ความคิดเห็นที่ 1 มาปูเสื่อ ตั้งแต่ไก่โห่ ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 ส.ค. 49 11:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใช่ตอนที่ คุณโทนี่สุดหล่อมาช่วยย้าย หรือ เปล่าครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 ส.ค. 49 11:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พี่วิเปิดกรุ เอาอีกๆๆๆๆๆๆ ปล. " y " ดูท่าสีของมันคงจะมีหวานมั๊งหล่ะน่า จากคุณ : sckg (sckg) - [ 10 ส.ค. 49 11:49:07 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แหม..คุณพ่อหมีนี่เป็นแฟนกระทู้จริง..จำแม่นนักเชียว รบกวนคุณวิโรจและน้องๆที่มีประสบการณ์..ช่วยกรุณาไปตอบในกระทู้นี้ด้วยค่ะ เพิ่งเห็นเมื่อกี้นี้เอง.. http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K4598704/K4598704.html ขอบคุณค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 11:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาขวดนี้มาล่อ...ตามกระแสคุณปีบ...เรียกร้อง 11/3/2006 จุสโต. ประสานมิตร Ausone 2002 St.-Emilion, Bordeaux, France Rate: 96 ...สีเนื้อแดงเข้มลึก สว่างตา สดใส ...ให้กลิ่นลึกของผลไม้ดำอมม่วง ไม้แก่นหวานหอมสดชื่น ...แอลกอฮอล์นุ่มนวล ซ่อนกลิ่นหืนบางๆ ของฟางข้าว ...ให้ความสลับซับซ้อนดีมาก ...โครงเนื้อหนาปานกลางออกมาทางแน่น ละเอียด ...ความชัดลึกและความลงตัวของผลไม้ดีมาก ...แอซิดิตี้สมบูรณ์ สดชื่น จบยาว เร้าใจ ...เพียงแค่ต้นองุ่นอายุครึ่งศตวรรษ ...ด้วย Merlot และ Cabernet Franc อย่างละครึ่ง ...จัดวางบนผืนดินอันร่วนซุยที่ลึกลงไปเป็นหินปูนและชั้นทราย ...ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ไวน์ที่สำแดงความกล่อมกล่อมขั้นสุดยอด ...บ่งบอกความเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์...ได้ถึงปานนี้ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 10 ส.ค. 49 11:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไปตอกบัตรในตอนสิบเจ็ดไม่ทันค่ะ เลยตามมาตอกที่นี่แทนค่ะป้าขา "ปัง" (เสียงเหมือนระเบิดมากกว่าตอกบัตรนะคะ แหะๆ) จากคุณ : หมาน้อยพุงกาง - [ 10 ส.ค. 49 12:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ sckg คะ.. คำว่า Dry (หรือ Sec ในภาษาฝรั่งเศส) ในไวน์นั้น หมายถึง ไม่หวานค่ะ สีที่เห็นคืออานุภาพขององุ่น Semillon ที่เวลาหมักเขาจะไม่เหลือให้มีน้ำตาลตกค้าง หมายถึงคือปล่อยให้มันกลายเป็นแอลกอฮอล์ไปหมด หรือ Off-Dry จะเหลือน้ำตาลค้างไว้หน่อย คือน้อยกว่า 10 กรัม ส่วนขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง คือ Medium-Dry คือจะเหลือน้ำตาลตกค้างไว้บ้าง..ทำให้ไวน์ดื่มง่ายขึ้น คือ ประมาณว่า 10-20 กรัม และโซแตนส์ที่เราพูดถึงนี้..น้ำตาลสูงถึง 40 กรัม ค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 12:28:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตามมารออ่านต่อครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 10 ส.ค. 49 12:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วงนี้ป่วยครับ โดนนกจิก สงสัยได้เป็นหวัดนกแน่ๆ ผมเป่าเบี้ยวนะครับพี่ เผอิญว่าวันเสาร์ที่แล้ว บรรดาผองเพื่อนมันโทร.มานัด เรื่องของเรื่องมันก็เลยใช้เวลาประชุมยาวนาน ตั้งแต่เปิดฉลากเขียวรุ่นจุกก๊อก ไปจนกระทั่งบ่ายคล้อยลอยลมเย็น ก็ยังไม่เหือดขวดดี เพราะมันเป็นแบบลิตรฝ่าๆ สุดท้ายก็ถึงเวลานัด จริงๆ ก็ไม่ได้เบี้ยวอะไรหรอก แต่ว่า ช่วงนั้นมันถูกเพื่อนลักพาตัว เอาขึ้นรถไปไหนก็ไม่รู้แบบไร้ชะตากรรม ก็เลยกลัวว่าจะไปไม่ทัน เพราะแถวนั้นไม่เคยเข้าไป (ส่วนเจ้าบ้านก็ย้ายมาใหม่ ไม่รู้จักหน้าบ้านตัวเองซะอีกว่ามีอะไรเป็นแลนด์มาร์กบ้าง) แต่สุดท้ายก็มาช้าดีกว่าไม่มา เพราะพรรคพวก ก็กำลังขมักเขม้นหาไม้มาไล่ตีลูกอยู่เหมือนกัน ก็เลยลงความเห็นว่า ไปด้วยกันเลยแล้วกันวะ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 12:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 บรรยากาศการเรียนการสอนก็เป็นไปด้วยดีครับพี่ อย่างที่บอกไปที่กระทู้กบฎนั่นแหละ คือสุดท้าย หมูก็ยังหัน ไก่ก็ยังบิน เหมือนเดิม เพราะไปเอาจวนเจียนสนามจะปิดแล้ว ตีได้คนละถาด ก็บอกลา (จริงๆ คิดถึงเครื่องเซ่นที่เอามาล่อมากกว่า) ร้านที่ไปกินข้าวกันต่อก็แถวนั้นแหละ พอดีพรรคพวกที่ไปด้วย มันล้วนแต่มีเลือดเจือจางอยู่ในเส้นแอลกอฮอล์กันทั้งนั้น เพราะฉนั้น ไวน์ประเภทเบาๆ เลยไม่เป็นที่คุ้นคอมากนัก แต่เพื่อเป็นการเอาใจเจ้าภาพ (ลูกกอล์ฟและไวน์) พวกเราก็เลยเปิด เจ้าไร่โอ๊กก่อน พอหมดขวดแรก ก็หันกลับมามวยเฮฟวี่เวท ทั้งออสเตรเลียและชิลีกันต่อ เพราะระดับ 13.5 ขึ้นทั้งนั้น คนอื่นก็ไม่มีอะไร แต่แม่นกสีเหลืองนี่สิ จิบแรกก็บอกว่าเปรี้ยวเสียแล้ว คนหิ้วมาก็ตาเหลือกเลย เพราะไวน์เข้มขนาดนั้น ถ้ามันเปรี้ยว มันก็คงมีเหตุได้อย่างเดียว คือ มันต้องเสียแหงๆ เพราะปกติมันจะฝาดขนาดกัดลิ้นแงบๆ ไม่งั้นพวกนี้ จะรู้สึกว่ามันต่างจากดื่มน้ำเปล่าน้อยไปหน่อย ก็เลยต้องลองดูบ้าง มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ว่า มันพึ่งเปิด ยังหายใจหายคอไม่ทัน กลิ่นและรส มันก็อึดอัดไปบ้าง แต่ถ้าจะไปเทียบว่ามันเปรี้ยวเหมือนไวน์ใหม่ๆ หรือไวน์ที่เสียแล้วหรือเปล่านี่ ถึงจะกินไวน์มาแบบกระโหลกกะลาไปบ้าง แต่ยืนยันได้ว่า มันไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ก็เลยตะโกนแข่งเสียงแหลมๆ ของแกไปว่า นี่ถ้าไปบอกแบบนี้ในวงที่เขาหิ้วไวน์มาประชันกันละก็ สงสัยต้องหามเจ้าของไวน์เข้าโรงพยาบาลแหงๆ ถัดมาก็เป็นคนที่วิจารณ์นั่นแหละ แกฟังได้ยังงั้นแล้ว ก็บอกว่า พี่มี เลดี้ สมิธ อยู่กระบอกนึง พึ่งไปซื้อลูกที่พาหุรัดมาเมื่อวานนี้ นัดละ 29 บาทเอง ทันใดนั้น วิญญาณของโกวเล้งก็มาปรากฎกายอยู่ตรงหน้าผม แล้วพูดว่า "ข้าพเจ้าดื่มสุรา มิใช่เพราะชมชอบรสชาติของสุรา หากแต่เพราะชมชอบในบรรยากาศของการร่ำสุราต่างหาก " เมื่อพูดจบแล้ว ก็หายวับไปทันที ซึ่งผมก็ได้ยึดถือปฎิบัติเรื่อยมาจนกระทั่งล้มวงนั่นแหละครับ ปล. ผมแอบกระซิบไปแล้วว่า ห้ามเอาเรื่องที่ผมใส่รองเท้าแตะเข้าสนามไดร์ฟ ไปบอกพี่เลยทีเดียวเชียว ไม่ทราบว่าคุณพี่ 4 ตา เธอเบี้ยวผมหรือเปล่าครับ เพราะตอนนั้น เขารับปากเป็นมั่นเหมาะว่า สักนิดก็จะไม่ให้แว่วถึงหูพี่เด็ดขาด ขออย่างเดียว ให้ผมรีบถอดแล้วเอารองเท้ากอล์ฟใส่ไว้ซะ โดยเริ่มตั้งแต่ตีลูกแรก จนกระทั่งสตาร์ตรถออกจากสนามเลย เสร็จแล้ว จะไปใส่อีกทีตอนอยู่หน้าซอยปากทางเข้าบ้าน หรือหน้าห้องตัวเอง ก็ตามใจ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 10 ส.ค. 49 13:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มัทนะพาธา - มาครับ :) จากคุณ : มัทนะพาธา - [ 10 ส.ค. 49 13:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เล่าเรื่องดีเคมรุ่นลูกหลานมาแล้ว..เพราะไม่อยากให้เยิ่นเย้อ แต่เหมือนกับมันไม่สมบูรณ์เพราะ เรื่องความร้าย ของอเล็กซ์ที่ "ใจดำ" ถึงขนาดฟ้องพี่..ฟ้องญาติ ได้นานถึง 13 ปีนั้น ถ้าจะมาดูกันจริงๆก็คือถ่ายมาจากดีเอ็นเอของบรรพบุรุษแท้ๆ.. และถ้าจะเล่าเรื่องนี้..มันก็เกี่ยวกับเรื่องของ Rothschild ด้วย..คืออย่างนี้ค่ะ.. ในช่วงของปี 1920's นั่น..อิทธิพลการค้าไวน์ในฝรั่งเศสและในยุโรป ขึ้นอยู่กับครอบครัวเดียว นั่นคือ รอธส์ไชลด์ (หรือ รอธส์ชีลด์..ที่ชนส่วนน้อยเรียก) ตระกูลรอธส์ไชลด์ ทำมาหากินกับเรื่องการเงินการธนาคารมาแต่ครั้งต้นตระกูลคือ นาย Meyer Amschel Rothschild (ยิวแท้ๆ)ที่ตั้งรกรากมาจากเยอรมัน และได้ขยายสาขา คือส่งลูกชายรองๆสี่คน ออกไปขยายธุรกิจในสี่ประเทศ คือ ออสเตรีย, อิตาลี, ฝรั่งเศส, ลอนดอน ส่วนลูกชายคนโต..คุมกิจการในแฟรงค์เฟิร์ต เยอรมัน พวกตระกูลนี้ร่ำรวยอู้ฟู่มาจากการทำสงครามวอเตอร์ลู ที่ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะก็รวยหมด เพราะเป็นนายทุนให้ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส ในสมัยนั้น..มันเป็นแฟชั่นของคนมีเงินที่จำเป็นต้องหาซื้อ ไร่ไวน์ชั้นดีมาประดับบารมี อันถือเป็นเกียรติยศที่มีค่าราวกับเหรียญตรา ตระกูลรอธส์ไชลด์ก็เช่นกัน..ถ่ายทอดมาทางสายเลือดด้วยมัง.. ลูกชายคนหนึ่งของ Meyer คือ James ฆ่าตัวตายโดยไม่มีสาเหตุ น้องชายคนรองคือ Nathaniel (คือปู่) ลูกชายคือ Henry (พ่อของฟีลลีป) ไม่ดื่มไวน์ ไม่สนใจเรื่องนี้เลย Henry มีอาชีพเป็นหมอที่มีโรงพยาบาลเล็กๆเป็นของตัวเองในกรุงปารีส ยามว่าง..ชอบเขียนบทละเม็งละครไปโน่น..และแทบไม่เคยเหยีบบแผ่นดินของบอร์คโดซ์ด้วยซ้ำ ไร่มูตองในสมัยนั้น..จากกรุงปารีสไปถึงแล้วยังต้องเดินทางต่อเข้าไร่ด้วยม้าและเกวียน ที่ต้องใช้เวลาร่วมวันกว่าจะไปถึง ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค..พ่อหนุ่มน้อย วัยเพียง 16 ปี Phillipe de Rothschild ที่กำเงินก้อนโตมาซื้อไร่ Brane-Mouton นั้นคือ หลานทวดของนาทาเนียล ที่มองเห็นการณ์ไกล ใจกล้า..เกินกว่าพ่อ...กว่าปู่.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 13:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลงชื่อครับ พี่ทวีตี้สี่ตาครับ ผมส่งหลังไมค์ไปรบกวนอ่านด้วยนะฮับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 ส.ค. 49 13:26:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณพ่อหมี....ใหม่ "..คุณวิโรจเป็น 1 ใน คณะกรรมการ Int wine challenge ปีนี้ด้วยหรือเปล่า ครับ.. " ....เป็นครับ... จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 10 ส.ค. 49 14:45:18 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เวบพันทิบส์เดี้ยงไปหนึ่งชั่วโมง เข้าไม่ได้เลยค่ะ .. เสียอารมณ์โม้ดดด... โทษทีค่ะ พิมพ์ไปดูทีวีไป..คคห.ข้างบน..ผิดเพียบเลย.. เดี๋ยวต้องตั้งหลักใหม่ก่อน..เล่าเรื่องการไปซื้อไร่แบบ"น่าทึ่ง"นี่ก่อนดีกว่า.. ตอนนั้น ฟีลลีป กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมในกรุงปารีส หากแต่สงครามครั้งที่หนึ่งได้เกิดขึ้น ทำให้เขาต้องย้ายไปอยู่และเรียนต่อในบอร์คโดซ์ เพราะลุงป้าน้าอามีชาโตกันอยู่เป็นแถวๆ พอสงครามใกล้เลิก..เขาได้ยินเพื่อนๆเล่าในรถไฟว่า มีไร่ไวน์จะขายที่เมือง Pauillac ทำให้หูผึ่งขึ้นมาทันใด.. ในเดือนเมษายน 1918 คือวันที่เขาไปดูไร่ที่ว่าด้วยตัวเอง ตอนนั้นมีชื่อว่า Brane-Mouton ทันที่ที่เห็นไร่โทรมๆนั่น..เขาหลงรักมันทันที..บอกว่า ทั้งไร่มีกลิ่นหอมราวไปด้วยดอกไวโอเล็ต.. จากนั้นเขากลับมาตื้อของเงินพ่อ..ตื้อแล้วตื้ออีก ตื้อเป็นปี จนพ่อต้องยอมแพ้....ตามใจลูก พอโตเป็นหนุ่มขึ้น..เขาเข้ามาบริหารงานในไร่ด้วยตัวเอง ประกาศสงครามกับกลุ่มนิโกเชี่ยนอย่างออกหน้าออกตา เพราะเขาเห็นว่า คนพวกนี้คือเหลือบไรที่หากินชัก เปอร์เซนต์เอากับกลุ่มกสิกรไวน์อย่างไม่เป็นธรรม.. และความไม่เป็นธรรมอีกเรื่องหนึ่งที่เขารับไม่ได้ นั่นคือ การที่ไร่มูตองของเขาถูกจัดลำดับให้อยู่ในชั้นสอง ทั้งๆที่คุณภาพและประวัติของไร่เทียบเท่ากับชั้นหนึ่งทุกประการ ดังนั้น..เขาจึงสัญญากับตัวเองว่า..จะยอมถวายชีวิตเพื่อการปรับยกระดับชั้นไวน์ของเขาให้ขึ้นมาเป็นชั้นหนึ่งให้ได้.. ***ขอเรียนให้ทราบว่า..การจัดลำดับชั้น Bordeaux Wine Official Classification of 1855 ถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มผู้ค้าและตัวกลางที่หากินอยู่กับธุรกิจ ไวน์บอร์คโดซ์ตามคำบัญชาของ Emperor Napoleon III ที่ต้องการให้เป็นจุดขายต่อตลาดโลก..อีกทั้งเป็นการการันตีกันไปเลยว่า..ไผเป็นไผ เนื่องจาก เหล่านีโกเชี่ยนและตัวกลางมักเล่นกล เอาไวน์หลายๆถังมาผสมกันแล้วเคลมว่า มาจากไร่นั้นไร่นี้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 15:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบ สื่อศิลป ให้ไปอ่านหลังไมค์ จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 15:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อยากฟังเรื่อง Int wine challenge ของคุณวิโรจจริงๆ งานมีเมื่อไหร่คะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 16:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความมุ่งมั่นของฟีลลีปที่ยังอยู่ในวัยกระเตาะนั่น..น่าเลื่อมใสนัก เขาเขียนเป็นคติเตือนใจ(อันแรก)ไว้ว่า.. Premier ne puis Second ne daigne Mouton suis อันหมายถึง.. ที่หนึ่ง...ฉันไม่ใช่ ที่สอง...หยามหน้ากันเกินไป เพราะ..ฉันคือ มูตอง.. และในความเป็นนักสู้ของเขา..ที่ลุกขึ้นมาต่อกรกับเหล่าพ่อค้าอย่างไม่เกรงกลัวใคร และเป็นรายแรกที่กล้าพอ.. เขาไม่ส่งไวน์ไปที่ศูนย์นีโกเชี่ยนอีกต่อไป..ทำการบรรจุขวดเอง ขายเอง ในเดือนธันวาคม 1926 เขาประกาศศึกอย่างเป็นทางการ โดยการชักชวนให้เหล่าบรรดาไวน์ชั้นหนึ่งทั้งหลาย ทำการบรรจุขวดเอง ที่ต้องชวนไวน์ชั้นหนึ่ง เพราะ พวกนี้คือเหล่าเศรษฐีที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมาหลายชั่วคน รวมทั้ง ดีเคมด้วย.. ทุกคนเห็นดีตาม..เพราะมองเห็นผลกำไรที่จะตามมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย.. คนเดียวที่"ขวาง" ในเรื่องนี้..ไม่ใช่ใครที่ไหน กับเป็นญาติของเขาเอง นั่นคือ รอธส์ไชลด์ จากไร่ลาฟีต เพราะ กลุ่มนั้นมีความสัมพันธ์เป็นอันดีกับเหล่าตัวกลางเป็นเวลามาช้านาน และไม่อยากที่จะมีความขัดแย้ง.. อีกทั้ง..มูตองเป็นแค่ไวน์ชั้นสอง ดันสะเออะมาเสนอหน้า จัดการโน่นนี่..ขวางหูขวางตานัก.. *** ซึ่งต่อมา..ลาฟีตได้จับมือกับดีเคม ขัดขวางการก้าวหน้าของมูตองอย่างสุดฤทธิ์ จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 16:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "อยากฟังเรื่อง Int wine challenge ของคุณวิโรจจริงๆ งานมีเมื่อไหร่คะ ?" พี่วิครับ.... ...งาน Int wine challenge ...เป็นงานประกวดไวน์ที่ Importer นำเข้ามาขายในประเทศไทยครับ ...โดยบริษัทต่างๆ จะเสนอไวน์เข้าประกวดตาม Categories ต่างๆ ...แต่ก็ Limit จำนวนส่งในแต่ละหมวดไว้ ...และเปิดกว้างให้กับทุกประเทศผู้ผลิต...ฯลฯ ...การตัดสินจะแยกกว้างๆ เป็นไวน์ขาว แดง แชมเปญฯ ...แล้ว Range ของราคาด้วย ...ส่วนใหญ่ก็เป็น Comsumer Wine ครับ ...กรรมการจะต้องทำการชิมทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ...น่าจะอยู่ราวๆ สองสามร้อยตัวได้แหละครับ ...ตัดสินกันวันที่ 6 เดือนหน้าครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 10 ส.ค. 49 17:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 "กรรมการจะต้องทำการชิมทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ...น่าจะอยู่ราวๆ สองสามร้อยตัวได้แหละครับ" โอย.....สงสารไวน์ที่อยู่ในอันดับท้ายๆ....!! จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ส.ค. 49 17:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Palate Fatigue... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 ส.ค. 49 19:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาตอกบัตร+ปูเสื่อรออ่านครับผม ตี๊ด....(เสียงตอกบัตร) จากคุณ : เหลือสองวิชา (Phantom of the Cellar) - [ 10 ส.ค. 49 20:14:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตามมากระทู้ใหม่ด้วยคนครับ วันนี้ตอนเย็นน้องสาวที่ทำงานอยู่เครือปูนโทรมาครับ บอกว่าพี่ช่วยมางานชิมไวน์ที่ปูนซิเมนต์ไทยหน่อยสิ ไม่มีคนเลย คนโทรมายกเลิกครึ่งนึงเนื่องจากฝนตก ผมเลยถามไปว่าหลอกให้ไปรับหรือปล่าว ปรากฎว่าเขาบอกว่ามีงานไวน์จริงๆนะ ให้รีบมาเขาจะเริ่มกันแล้ว พอดีบ้านอยู่ใกล้ครับเลยรีบไป พอไปถึงได้ยินเสียงคุณไพรัช กำลังบรรยายอยู่แว่วๆครับ ถึงความแตกต่างระหว่าง ชาร์ดองเนย์ กับ โชวีณยอง บลอง เราก็รีบไปหาไวน์ในงานมาชิมเลยครับ เขาเปิดตัวไวน์ที่เขานำเข้าใหม่ รสชาติอย่าให้คอมเมนต์เลยครับ อิอิ แล้วก็มีตัวเก่าที่เขานำเข้าอยู่แล้ว มีโดมาเน่ เซนต์จอร์จ ของคนไทยนั่นแหละครับ พอโอเคหน่อย พอมาถึงกิจกรรมในงานเขาจัด Blind testing ครับ ไม่อยากเล่าว่าเขาหาผู้ชนะไม่ได้แหละครับ เพราะเซียนไวน์แกล้งตอบผิดกัน อย่างคุณนพกิจยังแกล้งตกรอบแรกเลย เลยไม่ได้แจกไวน์ครับ ได้ที่เปิดไวน์เป็นที่ระลึกคนละอัน ทีนี้ตอนปิดงานเขามีจับหางบัตร โชคดีก็เป็นของเราครับ ได้เบอร์เราพอดี เขาก็ให้เลือกว่าจะเอาขวดไหน ก่อนจับรางวัลแป๊ปนึงเห็นคุณไพรัชกำลังรินขวดนี้ให้ผู้บริหารที่มาทีหลังครับ เลยไม่คิดอะไรมากบอกว่าเอาขวดนี้แหละ อิอิ เลยได้ไวน์มาฟรีหนึ่งขวด monticello merlot 1998 เป็นค่าน้ำมันครับ กลับมาที่บ้านเปิดเว็บดูพบว่าเป็น top 10 merlot producers โดย wine & spirit ครับ ไม่รู้มันจัดมั่วแค่ไหน ขอถามคุณวิวันดาแล้วกันนะครับ จากคุณ : d19 (D19) - [ 10 ส.ค. 49 21:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "โอย.....สงสารไวน์ที่อยู่ในอันดับท้ายๆ....!! " "Palate Fatigue... " ...โถ ! ...แทนที่จะสงสารคนชิม...รึก็เปล่า ...เรื่องประสาทรับรสฟั่นเฟือน คงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงยาก ...แต่ผมพอจะมีวิธีช่วยเหลือตัวเองอยู่ครับ ...สมัยเมื่อตอนไปทำ En Primeur ...นั่นต้องชิมทดสอบเช้า 25 ตัว ...เที่ยงทานอาหาร...คราวนี้ดื่มจริงคนเดียวอีกราวครึ่งขวด (ก็ไวน์มันดีอ่ะ) ...กลับมาชิมตอนบ่าย...ก็ชิมอีก 25 ตัว ...พออาหารเย็น...ดื่มอีกหลายขวด กว่าจะเลิกก็เที่ยงคืน (คนที่โน่น เขาแดร๊กกันยาวนานเหลือเกิน) ...ทำอย่างนี้อยู่สี่วันสี่คืน ทดสอบได้ร่วมสองร้อย ...ดื่มจริงๆ คนเดียวอีกเป็นลัง ...กลับมาบ้าน...แทบเสียผู้เสียคนกัน ...หยุดดื่มไวน์ไปเป็นเดือน...เห็นแล้วจะอ๊วก ...สำหรับงานประกวดไวน์อย่าง Int Wine Challenge จะต่างกันออกไปครับ ...ไม่จำเป็นต้องดื่มทุกตัวครับ (...อันนี้สูตรผมเอง) ...ถ้าสีไม่สวย ขุ่น ฝ้าฟาง ก็จะดมดู...ถ้ากลิ่นมันเลว หรือไม่มีกลิ่น...ก็ฟันเลยครับ ...เพราะไวน์สีแย่...แล้วกลิ่นยังมีปัญหาอีก ...ร้อยทั้งร้อย...รสชาติไม่มีวันดีหรอกครับ ...เดินผ่านไปได้เลย...ไปต้องชิมให้เปลืองลิ้น...(สองแฉก) ...อันนี้ก็จะลด Palate Fatigue ไปได้ในระดับหนึ่ง ...งานชิมไวน์จำนวนมากๆ ...ผมไม่ค่อยเมาหรอกครับ ...ส่วนใหญ่...อิ่ม "ขนมปัง" เสียมากกว่า จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 10 ส.ค. 49 22:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ง่ะ.. สื่อสาร พลาด คำว่า Palate Fatigue พิมพ์ไป นี่ผมหมายถึง เห็นใจ(ลิ้น) ของ คนชิม นาค้าบ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 ส.ค. 49 22:19:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 วันนี้มีคนพา ผู้ใหญ่มาให้ดูแล ครับ (ดูแลเฉยๆ ห้ามแตะ) ผู้ใหญ่ท่านนั้น ไม่ใช่ใครอื่น บารอน นาธาเนียล นั่นเอง.. ฝากปลาย่าง ที่ห้ามกิน ไว้กับแมว จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 10 ส.ค. 49 22:36:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตามมาอ่านต่อด้วยครับ จากคุณ : สมานฉันท์ (สมานฉันท์) - [ 10 ส.ค. 49 22:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เห็นคุณ D19 พูดถึงไวน์ที่ได้รับ เลยต้องเอาของเรามาถ่ายรูปให้ดู.. ไปลองในแทศกาลชิมไวน์..แล้วชอบตัวพิเศษของเขาตัวนี้มากค่ะ Monticello Jefferson Cuvee and Corley Reserve Cabernet Sauvignon 2000 รสชาติเยี่ยม หอมโอ๊คและกลุ่มเบอร์รี่ชัดเจน จบในเวลา พอควร ทิ้งความประทับใจให้โหยหา.. เลยซื้อมาเป็นลัง เพราะการเทศกาลส่วนใหญ่มักจะจัดประมาณปลายปี เพื่อคนจะได้ซื้อเป็นของขวัญคริสต์มาส วันนั้นก็ได้ลอง Merlot ของเขาเช่นกัน ..แต่..ยังไม่เด็ดดวงเท่าไหร่..(ของปีนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร) แต่เป็นของดีค่ะ เจ้าของคือครอบครัว Corley มีความมุ่งมั่นในการทำไวน์ ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้งแต่ไม่เคยยอมแพ้..เขาเชื่อมั่นในการที่จะผลิตของดี.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 03:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เอ...อุตส่าห์เขียนล่อตอนต้นๆเรื่องที่มาของ ไร่มูตอง ที่เพี้ยนไปจากตำราอื่นๆ แล้วทิ้งไปนอน วันนี้..ยังไม่เห็นมีใครแย้ง..จะได้ถือโอกาสอธิบายตรงนี้ในเรื่องที่น่าเชื่อถือมากกว่าในหนังสือหลายๆเล่ม..คือ ไร่ Brane-Mouton นี้..ที่อยู่ติดกับไร่ลาฟีตที่จริงนั้นถูกซื้อ มาโดย Nathaniel ทวดของฟีลลีปจริงๆ ในปี 1853 โดยการซื้อตามความชักชวนของญาติๆในตระกูล ที่แห่กันมาซื้อตามประสาเศรษฐี ทีนี้..ตัวนาย Nat เนี่ย..เป็น Rothschild สายอังกฤษ ที่ไม่คุ้นกับการที่จะมาถลกขากางเกงทำไวน์เอง นอกจากซื้อเพราะ ชอบดื่มไวน์ดีๆพร้อมอาหาร.. เขาเสียชีวิตในปี 1870 ในขณะที่บ้านเมืองฝรั่งเศสกำลังลุกเป็นไฟ เพราะสงครามปรัสเซีย(เยอรมัน) ไร่มูตองจึงถูกละเลย ไม่มีใครสนใจไปกว่าห้าสิบปี.. เพราะลูก..หลาน..ไม่มีใครสนใจ ..ไม่แม้แต่จะเหยียบไป บอร์คโดซ์ด้วยซ้ำ เมื่อไร่ได้ถูกทิ้งรกร้างไปนานขนาดนั้น..ปัญหาตามมาคือ ภาษีจากรัฐบาล..รัฐบาลฝรั่งเศสไม่ได้ประเมินภาษีในฐานะไร่เปล่าๆ..แต่ได้เรียกภาษีตามราคาประเมินของการผลิตไวน์ (ทั้งๆที่ไม่ได้ผลิต..แต่..ช่วยไม่ได้) ทั้งปู่และพ่อของฟีลลีป ไม่ได้สนใจในเรื่องไวน์ จึงไม่คิดจะจ่าย..อยากจะยึดก็ยึดไป เพราะ ถึงจะเป็นเศรษฐีแต่สภาพการเงินไม่คล่อง เนื่องจาก บ้านเมืองมีสงครามแล้ว สงครามเล่า หลังจาก สงคราม ฟรังโก-ปรัสเซียน ก็ตามติดๆด้วยกระแสผันผวนขัดแย้งทางการเมืองในยุโรป (อันเป็นที่มาของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและที่สองในเวลาต่อมา) ดังนั้น..ไร่มูตองจะมีชื่อของ Nathaniel เป็นเจ้าของก็จริง แต่..โฉนดนั้นถูกรัฐบาลตีตราหนี้สินเอาไว้..ถ้าจะมาเอาก็ต้องจ่ายภาษี หรือเรียกว่ามาไถ่ถอน นั่นเอง.. เพราะรัฐบาลได้ถือว่า ที่ดินเกษตร ถ้าไม่มีการประกอบอาชีพต่อเนื่องในระยะยาว อีกทั้งไม่มีการมาต่อภาษี รัฐอาจเข้ายึดและทำการขายทอดตลาดได้ ฟีลลีปได้ยินเรื่องนี้จากปากคำของพวกญาติๆขณะที่เดินทางบนรถไฟไปเรียนหนังสือที่บอร์คโดซ์.. แม้จะเป็นเด็ก..แต่เขารู้สึกว่า นี่คือสมบัติของครอบครัว ที่เขาจะไม่ยอมเสียไปโดยไม่มีการต่อสู้โดยเด็ดขาด ดังนั้น..เขาจึงต้องไปขอเงินจากพ่อ..ตื้อจนหูชาด้วย เหตุผลนานาประการ ก่อนที่พ่อของเขาจะยอมควักเงินให้..พ่อได้ขอสัญญาว่า ถ้าได้ไปแล้ว..จะต้องเข้าไปทำอย่างจริงจังและต้องทำเจริญรุ่งเรือง ซึ่งฟีลลีปรับปากด้วยความมั่นใจ..พร้อมกับนำเงินไปไถ่ถอนขอสิทธิในการทำไร่ไวน์กลับคืนมา.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 04:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ต้องเล่าตรงนี้...เพราะมันต่อเนื่องกับเรื่องของการปรับยกระดับของมูตอง.. ที่..ทำไมจึงถูกคัดค้านจากหลายๆฝ่าย ที่ทำให้ฟีลลีปต้องสู้ถึงสี่สิบปี..เพราะทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลที่หนักแน่นพอกัน.. ฝ่ายค้าน..ได้แจ้งว่า..ไร่นั้นไม่ใช่ของ Nathaniel เพราะได้เสียสิทธิไปแล้ว..อีกทั้งไม่ได้ดำเนินกิจการต่อเนื่อง (ตามหลักฐานของรัฐบาล) ไม่มีเกียรติประวัติว่าทำไวน์ได้เป็นชั้นกรองครูส์ (หมายถึงเมื่อตอนที่นาธาเนียลเป็นเจ้าของ) ส่วนฟีลลีป..รู้ตัวว่า..ไม่มีทางสู้ในตอนนั้น เพราะคำว่า"เกียรติประวัติ" ของไวน์เพียงคำเดียว.. ดังนั้น..เขาจึงต้องทุ่มสุดตัว..ลงแรงสุดฤทธิ์ ในการที่จะเรียกร้องความสนใจจากใครๆให้หันมาได้ยินเสียงของเขา เสียงจากมูตอง..แม้ว่าจะเป็นการสร้างศัตรู เขาก็ไม่แคร์ เรื่องของเขาที่จะเล่าต่อไปนี้..ล้วนจากการมาจากแรงผลักดันเพื่อการที่จะให้มูตองเป็นที่รู้จัก และกลับเข้าสู่ ยุทธจักรไวน์อีกครั้ง..หลังจากที่เงียบหายไปนานหลายสิบปี และที่ต้องเล่าทั้งสองหรือสามเวอร์ชั่นดังนี้..เพราะในหนังสือหลายเล่มไม่ได้เล่าละเอียด ต่างคนต่างเล่า แล้วแต่ใครจะหยิบยกตรงจุดไหนมา อีกทั้งไม่ได้ชี้แจงด้วยเหตุผลทางกฏหมายและการเมือง จึงต้องมาแจงเอง เพราะไม่เช่นนั้น..ฝ่ายที่ค้านจะกลายเป็นผู้ร้ายไปทันที.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 04:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สิ่งแรกเลยที่ฟีลลีปหนุ่มน้อยได้ประเดิมเรียกความสนใจ ให้กับมูตอง คือ การทำฉลากในวินเทจแรกของเขา 1924 ที่ต้องเด่นดังไม่เหมือนใคร โดยการจ้างศิลปินมีชื่อชาวคิวบา นามว่า Jacques Carlu ที่ได้ออกแบบมาเป็นรูปหัวแกะหันข้าง และลูกศร ห้าดอกมัดรวมกันเป็นสองสี แดงกับน้ำตาล..ลูกศรห้าดอกหมายถึง สายสาขาของรอธส์ไชลด์ห้าสายที่กระจายไปในยุโรป (อันเป็นเครื่องแสดงถึงอิทธิพลเล็กๆ) นับว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ดังที่ตั้งใจ.. ฟีลลีปสมกับเป็นเลือดเนื้อของนายธนาคาร เพราะเขาเริ่มรู้สึกถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฝืดเคืองขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมา..ดังนั้นเขาจึงหันมาทำงานอีกจ๊อบ ด้วยการทำตัวเป็นตัวกลางรับซื้อ-ขายไวน์เอง เพราะไหนๆก็บรรจุขวดเองได้อยู่แล้ว.. ดังนั้น..ไวน์ตัวรองของมูตองจึงผลิตออกสู่ตลาด นามว่า Mouton-Cadet ด้วยเหตุผลง่ายๆคือ เขาต้องการช่วยเหลือกสิกรไวน์ในบอร์คโดซ์ให้พ้นจากการกดขี่ของเหล่าตัวกลางที่ชอบกดราคา โดยที่เขารับซื้อหมด..และนำมาผสมกันใส่ขวดขายด้วยชื่อเสียงของมูตองการันตี ในปี 1931 และนี่คือเหตผลทางการเมือง ที่เขาจะได้เสียงสนับสนุนจากชาวบอร์คโดซ์ระดับรากหญ้า..(เอ..นโยบายนี้เหมือนของใครก็ไม่รู้แฮะ) ***แต่อย่างไรก็ตาม ไวน์มูตอง-คาเดต์ ได้ประสบความสำเร็จในยี่สิบปีต่อมาที่ขายได้ปีละนับล้านๆขวด จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 05:35:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การค้าไวน์บอร์คโดซ์ในยามนั้น ดังที่เคยเล่ามาแล้วว่าอยู่ในกำมือของเหล่าตัวกลางล้วนๆ ซึ่งไวน์ระดับพรีเมี่ยม ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก เพราะ มีอยู่เพียงจำนวนน้อยนิด แต่..ไวน์รากหญ้าต่างหากที่ยึดครองตลาด เพราะผลิตมากถึงเก้าสิบกว่าเปอร์เซนต์ของไวน์ทั้งหมด ฉะนั้น..ถุงเงินถุงทองของเหล่าตัวกลางคือ ไวน์จากตรงนี้ และเมื่อคนรุ่นใหม่อย่างฟีลลีปเริ่มเข้ามาปั่นป่วน ชักชวน ให้พวกนี้เอาใจออกห่างกลุ่มหลงจู๊ แน่นอนย่อมเกิดการไม่พอใจ.. พอเกิดภาวะคับขันทางเศรษฐกิจส่อเค้าขึ้นมาในปี 1930 เข้าจริงๆ เหล่าตัวกลางเริ่มกดราคาไวน์แบบสุดขีด ไม่ว่าของชั้นหนึ่งหรือชั้นไหนๆ.. ถือว่าเป็นการเอาคืน.. ชาวกสิกรไวน์เริ่มมีความรู้ในเรื่องการค้าขายเองบ้างจาก ประสบการร์ที่ได้รับจากมูตอง พวกเขาจึงรวมตัวกันตั้งสหกรณ์ไวน์กันเองแห่งแรกที่ Saint-Emilion ในปี 1932 ที่กสิกรไวน์ร่วมมือร่วมใจกันอย่างแข็งขัน แบ่งปันเครื่องมือ ลงแขกเก็บองุ่น..ช่วยกันขนส่งไปขาย.. นับว่าได้รับความสำเร็จจนเป็นที่เอาอย่างในหลายๆเขตทำไวน์ ในปี 1939 ทั่วบอร์คโดซ์มีสหกรณ์กระจายไปทั่วถึง 52 แห่ง.. การเริ่มเกิดของสหกรณ์ชาวไวน์..นั่นหมายถึง การเริ่มถึงกาลอวสานของเหล่าตัวกลาง..ที่ไม่มีโอกาสในการเอาเปรียบชาวไวน์อีกต่อไป.. ฟีลลีป..ชอบระบบสหกรณ์และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกทาง..เพราะมันหมายถึงไวน์มูตอง-คาเดต์ของเขามีอนาคตที่ราบรื่นต่อไปในอนาคต.. แต่..โชคเขายังไม่ดี เพราะสงครามโลกครั้งที่สองได้ระเบิดขึ้น..ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในรอธส์ไชลด์สายอังกฤษอันเป็นที่หมายหัวไว้ว่าเป็นลูกหลานยิว.. รถถังของนาซีได้บุกมาถึงไร่..ตามหาตัวเขา ซึ่งได้หนี กลับไปอังกฤษก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน.. (เขาไปร่วมกับรัฐบาลกู้ชาติของเดอโกลล์) เมื่อเหล่า SS มาแล้วไม่เจอ..ดังนั้น การยึดไร่มูตองเอาเป็นศูนย์บัญชาการจึงกระทำขึ้นอย่างหน้าตาเฉย เรื่องการซ่อนไวน์และเรื่องการต่อสู้ใต้ดินได้เล่าไว้แล้วนะคะ ไปอ่านเอา.. ไวน์รากหญ้าของบอร์คโดซ์ก็ยังขายได้ เพราะ ขายให้กับเยอรมัน ผ่านตัวกลางเชื้อสายเยอรมันดั้งเดิม อย่างลุงหลุยส์ (Louis Eschenauers) ที่รับซื้อหมด.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 06:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตรงนี้นะคะ คือ archive ที่มีในหนังสือตรงกันทุกเล่ม..ว่า หลังจากสงครามเลิก 1945 บ้านเมืองยังย่ำแย่ โยเฉพาะฝรั่งเศสที่โดนหนักมาก เพราะเป็นที่ตั้งมั่นของกองทัพเยอรมันที่"รีด"เอาไปหมดแทบทุกอย่าง แม้กระทั่งอนุเสาวรีย์ที่เป็นโลหะต่างก็ถูกลากเอาไปหลอม สร้างเครื่องบิน.. อุปกรณ์ในไร่ขาดแคลน ปุ๋ยไม่มี ยาฆ่าแมลงไม่ต้องฝันถึง.. ภาวะขาดแคลนนี้ได้ยืนยาวไปจนถึงปี 1950's ที่เจ้าของชาโตต่างๆต้องรื้อองุ่นออก..ปลูกพืชผักสวนครัวเอาไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง.. (ดังนั้น..ใครมาว่าไวน์ปี 1945 ดีเลิศราวกับเทวดาทำ ขอให้ หยุดคิดนิดนึง) ฟีลลีปกลับมา..เขาเริ่มตั้งตัวสานฝันให้เป็นจริงทันที โดยการตั้งหน้าปรับระดับยกชั้นมูตองให้เป็นชั้นหนึ่งให้ได้ แต่..อุปสรรคที่ขวางอย่างเต็มตัวข้างหน้านั้น คือ ท่านมาร์ควิส Bertrand de Lur-Saluces แห่ง Chateau D'Yquem ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของขุนนางที่จงรักภักดีแห่งราชสำนักราชวงบูร์บองในอดีตโดยแท้.. มาดูความต่างของคนสองคนนี้ก่อน.. ฟีลลีป..เป็นคนรุ่นใหม่ คิดใหม่ ทำใหม่ ลงลุยเองทุกอย่างแบบไม่มีพิธีรีตองให้มากมายมากความ ไม่เคยแต่งตัวหรูหรา ทำตัวเป็นชาวไร่ธรรมดา ท่านมาร์ควิส..เป็นขุนนางเต็มร้อย และเป็นมาหลายชั่วคน ที่แต่งตัวเต็มยศใส่สูท ผูกโบว์ไทตลอดเวลา นั่งโรลล์ รอยซ์ มีสารถีเตรียมพร้อม เป็นนักภาษาศาสตร์ นักอักษรศาสตร์ สามารถพูดได้ทั้งหมด 12 ภาษา มีความเชี่ยวชาญในภาษารัสเซียเป็นพิเศษ ทั้งอ่านและเขียน เนื่องจากลูกค้าคนสำคัญของดีเคม คือ ราชสำนักโรมานอฟ ครั้งที่ประธานาธิบดี นิกิตา ครุสเชฟ ได้มาเยี่ยมบอร์คโดซ์ ในช่วงของปี 1950's นั้น..ได้เข้าพบท่านมาร์ควิสเป็นการเยี่ยมเยียนส่วนตัว..จากการพูดคุยกัน..ท่านนิกิตาถึงกับออกปากชมว่า ท่านมาร์ควิสมีความรู้เรื่องวรรณคดีรัสเซียดีกว่าผมอีก.. เกียรติประวัติของท่านมาร์ควิสนั้น..คือเป็นทหารกล้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พอสงครามโลกครั้งที่สอง ท่านก็เข้าร่วมในหน่วยปืนใหญ่ แต่ถูกเยอรมันจับตัวไปเป็นเชลยอยู่สองปี เมื่อพ้นออกมา..ใครต่อใครต่างเชิดชูยกย่องเป็นวีรบุรุษคนสำคัญของบอร์คโดซ์ และได้เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Academie du Vin อันเป็นเหมือนศูนย์เก็บ ตรวจสอบ ข้อมูลของไวน์ทั้งหมดในบอร์คโดซ์ เท่านั้นไม่พอ..ท่านมาร์ควิสยังเป็นประธานของ Union des Syndicates de Sauternes อีกด้วย.. เพราะอย่างนี้..ฟีลลีปถึงต้องใช้เวลากว่าสามสิบปีในการต่อสู้กับยักษ์ใหญ่.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 06:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ป้าวิครับ มีคำถามอะคับ โรมาเน กองติ นี่เวลาไปซื้อ(สมมุดิว่าจองได้ละกัน)ที่ไร่ นี่จะโดนไวน์ร่วมลังบังคับซื้อมาด้วย นี่มีตัวอาไรมั่งอะครับ เหมือนเคยได้ยินว่า ขายผูกกันเยอะๆเลย จากคุณ : Natt_ac121 - [ 11 ส.ค. 49 08:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ Natt คะ ไวน์โรมาเน กองติ โดยปรกติจะขายผ่านเอเย่นต์ ไม่ขายตรงจากไร่..ถ้าจองจะมีสองราคา คือ ราคาต่อขวด และราคาต่อลัง.. การที่เอเย่นต์จะขายแบบเหมารวมกันสารพัดไวน์มาให้นั้น เพราะว่า..บางปีดีมานด์สูงมาก..อยากจะได้ DRC หนึ่งขวด ต้องเอา DRC อื่นๆอย่างอื่นพ่วงไปด้วย.. ที่ไร่..เท่าที่ทราบโดยปรกติจะไม่รับแขก (ไม่งั้นทัวร์ญี่ปุ่นจะไปลงวันละเป็นคันรถ) นอกจากกรณีพิเศษ จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 09:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ปกติฉลากไวน์จะต้องผ่านการออกแบบจากนักออกแบบมีชื่อจนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือเปล่าครับ เพราะเห็นรูปที่แต่ละท่านนำมาลงประกอบ ฉลากมีความสวยงามทั้งภาพและตัวอักษรแทบทั้งสิ้น จากคุณ : มัทนะพาธา - [ 11 ส.ค. 49 09:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 37 รูปเต็ม ป๋าแน๊ท รอธส์ไชลด์ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 11 ส.ค. 49 10:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 "โรมาเน กองติ นี่เวลาไปซื้อ .....นี่จะโดนไวน์ร่วมลังบังคับซื้อมาด้วย นี่มีตัวอาไรมั่งอะครับ" ...ที่ต้องซื้อแม่โขงควบกับเบียร์ช้าง....นั้น ...ใครที่ได้โควต้า นอกจากจะได้ Romanee Conti แล้ว ...ยังต้องรับ...Grans Echezeaux...Le Montrachet ...Richebourg...La Tache ไปด้วย ...แต่ในพวงนั้น ...ส่วนตัวผม...ต้องการ La Tache ...มากกว่าตัว Romanee Conti เสียอีก จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 11 ส.ค. 49 11:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ฉลากไวน์เริ่มมามีสีสันก็เริ่มมาจาก มูตองนี่ละค่ะ.. ตอนนี้..ก็ออกมามากมายหลายแบบ เป็นศิลปนานาแขนง บางเจ้า..ลายเหมือนขวดน้ำหอมเลย.. เล่าต่อ.. ในตอนแรกๆที่ฟีลลีปเขามาบริหารงานอย่างแข็งขัน เขาและท่านมาร์ควิสแห่งดีเคมก็ติดต่อกันด้วยดี แม้แต่การชวนให้บรรจุขวดเอง ดีเคมก็เห็นดีด้วย.. แต่การกลับมาคราวนี้ของเขา ท่าทีเริ่มชัดเจนขึ้นว่า มูตองต้องการทำทุกอย่างเพื่อให้ขึ้นมาอยู่ชั้นหนึ่ง.. ท่านผู้อาวุโสจึงเริ่มไม่ชอบหน้าขึ้นมาทันที.. เพราะ..มันเหมือนกับเป็นการชุบมือเปิบ..เข้ามาทำไวน์แค่ปีสองปีก็จะมาตีเสมอกับรุ่นเก๋า.. อีกทั้งท่านหมั่นไส้ในการทำตัวง่ายๆของฟีลลีป ที่มีข่าวออกมาว่า บางทีก็รับแขกในชุดนอน หรือ นุ่งกางเกงตัว เสื้อตัว ตะลอน ตะลอนไปไหนๆทั้งวัน.. และที่หมั่นใส้สุดๆนั้น...มาจากเรื่องฐานันดรของรอธส์ไชลด์ทั้งตระกูลที่ซื้อหาตำแหน่งขุนนางมาประดับวงตระกูลด้วยเงินเมื่อร้อยกว่าปีมานี่เอง ผิดกับทางฝ่ายท่านมาร์ควิสที่ได้รับบรรดาศักดิ์ตกทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษด้วยการเป็นทหารรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิดมากว่าห้าร้อยปี.. เมื่อฟีลลีปได้รวบรวมเอกสารการขอปรับระดับไวน์เรียบร้อย สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือ การเซ็นรับรองสถานะจาก ผู้หลักผู้ใหญ่เช่นท่านมาร์ควิส.. เมื่อเขาเข้าไปหาเพื่อขอความอนุเคราะห์.. ท่านมาร์ควิสได้ตอบกลับมาอย่างมะนาวไม่มีน้ำว่า.. "จะมาเอาอะไรกับลายเซนต์ของฉัน..ไม่มีประโยชน์หรอก ก็ตำแหน่งขุนนางของพวกคุณยังไปซื้อไปหากันมาได้ เรื่องแค่นี้..ก็เอาเงินไปฟาดหัวเอาซิ..ถนัดนักไม่ใช่เหรอ?" จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 11:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แต่แหม..คุณพ่อหมีขา..ไวน์ของป๋าแน๊ทเนี่ย.. ราคามันช่างต่ำเตี้ยเสียจริงๆ ที่นี่(ราคาจอง)ขวดละร้อยสามสิบกว่าเหรียญเอง..ไม่ทราบเมืองไทยขายเท่าไหร่คะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 11:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณอาหมายถึง Mouton Cadet หรือเปล่าครับ ที่นี่ก็จะประมาณ 1500-2000 ครับ แต่ถ้าเป็นขวดที่มีฉลากป๋าแน๊ท แปะ อยู่ก็เหยียบๆ สองหมื่นครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 11 ส.ค. 49 11:42:03 ]

ความคิดเห็นที่ 42 โทษที..ตกไปร้อยนึง..ค่ะ คุณพ่อหมี..ตั้งใจว่าจะเขียน ร้อยสามสิบ.. ขวดขนาด 1500 ตอนนี้ราคาสามร้อยนิดๆ.. แต่นี่ราคาเอเย่นต์ที่ให้มาเมื่อเดือนที่แล้ว.. "2003 Mouton-Rothschild Bordeaux Blend 1500ml RP:95 RP:95-96 RP:95-98 WS:94 ST:91-93 ST:91-94 ST:93 status: OPEN current: US$321.00 - No Reserve! " ถ้าหน้าร้านอาจบวกอีกยี่สิบถึงสามสิบเปอร์เซนต์ แล้วแต่ว่าจะซื้อที่ไหน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 12:00:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คือแปลกใจเฉยๆละค่ะ คุณพ่อหมี เพราะว่ารายการราคาที่ส่งมาให้เรานั้น เทียบกับไวน์ชั้นหนึ่งต่างๆแล้ว..(ในราคาจองต่อลัง จ่ายเงินก่อนล่วงหน้า) มูตองออกจะราคาน้อยกว่าเพื่อน ลาตูร์ถับตัวไปถึง 400 กว่า..มาร์โกซ์ 300 กว่าๆ แต่ขอเรียนให้ทราบว่า..เมื่อมาถึงมือตัวกลางแล้ว.. ราคาต่อขวด จะฉีกออกไปเป็นคนละเรื่องกันเลย เอารายการที่หากินมาให้ดู..ละเอียดยิบไปเลยค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ส.ค. 49 12:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตามมาอ่านเช่นเคยค่ะ จากคุณ : เกศณี - [ 11 ส.ค. 49 13:15:23 A:58.8.7.115 X: TicketID:093688 ]

ความคิดเห็นที่ 45 http://www.oocities.org/drsak/อัพเดทแล้วครับ ยังกระท่อนกระแท่นหน่อย แต่จะค่อยๆแก้ไขให้นะครับ กระทู้ไวน์ไปไวมากเลย ตามไม่ค่อยทันง่ะ จากคุณ : ha ha yee - [ 11 ส.ค. 49 13:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อัพช้า ดีกว่า ไม่มีอ่านกันเลยครับ... ตามเรื่องโน้น เรื่องนี้ได้ ก็เพราะลิงค์ข้างบนนี้หละ ครับ.. ขอบคุณครับ...คุณหมอ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 11 ส.ค. 49 15:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ท่านมาร์ควิส Bertrand de Lur-Saluces จากคุณ : sofatboy - [ 11 ส.ค. 49 18:12:07 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาร์ควิส Bertrand ในช่วงปี 1964 จากคุณ : sofatboy - [ 11 ส.ค. 49 18:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Meyer Amschel Rothschild ต้นสายของรอธส์ไชลด์ จากคุณ : sofatboy - [ 11 ส.ค. 49 18:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฟีลลีปในวัยหนุ่ม Phillipe de Rothschild จากคุณ : sofatboy - [ 11 ส.ค. 49 18:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 51 รักแม่มากครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ วันแม่แห่งชาติ 08:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คิดถึงแม่จัง จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ วันแม่แห่งชาติ 08:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 53 55555...เพิ่งโทรไปหาคุณแม่..จะบอกว่าฝากเงินโบนัสวันแม่ไปแล้ว..น้องชายกำลังจะไปกดให้ ปรากฏว่า..ไม่อยู่ฮ่ะ..มีคนมารับไป"ญาติมิตร"ตั้งกะเมื่อวาน ยังไม่กลับเลย.. นี่ขนาดจะแปดสิบอยู่แล้วนะเนี่ย พอเราบ่นเข้า..เพราะกลัวว่าจะเจ็บป่วยไป โดนย้อนกลับมาเสียงแหวเชียวว่า.. "ชั้นเล่นสนุกๆย่ะ กลัวสมองฝ่อ !!!" ............................ เพิ่งเห็นคุณหมอ ฮา ฮา ยี ...สวัสดีค่ะ ขอบพระคุณมากที่อุตส่าห์เจียดเวลามาอัพกระทู้ให้..คงเหนื่อยแย่เลยนะคะเรื่องหลวงงานราษฎร์ พี่ขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างยิ่งเรื่องคุณแม่....ท่านไปสบายแล้วค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 09:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อท่านมาร์ควิสได้ประกาศตัดเยื่อใยขนาดนั้น.. ก็เห็นทีจะมองหน้ากันไม่ติดอีกต่อไป สองชาโตกลายเป็นคู่แค้นกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ฟีลลีปแก้แค้นเอาคืนโดยการใช้ไวน์ดีเคมไปปั่นแช่แข็ง ที่เรียกว่า Sorbet = ซอร์เบต์ คล้ายกับผลไม้ปั่น ผสมแชมเปญ หรือไวน์ หรือ โซแตนส์นิดหน่อย เพื่อเป็นการปรุงรสชาติและคุณสมบัติไม่ให้ซอร์เบต์กลายเป็นก้อนน้ำแข็ง แต่จะร่วนซุย..ขูดใส่แก้วไวน์เล็กหรือแก้วโซแตนส์ เสริฟหลังคอร์สอาหารเรียกน้ำย่อย หรือ ก่อน อาหารหลัก เหมือนกับเป็นการพักปาก พักท้อง ก่อนที่ดินเนอร์จะดำเนินต่อไป.. ไหนๆก็พูดถึงแล้ว..อย่าสับสนกับ sherbet นะคะ สองอย่างนี้ ต่างกันตรงที่ เชอร์เบต จะมีส่วนผสมของนมหรือครีม และไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล.. การที่ฟีลลีปนำดีเคมมาทำเป็นซอร์เบต์นั้น เท่ากับเป็นการหยามในเชิง..แอลกอฮอล์ที่นำมาผสมในซอร์เบต์นั้น มีค่าแค่เพียงกลิ่นกับไม่ให้น้ำแข็งเป็นก้อนแข็งเท่านั้น.. ใช้แชมเปญชนิดธรรมดาๆก็ได้.. ท่านมาร์ควิสได้ยินเข้าก็เต้นผาง..ท่านสั่งให้พ่อครัวเอา ไวน์มูตองมาใช้ทันที เอาไว้ใส่ผสมในน้ำซุปสำหรับอาหารคนงาน หรือ ยามที่ใครเจ็บป่วยเป็นหวัด ก็ให้ดื่มไวน์ผสมน้ำร้อน ลอยด้วยก้านอบเชย..(ใช้เป็นยากลางบ้านชนิดหนึ่ง) และไวน์นั้นคือ มูตอง.. จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 10:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ฟีลลีปไม่ย่อท้อ..พยายามผลักดันไวน์มูตองให้ขึ้นมาชั้นหนึ่งให้ได้ ไม่ว่าจะต้องวิ่งเต้นอย่างไร เขายอมหมด.. ในที่สุด ปี 1961 ข่าวแว่วมาว่า..จะมีการปรับระดับจริงๆ แต่ข่าวเกิดรั่ว.. ท่านมาร์ควิสได้นำขบวนด้วยกลุ่มชาโตอื่นๆอีก 17 เจ้า.. พากันเรียกร้องว่า..ถ้าจะปรับก็ต้องปรับให้หมด ไม่ใช่มูตองเจ้าเดียว.. เสียงนั้นอื้ออึงนัก..เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเลยต้องพับแผน งานเก็บเข้าลิ้นชักต่อไป.. ในปี 1973 คราวนี้ฟีลลีปได้วิ่งเต้นเข้าทางยี้ห้อย..เอ๊ย..ไม่ช่าย..เข้าทางรมต.เกษตร ผู้มีอำนาจสิทธิเด็ดขาดในเรื่องที่เกี่ยวกับไวน์แทบทั้งหมด คราวนี้..ท่านรมต.ไม่ได้เกรงใจท่านมาร์ควิสเท่าไหร่ เพราะเห็นว่าชรามากแล้ว คงไม่มีพิษสงต่อไป..เลยประกาศยกระดับมูตอง (เจ้าเดียว) ให้ขึ้นมาเป็นชั้นหนึ่ง.. ฟีลลีปตีปีกพั่บพั่บ..ความฝันอันสูงสุดของชีวิตได้กลายมาเป็นความจริง หลังจากการรอคอยมานับสิบๆปี.. เขาเขียนมอตโตใหม่ทันที..ว่า Premier je suis.........ที่หนึ่ง..ฉันเป็น Second je fus...........ที่สอง..ฉันเคยเป็น Mouton ne change....มูตองก็คือมูตองที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 10:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ลืมบอกไปว่า..คุณแม่คุณวิโรจสวยเชียว.. ............................................... สิงห์เฒ่าอย่างท่านมาร์ควิสหรือจะยอม..ท่านดำเนินการฟ้องร้องรมต.เกษตรทันที..ด้วยข้อหาว่า..มีสิทธิอะไรมาเปลี่ยนแปลงกฏหมายระเบียบของไวน์บอร์คโดซ์ที่มีบัญญัติไว้ตั้งแต่ 1855 ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเป็นเรื่องของสหภาพ หรือ หอการค้า.. การต่อสู้นั้นถึงพริกถึงขิงมาก..ทางฝ่ายค้านได้อ้างถึงประวัติศาสตร์ของไร่ที่ถูกทอดทิ้งมาตั้งแต่ 1853 ไม่เคยได้รับการดูแลมากว่าห้าสิบปี ไม่เคยมีการปรับหน้าดิน ไม่เคยมีการชะโลมปุ๋ยธรรมชาติ และที่สำคัญ..คือ ผู้ซื้อไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำไวน์เป็นอาชีพ (หมายถึง ทวดของฟีลลีป) อีกทั้งไม่มีความสามารถ รวมทั้งตัวฟีลลีปเองที่หันมาทำไวน์เพราะไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไร และสรุปว่า..ไวน์ของมูตองยังไม่ดีพอต่อการเลื่อนขั้น ฟีลลีปก็ใช้เสียงรากหญ้า(ที่อยู่ในกำมือ) มาช่วยในการให้ความสนับสนุน เข้าบรรยากาศเหมือนเมืองไทยตอนนี้เลย..บอร์คโดซ์แบ่งเป็นของฝักสองฝ่าย.. คนรุ่นเก่าก็หนุนหลังท่านมาร์ควิส คนรุ่นใหม่ก็เข้าข้างฟีลลีป.. แต่..ดีเคมเองก็มีปัญหาภายในมากมาย (เรื่องหาตัวทายาท ตามที่เล่า) อีกทั้งท่านมาร์ควิสก็ชรามาก ใจสู้แต่สังขารชักไม่ไหว.. มูตองก็เลยมาเป็นหนึ่งในห้าของ 1st. Growth จนได้ ท่านมาร์ควิสได้พูดบ่อยๆว่า..ไวน์มูตองใสยังกะน้ำล้าง.. รสชาติไม่เอาไหน..ปล่อยออกไปก็รังแต่จะเสีย"ชื่อเสียง" ไม่เชื่อก็คอยดู..!! จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 11:00:14 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตามคำพูดของผู้ชรา..ที่บอกให้คอยดู.. เราไม่ต้องรอดูกันนานเลย..เพราะในปี 1976 สามปีหลังจากที่ได้มาครองบัลลังค์ ไวน์มูตองได้แพ้หลุดลุ่ยมาอย่างหน้าตาแหก..ในการชิมไวน์ "พิพากษาแห่งกรุงปารีส" ที่มูตองแพ้ไวน์โนเนมจากคาลิฟอร์เนีย..จากการตัดสินของคณะกรรมการปรมาจารย์ไวน์ฝรั่งเศสทั้งหลาย.. เราหันมาดูคำพูดของท่านมาร์ควิสและหันกลับไปดูการทำไวน์ของมูตอง จึงได้เห็นว่า..ท่านว่าไว้ไม่ผิดเลย ไวน์มูตองไม่พิถีพิถันในการผลิต ปล่อยให้องุ่นดกจนเกินไป ยิ่งปีไหนที่หนาวจัด หรือฝนชุกไปหน่อย ไวน์มูตองเข้าขั้นแหลกไม่ล่ายเลย..(อันนี้จริงค่ะ) เพราะฟีลลีปชะล่าใจจนเกินไป..เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้ที่จะขึ้นมาอยู่แนวหน้า และเชื่อในแทร์วาร์จนเกินไปจนลืมเรื่องสำคัญอื่นๆไป.. จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 11:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อ้อ..ไปพบข้อความสุดท้ายของกระทู้ที่แล้ว..ที่คุณ Nic มาเขียนต่อท้ายไว้ว่า.. dry white wine ของดีเคม ผมเคยทานมาครั้งหนึ่งปีจำไม่ได้แล้ว กลิ่นหวานแต่รสไม่หวาน หอมโอ๊ตไหม้ๆ หน่อย คงไม่หาทานอีกแล้วครับ ผมก็เป็นแฟนของปาร์เกอร์ ชอบอ่านในสำนวนเขา แต่หลังๆเริ่มทานไวน์หลายตัวมาก ก็จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เชื่อใน vintage มากกว่า เช่น เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ทาน Le Gay ปี 1995 ปาร์เกอร์ให้ 82 แต้ม แต่ทานแล้วผมชอบมาก หอมเชอรี่ลึกๆ พริ้วมาก ซับซ้อน มีกลิ่นสนิมจางๆเหมือนไวน์เก่า (ทั้งๆปีก็ไม่เก่ามาก) อาจจะเป็นที่ไวน์ตัวนี้ส่วนผสม Cabernet Franc เยอะ ตามสไตล์ที่ผมชอบก็ไม่แน่ แต่แต้มจากผมอย่างน้อย ต้องมี 89 แต้ม สำหรับ Le Gay 1995 ขวดนี้ "Trust your instinct" ดีที่สุดคับ จากคุณ : Nic Nenin - [ 10 ส.ค. 49 22:58:16 ] นี่คือ..ใจความที่เรากำลังวิเคราะห์กันอยู่ละค่ะ ว่า แต้มของปาร์คเกอร์ก็มีความหมายกับตัวของเขาเองเสียส่วนใหญ่ ส่วนคนที่ชิมไวน์มามากพอ..สมควรที่จะใช้ พิจารณญานของตัวเอง เชื่อและมั่นใจในรสนิยมที่มี.. ที่ชอบ ปาร์คเกอร์ชอบไวน์ที่เทอะทะไปหมด ทั้งรส ทั้งกลิ่น ทั้งความควบแน่น จบยาววววว และ หนักแอลกอฮอลเข้าไว้ เหมือนกับกินมะพร้าวกะทิน่ะค่ะ ฟังดูดี เป็นของหายากแต่ยามกิน..เลี่ยนโคดดด... ไวน์แต้ม 100 ของเขาหลายตัว..ที่ดิฉันคิดว่า มันโอเว่อร์ เรตติ้งเกินไป อีกทั้งข้อเขียนของเขาก็เขียนวิจารณ์แบบเอามันส์เข้าว่า..อย่างบางรายที่เขาไม่ชอบ ก็เขียนว่า.. " Death to the winemaker !!!" มันไม่แฟร์เลยจริงไหมคะ..คนที่ชอบก็อาจมี จากคุณ : WIWANDA - [ วันแม่แห่งชาติ 14:49:49 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สำหรับคนที่เป็นแม่...ด้วยไวน์ขวดนี้ Felton Road 2004 Block 3, Pinot Noir, Central Otago, New Zealand Rate: 92 ...สีแดงอมม่วงอมน้ำตาลเปลือกมังคุดสด ...ส่งกลิ่นลูกไหนเข้มออกมาประเดิม ...โอ๊กเข้มนวล ไอแอลกอฮอล์นุ่มสวย...ป๊งป๊างสดใส ...กลิ่นกระดาษชื้นโปรยมาแล้วหายไป ...โครงเนื้อหนาเต็ม ให้สมดุลดี ขณะที่แอซิดิตี้ดีพอใช้ ...ให้ความกลมกล่อมดี แทนนินนุ่มปานกลาง ...สดชื่นดี ...จบยาวปานกลาง ...เป็น "คุณแม่"....ที่เข้มแข็ง จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ วันแม่แห่งชาติ 21:32:16 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับพี่ ช่วงนี้พอจะมีเวลา + เริ่มมีแรงกายแรงใจออกมาทำโน่นทำนี่แล้วละครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 14 ส.ค. 49 06:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มารบกวนป้าวิและท่านอาจารย์ทั้งหลายช่วยผู้น้อยด้วยครับ ได้ไวน์กำนัลมาขวดนึงแต่แปลกตรงที่มันถูกบรรจุมาในกล่องที่แปลกตา ตามปรกติเท่าที่เห็นวางขายกันทั่วไปไม่ว่าจะเป็นไวน์ราคาแพงหรือถูกก็ไม่เห็นเขาใส่กล่องกัน คำถามก็คือมันเป็นไวน์ดีพอใช้หรือว่า"สวยเพียงรูป"เท่านั้นครับ? จากคุณ : Uncle Tee - [ 14 ส.ค. 49 08:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ภาพถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก...ออกมายืนข้างกล่อง ขอประทานโทษภาพไม่ค่อยชัดเพราะมือสั่นครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 14 ส.ค. 49 08:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ภาพนี้โคลสอัพรายละเอียดครับ... ขอบคุณสำหรับคำตอบจากอาจารย์ทุกท่านครับ ถ้ารสชาติพอไหวจะได้เก็บไว้เปิดตอนป้าวิกลับมาแต่ถ้าไม่ใช่ก็จะได้จัดการซะเลย จากคุณ : Uncle Tee - [ 14 ส.ค. 49 08:41:29 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ไปเที่ยวมาสองวัน กลับดึกเชียวเมื่อคืนนี้ ตื่นเช้ารีบเข้ามาอรุณสวัสดิ์กับพรรคพวกเสียหน่อย ดีใจที่คุณหมอของเรากลับมาเป็นมิ่งขวัญใจ.. ใจไม่ค่อยดีที่เห็นลุงที..บอกว่า ถ่ายภาพไม่ชัด เพราะ"มือสั่น" ไปหาหมอไวๆเลยนะพื่อน..อาการมือสั่นนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสาเหตุว่า ถูกเมียบ้องหูเข้าให้.. ก็ต้องหมายไปยังอาการของอัลไซเม่อร์ขั้นต้นทันที ไวน์ที่ถามมาและนำภาพมาลงให้ เราคิดว่า..เป็นไวน์เฉพาะกิจ..หมายถึงในหน้าเทศกาล ไร่บางไร่ออกไวน์ตัวใหม่ รูปแบบกล่อง ออกแบบฉลากให้ชวนดูเตะตา พร้อมสำหรับการขายในเทศกาลของขวัญ เข้าใจว่าเป็นไวน์ตัวเดียวกันกับ..Chateau Plantes Des Vignes ตำบลที่ผลิตคือ Fronsac (ใกล้ๆกับ Saint Emilion) และเป็นไร่ที่เล็กมาก แค่ 15 hectares เป็นไวน์บอร์คโดซ์ส่วนผสมของ 20% Cabernet Sauvignon หนักไปทาง Merlot เพราะมีตั้ง 80% เห็นปริมาตรของแอลกอฮอล์ที่มี 12.5 (อันเป็นมาตรฐานของไวน์บอร์คโดซ์) และมาดูจำนวนขวดที่ผลิตในปีนั้น 2001 คือ สูงถึง 100,000 ขวด เยอะไปนิดนึงนะ..จากเนื้อที่แค่ 15 h/a (น่าจะเป็นแค่ เจ็ดหมื่นกว่าขวด) จากรายละเอียดของฉลากเก่าที่เราเอารูปมาแปะให้ดู..(น่าจะเป็นไวน์ตัวเดียวกัน..) ที่ไม่แน่ใจ เพราะ โลโก้ไม่เหมือนกัน..เลยไม่ทราบว่าเปลี่ยนเพราะอะไร.. อาจจะเอาของเก่ามาเปลี่ยนโฉมใหม่ก็ได้ และของปี 2001 นั้นยังไม่ได้ลอง จะรอเราก็ได้.. ยินดีเสมอ จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ส.ค. 49 23:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ไวน์ Felton Road ที่คุณวิโรจนำมาให้ดูนั้นก็ยังไม่เคยลอง เอาไว้รอตอนเทศกาลไวน์ต่างด้าวก่อน จะซื้อเองเห็นจะไม่มีทาง..เพราะราคามันเยอะไปสำหรับไวน์ที่มาจากแถบนี้..หกสิบกว่าเหรียญ(รวมภาษี) จากคุณ : WIWANDA - [ 14 ส.ค. 49 23:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 66 Hello all krab.. on line from Phoenix hotel Singapore krab.. my boss, at the moment educate us with Lynch Bages Blanc de Lynch Bages and Greenock Creek Alices Shiraz Krab .. hic .. จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 14 ส.ค. 49 23:31:47 ]

ความคิดเห็นที่ 67 Lynch Bages Blanc de Lynch Bages Bordeaux Blanc บอร์คโดซ์ขาวน้องใหม่ของ Ch Lynch Bages ที่เปิดตัวมาไม่กี่ปีมานี้เอง.. ที่ราคาไล่ๆกับแดงไปไม่กี่สตังค์.. แต่รสชาติดีเยี่ยม.. เอาไว้จะเล่าเรื่องของไร่ไวน์กรอง ครู นี้ ที่เป็นชั้น 5 เรียกว่าบ๊วยสุดก็จริง...แต่คุณภาพ เหนือคับแก้วกว่าชั้นอื่นๆหลายๆชั้นให้ฟังวันหลัง จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 00:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณครับป้า ฉันก็ว่ามันแปลกๆอยู่... ตามไปอ่านอีตาอาจารย์สื่อศิลปแล้วติดหนึบงานการไม่เป็นอันทำ เร็วๆนี้จะถึงคิวเช็คสุขภาพแล้วละ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดฉันก็ดูแลตัวเองได้ระดับนึงเท่านั้น กลับมาเที่ยวนี้ถ้าพอมีเวลาจะมานอนที่บ้านฉันบ้างก็ได้นะ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกเพียงแต่สงบเงียบไม่มีเสียงรถรารบกวนแน่นอน เผื่อจะได้สอนเจ้านายฉันทำซัลซ่าซอสอร่อยๆสูตรลับของเธอไง ด้วยความคิดถึง... จากคุณ : Uncle Tee - [ 15 ส.ค. 49 11:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ตี๊ด.... สวัสดีครับทุกท่าน กลับบ้านไปเน็ดเล่นไม่ได้ซะงั้น เลยเพิ่งจะได้มาเอาวันนี้ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 15 ส.ค. 49 12:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ลงชื่อครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 15 ส.ค. 49 13:06:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไวน์ที่ลุงทีถาม..Chateau Plantes Des Vignes จาก Fronsac เป็นไวน์ฝั่งขวาของบอร์คโดซ์ หรือที่เราได้เรียกกันติดปาก ว่า The Right Bank ที่กำลังพัฒนาเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งในช่วงปี 1999 มานี้..มณฑล Saint Emilion ได้รับเลือกให้เป็น มรดกโลก (เช่นเดียวกับพระนครศรีอยุธยาของเรา) เลยกลายเป็นจุดขายจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะมีบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างสวยๆงามๆตกค้างมาตั้งแต่ครั้งศตวรรษที่ 13.. แต่พอมาช่วงของศตวรรษที่ 18 ต่อด้วย 19 ฝั่งขวาได้กลายเป็นดินแดนที่ถูกลืม..เพราะ..ถูกรัศมีของไวน์ฝั่งซ้าย ที่ได้รับการจัดอันดับ (ปี 1855) บดบังจนมิด.. ใครต่อใครก็พากันไปปักหลักค้าขายหากินกับบอร์คโดซ์ ฝั่งซ้ายกันจนหมด เพราะการที่จะตะกายไปฟากขะโน้น..มันไม่ง่าย ต้องข้ามแม่น้ำถึงสองสาย คือ Garonne และ Dordogne ความจริงเคยมีการวางแผนที่จะสร้างสะพานเชื่อมข้ามในปี 1782 แต่ก็ต้องล้มพับไป เนื่องการเกิดการปฏิวัติครั้งใหญ่ และเมื่อไม่มีใครสนใจซื้อขายไวน์ฝั่งขวา ชาวไร่ก็หันไปปลูกกันเล่นๆ ปลูกองุ่นแถวหนึ่งก็ปลูกผัก ปลูกธัญญพืช สลับอีกแถว..เพราะคนเราไม่ได้ดื่มไวน์อย่างเดียว ยังต้องกินด้วย.. การสลับปลูกพืชผักอื่นๆนั้น มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยธรรมชาติ (มูลต่างๆ) ดังนั้น มันได้ส่งผลให้องุ่นพลอยดก เกินความจำเป็นไปอีกด้วย..ไวน์ที่ทำออกมาจึงไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร.. อีกประการหนึ่งคือ ชาวไร่ ถูกละทิ้งไม่ได้รับการดูแลและแนะนำจากทางการอย่างถูกต้อง พื้นที่ดินของฝั่งขวามีความเหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกองุ่นเมอร์โลต์ แต่.. หลายๆไร่ กลับเลาะพันธุ์ทิ้ง..หันไปปลูกองุ่นขาว Semillon แทน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 13:11:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อคืนวันที่ 11 ที่ผ่านมาผม and the gang ได้มีการนัดดื่มไวน์กันเพื่อเป็นการฉลองวันแม่ (ข้ออ้าง) โดยผู้เข้าแข่งขันในนัดนี้ล้วนเป็นไวน์ที่เต็มไปด้วยความดิบ-เถื่อน ถึงลูกถึงคน (ยิ่งกว่า สรยุดซะอีกนะ ไม่ได้โม้) เข้ม มาดแมน อันมีรายนามดังต่อไปนี้ (เอาแค่ไวน์แดงก่อนนะครับ) มุมแดง......ตัวแทนจากประเทศโลกใหม่ผู้โด่งดังในสยามประเทศ Clarendon Hill Astralis ปี 2000 มุมนำเงิน สูง 1 ฟุตกว่าๆนิ้ว ตัวแทนสุภาพบุรุษมาดเข้มจากฝรั่งเศส ผู้มีไหล่บ่าตั้งตรงได้แก่ le petit seiberie มาพร้อมกับ ch.de la negly porte du sile (เขียนถูกปล่าวหว่า) (เสียง ปรบมือ เปาะแปะๆ) และอีกมุมหนึ่ง สูง2ฟุต..นิ้วผู้มาในชุดคลุมพิเศษ (พรางตา) ไวน์หมัดหนักชั้นไมค์ ไทสันยังเรียกอา (เพราะชกคนที่ชิมจนหน้ามืด 8 ด้าน เดากันไม่ออกว่าเป็นไวน์อะไรมาจากไหน) Domini Venetti, Amarone della valpolisela 1997 Al.16% ดูเอาล่ะกันว่าหมัดหนักขนาดไหน เอามารายงานเท่านี้ก่อนละกันนะครับ เทสติ้ง โน๊ดค่อยว่ากันต่อไป จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 15 ส.ค. 49 13:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ลืมรูปแผนที่..ดูฝั่งขวา..จะเห็นว่าไวน์ของลุงที Chateau Plantes Des Vignes จาก Fronsac นั้นอยู่ตรงไหน... จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 13:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 74 มาแว้ววว..พรรคพวก นำขบวนมาโดย ลุงที คุณ Phantom of the Cellar คุณ Natt และ คุณพ่อหมีที่ไปนอนเล่นอยู่ที่สิงคโปร์โน่นนน.. นึกว่าไปไหนกันหมด ฉลองวันแม่กันจนฟุบกันเลยซิคะเนี่ย..??? จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 13:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขาดได้ไงครับ... CHECK IN ...ช่วงนี้ดูเหงาไปหน่อยนะครับ ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับไหลลุ่มหลง ..... จากคุณ : sckg (sckg) - [ 15 ส.ค. 49 13:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 76 11/08/2006 ณ. Lyon Astralis, 2000 Clarendon Hill, Australia ..สีแดงออกดำลึกทึบ ..กรุ่นกลิ่นข้าวโพดหวานต้ม กลิ่นหนังสัตว์ กลิ่นไอแอลกอฮอล์ ปนด้วยกลิ่นดาร์คช็อคโกแลตบางๆ ไม่มีกลิ่นสาบหรือกลิ่นเครื่องเทศฉุนเท่าใด ..บาลานซ์สมดุลดีมาก แอซิดฉ่ำดี แทนนินหนาแต่นุ่มละเอียด ตอนกลืนติดหวานเล็กน้อย แอลกอฮอล์ยังแรงมากในลำคอแต่ไม่บาดคอนะ อาฟเตอร์เทสดีเยี่ยมอยู่นานเป็นนาที ตั้งแต่เปิดจนหมดขวด ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 15 ส.ค. 49 13:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 กรำ ลงรูปผิดไซซ์ เอาใหม่ๆ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 15 ส.ค. 49 13:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จนมาถึงเมื่อช่วง 1850's ที่เมือง Pomerol ที่อยู่ห่างจาก St.-Emillon เพียงแค่ไม่กี่ไมล์นั้น..ได้เกิดมีไร่ไวน์พร้อมชาโตชั้นดีขึ้นมาอีกสอง.. รองลงไปจาก Chateau Petrus นั่นคือ หนึ่ง.. Vieux-Chateau-Certan (วีย์-ชาโต-แซตอน) สอง.. Chateau Trotanoy (โตร-ตาน-วา) นั่นคือข้อมูลที่ใครๆทราบกันอย่างแพร่หลาย..แต่จริงๆแล้ว ไวน์ชั้นเลิศจริงๆของแซงต์-เตมิญองนั้น คือไวน์ที่ผลิตจาก Chateau-Figeac (ชาโต-ฟีจาค) ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ เป็นดินผสมที่มีแร่ธาตุ เจ้าของเดิมคือขุนนาง ในราชวงค์บูร์บอง ที่ต้องกระเซ็นกระสายพลัดพรากตกทุกข์ได้ยากในครั้งที่เกิดปฏิวัติ จนจำเป็นต้องแบ่งที่ดินส่วนที่เป็น "คอกม้า" ขายออกไปให้กับพวกตระกูล Ducasse ซึ่งต่อมาที่ดินคอกม้าส่วนนี้ได้กลายมาเป็นไร่ไวน์ม้าขาว หรือ Ch. Cheval Blanc ที่ขึ้นชื่อนี่ไง.. นายเทียร์รี่ เดอ มานองกูต์ (Thierry de Manoncourt) เจ้าของชาโต ฟีจาค ได้เล่าว่า.. "เมื่อก่อนนี้น่ะนะ..พื้นที่ในแซงต์-เตมิญอง ทั้งหมดนี่ มีแต่ป่าเอาไว้ใช้สำหรับล่าสัตว์เท่านั้นแหละ ไม่มีใครนึกว่าจะทำไวน์ได้ดี" จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 14:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อไวน์ทางฝั่งขวาเริ่มมีรัศมีกับเขาขึ้นมาบ้างในช่วงของ ศตวรรษที่ยี่สิบนี่เอง..หลังจากที่ถูกบดบังมานาน ผู้ที่ฝ่าฟันมาได้..ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งทีเดียว เขาคือ Jean-Pierre-Moueix (จอง-ปีแอร์-มุยอีซ์) ที่มีอายุเพียง 17 ปี (เมื่อปี 1930) เป็นคนยากจนที่เดินทางมาจาก Correze อันเป็นบ้านนอกแท้ๆ เพื่อหมายจะมาหางานทำใน Libourne (ลีบวน) และยอมเป็นลูกจ้างรับงานสารพัด ตั้งแต่พนักงานในโรงละคร จนไปถึงค้าขายเล็กๆน้อยๆ ในที่สุด เขาได้ตัดสินใจว่า.. อาชีพขายไวน์นี่แหละ(วะ)..ดีที่สุด เพราะว่าในยุคนั้น..การขายไวน์ของฝั่งขวามันไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างปัจจุบัน ไวน์ของแซงต์-เซมิญอง นั้น.. ส่งออกยาก เนื่องจากไม่มีท่าเรือขนส่งเป็นของตัวเอง ต้องส่งไวน์ไปที่ลีบวนซึ่งอดีตคือค่ายทหารเก่า แม้จะเป็นท่าเล็กๆ ไม่โก้เก๋ทันสมัย อย่างท่า Quai des Chartrons (เค-เดส-ชาร์ตองส์) ของฝั่งซ้าย..แต่ก็เป็นศูนย์การค้าที่หนาแน่น.. จอง-ปีแอร์ จึงเลือกทำเลตรงนี้ปักหลักค้าขายหากินตามใจหวัง.. แต่ความสามารถของเด็กหนุ่ม จอง-ปีแอร์ มีจำกัด เขาพยยามเลี่ยงการเจรจาค้าขายกับชาวอังกฤษ เนื่องจากไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้แม้แต่คำเดียว.. ซึ่งนี่คือข้อเสียเปรียบในเมื่อต้องค้าขายแข่งกับกับพ่อค้ากลุ่มอื่นๆ เขาได้เดินทางไปค้าขายไวน์แบบเจียมเนื้อเจียมตัว.. ประหยัดอดออมสุดฤทธิ์ เช่น..นั่งรถไฟรอนแรมไปทางตอนเหนือ ถึงเบลเยี่ยม ถึง ฮอลแลนด์ ทางรถไฟ กินนอนในตู้โบกี้ ใช้ห้องโถงของสถานีเป็นที่พักผ่อนนอนงีบ..เป็นการประหยัดค่าโรงแรมไปในตัว เขาขายไวน์แบบเดินไปเคาะประตูตามบ้านบ้าง ฝากขายในร้านที่เชื่อใจได้บ้าง และขายแบบไม่จำกัดจะซื้อเป็นขวดก็ได้ เป็นลังก็ดี.. นั่นคือที่มาของการเป็นเศรษฐีย่อยๆ ของเด็กหนุ่มนามว่า จอง-ปีแอร์-มูยอีซ์ ที่รู้จักการบริหารที่ถูกต้อง เขาได้นำเงินก้อนหนึ่งไปซื้อไร่ไวน์เป็นของตัวเองถึงสองไร่ใน Pomerol (พอมโฮล) คือ Magdelaine และ Trotanoy แต่..ไม่นานต่อมา..ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้ระเบิดขึ้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 15 ส.ค. 49 15:28:55 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ....มาแล้ว..เรื่องราวของ St.Emilion ตามคำเรียกร้อง...ไม่รู้ไปตัดคิวของใครหรือเปล่า.... ....ขอรายงานตัว จากที่หยุดยาวไปสามวันครับ.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 15 ส.ค. 49 16:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แจ้งข่าวให้คุณพี่วิวันดา กะลุงที ทราบ ซี้ติ่ง ตอนนี้ มันเป็นพ่อคนแล้ว ภรรยาสุดที่รัก คลอดก่อนกำหนด 10 กว่าวัน ได้ลูกสาวเมื่อตอนตี 2 ของวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค.มันพึ่งจะฉลองปริญญาใบที่ 2 ของตัวเองที่ได้จาก มธ.ไปหมาดๆ เลยได้รับตำแหน่งหนุ่มเฮงแห่งปีไปแล้วกัน เซ็งจริงๆ อุตส่าห์เป็นเพื่อนซี้ โชคดีแค่นี้ แบ่งเพื่อนไม่ได้ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 15 ส.ค. 49 16:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 กลับมานั่งฟังต่อครับ วันแม่ แต่ห่างบ้าน ฮือ เหงา! จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 15 ส.ค. 49 16:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 83 Jean Pierre - Moueix จากคุณ : sofatboy - [ 15 ส.ค. 49 19:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 84 นั่งเฝ้ากระทู้อยู่สองวัน...เหงาจัง จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 15 ส.ค. 49 20:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ป้าวิครับเมื่อตอนเย็นเลิกงานขับรถผ่านซุปเปอร์สโตร์เจ้านายขอแวะซื้อของเลยเดินเตร่ดูไวน์ไปเรื่อยๆ จ๊ะเอ๋เข้ากับไวน์ที่เราถามพอดีเลย โหย...กองเป็นภูเขาเลากา ไม่มีกล่องใส่หรอกนะแต่ตัวเดียวกันแน่นอนนัยว่ามีโปรโมชั่นซะด้วย เดินไปดูใกล้ๆจึงเห็นว่าราคาที่ตั้งไว้สิบสามเหรียญเอง เข้าใจแต่งองค์ทรงเครื่องล่อให้เราหลงปลื้มว่าไวน์นี้เศรษฐีเอามาให้อย่างน้อยมันคงพอใช้ได้ละนะ ผู้น้อยต่ำต้อยจริงๆครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 15 ส.ค. 49 21:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อาจารย์สื่อศิลปครับ ฝากแสดงความยินดีกับซี้ติ่งด้วยครับ ลูกเพื่อนก็เหมือนลูกเราครับอย่าไปอิจฉาเลย...เอาไว้เราพอมีน้ำยาเดี๋ยวก็มาเอง อิ อิ จากคุณ : Uncle Tee - [ 15 ส.ค. 49 21:49:09 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ยัง No Have Water Medicine อยู่ครับ คุณลุงที ส่วนความปรารถนาดีจะส่งต่อให้ซี้ติ่งโดยไว ฝากถามมาด้วยว่าเมื่อไรจะไปสอนไดร์ฟให้อีก เห็นบอกว่าสนามหน้าเขื่อนน้ำงึม มันจองไว้ให้ครึ่งสนามแล้ว จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 16 ส.ค. 49 10:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 88 สวัสดีครับ พี่วิ... และทุกๆท่าน ผมตามอ่านอยู่ตลอดครับ ไม่ได้หายไปไหนครับ แต่ไม่ค่อยได้โพสต์เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมจะงานยุ่งมากๆ ต้องเตรียมรายงานการประชุม ต้องเตรียมส่งงบควอเตอร์ 2 ต้องเตรียมแจ้งตลาดฯ....... อื่นๆ อีกเพียบ ตอนนี้เริ่มจะหายยุ่งบ้างแล้วครับ ก็เลยแวะเข้ามาโพสต์ทักทายครับ วันนี้ตอน 1 ทุ่มผมซื้อดินเนอร์บวกไวน์อีก 5 ตัวของชั้น Deuxi่mes Crus Classes (Second Growths) บ.Vinum ประเทศไทย จัดที่ห้องอาหาร Le Vandome ราคาประมาณ 200 us$(น่าจะเต็มแล้ว) มีไวน์ดังนี้ครับ         Chateau Leoville-Las-Cases , St. Julien           ปี  1989         Chateau Pichon-Longueville Baron , Pauillac    ปี  1989         Chateau Gruaud-Larose , St. Julien                ปี  1990         Chateau Cos d'Estournel , St. Estephe            ปี  1990         Chateau Pichon Lalande , Pauillac                  ปี  1996 เฉพาะค่าอาหารก็น่าจะ100 us$ได้ อีก 100 us$ น่าจะเป็นค่าไวน์ ผมว่าราคานี้ ถือว่าไม่ถูกและไม่แพงนะครับ ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะดื่มไวน์ได้เท่าไหร่ เพราะเค้ารินไวน์ให้ไม่อั้น ผมเคยเห็นบางท่านเรียกให้รินแล้วก็ทานไม่หมด แต่ทาง วีนั่ม ก็ไม่ว่าอะไร (เห็นแล้วเสียดายแทน) มีท่านใดในกระทู้นี้ไปกันบ้างครับ ช่วยแสดงตัวหน่อย คงจะได้เจอกันเย็นนี้นะครับ (อยากรู้จักครับ) จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 16 ส.ค. 49 11:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ....ยกมือครับ.... ....คุณวาริชเวสม์...ช่วยเปิดเผยตัวด้วยนะครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 16 ส.ค. 49 11:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ไชโย วันนี้ผมจะได้เจอคุณวิโรจ..ตัวจริง เสียงจริง ต้องรีบไปหน่อยแล้ว ไม่รู้ว่าทางวีนั่มจะจัดโต๊ะ ที่นั่งไว้ยังไง ต้องรีบขอเปลี่ยนที่นั่งร่วมโต๊ะคุณวิโรจ...ให้ได้ ยังไงผมเข้าไปแสดงตัวกับคุณวิโรจ...แน่นอนครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 16 ส.ค. 49 11:30:52 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ดื่มเผื่อด้วยนะครับ แล้วจะรอ testing note จากพี่ๆนะครับ จากคุณ : คนบุญน้อย (sckg) - [ 16 ส.ค. 49 12:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สวัสดีค่ะ.. เพิ่งกลับเข้าบ้าน ชงกาแฟ นั่งทำตาปรอย เพราะวันนี้คือวันอังคาร ตามโปรแกรมคือตีกอล์ฟ ต่อด้วยรายการประชุมชิมไวน์ ...สังสรรค์กันตามประสา มาอ่านกระทู้แล้ว อิจฉาคนอยู่เมืองไทยจริงๆ..รายการดีๆแบบนี้ ราคาไม่แพงเลย.. ที่ว่าไม่แพงเพราะต้นทุนการจัดนั้นสูง..เจ้าของเลอแวงโดมคงต้องไปซื้อไวน์มาเอง นั่นก็ถือว่าเป็นต้นทุน..ไหนจะต้องอาหารสารพัดคอร์สอีก แปลกใจจริง..ที่คุณวิโรจไม่รู้จักกับคุณวาริชเวสม์มาก่อนหรือคะ..? รายการที่พี่จะต้องไปเหมือนกันคือรายการชิมไวน์ประจำปีครั้งยิ่งใหญ่ของ ซาน ฟรานซิสโก.. ดูในรายการนะคะ..ว่าต้องชิมอะไรบ้าง..เห็นแล้วลมแทบจับ... Thursday, October 19, 2006 • EVENING 6:30 pm* - 10:00 pm Grand Tastings. The California Wine Experience in San Francisco begins with the "Grand Tastings." This is the first of two nights to taste wine from more than 175 prestigious wineries from California, Oregon and Washington. All the wineries participating have been carefully selected for excellence by the Wine Spectator board of senior editors. All the wines are top-scoring as rated by Wine Spectator. Owners and winemakers will be on hand to showcase one of their wines. This promises to be an evening to remember—strolling through the rows of wineries and sampling wine from great winemakers. Acacia Alcina A.P. Vin Araujo Argyle David Arthur Au Bon Climat Aubert L'Aventure Bacio Divino Barnett Beau Vigne Beaulieu Bennett Lane Bergström Beringer Betz BOND Brander David Bruce Buehler Buoncristiani Burgess Byron Calera Carter Caymus Cayuse Chalk Hill Chalone Chappellet Chateau St. Jean Chateau Souverain Chehalem Chimney Rock Col Solare Cornerstone Corté Riva Cougar Crest Robert Craig Crocker & Starr Cuvaison Estate Dalla Valle Darioush Delectus Diamond Creek Dolce Domaine Alfred Domaine Carneros Domaine Chandon Domaine Drouhin Oregon Domaine Serene Dominus The Donum Estate Duckhorn DuMOL Dunn Dutton-Goldfield Merry Edwards El Molino Etude Far Niente Gary Farrell Ferrari-Carano Fisher Flora Springs Foley Estate Robert Foley Foxen Franciscan Oakville Frank Family Gallo Family Gemstone Geyser Peak Girard Gloria Ferrer Goldeneye Grgich Hills Groth HALL Hanna Hanzell Harlan HdV Heitz Hill Climber Paul Hobbs Iron Horse J Vineyards & Winery JC Cellars John Anthony Justin Keller Kenwood Kistler Klinker Brick Kosta Browne Kunde Ladera Lagier Meredith Lail Landmark Lang & Reed Lewis Loring Luna MacRostie Margerum Marimar Estate Markham Marston Family Martinelli Mer Soleil Meridian Merryvale Merus Peter Michael Robert Mondavi Morgan Mueller Mumm Napa Neyers Nickel & Nickel Northstar Novy Olabisi Opus One Pahlmeyer Paloma Papapietro Perry Patz & Hall Penner-Ash Peju Province Joseph Phelps Pine Ridge PlumpJack Ponzi Pride Mountain Provenance Quintessa Quixote Qupé Ramey Martin Ray Raymond Ridge Roederer Estate Rosenblum Stephen Ross Rubicon Estate Rutherford Hill St. Clement St. Francis St. Supéry Sanford Sbragia Family Schrader Schramsberg Sebastianiv Seghesio Selene Sequum Shafer Siduri Silver Oak W. H. Smith Snowden Sonoma-Loeb Spottswoode Spring Valley Stag's Leap Wine Cellars Staglin Family Steele Sterling Rodney Strong Tablas Creek Robert Talbott Talley Testarossa Tor Wines Treana Trefethen Trinchero Truchard Turnbull Viader Villa Mt. Eden Vine Cliff Vision Whitehall Lane Williams Selyem Robert Young คิดหัวละ $250.00 แถมไวน์นั้นก็ล้วนแล้วแต่ได้มาฟรีๆ เพราะนี่คือการโปรโมทของกลุ่ม Wine Spectator ที่เราเป็นสมาชิกอยู่.. นี่ถ้าต้องขับรถเองละก้อ..ไม่ไปเด็ดขาด จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 12:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มาตามอ่านตามปกติครับ ขอให้เอนจอยกับงานคืนนี้นะครับ (อย่าลืม เทสติ้งโนดละกัน) จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 16 ส.ค. 49 12:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 94 พี่วิครับ นั่นลิสต์ไวน์เหรอครับนั่น ยาวอย่างกะหางว่าวแหนะ เห็นแล้วจาเป็นลม จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 16 ส.ค. 49 12:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 95 แหม แต่ละตัวน่าลองทั้งนั้นเลย ถ้าชิมครบ คงเอียนไปอีกเป็นเดือนแหง จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 16 ส.ค. 49 12:32:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 "แปลกใจจริง..ที่คุณวิโรจไม่รู้จักกับคุณวาริชเวสม์มาก่อนหรือคะ..?" ...เท่าที่ผ่านมา...คุณวาริชเวสม์รู้จักผมแน่นอน ...และผมก็อาจจะรู้จักคุณวาริชเวสม์ด้วยเช่นกัน ...แต่ในนี้...ไม่รู้ว่าใครเป็นใครบ้างอ่ะครับ ...แล้วผมว่ายังมีอีกหลายท่านในนี้..ที่เป็นแบบเดียวกับคุณวาริชเวสม์ ...ก้อทุกคนเล่นใช้นามแฝงโม๊ด ...เสียเปรียบจัง ...เดี๋ยวเห็นหน้าคุณวาริชเวสม์...อาจร้อง...อ๋อ...ก็ได้ ...รู้นาม...ไม่รู้ตัว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 16 ส.ค. 49 12:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 97 นี่ละค่ะ ตอนนี้เขามีหมายแจ้งมาแล้วว่า จาก 175 กลายเป็น 190 กว่าเจ้าแล้ว ก็จะเลือกชิมเอาค่ะ.. อันไหน..พอรู้จักแล้ว..ก็จะเดินผ่านเลยไป แต่ส่วนใหญ่ก็บ้วนทิ้ง..นอกจากจะ"พิศมัย" จริงๆ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 12:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 อย่างนี้น่าจะเข้าข่าย "ทวนในที่แจ้งรับง่าย ธนูในที่ลับรับยาก" จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 16 ส.ค. 49 12:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 99 สวัสดีครับพี่วิ..... ผมเห็นรายการไวน์ที่พี่ต้องชิมแล้ว เห็นด้วยครับ ลมแทบจับจริงๆ พี่วิ..ครับ ผมว่าในกระทู้นี้ไม่น่าจะมีใครรู้จักผมนะครับ ผมเคยเล่าเรื่องบางส่วนของผมไว้แล้ว ถ้ามีโอกาสผมอยากเจอหลายๆท่านในกระทู้นี้มากครับ รวมทั้งอยากพบพี่วิ...ด้วยครับ ถ้าพี่วิ..กลับมาเมื่อไหร่ ผมมีไวน์ให้พี่วิ...ทานไม่อั้นครับ(พอดื่มได้) ตอบแทนกับความรู้ที่พี่วิ..เขียน ไว้เป็นวิทยาทานในกระทู้นี้ครับ ส่วนไวน์ที่ผมจะไปทานเย็นนี้ เป็นไวน์นำเข้าจากสิงคโปร์โดย บ.วีนั่ม ปท.ครับ ทางเลอแวงโดมไม่น่า จะต้องซื้อนะครับ ส่วนพี่วิโรจ...คงจะร้อง อ๋อ....นานหน่อยนะครับ เพราะเคยเจอในงานเทสต์ไวน์ของบ.อิตาเลียนไทย ก่อนที่พี่จะไปแข่ง แฟนพันธุ์แท้(เกือบ 3 ปี แนะ) ยังไงผมก็ต้องใช้นามแฝงครับ ไม่รู้จะจำผมได้หรือเปล่า นึก.....ออกยังครับ ถ้ายัง... เดี๋ยวเย็นนี้ ผมจะไปรายงานตัวครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 16 ส.ค. 49 13:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอต่อยอดจากพี่วาริชเวสม์ครับคือเคยคุยกับพี่บางคนที่ติดตามกระทู้นี้ว่าพวกเราน่าจะมีโอกาสจะได้พบปะพูดคุย ดื่มไวน์แบบคนคอเดียวกัน แต่ยังงัยก็ต้องแล้วแต่ทุกคนโดยเฉพาะพี่วิ ถ้าพี่โอเคหล่ะก็เมื่อไหร่ ได้เลย ปล. อ่านกระทู้พี่แล้วเหมือน blind date เลยนะครับ 555 จากคุณ : sckg (sckg) - [ 16 ส.ค. 49 14:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 101 หวัดดีครับขออนุญาตเรียก พี่ WIWANDA Williams Selyem เป็นไวน์ปิโนว์ที่ผมเล็งไว้นานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ชิมเรย พี่ว่ามันดีหรือคับสไตล์ไหน ถ้าไม่ดีจะได้ผ่านไปเลย (ประหยัดสตางค์) อ่ะคับ จากคุณ : คนงบน้อย (Nic Nenin) - [ 16 ส.ค. 49 16:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขออนุญาตครับ....พี่วิ ...ของฝากคุณ Nic Nenin ครับ Williams Selyam 1994 Pinot Noir, Hirsch Vineyards , Russian River Valley Sonoma Coast, California Rate: 93 ...สีแดงใส เข้มลึกปานกลางออกมาทางบาง ดูสดใส ...ส่งกลิ่นดอกไม้สีชมพูเข้ม น้ำแร่ และกลิ่นไหม้บางๆ ...โครงเนื้อหนาปานกลาง สมดุลสุดยอดและมีความซับซ้อน ...ได้กลิ่นหอมของดอกไม้หนาขึ้นใน Flavor ...ผลไม้ค่อนข้างบางเล็กน้อย แทนนินนุ่มละเอียด ...น่าเสียดายที่ช่วงจบ...สั้นไปนิด...กลืนแล้วหายไปเลย ...ก็น่าลองอยู่นะครับ คุณ Nic Nenin ...เพราะดีกว่า Pinot Noir ของ Willamette, Oregon เยอะ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 16 ส.ค. 49 17:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 103 "ตอนนี้เขามีหมายแจ้งมาแล้วว่า จาก 175 กลายเป็น 190 กว่าเจ้าแล้ว....." แฮะๆ ...นับดูแล้วรู้จักแค่ห้าสิบสองตัวเท่านั้นเอง กะลาใบนี้...ช่างใหญ่หลวงนัก จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 16 ส.ค. 49 17:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อไหร่จะกลับมาซักที.....แง้... จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 16 ส.ค. 49 18:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 105 หลังจากขอ อนุญาต คุณหมีน้อย polar bear ก็เลย ได้ซื้อ ขวดนี้กลับบ้านครับ... CH.Filhot 2001 .. จะได้รู้จัก โซแตนส์ กะเขา สักที .. จากคุณ : โฉมหน้าที่แท้จริง (พ่อหมี Polar Bear) - [ 16 ส.ค. 49 22:20:56 ]

ความคิดเห็นที่ 106 มันจะไม่เหยียบสองร้อยเจ้าได้อย่างไรคะ..ในเมื่อเขามีการชิมกันสามวัน สามคืน.. เพียงแต่..เฉพาะวันพฤหัสนั้นคือ สองร้อยห้าสิบ.(ซื้อตั๋วแยกได้ อันนี้ไปแน่ๆ เพราะจะต้องไปธุระที่ซาน ฟรานด้วยในวันนั้น..) ส่วนอีกสองวันต่อมานั้น..บริษัทซื้อบัตรไว้แล้วสี่ใบ (ใบละพันกว่า เอาไปหักภาษีได้) แต่เชื่อไหมเชื่อว่า ยังเกี่ยงกันอยู่ว่าใครจะไป เนื่องจากต้องไปรอนแรมนอนค้างถึงสองสามวัน ชิมไวน์แบบซ้ำซากกับปีที่แล้วๆมา..(ค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักและอื่นๆ ออกเงินเอง) และจากประสบการณ์ของการชิมแบบนี้..บอกตรงๆค่ะ ไม่สนุก เข้าข่ายทรมานตัวเองมาก กลับมาทำงานไม่ได้ไปหลายวัน..(คุณวิโรจคงเข้าใจในความรู้สึกดี) DAY TWO Friday, October 20, 2006 • MORNING Part I 9:00 am - 9:15 am Welcome and Preview of the 2006 California Wine Experience in San Francisco, Marvin R. Shanken, Editor & Publisher, Wine Spectator, New York City. Part II 9:15 am - 10:15 am Pinot Noir Tasting. A tasting of 10 Pinot Noir wines from Burgundy, California, Oregon and New Zealand to compare regional styles. These are all high-scoring, in- demand wines, shaped by winemakers with their own vision of what they want to create. Wine Spectator senior editors James Laube and Bruce Sanderson with Harvey Steiman, editor at large, will be onstage to talk about the wines as we taste them together. Part III 10:15 am - 10:45 am Secrets of the Santa Cruz Mountains. Matt Kramer, contributing editor, Wine Spectator, probes the small-production, high-impact wines of Santa Cruz Mountain. Kramer presents examples of what he declares is the "absolute uniqueness" of Santa Cruz Mountain Cabernet, Chardonnay and Pinot Noir. Part IV 10:45 am - 12:15 pm "The Four Chefs" Tasting. Back for a "threepeat," the "Four Chefs" present a wine and food pairing led by Thomas Matthews, executive editor, Wine Spectator. Each will present a signature dish matched with accompanying wines. These renowned chefs are Mario Batali, Babbo, New York; Emeril Lagasse, Emeril's, New Orleans; Wolfgang Puck, Spago, Los Angeles and Charlie Trotter, Charlie Trotter's, Chicago. • LUNCHEON 12:15 pm - 1:45 pm A Taste of Italy Lunch. A delicious luncheon created by an Italian guest chef who has designed a menu to highlight a variety of interesting, high-scoring wines from the great wine growing regions of Italy. You will have an opportunity to taste and compare these wines in an informal setting. • AFTERNOON Part V 1:45 pm - 3:15 pm Napa Valley Cabernet Tasting. James Laube, senior editor, Wine Spectator, moderates a tasting of 10 top-scoring hard to get wines from ten California "cult" wineries. The winemakers and/or owners will be onstage to taste and comment as the audience tastes each wine. The wines are: Araujo Cabernet Sauvignon Napa Valley Eisele Vineyard 2002 Colgin Cabernet Sauvignon Napa Valley IX Estate 2003 Robert Foley Claret Napa Valley 2003 Gemstone Yountville 2002 Harlan Estate Napa Valley 2003 Paul Hobbs Cabernet Sauvignon Napa Valley Stagecoach Vineyard 2003 Merus Cabernet Sauvignon Napa Valley 2003 Schrader Cellars Cabernet Sauvignon Napa Valley Beckstoffer To-Kalon Vineyard 2003 Screaming Eagle Cabernet Sauvignon Napa Valley 2002 Sloan Rutherford 2001 • EVENING 6:30 pm* - 10:00 pm Grand Tastings. Enjoy your second opportunity to taste the wines and meet the owners and winemakers from more than 175 great wineries from California, Oregon and Washington. The same wines are poured each evening giving you the opportunity to taste all the wines offered. Click here for a list of participating wineries. DAY THREE Saturday, October 21, 2006 • MORNING Part I 9:00 am - 10:30 am Wine Spectator's Top Ten Tasting. A tasting of the 2005 Top Ten wines as selected by the Wine Spectator board of editors and published in the December 31, 2005 issue—an annual highlight. The wines are: Joseph Phelps Insignia Napa Valley 2002 Clos des Papes Châteauneuf-du-Pape 2003 Rosenblum Zinfandel Rockpile Rockpile Road Vineyard 2003 Concha y Toro Cabernet Sauvignon Puente Alto Don Melchor 2001 Sette Ponti Toscana Oreno 2003 Alban Syrah Edna Valley Reva 2003 Lewis Cabernet Sauvignon Napa Valley 2002 Castello Banfi Brunello di Montalcino Poggio all'Oro Riserva 1999 Staglin Cabernet Sauvignon Rutherford 20th Anniversary 2002 Château d'Yquem Sauternes 2001 Each winery owner or winemaker will be onstage commenting on his wine and giving his perspective as we taste. The tasting will be led by James Suckling, senior editor, European bureau chief, Wine Spectator and James Molesworth, senior editor, Wine Spectator. Part II 10:30 am - 11:30 am Drouhin Tasting. A tasting of 10 wines from Maison Joseph Drouhin presented by legendary Burgundy vintner Robert Drouhin. Wines to be tasted include four vintages of Joseph Drouhin Montrachet Marquis de Laguiche and six vintages of Joseph Drouhin Beaune Clos des Mouches going back to 1976. Bruce Sanderson, senior editor, tasting director, Wine Spectator, leads the tasting. Part III 11:30 am - 12:45 pm Spanish Tasting. A tasting of 10 wines from the superstars of Spain. The wines selected are all top-rated wines (93+ points) from exciting Spanish wineries. Some of the producers will be onstage to lend their viewpoint to the discussion. Wine Spectator's executive editor Thomas Matthews leads the tasting. • LUNCHEON 12:45 pm - 4:00 pm A Tour of San Francisco Lunch. Part of what makes San Francisco a worldwide popular destination, is its great restaurants. Wine Spectator has invited chefs from some of these renowned restaurants to have a station at our San Francisco lunch and offer a dish from their restaurant. All the participating restaurants are part of our Restaurant Award program. You will have the opportunity to walk around and sample as you wish. We plan lots of local color to bring San Francisco flavor into the room. Match your food with wines stationed throughout the room. It's our tribute to this great city where the Wine Experience began. • EVENING "GRAND AWARD" BANQUET The "Grand Award" Banquet, crowning event of the weekend, is a lavish black-tie evening with special wines, great food and star entertainment. It is the culmination of a weekend filled with new wine experiences and new wine friends. 6:30 pm Champagne Reception 7:30 pm The Annual "Grand Award" Banquet. Highlighting the evening: This year's entertainment is a tribute to the Beatles by Classical Mystery Tour, a group that performs all over the world as the Beatles. They will be backed by the 57 piece Santa Clara Symphony. Listen and dance to all the Beatles songs that you still love and remember sung as the Beatles did in their glory days. คือ..ถ้าตัวเองอายุอ่อนกว่านี้สักสิบปีก็คงกระโดดโลดเต้น ตบตีแย่งชิงที่นั่งกับใครต่อใคร แต่มาอายุปูนนี้..การชิมแบบทรหดนั่นมันไม่สนุกแล้วค่ะ และไวน์ที่สนใจจะชิมจริงๆมีเพียงสองตัว คือ Screaming Eagle Cabernet Sauvignon Napa Valley 2002 กับ Sloan Rutherford 2001 แต่..ปลายปีใกล้คริสต์มาสมีงานอีกครั้งที่ต้องไป และมีไวน์สองตัวนี้ด้วย.. แต่ที่ยังกั๊กไว้..ไม่ได้บอกตรงๆไปว่าจะไปหรือไม่ไป เพราะรอคุณปีแอร์ที่จะกลับมาจากอลาสก้าในเดือนกันยายนนี้.. ว่า..ถ้าเขาไป..ก็จะไปด้วย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 22:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ความบ้าใน แต้มของ ปาร์คเกอร์ นี่ ผมยกให้สิงคโปร์ บ้ากว่าเรา หลายเท่าครับ.. staff ในร้านไวน์ แทบจะทุกร้าน รู้จัก web ปาร์คเกอร์ บางร้าน ก็ออนไลน์ไว้ แล้วให้เช็ค แต้มแบบบริการตัวเอง ให้ รู้แล้วรู้แรด สนุกดี ครับ ได้ฟังมุมมองเรื่องไวน์ จากเพื่อนบ้านใกล้เคียง จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 16 ส.ค. 49 22:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 108 แหม..คุณพ่อหมีก็น่าจะเขียนเล่าให้ฟังกันมั่ง.. เราจะรู้รสนิยมของสิงคโปร์ เพราะในโลกทางตะวันตกนี้ เขา"เบลม" แบบฟันธงไปเลยว่า สิงคโปร์ที่แหละ ที่ปั่นราคาไวน์ในเอเซียจนตลาดระส่ำระสาย.. ชนิดเด็ดดอกหญ้า..สะเทือนถึงดวงดาว จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 22:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 109 สวัสดี ครับ คุณอาวิวันดา คุณอาครับ จากมอนเทอเรย์ ไปซานฟราน นี่ไกลพอๆ กับกรุงเทพฯ - หัวหิน ประมาณนี้ หรือเปล่าครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 16 ส.ค. 49 22:48:39 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอาแค่ขนาดเมื่อวาน..ไปตีกอล์ฟตอนสายๆ บ่ายๆไปเยี่ยมไร่ไวน์ เย็นชิมไวน์ กลับมาสลบเหมือด..แวะเข้ามาในกระทู้หน่อยก็มุดหัวนอนยาว... วันนี้ไม่ไปทำงาน..ขี้เกียจ อยากพักเพราะเหนื่อยแร๊ะ.. จะเฝ้ากระทู้ทั้งวัน..ใครอยากเจอก็ออนไลน์มาได้เลย ................................... แม่น้องสาวทวีตี้จ๋า.. เรื่องไปเมืองไทยยังกำหนดไม่ได้เลย เพราะไม่มีตอนไหนเลยที่จะมีเวลาว่างอยู่เฉยๆถึงหนึ่งเดือน (ประเภทไปแค่อาทิตย์สองอาทิตย์นั้น..ไม่ไปค่ะ) งานรอยาวเหยียดเต็มไปหมด แต่พี่ก็จะเกษียณและย้ายไปอยู่เมืองไทยถาวรในสี่ห้าปีนี้นะ..ปีสองปีหน้านี้ก็เริ่มทะยอยย้ายข้าวของไปแล้ว.. ตอนนี้ต้องรีบทำงานก่อน จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 22:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เหอๆๆ จริงครับ ที่ หลายๆครั้ง การซื้อมา ขายไป วนเวียน ระหว่าง wine merchant กันเอง ทั่วทั้งเกาะ ครับ บางที ก็ลามมา เมืองไทย จน ไปถึง ฮ่องกง ครับ แต่รายหลังนี้ไม่ค่อย เพราะกลัวของ copy ครับ ยกตัวอย่าง เรื่องลามมาเมืองไทย เช่น เปตรุส 89 90 2000 ราคาที่ โน่น เขาปั่นกันติ้วๆๆๆ ที่เมืองไทยราคายังอยู่กับที่ เขาก็ยอมจ่ายนะครับ ทั้งๆที่ ทางบ้านเรามีภาษี แล้วยังถูกกว่าที่เขาปั่นอีกครับ จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 16 ส.ค. 49 22:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ตอบคุณพ่อหมี..ว่า ระยะทางร้อยกว่าไมล์ ขับรถจริงๆสองชั่วโมง แต่กว่าจะเข้าถึงใจกลางเมืองซาน ฟราน ก็อาจใช้เวลาอีกชั่วโมง ถ้าติดชั่วโมงเร่งด่วน แม่น้องสาวทวีตี้นี่ซิแน่..เช่ารถจากซาน ฟราน ขับตามแผนที่ (ฉบับยากๆ ชนิดคดเคี้ยว) มาแบบเป๊ะๆ..มาหาพี่ถึงมอนเทอเรย์ เพราะเมืองมอนเทอเรย์อยู่ริมฝั่งทะเล (ม.แปซิฟิค) ที่เรียกว่า Peninsula เขาจะไม่สร้างฟรีเวย์ทะลุเข้ามา เพราะ เป็นการรักษาสภาพแวดล้อม แต่จะมีถนนเล็กๆแยกมาให้จากเส้นทางใหญ่ ที่สร้างแบบไม่ตัดต้นไม้ทำลายป่า.. เป็นทางสองเลน ระยะยาวร่วมร้อยไมล์ ป้ายบอกทางเข้าก็เล็กปะติ๋ว..ใครต่อใครจึงหลงประจำ พี่ก็เป็นห่วง..ลุ้นแทบแย่ ปรากฏว่า เธอมาถึงโดยสวัสดิภาพ แม้จะขับอ้อมโลกกินเวลาไปครึ่งวันก็ตามที นับว่าเก่งยอดเยี่ยม จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 23:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เอารูปมาฝากครับสำหรับ แฟนๆ ฉลากนี้ ร้านนี้ขาย (ยี่ห้อนี้) ไม่ถูกครับ เพราะว่าขายดีมาก ร้านอยู่ใน สนามบินเลย เอลม่า เล่าว่า เกือบทุกวัน จะมีลูกเรือ สายการบินเจ้าจำปีมาซื้อกลับไป อย่างวันที่ไป 407 ก็หมด... โอพระเจ้าจอร์จ มันดีอย่างนั้นเลย... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 16 ส.ค. 49 23:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณคนงบน้อย (Nic Nenin) ขา.. ไวน์ในราคาของ Williams Selyem (ประมาณว่าร้อยอัพแล้วตอนนี้) ไปหาดีๆกว่านี้ได้ค่ะ อย่าไปผูกกับแต้มของบ๊อบ.. ยัง มี DEHLINGER..PINOT NOIR , HIGH PLAINS VINEYARD , RUSSIAN RIVER VALLEY และ FLOWERS SONOMA MOUNTAIN (VAN DE KAMP) ที่จัดว่าสูสี หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ สำหรับ วิลเลี่ยมส์ เซลเยม นั้น ออกไวน์มาเป็นไข่ปลาเลย มีนับสิบๆชนิด ไล่ไปตามพื้นที่ที่วางไว้เป็นตาข่าย ตรงนั้นหย่อม ตรงนี้หย่อม บางตัวนะคะ อย่างของที่มาจาก องุ่นในไร่ Vista Verde หรือ San Benito หรือ Precious Mountain ที่อยู่ในโซโนมาด้วยกัน..รสชาติไม่เอาไหน แต่ด้วยเพราะกระแสกระมัง..ราคาก็ปีนขึ้นไปเท่าๆกัน สงสารผู้บริโภค..ใครจะไปจำหมดว่า อีตานี่แกออกไวน์อะไร ตรงไหนมามั่ง เพราะ ใช้ชื่อเดียวกันหมด ของดีของแกมีตัวเดียว..นั่นคือ Williams Selyem Russian River Valley, Rochioli Riverblock Pinot Noir จากคุณ : WIWANDA - [ 16 ส.ค. 49 23:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ที่คุณ sckg ว่า... ขอต่อยอดจากพี่วาริชเวสม์ครับคือเคยคุยกับพี่บางคนที่ติดตามกระทู้นี้ว่าพวกเราน่าจะมีโอกาสจะได้พบปะพูดคุย ดื่มไวน์แบบคนคอเดียวกัน แต่ยังงัยก็ต้องแล้วแต่ทุกคนโดยเฉพาะพี่วิ ถ้าพี่โอเคหล่ะก็เมื่อไหร่ ได้เลย ปล. อ่านกระทู้พี่แล้วเหมือน blind date เลยนะครับ 555.... .................................... ก็ลองนัดเจอกันในระหว่างเพื่อนฝูง พี่น้องในกระทู้ซิคะ ตั้งเป็นกลุ่มเล็กๆ ให้วิทยาทานกับรุ่นน้องๆที่สนใจ ขอเริ่มเป็นว่า.. การดื่มไวน์ "เพื่อสังคม" ที่ต้องรู้เรื่องของ etiquette อันดับแรก ว่า.. 1. ถ้าคนกำลังดื่มไวน์ราคาร้อย ต้องไม่คุยถึงเรื่องไวน์ราคาพัน หรือหมื่น (นอกจากจะสนิทกันจริงๆ) 2. ไม่ต้องแสดงภูมิ..ถ้าไม่มีใครถาม (หรือถาม..ก็ต้องดูว่าเขาต้องการรู้จริงหรือเปล่า อาจเป็นแค่การสร้างการสนทนาแบบหลวมๆก็ได้) 3. อย่าทำตัวให้ยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องเรียกหาแก้วไวน์ Reidel (อันนี้ ชื่อจริงๆที่ต้นฉบับเขาจะอ่านว่า รีดดด..ดิล แต่เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ไรเดิล หรือ รีเดิล ถ้าไปขอซื้อหรือบอกใครในอเมริกาว่า ต้องการแก้ว รีดดดด..ดิล รับรองว่าหาซื้อไม่ได้) แก้วไวน์อะไรก็ได้ แต่ต้องแห้ง และสะอาด 4. การ ส่องดูสี , ดู leg, ดม อย่าทำจนเกินงาม เอาแค่พอควร อย่าไปถามหาถังสำหรับบ้วนทิ้ง หรือ บ้วนไวน์ทิ้ง (ดังที่ได้อ่านเจอในหนังสือแนะนำไวน์บางเล่ม..) ถ้าเป็นไวน์ของเราที่เอาไปเปิด..ไม่ต้องชม.. ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น ไวน์คนอื่น..ถ้าดี..และชอบ..ชมได้เต็มที่ ถ้าแค่โอเค....ก็เฉยไว้..เราสามารถใช้คำพูดเลี่ยงได้สารพัดหาแต่ส่วนดีมาชม เพราะไวน์แต่ละตัวจะมีบุคลิคที่ไม่เหมือนกัน ชอบหรือไม่ชอบอยู่ที่รสนิยมเฉพาะตัวคนชิม ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้..รับรองว่าจะมีเพื่อนในวงการไวน์มากมาย..พอหลังจากสนิท จนร่วมก๊วน รู้ฝีมือกันดีกันแล้ว.. อะไรที่ "ห้ามๆ" ก็ยกเลิกได้หมดแหละ.. โถ..ไม่ถึงขนาด blind date หรอกค่ะ คนรู้จักพี่เยอะแยะ ไม่เคยปิดตัว..ไปเมืองไทยเมื่อไหร่ก็เต็มที่ อยู่กับน้องๆตลอดๆจนญาติโกรธ.. ตอนนี้เขาห้ามเอา "ของเหลว" ขึ้นเครื่องบิน..ไม่รู้จะห้ามไปอีกนานเท่าไร เพราะทุกครั้งที่ติดตัวขึ้นเครื่องอย่างน้อยก็หกถึงแปดขวด ในกระเป๋าอีกใบละลัง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 00:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ถ้าคุณ Nic Nenin ชอบไวน์ปีโนต์ นัวร์ ต้องดูตาม report card ของเหล่าเกจิ (ที่ไม่ใช่บ๊อบ) ที่เขาจะทำการทดลองบอด และ ทำการเปรียบเทียบตลอดเวลา อย่างการ์ดของปี 2003 นะคะ..ยาวหน่อย แต่ การทดสอบแบบนี้นับว่าไม่ค่อยพลาด เลยยกมาให้ดูทั้งหมด เพราะไม่ใช่มาจากความเห็นของคนเพียงคนเดียว.. WINETASTER ON 04/21/03 WITH 8 JUDGES AND 8 WINES BASED ON RANKS, IDENT=N Copyright (c) 1995-2003 Richard E.  V. 1.65                                     FLIGHT 1:                              Number of Judges =  8                              Number of Wines  =  8  Identification of the Wine:                   The judges' overall ranking:  Wine A is Greenhough 2000 Hope Vineyard New Zealand     ........  6th place  Wine B is Spy Valley 2001 Marlborough New Zealand       ........  5th place  Wine C is David Bruce 2000 Russian River California     ........  1st place  Wine D is Hamilton Russell 1998 South Africa            ........  2nd place  Wine E is Margrain 2001 Martinborough New Zealand       ........  8th place  Wine F is Nuits Saint Georges 1999 France               ........  7th place  Wine G is Mt. Difficulty 2000 Otego New Zealand         ........  3rd place  Wine H is King Estate 1999 Oregon                       ........  4th place                        The Judges's Rankings  Judge       Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                                                                                                            Jim                   6.  3.  5.  7.  8.  4.  1.  2.                            Cate                  6.  2.  1.  7.  8.  3.  4.  5.                            Frank                 6.  7.  2.  1.  4.  8.  3.  5.                            Burt                  8.  7.  2.  1.  6.  3.  4.  5.                            Orley                 5.  3.  2.  1.  8.  7.  4.  6.                            Ed                    7.  4.  1.  5.  6.  8.  2.  3.                            Grant                 5.  1.  4.  2.  8.  7.  6.  3.                            Dick                  1.  5.  3.  4.  7.  8.  6.  2.                                                  Table of Votes Against                                                                                                                                Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                               Group Ranking ->   6   5   1   2   8   7   3   4     Votes Against ->  44  32  20  28  55  48  30  31     ( 8 is the best possible,  64 is the worst) The wines were preferred by the judges in the following order. When the preferences of the judges are strong enough to permit meaningful differentiation among the wines, they are separated by -------------------- and are judged to be significantly different.  1.   ........  1st place    Wine C is David Bruce 2000 Russian River Cal ---------------------------------------------------  2.   ........  2nd place    Wine D is Hamilton Russell 1998 South Africa  3.   ........  3rd place    Wine G is Mt. Difficulty 2000 Otego New Zeal  4.   ........  4th place    Wine H is King Estate 1999 Oregon            5.   ........  5th place    Wine B is Spy Valley 2001 Marlborough New Ze  6.   ........  6th place    Wine A is Greenhough 2000 Hope Vineyard New ---------------------------------------------------  7.   ........  7th place    Wine F is Nuits Saint Georges 1999 France    8.   ........  8th place    Wine E is Margrain 2001 Martinborough New Ze We now undertake a more detailed examination of the pair-wise rank correlations that exist between pairs of judges. First, we present a table in which you can find the correlation for any pair of judges, by finding one of the names in the left hand margin and the other name on top of a column. A second table arranges these correlations in descending order and marks which is significantly positive significantly negative, or not significant. This may allow you to find clusters of judges whose rankings were particularly similar or particularly dissimilar.                                                                                                          COMMENT: We all agreed that the wines were well-made and were drinkable. They all  cost all in the same ball park. Almost all had the typically spicy nose   earthy terroir. We had with us the marketer of three of the wines, and she able to correctly select two of the three---both of which were from   New Zealand. The Greenhough is a bit green, slightly hot and will age well The David Bruce, the only California Pinot, was also the only wine with  vanilla, oaky notes.                                                                                                                             ** ถ้าไปพบกับคำว่า oaky ในไวน์ ขอให้อ่านออกเสียงว่า โอ๊คกิ  เสียงหนักตรงโอ๊ค และ กิ นั้นออกเบาๆ เพราะมันเสี่ยงมากที่จะอ่านออกมาว่า โอ๊คกี้  แบบชัดถ้อยชัดคำนั่นหมายถึง ไวน์ไม่ดี ถังเหม็นสาบ เหม็นชื้น มีกลิ่นเชื้อรา แบบผ้าเปียกที่หมักเหม็น ........................วิวันดา จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 03:03:11 ]

ความคิดเห็นที่ 117 อันนี้แถมให้ เพราะเห็นว่าไปชิมไวน์บอร์คโดซ์กัน... เป็นรีพอร์ตอันล่าสุด WINETASTER ON 10/03/05 WITH  8 JUDGES AND  8 WINES BASED ON RANKS,  IDENT=N                                                                                                                                                            FLIGHT 1:                              Number of Judges =  8                              Number of Wines  =  8  Identification of the Wine:                   The judges' overall ranking:  Wine A is Leoville Barton 1982                          ........  8th place  Wine B is Gruaud Larose 1982                            tied for  4th place  Wine C is La Lagune 1982                                tied for  4th place  Wine D is La Conseillante 1982                          tied for  1st place  Wine E is Ducru Beaucaillou 1982                        tied for  4th place  Wine F is Cos d'Estournel 1982                          ........  3rd place  Wine G is Pichon Longueville 1982                       tied for  1st place  Wine H is Petit Village 1982                            ........  7th place                        The Judges's Rankings  Judge       Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                                                                                                            John                  8.  4.  3.  1.  5.  2.  6.  7.                            Mike                  7.  5.  3.  2.  6.  4.  1.  8.                            Ken                   6.  5.  8.  7.  4.  1.  2.  3.                            Orley                 4.  2.  3.  5.  6.  1.  8.  7.                            Frank                 5.  8.  4.  2.  6.  3.  1.  7.                            Burt                  6.  3.  7.  2.  5.  8.  1.  4.                            Ed                    8.  5.  6.  2.  3.  4.  1.  7.                            Dick                  7.  8.  6.  1.  5.  3.  2.  4.                                                  Table of Votes Against                                                                                                                                Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                               Group Ranking ->   8   4   4   1   4   3   1   7     Votes Against ->  51  40  40  22  40  26  22  47 The wines were preferred by the judges in the following order. When the preferences of the judges are strong enough to permit meaningful differentiation among the wines, they are separated by -------------------- and are judged to be significantly different.  1.   tied for  1st place    Wine G is Pichon Longueville 1982            2.   tied for  1st place    Wine D is La Conseillante 1982               ---------------------------------------------------  3.   ........  3rd place    Wine F is Cos d'Estournel 1982                4.   tied for  4th place    Wine E is Ducru Beaucaillou 1982              5.   tied for  4th place    Wine C is La Lagune 1982                      6.   tied for  4th place    Wine B is Gruaud Larose 1982                 ---------------------------------------------------  7.   ........  7th place    Wine H is Petit Village 1982                  8.   ........  8th place    Wine A is Leoville Barton 1982               COMMENT: These were all extraordinary wines and there was no bad bottle in the lot. Any other issues notwithstanding, the Pichon Lalande (wine G) is a brillant,  focused and pure wine which one taster has tasted  on at least 20 occasions  and never failed to love.                                                 Two of us could tell the minute we sat down which were the two wines that were Pichon Lalande and Conseillante. We knew that because two of the wines were noticeably colder than the others, since they had come from  a different cellar and we knew they were colder. Those two wines scored   the highest in our tasting. Orley thought that the most highly rated wine  by Parker, and certainly the most expensive in today's market, had the green character of unripe cabernet as you would find in a market from     Monterey CA. Many of the group disagreed with this view.   One taster noted the following: These wines, bought for $15 and less per  bottle, now sell at auction for $300 down to about $100 per bottle. The  wines are very good, but few of us ever drink these on a regular basis because of their current prices. Many knowledgeable wine people who bought  these wines early have now either sold them, or have certainly contemplated doing so. As wine drinkers, we understand the motives of sellers, and we wonder about the motives of buyers.?     ***** รีพอร์ตการ์ดพวกนี้..ต้องอ่านให้ละเอียดค่ะ ยิ่งตอนคอมเม้นต์นี่..ยิ่งอ่านจะยิ่งหนาว... ในสายไวน์อาชีพ เขาจะไม่ชิมไวน์เพื่อที่จะฟันธงให้คะแนนจนกว่าจะถึงเวลาชิม..อย่างของรายงานปี 2005 นี่ เพิ่งจะเอาไวน์ปี 1982 มาเปิด.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 03:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 118 แถมให้อีกอัน..แบบย่อๆนะคะ เป็นของบอร์คโดซ์ใหม่ หมายถึงปี  89-90  อยากให้อ่านตรงคอมเมนต์น่ะค่ะ.. FLIGHT 1:                              Number of Judges =  8                              Number of Wines  =  8  Identification of the Wine:                   The judges' overall ranking:  Wine A is Ch. Margaux 1990                              ........  5th place  Wine B is Ch. La Conseillante 1989                      ........  3rd place  Wine C is Ch. La Conseillante 1990                      ........  1st place  Wine D is Ch. Lafite Rothschild 1990                    ........  7th place  Wine E is Ch. Lafite Rothschild 1989                    ........  8th place  Wine F is Ch. Cheval Blanc 1990                         ........  4th place  Wine G is Ch. Cheval Blanc 1989                         ........  6th place  Wine H is Ch. Margaux 1989                              ........  2nd place                        The Judges's Rankings  Judge       Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                                                                                                            Hunt                  7.  4.  1.  2.  3.  8.  6.  5.                            Burt                  2.  5.  3.  7.  8.  4.  6.  1.                            Ed                    8.  6.  5.  7.  3.  1.  2.  4.                            Orley                 3.  2.  4.  5.  7.  1.  8.  6.                            Bob                   1.  4.  5.  6.  8.  7.  3.  2.                            Frank                 6.  2.  1.  8.  7.  4.  3.  5.                            Grant                 2.  3.  1.  5.  7.  6.  8.  4.                            Dick                  8.  7.  1.  2.  6.  3.  5.  4.                                                  Table of Votes Against                                                                                                                                Wine ->   A   B   C   D   E   F   G   H                               Group Ranking ->   5   3   1   7   8   4   6   2     Votes Against ->  37  33  21  42  49  34  41  31 The wines were preferred by the judges in the following order. When the preferences of the judges are strong enough to permit meaningful differentiation among the wines, they are separated by -------------------- and are judged to be significantly different.  1.   ........  1st place    Wine C is Ch. La Conseillante 1990           ---------------------------------------------------  2.   ........  2nd place    Wine H is Ch. Margaux 1989                    3.   ........  3rd place    Wine B is Ch. La Conseillante 1989            4.   ........  4th place    Wine F is Ch. Cheval Blanc 1990              5.   ........  5th place    Wine A is Ch. Margaux 1990                    6.   ........  6th place    Wine G is Ch. Cheval Blanc 1989              7.   ........  7th place    Wine D is Ch. Lafite Rothschild 1990         ---------------------------------------------------  8.   ........  8th place    Wine E is Ch. Lafite Rothschild 1989         COMMENT: These were all extraordinary wines and it was surprising that for young wines they had unusually little tannin. One participant felt that the wines are drinking beautifully but have substantial tannins which are soft and sweet. In the four comparisons of vintages for the same chateaux, in three cases the 1990 was preferred. The first place wine was the 1990 La Conseillante and..... the least preferred wine was the 1989 Lafite. The 1990 Margaux was in fifth place and "was a 100 point Parker rated wine in 1993." Based on the across the board performance for the two vintages, La Conseillante was the winner and Lafite was last. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 04:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ลุงทีที่รัก.. salsa น่ะ จะบอก base ของมันให้รู้ก่อนนะ ไปบอกเจ้านายด้วยว่า ไปซื้อมะเขือเทศงอมๆมาสักกิโล ต้มน้ำให้เดือด เอามะเขือเทศใส่ลงไปสัก 3-4 นาที แล้วเอาขึ้นมาแช่น้ำเย็นจัด ผิวจะปริ.. ลอกผิวบางๆชั้นออกออก..เหลือแต่มะเขือเทศสุกล้อนจ้อน นั่น คว้านเอาเม็ดออกให้มากที่สุด หั่นเป็นชิ้นเอาลงไปปั่นพร้อมกับกระเทียม เกลือ ชิมให้พอดี แล้วเอาใส่ในขวดไปแช่เย็น เก็บไว้ได้นะ.. พอจะเอามาทำ ซัลซ่า ก็แบ่งงอกมาว่าจะใช้มากน้อยแค่ไหน มันจะข้นไป เอามาผสมกับ V8 หรือน้ำมะเขือกล่องสักนิดหน่อย.. ทีนี้ก็ หั่นหอมหัวใหญ่ให้ละอียด ผักชี พริกชี้ฟ้า บีบน้ำมะนาว เติมกลือ พริกไทย กระเทียมใส่ตามใจชอบ.. หรือจะหั่นมะเขือเทศเละๆเติมไปอีกก็ได้ ถ้าไม่เละอย่าใช้ เพราะมันเหม็นเขียว.. ก่อนกิน..ใส่ตู้เย็นทิ้งไว้สักสิบนาที..จะอร่อยกว่า.ทำใหม่สดๆ.. base ที่ว่านี้ เอามาทำอะไรได้หลายอย่าง..จะเอามาทำเป็นสปาเก็ตตี้ ซ๊อส หรือ เอามาทำกับกุ้งหอยปูปลาเป็น อาหารประเภทซุปทะเลเข้มข้นข้นที่เรียกว่า บูญาเบสส์ (Bouillabaisse = ฝรั่งเศส ) หรือ ชุปปิโน (Cioppino = อิตาเลี่ยน) ก็ได้ เพียงแต่ผสมกับเอิร์บนานาชนิดตามสูตรเข้าไป วันที่ทำไปกินกันในรูปน่ะ เด็กๆที่บ้านแตกตื่น เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต..ว่ามีคนต้มมะเขือเทศ แถมเอาขึ้นมาปอกเปลือก..แล้วเอาลงไปปั่นอีก.. มันว่า..เรื่องมากชิ๊บ..!! จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 04:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เอาเรื่องของไวน์รีปอร์ตมาให้อ่านกัน เพื่อจะได้รู้ว่า ไม่ใช่มีแต่บ๊อบคนเดียว ที่ชิมไวน์แล้วบ้วนปรี๊ด.. สามารถเขียนถึง ให้คะแนนได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว.. โลกทั้งโลกยอมเชื่อฟังอย่างโดยดี ไม่มีข้อแม้..ไม่มีข้อสงสัย ราคาจากที่ตั้งไว้ว่า สามสิบเหรียญ (นี่คือทุนมาตรฐานของไวน์ชั้นดีที่ใช้หมักในถังโอ๊คฝรั่งเศส 60-80%) พอบ๊อบให้เก้าสิบหนึ่งเก้าสิบสอง เท่านั้นแหละ เชื่อไหมเชื่อว่า..เอาสามคูณไปได้เลย..ถ้ากลายเป็น 93-94 ก็เอา 4 คูณ ถ้าเป็น 95-96 เอา 5 คูณ ถ้าเป็น 97-98 จะเป็น 10 คูณ ถ้า..99-100 ก็คูณกันตามสบาย..ที่เห็นๆก็ 50 คูณ คือ screaming eagle แล้วจะมาเล่าวันหลัง ว่า..จากรีปอร์ตการ์ด จากการชิมบอดๆ ไวน์ของ screaming eagle ถูกเฉือนไปด้วยไวน์รากหญ้าที่เพิ่งยกระดับจาก โซโนมา งานนี้หัวเราะกันกลิ้งเลยค่ะ... จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 06:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เล่าต่อซะที..อู้มานานแล้ว.. จอง ปีแอร์เป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ใครเห็นใครรัก ในช่วงของสงคราม เขาได้เดินทางไปเบลเยี่ยม ขณะที่กำลังยืนต่อแถวเข้าเช๊ค-อินในโรงแรม คนที่อยู่ข้างหน้ากำลังค้นหาปากกา เขาได้หยิบยื่นส่งให้ยืมใช้.. ก็เลยคุยกันสนิทสนม นายคนนั้นคือนักธุรกิจคนหนึ่ง ที่สนใจรับไวน์ของเขาไปจัดจำหน่ายให้ในเบลเยี่ยมอย่างเป็นล่ำเป็นสัน.. หลังจากสงคราม..ธุรกิจไวน์ของเขาก็เริ่มเติบโตขึ้น จนสามารถเดินทางไปขายถึงในอเมริกาเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่ภาษาพูดได้แค่งูๆปลาๆ พอถึงช่วงปี 1950's จอง-ปีแอร์ ได้มีไร่ไวน์ของตัวเองถึง สิบสองไร่ ในเขต พอมโฮล..อันไหนไร่ไหนที่ไม่สามารถซื้อได้ เขาก็รับทำหน้าที่จัดจำหน่ายให้.. อย่าง..Chateau Petrus ที่เขาได้เป็นเอเย่นต์ขายให้แต่ผู้เดียวในปี 1945 จากนั้นก็ซื้อมาครอบครองในปี 1969 ความจริง จอง-ปีแอร์ไม่ได้มีเงินสดมากมายถึงขนาดนั้น หากเป็นเพราะในช่วงที่เขามีเงินยามสงคราม เขาได้รับซื้อ ภาพศิลป และ ของเก่าที่มีค่าจากเหล่าเศรษฐีที่ต้องละทิ้งถิ่นฐานในราคาถูก..ของมีค่าที่ว่านี้ เช่น.. ภาพศิลปของ Degas หรือภาพวาดของ Picasso, Monet รวมทั้งของศิลปินดังอื่นๆ ตอนที่ต้องซื้อไร่ เปตรุส เขาถึงกับยอมขายของมีค่าเหล่านี้ไปหลายชิ้นทีเดียว... ในยามนั้น..แม้ว่า มณฑล แซงต์-เตมิญอง จะรุ่งเรืองมานานนับร้อยๆปีก็จริง แต่ เมืองพอมโฮล ยังเป็นบ้านนอกสุดแสน ทั้งเมืองมีบ้านหลังใหญ่ๆเป็นสง่าแค่แปดหลัง..ถนนแคบๆเป็นลูกรัง กว้างยาวประมาณ 7 ไมล์ครึ่ง ที่โอบล้อมไร่ไวน์ที่มีรวมกันแล้วตกประมาณ 1800 เอเคอร์ ส่วนเจ้าของไร่ไวน์ส่วนใหญ่ ก็ไม่มีใครทนลำบากอยู่ในบ้านนอกนี่ ล้วนแต่มีบ้านอยู่กันในลีบวนทั้งนั้น รวมทั้งครอบครัวของ จอง-ปีแอร์ ด้วย.. ไร่ไวน์ก็อยู่ในความดูแลของเหล่าคนงานพื้นเมืองที่มาจากอาฟริกาทั้งสิ้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 06:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ในช่วงก่อนสงครามนั้น ไร่เปตรุส ไม่ได้เป็นที่รู้จักของใครเลย เป็นแค่ของดีระดับโอท็อป ที่เจ้าของคือเศรษฐีนีม่ายคนหนึ่ง นามว่า มาดามลูบัต พอมาดามได้ถึงแก่กรรมไปในปี 1961 มรดกก็ตกไปอยู่กับลูกหลานที่แย่งกันขายแทบไม่ทัน.. จอง-ปีแอร์ จึงมีโอกาสได้เป็นเจ้าของอย่างง่ายดาย และเขาได้ซื้อไร่ข้างๆเพิ่มอีก นั่นคือ ไร่ Chateau Gazin ที่มีเนื้อที่ สิบเอ็ดเอเคอร์ เมื่อมารวมกับเปตรุสที่มีอยู่ สิบหกเอเคอร์ จึงได้เป็น ยี่สิบเจ็ด ตามกฏหมายของฝรั่งเศส ถ้าเจ้าขอไร่ไหนสามารถขยายเนื้อที่ออกไปได้ ก็ไม่ถือว่าเสียสิทธิของสถานะไวน์ที่ได้รับแต่อย่างใด หมายถึงถ้าเกิดเป็น 1855 กรอง ครู ก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะผลิตไวน์ได้มากขึ้นก็ตาม.. แต่..จอง-ปีแอร์ ตระหนักในข้อนี้ดี เขาเพิ่มเพราะว่าอยากจะมีเนื้อที่ใช้สอย แต่จะไม่เพิ่มจำนวนผลิตให้เสียชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด เขายังผลิตแค่ 36,000 ขวดเช่นเดิม ในขณะที่ ดีเคมผลิตออกมาปีละ 110,000 ขวด ชาโต มาร์โกซ์ ผลิต 400,000 ขวดต่อปีนี่แหละ..(สี่แสนขวดที่ว่านี่ หมายถึง ไวน์เบอร์สองของเขาด้วย..) ในปี 1980's ต่อด้วย 1990's เศรษฐกิจของโลกได้บูมขึ้นสุดขีด ไวน์ของชาโต เปตรุส ได้เริ่มออกวาดลวดลายเป็นที่นิยมในหมู่ของผู้ดีอังกฤษ ที่เลือกสรรหาแต่ของดีเด็ดดัง..เปตรุสได้มายืนอยู่ในแถวหน้าอย่างสง่าผ่าเผย.. ตลาดเอเซียตะวันออกได้จับจองเป็นเจ้าของด้วยราคาไม่อั้น..นักธุรกิจชาวจีน ต่างขนซื้อกันไปผสมกินกับโค้ก และสไปรท์ กันอย่างหน้าตาเฉย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 06:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ในช่วงที่เปตรุสโด่งดังนั่น..จอง-ปีแอร์ได้รามือในการบริหารไปแล้ว เขาได้ยกกิจการให้กับลูกชายสองคน..คือ Jean-Francois เป้นผู้บริหารการขาย-การตลาด และ Christian ดูแลการผลิต.. ในปี 1982 คือปีที่คริสจอง ได้จับมือกับ ไร่ไวน์ในนาปาเช่นเดียวกับ รอธส์ไชลด์ที่ได้ผนวกกิจการกับมอนดาวี ทำ โอปัส วัน ขึ้นมา.. ของเปตรุส คือลงทุนทุ่มเงินกว่าแปดล้านเหรียญ ผลิตไวน์ Dominus แห่ง Yountville ขึ้นมา..เปิดตัวด้วยราคาขวดละ 90 เหรียญ.. ตีเสมอแถมเกินหน้าโอปัส วันไปอีกด้วยซ้ำ.. พอต่อมา.ไวน์ระดับกลางๆของฝรั่งเศสถูกโจมตีขนาบด้วยไวน์จากออสเตรเลีย และอเมริกาหนักๆเข้า..คริสจองเริ่มขายทิ้งไร่ไวน์เล็กๆที่ได้รับตกทอดมาจากคุณพ่อช่างซื้อ เพราะ ครั้งหนึ่ง ไวน์ในนามของ Christian Moueix นั้น มีราคาขายตั้งแต่ขวดละสี่เหรียญไปจนถึงขวดละร้อยแก่ๆ.. เขาคิดว่า..นั้นมันเป็นสิ่งที่จะฉุดชื่อเสียงของเปตรุสให้มัวหมองโดยไม่จำเป็น เขาขายมันทิ้งไปอย่างไม่เสียดาย หันมาทะนุบำรุงไวน์เปตรุสเพียงอย่างเดียว.. (ความจริงก็ไม่น่าเสียดายหรอก เพราะขายไปเอเคอร์ละล้านเหรียญแน่ะ ขายแบบถูกคนแย่งกันซื้อด้วย..) จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 07:04:18 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ขอบคุณมากป้า เดี๋ยวหาโอกาสลงมือเองเลยเราก็ชอบทำอยู่แล้ว กลางเดือนหน้าเจ้านายเขาจะบินไปส่งลูกสาวอีก(ทั้งๆที่ลูกไม่เคยร้องขอเลย)อยากได้อะไรทางนี้ไหม? ไวน์ชิมมากๆก็อาจจะเอียน...แต่ Beatles นี่ฟังเท่าใหร่ๆก็ไม่เบื่อนะครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 17 ส.ค. 49 09:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ขอบคุณมากลุงทีเพื่อนรัก..แต่ไม่อยากได้อะไรเลย บอกคุณนายหมูด้วย..ไม่ควรพกพาอะไรให้มากมาย ตอนนี้ตรวจเข้มมาก.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 09:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 126 พี่วิขา คอมเม้นท์ที่ 115 ของพี่ ตรงใจเผงเลยค่ะ ทำไมเราไม่เจอเพื่อนแบบนี้บ้างนะ จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 17 ส.ค. 49 09:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ครอบครัว Moueix นั้น นอกจากทำไวน์แล้ว..ก็ยังเป็นเอเย่นต์หรือตัวกลางขายไวน์ให้กับชาวพอมโฮลด้วย.. (ต่อยอดมาตั้งแต่ครั้งจอง-ปีแอร์ สมัยบุกเบิกสร้างตัว) แต่ในยุคใหม่มานี่..ชาวกสิกรไวน์พอมโฮล ต่างมองเห็นเงินกองอยู่ตรงหน้า ภายใต้การนำ และการให้คะแนนของ หนุ่มอเมริกันนามว่า บ๊อบ ปาร์คเเกร์ (สำเนียงฝาหรั่งเศส) จึงถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มมูอีซ์ ต่างฝันที่จะส่งไวน์ไปในศูนย์ค้าไวน์กลาง หรือที่เรียกว่า Place de Bordeaux โดยที่ไม่หันมาแยแสหรือสนใจ กับตัวกลางอีกต่อไป.. คริสจองและ จอง-ฟรังซัวส์ ต่างขมขื่นใจเต็มที่ เขาบ่นด้วยความน้อยใจว่า.. "พวกเรา..คนกลาง ถูกเหยียดหยามราวกับเป็นไอ้ขี้ครอกอะไรไม่รู้.. ในปีแห่งความรุ่งเรืองของไวน์บอร์คโดซ์คือ ปี 2000 นั้น..ใครต่อใครพากันขึ้นราคาไวน์ของตัวเองไปหลายเท่าตัว..แต่เปตรุสยังคงราคายุติธรรม (หมายถึงตอนออกจากไร่) ทั้งๆที่พวกเขาสามารถบวกเพิ่มได้เช่นกัน แต่.. พี่น้องมูอีซ์ ได้บอกอย่างเปิดอกว่า.. " The wine was good, but not as good as everyone says" การทำไวน์ของเปตรุสนั้น..ได้ทำแบบธรรมชาติ มีการ ริดพวง ริดกิ่งบ้าง เพื่อให้ผลองุ่นได้โตทั่วถึงกัน ไม่ดกจนเกินไป และการที่จะทำอย่างนั้น เขาต้องส่งคนงานไปทำกันกลางดึก เพื่อไม่ให้ชาวไร่เพื่อนบ้านได้เห็นและจะพากันเอาไปพูดให้เสียหาย เนื่องจาก ในทางศาสนา พระในวัดเขตพอมโฮลได้ห้ามมิให้ตัดผลพวงองุ่น ถือว่าเป็นบาปชนิดหนึ่ง (ซึ่งเป็นความเชื่อของพวกที่เคร่งจัด) จนกระทั่ง..มาถึงในสมัยใหม่..ไวน์โรงรถอย่าง Michel Gracia หรือ Chateau Valandraud ที่ผลิตไวน์ชนิดเข้มข้น (ผลิตในเขตเดียวกันนี่แหละ) ต่างกระทำทุกอย่างที่จะรีดองุ่นออกมาให้โลว์ ยีลด์ จนถึงที่สุด ทำให้น้อยที่สุด เพราะไม่พร้อมในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ และขายให้ได้แพงที่สุด เพราะมันเป็นไวน์ที่ถูกปากบ๊อบ... ที่ได้แต้มสูงๆ ขายในราคาแพงจนจับไม่ลง.. หลายชนิด..ราคาแพงกว่า เปตรุส.. มันช่างไม่ยุติธรรมเลย.. แต่บ๊อบเองก็มีความเลื่อมใส และ โปรดปรานไวน์ของ เปตรุส ให้คะแนนอย่างจุใจเสมอมา.. แต่พี่น้องมูอีซ์ ไม่ชอบนักวิจารณ์ไวน์คนนี้เอาเสียเลย เขาได้มีการประชุมกับกลุ่มนักค้าไวน์ด้วยกัน ในญัตติที่ว่า "หรือ ปาร์คเกอร์จะเป็นหนึ่งในขบวนการที่ถูกส่งมาเพื่อจงใจทำลาย ทำร้ายฝรั่งเศส?" "หรือ..ปาร์คเกอร์มีวัตถุประสงค์อื่นๆซ่อนเร้นในการแผลงตัวจากทนายความมาเป็นนักชิมไวน์?" "หรือ..มีองค์กรหนุนหลังการกระทำของปาร์คเกอร์อยู่?" ทุกคำถามยังคงหาคำตอบไม่ได้..แต่ที่แน่ๆคือ.. เครื่องโทรสารได้ทำงานขึ้น..กระดาษได้ส่งป้อนเข้ามา มันเป็นข้อมูลของ WA ที่บ๊อบได้แจกคะแนนให้กับไวน์ของออสเตรเลียหลายต่อหลายชนิด ด้วยแต้มสวยหรูคือ 90 อัฟ.. คริสจอง..ได้กล่าวว่า.. "บ๊อบชอบไวน์รสหนักแน่น หนาเตอะ ตามจินตนาการหยาบๆของเขา แต่..ไวน์ของเรา (หมายถึงไวน์ฝรั่งเศสทั้งหมด) มันเป็นสีแดงมาแต่ไหนแต่ไร..ไม่ใช่สีดำอย่างนี้..(มาถึงตรงนี้เขาได้ยกปากกามองต์บลังซ์สีดำมะเมื่อมขึ้นมาให้ทุกคนดู) ผมรู้จักนายคนนี้มากว่ายี่สิบปีก็จริง แต่ ณ.บัดนี้ไป...ผมจะไม่อ่านข้อเขียนของเขาอีก ผมขอถือว่า.. นายคนนี้..ส่อเจตนาที่จะพาพวกเราไปสู่ความหายนะ..!!" จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 10:51:08 ]

ความคิดเห็นที่ 128 จะจำ etiquette บนโต๊ะ ในคห. 115 ให้ขึ้นใจครับ.. จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 17 ส.ค. 49 10:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ขอบคุณพี่วิครับสำหรับคำแนะนำดีๆ ซึ่งบางที่ผมก็ลืม เพราะส่วนใหญ่ดื่มกับก๊วนประจำก็จ้องจะถล่มอาวุธของคู่ต่อสู้เป็นหลัก ดีไม่มีชมทับถมกันอย่างเดียว (สงสัยผมจะติดนิสัยเสียๆมาจากก๊วนกอล์ฟอีกที) ยังงัยผมก็อยากจะให้เกิดเหมือนกับที่พี่วิแนะนำคือเริ่มกันจากก๊วนเล็กๆ ที่อยากพบปะกัน ใครสนใจยกมือขึ้น ปล. พี่วิโรจกับพี่วิริชเวสม์เงียบไปเลยนะครับเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : sckg (sckg) - [ 17 ส.ค. 49 10:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คุณพ่อหมี..และคุณ sckg คะ.. Etiquette ของคคห. 115 นั้นสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก และเพิ่งจะมาร่วมก๊วนกัน ในอเมริกา ชมรมไวน์นั้นใหญ่มาก ยามเจอกันทีเราจะไม่ทราบว่าใครเป็นใคร เพราะการแต่งกายนั้นเหมือนกันไปหมด ไม่มีใครหรูหรา ใส่นาฬิกา ปาเต๊ะ ฟีลลิป หรือคาดเข็มขัดแอร์เมส ตะละคน..ก็มาแบบไปรเวท แต่งกายตามสบายกันเป็นหลัก ทุกคนจะทำตัวเรียบง่าย..จนดูเหมือนแกล้ง "อมภูมิ" กันสุดขีด มักใช้คำขึ้นต้นว่า.. "I really like this wine, well balanced, truly impressive.....but...." มันต้องมี but...เสมอ และตามด้วยอะไรก็ว่ามา..เช่น.. a little to soon to drink หรืออะไรก็ว่าไป.. แต่ฟังแล้วรื่นหู.. นับว่าเป็นการเริ่มต้นมิตรภาพที่ดี.. แต่เมื่อร่วมก๊วนจนสนิทกันแล้ว..มันจะกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง ยิ่งเชือดเฉือนกันได้จนเลือดไหลซิบได้เท่าไหร่ ก็ยิ่งสะจัยยยย....!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 11:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 131 น่านซิ..พวกชิมไวน์หายกันจ้อยเลย..สงสัยสลบเหมือดไปแล้ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 11:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ชอบมากครับ etiquette ของป้าในความเห็นที่ 115 และการกล่าวชมแบบเหน็บๆอย่าง but it's a little too soon to drink นี่ใช่เลย ทุกวันนี้ก็หน่ายเหลือเกินกับการงานที่ชิงไหวชิงพริบกันทุกลมหายใจ ใส่สูทยิ้มแย้มจับมือกันแต่รอบตัวมันซ่อนดาบไว้เป็นสิบๆเล่มหันหลังให้ใครไม่ได้เลย บ่อยครั้งที่หนีไปเดินท่อมๆตีกอล์ฟคนเดียวสบายใจดี ความรู้เรื่องไวน์ก็แทบไม่มีเลย อ่านฉลากก็ไม่ค่อยออกตัวมันกระจิ๋วเดียว ป้าแนะนำหน่อยสิทำยังไงถึงจะไม่ถูกแม่พนักงานขายทั้งหลายหลอกขายของด้อยคุณภาพให้ เจ้าหล่อนคงถูกอบรมมาให้ฝอยแต่ข้อดีของโปรดักส์ตัวเองเชียร์ซะจนบางทีก็ใจอ่อนซื้อมา ขอ tips หน่อยนะครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 17 ส.ค. 49 13:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ป้าวิคร้าบ ขึ้นกระทู้ใหม่หน่อยน๊าครับ โหลดไม่ไหวแล้ว จากคุณ : Natt_ac121 - [ 17 ส.ค. 49 13:17:32 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ...หลาน Natt_ac121 กระซิบว่า... ...งวดนี้...(กระทู้) ป้าวิ...อวบ...จนอุ้มไม่ไหวแล้ว 55555 จากคุณ : แดนไตร - [ 17 ส.ค. 49 13:43:33 ]

ความคิดเห็นที่ 135 กลับมาแล้วคับ ขอบคุณพี่วิโรจ และพี่ WIWANDA สำหรับเรื่องของไวน์ Williams Selyam คับ คงต้องคิดใหม่อีกทีคับ พี่วิคับ Rochioli Riverblock Pinot Noir 2003 ผมเพิ่งทานไปเมื่อเดือนที่แล้ว ทานกับเพื่อนๆ สี่คนวันแรกไม่หมด สงสัยวันแรกมีพวกเบอรกันดี ทานกันแล้วถูกใจกว่า แต่ที่เหลืออีกครึ่งขวดวันถัดมา หอม เนียน พริ้ว อร่อยมากคับ อาจจะเป็นเพราะเปิดทานเร็วไปจึงพร้อมดื่มช้าเป็นไวน์ที่ดีคับ แต่ผมว่าแพงไปนิด ส่วนว่าจะลองหาทาง oregonดีกว่าครับอาจคลาสสิกกว่าคับ จากคุณ : อยากทานปิโนว์ (Nic Nenin) - [ 17 ส.ค. 49 15:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 136 หนูเหมือนลุงทีค่ะ แต่หนูก็ไม่ใจอ่อน จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 17 ส.ค. 49 17:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 137 >>>>>> Archery Summit, Oregon, Pinot Noir <<<<<< จากคุณ : Natt_ac121 - [ 17 ส.ค. 49 18:17:24 ]

ความคิดเห็นที่ 138 อ่านไปน้ำลายไหลยืดไป...ดูรายการ wine ของทุกๆท่าน จากคุณ : สมานฉันท์ (สมานฉันท์) - [ 17 ส.ค. 49 22:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 139 พี่หวานคะ กลับมาถาวร เราไปอยู่อีสานกันมั้ยคะ? คุณพ่อหมีขาวคะ ใช้ Yahoo! Map ค่ะ ใส่ที่อยู่ต้นทางและปลายทาง ก็จะได้ระยะทางและแผนที่การขับอย่างละเอียดค่ะ จริงๆแล้ว เส้นทางไปมีเส้นทางที่ขับง่ายกว่านั้น (ไกลกว่า อ้อมแต่ไฮเวย์ตลอด ขับง่าย ยาฮู้เขาจะให้ทางที่สั้นที่สุด) แต่ไม่มีใครอธิบายให้ได้ชัดเจนเลยไม่กล้าใช้ แต่ขากลับก็ได้ใช้ทางไฮเวย์นั่นเพราะพี่หวานบอกทางค่ะ แต่เส้นคดเคี้ยวนั้นก็สวยจริงๆ ค่ะ เสียแต่ว่า ขับเองจะหันไปมองก็ไม่ได้ จะจอดลงไปชมก็ไม่ดีเพราะพี่ท่านท่านรออยู่ พี่ลุงทีคะ นกอยากฝากหนังสือพลอยแกมเพชรเล่มที่มีรูปพี่หวานลงหน้าปกไปให้พี่หวานค่ะ เมื่อไหร่พี่ลุงทีออกรอบเช้าวันธรรมดา(ไม่เกินแปดโมงครึ่ง)ขอความกรุณาช่วยหนีบนกไปด้วยนะคะ ขอสามหลุมเหมือนเดิมนะคะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 17 ส.ค. 49 22:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 140 14/08/06 Greenock Creek Alices Shiraz, Barossa, S.A. late harvested สีเข้ม ชัด ลึก มาก ก ก มองตรงๆ จากด้านบน จะเป็นสีดำ ขอบอมม่วง... กลิ่นเหมือน seven acres ที่เปิดรอ ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง หวาน สุก ฉ่ำ ดอกจำปา... อมไว้ในปาก หวานติดโคนลิ้น เหนียว ข้น ฟรุ๊ต ฟุ้งกระจายอย่างฟุ่มเฟือย... จบยาวดี ไม่ติดขม... หมดขวด..โดยที่ยังไม่ได้ รอให้มันพัฒนา เป็นไวน์ที่น้ำตาลสูง เนื่องจากเก็บเกี่ยวช้า แอลกอฮอล์ สูงปรี๊ด ที่ 16.5... แต่ให้ความรู้สึกเมาไม่มากอย่างที่คิด... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 17 ส.ค. 49 22:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 141 คุณ Tweety ตอนไปหาคุณอาวิ นี่ บุกเดี่ยวเลยหรือ ครับ... ขอคารวะ หนึ่งจอก... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 17 ส.ค. 49 23:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 142 "นกอยากฝากหนังสือพลอยแกมเพชรเล่มที่มีรูปพี่หวานลงหน้าปกไปให้พี่หวานค่ะ" ฮ้า...พูดเป็นเล่นน่า...ตกใจแทบช๊อคตายแน่ะ ไหนๆก็จะฝากหนังสือมา..ขออีกเล่มดิ..หน้าปกที่เป็นเจ้าชายแห่งภูฏาณ..เล่มล่าสุดน่ะ.. แหะ แหะ...นะนะ...!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 17 ส.ค. 49 23:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 143 จากคุณ : Natt_ac121 - [ 17 ส.ค. 49 23:53:48 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ก็หน้าอื่นฉีกทิ้งหมดไงคะพี่หวาน :p (ล้อเล่นนะคะ เก็บไว้อย่างดีค่ะ) เล่มที่เอ่ยมา นกจะจัดหาให้อย่างถึงที่สุดค่ะ จะแถมพ็อคเก็ตบุ้ครวมเรื่องเจ้าชายพระองค์นั้นไปด้วยนะคะ ขอบคุณคุณพ่อหมีขาวค่ะ แต่ในจอกนั่นดูเหมือนน้ำเปล่าเลยนะคะ ขอแบบที่บรรยายใน คคห 140 ไม่ได้เหรอคะ บรรยายซะ คนดื่มไวน์ไม่เป็นยังน้ำลายหก ยิ่งชอบหวานๆ อยู่ด้วย ต้องบุกเดี่ยวค่ะ จะได้ทั้งซบทั้งหอมแก้มกระหนุงหนิงแบบมิมีใครแย่ง อิ๊อิ๊อิ๊ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 18 ส.ค. 49 00:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 145 สายการบินห้ามนำของเหลวขึ้นเครื่อง! ซวยละสิตู.......... ต้องให้สะเด็ดน้ำก่อนบินที่ห้องน้ำสนามบินก่อนทุกครั้ง เฮ้อ........ จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 18 ส.ค. 49 01:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 146 เขาว่ากระทู้อวบอ้วนเหมือนคนตั้งแร๊ะ..อุ้มลำบาก งั้นขึ้นใหม่ก็แล้วกัน.. ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้ K4632050 จากคุณ : WIWANDA - [ 18 ส.ค. 49 08:08:24 ]