครับ (สงสัยต้องหาเวลาบินไปเอากลับมาชิมโดยด่วนซะแล้วมั้ง)

ปล.ไม่ได้เห็นพี่วิ..เป็นอีตาบ๊อบนะครับ แต่ความรู้ของผมยังน้อยบวกกะลิ้นยังไม่กล้าแกร่งพอ ไวน์ที่พี่วิ..กับพี่วิโรจ (แดนไตร) แนะนำมา มันก็ของดีจริงๆนี่ครับ (คุ้มค่าเงินด้วย)

จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 14 ก.ค. 49 18:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 129

พี่วิ...ครับ

...ผมเคยพบกับ Alain Raynaud ประธาน Union des Grands Crus
...เมื่อราวเกือบสิบปีก่อน ที่คณะ Faculty of Oenologist ที่ Bordeaux University
...และมีโอกาสเป็นแขกรับเชิญในดินเนอร์ส่วนตัวที่บ้านเขา
...ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่ครับ (555555)
...วันนั้นเขายังยืนตรงๆ อยู่นี่ครับ

...มาวันนี้...รู้ว่าเขาทำไวน์ ก็มีความคิดแตกออกเป็นหลายประเด็น

หนึ่ง...ก็คนอยู่ตรงนั้น ไม่ทำไวน์...แล้วจะให้ไปปลูกถั่วหรือไง

สอง...ไม่ทำไวน์เอง...แล้วจะมีปัญญารู้ไหมว่า...คนทำไวน์ที่เหลือมีปัญหาอะไร

สองจุดหนึ่ง...แต่เมื่อต้องเป็นผู้คุมกฏ มาทำไวน์เสียเอง แล้วจะเป่านกหวีดให้ใครฟัง

แต่จากข้อมูลจากพี่วิ...เรื่องดินเนอร์กับ...พวกนั้น ก็แตกความคิดออกไปอีกว่า

หนึ่ง...กินข้าวกัน...มันแปลกตรงไหน
สอง...ไม่มองหน้ากัน ไม่ต้องกินข้าวกัน...มันก็แปลกเหมือนกัน
สาม...ที่ผิด...อาจจะแค่มีนายบ๊อบเท่านั้น
สี่...อันนี้เป็นคำถามว่า...ถ้าเป็นเรา..เราจะทำอย่างนั้นหรือไม่

...มันแค่...ความเป็นไปของโลกแห่งไวน์

...ว่าแล้ว...หา Ch. Quinault l'Enclos มาดื่มแก้ปัญหากันดีกว่า ...ดีไหมครับคุณวาริชเวสม์
...ผมมีรสนิยมเรื่อง..."ชอบของแปลก" เสียด้วย

จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 14 ก.ค. 49 23:35:51 ]

ความคิดเห็นที่ 130

สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณ วาริชเวสม์

ตอบตรงๆเลยนะคะ ว่าพี่เห็นด้วยกับบ๊อบในเรื่องไวน์หลายๆตัว แต่ที่ไม่เห็นด้วยก็มีมาก เพราะ ไม่ยอมให้เขาจูงจมูกนั่นเอง เงินของเราจะใช้จ่ายก็ต้องอยู่ตามดุลยพินิจ
ตามใจที่ชอบ เรื่องของ Chateau Quinault l'Enclos
ชาโต ควิโนต์ เลิงโคลส์ นี้..ต้องชิม เพราะ แปลกใจว่า ทำไมราคามันถึงได้แตกกระจายเป็นหลายสาแหรกรัฐ
มีทั้งสูงและต่ำแบบไม่น่าเชื่อ เหมือนกับว่า ใครจะพอใจขายราคาไหนก็ว่ากันไป..
พี่ซื้อได้ในราคา $ 500 นิดๆต่อลังค่ะ (หมายถึงราคา
โบร๊คเกอร์และรวมภาษีแล้ว)

เมื่อมาชิมก็เห็นดีด้วยตามบ๊อบทุกประการ เพราะพี่ชอบไวน์เมอร์โลต์เบรนด์ด้วย...สมกับคะแนนที่ได้คือ 94
ที่สำคัญ..มีกลิ่นจรุงโอ๊คที่ลงตัวมาก..(ของแท้นะคะ ไม่ใช้โอ๊คชิบ..)

ถ้าคุณซื้อได้ในราคา ขวดละ 2900 บาท ก็ไปยกลังมาเถอะค่ะ มาขายแบ่งๆให้พรรคพวกบ้าง.. อิอิอิอิ
พี่จะยกราคาหลายสาแหรกมาให้ดู..
ที่คาลิฟอร์เนีย...คือ ราคานี้ค่ะ

2000 Chateau Quinault L'Enclos - 94 POINTS PARKER!!!
Item Name: 2000 Chateau Quinault L'Enclos - 94 POINTS PARKER!!!
Category: Bordeaux Blend
Item Number: OWC
Quantity: 10 available
Bottle Size: 750 ml
Price: $54.00
Seller: winebuyer999 (574)
Send winebuyer999 a message
Platinum Seller
2000 Chateau Quinault L'Enclos - 94 POINTS PARKER!!!
...............................

ราคาที่ฮ่องกงของ Berry Bros. & Rudd

2000
Ch. Quinault l'Enclos, St. Emilion - France
Medium Bodied, Dry, For laying down, Cab-Sauv/Merlot, 13% alc.

"The powerful, multi-layered 2000 should rival 1998 as the finest Quinault produced. It boasts an opaque purple colour as well as a gorgeous concoction of crushed blackberries, blueberries and balck currants intermixed with violets, licorice and subtle smoky oak. It cuts a broad swath across the palate with an expansive chewiness in addition to terrific concentration, purity and overall equalibrium. In spite of that it is remarkably light on its feet. It is hard to find fault with this wine, making the cascade of local criticism of Raymaud all the more difficult to comprehend. Anticpated maturity: 2006-2018." 94/100 pts (Robert Parker - Wine Advocate - Apr-2003)

Special price (for unsplit orders of 12): HK$1003 Bottle
75 cl HK$1056

................................

ที่เอเย่นต์ในวอชิงตัน..

ที่วอชิงตัน...

"Rated 94 - The powerful, multi-layered 2000 should rival 1998 as the finest Quinault produced. It boasts an opaque purple color as well as a gorgeous concoction of crushed blackberries, blueberries, and black currants intermixed with violets, licorice, and subtle smoky oak. It cuts a broad swath across the palate with an expansive chewiness in addition to terrific concentration, purity, and overall equilibrium. In spite of that, it is remarkably light on its feet. It is hard to find fault with this wine, making the cascade of local criticism of Raynaud all the more difficult to comprehend. Anticipated maturity: 2006-2018." - Robert Parker

$75.00
750mll

Item # quinault2000

ข้อความอธิบาย มีทิ้งท้ายไว้ด้วย..เห็นไหมคะ..ว่า

" It is hard to find fault with this wine, making the cascade of local criticism of Raynaud all the more difficult to comprehend."

ประชาชนชาวไวน์มีทั้งสนใจซื้อมั่ง ไม่ซื้อมั่ง เพราะ"ข่าว"ที่เล่ามา..ราคาเลยกระจาย ห่างกันโต่ง ทั้งๆที่เป็นไวน์ตัวเดียวกัน
แต่ก็บ่งบอกได้ว่า..คนเริ่มไม่"ตื่นเต้น" กับแต้ม 94 ของบ๊อบแล้ว..ยิ่งมีเคลือบแคลงด้วยแล้ว..
เจ้าของไร่ไวน์ต้องปล่อยแบบใครกำเงินสดมาซื้อก็ได้
ราคาถูก..
นี่ละค่ะ คือการแตกของราคา..ที่เอามาตรฐานไม่ได้

คุณมีโอกาสซื้อในราคานี้..ก็เอามาเถอะค่ะ เพราะถูกจริงๆ
สำหรับสินค้าที่มีคุณภาพ

จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ก.ค. 49 00:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 131

สวัสดีตอนค่ำค่ะ คุณวิโรจ

เรื่องการไปดินเนอร์ของบ๊อบกับอเลนและพวก
ความจริงมันก็ไม่น่าแปลก แต่ว่า..กระแสที่จับจ้อง จับผิด
รวมทั้งความที่มีศัตรูอยู่รอบด้านนั้น มันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่
และมันมีมากกว่านั้น จะเล่าให้ฟัง..เอาเบื้องหลังก่อนนะคะ
คือว่า บ๊อบได้จ้างอันนาและสามีให้คอยเป็นหูเป็นตา ติดต่อกับกลุ่มผลิตไวน์บอร์คโดซ์ ทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวาแบบเงียบๆ มานานถึงหกปีแล้ว..เปรียบเสมือนเป็นสายลับให้
เพื่อการที่จะรู้ความเป็นไปในขั้นตอนการผลิต ว่า..
มีการเปลี่ยนแปลงกันอย่างไร ใช้ปุ๋ยยังไง โอ๊คใหม่หรือ
เก่า เหมือนกับเป็นการชงเตรียมไว้ให้ ก่อนที่จะ"ชิม"
และให้คะแนน
(ซึ่งก็ไม่ผิดตรงไหนนะคะ..ถ้าอันนาไม่เล่นตุกติก)

แต่ฉากหน้าในสังคม ตำแหน่งที่เป็นทางการของอันนาคือ
ผู้ช่วย..และเลขานุการิณีสองภาษาให้กับ WA ประจำภาคพื้นยุโรป..มีออฟฟิซประจำอยู่ในบอร์คโดซ์

การสอบสวนของฝรั่งเศสในคดีเรื่องเอกสารนั้น มาสรุปได้ใน วันที่ 23 มกราคม 2003 คือ ตำรวจบอร์คโดซ์ได้เข้าทำการค้นบ้านของอันนา และ ถูกนำตัวไปสอบสวน
พร้อมทั้งแจ้งข้อหา ทุจริตหลอกลวงปลอมแปลงเอกสาร
ซึ่ง..เธอต้องวางเงินประกันถึง $38,000 เพื่ออิสรภาพ
และ..ต้องหาทนายมาสู้คดี

เรื่องแดงถึงขนาดนี้..บ๊อบยังเชื่อว่า..อันนาถูกใส่ร้าย
และยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แถมยังมีหน้ามาเขียนข้อความในจดหมายเวียนถึงสมาชิกว่า..
"จะให้ผมทำอย่างไรดี..กับเรื่องนี้"

ส่วนชาวบอร์คโดซ์..หมดความสงสารและเมตตาอย่างไม่มีเยื่อใย เพราะเมื่อปีก่อน คือ ปี 2002 บ๊อบได้ (กะแก้แค้น..ว่างั้นเถอะ) ประกาศออกมาเป็นทางการให้ผู้คนรู้ว่า..ไม่ต้องแย่งกันซื้อไวน์ 2001
(ไวน์ตุน..เอิง เปรอะเมอร์) เพราะเขาจะไม่ให้คะแนน
เนื่องด้วยเกรงว่าจะมีการตุน และโก่งราคา..เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2000 ที่ไวน์ต่างๆขึ้นราคากันอย่างระเบิดเถิดเทิง..
ทีนี้...เมื่อบ๊อบพูดออกมาอย่างนี้..กลุ่มเอเย่นต์ในอเมริกา
เลยชะลอการสั่งซื้อไวน์ฝรั่งเศสกันเป็นแถวๆ
May-Elaine Lenquesaing เจ้าแม่แห่งไร่ Pichon Lalande
ถึงกับกราดเกรี้ยว..ว่า..
"อย่างนี้..มันแกล้งกันชัดๆ"
แต่คนที่เข้าข้างเขาก็มี คือ นาย Michel Bettane นักเขียน
เรื่องไวน์ ได้บอกว่า..
"แหม..ทีปี 2000 บ๊อบได้ออกมาแจกคะแนนดีๆให้กันถ้วนหน้า ไม่เห็นมีใครว่าสักคน โก่งราคากันยกใหญ่ คราวนี้เขาเกิดเห็นใจคนซื้อ กะจะให้ราคามันตกลงมาบ้าง..
ก็ด่าเขาเปิง..จะไปเอาใจกันถูกยังไงฟะ?"

แต่เขาก็ได้สร้างศัตรูไปแล้วทั้งเมือง..เมื่อมาถึงเรื่องของอันนา..จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครต่างช่วยกันขุดคุ้ย..

.................................

ขอทักทายหลานรัก sofat ก่อน..น่ารักจริงๆหลานเอ๋ย
เดี๋ยวนี้ไม่ใช่มีแต่ภาพแล้ว..มาเป็นภาพยนตร์เลยทีเดียว
เก่งอะไรปานนั้น...

จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ก.ค. 49 12:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 133

แหม..ว่าจะแตกกระทู้ใหม่ แต่กำลังติดพัน เพราะเรื่องมันต่อเนื่อง คุณวิโรจก็เข้ามาทั้งๆที่เป็นวันหยุดด้วย
งั้นเล่าต่อละกัน..
จากคำถามที่ว่า..
"...แล้ว Alain Raynaud ได้รับผลกระทบอะไรกับตำแหน่ง ประธาน Union des Grands Crus บ้างหรือเปล่า ?"

เผอิญเขาก็หมดวาระพอดี.. แต่โดนลูกหลงบานตะไท
จนต้องออกมาแก้ต่างเป็นพัลวัน เรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ..

Dr.Alain Raynaud (เขาเป็นแพทย์โดยอาชีพดั้งเดิม แต่หันมาเอาดีในเรื่องไวน์) หมดวาระของการเป็นประธานสหภาพกรอง ครู ไปเมื่อไป 2001
และคนที่มาแทนคือ นาย Anthony Perrin ซึ่งเรื่องราวนั้นสาวไปได้ใหญ่โต จากคดีของอันนาที่เริ่มเข้าใกล้ตัวของ
อเลนเต็มที่ เนื่องจาก
ใครๆก็ทราบดีว่า ทั้งบ๊อบ อเลน และอันนา มีความสนิทสนมกลมเกลียวกันเป็นอย่างดี แล้วเรื่องสำคัญคือ
ตัวบ๊อบเองงัดข้อกับใครไม่งัด ดันมางัดกับเจ้าแม่..แห่ง..Pichon Longueville Comtesse de Lalande คือ เมย์ เอเลน
ที่บ๊อบไปให้คะแนน ไวน์ของเธอในปี 1999 แค่ 87-89 (คุณวิโรจ..ว่าไงคะ?) เท่านั้นเอง..
เปรียบเสมือนระเบิดนิวเคลียร์ลงกลางบอร์คโดซ์ เมย์ลุกขึ้นมาประกาศศึกอย่างเป็นทางการกับบ๊อบและกลุ่มเพื่อนบ๊อบ
โดยลงข่าวกลางหน้าหนังสือพิมพ์ Sud-Ouest ว่า..ขอให้บ๊อบได้ออกมาแถลงการถึงสภาพในการชิมไวน์ (ของเธอ) ครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา..
ว่า..จริงหรือไม่..ที่เขาได้นำไวน์ติดตัวผ่านระยะทางไปถึง 200 กิโล ก่อนที่จะเปิดชิม..และ
จริงหรือไม่..ที่ตอนที่ชิมนั้น บ๊อบได้ชิมหลังจากอาหารกลางวันที่มีส่วนผสมของเห็ดทรัฟเฟิล (เป็นก้อนไขที่เกิดขึ้นในดินเหมือนเห็ด
มีกลิ่นฉุนเฉียวที่บางคนว่าหอม หายากมีราคาแพง เอามาขูดโรยลงบนอาหารประเภทพาสต้า หรือ ซุป สลัด ได้ทั้งนั้น..)
เท่านั้นไม่พอ..เมย์ได้แถลงต่อไปว่า..นาบบ๊อบคนนี้เริ่มเลอะเทอะ ให้คะแนนสะเปะสะปะ สามสี่ปีหลังๆมานี่เริ่มเห็นได้ชัดว่า..
ชอบแจกคะแนนดีๆให้กับพวกของตัว
บ๊อบได้ออกมาแก้ตัว..ในเรื่องเล่นพรรคเล่นพวก..ว่า ไม่มีมูลความจริง เพราะว่าเขาชิมไวน์ทุกตัวแบบบอดๆ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนของใคร
แต่เรื่องที่ว่า หิ้วไวน์ไปชิมห่างนับร้อยกิโลนั้น อันนั้นจริง..(ซึ่งตรงนี้คือความผิดขั้นร้ายแรงกว่าเรื่องอื่นๆ เนื่องจากไวน์หมักใหม่ หรือไวน์ในอนาคต
ที่เพิ่งจะเอาลงถังนั้น ค่อนข้างเปราะบางไม่ควรได้รับการกระทบกระเทือน) ซึ่งบ๊อบแก้ตัวว่า..
"การชิมครั้งนี้ เป็นไปตามการจัดคิวของ Union des Grands Crus และเรื่องสถานที่ ก็เป็นเรื่องของผู้จัด คือ Dr Alain Raynaud
ที่เป็นผู้เลือกสถานที่ คือ รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน Puymirol และ ไม่มีผิดปรกติ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไวน์ทุกตัวอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม"
เขาย้ำต่อมาว่า..
" ตลอดเวลาเก้าวันของการชิม ก็ชิมแล้วชิมอีกซ้ำไปมาจนแน่ใจ..ไม่ใช่ว่าชิมหนเดียวแล้วให้คะแนน"

คนที่เห็นด้วยกับเมย์ นั่นคือ นาย Anthony Perrin ผู้ซึ่งเข้ามาเป็นประธานคนใหม่แทนอเลนแบบหมาดๆ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
"พวกเราทุกคน (หมายถึงคณะกรรมการบริการ) ไม่มีความสบายใจเลยในเรื่องการจัดชิมไวน์ที่ต้องหอบไปจัดที่นั่นที่นี่..
มันไม่เข้าท่า..แต่จะว่าเป็นความผิดของบ๊อบก็คงไม่ได้ คนที่น่าจะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ คือ ตัวเจ้าความคิด
Dr Raynaud นั่นไง"
อเลนก็แก้ต่างว่า.."มันเป็นความคิดริเริ่มใหม่ๆ ที่สร้างสีสันบรรยากาศให้ดีขึ้นกว่าของเก่าๆที่จำเจซ้ำซาก และเรื่องการเคลื่อนย้ายเก็บรักษาไวน์ตัวอย่างทั้งหมดนั่น ผมเข้ามาดูแลด้วยตัวเองทีเดียว"

ชาวไวน์ได้ลงความเห็นพ้องต้องกันว่า..เรื่องการยกไวน์ใหม่ไปชิมที่โน่นที่นี่ไกลๆ มันเป็นการไม่เหมาะไม่ควร..แต่เป็นเพราะทุกคนในยูเนี่ยนยุคของอเลนอยากจะเอาใจบ๊อบจนเกินความพอดี
อยากจะให้งานมีความอลังการจนลืมความเป็นจริงในเรื่องธรรมชาติของไวน์(ใหม่)ไปเสียสนิท
บทเรียนในครั้งนี้ ชาวบอร์คโดซ์ต้องจำไปสอนลูกสอนหลานนั่นเชียว..

จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ก.ค. 49 11:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 134

อ้อ..นายแอนโทนี่ เปอร์ริน ก็เป็นเจ้าของไร่ไวน์นะคะ
Ch. Carbonnieux, Passac-Leognan(ชาโต คาร์บอนเญอซ์ , ปาสสัค-เลย์โอญอน) และไร่อื่นๆอีกหลายไร่เป็นมาหลายชั่วคน ไปเยี่ยมชมได้ในลิงค์นี้ค่ะ

http://66.218.71.231/language/translation/translatedPage.php?tt=url&text=http%3a//www.carbonnieux.com/CARhomeE.html&lp=fr_en&.intl=us&fr=FP-tab-web-t400

แต่ไวน์ของเขา บ๊อบให้คะแนน 80 กว่าๆเอง...

ก่อนอื่นเดี๋ยวคนอ่านจะสับสนในเรื่องของบอร์คโดซ์
ว่าเขาแบ่งออกเป็น บอร์คโดซ์ใหญ่ สี่มณฑล ให้จำง่ายๆ ที่เรียกว่า Big Four นั่นคือ Medoc, Graves, St.Emilion และหรือ Pomerol (ที่เพิ่งเข้ามารวมนับได้ไม่นานนี้เอง)

ใน Medoc มณฑลเดียว ได้แบ่งออกเป็น สี่เขตดังๆเป็นที่กำเนิดของไวน์ชั้นดีมีคุณภาพ เรียกว่า Little Four อันมี..Saint-Estephe, Pauillac, Saint-Julien และ Margaux

ลองดูแผนที่ประกอบตามนี้..

จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ก.ค. 49 12:51:50 ]

ความคิดเห็นที่ 135

เมื่อตอนปี 2002 (ที่จะชิมวินเทจของ 2001) นั้น เขาก็ไปแบบเสียไม่ได้ เพราะมันมีปัญหาที่จะต้องไปติดต่อเรื่องโรงเรื่องศาลในคดีของอันนาที่เขาเชื่อว่าว่าเป็นผู้ถูกกลั่นแกล้ง..
จึงมีการชิมแบบปรกติ..เพียงแต่เขามีความหวาดหวั่นจนต้องระวังตัวแจ เนื่องจาก เกิดวิกฤติถล่มตึก 9/11 (2001)
ขึ้นมา..ชาวอเมริกันอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น
ยิ่งฝรั่งเศสซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของชาวอาหรับด้วยแล้ว..
เขาจึงรีบชิมรีบกลับ..

แต่พอมาถึงปี 2003 ..ก็มีข่าวลือกระหึ่มอีก บอกว่าคราวนี้บ๊อบจะไม่ไปฝรั่งเศสเอาเลยจริงๆ
ไม่ต้องชงต้องชิมมันอีกต่อไป วุ่นวายกันนัก
บ๊อบก็ออกมาแก้ว่า..ไม่จริง..ตั๋วเครื่องบินมีพร้อมแล้ว
จะบินตามเวลาเหมือนเคย..
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ปรากฏว่า สงครามอิรัคที่อเมริกาเปิดฉากขึ้นมาก่อนนั้น..ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ..งดการเดินทางแบบกระทันหัน
และเขาได้ส่งจดหมายไปชี้แจงกับเจ้าของไร่ไวน์ต่างๆ
ถึงเหตุผลดังว่า..

แต่ข่าวลือในฝรั่งเศสได้ออกมาอีกแนวหนึ่ง..ว่า..
"ไม่ใช่เพราะสงครามอิรัค อะไรนั่นหรอก..ที่ไม่มา เพราะว่ากลัวว่าจะถูกลากคอเข้าตะรางทันทีที่เหยียบถึงสนามบินน่ะซิ"
(เพราะเรื่องคดีของอันนา ที่หลายคนเชื่อว่า บ๊อบมีส่วนรู้เห็น รีดเงินค่าแต้ม)

บ๊อบได้ยินเข้าก็โกรธจนตัวสั่น..ติดต่อหาต้นตอที่มาของข่าวทันที ปรากฏว่า..คนที่สร้างเรื่องใส่สีตีใข่นั้น ไม่ใช่ใครอื่น..แต่เป็นอันนานั่นเอง..
ซึ่งทำให้บ๊อบได้มองเห็นธาตุแท้ของเลขาผู้ช่วยคนสนิท
อย่างชัดเจนเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง..

เขาเริ่มติดต่อซักไซร้ข้อคดีอย่างที่ไม่เคยถามมาก่อน ซึ่งไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ดังนั้น เขาจึงร่วมเข้าไปเป็นโจทก์คนหนึ่งในคดี ในฐานะผู้เสียหาย..
เดือนสิงหาคมทนายความของเขาได้ติดต่อรายงานข้ามประเทศมาให้ฟังว่า..
"อันนาผิดจริง..สร้างหลักฐานปลอมแปลงเอกสารขึ้นมาทั้งหมด"

บ๊อบจึงต้องเดินทางไปฝรั่งเศสในเดือนกันยายนของปีนั้น เพื่อดำเนินคดีและต้องติดต่อกับตำรวจเพื่อขอทราบรายละเอียดในขั้นตอนการฉ้อฉลทั้งหมด

จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ก.ค. 49 13:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 138

เอ่อ..คุณพ่อหมีคะ ..ขอพี่แก้ให้นิดนึงนะ จากข้อความข้าง
บนน่ะ
ไร่ CH. Carbonnieux ไม่ได้ขายชาโตให้กับเจ้าแขกต่างเมือง (แต่เป็นเรื่องคาดเดาของคนเขียนเรื่องไวน์บางคน)

ลองหันมาดูประวัติศาสตร์จริงๆนะคะ..

ในยุคนั้น..ตั้งแต่ศตวรรษที่12 เป็นต้นมาไร่ไวน์ต่างๆดังที่เล่ามา ล้วนแล้วแต่เป็นของขุนนาง หรือไม่ก็เป็นไร่ไวน์ของวัด..ที่พระเป็นผู้ดูแลการผลิต เมื่อผลิตก็จำเป็นต้องขายบ้าง เพื่อหารายได้เข้ามาบำรุงศาสนา
ไร่ไหน..มีชื่อเสียงว่าไวน์ดีก็ไม่ต้องไปวิ่งขายให้เหนื่อย เพราะส่งเข้าวัง เข้ากรุงปารีสไปได้เลย..

แต่ไร่อื่นๆที่ไม่มีเส้นมีสาย ก็..ส่งไปขายยังต่างเมือง ต่างประเทศ ทีนี้ไวน์ขาวของชาโต คาร์บอนเญอซ์ นั้นมีลักษณะพิเศษ คือ รสดี ขาวใสกว่าไวน์บอร์คโดซ์ขาวอื่นๆ
(อันเป็นสินค้าขึ้นชื่อของชาโตนี้จริงๆ)
การขายสินค้าก็มุ่งค้าหากินกับอาณาจักร Byzantine Empire หรือ ออตโตมาน ที่รุ่งเรืองและมั่งคั่ง..ศูนย์กลางคือ เมืองหลวง Constantinople (ปัจจุบันคือ เมือง Istanbul)
ทีนี้เทคนิคการค้าขายกับแขก..ก็ต้องมีชั้นเชิง..จะมาบอกว่าเป็นเหล้าเป็นไวน์ มันก็ขัดกับศาสนาของทั้งสองฝ่าย
(อันเป็นสินค้าของต้องห้ามของฝ่ายผู้ซื้อ)
ดังนั้น..ในฐานะที่เป็นไวน์"พระทำ" ก็ต้องออกมาเป็นแนว
สินค้าขลังๆหน่อย..นั่นคือการเสกให้ไวน์ กลายเป็น
สินค้ามงคลและบำรุงสุขภาพ น้ำร่ง น้ำแร่ไปโน่นนน..ในนามของ..
"Carbonnieux Mineral Water"

คราวนี้ก็เลยขายได้ฉลุย...
ดังคำอธิบายนี้..

Chateau Carbonnieux Grand Cru Pessac-Leognan Graves

This chateau dates back to the 14th century. The story goes that when the monks wanted to sell this wine to the Turks during a time of prohibition, they labeled the wine as "Mineral water of Carbonnieux." The Sultan tasted it and said, "If the French mineral water is so good, why do they take the trouble to make wine." (Quite a wit, that Sultan.) The wine is a dry and brilliant blend of Sauvignon Blanc and Semillon with both vigor and finesse. Aged on the lees and stirred regularly to release all sorts of complex aromas from the dead yeast, this pale, delicate green-gold colored wine shows lemon and tangerine, lychee nut and fig in the nose along with a delicate grassiness. The rich citrus fruit flavors continue on the palate and throughout the long, palate-cleansing finish.

จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ก.ค. 49 11:15:12 ]