ความคิดเห็นที่ 2 วุ๊ย..ลุ้นจะแย่..กลัวว่าน้องนกจะไม่ได้ไป.. อย่าลืมชวนอีตานั่นไปด้วยนะ..จะได้ช่วยกันจำ ช่วยกันหิ้ว(ปีก) ถ้าเป็นที่อเมริกานะ คุยกับตัวแทนขายไวน์กัแบบ "ถูกคอ" ละก้อ..ทั้งแจกทั้งแถม ยกกันไม่หวัดไม่ไหวเลย.. ฝากสวัสดีและความระลึกถึงไปยังคุณวิโรจด้วย.. ถ่ายรูปภาพของงานมาอวดมั่งก็ดีนะคะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 09:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีครับพี่วิ.. มาตอกบัตรครับ คุณนก.. นอนน้อยจังนะครับ พักผ่อนเยอะๆครับ เดี๋ยวตอนบ่ายไม่มีแรงชิมไวน์นะครับ ส่วนผมถ้าเคลียร์งานได้เร็ว บ่ายๆอาจจะไปเซย์ฮัลโหล! พี่วิโรจ.. ที่ศุนย์ประชุมฯครับ ตามที่พี่วิ...แนะนำว่าควรต้องไปครับ หวังว่าผมคงจะได้เจอกับเพื่อนๆในกระทู้นี้บ้างนะ ครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 6 ก.ย. 49 09:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 'อีตานั่น' เขางานเยอะค่ะ ทำหามรุ่งหามค่ำ ต้องรอเขา 'แว่บ' ค่ะ ไม่รู้เขาจะปอดแหกกลัวคนแอบไป 'ดูตัว' เขาหรือเปล่า อิ๊อิ๊ คนขายที่นี่นะคะ เขาจะถูกคอคนซื้อก็ต่อเมื่อเห็นใส่เพชรเม็ดโตๆ แต่งตัวคุณนายคุณนายค่ะ จากที่เคยเจอ รู้สึกเหมือนเขาดูกันแค่นั้น ปกตินกใส่แต่ยีนส์+ยืด กะโปโล ไม่มีใครสน พอบางวันมีธุระแต่งตัวดีหน่อย ..พี่คะพี่ครับกันเลยค่ะ เซ็ง ก็ทราบค่ะว่า จะเทียบกับที่อเมริกาคงจะไม่แฟร์ เพราะเรายังต้องปากกัดทีนถีบกันอยู่ แต่เอ่อ งานนี้จะยกเว้นหรือเปล่า ตามปกติแล้ว คนขายไวน์รวยกว่าคนดื่มไวน์ใช่มั้ยคะ (ก็ Importer ที่เป็นเพื่อนบ้านของนกน่ะค่ะ พี่เขาอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งชาติก็ยังมีเหลือ มีหมู่บ้านให้เช่าอยู่ที่ Standford บ้านที่นี่ของท่านราคาอย่างน้อยก็หกเจ็ดสิบล้าน ขายไวน์เล่นๆ แก้เหงาไปงั้นเองค่ะ -แต่เขานิสัยดีนะคะ ไม่ขี้อวดเลย ใจดีด้วย น่ารักมากๆ) แล้วจะถ่ายรูปงานมาให้พี่หวานดูค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 6 ก.ย. 49 09:59:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อคืนนอนไป 7 ชม.ค่ะ คุณวาริชเวสม์ เยอะที่สุดในรอบอาทิตย์นี้เลย สามทุ่มครึ่งถึงตีสองครึ่ง แล้วอยู่ดีๆ ก็ตื่นค่ะ มาแปะสวัสดีพี่หวานแล้วก็ไปนอนต่อ แล้วก็ตื่นตีห้ามาเตรียมตัวส่งลูกชายวัยสิบขวบไปโรงเรียนค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 6 ก.ย. 49 10:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บ่ายนี้คงได้เจอพลพรรครักไวน์ (หรือพลพรรครักป้าวิ)ที่งานนะครับ จากคุณ : sckg (sckg) - [ 6 ก.ย. 49 10:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เย้ รีบมาลงชื่อกะกระทู้ใหม่แต่เช้า บ่ายนี้มีใครไปบ้างครับ ขอเสียงหน่อย จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 6 ก.ย. 49 10:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลืมบอกไป รูปของคุณ horseshoes สวยมากครับ เห็นแล้ว อยากไปบ้างอะ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 6 ก.ย. 49 10:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อยู่แถวนี้ค่ะ เดี๋ยวสักสิบห้านาทีจะกลับมาเฝ้ากระทู้ ต้องไปป้อนแมว ทั้งในบ้าน(ที่เลี้ยง)และนอกบ้าน(ที่ไม่ได้เลี้ยง)ก่อน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 10:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาแล้ว..มาเล่าต่อที่ค้างไว้ก่อน เดี๋ยวลืม.. คุยไปถึงเรื่องของ โดมินีค เบฟว์ ที่เข้ามาทำงานกับอีฟในไร่ ชาโต ลาส์โคมบ์ โดมีนีคเป็นลูกหม้อของลาฟีตเจ้านายเก่าโดยแท้ เพราะเขาได้มีความเชื่อมั่นในเรื่องของแทร์วาร์อย่างหมดใจ.. ดังเช่นในอดีต..ชาโตลาฟีตที่มีชื่อเสียงนั้น เนื้อที่มีเพียงนิดเดียว หากแต่ได้ซื้อเนื้อที่ขยายออกไปเรื่อยๆ.. (ขอเล่าถึงกฏหมายฝรั่งเศสก่อนว่า เจ้าของไร่ไวน์กรอง ครู ใดๆก็ตาม..ถ้ามีเนื้อที่ขยายขึ้นใหญ่กว่าเก่า ไม่ว่าเท่าไหร่ ก็ยังคงสิทธิในความเป็นกรอง ครูได้เช่นเดิม..) แต่โดมินีคไม่ยอมให้องุ่นที่ปลูกในเนื้อที่ใหม่ ผสมกับองุ่นในเนื้อที่ดั้งเดิมอย่างเด็ดขาด องุ่นพวกนั้นได้ถูกส่งไปทำไวน์เบอร์สองของลาฟีต..นั่นคือ Carruade de Lafite (คาร์อูออด เดอ ลาฟีต) ที่ผลิตออกมาปีละ สองหมื่นลัง เท่าๆกับไวน์เบอร์หนึ่ง ทีนี้ไวน์เบอร์สองเนี่ย..มันขายถูกกว่าเบอร์หนึ่งไปตั้งห้าเท่า..ฝ่ายบริหารชั้นสูงเคยลองให้เขาพยายามปลูกองุ่นทำไวน์ให้ออกมามีคุณภาพให้เท่ากัน และขยับไปทำเป็นเบอร์หนึ่งให้หมด..โดมินีคก็เคยตามใจ..เขาได้พยายามปลูกแบบโลว์ ยีลด์ ริดกิ่ง ตัดใบ ปล่อยให้องุ่นสุกเต็มที่.. เรียกว่าลองทุกอย่าง.. เมื่อผลออกมา..เขาก็ต้องยอมแพ้ เพราะองุ่นที่ได้มาอย่างสุดความสามารถนั้น ยังไม่ดีถึงขนาดจะมาทำเป็น First Growth อย่างแน่นอน และเขาได้ยอมรับอย่างหน้าชื่นว่า "ความสามารถของมนุษย์..ไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติไปได้เลย" จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 11:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 (ไม่ไปก็บ้าเต็มที)......เพราะคำคำนี้แท้ๆที่ทำให้เปลี่ยนใจจากไปเดินหวดลูกซิลลิโคนมาเดินดมไวน์ในห้องแอร์แทน อันที่จริงงานนี้ก็คุ้นเคยกันดีมาเป็นสิบปีแล้วเพราะสร้างบู้ทแสดงสินค้าให้กับผู้จัดแต่ตอนหลังก็ถอยห่างออกมา ภาพงานโดยรวมจะเน้นงานบริการทั้งด้านอาหารและการโรงแรมเป็นหลัก และแน่นอนไวน์ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผู้คนสนใจกันมากผู้ขายย่อมเลือกบริการแก่คนที่เขาคิดว่าเป็น prospect ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะว่าปัจจุบันมีคนทราบเยอะว่ามีรายการชิมฟรีทั้งอาหารและเครื่องดื่มจึงแห่กันมา ในการเข้าชมงานจึงต้องกลั่นกรองกันพอสมควรและต้องลงทะเบียนผู้เข้าชมงานด้วย งานนี้เขาไม่เน้นขายสินค้าแบบโอท็อปแต่เน้นการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์และการเจรจาในทางธุรกิจมากกว่า บางคนดื่มได้ที่แล้วก็เริ่มพาลเช่นขอชิมของแพงๆพอเขาไม่บริการให้ก็ด่าว่าเขาก็มี เดือดร้อนต้องให้รปภ.เชิญไปพักผ่อนเพราะไม่สามารถคุมสติได้ก็มีครับ ไม่รู้จักตัวตนกันจึงไม่รู้จะทักทายยังไง ถ้าเห็นคนท่าทางเด๋อด๋าแต่งตัวเชยๆนั่นละครับลุงที ***เข้ามาแก้ตัวสะกดครับ*** จากคุณ : Uncle Tee - [ 6 ก.ย. 49 11:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต่อมาในปี 1999..ลาฟีตได้ขยายออกไปทางฝั่งขวา โดยซื้อไร่ Ch. de L'Evangile (ชาโต เดอ เลวอนกีล) ใน Pomerol และส่งโดมินีคไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค ไร่เลวอนกีลนั้น..ถือว่าเป็นไร่ชั้นดี มีอนาคตไกล เนื้อที่อยู่ติดกับไร่ดังๆเช่น เปตรุสและเชวอล บลอง แต่..เนื้อที่นั้น..ช่างแสนน้อยนิด เพราะมีเพียง 35.8 เอเคอร์ ผลิตไวน์ได้เพียง ปีละ 40,000 ขวด เพราะการที่โดมินีคได้เข้าไปยุ่งขิงกับไวน์ในฝั่งขวา ทำให้เขาได้รู้จักวิธีทำไวน์แบบชาว "โรงรถ" และเกิดเลื่อมใส.. หันมาลองใช้บ้าง..โดยการติดตั้งเครื่องมือชนิดทันสมัย สั่งตัดผลผลิต..โดยรีดจาก 55 เฮคโตลิตเตอร์ ต่อ เฮคตาร์เอเคอร์ ให้มาเหลือ 35-40 ไวน์ของเลวอนกีล..ได้กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ของฝั่งขวา ทันที.. แต่โดมินีคก็ยังยืนยัน นั่งยันว่า.. "เป็นเพราะพื้นที่ของไร่นั้นเป็นแทร์วาร์ที่ดีอยู่แล้ว บวกกับการเสริมแต่งทางด้านเทคนิคอีกนิดๆหน่อยๆ ก็เลยทำให้ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย" นี่คือเกียรติประวัติความสามารถของโดมินีค เบฟว์ ไวนเมธีมือสองทั้งสองฝั่งบอร์คโดซ์ จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 11:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลงชื่อกระทู้ใหม่คร้าบ ป้าวิครับ สรุป โอ๊ค มันกลิ่นยังไงอะ แล้วถ้าชอบดื่มไวน์ โอ๊คมากๆ แล้ว ควรแก้ยังไงอะครับ พี่นก ธุรกิจไวน์ในไทยอะ กิ๊กก๊อกมากมายเลย วอลุ่มต่ำมาก เพื่อนบ้านพี่นกอะ เขาพิเศษมากๆ ไวน์ ที่ทำๆกันอยู่ ทำเป็น hobby ครับ เพราะฉะนั้น ไวน์อิมป๊อตเตอร์ จนกว่า คนซื้อแน่นอนฮับ อินซิกเนียร์ ที่ไทย ก็มีฮับ ปี 2002 ws wine of the year เมืองไทยก็มีครับ จากคุณ : น้ำมัน (Natt_ac121) - [ 6 ก.ย. 49 11:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หลานแน๊ตเอ๋ย..แล้วป้าจะบอกถึงเรื่องกลิ่นโอ๊คทางเน็ทให้หลานเข้าใจเนี่ยนะ.. กลับไปอ่านคำอธิบายเหล่าบรรดาไวน์แต่ละตัวของคุณวิโรจในกระทู้เก่าๆดูนะ..นั่นแหละ กลิ่นโอ๊ตล้วนๆ เพราะไวน์ธรรมดามันก็คือกลิ่นน้ำองุ่นหมัก.. แต่ที่ออกมาเป็น วานิลลา อานม้า ผ้านุ่ง กลิ่นทะเล ยาสูบ กล่องซิการ์ ช็อกโกแลต น้ำผึ้ง น้ำตาลใหม้ ขนมปังกรอบ อะไรพวกนี้น่ะ..มาจากถังโอ๊ตทั้งนั้น.. ยิ่งถังใหม่ๆ..กลิ่นยิ่งหอมโอ๊คชัดเจน.. ถังเก่าๆ ก็แผ่วลงหน่อย.. ถ้าเป็นผงโอ๊ค..จะหอมอยู่แป๊บๆในช่วงเปิดใหม่ๆ เดี๋ยวเดียวก็หายไปในอากาศแบบกู่ไม่กลับ.. เมื่อไหร่จะกลับบ้านซะทีล่ะ..เราน่ะ ? จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 12:03:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คือ สรุปว่าให้ผมไปเป็นกุลี แบกลังไวน์ใช่ไหมครับ จำได้ เคยอยู่ครั้งนึงนานมาแล้ว ตอนนั้นมีภารกิจหมู่ต้องไปที่ไครเชิรท พอเสร็จงานก็แวบไปกับเพื่อน 2 คน ตามลายแทงที่บ๋อยโรงแรมให้มา คือ ไปหาร้านขายไวน์แบบคนที่นั่นเขาไปซื้อ ไม่ใช่ร้านดิวตี้ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยว ก็ได้ลายแทงมา เลยเดินไปหาแท๊กซี่กัน 2 คนแบบดุ่มๆ มันก็พาไปจนถึงที่จนได้ ที่ร้านเป็นแบบร้านแมคโครบ้านเรา แต่เล็กกว่าสัก 10 เท่า คือขายแบบสโตร์จริงๆ ไม่มีการตกแต่งร้านอะไรเลย ไวน์ก็วางเรียงกันตามชั้น ราคาท้องถิ่นจริงๆ กระเหรี่ยง 2 คนที่มาจากสยาม ไม่เคยเห็นร้านไวน์ขนานแท้ที่หลากหลายยังงี้มาก่อน ก็กระโดดเข้าใส่ ไอ้นั่นก็ดี ไอ้นี่ก็ถูกไปหมด สุดท้ายได้กันมา 2 ลังใหญ่ ซื้อเสร็จด้วยความสำราญบานตะทัย ก็เดินออกมานอกร้าน โดยคิดเอาว่า คงเหมือนเมืองไทย ที่มีแท๊กซี่ผ่านก็โบกกลับโรงแรมแบบ ชิว ชิว ที่ไหนได้ ที่นั่นมันใช้แท๊กซี่แบบโทรเรียก ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาเลยสักคัน ตั้งแต่ 5 โมงกว่าๆ จนกระทั่งเริ่มมืด ลองนึกภาพกระเหรี่ยง 2 คน ยืนแบกลังไวน์แบบ 12 ขวดอยู่ข้างถนนคนละลังดูสิครับ แถมมีแบคกราวด์เป็นพระอาทิตย์กำลังจะอัสดงอยู่แวบๆ ข้างหลัง เท่ห์ซะไม่มี สุดท้ายต้องเอาเบอร์โทร.โรงแรม โทร.ไปบอกให้มันตามแท๊กซี่ให้มารับคันนึง กว่าจะกลับถึงโรงแรมได้ แทบตาย จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 6 ก.ย. 49 12:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลุงทีที่รัก.. ไปซิ..ชวนลูกสาวไปด้วย อย่างน้อยจะได้มีเพื่อน และเผื่อเจอกับน้องนกจะได้ร่วมก๊วนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย.. ลองชิมทุกอย่างเลยนะ และลองเปรียบเทียบด้วย..ว่าตัวไหนและอย่างไร การที่เราจะไปชิมไวน์แบบมือเปล่าๆนั้น..มันก็ดูกระไรอยู่ แต่ถ้าสนใจ มีการจด การถามแบบพอมีพื้นฐานของไวน์อยู่บ้าง.. ใครๆก็ต้อนรับ..เพราะ คนแบบนี้คือกลุ่มลูกค้าแน่นอน ต้องเข้าใจว่า..เขาเจอมาเยอะ ประเภทที่เดินเข้าไป..ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จ้องจะไปขอชิมไวน์เขาเพียงอย่างเดียว อันนี้ก็น่าเบื่อ.. และที่น่าเบื่ออีกอย่างหนึ่ง..คือ การที่ไปบอกบริษัทขายไวน์อื่นๆว่า "โดยปรกติ..ผมดื่มเพนโฟลด์ (หรือยี่ห้ออะไรก็ได้ ที่เขาไม่ได้ขาย) ประจำ..ช๊อบชอบ..คุณมีดีกว่านั้นไหม?" อันนี้ถือว่าเห่ยสุด..(เพราะคนขายก้นึกในใจว่า..ก็เมิงชอบเพนโฟลด์ ก็ไปบู๊ทของเพนโฟลด์ซิวะ..มาที่นี่หาพระแสงอะไร) ขอเปลี่ยนไปเป็นว่า "ความจริงผมชอบชีราซของออสเตรเลีย (หรือ เมอร์โลต์ ของฝรั่งเศส หรือ แคบโซของนาปา อะไรก็ว่าไป) เลยอยากจะลองของบริษัทคุณดู.." แค่นี้..ก็สร้างมิตรแล้ว..เพราะเท่ากับว่า เราได้ให้โอกาสที่จะลองชิมไวน์ของเขาเพื่อเปรียบเทียบ.. ยิ่งควักสมุดโน๊ตออกมาจดยิกๆด้วยแล้ว..โอย..ยิ่งจะรักหนักหนา เพราะใครจะไปรู้ว่าเป็นแมวมอง หรือคอลัมนิสต์จากหนังสือพิมพ์ไหนๆหรือเปล่า ยิ่งหน้าตาหล่อๆ มาดแมนขี่เบ้นซ์แบบลุงทีด้วยแล้ว..อธิบายให้ดีๆจะได้ลูกค้ารายใหญ่เชียว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 12:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Insignia แหละครับพี่วิ ผมพิมพ์ผิดครับ ขอบคุณครับ เห็นเพื่อนผมมันก็บอกเหมือนกันว่าหาซื้อยาก ทั้งๆ ที่เป็นไวน์จาก California ตัวเพื่อนผมก็อยู่ California ก็นึกว่าจะซื้อง่ายๆ แต่เห็นบอกว่ายังไม่เจอเลยครับ พอมา search ในเว็บก็เจอราคาตั้งแต่ 130 ไปจนถึง 200 แล้วราคาตอนนี้มันอยู่ประมาณไหนหรอครับ พี่วิ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณอาวิโรจด้วยนะครับ สำหรับรูปหนะครับ ขอบคุณมากครับ แล้วคุณ natt_ac121 ราคาในไทยกี่ตังค์หรอครับ ขอบคุณครับ ผมกลัวบาปครับอย่างนี้ถ้าได้มา ต้องเชิญพี่ๆในนี้มาชิมด้วยกันครับ จะได้ไม่บาปไว้ได้มาก่อนครับ จากคุณ : jear - [ 6 ก.ย. 49 12:44:05 A:124.120.169.234 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้ว่าใช่ไวน์ ของ California หรือเปล่า ผมอาจจะฟังมาผิด ถ้าปล่อยไก่ก็ขอโทษด้วยคร้าบบบ จากคุณ : jear - [ 6 ก.ย. 49 12:49:10 A:124.120.169.234 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 19 หลังจากที่โดมินีคได้เข้ามาเริ่มงานกับชาโต ลาส์โคมบ์ในยุคที่เปลี่ยนมาเป็น อีฟ เจ้าของใหม่นั้น นโยบายของอีฟ คือการที่จะทำไร่ไวน์นี้ให้เป็นรีสอร์ตรับนักท่องเที่ยวด้วย โดยการเอาอย่างไร่ของมอนดาวีในนาปา หรือ อย่างไร่ของ Lynch-Bages ที่เป็นไร่แห่งเดียวใน Medoc ที่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำมาหากินรับทรัพย์กันเอิกเกริก ฉะนั้น..การวางรูปแบบก่อสร้างจึงต้องลงรากฐานกันใหม่.. ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากนายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังคือ บริษัทหลักทรัพย์ Colony Capital และ Colony Capital นี่เอง..ที่ก่อนจะทุ่มทุนได้ทำสัญญาไว้ว่า ชาโต ลาส์โคมบ์ ต้องจ้างนักธรณีวิทยาเพื่อการเกษตร หรือที่เรียกว่า Enologist (Enology มาจากคำโบราณภาษากรีกว่า Oinos อันแปลว่า ไวน์) นามว่า..Michel Rolland ซึ่งรับค่าตอบแทนปีละ 50,000 เหรียญสรอ. โดยการที่จะมาเยี่ยมไร่แค่ปีละ หกเจ็ดครั้ง.. ครั้งแรกที่มิเชลได้เข้ามาเยี่ยมไร่..คือ ช่วงก่อนฤดูการเก็บเกี่ยวเล็กน้อย ต้องขอเล่าย้อนไปถึงเรื่องเทคโนโลยี่การทำไวน์ของฝรั่งเศสนิดหนึ่ง คือเราทราบกันอยู่แล้วว่า หลุยส์ ปาสเตอร์ คือบิดาของการนำวิธีฆ่าเชื้อมาใช้ในไวน์ โดยการใช้ความร้อนฆ่าเชื้อแบคทีเรียในเครื่องไม้เครื่องมือในการทำไวน์ เมื่อไม่มีแบคทีเรีย..ไวน์ก็ไม่มีการเน่าเสีย.. นับว่าเป็นผลงานที่ช่วยชาติจริงๆ.. ต่อมาในปี 1850s ลูกศิษย์คนหนึ่งของหลุยส์ นามว่า Ulusse Gayon ได้แยกตัวออกมาตั้งคณะ enology อันเป็นสาขาวิชาอีกแขนงหนึ่งของ University Bordeaux ซึ่งได้สร้างคนเก่งขึ้นมาอีกคนหนึ่ง คือ Emile Peynaud (ภายหลังคือศาสตราจารย์แห่งวงการไวน์ของฝรั่งเศส เคยเล่าไว้แล้ว) ต่อมา..ศ. เอมีล ได้เข้ามาเป็นคณบดีในคณะอีโนโลยี่ อีกทั้งเขียนหนังสือในเชิงวิชาการแห่งไวน์ขึ้นมาหลายเล่ม พร้อมกับรับงานจ๊อบเสริม เป็นที่ปรึกษาของไร่ไวน์ดังๆหลายไร่ เช่น เชวอล บลอง ลาฟีต และ มาร์โกซ์ จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 13:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณ jear ค่ะ..เป็นไวน์ของคาลิฟอร์เนีย..ที่เผอิญถูกหวยขึ้นมาอย่างจัง เพราะอดีตคือเป็นไวน์ที่มาจากไร่ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงในด้านการทำไวน์ดี..(แต่ผลิตขายเยอะ) ทีนี้เขาได้ลองผลิต อินซิคเนีย ออกมาแบบพิเศษ คือ ตั้งใจทำ ตั้งใจผลิต ใช้องุ่นที่คัดสรร..เลยได้คะแนนล้นหลาม เนื่องจากถูกใจบ๊อบ ถูกใจเหล่า Wine Critic (นักวิจารณ์ไวน์ อ่านว่า ไวน์ครีดิค) ได้รับเลือกให้เป็นไวน์ยอดเยี่ยม ในวินเทจปี 2002 ราคาประมาณว่าร้อยกว่าเหรียญ (100-130) ประมาณนั้น จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 13:11:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ได้มาแล้วครับผมหกร้อยกว่าบาท เย็นนี้จะทำการบ้านครับป้าวิ จากคุณ : Master_Indy - [ 6 ก.ย. 49 13:13:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ดีใจด้วยที่ คุณ Master_Indy ที่ตั้งใจไปหา แคสซิสมาจนได้ และ จากดิจองนี้คือ Creme de Cassis ของแท้ค่ะ ว่างๆก็ชวนเจ้านายให้มาร่วมกันดมด้วย.. อ้อ..ข้อเตือน.. อย่าไปนั่งใต้สะพานนะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 13:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณพี่วิมากๆๆครับ จากคุณ : jear - [ 6 ก.ย. 49 13:19:33 A:124.120.169.234 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ถามว่าทำไมท่านเอมีลจึงไปรับงานจ๊อบทั้งๆที่เป็นคนสมถะ เป็นนักวิชาการแท้ๆ.. ตอบคือเป็นเพราะว่า..ในช่วง 1950s ท่านเอมีลต้องไปตรวจตราตามไร่ไวน์ตามหน้าที่..และตกใจแทบสิ้นสติเมื่อพบว่า..ไร่ไวน์ดังๆเหล่านี้..สกปรกโคดดด..ไม่มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิในการหมัก ซึ่งจะทำให้เกิดการเพาะเชื้อแบคทีเรียอย่างขจรขจาย ท่านเอมีลได้แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ถังสเตนเลสที่มำความสะอาดได้ดีกว่า ถังไม้ที่เคยใช้ ให้ใช้ระบบควบคุมอุณหภูมิ และได้แนะนำให้เปลี่ยนแผนในการทำมาโลแลคติคในแบบใหม่ คือ แทนที่จะรีบเอาไวน์ผลิตใหม่ใส่ลงถังโอ๊คแต่เนิ่นๆอย่างแต่ก่อน ให้กักไว้ในถังสเตนเลสที่มีการควบคุมอุณหภูมิปรับขึ้นลงอีกพักหนึ่ง เพราะในเซลล่าร์ถ้าเกิดเย็นไป ก็ปรับสามารถรักษาไวน์ได้อุ่นขึ้น..เพราะช่วงหมักนั้นคือช่วงของฤดูหนาว เดือนธันวาคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และจะรอจนถึงการหมักมาโลได้เสร็จสิ้น จึงจะทำการถ่ายเทสู่ถังโอ๊ค วิธีนี้..จะเป็นการรักษาไวน์ให้คงคุณภาพ ซึ่งท่านเอมีลได้ต่อสู้มาพอสมควร..เพราะในอดีตกาลนั้น การทำไวน์ของบอร์คโดซ์คือการรับรู้การถ่ายทอดวิชามาจากบรรพบุรุษ ครั้นจะมีศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย เข้ามาสอนวิชาใหม่ๆให้..คนยังไม่ค่อยรับฟัง.. ขอบอกว่า..กว่าไร่ไวน์ของบอร์คโดซ์จะมีเทคนิคเชี่ยน มาเป็น เซลล่าร์ มาสเตอร์ ได้เช่นในปัจจุบัน..ก็เมื่อปี 1990's นี่เอง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 13:39:34 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ฝากให้คุณ Master_Indy อีกนิด ถ้าว่างนะคะ ไปหาซื้อกิ่งวานิลลา (เห็นคุณสื่อศิลปว่าปลูกได้ในเมืองไทย เลยคิดว่าน่าจะมีขาย) ตามในภาพนะคะ เมื่อได้มาแล้วมันจะเป็นกิ่งคล้ายฝักถั่ว เล็กๆผอมๆ มีสีดำ แต่ไม่แห้งแบบแข็งโป๊ก จะออกนิ่มนิดๆ เอามาวาง...กรีดกลางตามยาวด้วยคัตเตอร์.. แล้วลองดมดูนะคะ.. นี่คือกลิ่นวานิลลา ที่เราพูดถึงกลิ่นในไวน์ที่ผ่านโอ๊ค(ฝรั่งเศสชั้นดี) สามารถห่อกิ่งที่ว่านั่นเก็บกลับไปไว้ในตู้เย็นได้ค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.ย. 49 13:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ปี 99 อยู่ที่ เก้าพันครับ ราคาแสตนด์หน้าร้านครับ ปี 02 นี่ คงต้องโทรถามหนะฮะ เพราะ เก็บไว้ใน "หลืบ" ref:http://www.wine.co.th จากคุณ : Natt_ac121 - [ 6 ก.ย. 49 15:08:16

ความคิดเห็นที่ 27 งี้ penfold Grange ก็ ผงโอ๊คดิครับ มาแป๊บเดียว หอมมากๆๆๆ แล้วหายไปเลย จากคุณ : Natt_ac121 - [ 6 ก.ย. 49 15:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ได้มาแล้วครับ ฝักวานิลลา แห้งเหี่ยวเชียว หาไม่ยากเท่าไหร่ ไปเจอที่ซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านครับ แต่ราคาแพงกว่าที่คิดแฮะ 123.- ผลการทดสอบ : หอมเหมือนวานิลลาเลยล่ะครับ (แหงสิ) แต่ไม่เหมือนวานิลลาที่เราเอาใส่ขนมเลยซะทีเดียว ผมว่ามันไผล่ไปเหมือนบ๊วยซะมากกว่า (หรือว่าผมจมูกตันครับ) พี่ๆครับมีไวน์รากหญ้าตัวไหนที่เป็นตัวอย่างวานิลลาได้บ้างครับ จากคุณ : ทำการบ้านส่งครู (Master_Indy) - [ 6 ก.ย. 49 22:04:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผิดหวังครับป้า...ทั้งงานมีผู้นำเข้าและผู้จำหน่ายมาออกงานเพียงสามเจ้าเท่านั้น (ค่าบู้ทแพงมาก) เจ้าแรกที่พบเป็นของ south africa ที่นำมาจะเป็นพวกนิวเอจทั้งนั้น อีกเจ้านึงนำเข้าจากออสเตรเลียมีทั้งราคาโปรโมชั่นและไวน์ระดับ US $100 up รายสุดท้ายเป็นไวน์จากโรมาเนียมาออกทุกครั้งแล้วก็ขายดีที่สุดเพราะราคาย่อมเยา ร้านไวน์จาก south africa มีสาว (ไม่ค่อยสวย) 7-8 คนมาขายแต่คุณเธอสนใจแต่จะพูดคุยหยอกล้อกัน เมื่อไม่สนใจลูกค้าทั้งๆที่เราหยิบขวดขึ้นอ่านสลากแล้วก็เลยวางแล้วเดินผ่าน (สงสัยนายไม่อยู่เลยเฉื่อย) รายของออสซี่มีอยู่ตัวนึงน่าสนใจราคา 1599 ซื้อสองแถมหนึ่งกะว่าจะซื้อตอนจะกลับแต่ก็ไม่มีโอกาส ก็เพราะว่าดันไปเจอไวน์โรมาเนียที่ทั้งเจ้าของทั้งพนักงานต่างแข่งกันเอาใจลูกค้า ใครใคร่ชิมไวน์ตัวไหนขอให้บอกรินแจกไม่อั้น (ก็ราคามันย่อมเยาไง) อีตาเจ้าของพูดไม่ค่อยเก่งแต่มีเพื่อนซี้ที่มาอยู่เมืองไทยสามสิบปีช่วยออกหน้าให้เลยสบายไป เท่าที่สังเกตร้านนี้ละที่ขายได้เยอะกว่าร้านอื่น คงเป็นเพราะราคาย่อมเยาและเอาใจใส่ลูกค้าดีมั้ง? เราเองก็อุดหนุนเขามาหกขวดรสชาติก็แค่ปานกลางไม่ถึงกับดีเด่อะไร ใครที่ยังไม่ได้ไปและคิดว่าจะไปเที่ยวงานนี้ก็อย่าตั้งความหวังไว้มากนะครับ งานนี้เชื่อว่าอีกไม่นานผู้จัดก็ต้องยกธงขาวเพราะอะไรวันหลังจะเล่าให้ฟัง ปล.สังเกตเด็กหนุ่มคนนึงน่าจะยังไม่ถึงสามสิบ แกเดินวนชิมทั้งสามบู้ทสองสามรอบ ท่าทางเหมือนผู้เชี่ยวชาญเลยนะครับทั้งแกว่งแก้วแล้วดูทั้งดมทั้งดื่มแต่ไม่ค่อยพูด กะว่าอย่างน้อยๆพ่อหนุ่มคงกระดกไปสักยี่สิบแก้วได้ละมั้งแต่ไม่เห็นซื้อสักขวด ไม่รู้ว่าวันต่อๆไปแกจะติดหนวดใส่แว่นพรางตัวหรือเปล่าผมว่าพนักงานขายต้องจำแกได้ งานยังมีถึงวันเสาร์นะครับถ้าใครอยากไปดูแต่ก็ควรพกนามบัตรไปด้วยจะสะดวกกว่าครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 6 ก.ย. 49 22:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาสวัสดีตอนดึกๆแบบเหนื่อยๆ ไปงานมา ปีนี้ บอกตรงๆ ค่อนข้างผิดหวัง แต่ยังดีได้เจอเหล่า สหายรวมถึงพี่วิโรจด้วย จากคุณ : กองลาดตระเวนเงา (Phantom of the Cellar) - [ 6 ก.ย. 49 22:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ...นี่คือ...โลกแห่งความเป็นจริง ...นี่คือ...โลกแห่งความเป็นไป ...ผมก็ผิดหวังกับเวลาที่เสียไปสี่ชั่วโมงยี่สิบเจ็ดนาที ...กับไวน์ร้อยสามสิบหกขวด ...ที่มีพอรับได้เพียงแค่....ห้าขวด ...แล้วจะเล่าเรื่องลึกที่สองคนก่อนหน้ามิเคยได้รับรู้ ...พรุ่งนี้เจ็ดนาฬิกาห้านาที ผมจะเปิดเผย ...คุณผีใต้ถุน...คุณลุงธี...คุณฐาวิตีจตุรเนตร...คอยฟัง ....ราตรีสวัสดิ์ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 6 ก.ย. 49 23:09:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ได้ไปเข้าร่วมนั่งเป็น ตัวประกอบอยู่ใน งาน wine pro challenge รวมถึงให้กำลังใจอาจารย์ (ผู้ตัดสิน) และศิษย์พี่ (ผู้เข้าแข่งขัน) ผลออกมาถือว่ายอดเยี่ยมครับ ศิษย์พี่ผมได้อันดับ 3 ไปครอง น่ายินดีจริงๆ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 6 ก.ย. 49 23:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผีใต้ถุน 555 ตลกดีแฮะมุขนี้ ข้าน้อยนับถือหมดใจ จริงๆ กลับถึงบ้านเรียบร้อย แล้วรึครับพี่วิโรจ good night ครับพี่ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 6 ก.ย. 49 23:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เออพูดถึง insignia 2002 ถ้าความจำผมไม่ผิด ราคาจะประมาณ 12000-14000 บาทครับ (แพงมาก) จากคุณ : ผีใต้ถุน (Phantom of the Cellar) - [ 6 ก.ย. 49 23:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ป้าวิครับ เก็บของเก่าถึงตอนที่ 12 คุณพี่ horsesshoes พูดถึงออร์แกนิคไวน์ ทำให้เกิดคำถามว่า ไร่องุ่นดังๆเค้าใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ครับ ใช้เยอะรึเปล่า ถ้าใช้ มันส่งผลต่อรสชาติของไวน์มั้ยครับ หรือว่าเค้าปล่อยให้โตตามธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่งสารเคมีใดๆ (ป้าวิบอกว่า แทร์ฮวาร์ สำคัญอันดับต้น) ถ้าวิทยาศาสตร์การเกษตรสามารถปรับปรุงดินให้มีสภาพเช่นเดียวกับแทร์ฮวาร์ได้ บ้านเราก็จะทำไวน์เยี่ยมๆได้แล้วสิครับ (รู้ว่าฝันแต่ผมเต็มใจอ่ะ) จากคุณ : Master_Indy - [ 7 ก.ย. 49 01:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบคุณ Master_Indy เรื่องของแทร์วาร์ก่อนละกัน.. เรื่องแทร์วาร์หรือพื้นที่ปลูกองุ่นทำไวน์นั้น คุณต้องเข้าใจว่า เรามิได้หมายถึงพื้นดินเพียงอย่างเดียว แต่มันหมายถึง ดิน น้ำ ลม แสงอาทิตย์ ทุกอย่างผนวกกันแบบลงตัว.. แต่ละแทร์วาร์มีส่วนแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน ขอยกตัวอย่างว่า ถ้าไร่ของคุณวิโรจอยู่บนยอดเนินเขา..ก็หมายถึงว่า ยามที่ฝนตก ..จะโดนฝนเพียงผ่านๆ.. แต่ไร่ของคุณลุงทีที่อยู่ชายเขาส่วนล่าง..ก็จะโดนน้ำฝนที่ไหลบ่าลงมา อีกทั้งอาจเซาะไปข้างใต้เข้าข่ายถอนรากถอนโคนได้เลย.. ซึ่งถือว่าเสียเปรียบ.. ส่วนไร่ของน้องนกที่อยู่ทางเนินเขาทางด้านตะวันออก ก็จะรับแสงอาทิตย์ในยามรุ่งอรุณ จนไปถึงบ่าย.. แต่ไร่ของอาจารย์สื่อศิลป อยู่ทางหลังเขา..ก็จะรับพลังแสงอาทิตย์เพียงในยามบ่าย และยามเย็นที่อ่อนแสง ซึ่งก็นับว่าเสียเปรียบเช่นกัน.. ปีไหนที่แดดดีๆ ทั้งน้องนกและอาจารย์สื่อก็คงไม่มีปัญหาในเรื่ององุ่น เพราะมันจะสุกไล่ตามกันไป ของน้องนกอาจจะเก็บองุ่นได้ก่อน..ผลิตไวน์ออกมาได้ก่อน อาจารย์สื่อก็รอไป.. แต่ถ้าปีไหนเกิดแดดไม่ดี..ไร่หลังเขาก็นับว่าซวย เพราะ จะต้องเข็นทำไวน์ออกมาทั้งๆองุ่นไม่สุกจัด หรือถ้าปีไหนฝนฟ้าไม่กระหน่ำ ไร่ของคุณวิโรจและของลุงทีต่างก็แฮปปี้ ชื่นมื่น แต่ทางตรงกันข้าม กลายเป็นปีที่น้ำมาก..ลุงทีก็ต้องเอาทีนก่ายหน้าผาก..แต่คุณวิโรจจะรอดตัวไป.. นี่คือความสำคัญของแทร์วาร์...ที่ไม่ได้ขั้นอยู่กับพื้นดินเพียงอย่างเดียว สำหรับไร่ดังๆ หรือชั้น 1 กรองครูส์ นั้น..การรักษาหน้าดิน ผิวดิน คือสิ่งสำคัญราวกับนางงามรักษาใบหน้า.. หลังการเก็บเกี่ยว คือการบำรุงพื้นที่ด้วยปุ๋ยธรรมชาติ ปุ๋ยมูลวัว โรยทับด้วยกระดูกสัตว์บดละเอียด ตรวจหาเชื้อรา โอย..สารพัดค่ะ เพราะตรงนี้ไง..เขาจึงต้องมีทีมอีโนโลจิสต์ จากมหาวิทยาลัยบอร์คโดซ์ เข้ามาตรวจตราบ่อยๆ.. (รัฐบาลให้การสนับสนุนเต็มที่) ส่วนเรื่องออแกนิคไวน์นั้น..หมายถึงไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้ยีสต์วิทยาศาสตร์ แต่ที่น่าแปลกคือ เขาใช้ sulfites (สารกันบูด) ลงไปในไวน์เช่นเดียวกับไวน์ธรรมดา เห็นม๊ะ..ออแกนิค..ก็ ออแกนิค ..กลัวไวน์เสียเหมือนก๊านน จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 05:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทีนี้มาพูดถึงเรื่องโอ๊ค..ที่จะยาวหน่อย ที่เห็นว่า คุณมาสเตอร์สนใจแบบจริงจัง เลยจะขยายให้ฟัง เอาจากเรื่องไม้โอ๊ค หรือถังโอ๊คก่อนเลย ที่มีอยู่สองชนิดหลักๆที่ใช้กัน นั่นคือ ของฝรั่งเศส และ ของอเมริกัน.. ไวน์ฝรั่งเศสก็ใช้ของฝรั่งเศส อันนี้แน่นอน แต่ไวน์อเมริกันดีๆที่ขึ้นชื้อ ต้องใช้ถังโอ๊คฝรั่งเศสเท่านั้น..แต่เอาถังโอ๊คของตัวเองส่งไปขายนอกประเทศอย่างสเปน และ ออสเตรเลีย (อันนี้มัดมือชกทางการค้าแลกเปลี่ยน) แต่..ถังโอ๊คของฝรั่งเศสก็ยังเป็นสินค้าที่ต้องการของทุกประเทศที่ผลิตไวน์ได้ เพราะอะไรถึงเป็นสุดยอดปรารถนา.. เพราะในถังโอ๊คฝรั่งเศส นั้น ในเนื้อไม้มีสารที่เราเรียกว่า..vanillin อันเป็นสารชนิดเดียวที่มีอยู่ในฝักวานิลลา..(ที่ให้คุณไปซื้อมาดม) อีกทั้ง..มีกลิ่นหอมอื่นๆที่จรุง และละเมียดละไม หอมคงทนกว่า ส่วนโอ๊คอเมริกันนั้นมีกลิ่นที่โฉ่ฉ่า แบบลูกทุ่ง ดังที่คุณวิโรจเคยบอกว่าไวน์ของออสเตรเลียมันโฉ่งฉ่าง.. ก็เลยจะเรียนให้ทราบตรงนี้ว่า เพราะเขาใช้ถังของอเมริกันนี่ละค่ะ.. เหตุที่แตกต่างกันเพราะเนื้อไม้ของอเมริกันนั้น..มาจากต้นที่โตเร็วกว่า เนื้อไม้หยาบกว่า ในขณะที่ของฝรั่งเศสต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะโตจนนำมาใช้ได้ จะตัดก็ต่อเมื่อเขาริดกิ่งใบออกจนหมด และปล่อยให้ยืนต้นตากแดดจนลำต้นแห้ง..ตรงนี้คือการที่จะได้กลิ่นหอมจากเนื้อไม้แท้ๆ ไม่มีกลิ่นจากกิ่งจากใบมาแทรกให้รำคาญใจ ยามที่จะนำมาประกอบเป็นถัง.. ไม่ใช้วิธีเลื่อย แต่จะตัดออกเป็นท่อน และใช้ขวานสับตามรอยทางยาวของเนื้อไม้.. ส่วนของอเมริกันนั้น ตัดตามความสะดวกและนำมาอบแห้งด้วยความร้อน แถมยังเอาเข้าโรงเลื่อย เลื่อยออกมาเป็นแผ่นเสียอีก..ทำให้เส้นทางไม้บิดเบี้ยวผิดรูป.. ก่อนการนำมาเข้ารูปถังโอ๊คอเมริกันจึงจำเป็นต้องใช้การรมไฟที่มากกว่า..(เพราะเนื้อไม้ที่หยาบกว่า) ตรงนี้ คือที่มาของกลิ่น..น้ำตาลใหม้ คาราเมล ไม้ซีดาร์ หรือกลิ่นขนมปังเกรียม ที่อาจจะ"ฟุ้ง"นำหน้ากว่าถังโอ๊คฝรั่งเศสไปหลายช่วงตัว และ...ถ้าได้กลิ่นทำนองว่าเป็นมะพร้าวคั่ว หรือกลิ่นขี้เลื่อยอย่างชัดเจนแล้วละก้อ..ฟันธงไปได้เลยว่า มันหมักมาในถังโอ๊คอเมริกันแน่นอน ส่วนที่คุณถามว่า..ในไวน์รากหญ้าตัวปนที่มีกลิ่นของวานิลลา.. อันนี้..คุณต้องหัดอ่านป้ายหลังขวดให้เป็นนิสัยไปเลย และคุณจะเห็นว่า..ไม่มีไวน์รากหญ้าตัวไหนหาญกล้า บอกมาว่า หมักในถังโอ๊คท่านั้นเดือนเท่านั้นปี..ไม่มีค่ะ.. แต่จะมีในลักษณะนี้..คือ ...is a Merlot with rich fruit surroundrd by elegant creaminess, SUPPLY OAK flavors and firm tannins... ไอ้ supply oak ตัวนี้ละค่ะ หมายถึง โอ๊คถุง โอ๊คซอง โอ๊คกระสอบ.. อีกตัวอย่างหนึ่งนะ...คือ the palate is rich and complex with exceptional depth of berry spice and chocolate flavors, ENHANCED by the velvety tannins and toasty oak ไอ้..enhanced ตัวนี้..ก็คือ..การแอบบอกว่าใช้ผงโอ๊คชูรสแบบเป็นถุง เป็นซอง และเป็นกระสอบเช่นกัน.. และคุณจะเห็นป้ายบอกสรรพคุณในทำนองนี้เป็นส่วนใหญ่..ไม่ว่าจะไวน์รากหญ้า หรือ รากแก้ว.. เพียงแต่ว่า ใครจะลงทุนประดิษฐ์ประดอยแต่งคำใช้ให้มันสละสลวย หอมหูมากกว่ากันก็เท่านั้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 06:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หรือถ้าไปเจอแบบนี้ ก็อย่ารีบผลีผลามซื้อ เพราะเห็นคำว่า aged in french oak เพราะดูราคาแล้ว..มันไม่ใช่ 2004 Legado Syrah A well-balanced blend of 94% Syrah and 6% Cabernet Sauvignon with black cherry flavors and a long and fruity finish. Aged for 12 months in French oak. Produced from estate grapes. Suggested Retail: $14.95 ต้องกลับมาพิจารณาอีกครั้ง..เขาไม่ได้ใช้คำว่า french oak barrels เขาไม่ผิดกฏหมายที่ตรงไหน.. เพราะ oak chips นั้น ก็มีทั้ง อเมริกัน โอ๊ค เฟรนช์ โอ๊ค จะเอารสแบบเกรียมน้อย เกรียมมาก ก็สั่งได้ มีสารพัด มีทุกเกรด ใช้เกรด เอ..ไวน์ก็ออกมาดี เพราะสะเก็ดโอ๊ค หรือ ผงโอ๊ค ก็มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับเช่นกัน.. แต่ไวน์ที่มันต้นทุนถูกจริงๆ ประเภท ขวดละสองสามเหรียญ..เขาใช้ผงโอ๊คแบบไม่มีเกรด นั่นคือ คุณภาพไม่ผิดอะไรกับผงขี้เลื่อยที่พรมด้วยกลิ่นโอ๊ควิทยาศาสตร์ (แหม..ไม่อยากเล่าเลยนะเนี่ย) ผงโอ๊คดีๆ..ราคาไม่ใช่น้อยๆอย่าง French Oak Chips เกรดเอ..ปอนด์ละ 14-15 เหรียญ จุกไม้ก๊อกที่คุณเคยสงสัยว่า ทำไมมาเปลี่ยนเป็นจุกยางในระยะหลังมานี่ เพราะ ราคาขึ้นน่ะซิคะ เดี๋ยวนี้ 100 ละ สี่สิบกว่าเหรียญแล้ว เมื่อก่อน ร้อยละสิบห้าเอง.. ส่วนจุกยาง ร้อยละ 25 ค่ะ..ซึ่งก็ไม่ใช่ถูก.. และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมอีกหน่อยจึงจะใช้ฝาเกลียว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 06:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 และมาดูข้อต่างอันนะคะ..จึงจะแน่นอนทั้งคำสรรพคุณและ ราคาที่ยืนยัน.. 2002 Gran Familia Cabernet Sauvignon Gran Familia is the De Martino family’s most exclusive wine.Aged in French oak barrels for 18 months, this vintage was selected the “premium wine of the year 2004” in the prestigious Chilean wine guide La Guia de Vinos de Chile. Intense, full-bodied and complex. Suggested Retail: $45.00 หมักในถังโอ๊คฝรั่งเศส ราคานี้ นับว่าไม่แพงเลย.. เป็นเพราะว่าเป็นไวน์โลกใหม่ที่กำลังต้องการตลาด.. แต่ก็นับว่าแพง สำหรับไวน์ชิลี.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 06:54:10 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สวัสดีตอนเช้าครับ...พี่วิ...และ...สหายไวน์ ...เมื่อวานนี้กับการทดสอบไวน์..ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ ...การจัดการค่อนข้างลงตัว แม้จะกำหนดให้ใช้เวลาเพียง ...หนึ่งนาทีต่อไวน์หนึ่งตัว ...ความเย็นของไวน์...การเสริฟไวน์โดยนักศึกษาจากเอแบค ...ถือได้ว่า...สมบูรณ์แบบและลงตัว การชิมทดสอบแบ่งออกเป็น กลุ่มใหญ่ๆ คือ โดยเริ่มจากไวน์ขาว Chardonnay...Sauvignon Blanc แล้วตามด้วยไวน์แดงจาก Cabernet Sauvignon...Merlot และ Shiraz และจบลงที่ Sparkling รวมทั้งหมด...ร้อยสามสิบหกตัวครับ ใช้เวลาทั้งสิ้น...สามชั่วโมงยี่สิบสี่นาที จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 07:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ...จำนวนไวน์ที่ส่งเข้าประกวดในปีนี้ถือว่าน้อยกว่าทุกปี ...คือลดลงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ...ผมไม่ได้เห็นตัวไวน์ แต่เดาได้ว่าไวน์ส่วนใหญ่เป็นไวน์ออสซี่ ...ตามด้วยโลกใหม่จากชิลี มีอเมริกาแซมมาเล็กน้อย ฝรั่งเศสรากหญ้าอีกนิดนึง ...คุณภาพไวน์โดยรวม...ผมถือว่า...น่าผิดหวังครับ คือ ...มีไวน์ที่อยู่ในระดับดี (Good Quality) แค่ห้าตัว ...พอใช้ (Fair Quality) ประมาณห้าสิบตัว ...ต้องใช้ความอดทนถึงจะแหลกล่าย (Commercial Quality) ห้าสิบตัว ...ที่เหลือคือ...ไม่เข้าใจว่า...ส่งมาประกวดได้ยังไง ...สาเหตุ...มันยืดยาว แต่จะไม่อารมณ์เสียถ้าค่อยๆ ทำความเข้าใจ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 07:55:15 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คือ...เรื่องลึกๆ มันเป็นอย่างนี้ครับ ...ไวน์ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักร...ทุกวันนี้ มีภาพกว้างๆอยางนี้ครับ ...กลุ่มแรก...ที่มีภาพใหญ่คือ นำไวน์เข้ามาในรูปแบบกองมรดก ...สิบปีมากันอย่างไร ก็มากันอย่างนั้น ตามโผ...ไม่เคยปรับเปลี่ยน ...ซึ่งเป็นไปตามโควต้าไวน์ที่ยึดตัวแทน Regional เป็นหลัก ...คุณภาพไม่ต้องพูดถึง เป็นไวน์ตลาดอย่างแท้จริง ซึ่งอิงคุณภาพไม่ได้ ...ส่วนกลุ่มสอง...สาม และ ทุกกลุ่ม...ก็เหมือนกับกลุ่มแรกครับ ...แต่ก็มี Importer รายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดและมีการคัดสรรไวน์ดีๆ อยู่บ้าง ...แต่ก็ต้องมีพวกนี้มากกว่านี้ครับ ถึงจะเกิดแรงกระเพื่อมให้มีไวน์คุณภาพในวงการ ...แต่เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่เล็กลงไปเลย ...ปัญหาใหญ่กว่า มันได้เกิดขึ้นมาแล้วครับ ...ณ วินาทีนี้ เหล่า Importer ในบ้านเรากำลังเจอตอใหญ่เบ้อเร่อ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 08:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณวิโรจ และ ลุงที.. ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า..การทำไวน์เทสติ้งในเมืองไทยนั้น จะสำเร็จยาก ถ้าตราบใดที่บริษัทไวน์ทั้งหลายยังไม่รู้จัก consumers ที่ดีพอ.. ไม่มีการให้การศึกษาที่ถูกต้อง ไม่มีการวางแผนโฆษณา นอกจากการขายหนึ่งแถมหนึ่ง รวมทั้งแจกของกระจุกกระจิก อีกทั้งกำแพงภาษี และกำแพงต้นทุน แต่ในฐานะผู้บริโภค เราต้องแสดงพลังนะคะ ไปร่วมงานให้เขารู้ว่า กลุ่มลูกค้าที่พร้อมจะซื้อน่ะมี..และมีมากด้วย เขาต้องเดินให้ถูกทาง..ถึงจะได้เงินเรา..แต่ที่ผ่านมา เชื่อว่าเขาไม่มีการวางแผนที่ชัดเจน คงไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง นอกจากการออกบู๊ท..เลียนแบบงานเทศกาลหนังสือ ที่คุณวิโรจว่า พวกไวน์แหลกไม่ล่าย..นั้น ตอนนี้กำลังส่งมาถมทางเอเซียนี่ละค่ะ เพราะ ขายที่ไหนไม่ได้ เพราะเขาคิดว่า..คนเอเชี่ยนยังไม่ค่อยฉลาด พอ "หลอกแหลกล่าย" ไปอีกหลายปี จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 08:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ...ตอใหญ่เบ้อเร่อ ...คือ ...โครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่...ที่สั่นสะเทือนวงการ ...หลังจากที่ไม่รู้จะทำยังไงกับการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ ...เมื่อจัดเก็บภาษีจากการ Declare ต้นทุนของเหล่า Importer ไม่เป็นไปอย่างที่เป็น ...มีการแจงต้นทุนต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อเสียภาษีน้อยลง ...ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีในการแจงราคาจากตัวแทนไวน์ Regional ด้วย ...คราวนี้ ...สรรพสามิต...แกมามาดใหม่ ...Importer ไม่ต้องแจงราคาต้นทุน ...ฉันจะบอกเองว่า...ราคามันต้องเป็นเท่าไหร่ ...เมื่อหน่วยงาน...คิดง่ายทำง่าย ...อันนี้คือ...ความอิ้บอ๋าย...โดยแท้ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 08:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อ้าว..ไหนว่ามี FTA ไงล่ะคะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 08:50:33 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ...พี่วิ ...นี่ยังไม่เกี่ยวกับ FTA เลยนะครับ ...มาเมื่อไหร่จะยิ่งอิ้บอ๋ายหนักเข้าไปอีก ...แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ...เมื่อสรรพสามิต...แกมามาดใหม่ ตั้งราคาต้นทุนตามใจ เพื่อดัดนิสัย Importer ...แกทำคัมภีร์ต้นทุนไวน์แจกไปตามเหล่า Importer ซึ่งพอเปิดดู ก็ช๊อคไปตามกัน ...ตัวอย่างสมมุติ ...ไวน์จาก Bordeaux ไม่ว่าจะมาจากเขตใด หมู่บ้านไหน ...เมื่อมาจาก Left Bank...ต้อง 70$ Right Bank 75$ ...South west 40$...Languedoc 45$ ...Napa 90$ ...Chile 42$ Spain.......etc (ทั้งหมดคือราคาต้นทุนสมมุติเองนะครับ) ...โดยทั้งหมดมิได้คำนึงเลยว่า ไวน์จาก "นภาวัลลี"...มันมีกี่เกรด ...มีตั้งแต่ 5$ โรยผงโอ๊ก ไปถึงกว่า 100 $ ที่บางทีก็หาซื้อไม่ได้ ...ไวน์ "ลองกูดอก" มันมีตั้งแต่ 5 U ไปถึง 45 U ...แกตีขลุมเอาค่าเฉลี่ยอย่างงี้แหละ....ใครจะทำไม ...FTA ยังไม่มาก็บ้ากันไปแล้ว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 09:32:14 ]

ความคิดเห็นที่ 47 นก เห็นทีจะเลิกดีกว่าค่ะพี่หวาน เพราะกระเป๋าจ่ายได้แค่ไวน์ที่ "...ต้องใช้ความอดทนถึงจะแหลกล่าย (Commercial Quality)" อ่านแล้วเสีย self หมดเลย อยู่ดีๆ ไม่ว่าดีน้อเรา จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 7 ก.ย. 49 09:35:19 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ....เรื่องนี้ท่าจะยาว... ....ขอปูเสื่อจองแถวที่สองตรงกลาง... ....ได้ลุ้นได้เสียว....เหมือนกัน จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 7 ก.ย. 49 09:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ...อย่าเพิ่งเลิก...ครับ...คุณนก ...ก็นี่คือเหตุผลที่พี่วิ...ชักชวนให้ไปดูไปเห็น ...อยากให้พวกเราได้รู้เห็นความเป็นจริงครับ ...ไวน์ดีๆ ที่มีคุณภาพ ในบ้านเรายังพอหาได้ครับ ...เมื่อทำความเข้าใจได้แล้ว มันก็จะง่ายขึ้นจริงๆ ครับ ...ไม่ถึงกับสิ้นหวังหรอกครับ...คุณนก คุณลุงที จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 09:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ....5555...ชอบใจ.. ..."นภาวัลลี" "คุณฐาวิตีจตุรเนตร" ....คิดด้ายงายเนี่ย.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 7 ก.ย. 49 09:44:39 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ...เมื่อสรรพสามิตแกตีขลุมเอาค่าเฉลี่ยอย่างงี้แหละ ...ใครจะทำไม ...เหล่า Importer ทั้งหลายก็แทบจะทิ้ง Stock ที่ค้างอยู่ท่าเรือทั้งหมดเลย ...ก็ต้นทุน 25$ ...ว่าจะ Declare แค่ 10$ จั๊กกะหน่อย ...นี่สรรพสามิตบอกว่า...มันต้อง 45$ นะจ๊ะ อย่ามาเถียง ...ไม่จ่ายเท่านี้ ก็กองมันไว้ที่นี่แหละ ...เอาล่ะสิกับนโยบาย "กินง่ายถ่ายสะดวก" ...อิ๊บอ๋ายกันถ้วนหน้า และนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้งาน International Wine Challenge เมื่อวานนี้กร่อยครับ ...Importer ถอนตัวกันหมด ...นี่แว่วมาอีกว่า สรรพสามิตส่งเรื่องเข้ากรมตำรวจเศรษฐกิจ ...เตรียมย้อนศรเล่นภาษีย้อนหลังบริษัทไวน์อีกอื้อเลย ...งานนี้....ฟังแล้วหนาวครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 09:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ตายแล้นนน..อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกแขก.. กำแพงภาษีเมืองไทย นึกจะขึ้นก็ขึ้นหน้าตาเฉยอย่างนี้หรือคะ..ไม่มีการบอกกล่าวกันล่วงหน้า หรือ มีนโยบายวางให้ให้ทำประชาพิจารณ์หรือคะ..(เอ..นี่เพ้อเจ้อไปป่าวเนี่ยยย) คิดราคาออกมาได้อย่างไรกัน เพราะราคาไวน์มีลดหลั่นกันไปตามแต่ว่าใครจะซื้อ ซื้อเมื่อไหร่..และซื้อเท่าไหร่ จะมาเอาราคาหน้าร้านมาแปะ..แล้วตีขลุมอย่างนี้ไม่ได้ ขอบอกว่าไวน์บางตัวในเมืองไทย อย่างที่กำลังพูดถึง "อินซิคเนีย" อยู่นี่..ตอนนี้ราคาที่อเมริกาแพงกว่าเมืองไทยแล้วค่ะ เพราะมีดีมานด์มากกว่า.. จากคุณ : WIWANDA - [ 7 ก.ย. 49 10:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ....ท่าทางจะอิ๊บอ๋ายอย่างคุณวิโรจว่า.. ....คงต้องกลับไปหาไวน์ใต้ดินอีกแล้ว... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 7 ก.ย. 49 10:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ....หรือว่านี่เป็นกลยุทธการโปรโมทไวน์ไทย... ....จะได้ไปหัดดื่มไวน์มะเกี๋ยง ไวน์กระชายดำ ให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 7 ก.ย. 49 10:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ตอกบัตรตอนสายครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 7 ก.ย. 49 11:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เฮ้อ นี่หรือเมืองพุทธ คิดกันได้สร้างสรรค์จริงๆ ให้ดิ้นตาย "ดวงเนตรถูกบดบังด้วยใบไม้ มืดมิดไซร์ไม่เห็นแม้ภูผา ฟ้าผ่าครันครืนลั่นพสุธา เม็ดถั่วคารูหูกั้นสรรพสำเนียง" จากคุณ : เซ็งแต่ไม่ท้อ (Phantom of the Cellar) - [ 7 ก.ย. 49 11:46:19 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อย่าลืมไวน์กระท้อนครับ คุณปีบ ของดีซุปเปอร์โอท๊อป เมืองนนท์ บ้านผมเลยละ หลงซื้อแค่ 1 แม่ยกแถมให้อีก 2 ลัง ช่วยเอาไปทิ้งให้ด้วย หรือจะเอาไวน์สะตอ (เบอรี่) ของเจียงฮายเขา ที่มีสาวๆ โบกรถข้างถนนพหลโยธินนั่นไง รากหญ้าของแท้เลยละ เพราะบางขวดยังมีเศษหญ้าติดข้างขวดมาเลย นโยบายสนับสนุนไวน์ไทยมันก็ดีอยู่หรอก แต่หลังจากใช้นโยบายภาษีนี้มาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยรัฐบาล 5 สั้น บรรหาร ณ สุพรรณ โดยมี รมว.คลังหนุ่มหน้าใส วัยกำดัด พูดฝรั่งชัดกว่าไทย เป็นคนชง ให้ขึ้นภาษีไวน์พร้อมๆ กับหินอ่อน เพราะถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยเหมือนกัน (ดี สมน้ำหน้าพวกกินไวน์ฝรั่งเศส ระดับ กรองด์ ครู จากบอร์กโดซ์ในห้องโถงปูด้วยหินอ่อนสีชมพูแท้จากอิตาลี มันจะได้เลิกกินซะ หันมาหวดเหล้าขาว เหล้าโรงของเสี่ยแทน) ไวน์ไทยพันธุ์แท้ มันพัฒนาไปเลยระดับ "พอล่ายแหลก" หรือยังครับ จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 7 ก.ย. 49 12:06:07 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เพิ่งเข้ามาอ่าน ครับ จะบ้าตาย มีธุระด่วนมากที่ เกาะช้าง เลยพลาดงานเมื่อวาน.. เรื่องภาษีสรรพสามิตรแบบ ตั้งราคากลางเอาเอง บริษัทผม โดนมาตั้งแต่ ปลายปีที่แล้วครับ เอกสาร จริงแท้แน่นอน CIF มา ขวดละ 190 ภาษีแกจะเอา ขวดละ400 จะเตะของกลับ ทางโน้น ก็ไม่ได้ มีลูกค้าที่ต้องรับผิดชอบ จะขึ้นราคา ลูกค้าก็ไม่เข้าใจ บริษัทที่ซี้ๆกันก็ สะบักสะบอม ไปตามๆกัน... มีคนแถวนี้น้อยใจ จนจะเลิกนำเข้า แล้วไปเปิดร้านสุกี้แทน... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 ก.ย. 49 12:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มีของเล่นมาฝากค่ะ zip file ขนาด 23.8 MB http://www.download.com/Open-Cellar/3000-2126_4-10532636.html?tag จากคุณ : . (Tweety สี่ตา) - [ 7 ก.ย. 49 12:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เฮ้อ.....อ่านแล้วเศร้าสุดๆ อีกหน่อยคนไทยก็จะติดเหล้าบ่มจากหัวเชื้อ หรือ สินค้าพื้นบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ในราคาที่แพงกว่าไวน์....เป็นแน่แท้ จากคุณ : เหนื่อยใจจัง (Nic Nenin) - [ 7 ก.ย. 49 12:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ภาษีไวน์เมืองไทยแพงมาก ซื้อกินไม่ลงเลย ทั้งๆที่กินไวน์ยังพอมีประโยชน์ คนอายุมากๆเริ่มหันมาดื่มไวน์กันมากขึ้น น่าจะลดภาษีซะหน่อยน่า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย ยังดีนะที่มีเพื่อนเดินทางบ่อยไม่งั้นแย่เลย พี่วิครับ อย่างนี้ ไอ้ insignia สงสัยต้องตัดใจแน่เลย ไม่กินก็ได้ เห็นเพื่อนบอกว่ามี almaviva 2003 ออกมาได้คะแนนเท่าปี 2001 กินตัวนี้แทนดีกว่า จากคุณ : jear - [ 7 ก.ย. 49 14:37:46 A:124.120.166.58 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ลงชื่อประจำวันครับ เสียวสันหลังวูบ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 7 ก.ย. 49 15:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โห ฟังที่พี่วิโรจน์เล่าแล้ว รู้สึกท้อใจกับความ "มักง่าย" ของหน่วยงานไทยจริงๆ ครับ เอะอะมีเรื่องอะไร ก็เอาง่ายเข้าว่า ใช้รอยหยักในสมองกันนิดเดียว เซ็งครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 7 ก.ย. 49 15:30:12 A:134.28.141.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 64 ชาโตเดอเลยไงครับราคาสูงกว่าของชิลีโรมาเนียและไวน์ฝรั่งเศสบางตัวซะอีก หรือจะเอาชาโตเดอชาละวันดื่มแล้วหูกางก็ราคาไม่เบานะ... งั้นเอาที่ "พอแหลกล่าย" ก็แล้วกันเดินทางบ่อยอยู่แล้วอยากดื่มดีๆไปหาเอาข้างหน้าก็ได้ ทนครับ...เกิดเป็นคนไทยต้องอดทนห้ามร้องแรกแหกกระเฌอ เชื่อมั้ย...สักพักก็จะมีพวกไวน์ประมูลฯออกมาขายกันในหมู่วงใน ป้าวิจะฝากประมูลสักคอนเทนเน่อร์ไหมล่ะครับ??? จากคุณ : Uncle Tee - [ 7 ก.ย. 49 15:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 บรรยากาศตรึงเครียด ขอสลับฉาก ขอถามพี่วิหน่อยคับ เจ้าไวน์เบอร์กันดี Echezeaux Grand Cru ของ Domaine Henri Jayer ผมเห็นราคาแล้วแทบช็อค แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง มีพูดแต่ กองตี เลอรอย์ Domaine Henri Jayer ดีจิงหรือเปล่า เห็นเพื่อนที่เป็นซอมเมอร์ริเย ชาวญี่ปุ่นบอกว่าหายากว่า กองตีอีกคับ ผมคงไม่ปัญญาหาทานเพราะราคาเกินเอื้อมมากๆๆๆๆๆๆๆ ถ้าพี่เคยเล่าแล้วขอโทษด้วยน่ะคับ จากคุณ : Nic Nenin - [ 7 ก.ย. 49 17:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 66 รูปฉลากคับ จากคุณ : Nic Nenin - [ 7 ก.ย. 49 17:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ Nic Nenin ...Henri Jayer ...เป็นบรมกูรู ...คือ...สุดยอดไวน์แดงจากเบอกันดี ...ที่ไม่ต้องอาศัยคำวิจารณ์ใด...จากใคร ...Character ไวน์ของเขานี่จะละเอียดเนียนเหมือนปุยนุ่น ...สดชื่นอย่างมีเอกลักษณ์ สุดยอด Elegant ...ควรไปนับเริ่มต้นใหม่ที่ DRC และตามด้วย Leroy เสียก่อน ...ถ้าอยากจะดื่มตัวนี้ ไวน์ของอองรีจาเญ ...วันนี้เขาเกษียณแล้ว เพิ่งจะไม่กี่ปีที่ผ่านมานั่นแหละ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 7 ก.ย. 49 17:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คงไม่ไปนับหล่ะคับพี่ ไม่มีปัญญาคับแค่ได้รู้ก๊อดซิบก็โอเคแล้วคับ ปล.พี่วิโรจผมอดใจรอไม่ไหวแล้วคับ ผมว่าจะเปิด Pavie 2001 เร็วๆนี้ ขออนุญาตเรียนเชิญพี่ด้วยน่ะคับผม จากคุณ : Nic Nenin - [ 7 ก.ย. 49 17:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แว้บบ ปาดดด ไปด้วยคนครับ จากคุณ : ผีใต้ถุน(ผู้หิวไวน์) (Phantom of the Cellar) - [ 7 ก.ย. 49 18:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 70 พี่นกขา ตกลงแล้ว คุณวิโรจน์ กะลุงที............ ใครหล่อกว่ากันคะ? จากคุณ : กาสะลองบานแล้ว - [ 7 ก.ย. 49 20:21:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 อิจฉาเจง :P จากคุณ : Natt_ac121 - [ 7 ก.ย. 49 20:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 72 น้องกาสะลอง ...ตัดสินให้ไม่ได้หรอกค่า Beauty is in the eye of the beholder (ลืมบอกไปว่า โปรแกรมที่ให้ลิ้งค์ไว้ใน คคห 59 เป็นภาษาฝรั่งเศสนะคะ) จากคุณ : . (Tweety สี่ตา) - [ 7 ก.ย. 49 20:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เช้าแล้ว ที่ มนต์ทะเล พี่หวานตื่นรึอยังน้อ.... นกไปนอนก่อนนะคะ Have a good day (or round นะคะ ถ้าไปออกรอบ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 7 ก.ย. 49 21:04:57 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ป้าวิครับ มีคำถามครับ เจ้า OVS Chamarre นี่น่าจะไปรอดมั้ยครับ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 7 ก.ย. 49 21:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 75 มาตามเก็บความรู้ ครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 7 ก.ย. 49 21:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ...เข้ามาดม... (ยังดมอยู่ครับ) จากคุณ : Master_Indy - [ 7 ก.ย. 49 21:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 77 มาตรวจตราตอนดึกๆดูว่า ยังมีใครอยู่ไหมเอ่ย จากคุณ : รปภ ประจำกระทู้ (Phantom of the Cellar) - [ 7 ก.ย. 49 23:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 78 โดน รปภ จับ สวัสดีครับ พี่ ผีใต้ถุน จากคุณ : Natt_ac121 - [ 7 ก.ย. 49 23:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 79 สวัสดีครับ พี่(น้อง) แนท เป็นไงบ้างครับ ได้ชิมอะไรไปบ้างไหมเอ่ย จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 7 ก.ย. 49 23:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 80 หลานแน๊ทมาถามเรื่อง OVS Chamarre ว่าจะไปรอดไหม... อย่าถามว่ารอดหรือไม่รอด ..แต่นี่คือทางออกทางเดียวเพื่อความอยู่รอดของไวน์ฝรั่งเศสในยุคปัจจุบันนี้..คงยังจำได้ว่า เมื่อปีก่อนมีการเดินขบวนของชาวกสิกรไวน์ ที่ออกมาร้องว่า ไวน์เหลือเพียบ ขายไม่ออก ในประเทศ เพราะเหตุผลคือ ชาวฝรั่งเศสรุ่นใหม่ไม่นิยมดื่มไวน์ (แบบเทน้ำเทท่าอย่างแต่ก่อน) ส่วนในรายการส่งออก..ก็ถูกตีโดยไวน์ของโลกใหม่ในทุกรอบข้าง โดยเฉพาะในตลาดอังกฤษที่เคยครองบัลลังก์มานานแสนนานนั้น ก็เกิดการง่อนแง่นเต็มที เพราะ ยอดขายต่ำลง ต่ำลง..ของอเมริกา ออสเตรเลีย อิตาลี ยอดขายขึ้นเอาขึ้นเอา (ทุกคนเลย ยกเว้นไวน์สเปน) ดังนั้น..นาย Pascal Renaudat จึงวางนโยบายจับมือกันระหว่างบริษัทไวน์เจ็ดยักษ์ใหญ่ ตั้งองค์กร ขึ้นมา ทำการผลิตไวน์รากแก้ว(ปนรากหญ้า) แบบแมส โปรดักซ์ ที่มีเพียงสามระดับ คือไวน์ เบลนด์รวมๆกัน และไวน์โดยใช้องุ่นจากเอโซซี และไวน์ขาวชาดอนเนย์ ที่ทุกชนิดไว้ใจได้ว่าหมักในถังโอ๊คแน่นอน ไวน์ของชัมมาร์เร (Chamarre แปลว่า สีสันที่เจิดจ้า) จะออกมาสู่ตลาดอังกฤษในราคา ขวดละ ห้าหกปอนด์ และจะมาสู่ตลาดของอเมริกาเดือนหน้านี้ละค่ะ ขวดละ 11-15 เหรียญ แผนนี้ที่ต้องเกิดขึ้นมาเพราะ เลียนแบบนโยบายของไวน์โลกใหม่ คือ เพนโฟลด์ Jacob’s Creek ของออสเตรเลีย หรือ ไวน์ของอเมริกา มอนดาวี ที่มีผู้นิยมซื้อเพราะ อ่านฉลากง่าย เข้าใจดี รสชาติก็สมราคา ชื่อเสียงก็จัดว่าไม่อายเขา.. ในขณะที่ไวน์ฝรั่งเศสนั้น วุ่นวาย เข้าใจยาก ชื่ออ่านยาก..ชื่อเสียงไม่รู้จัก เพราะมีมากมายชื่อก็คล้ายๆกัน..เดี๋ยวซื้อผิดซื้อถูก.. ถ้าฝรั่งเศสไม่รีบออกมาจัดตั้งองค์กรเฉพาะกิจ OVS และผลิตไวน์ Chamarre ตอนนี้แล้ว..รับรองว่าอีกไม่นานไวน์ก็จะเสียบัลลังค์ความเป็นเจ้าแห่งไวน์ หรืออาจถึงกาลสูญพันธุ์ไปอย่างแน่นอน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 00:16:40 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณนิคคะ.. พี่เคยชิม Domaine Henri Jayer Vosne Romanee Cros Parentoux ปี 1986 จนบัดนี้..ยังมือไม้สั่นไม่หาย.. เรียกว่าตายก็ไม่เสียชาติเกิดแล้วละ จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 00:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 82 สวัสดีตอนเที่ยง(คืน)ครับพี่วิ วันนี้ไม่มีธุระข้างนอกหรือครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 8 ก.ย. 49 00:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เดี๋ยวมีนัดอาหารกลางวันกับพ่อเจ้าประคุณ..แล้วก็จะกลับมาเฝ้ากระทู้ตามเคยค่ะ วันนี้ว่างทั้งวัน เพราะเสาร์อาทิตย์นี้ต้องทำงาน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 00:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 84 งั้นทานอาหารให้อร่อยนะครับ เดี๋ยวผมก็ต้องขอตัวกลับ ใต้ถุนไปนอนกอดขวดไวน์ ก่อนล่ะครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 8 ก.ย. 49 01:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มาให้ รปภ จับอีกซักรอบครับ อิอิ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 8 ก.ย. 49 06:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ในปี 1970's ท่านเอมีลได้ทำหน้าที่ตรวจงาน..ที่ไร่ Lynch-Bages เป็นครั้งแรก ควบไปด้วยรถเก่าๆ ปุเลงปุเลงไป และไปขอพบกับหัวหน้าฝ่ายผลิต เพื่อซักถามถึงเรื่อง ความเป็นไปในการทำไวน์ต่างๆ และได้ให้คำแนนำใหม่ๆที่ควรจะต้องรู้และปฏิบัติ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการควบคุมอุณหภูมิ พอลับกลับไป.. เซลล่าร์ มาสเตอร์นั่น รีบไปรายงานให้เจ้าของไร่ Jean-Michel Cazes ทราบทันที และบอกว่า.. "ท่านครับ..คนที่มานั่น..เขารู้เรื่องไวน์ดีจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ แต่เห็นว่ามาจากรัฐบาล.." กว่าที่ท่านเอมีลจะตระเวณให้คำแนะนำไปตามไร่ต่างๆด้วยตัวเอง ก็ใช้เวลาหลายปี แต่ในที่สุด พอเริ่มขึ้นมาไร่หนึ่ง และเห็นผลดีขึ้นทันตา หลายไร่ในบอร์คโดซ์ก็หันมาใช้ถังสเตนเลสกันพร้อมหน้า เพราะรักษาความสะอาดได้ดีกว่า..ง่ายกว่า เพราะว่างานของท่านเอมีลหนักไปทางดูแลเรื่องความสะอาด และวัสดุอุปกรณ์ ไม่ได้เน้นไปในทางการปลุกองุ่น หรือผลองุ่น ในส่วนนี้จึงเพิ่งมาพัฒนาในชนรุ่นต่อมา.. ซึ่งหัวหอกคนสำคัญคือ มิเชล...ไวน์เมธีมีปีก... Michel Rolland เคยเล่ามาให้ฟังแล้วว่า เป็นลูกหลานชาวไวน์ฝั่งขวาพอมโฮล ที่ครอบครัวทำไร่ Bon Pasteur ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร พ่อแม่เขาก็คงคิดอย่างเดียวกันกับพ่อแม่ของ อเลน เรโนด์ ที่คิดว่าส่งไปเรียนหนังสือหนังหา เอาความรู้ไปหากินดีกว่า ขืนมาทำไวน์ก็คงอดตาย ดังนั้น มิเชลจึงถูกส่งเรียนวิทยาลัยเทคนิคการเกษตรในชั้นแรก และต่อด้วยวิชาอีโนโลยี่ ในมหาวิทยาลัยบอร์คโดซ์ ที่เขาพบรักกับสาวงามเพื่อนร่วมชั้น นามว่า Dany Bleyne และแต่งงานกันในที่สุด สรุปว่า..บ้านนี้มีอีโนโลยิสต์ถึงสองคน... ฝ่ายสามี คือ มิเชล เป็นคนชีพจรลงเท้า ชอบไปไหนมาไหน ช่างเจรจา ดังนั้น เขาจึงตั้งห้องแลบตรวจไวน์เล็กๆรับงานจ๊อบทั่วไป โดยที่ฝ่ายเมีย อยู่เฝ้าโยงทำงานในออฟฟิซ ส่วนเขา ก็เดินทางไปเยี่ยมไร่ไวน์โน้นนี้..ไม่จ้างก็ไม่เป็นไร ให้คำแนะนำฟรี.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 07:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เพราะเขาเป็นคนที่คุยสนุก หัวเราะชวนมันส์ ท่าทีเป็นมิตร (เห็นได้นะคะ ในหนังเรื่องมอนโดวิโนที่ส่งไปให้ดูกันแล้ว) ลองชิมไวน์ไป..ก็จะขอหน้าตาเฉยว่า.. "ไหน..มีแฮมมาแกล้มสักชิ้นสองชิ้นม๊ะ?" จากแฮมชิ้นสองชิ้น ก็กลายมาเป็นการเชิญอยู่ร่วมอาหารเย็น จากนั้นก็กลายเป็นมิตรสหายเฮฮา ตอนนั้น..ไวน์ในบอร์คโดซ์..แม้ว่าท่านเอมีลจะสอนให้ทุกคนทำความสะอาดโรงไวน์อย่างเอี่ยมอ่องแล้วก็ตาม.. แต่ไวน์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น คุณภาพมีแต่ทรงกับทรุด ซึ่งนี่คือปัญหาใหญ่.. ในปี 1981 คือปีที่บ๊อบ ปาร์คเกอร์ ยังเดินสะเปะสะปะ ในบอร์คโดซ์ พยายามหาไร่ไวน์ตามในแผนที่ที่พกติดตัวอยู่ เขาได้ไอเดียว่า เพื่อเป็นการย่นระยะเวลาให้กระชับขึ้น เขาควรจะไปหาอีโนโลยิสต์สักคนหนึ่ง เพื่อขอข้อมูล ไวน์ และทำความรู้จัก.. เขาก็ได้มาเคาะประตูสำนักงานแลบของมิเชลเข้าอย่าง บังเอิ๊ญ บังเอิญ.. ทันที่มีอเมริกันแปลกหน้าเข้ามาขอคำแนะนำ มิเชลก็ต้อนรับด้วยความยินดี ต้อนเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมยกแซมเปิ้ลไวน์ต่างๆมาให้ลองอย่างสนุกสนาน คนสองคนนี้..มีอะไรคล้ายๆกันหลายอย่าง..อายุไล่เลี่ยกัน ชีวิตในวัยเด็กๆก็คล้ายกัน (คือลูกท้องไร่ท้องนา) จึงพูดคุยกันถูกคอ กลายเป็นเกลอกันในเวลารวดเร็ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 07:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 88 อ่านอยู่ค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 8 ก.ย. 49 07:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เพียงปีเดียวที่ได้รู้จักกัน โชคและชะตาชีวิตของคนทั้งสองก็ผันแปร ในปี 1982 คือปีที่องุ่นบอร์คโดซ์เกิดดีอย่างผิดปรกติ วินเทจปีนั้น จะต้องมากู้หน้าและศักดิ์ศรีชองไวน์ฝรั่งเศสให้กลับคืนมา หลังจากที่แย่มาหลายต่อหลายปี จนผู้คนเริ่มเอือมระอา.. ทางอเมริกา ไม่มีใครเชื่อต่อข่าวอันเป็นมงคลในครั้งนี้ เพราะ ถูกหลอกจนเข็ด แต่มิเชลได้นำความเรื่องนี้บอกกับเพื่อนรัก ..ว่า "บ๊อบ..ไวน์ปีนี้สุดยอด ประกาศออกไปได้เลย เราเอาหัวเป็นประกัน" ดังนั้น จากการลองไวน์ในอนาคต หรือในถัง (ที่บอกอะไรไม่ได้มาก นอกจากเดา) เกจิหลายคนจากฝั่งอเมริกา บอกว่า ก็งั้นๆ.. แต่บ๊อบ..ในฐานะไวน์ยังเติร์ก (ไม่มีอะไรจะเสีย ทายผิดก็ไม่มีใครติดใจ เพราะยังไม่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย) ฟันธงลงไปทันทีว่า..ไวน์ปีนี้จะต้องเลิศศศศศ.... เล่นเอาเกจิลิ้นทองทั้งหลาย ต่างพากันส่ายหน้า คิดว่า ไอ้นี่ถ้าจะบ้า.. ซึ่งผลออกมา..ปรากฏว่า บ๊อบเป็นฝ่ายถูก..และดาวแห่งวงการไวน์ได้จรัสแสงมาตั้งแต่บัดนั้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 08:09:37 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ดูในหนังเห็นอารมณ์ขันของโรแลนที่คนถ่ายหนังมันถามว่าไอ้ศัพท์ที่พูดแปลกๆ นะ มันหมายความว่าไง เจ้าของไวน์ก็ส่ายหน้าบอกไม่รู้เหมือนกัน แกก็เลยตบซะเลยว่า ถ้ารู้ ผม(กรู)ก็ทำมาหากินไม่ได้สิวะ ถ้าไม่ฮา ก็แสดงว่าผมแปลภาษาปะกิตผิดครับ อย่าคิดมาก จากคุณ : สื่อศิลป (สื่อศิลป) - [ 8 ก.ย. 49 09:53:53 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ถูกต้องค่ะ คุณสื่อความหมายเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ภาษาประกิตของคุณยังดีอยู่เต็มร้อย.. แต่มันเป็นมุขของเขาน่ะ..เพราะเป็นคนช่างฮาอยู่แล้วไง จากคุณ : WIWANDA - [ 8 ก.ย. 49 11:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แวะมาลงชื่อไว้ก่อน ประเดี๋ยวมาอ่านต่อครับ ป้าจ๋า ช่วงนี้ชีวิตสะบักสะบอมมากๆ เลยว่างเว้นอ่านกระทู้ไวน์ไปยาวนานเลย รู้สึกกับตัวเองนะว่าเวลาอ่านกระทู้ป้ากับพี่ๆ ต้องอารมณ์ดี ช่วงที่ผ่านมาเลยไม่ได้แวะมาอ่าน เพราะมันเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ แต่คิดถึงทุกคนครับ นี่กลับมาเพราะต้องบังคับตัวเองให้อารมณ์ดีให้ได้ละ ไม่งั้นจะแย่กว่านี้... :) จากคุณ : Ace striker - [ 8 ก.ย. 49 11:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 93 มาตอกบัตรตอนก่อนบ่ายครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 8 ก.ย. 49 12:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 94 แวะมาทักทายวันศุกร์ครับ ยังตามอ่านอย่างสม่ำเสมอ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 8 ก.ย. 49 16:03:29 A:80.171.7.134 X: ]

ความคิดเห็นที่ 95 สนุกดีครับ จากคุณ : jear - [ 8 ก.ย. 49 16:49:20 A:124.120.162.84 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ...เพิ่งกลับมาจากข้างนอก เหนื่อยฉิบ ...มีเรื่องเล่ามันๆ เกี่ยวเนื่องกับการจัดเก็บภาษีของสรรพสามิตจะมาเล่าให้ฟังต่อ ...เป็นเรื่องเล่า เศร้า เคล้าน้ำตา จากที่ประชุม ครม. ประเทศสารขันฑ์นี่แหละ ...โคตะระมันเลย ...แต่ขอไปนอนพักก่อน จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 8 ก.ย. 49 17:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ...ในค่ำคืนของสิ้นเดือนมีนาคม...เมื่อเก้าปีก่อน ...ที่ร้านอาหารในไร่ของ Cordeillan Bages ที่ Pauillac ...Jean-Michel Cazes แห่ง Lynch-Bages ปรารภกับผมว่า "พ่อผม...พูดกับผมว่า ....ถ้าจะทำไวน์ให้ดี ต้องเลือกที่จะดีได้อย่าง Latour" ...คุณ Nick คงจะเข้าใจได้ดีแล้วในวินาทีนี้ว่า ...ทำไม Lynch-Bages จึงเป็น...ไวน์ชั้นห้าที่มิเคยเกรงกลัวผู้ใด "ช่วงที่ผมหนีไปปารีส ไปเล่นรักบี้" ...บ้าจริง ! เป็นฝรั่งเศสภาษาอะไร "ผมเล่นกลางหิมะ...อย่างบ้าคลั่ง" ...ก็บ้าพระศิวะ "จนนิ้วผมชาเพราะหิมะกัดอย่างรุนแรง ...หมอสั่งตัดนิ้วผม" จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 8 ก.ย. 49 20:13:27 ]

ความคิดเห็นที่ 98 สวัสดีครับทุกๆคน จากคุณ : Master_Indy - [ 8 ก.ย. 49 20:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 99 จากคุณ : แดนไตร - [ 8 ก.ย. 49 22:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ...เรื่องเล่า เศร้า เคล้าน้ำตา จากที่ประชุม ครม. ประเทศสารขันฑ์ "ลูกผมมันมาฟ้องว่า...บุหรี่ข้างนอกมันขายถูกก่าของหนูอยู่สองบาท" "บุหรี่อะไรหรือคับท่าน" รมต. ใน ครม. รับคำถาม "ก้อบุหรี่นอก...หนีภาษีกับบุหรี่ดิวตี้ฟรีที่ผมให้ลูกเป็น 'นอมีนี' น่ะสิ" ...พ่อมันพูดถึงลูกทีไร มันทำหน้างอนได้ใกล้เคียงกัน ...ว่าแล้น พะนะหัวเจ้าท่านก็สั่งเช็คบิลไปยังเบื้องล่าง "The ship lost...แล้ว" ...สรรพาสาระขันฑ์คงเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรไว้บ้าง "บุหรี่มันอยู่ในบานนนนนนชีเดียวกับของมึนมาววววว" "ถ้าจะอาวสองบาทไปถวายลูก...พ่อมันคงมีฟามสุก" "แต่ยางงงงายยยยก็ต้องเล่นเรื่องเหล้าด้วยยยยยย ...ม่ายงั้นเดี๋วโดนสวน" จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 8 ก.ย. 49 22:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ภาพฟ้อง "บุหรี่มันอยู่ในบานนนนนนชีเดียวกับของมึนมาววววว" หน้า low season เพื่อนผมก็จะสูบบุหรี่ อย่างที่เห็นครับ แต่พอหน้า High หนอย พวกเล่นสูบซิการ์ เกือบทุกวัน.. ไวน์ในรูปเป็นหนึ่งใน ไวน์สามัญประจำบ้าน ของผมครับ.. จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 9 ก.ย. 49 02:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ขอตัวไปทำเปิ่นที่ อเดเลด 3-4 วันครับ กลับมาคงมีเรื่องบ๊องๆ ให้ฟังกันครับ... จากคุณ : พ่อหมี Polar Bear - [ 9 ก.ย. 49 02:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ...ครั้นเมื่อได้รับบัญชาให้หาข้อเท็จจริง ...ถึงความแตกต่าง...สองบาท...นั่น ...เหล่าเสนาก็จัดการไล่บี้...จนเจ้ากรมร้อนพระวรกายยิ่งนัก "แล้วไปดูด้วยว่า ทำไม "อิมปอตเตอ"...ถึง .."ดีแค"..."มูตอง"...มาแค่ขวดละสิบสี่บาท" ...ผู้พ่อยกบานชีแจ้งต้นทุนขึ้นเหนือหัว ...โดยผู้ลูกพยักเพยิดอยู่ข้างหลัง..ในที่นั่ง คอรอมอ ...รายการเช็คบิลบริษัทนำเข้ายาเส้นและสุราเมรยะ จึงตามมา ...แต่ไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ ...เมื่อหมวดสุรากลับได้รับยกเว้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ...เพราะทุกผู้ทุกนามในกรมสรรพาสารขันฑ์ ...ไล่นับจากอธิบอดีจนถึงแมสเซนเจอรร์บอย ...ต่างได้รับอุปถัมภ์อย่างอิ่มเอมมาโดยตลอด จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 08:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 104 "นี่หนู...." เจ้ากรมบัญชาสู่เบื้องล่าง "...ไอ้ที่เราเตี๊ยมกับเหล่า 'อิมพอตเตอ' ให้ 'ดีแค' ต้นทุนต่ำ ...แล้วที่เอากำไรมาเสียบใส่ใต้โต๊ะน่ะ ...ให้หยุดเลย" "อ้าว...แล้วจะทำงายดีล่ะคะ...ป๋า เราก็ขาดรายได้แย่สิคะ" "ก็ 'อิมพอตเตอ' มันทำผิดของมันเอง..'ชัดๆ' ...ดันใส่เกือก 'ดีแค' มาได้ยังไง....สิบสี่บาท" "หยั่งงี้ก็....เอ่อ...ตัวใครตัวมันดิ"...เจ้ากรมส่ายหน้าก่อนพูดต่อ "แล้วที่สำคัญ ...พณ หัวเจ้าท่านพ่อกำชับว่า ...เงินในท้องพระคลังมันบ๋อแบ๋หมด กรูไม่มีเงินใช้แล้ว" "ไปเอาคัมภีร์.............มาดูสิ" ว่าแล้วก็ใช้ไม้สุดท้าย "คัมภีร์...........หรือคะ ป๋า ?" "เออ...มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ ................" <ลบข้อความบางส่วนที่ทุกท่านได้อ่านไปแล้ว> จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 09:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ...เท้าความย้อนหลังเล็กน้อย ...ก่อนหน้านี้... คัมภีร์ไวน์ จัดทำแล้วเสร็จมาเป็นปี แต่มิได้รับการปฏิบัติ ...แต่ภายใต้เงื่อนไขทางการเมืองในวินาทีนี้ ที่ พณ หัวเจ้าท่านจำต้องหาเงินเข้าคลังให้มากที่สุด ...เพื่อนำไปใช้ในนโยบาย "ประชานิยม" ที่กำลังจะพาประเทศล่มจม ...ที่สำคัญ...เพื่อให้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งใหม่ ...คัมภีร์มรณะจึงถูกงัดขึ้นมาปฏิบัติอย่างเฉียบพลัน <ลบข้อความบางส่วนที่ทุกท่านได้อ่านไปแล้ว> จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 11:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 106 พี่หวานคะ มีข่าวของเล่นเกี่ยวกับไวน์มาให้ดูค่ะ http://seattletimes.nwsource.com/html/businesstechnology/2003242461_btwinebot04.html?syndication=rss A robot with taste: Japanese engineers unveil mechanical sommelier. ....Mie University engineering professor Atsushi Hashimoto, the project's other co-leader, acknowledged there is much room for improvement. But he said the robot could be used in the near future at wineries to test the taste of each bottle without actually unscrewing any corks. "It's still like a child," he said. "But not a completely ignorant one." Industry experts note the shortcomings but agree on the robot's possibilities. "I see the potential to analyze expensive and old wine to say whether it is authentic or not," said Philippe Bramaz of the Italian winemaker Calzaluga. "Auction houses such as Sotheby's and Christie's could use this technology to test wine without opening it." จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 9 ก.ย. 49 12:17:52 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อ่านข้อความที่คุณวิโรจเล่าเรื่องกำลังภายในในรั้วของ สรรพากรแล้ว..กลุ้มใจจริงๆ เรื่องราคาไวน์ จะไปตั้งมั่วๆไม่ได้ เพราะจะเป็นผลเสียแก่ผู้บริโภค ได้ของไม่ดีในราคาที่แพงเกินควร คนที่มีอำนาจกำหนดจะต้องรู้เยอะ..ต้องรู้ถึงขั้นตอนการผลิตและกลไกตลาด เขียนอีกซิคะ รอออ่านต่ออยู่ คุณพ่อหมี..เดินทางโดยปลอดภัยนะคะ น้องนก.. ไอ้เครื่องนี้น่ะ มันเป็นเรื่องตลกที่ขำไม่ออก.. เพราะมันได้บอกอะไรเราอย่างหนึ่ง..ว่า...คนในปัจจุบันนั้น ไม่สนใจในเรื่องของการอ่าน การค้นคว้าหาความรู้อีกต่อไป เอาง่ายเข้าว่า.. เครื่องนี้บอกอัตราของเคมี และวัดแอซิดในไวน์ ถ้าไวน์เสียก็คงจะบอกได้ ดังที่เขาบอกว่า.. "Auction houses such as Sotheby's and Christie's could use this technology to test wine without opening it." อันนี้น่าขำ..Sotheby's และ Christie's เป็นเพียงตัวกลาง หรือตัวแทนของกลุ่มค้าไวน์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไวน์แต่ละขวดที่จะมาถึงเขานั้น ผ่านการคัดเลือกยิ่งกว่านางงาม มีเอกสารการครอบครองมาตั้งแต่ออกจากไร่..เขาไม่ต้อง "test" ไวน์ในขวด เพราะทุกขวดที่ออกมาประมูลนั้น ผ่านการรับประกันคุณภาพ... ถ้าเขาจะเปิดเพื่อที่จะ test หรือ taste นั้นจะเป็นด้วยเหตุผลอื่นๆ มิใช่เพื่อที่จะดูว่าไวน์เสียหรือไม่หรอกค่ะ และไอ้หุ่นยนตร์ที่ว่านี้ ราคาเป็นหลายหมื่นนะคะ ไม่ใช่ถูกๆ คอไวน์ระดับไหนจะมีปัญญาหาซื้อมาได้ เศรษฐีนักไวน์จริงๆแล้ว..กว่าจะผ่านเส้นทางสายไวน์มาได้ ก็เรียนผิดเรียนถูกมาเยอะ หมดเงินไปหลาย.. เขารู้ซึ้งแก่ใจดี ว่า เสน่ห์ของไวน์นั้นมันล้ำลึกและมีปริศนาให้ขบคิดได้กว้างไกลจนน่าลุ่มหลง เขาคงไม่เอาเครื่องอะไรมาทดแทนหรอกค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ย. 49 15:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 108 คุณ Ace striker เอ๋ย..มันจะเซ็งอะไรหนักหนา ยังหนุ่มๆแน่นๆแท้.. คุณ Master_Indy ดมไปถึงไหนแล้ว..ดมไปเรื่อยๆนะคะ ชนิดว่าหลับตาได้กลิ่นลอยมาเตะจมูกเลยเชียว คุณ Phantom of the Cellar ได้ชื่อใหม่ เข้าท่าพิลึก ผีใต้ถุน..อิอิอิอิ คุณ LaGrandeRue คะ ก็สมควรที่จะต้องชอบรีสลิ่งของ เยอรมันอยู่หรอกนะคะ เพราะของเขาถือว่าดีที่สุดในโลกเชียว คุณ jear อ่านเรื่องไวน์แล้วว่า..สนุก..ก็นับว่าเข้าขั้นแล้วค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 9 ก.ย. 49 16:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ยังดมอยู่ครับ ตอนดมกลิ่นของจริงๆไม่มีปัญหา พอมาถึงดมไวน์จริงๆแค่นั้นแหละ งงตึ๊บ อย่างที่ป้าวิบอกแหละครับ ต้องใจรักจริงๆ ไม่งั้น ยากมากที่จะเรียนรู้ ตอนนี้เริ่มสับสนระหว่าง บ๊วย-พลัม-วานิลลา แบล๊คเคอร์แรนท์-เบอร์รี่ หยิบไวน์ชิลีรากหญ้ามาขวดนึง cab/sau ค้นหาคาร์แร๊คเตอร์แบบ creme de cassis ........อ้าวทำไมไม่เจอ ได้กลิ่นหอมหวานๆแบบบ๊วย.....อือม์ไม่น่าใช่ กลับไปดมกิ่งวานิลลา อือม์..... น่าใช่วานิลลา กลับไป ดม ดื่มอีกที เอ๊ะ.....บ๊วยหายไปไหนแล้วกลายเป็นอย่างอื่นบอกไม่ถูก งงงง.................ป้าวิบอกว่าไวน์กะหลั่วไม่ได้หมักจากโอ๊ค กลิ่นวานิลลาไม่มีใช่มั้ยครับ อย่างงี้เข้าขั้นสอบไม่ผ่านแน่เลยครับ งงแต่ไม่ท้อ ขวดต่อไปเจอกัน จากคุณ : Master_Indy - [ 9 ก.ย. 49 16:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สวัสดียามสายครับทุกๆคน เรื่อง inside ที่คุณวิโรจน์นำมาเล่านี่ สุดยอดจริงๆครับ กำลังติดตามอ่านต่ออยู่ ว่าจะเป็นยังไงต่อครับ พี่วิครับ รีสลิ่งเยอรมันนี่ถือว่าดีที่สุดในโลก แต่ก็ไม่แพ้กับความซับซ้อนเป็นที่หนึ่งของระบบที่นี่เลยครับ นี่ก็พึ่งจะทำการ classification ใหม่อีก เริ่มใช้เมื่อ September 2006 สดๆครับ มีการนำ Erste Lage เข้ามาเพื่อประกันคุณภาพ แถมในแต่ละแคว้น ยังใช้ไม่เหมือนกันอีกครับ หลายๆคนที่นี่ก็บ่นๆ ว่ามันยุ่งยากละเกิน จะขายใครเขาได้ เหมือนกับระบบเก็บภาษีของเยอรมันครับ ตลกดี เคยมีคำพูดบอกว่า "เนี่ย ถ้าเป็นภาษีของอเมริกานะ ให้เด็กๆทำยังได้เลย แต่ถ้าคุณต้องจ่ายภาษีที่เยอรมัน ต่อให้คุณเป็นโปรเฟสเซอร์ คุณยังจะไม่รู้เรื่องเอาได้" ส่วนหนังเรื่อง Mondovino นี่ก็เพลินดีนะครับ เป็นตลกร้ายของโลกแห่งไวน์ทีเดียว จากคุณ : LaGrandeRue - [ 9 ก.ย. 49 16:53:40 A:213.39.214.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 111 ...เบื้องหน้าหลังของคัมภีร์มรณะนั้น ...ถือกำเนิด.............................................................. ............................................................................. ...เนื้อในคัมภีร์มรณะจึงถูกเขียนภายใต้การรขุดค้นจากตำราทั้งสิ้น ...ไม่ว่าจะจากชื่อเสียง ชั้น หมู่บ้าน เขต แคว้น ประเทศ เท่าที่พอจะทำเป็น ...แต่เบื้องลึกของเหตุทั้งหมดทั้งมวล...ก็ด้วยเหตุผลว่า ...นี่จะเป็นผลงาน ..................................................... ............................................................................ ...พระเจ้ากล้วย...ช่วยทอด ...สิ่งที่ได้รับจากที่................. ...มิอาจสู้หน้าคนในยุทธิ์จักรได้อีกต่อไป ...และมิอาจร่วมสังฆกรรมกับผู้ใดในรโหฐาน <ลบข้อความบางส่วนที่ทุกท่านได้อ่านไปแล้ว> จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 18:18:09 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ....เพิ่งรู้ว่า...ความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าของเหล่าชาวยุทธ ....มาจาก...คัมภีร์มรณะนี่เอง ....ไม่น่าเล้ย....คนในบู๊ลิ้มด้วยกันแท้ๆ ....แล้วเขาจะรีดนาทาเร้นจากชาวยุทธอย่างเราได้สักกี่อีแปะกันเชียว... ....เอาเนื้อมดไปปะเนื้อช้างจริงๆ ....เวรก๋รรม...เวรกรรม...อมิตพุทธ.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 9 ก.ย. 49 18:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ....มิน่าเล่า...จึงไม่ค่อยเห็นไปปรากฏกายที่ไหน ....นึกว่ากำลังบำเพ็ญตบะ...จะยกชั้นขึ้นเป็นเซียน ....เวรกรรม...เวรกรรม...ตามทันเร็วจริง ....ท่าน ว.ณ.วิโรจ ครับ....ตอนนี้ไม่เชียร์ให้เอาอีก (เหมือนก่อนแก้ไข) แล้ว... ....อรรถรสขาดหาย...รสชาติไวน์ก็แบนๆ.... จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 9 ก.ย. 49 18:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ...มิพักว่า ...การ 'ดีแค' ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างน่าเกลียดนั้น ...จักนับเป็นความผิดอันประจักษ์ของเหล่าผู้ค้า ...แต่การละเลยในอดีต ให้มี 'สิ่งแปลกปลอมปรากฏใต้โต๊ะ' เจ้าหน้าที่สรรพาสารขันฑ์ ...จึ่งต้องนับเป็นสากรรจ์โทษด้วยเช่นกัน แต่วันนี้...ตัวใครตัวมัน... เหล่าผู้ค้า...กลับรับโทษานุโทษไปแต่เพียงผู้เดียว จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 18:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 115 อ่อ...มิใช่สิ ...สุดท้าย...เป็นเหล่าประชาหน้าใสอย่างเราๆ นี่ต่างหาก จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 18:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 116 "นี่ก็พึ่งจะทำการ classification ใหม่อีก เริ่มใช้เมื่อ September 2006" ...คุณ LaGrandeRue ต้องช่วยบรรยายขยายความหน่อยนะครับ ...ผมอยากฟังมาก ...ข้อมูลแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้ครับ ..............Please จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 19:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 117 พี่หวานหายไปไหนแล้วเอ่ย?? นกดื่มไวน์ทุกเย็น (ส่วนมากตอนทำกับข้าวเลยไปจนตอนกินข้าว) (ทั้งหมด ประมาณ 8-16 Onz.) เพราะมันมีเหลืออยู่หลายขวด (ไวน์กระจอกที่แปะรูปเรียงให้ดู ไวน์ที่เขาไม่แหลกกันน่ะค่ะ แต่นกไม่อยากเททิ้ง) ดื่มแล้วก็เมานะคะ ......>>>>จะเป็น Alcoholic ได้รึเปล่าคะ? <<<<..... บุหรี่ จะเลิกแล้วค่ะ พอดีเพื่อนซื้อ Camel มาให้ 2 คาร์ตั้น หมดนี่แล้วจะเลิกนะคะ จากคุณ : สัญญา..สัญญา..สัญญา (Tweety สี่ตา) - [ 9 ก.ย. 49 19:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณนกครับ เพื่อนซื้อ Camel มาให้ 2 คาร์ตั้น คุณนกก็เอาไปบริจาคให้กับเพื่อนคนอื่นซิครับ ผมเลิกสูบมา3 ปีกว่าแล้วครับ ตั้งแต่เริ่มหันมาดื่มไวน์จริงจัง บุหรี่เป็นของแสลงของคนดื่มไวน์อย่างมากครับ ที่สำคัญที่สุดคือ ได้สุขภาพที่ดีกว่าเก่ากลับคืนมาครับ ทั้งในช่องปาก โพรงจมูก และในลำคอครับ ตอนนี้ก็ยังหลงเหลืออาการกระแอมบ้างเป็นบางครั้ง ก็สูบมาตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น รวมระยะเวลาก็ 20 กว่าปีครับ ก็เลยต้องมีอาการระคายเคืองหลงเหลืออยู่บ้างครับ ขอป็นกำลังใจให้กับการจะเลิกสูบบุหรี่ของคุณนกครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 9 ก.ย. 49 20:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 119 "...คุณนกก็เอาไปบริจาคให้กับเพื่อนคนอื่นซิครับ" คุณวาริชเวสม์ ครับ ...ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ...ถ้าไม่จัดการเองทั้งหมด ...ก็ต้องเอาไปทิ้งสถานเดียว ...ต้องไม่โยนภาระให้ใคร จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 20:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ...กำของข้าน้อยจิงๆเพิ่งเริ่มออกท่องยุทธจักรแท้... ...แล้วอนาคตจะหาเหล้าองุ่นดีๆทานในยุทธภพนี้ได้อย่างไร... จากคุณ : พรรคกะยาจก (Nic Nenin) - [ 9 ก.ย. 49 22:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 121 สวัสดีอีกทีครับ คุณวิโรจ โชคดีวันนี้ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเผอิญเห็นคำถามมาก็จะลองพยายามขยายความให้ครับ เรื่อง Classification ของเยอรมันในปี 2006 เนี่ยมันเป็นอย่างงี้ครับคุณวิโรจ อาจจะยาวและน่าเบื่อนิดนึงนะครับ พยายามทนอ่านจนจบละกันครับ คือสมัยก่อนมันมีปัญหาครับ ว่่าหลายๆครั้งที่เราอยากดื่มไวน์แบบแห้งของเยอรมัน แต่เราไม่สามารถรู้สไตล์ได้ง่ายๆเลยจากการอ่านเลเบิลครับ ยิ่งตอนนี้คนนิยมดื่มกันด้วย อีกทั้งมาตรฐานอะไรต่างๆที่เขียนไว้ก็หยุมหยิมละเกิน จนผู้คนเรียกร้องให้มีการจัดอันดับใหม่ ให้มันง่ายขึ้นครับ มาตรฐานใหม่ตัวนี้จะเรียกว่าเป็นโมเดล Erste Lage ครับ โดยเริ่มมีตั้งแต่ปี 2002 แต่ว่าพึ่งจะบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือน ก.ย.นี้เองครับ ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อจะนำมาจัดการกับไวน์ขาวแบบแห้งนี่แหละ โดยคำนี้แปลเป็นอังกฤษตรงตัวได้ว่า First Growth ครับ (แต่แหม มันก็ไม่ได้มีแค่ห้าเสือเหมือนอย่างใน left bank น่ะสิ ดันมีเป็นร้อยเลยครับ) แต่จริงๆแล้ว เขาเทียบคำศัพท์นี้เข้ากับ Grand cru น่ะครับ องค์กรที่ทำเรื่องนี้ คือ VDP (Verband Deutscher Praedikatsweingueter) ครับ โดยการจัดอันดับผู้ผลิตนั้นจะทำแบบโมเดลของบอร์โดซ์ และจัดอันดับไวน์ยาร์ดแบบเบอร์กันดีครับ ฟังดูเท่ดีมั้ยล่ะครับ แต่พูดง่ายๆ ก็คือสมมติว่า ผู้ผลิตหนึ่งมีที่ดินตรงไวน์ยาร์ดที่ได้ erste lage แต่ตัวผู้ผลิตคนนั้นไม่ได้ถูกจัดอันดับอยู่ใน erste lage ไวน์ของผู้ผลิตคนนี้ย่อมไม่สามารถติดป้ายนี้ได้ครับ ละก็มีอีกสองคลาสที่รองลงไปครับ ก็คือ classified (Klassifizierte Lagenweine) ซึ่งน่าจะเทียบได้กับพวก AOC และลงไประดับล่างสุดคือ house wine (Basis Weine) นั่นเองครับ รายละเอียดหยุมหยิมไปลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.vdp.de ครับ โดยผู้ผลิตจะต้องปฎิบัติตามเกณฑ์หลายๆอย่างที่กำหนดไว้ถึงจะสามารถ เลเบิลไวน์ตัวเองว่าอยู่คลาสไหนได้ครับ เช่น yield ต้องไม่เกินเท่านี้ หรือชนิดขององุ่นที่ใช้ได้ เป็นต้น (ยังมีต่อนะครับ) จากคุณ : LaGrandeRue - [ 9 ก.ย. 49 22:14:01 A:213.39.214.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 122 สวัสดีครับ พี่วิโรจ (แดน3) ..... ขังเดี่ยว ห้ามส่งโอเลี้ยงและข้าวผัด ด้วยนะ พี่วิโรจ..เล่นแฉ หมดเลยทั้งคนที่เก็บ ตามคัมภีร์มรณะของพระอาจารย์ "ดวงใจ" และคนจ่ายที่ดีแคต่ำ แล้วจ่าย under table ในราคาที่ไม่ใช่ Vins de Table กระผมเห็นว่าถ้าพี่วิโรจ..แฉลึกและละเอียดกว่านี้ กระผมเกรงว่าพี่วิโรจ..อาจจะต้องเริ่มเข้าใกล้ " ทำกับข้าวหรือทำอาหาร "เข้าไปทุกทีแล้วครับ โอ๊ย กระทู้ต้องตีความแล้วแปลความหมายกันเวียนหัวเลย จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 9 ก.ย. 49 22:33:53 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ซึ่งคำศัพท์หลักๆ สำหรับชั้นกรองครู (จะมีโลโก้ Erste Lage ติดไว้) นี่จะมีอยู่สองอันด้วยกันครับ คือ Grosses Gewaechs (ทั่วไป) และคำว่า Erste Lage (เฉพาะกับไวน์จากแคว้น Mosel-Saar-Ruwer) ครับ โดยคำแรก จะจัดเป็นไวน์ dry อย่างเดียวครับ ไวน์หวานๆไม่เกี่ยว เค้าว่าที่ทำอย่างงี้ก็เพื่อให้ง่ายต่อผู้บริโภคในการซื้อครับ ว่าถ้าเจอเลเบิลนี้ คือไวน์ dry ชั้นดีนั่นเอง ส่วนไวน์หวานต่างๆนั้น จะใช้มาตรฐานแบบปรกติคือ Praedikat ในการจำแนกครับ ทีนี้ ที่ตลกก็คือเรื่องของข้อยกเว้นครับ ซึ่งคือไวน์จากแคว้น Rheingau จะแทน Grosses Gewaechs ว่า Erstes Gewaechs ดื้อๆเลยครับ ส่วนที่ไม่แห้งก็จะเรียกเป็นไวน์หวานตาม Praedikat ดั้งเดิมไป (Auslesen, Beerenauslesen, Trockenbeerenauslesen, Eisweine) เพราะทาง vdp เค้าเห็นว่าไวน์หวานของเยอรมันดังอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนครับ ข้อยกเว้นสำคัญอีกอัน คือไวน์จากแคว้น Mosel Saar Ruwer ที่เขาจะเรียกเหมารวมไวน์ที่มีคุณภาพไปเลยครับว่า Erste Lage โดยตัวนี้ จะนำไปใช้กับแทร์วาร์ที่ถูกจัดอันดับแล้ว และไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น dry wine โดยถ้าเป็นไวน์จากโซนนี้ เราจะสามารถเห็น Erste Lage kabinett ได้อยู่ หรือ Erste Lage Auslese ก็ย่อมได้ครับ ถ้าคนที่คุ้นเคยกับไวน์เยอรมันคิดว่าจะเคยเห็นคำศัพท์พวกนี้ผ่านตามาบ้างแล้วนะครับ เพียงแต่ว่ามันจะนำมาใช้เป็นทางการจริงๆเมื่อ 1 September 2006 นี่เอง(ส่วนของไวน์แดงจะบังคับใช้ปีหน้าครับ) แต่ท้ายที่สุดก็เหมือนบอร์โดซ์ครับ ผู้ผลิตดังๆบางแห่ง ก็ไม่เข้าร่วมการจัดอันดับนี้ด้วยเหตุผลต่างๆกัน เช่น Breuer เป็นต้น (ความเห็นส่วนตัวขอยกไว้ในกรอบถัดไปนะครับ) จากคุณ : LaGrandeRue - [ 9 ก.ย. 49 22:33:53 A:213.39.214.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 123 สวัสดีครับคุณ LaGrandeRue ขอโทษด้วยครับไม่ได้ตั้งใจจะแทรกกลางครับ โพสต์พร้อมกันพอดีเลย เพิ่งได้ความรู้จากคุณLaGrandeRue สดๆเลยครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 9 ก.ย. 49 22:43:55 ]

ความคิดเห็นที่ 124 พี่วิกับผม...และทุกๆ คนกำลังรอฟังอยู่ครับ....คุณ LaGrandeRue ...นี่เล่นเอาหายง่วงเลย จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 9 ก.ย. 49 23:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 125 คิดว่ายังไงกันครับ กับระบบใหม่นี้ ผมรู้สึกว่า มันพยายามทำให้ง่ายขึ้น แต่ก็ยังซับซ้อนอยู่ดีครับ ผมพยายามจะทำความเข้าใจข้อยกเว้นสำหรับแต่ละโซน แต่ก็ไม่รู้สิครับ ลอจิกของคนเยอรมันบางทีก็เข้าถึงลำบาก แต่ที่แน่ๆ โซนไหนหรือผู้ผลิตไหน ที่ไม่ติดและไม่ดังพอนี่ เหนื่อยแน่ๆครับ ต่อจากนี้ไป ปัญหาอีกอย่างครับ คือการจัดอันดับเที่ยวนี้ทำให้ไวน์นั้น "แพงขึ้น" ครับ อย่าง Doennhoff ที่ติด Grosses Gewachs วินเทจ 2005 ราคาจากไวน์ยาร์ดระดับปานกลางของเขาพุ่งไปถึงเกือบ 30 EUR ถ้าจองล่วงหน้า ทั้งๆที่ถ้าเป็น Riesling dry แบบปรกติ ราคาจะขายเพียงสิบยูโรเท่านั้น ส่วนคุณภาพนี่ก็ไม่รู้ว่าจะดีกว่ามากแค่ไหนครับ ไม่เคยลองเหมือนกันครับ เพราะปรกติงบหมดไปกับไวน์แดงครับ และรีสลิ่งที่เยอรมันส่วนใหญ่แค่ระดับสิบยูโรก้อเยี่ยมยอดแล้ว ก็จบเท่านี้ละกันครับ พยายามทำให้สั้นที่สุดแล้วโดยสมมติว่าแต่ละท่านพอจะรู้เรื่องไวน์ของเยอรมันและวิธีจัดอันดับแบบเก่ามาแล้ว ข้อมูลบางส่วน อาจจะมีผิดพลาดได้นะครับ เพราะมันหยุมหยิมไปหมด แถมภาษาเยอรมันผมก็ยังไม่ถึงขั้นจะดีมากด้วยสิครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 9 ก.ย. 49 23:16:21 A:213.39.214.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 126 เพื่อไม่ให้ซีเรียสกับประเทศสารขันธ์นี้มาก ก็เลยเอารูป Cheval Blanc 61 ใน Sideways มาให้ชมกันครับ ขอบอกว่าขวดข้างบนนี้ใช้ถ่ายหนังนะครับ ไม่ใช่ของแท้ ศัพท์ในกองถ่ายเรียกว่า Mockup ครับ ในปี 1961 สีเขียวของขวดยังไม่เข้มเท่านี้ครับ ยังเขียวใสๆอยู่เลย ส่วน font ในฉลากคือรูปข้างล่างนี้ครับ ปล.อย่าลืมกดดูภาพขยายใหญ่เปรียบเทียบด้วยนะครับ จากคุณ : วาริชเวสม์ - [ 9 ก.ย. 49 23:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ไม่เป็นไรครับคุณวาริชเวสม์ ว่าแต่ผมทายไม่ออกจริงๆเลยครับ ว่าพระอาจารย์ "ดวงใจ" นี่เป็นใคร ความรู้เรื่องสังคมไวน์ในเมืองไทยของผมจำกัดเอามากๆ นี่ยังดีที่ค้นพบกระทู้นี้ขึ้นมา ไม่งั้นก็คงไม่ทราบอะไรเหมือนเดิมครับ บังเอิญดีครับคุณวิโรจ ผมยกตัวอย่างราคาของ Doenhoff ตามหลังรูปถ่ายเลย จริงๆตอนนี้ก็ยังคิดอยู่ ว่าจะกัดฟันสั่งซื้อ Grosses Gewaechs ของเขามาลองดีไหม รู้สึกว่ามันแพงกว่าปรกติพอควรทีเดียวครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 9 ก.ย. 49 23:34:03 A:213.39.214.83 X: ]

ความคิดเห็นที่ 128 "..........กระผมเกรงว่าพี่วิโรจ..อาจจะต้องเริ่มเข้าใกล้ "ทำกับข้าวหรือทำอาหาร"เข้าไปทุกทีแล้วครับ" .....กัวแล้ว........ ......แต่ไม่เข็ด........ กฏหมายเขาไม่ลงโทษผู้วิกลจริต แบร๋ๆๆๆๆ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 10 ก.ย. 49 00:29:13 ]

ความคิดเห็นที่ 129 คุณ LaGrandeRue เจ้าขา ขอบคุณมากค่ะ เพราะไวน์เยอรมันนั้น ยากยิ่งกว่าศาสตร์ไหนๆ.. แต่ถ้าจะกรุณา ขอภาษาไทยกำกับให้น้องๆที่ตามอ่านสามารถอ่านได้ง่ายๆหน่อยนะคะ อย่าง.. Auslesen (เอาซเลเซน), Beerenauslesen (เบียเรนเน๊าสเลเซน), Trockenbeerenauslesen (โตรเคนเบียเรนเน๊าสเลเซน), Eisweine (ไอซ์ไวน์) แค่นี้ก็หืดขึ้นคอ..มาเจอ..Verband Deutscher Praedikatsweingueter เข้าไป.. พาลไม่กงไม่กินมันเลยเชียว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 09:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คุณวิโรจขา ขอบคุณค่ะ ข่าวเร็วทันใจดีจัง จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 09:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ลงชื่อ บ่ายๆครับ การบ้านเป็นกองเลย เฮ้อ จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 ก.ย. 49 11:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 132 เงียบจัง จากคุณ : Natt_ac121 - [ 10 ก.ย. 49 11:23:21 ]

ความคิดเห็นที่ 133 มาแว้วววว...แหม..วันหยุดก็ไม่พักผ่อนกันมั่งหรือไงยะ .......................... เล่าต่อก็ได้.. เมื่องุ่นในปี 1982 มันเกิดดีขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อนั้น.. มันน่าจะต้องเกิดขึ้นอีก..มิเชลเชื่ออย่างนั้น เขามาทบทวนดูว่า..มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในไร่ไวน์ เซลล่าร์และโรงทำไวน์..ก็เหมือนเดิม ฉะนั้น..คำตอบมีสถานเดียว คือ องุ่น..ที่แปลกไป คำถามต่อมาสำหรับเขาก็คือ..แล้วจะทำอย่างไรให้เหมือนกันทุกปี.. คำตอบก็มีตามมาอีกนั่นแหละ คือ ชาวบอร์คโดซ์ ปลูกองุ่นให้มันดกจนเกินไป เก็บเร็วไป ดังนั้น มิเชลได้บอกกับตัวเองว่า..เขาจะไม่เป็นอย่างท่าน เอมีล อาจารย์ผู้ประสิทธิประสาทวิชาอย่างแน่นอน ที่วันๆเอาแต่นั่งอยู่ในห้องแลบ เขาจะออกไปป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ทั่วๆกันว่า.. "Great wine begins with great grapes." จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 134 มิเชลเชื่อในเรื่องของแทร์วาร์มากเช่นกัน แต่เขาก็เชื่ออีกว่า ในพื้นที่อื่นๆอาจจะเป็นแทร์วาร์ที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบก็เป็นได้ อย่างเมื่อ อีฟ วาเทโลต์ คิดอยากจะซื้อไร่ Ch. Reignac ในปี 1990 นั้น เขาได้มาปรึกษามิเชลว่า "ไอ้ไร่นี้พอจะไปไหวบ้างไหม..?" มิเชลได้ไปสำรวจให้ในฐานะเพื่อนรัก เขาพบว่า.. พื้นดินที่ว่านี้ ตั้งอยู่ในทำเลดี คือ อยู่บนที่ราบที่มีดินผสมด้วยกรวดละเอียด และร่วนซุย เขาถึงกับดีดมือเปาะ บอกว่า "อย่างนี้ใช้ได้เลย..ดินอย่างนี้สามารถอุ้มไอร้อนของแสงอาทิตย์ให้อยู่นาน จะช่วยบ่มให้องุ่นสุกเต็มที่ และความร่วนของดินจะทำให้น้ำระบายออกได้เป็นอย่างดี" อีฟ..ซื้อไร่ตามแผนที่คิดไว้ แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากจ้าง มิเชล ด้วยว่าเจียมเนื้อเจียมตัวในไร่กระจอกๆนี้ ที่มีศักดิ์ศรีแค่ bordeaux superieur มันไม่สมเกียรติของไวน์เมธี ผู้ยิ่งยงอย่าง มิเชล.. จนในปี 1995 ที่อีฟยอมกล้ำกลืน อุบอิบ กระมิดกระเมี้ยน มาถามมิเชลว่า.."ว่างพอที่จะมาช่วยทำงานในไร่เรยัคบ้างหรือไม่?" มิเชล..หัวเราะเอิ้กอ้าก...ตอบว่า.. "ได้เล๊ยเพื่อน...นี่รอให้ชวนมาตั้งห้าปีแล้วนะเนี่ย.." จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 12:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 135 คำว่า แทร์วาร์ นั้นช่างศักดิ์สิทธิ์ก็จริงอยู่ แต่มันหมายถึงว่า เจ้าของไร่ต้องพร้อมที่จะ"ลุย"งานอย่างจริงจังด้วย.. ไม่ใช่แต่จะหวังพึ่งแทร์วาร์เพียงอย่างเดียว ในช่วงของปี 1980s มานั่น มิเชลพยายามลุ้นให้คนหันมาใส่ใจในวิธีการทำไวน์สไตล์โรงรถกันให้มาก.. เขาได้ยอมลงทุนตระเวณไปให้วิชา green harvest กับชาวไร่อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดแก่เหนื่อย กรีน ฮาเวสต์ นี้ คือการ ตัดองุ่นส่วนเกินทิ้งไปตั้งแต่ออกช่อเล็กๆในช่วงของฤดูหนาว..เป็นการบังคับให้โลว์ ยีลด์ ตั้งแต่เริ่มแรก (ที่จำกัดไว้เลยว่า กิ่งหนึ่งจะต้องมีเพียงไม่กี่พวง) พอหน้าร้อนก็เริ่มทำการปลิดใบทิ้งให้มากที่สุด เพื่อที่แสงแดดจะได้เข้ามาถึงองุ่นแบบเต็มที่ ลมจะเป่าผ่านได้อย่างสะดวก จากนั้น..มิเชล ต้องการให้ทุกคนรอ..รอ..จนกว่าเขาจะส่งสัญญาณ..ให้เก็บยามที่องุ่นโตตึง อวบอิ่มไปด้วยน้ำตาล และการเก็บ..ต้องใช้แต่มือมนุษย์เท่านั้น.. ที่ว่ามานั้น..มันก็พอไหวอยู่หรอกสำหรับชาวกสิกรไวน์ แต่ที่ให้มารอนี่..ทุกคนเริ่มหนาวๆร้อนๆ เพราะมันเป็นการเสี่ยงแบบเป็นตายเท่ากัน นั่นคือ ในปีที่อากาศดีๆ..ในช่วงของฤดูใบไม้ร่วง..มหาสมุทร แอตแลนติคจะมีความกรุณาส่งลมแค่เย็นๆมาให้พอชื่นใจ แต่ถ้าเกิดว่า..ผิดโผขึ้นมา นั่นหมายถึงมันอาจมาพร้อมกับพายุลูกเห็บ หรือ ฝนก่อนฤดูกาล.. อย่างเช่นในปี 1999 ที่พื้นที่ของฝั่ง แซง-เตมิญอง ก่อนฤดูกาลเก็บองุ่นไม่กี่วัน..พายุลูกเห็บถล่มเข้ามาอย่างถาโถมเพียงไม่กี่นาที... แต่..ไร่องุ่นล่มไปหลายไร่อย่างต่อหน้าต่อตา.. อเลน เรโนด์ เล่าว่า กำลังขับรถอยู่ดีๆ..ลูกเห็บซัดเข้ามาอย่างหนาตา จนเขาต้องจอดรถข้างทาง หยุดรอ.. ไม่กี่อึดใจเอง..กลับไปที่ไร่ก็พบว่า..หายนะมาเยือนจริงๆ เช่นเดียวกับ ไร่ Angelus ที่ล่มสลายไปเกือบหมดในปีนั้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 12:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ทีนี้..ไอ้เรื่อง to pick or not to pick นี่มันคือเรื่องสำคัญที่สุดไปแล้ว ของการทำไวน์ในยุคปัจจุบัน.. อย่างในเดือนกันยายน ของปี 2001 ที่ทุกคนต่างใจสั่นผสมแป้ว..เพราะ กลัวๆกล้าๆว่าจะเก็บเมื่อไหร่ดี โอกาสช่วงนั้นมันมีสั้นนิดเดียว พลาดไม่ได้เลย.. ถ้ารอนานไป..องุ่นจะสุกเกินจนแห้งคากิ่ง ปีนั้น มิเชลออกไปตีกอล์ฟกับ Christian Dauriac เจ้าของไร่ Ch. Dauriac (หนึ่งใน กรอง ครู ของ แซง-เตมิญอง) ทั้งคู่ต่างคิดเหมือนกันว่า..องุ่นยังไม่สุกตอนนี้หรอกน่า อีกสักหกเจ็ดวันแน่ะ..รอไปก่อน.. แต่..อากาศเริ่มร้อนขึ้น ร้อนขึ้น.. จนสองคนนั่นเริ่มเป็นห่วง..เอ๊ะ.ยังไงกันวะเนี่ย..?? พอมาถึงหลุมหก โดเรียครีบโทรกลับไปที่ไร่ สั่งให้ผู้ช่วยออกไปชิมองุ่น และกลับมารายงานด่วน "สงสัยต้องเก็บในสามวันนี้แล้วครับ" ทางโน้นรายงานกลับมา.. พอถึงหลุมสิบสอง..อากาศก็ยังร้อนนิ่งอยู่..เขาโทรกลับไปอีก บอกให้ออกไปชิมอีกที..คราวนี้ให้ไปชิมองุ่นที่ปลูกในแถวอื่นที่อยู่ห่างกัน คำตอบกลับมาว่า "สงสัยจะต้องเก็บในสองวันแล้วครับ" พอเล่นจบ..ทั้งมิเชลและโดเรียค เก็บถุงกอล์ฟและพากันต่างแจ้นกลับไปที่ไร่แทบไม่ทัน เพราะพวกเขาไม่ไว้ใจใครแล้ว.. พอถึงไร่ มิเชลรีบปลิดองุ่นเข้าปากทันที..ผลคือ "พรุ่งนี้..เก็บได้เลย.." ทุกคนคงสงสัยว่า ทำไมเขาไม่ใช้เครื่องวัดน้ำตาลดังที่เคยนำภาพมาลงให้ดู คำตอบคือ..น้ำตาล และ แอซิด สามารถวัดได้อย่างแม่นยำและแน่นอนในห้องแลบและด้วยเครื่อง แต่..ไม่มีเครื่องมืออะไรที่จะมาเหนือไปกว่าความชำนาญ ของปากมนุษย์ที่จะบอกได้ถึงความสุดยอดแห่งความสมดุลย์ของแทนนินส์ น้ำตาล แอซิด ซึ่งชาวบอร์คโดซ์ได้ใช้กลยุทธ์ของ"การเคี้ยวองุ่น" นั้นมาแต่ไหนแต่ไร และไม่ต้องสงสัยเลยว่า..ในเรื่องเคี้ยวองุ่นที่ว่านี่.. ในศตวรรษนี้ไม่มีใครเก่งเกินไปกว่า มิเชล โฮลองด์ (หรือ โรแลนด์ ของชาวโลก) จากคุณ : WIWANDA - [ 10 ก.ย. 49 13:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 137 หวัดดีตอนบ่ายครึ้มๆ วันอาทิตย์คับ จากคุณ : Nic Nenin - [ 10 ก.ย. 49 13:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 138 เข้ามาดม จากคุณ : Master_Indy - [ 10 ก.ย. 49 14:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 139 กำลังสนุกเลยครับ จากคุณ : jear - [ 10 ก.ย. 49 16:56:11 A:124.120.168.9 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 140 วันนี้ไปกินติ่มซำมาเจอ ไวน์ Chateau Latour 1995 ติดราคาไว้ 19500 บาท แพงจัง ไวน์บ้านเรา จากคุณ : jear - [ 10 ก.ย. 49 17:11:52 A:124.120.173.182 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 141 มาสวัสดีตอนค่ำๆครับผม จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 10 ก.ย. 49 20:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 142 "ตั้งแต่เริ่มหันมาดื่มไวน์จริงจัง บุหรี่เป็นของแสลงของคนดื่ม ไวน์อย่างมากครับ" จะบอกว่าถูกต้องที่สุดเลยคร้าบบ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 10 ก.ย. 49 21:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ฟังพี่วิโรจเล่าแล้ว ทำให้รู้แจ้งถึงคำกล่าว ของม่านจื้อขึ้นมาทันที ท่านว่า "ผู้ไร้จิตแอบแฝงไม่ใช่คน ผู้ไร้จิตบาปช้า ไม่ใช่คน ผู้ไร้จิตโอนอ่อน ไม่ใช่คน" แต่ท่านปรมาจารย์ก็ยัง คงเป็นคนอยู่ดี การณ์ครั้งนี้หนักหนานัก เราต้องดูกันไปยาวๆ นะครับ ซือเฮีย และซือเจ๊ทั้งหลาย จากคุณ : ลำนำผีไต้ถุน (Phantom of the Cellar) - [ 10 ก.ย. 49 22:55:06 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอบคุณ คุณLaGrandeRue สำหรับข้อมูลอันยอดเยี่ยม ครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 10 ก.ย. 49 22:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 145 คุณ jear ครับ อยู่ในยุทธจักร ต้องทำใจครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 10 ก.ย. 49 23:36:36 ]

ความคิดเห็นที่ 146 จากคุณ : ปีบ เมืองกาญจน์ - [ 11 ก.ย. 49 00:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 147 สวัสดียามดึกครับทุกๆท่าน เป็นวันอาทิตย์ที่เหนื่อยพอตัวจริงๆ จริงๆ ด้วยสิครับพี่ิวิ ผมตอนพิมพ์ก็เพลินจนลืมไปว่าบางท่านที่อ่านอยู่ อาจจะไม่ทราบว่าวิธีอ่านแบบเยอรมันจะเป็นยังไง ก็ขอบคุณมากครับที่ช่วยชี้แจงแทนให้ครับ ผมลองเขียนจนจบแล้วนับถือพี่วิจริงๆครับ เพราะเขียนให้ข้อมูลถูกต้องว่ายากแล้ว ต้องย้อนกลับไปค้นรายละเอียดต่างๆเพื่อความแน่ใจ แต่เขียนให้อ่านแล้วสนุกน่าติดตามนี่ยิ่งยากกว่า ว่าแล้วก็แถมคำอ่านของตัว VDP นี้เลยละกันครับ Verband Deutscher Praedikatsweingueter (แฟร์บันด์ ด๊อยช์เช่อร์ เพรดิคาทส์ไวน์กือเท่อ) จากคุณ : LaGrandeRue - [ 11 ก.ย. 49 05:14:55 A:213.39.173.167 X: ]

ความคิดเห็นที่ 148 ใครอยู่แถวนี้..ก็เข้ามานะคะ เพราะนั่งเฝ้ากระทู้อยู่ กำลังไล่อ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ... จากคุณ : WIWANDA - [ 11 ก.ย. 49 08:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ...สวัสดีตอนเช้า...วันจันทร์ครับ พี่วิ.. ...เพิ่งตื่น หลังจากเมื่อคืนไปทำ Chateau Clinet Vertical มาครับ ...หนักนิดหน่อย จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 11 ก.ย. 49 09:15:12 ]

ความคิดเห็นที่ 150 สวัสดีคับพี่วิพี่วิโรจและท่านอื่นๆ เป็นเช้าที่เหงาๆซึมๆมาก อากาศขมุกขมัว เลยขออนุญาติส่งเทสโน้ตหล่ะกันคับ Paul Jaboulet Aine Hermitage La Chapelle 1980 (France, Rhone, Northern Rhone, Hermitage) สีคล้ายไวน์ Burgundy แดงออกส้ม โปร่ง ขอบมีสีน้ำตาลแล้ว หยิบแก้วขึ้นมาดมครั้งแรก ถึงกับอึ้งไปเลย คิดในใจวันนี้เจอไวน์ดีเข้าอีกแล้ว.... กลิ่น สตอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ เนียนพริ้วดีมาก พอไวน์เริ่มหายใจ เจอกลิ่นเสื้อซักแล้วแบบตากไม่แห้งอับๆ กลิ่นใบชาในสไตล์ Rhone ซักพักพบกลิ่น ผลไม้จีน พวก ท้อ พรุน บ้วย ซับซ้อนหลากหลายมีเสน่ห์และสะอาดมากๆ รสที่สัมผัส Balance สมบูรณ์มาก หวานนิดๆ นุ่มนวลทุกจังหวะที่กลั้วในปาก แอซิดสมบูรณ์ อาฟเตอร์เทสเบาลึกนาน ค่อยๆตีขึ้นมาเป็นจังหวะจังหวะ...94+ Point จากคุณ : เฮ้อ.......... (Nic Nenin) - [ 11 ก.ย. 49 10:11:35 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ภาพประกอบคับผม จากคุณ : Nic Nenin - [ 11 ก.ย. 49 10:12:35 ]

ความคิดเห็นที่ 152 มาสวัสดีตอนสายๆครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 11:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 153 แอมิทาจตัวนี้เจ๋งจริงๆ ขอซูฮกหมดใจ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 11:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ขออนุญาตหายตัวไปซักแป๊บนะครับ แม่ทูนหัวเธอเอาเอกสารตั้งขนาดเท็กซ์เล่มกลางๆมาให้ช่วยแปล แถมด่วนซะด้วย... ฮือ... จากคุณ : ha ha yee - [ 11 ก.ย. 49 12:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 155 วันนี้เงียบจัง จากคุณ : ตบยุงดีก่า (Phantom of the Cellar) - [ 11 ก.ย. 49 19:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 156 ...วันนี้...ไม่ค่อยสบายครับ ปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย ...เดี๋ยวดีขึ้นแล้วจะเอา Clinet Vertical Notes มาแปะ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 11 ก.ย. 49 19:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ขอให้หายเร็วๆนะครับ พี่วิโรจ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 20:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 158 รอฟังครับดมอยู่ จากคุณ : Master_Indy - [ 11 ก.ย. 49 21:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 159 คุณ Master_Indy ยังดมอยู่เลยหรือครับ ขยันจริงๆ ขอดื่มให้จอกหนึ่ง(ซูด) จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 22:10:10 ]

ความคิดเห็นที่ 160 ก็ดมอยู่เรื่อยๆ ครับ ตอนนี้ก็ยังเป็นชิลีรากหญ้าอยู่ คุณผีใต้ถุนสบายดีรึเปล่าครับ คุณพี่วิโรจเดี้ยงไปเพราะหวัดแล้วคนนึง รักษาสุขภาพดีๆกันด้วยนะครับ เดี๋ยวกระทู้จะเงียบ จากคุณ : Master_Indy - [ 11 ก.ย. 49 22:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ยังปลอดภัยไร้เรื่องราวครับ ท่าทางหวัดมันจะไม่ค่อย สนใจผีอะครับอิอิ ไวน์ชิลีนั้นระวังกลิ่นกิมจ้อ ที่เด่นชัดนะครับ จากคุณ : ผีใต้ถุน (Phantom of the Cellar) - [ 11 ก.ย. 49 22:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 162 กลิ่นกิมจ้อ ???? จากคุณ : Master_Indy - [ 11 ก.ย. 49 23:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 163 อิอิ งงล่ะสิ มันก็คล้ายๆ กลิ่นของบ๊วย หรือกลิ่นของพวก ลูกไหนสุกเข้มๆอะครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 23:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 164 บวกกับกลิ่น กรีนๆเขียวเข้มๆ อะครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 23:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 165 เท่าที่พอจะได้ก็เป็นบ๊วยอ่ะครับ ได้ยินว่ากิมจ้อ ใบ้เลย ขอบคุณมากครับที่แนะนำ (รักตายเลย) จากคุณ : Master_Indy - [ 11 ก.ย. 49 23:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 166 มีข่าวมาบอกครับ ไม่รู้ว่าข่าวมาช้าไปรึเปล่า แต่ตอนนี้ผลการปรับชั้นของ St. Emilion 2006 ออกมา แล้วครับ ผลก็คือ Troplong-Mondot กับ Pavie-Macquin ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นไปอีก ขั้นนึงครับ ส่วนBellevue ถูกเฉดหัว ออกจากลิสต์ครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 23:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 167 และยังมีตัวอื่นๆที่ได้รับ การปรับชั้นอีกครับอันได้แก่ Ch. Monbousquet + 1 ดั้งครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 11 ก.ย. 49 23:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 168 ดูตารางสรุปดีก่าครับ CHANGE FROM GRAND CRU CLASSE TO PREMIER GRAND CRU CLASSE B : 2 Chateau Pavie-Macquin Chateau Troplong Mondot CHANGE FROM PREMIER GRAND CRU CLASSE B TO GRAND CRU CLASSE : 0 NEW ENTRANT TO THE GRAND CRU CLASSE CLASSIFICATION : 6 Chateau Bellefont-Belcier Chateau Destieux Chateau Fleur Cardinale Chateau Grand Corbin Chateau Grand Corbin-Despagne Chateau Monbousquet NOT RETAINED IN THE CLASSIFICATION: 11 Chateau Bellevue Chateau Cadet Bon Chateau Faurie de Souchard Chateau Guadet Saint-Julien Chateau La Marzelle Chateau La Tour du Pin Figeac (Giraud- Bélivier) Chateau La Tour du Pin Figeac (Moueix) Chateau Petit Faurie de Soutard Chateau Tertre Daugay Chateau Villemaurine Chateau Yon Figeac จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ย. 49 00:04:39 ]

ความคิดเห็นที่ 169 และยังมีอีกนิดหน่อย Comments •Chateau Cure-Bon-la-Madeleine no longer exists; it has become part of Chateau Canon. •Chateau la Clusiere no longer exists, it has become part of Chateau Pavie. •Since the 1997 vintage, Chateau Clos des Jacobins is named Clos des Jacobins. The 2006 Classification selected 61 crus classes: •15 Saint-Emilion Premiers Grands Crus Classes, •46 Saint-Emilion Grands Crus Classes. แหมแต่ Figeac กะ Valandraud ก็ยังคงไม่สมหวัง ต่อไป จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ย. 49 00:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 170 รายงานข่าว เสร็จและก้อ ต้องไปนอน ซักที ราตรีสวัสดิ์ครับ ทุกคน จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ย. 49 00:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 171 เอาไว้เรื่องการจัดอันดับ CLASSIFICATION ของ Saint-Emilion จะเล่าให้ฟังแต่ต้น แต่ตอนนี้เล่าเรื่อง อื่นค้างๆคาๆอยู่ เดี๋ยวจะกลับมาต่อไม่ติด.. จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 07:18:08 ]

ความคิดเห็นที่ 172 วันหนึ่งในฤดูร้อน เดือนกันยายนของปี 2001 อีฟได้เชิญ มิเชลมาร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่ไร่ Ch. Lascombes พร้อมกับเขา อเลน เรโนด์ และ โดมินีค เบฟว์ ไวน์ขวดแรกที่เสริฟ..คือ 1999 ชาโต ลาส์โคมบส์ ที่ได้รินถ่ายขวดรอไว้แล้ว หลังจากที่จิบอึกแรก.. ทุกคนเงียบสนิท.. ที่เงียบ (กันตามกติกา) นั้น..หมายถึงยามที่ไวน์ที่ชิมยังไม่แน่จริง..มันอ่อนไปหมด..ครั้นจะติฉินก็ไม่ได้ เจ้าของก็ร่วมโต๊ะอยู่ด้วย จะชม...ก็ไม่ได้ มันดูถูกตัวเองเกินไป ก็เลยต้องหาเรื่องคุยไปตามเรื่อง หนึ่งในเรื่องที่คุยคือ วิชาการอีโนโลยี่ที่สอนอยู่ใน มหาวิทยาลัยแห่งเดวิส ซึ่ง มิเชลได้แสดงความเห็นว่า การสอนของอเมริกานั้น ค่อนข้างเป็นไปตามกรอบ ตามสูตรผสมยีสต์แบบลงตัวเป๊ะๆ ตอนหมักก็เติมสารทาร์ทาริคเพื่อให้ไวน์คงสภาพเรียกว่าเอาชัวร์ไว้ก่อน ไม่ยอมเสี่ยงอะไรเลย.. มิเชลได้แสดงความเห็นว่า.. "ตราบใดที่จะไม่มีการ"กล้าเสี่ยง"ในการทำไวน์เอาเสียเลย รับรองไม่มีวันทำได้ดี.." ที่เขากล้าพูดเช่นนั้น เพราะว่า มิเชลรู้จักอเมริกัน และอเมริกา ดีพอสมควร เขาเล่าให้ทุกคนในโต๊ะฟังว่า ในปี 1986 ได้มีคนพาไวน์เมธีหญิงจากนาปา จากไร่ Simi Vineyard (Sonoma) นามว่า.. Zelma Long ที่มาเยี่ยมชมไร่ไวน์ในบอร์คโดซ์ และอยากจะรู้จัก คนดัง อย่างมิเชล.. ตอนที่เซลม่า โทรมาหาเขานั้น มิเชลยังพูดภาษาอังกฤษได้แบบงูๆปลาๆเต็มที เธอได้ถามว่า "คุณว่างพอที่จะไปเยี่ยมชมไร่ไวน์ในคาลิฟอร์เนียไหมคะ ดิฉันขอเชิญ" "ช่วงไหนครับ?" "เดือนหน้า..พอว่างไหมคะ" มิเชลบอกว่า เขาตื่นเต้นจนปากแทบจะกระทบกัน ตอนนั้นยังไม่มีงานมากมายอย่างเดี๋ยวนี้ และว่างตลอด.. แต่ต้องแกล้งวางฟอร์ม บอกกลับไปว่า "ขอเวลาดูตารางงานก่อนนะครับ.." แล้วก็แกล้งทำเป็นพลิกสมุดปฏิทินงานไปมา และกลั้นใจตอบกลับไปว่า "พอ.....เจียดเวลาไปได้ครับ.." แล้วเขาก็ถอนใจเฮือกแบบโล่งอก..วางฟอร์มนานๆแล้วมันเหนื่อย !! จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 08:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 173 เมื่อสองคนได้เจอกัน แม้ว่าภาษาอังกฤษของมิเชลตะกุกตะกักเต็มที่ แต่..ก็เข้ากันด้วยดี ไวน์ของ ซิมิ..ได้เขยิบฐานะขึ้นมาเป็นไวน์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นมาก็ปี 1988 ที่มิเชลได้รับการติดต่อจากประเทศอาร์เจนตินา ทั้งๆที่เขาพูดภาษาสเปนไม่ได้ ก็เล่นกันด้วยภาษาอังกฤษแบบตามมีตามเกิดของคนทั้งสองฝ่าย.. ใจความว่า.. ฝ่ายที่ติดต่อมา..บอกว่า เขาอยากขายไวน์ของเขาให้กับตลาดอเมริกา คนที่จะสนใจจะซื้อได้บอกมาว่า เขาจำเป็นต้องจ้างมิเชล ให้มามีส่วนร่วมในการแนะนำการผลิต ไม่งั้นก็ไม่ซื้อ...(เพราะบ๊อบจะไม่มาชิม) ทีนี้เวลาของการผลิตในอาร์เจนตินา คือช่วงฤดูหนาวของฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นเขาว่างพอดี..ก็เลยรับจ๊อบ และเมื่อได้เยี่ยมเยือนถึงที่..เขาได้หลงรักพื้นที่ในแถบอเมริกาใต้ และได้ตัดสินใจซื้อไร่เป็นของตัวเองไว้ด้วย (ในเวลาต่อมา) จากนั้น..เขาก็รับจ๊อบอย่างไม่หวาดไม่ไหว นอกเหนือจากยุโรป ที่มี โปรตุเกส สเปน อิตาลี..นอกทวีป ก็มี.. จาก โมรอคโค, ชิลี ,อาฟริกาใต้ จนกระทั่ง ล่าสุด..อินเดีย.. ออสเตรเลียได้เสนองานมาด้วย หากแต่เขาปฏิเสธ เพราะว่า มันไกลเกินไป.. ตรงนี้เอง คือที่มาของ...สร้อยนามว่า " The Flying Winemaker" จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 09:06:37 ]

ความคิดเห็นที่ 174 อีฟได้ถามหยอกๆขึ้นว่า.. "ตกลงนี่รับไว้กี่จ๊อบละเนี่ย?" "สองร้อยเอง" "โห..รับเบ็ดเสร็จเท่าไหร่ละเนี่ย?" "ตกปีละสองล้านกว่าๆ (ยูเอส) " ความจริงเรื่องรายได้นี้..ชาวตะวันตกมักจะไม่ถามกัน เป็นเรื่องผิดมารยาท แต่ในกรณีของมิเชล เขาไม่แคร์.. ใครถาม ก็บอก..ไม่ถาม..ก็บอก.. เพราะเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดสำหรับเขา มิเชลให้คำปรึกษาฟรีเสมอๆสำหรับเพื่อนๆ อย่าง คริสจอง โดเรียค ก๊วนกอล์ฟนั่น ได้รับความอนุเคราะห์ให้มาใช้สถานที่ในไร่ บอง ปลาสเตอร์ของเขา เสมอๆ หลังจากอาหารกลางวัน..ก็ถึงเวลาทำงานการเคี้ยวองุ่นของมิเชล ที่อีฟได้พาเขาไปในไร่องุ่นที่ปลูกในแถบใหม่ อีฟต้องการความเห็น เพราะเขาได้ทำทุกอย่างตามที่มิเชลได้แนะนำ นั่นคือ รีดจนเหลือแค่ หกพวงต่อหนึ่งกิ่ง.. มิเชลเด็ดออกมาชิม.. แรก..รสชาติ หอม หวานอร่อย หลัง...มีขมคาค้างลิ้น.. มิเชลฟันธงไปทันทีว่า.. "ถ้าอากาศร้อน แห้งอย่างนี้นะ อีกสองวันเก็บได้เลย รับรองว่าเริ่ดดดด..." จากนั้นเขาก็รีบตาลีตาเหลือกไปขึ้นเครื่องบิน เพื่อที่จะไปดูงานต่อที่อิตาลี..ปล่อยให้อีฟบนบานศาลกล่าวต่อเทพยดา ขออากาศร้อนๆอีกสองวันเต๊อะ...เจ้าประคู๊ณณณ.... จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 09:24:38 ]

ความคิดเห็นที่ 175 ....กำลังมันเลยครับ...พี่วิ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 12 ก.ย. 49 09:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 176 ไปชงกาแฟก่อน..มาซดตอนพิมพ์ไงคะ คุณวิโรจ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 09:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 177 จะเลือกเล่าให้เข้ากับบรรยากาศของ 9/11 หน่อย เพราะวันนี้ไม่ต้องเปิดทีวีดู..ทุกช่องเสนอข่าวไว้อาลัยเหมือนกันหมด ตั้งแต่เช้ามาเลยทีเดียว.. หลังจากวันที่เกิดเหตุ 9/11 (2001) มานั้น แรกๆทุกคนในบอร์คโดซ์ ต่างเห็นใจและสงสารอเมริกัน อย่างมากมาย ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ของวันที่ 12 คือวันต่อมา ก็ลงด้วยความอาดูรเหมือนๆกัน และตามมาด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวลต่อ"หม้อข้าว"ของตัวเอง เพราะอเมริกาคือตลาดลูกค้ารายใหญ่ อาจมีการกระทบกระเทือนมาถึงเรื่องการค้าไวน์ คนรุ่นกลางเก่ากลางใหม่อย่าง Jean-Michel Cazes แห่งค่าย ลีนช์-บาจส์ ก็พลอยใจหายใจคว่ำไป เนื่องจากลูกเขย ทำงานในนครนิวยอร์ค ในย่านใกล้ๆกับตึกถล่ม (แต่ไม่โดน) เขาเองก็ได้เกิดทันเห็นตอนที่ฝรั่งเศสได้รับอิสรภาพจากสงครามโลกครั้งสอง อีกทั้งเคยไปนั่งทานอาหารบนชั้นยอดสุดของตึกเวิร์ลเทรดด้วย.. แต่ตอนนั้น ชาวบอร์คโดซ์ได้อยู่ในช่วงของความรู้สีกที่สับสน จากเรื่องความงอแง และ ความไม่เป็นธรรมที่ได้รับมาหมาดๆจากบ๊อบ ปาร์คเกอร์ (ในเรื่องจะไปชิมหรือไม่ชิม) นักเขียนบางคนก็รู้สึกสมน้ำหน้า..ถึงกับพาดหัวข่าวว่า "มหาอำนาจก็น่าจะถามตัวเองบ้างว่า..ไปทำอะไรกับใครเขาไว้..กรรมถึงได้ตามทันอย่างสาสมฉะนี้" ข้อความนี้ไม่ได้มาจากกระจอกข่าว หากแต่เป็นยักษ์ใหญ่ คือ Paul Meunier แห่ง นสพ. Sud Ouest ทีเดียว สถานะการณ์โลกเริ่มร้อนระอุขึ้น..ตลาดไวน์ก็ระส่ำระสาย อย่าง เจฟฟรี่ย์ เดวีส์ นั้น เห็นได้ชัดเลยว่า.. เขากำลังลำบาก..ลูกค้าที่แมนฮัตตั้น หายไปเป็นแถบๆ ธุรกิจในนวยอร์คทุกประเภทเข้าข่ายฝืดเคือง.. เขาเริ่มเป็นห่วงเพื่อนร่วมชาติ..ในฐานะที่เป็นอเมริกันเฉกเช่นเดียวกัน เมื่อได้รับข่าวว่า ผู้คนมีอาการเครียด และหันมาดื่มสุรามากกว่าที่จะรื่นเริงต่อการจิบไวน์ จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 10:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 178 ปัญหาแรกของเจฟฟรี่ย์..คือ การที่เขาได้เป็นตัวแทนของ Ch. Pavie ที่มีสัญญาว่าจะซื้อวินเทจของปี 2000 ในราคาขวดละ 110 เหรียญ นั่นหมายถึงยามที่ตลาดลื่นไหลก็ไม่มีปัญหา แต่ในยามนี้ สต๊อคของปี 99 ยังอยู่ตกค้างอีกเพียบ..ไม่รู้ว่าจะขายออกได้เมื่อไหร่ เขาติดต่อไปหา Gerard Perse เจ้าของไร่โดยด่วน ขอยื่นข้อเสนอให้ว่า..ขอให้รับของเก่าคืนไปบ้างได้ไหม ซึ่งนายเปอร์ส ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย.. จนอเลน..ต้องเข้าไปช่วยเจรจาให้..บอกว่า..ยังไงก็ให้เห็นแก่การที่ค้าขายแบบจริงใจต่อกันมาโดยตลอด อีกทั้ง เจฟฟรี่ย์ก็เป็นคนดี.. ในที่สุด นายเปอร์สก็ยอมรับเอาของเก่ากลับไป.. เจฟฟรี่ย์ ก้ยังมีความเชื่อมั่นว่าตลาดไวน์ไม่น่าจะซบเซานานจนเกินไป แต่ที่จะทำให้ไม่รอด ก็เห็นจะเป็นด้วยราคา ที่สูงจนเกินเหตุ (ของวินเทจ 2000) เขาได้ลุกขึ้นทำการรณรงค์ขอให้ชาวไวน์ได้ลดราคาลงไป 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ก็นับว่าคือสาเหตหนึ่งที่ได้ความขุ่นข้องหมองใจให้กับบ๊อบอบ่างหนักหนา นั่นคือ พอเขาชมขึ้นมา..ก็พากันการแปะราคาอย่างเกินความเป็นจริง.. เท่ากับว่า..เอาคะแนนความพอใจของเขามาเป็นตัวกำหนดราคา เอามาทำมาหากิน (ก็ใช่ซิวะ..) ดังคำพูดของบ๊อบที่ว่าไว้เกี่ยวกับเรื่องของไวน์ในอนาคต.. "ไม่ต้องรีบแห่กันซื้อ..ไวน์ดีๆยังมีอีกมากมาย นอกจากจะเชื่อใจได้ว่ามันจะต้องดีกว่าของปี 2000 และจะซื้อก็ต่อเมื่อราคามันได้ถูกลดลง" และไอ้ไวน์ในอนาคตนี่แหละ คือเครื่องมือทำมาหากินของ เจฟฟรี่ย์ ทั้งเขา เปอร์ส และ อเลน ต่างมีบุญคุณต่อกันในหลายสถาน คือ ทั้งเปอร์ส และ อเลน เมื่อครั้งที่ซื้อไร่ไวน์มาเป็นสมบัติของตัวเอง ก็ต้องซื้อไวน์เก่าๆในสต๊อคมาด้วย.. ใครล่ะที่เป็นคน"รับซื้อ" และเอามาปล่อยในตลาดให้.. ก็..เจฟฟรี่ย์คนนี้นี่แหละ.. ดังนั้น..ในยามที่เขากำลังฝืดเคือง..หลายคนก็ยอมเข้าใจ และไม่เร่งรัดในเรื่องของไวน์ที่นอนคอยอยู่ในถัง.. (โดยปรกติแล้ว..ถ้ามีปัญหาเรื่องทำตามสัญญาซื้อไม่ได้ เขาจะเปลี่ยนตัวแทนการขายทันที เท่ากับเป็นการยึดโควต้าคืน) จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 10:32:12 ]

ความคิดเห็นที่ 179 มารายงานตัวคับผม จากคุณ : Nic Nenin (Nic Nenin) - [ 12 ก.ย. 49 10:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ 180 ในช่วงของวิกฤติไวน์..เจฟฟรี่ย์ต้องออกไปหาไวน์ดาวรุ่งตัวใหม่ๆมาไว้ในสังกัด..และที่เขาหมายตาไว้ว่าน่าจะรุ่งดังใจหวัง นั่นคือ ไวน์(ทำท่าจะเป็นโรงรถ) ชื่อว่า Ch. La Fleur Morange (ชาโต ลา เฟลอร์ โมรังค์) เจ้าของคือคู่สามีภรรยาวัยสามสิบเศษ Jean-Francois และVeronique Julien ที่พ่อแม่ของเวโรนีคเป็นคนเก่าแก่ในวงการไวน์ของ แซง-เตมิญอง อีกทั้งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ไวน์ฝั่งขวาที่เรียกแบบเต็มยศว่า..Union des Producteurs de Saint-Emilion (การเป็นสมาชิก..คือการที่ต้องมีอาชีพเป็นเจ้าของไร่ และอยู่ในวงจรของการขายให้กับสหกรณ์ แบบ co-op) ไวน์ที่ครอบครัวของเวโรนีคได้ทำออกมามาคือไวน์รากหญ้าขนานแท้ ชื่อว่า Ch. du Basque เพราะอยู่ในเขตนอกเมือง ที่เรียกว่า Cotes de Castillon (เป็น appellation ที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร) ขายได้ราคาแค่ครึ่งเดียวของราคาไวน์ในตลาดก็นับว่าเป็นบุญ.. ไวน์ของสหกรณ์ผลิตออกมาอย่างมากมาย 4.5 ล้านลังต่อปี(แน่ะ) คุณภาพก็งั้นๆ ในระยะหลังมานี่..ได้ผลิตออกมาสองแบบ ขนานดั้งเดิม คือ ป้ายสีน้ำเงิน ตัวอักษรทอง ขายในตลาด ราคาขวดละ 8 เหรียญ ขนานกรอง ครู ป้ายสีแดง ตัวอักษรสีทอง ขายในตลาดราคาขวดละ 10 เหรียญ ที่ทำการของสหกรณ์ที่ตั้งมาตั้งแต่ครั้งปี 1930s นั่นมันไม่สวย และเก่าเต็มที..เป็นตึกคอนกรีตแบบทึ่มๆ ไม่น่าสนใจ ดังนั้น ความนึกอยากจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานที่โก้ๆ ก้เกิดขึ้นแก่บอร์ดของสหกรณ์ที่คิดการใหญ่ และเป็นการก้าวพลาดอย่างจัง..นั่นคือ การไปซื้อตึกที่กำลังจะหลุดจำนองในปี 1994 ตึกนั้น..เคยรุ่งเรืองล้นฟ้ามาในอดีต..เคยเป็นอาคารขายไวน์ระดับชาติในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (ขายให้กับชาติเยอรมันไง) แทบไม่ต้องเดาเลยนะ แฟนของวิวันดา น่าจะทราบได้เลยว่า..ตึกนี้ชื่อ Eschenauer เจ้าของดั้งเดิมคือ ลุงหลุยส์ เอชเน่อร์ (เรื่องของเขา หาอ่านได้ในเรื่องไวน์..ไวน์) ที่ตกทอดมาถึงทายาทพร้อมหนี้สิน.. หลังจากที่สหกรณ์ได้ซื้อตึกมา..ก็ตามใช้หนี้สินที่โผล่ขึ้นมาไม่หยุดของลุงหลุยส์ด้วย..กว่าจะรู้ตัวก็จมหายไปกว่า 3.5 ล้านเหรียญ เรียกว่ามาถึงตอนนี้ก็ฟ้องกันวุ่นวาย จนไม่มีแก่ใจที่จะผลิตไวน์ โดยพยานปากคำจาก ท่านเคานต์*** (Count Stephan von Neipperg) เจ้าของไร่ Ch. Canon-La-Gaffeliere ที่อยู่ข้างกับโรงผลิตไวน์ของสหกรณ์ได้เล่าว่า.. "ช่วงของการเก็บองุ่น..บ่อยครั้งมากที่ผมเห็นรถแทร๊คเตอร์ ที่มีองุ่นวางพูนอยู่เต็มกะบะหลัง..จอดแช่แดดนานเป็นชั่วโมงๆ จนแมลงวันมาตอมหึ่ง..มันออกซิไดซ์ไปเรียบร้อย ก่อนบดแล้ว..สภาพไวน์ก็แทบไม่ต้องเดา" ***หมายเหตุ..สังเกตนะคะ ว่าจะเขียนคำอ่านฝรั่งเศสในเฉพาะชื่อคน และชื่อไวน์ ส่วนยศ จะคงไว้ในภาษาสากล อย่าง Marquis เขียนไว้ว่า มาร์ควิส ไม่เขียนว่า มาคี (อ่านฝรั่งเศส) และ Count เขียนว่า เคานต์ ไม่เขียนว่า กง (อ่านฝรั่งเศส) เพราะ รู้สึกว่ามันจะมากเกิน..จะหมั่นใส้ตัวเองจนเกินควร ไม่อยากกลายเป็น วิวันดา หมวยตระกูล(กวน)ซ่ง... จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 11:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 181 สวัสดีตอนเที่ยงๆครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ย. 49 12:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 182 แวะมาอ่าน และสวัสดีทุกๆท่านด้วยครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 12 ก.ย. 49 14:34:22 A:213.39.211.126 X: ]

ความคิดเห็นที่ 183 สวัสดีครับ พี่ๆ ป้าๆ อาๆ ครับ ตามอ่านอยู่ครับ ป.ล. ดื่ม Almaviva vintage 2002 อยู่ รู้สึกว่าต่างกับ 2001 เยอะจัง ถ้าดื่มไม่หมดพี่ๆมีวิธียังไงบ้างครับ จากคุณ : jear - [ 12 ก.ย. 49 15:56:57 A:203.153.142.51 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 184 ดื่มไวน์...ต้องมีการวางแผนหน่อยครับ...คุณ Jear ...ก่อนเปิดดื่ม ต้องถามตัวเองว่า ดื่มหมดไหม มีคนมาช่วยดื่มหรือเปล่า ...เพราะปกติ ปริมาณการดื่มที่เหมาะคือ ครึ่งขวดต่อคน ...ถ้ามากกว่านี้เรียกได้ว่า...เมาครับ ไวน์ที่ดื่มต่อจากนี้จะเป็นที่น่าเสียดายมาก ...เพราะะฉะนั้นถ้าต้องดื่มคนเดียว (ซึ่งไม่ควรทำอีกนั่นแหละ) ...ก็ไม่ใช่เปิดไวน์ดื่มไปเรื่อยๆ ...ไม่หมดเหรอก็เอาจุ๊กก๊อกปิด แล้วแช่ตู้เย็น ...ถ้าเล่นแบบนี้ ไวน์ที่เหลือจะเพี้ยนไปเรื่อยๆ ...เพราะเริ่มจากที่คุณเปิดดื่ม จนถึงปิดขวดนั้น ไวน์ก็ Oxidised ไปเยอะแล้ว ...วันรุ่งขึ้นก็เพี้ยน มันจะเปี๋ยนไป๋ ไม่เหมือนเดิมครับ ...แต่ถ้าคุณมี Vacuum ที่เป็นจุ๊กยางดูดอากาศในขวดออกได้ ...ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่งครับ ...แต่ก็ต้องไม่เริ่มดูดอากาศหลังจากรู้สึกว่าดื่มไม่ไหวแล้ว วิธีดีที่สุดที่ผมใช้อยู่ตลอด คือ ...ใช้ Vacuum ร่วม Decanter ครับ ...คือเมื่อเริ่มเปิดไวน์ ก็รินใส่ Decanter เท่าปริมาณที่เราอยากจะดื่ม ...จากนั้นก็ใช้ Vacuum ปิดขวด แล้วดูดอากาศออกในทันที ...วิธีนี้ไวน์ที่เหลือในขวด แทบจะไม่ได้สัมผัสอากาศเลย ...และจะสามารถอยู่อย่างสดชื่นเหมือนไม่ได้เปิดมาก่อน ...อย่างน้อยก็ไปได้อีกได้เกือบอาทิตย์เลยครับ ...ลองดูสิครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 12 ก.ย. 49 17:24:04 ]

ความคิดเห็นที่ 185 อรุณสวัสดิ์ค่ะ วันนี้ตื่นแต่เช้า เพราะกำลังสนใจฟังวิทยุทางเน็ทจากเมืองไทย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 20:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 186 ต่อมาสหกรณ์เริ่มรู้สึกตัวว่าต้องพัฒนาตัวเอง เพราะไวน์มันฟ้อง และก่อนอื่นเลย นั่นคือต้องเริ่มต้นหาประธาน กกต. เอ๊ย..พูดผิด ประธานสหกรณ์คนใหม่ที่แข็งขันว่าเดิม เมื่อวาระการเลือกตั้งในปี 2000 สหกรณ์จึงได้ นาย Alain Naulet (อเลน โนเลต์) ขึ้นมา..ซึ่ง นายโนเลต์คนนี้ เป็นคนที่มีทัศนวิสัยกว้างไกล ที่มองเห็นว่ากระแสบ๊อบ ปาร์คเกอร์กำลังมาแรง จึงใช้วิธีน้ำขึ้นให้รีบตัก เขาจึงใช้นโยบายการทำโลว์ยีลด์ เก็บสุก ขึ้นมาเผยแพร่ อีกทั้งเข้าไปควบคุมดูแลในเรื่องของการส่งองุ่นเข้าเครื่องอย่างทันที ไม่มีการมารอแช่ตายนึ่งเป็นวันๆอย่างแต่ก่อน เท่านั้นไม่พอ นายโนเลต์ได้เลือกแบ่งพื้นที่ของไร่องุ่นที่มีคุณภาพ (ที่มีอยู่ในสหกรณ์) เอามาทำไวน์ชนิดมีเกรด มีคุณภาพ โดยใช้ชื่อว่า Aurelius ออกขาย เพื่อพยุงชื่อเสียงของไวน์แห่งสหกรณ์ ถึงแม้ว่าสหกรณ์ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นแล้วก็ตาม แต่สองผัวเมียครอบครัวชูเลี่ยนยังคิดว่ามันช้าเกินไป เพราะ สหกรณ์มีสมาชิกกว่าสามร้อย..ทุกครั้งที่พวกเขามีไอเดียดีๆมาเสนอในที่ประชุม ญัตติก็มักถูกบล๊อกโหวต (แหม คุ้นจังแฮะ) อีกทั้งเขาได้มาเห็นตัวอย่างจาก ไร่ของ จอง-ลูซ์ ตุนแวง ที่ไม่ต้องพึ่งสหกรณ์ ก็ยังทำไวน์ Valandraud ออกมาขายได้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 20:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 187 อรุณสวัสครับ (เอ๋ทำไมข้างนอกมืดจัง) จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 12 ก.ย. 49 21:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 188 เวโรนีคจึงไปอ้อนขอแบ่งที่มาจากพ่อแม่ ได้มาสี่เอเคอร์ ให้มาลองเสี่ยงโชคดู ซึ่งที่นี่เอง พวกเขาได้ตั้งชื่อไร่ว่า ชาโต ลา เฟลอร์ โมรังค์ ที่ได้เริ่มผลิตในปี 1999 โดยใช้วิธีการทำแบบลงแขก นั่นคือได้รับความช่วยเหลือจากพรรคพวกเพื่อนฝูง และไปเช่าโรงนาที่มีขนาดเท่ากับโรงรถทำการผลิตอย่างทุลักทุเล.. ปีนั้นทำออกมาได้ 900 ขวด ในกลางปี 2000 เขาได้รู้ข่าวลอยเข้ามาว่า ตัวแทนขายไวน์ ชื่อว่า เจฟฟรี่ย์ เดวีส์ กำลังมองหาไวน์โรงรถรุ่นใหม่ๆเพื่อที่จะเอาเข้าสังกัด จึงรีบเข้าไปติดต่อและพยายามลุ้นเสนอ ไวน์ของตัวเอง เจฟฟรี่ย์ ลองชิมไวน์ที่ผลิตออกมาแล้ว เขาไม่ประทับใจเลย มันปร่าไปหมด (ประมาณว่าเถื่อนไปหน่อย) เขาไม่ซื้อ..(หมายถึงไอ้ 900 ขวดนั้น) แต่ด้วยความสงสารในความมานะของสองผัวเมียนี่จะเสียเปล่า..จึงให้คำแนะนำไปว่า..ควรจะหมักไวน์ในถังสเตนเลส นั่นอย่างน้อยๆเดือนหนึ่ง ไม่ใช่สี่วันอย่างที่ทำอยู่ เวโรนีคจึงอธิบายว่า.. เพราะมีอีโนโลยิสต์บางคนแนะนำมาให้ทำเช่นนั้น เจฟฟรี่ย์จึงได้รู้ว่า สองคนนี้ไม่มีความรู้อะไรเลยต่อการทำไวน์โรงรถ..เขาจึงเสนอว่า "เอางี้..ผมจะหาอีโนโลยิสต์คนใหม่ที่เหมาะสมให้คุณ แล้วเรามาว่ากันใหม่" คนคนนั้นคือ Claude Gros มือหนึ่งแห่ง Languedoc ซึ่งได้เข้ามาร่วมทีม..ซึ่งโคลดได้สอนเทคนิคให้ใหม่ทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่การเก็บองุ่นในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งผลก็เห็นทันตา..เพราะบ๊อบให้คะแนนที่น่าพอใจ คือ 89-91 ของวินเทจ 2000 ที่มีผลผลิตถึง 6000 ขวด (ไวน์ถึงมือบ๊อบได้ เพราะฝีมือของเจฟฟรี่ย์..) เมื่อบ๊อบได้ให้คะแนนพอดูได้..เจฟฟรี่ย์จึงยอมซื้อไวน์มา 20% เอาไปลองขาย..ในราคาขวดละ 35 เหรียญ(ท้องตลาด) จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 21:13:46 ]

ความคิดเห็นที่ 189 ขอบคุณอาวิโรจมากๆครับ หายป่วยไวๆนะครับ จากคุณ : jear - [ 12 ก.ย. 49 21:25:55 A:203.153.142.51 X: TicketID:007004 ]

ความคิดเห็นที่ 190 อ้าว..คุณแฟนธอมแวะเข้ามา.. นอนดึกนะคะ.. พอดีฟังรายการวิทยุน่ะค่ะ เลยพิมพ์ต่อไปด้วย..ไม่งั้นมือว่าง..รำคาญแย่ ........................... พอมีคนซื้อ..มีบ๊อบมาชิม เท่านั้นแหละ ครอบครัวชูเลี่ยนยอมทุ่มทุนปรับแผนพัฒนาสร้างโรงไวน์ใหม่ พัฒนาเครื่องมือใหม่ทั้งหมด ซึ่งเจฟฟรี่ย์คอยให้คำแนะนำอยู่เป็นระยะ เมื่อทุกอย่างได้เสร็จสิ้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีงานเปิดเลี้ยงฉลอง.. แน่นอนว่า เจฟฟรี่ย์และภรรยาคือแขกเชิญคนสำคัญ.. เมื่อไปถึง..เขาได้พบกับความสวยงามของโรงไวน์ที่ออกแบบตกแต่งใหม่ดูสวยงาม ภายในมีอุปกรณ์ใหม่เอี่ยม เป็นเงาวับ ที่มี่น่าตื่นตะลึง..นั่นคือ ที่ชั้นบนมีถังโอ๊คลูกเล็กใหม่ๆวางเรียงเป็นตับนับสิบๆใบ และถังโอ๊คที่ว่านั่น ไม่ใช่ถังโอ๊คฝรั่งเศสชั้นดีแบบธรรมดา แต่เป็นชั้นดีอย่างวิเศษสุด ที่เรียกว่า..Darnajou ถังโอ๊ค Darnajou นี้ เป็นผลผลิตที่มีชื่อเสียงที่มาจาก Pomerol คนที่ทำคือ นายดาร์นาชู เจ้าของโรงทำถัง ที่ผลิตให้กับชาโต เปตรุส มานานนนับสิบๆปี เป็นงานฝีมือชนิดสุดยอดไปด้วยภูมิปัญญาล้วนๆ ในช่วงยุครุ่งเรืองของไวน์โรงรถ ทุกคนต้องการถังไวน์ของดาร์นาชูเท่านั้น จนราคานั้นพุ่งขึ้นไปถึงใบละ 800 เหรียญ เพราะการรมใหม้ในเนื้อไม้นั้น เป็นการรมด้วยไฟรุม มิใช่ ไฟพวยพุ่งแบบที่อื่นๆทำกัน ดังนั้น ในถังโอ๊คของดาร์นาชูนอกจากจะหอมโอ๊คชั้นดีแล้วยังมีกลิ่นหอมของลูกเชอร์รี่หวานเกรียมฝังอยู่ อันเป็น สัญญลักษณ์ และกลิ่นนี้เอง... คือกลิ่นที่ชนะใจบ๊อบอย่างเด็ดขาด... จากคุณ : WIWANDA - [ 12 ก.ย. 49 21:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 191 ดื่มไป อ่านไป สนุกดีครับ จากคุณ : jear - [ 12 ก.ย. 49 21:44:16 A:203.153.142.51 X: TicketID:007004 ]