ความคิดเห็นที่ 1 ไวน์ถือว่าเป็นทรัพย์สิน..ที่สามารถสะสมให้มีค่าได้ตามกาลเวลาที่ผ่านไป.. (อันนี้เขาคงเถียงไม่ได้..เพราะ ถ้าไม่ต้องการเก็บให้มีคุณภาพ..แล้วจะไปซื้อตู้แช่มาหาตะหวักตะบวยอะไร..) การที่ไวน์จะมีค่า..นั้นคือ สภาพขวด เนื้อไวน์ และ ฉลากที่สมบูรณ์ ขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป..ก็ถือว่า..เสียหาย เมื่อคุณ jearjear ได้มอบความไว้วางใจให้กับผลิตภัณฑ์ตู้แช่ไวน์ของบริษัทที่ว่านี้..แล้วต้องมาประสบปัญหาที่ทำให้ต้องเสียทรัพย์สินซ้ำแล้วซ้ำเล่า.. พี่หวังว่า..เรื่องนี้ควรต้องร้องเรียน เรียกร้องให้ถึงที่สุด.. เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของผู้บริโภคที่ต้องมารับเคราะห์ถึงสองเด้ง.. และ..พี่เชื่อว่า ชาวไวน์อื่นๆก็คงอยากจะทราบเหมือนกันว่า สิทธิของผู้บริโภคอย่างเราๆนั้น..มีแค่เขียนไว้ในกระดาษโก้ๆ หรือ มีจริงๆในเชิงปฏิบัติ.. ลองเอาภาพไวน์ที่ฉลากเสียทั้งหมดมาโชว์หน่อยได้ไหมคะ? จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ม.ค. 50 09:49:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ยังไม่นอนอีกเหรอครับดึกมากแล้ว... ยังติดตามอ่านตลอดแต่นานๆจะโผล่มาทักทายซักทีนึง อากาศแปรปรวนมาก...อย่าห่างผ้าพันคอนะครับ จากคุณ : Uncle Tee - [ 25 ม.ค. 50 10:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดึกอะไรกัน..เพิ่งจะทุ่มครึ่งเองจ้ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 25 ม.ค. 50 10:34:36 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ครับผมป้าวิ เดี๋ยวเย็นนี้จะจัดแจงถ่ายรูปมาคับ ขอบคุณป้าวิอย่างมากที่เป็นห่วงและช่วยเหลือครับ เสริมนิดนึงครับ ผมจะเล่าประวัติตู้นี้ให้ฟังหน่อย พอซื้อมาผมก็จัดแจงนำไวน์เข้าเก็บในตู้ และตั้งอุณหภูมิ และได้ทำการตั้งล้อคปุ่มกด เพื่อมิให้มีใครมาเปลี่ยนอุณหภูมิได้ พอใช้ไปสักประมาณไม่ถึงวีคดี ประมาณ 6 วัน ก็มีอันเห็นว่าปุ่มกดมันคลายล้อคได้ เห็นครั้งแรกก็ยังนึกว่ามีใครมาเล่นที่ตู้หรือเปล่า ถามทั้งบ้านก็ได้ความว่ามิมีใครมาเล่น ไอ้ครั้นจะแจ้งบริษัทก็ไม่รู้บอกไปแล้วจะเชื่อไหม บวกกับความชะล่าใจ ( หากตอนนั้นเปลี่ยนตู้เลยคงได้เพราะไม่ถึง 7 วัน ) ก็เลยตั้งล้อคใหม่ ก็เป็นเหมือนเดิม มันคลายล้อคเอง ก็เลยแจ้งทางบริษัทให้มาตรวจสอบ ทางบริษัทก็ได้เปลี่ยนอุปกรณ์บางอย่างให้ ก็เป็นปกติดี ทีนี้ทางบริษัทที่มาตรวจสอบเห็นเขามีเครื่องวัดอุณหภูมิดิจิตอลแบบมีสายเข้ามาในตู้สะดวกดีเลยซื้อมาใช้มั่งวัดที่ตู้ก็ปกติดี 14 องศาเซลเซียส ใช้มาได้สักเดือนนีงก็เอาอีกทีนี้ มันคลายล้อคเองอีก ก็แจ้งบริษัทอีก เจ้าหน้าที่บริษัทก็มาเปลี่ยนอุปกรณ์อีก แต่คราวนี้หลังจากเปลี่ยนอุปกรณ์ ปรากฎว่าอุณหภูมิเริ่มรวน จากแต่ก่อนที่วัดได้ 14องศา เท่ากันทั้งตู้ บวกลยนิดหน่อย มิถึง 1 องศาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า ชั้นล่าง ปกติ ชั้นกลางหน่อย บวกมาสอง ชั้นบนบวกจากชั้นปกติมาสาม โอ้เท่ากับว่าผมตั้งไว้ 14 ชั้นกลาง 16 ชั้นบน 17 อุณหภูมิเท่านี้ ไวน์อยู่ได้แต่ผมว่าไม่ถูกต้อง ก็เลยแจ้งไปทางบริษัทให้เปลี่ยนตู้ให้ใหม่ แต่ทางบริษัทแจ้งมาว่ากำลังดำเนินการอยู่ จนมาเจอเรื่องนี้เข้า ไม่เปลี่ยนแล้วครับตู้ เอาเงินคืนอย่างเดียวดีกว่า เสียวสุดๆว่าไวน์เราจะเสียหรือเปล่า อีกหน่อยตู้นี้มี คำว่า profile ด้วย เห็นช่างบอกว่ามันเป็นเหมือนกับเครื่องการันตีอะไรสักอย่าง หรือเป็นการร่วมมือกับอะไรสักอย่าง ซึ่งหากมีชื่อนี้ สินค้าจะเปลี่ยนหรือจะเคลมง่ายขึ้นมาก แต่นี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นไงดี ไว้ถ่ายรูปมาให้ดูครับ ขอบคุณสำหรับป้าวิ อาวิโรจ พี่นิคครับ และทุกๆท่านครับ ปล.ดีนะนี่ที่ไม่ขายตู้ไปเสียก่อน แต่หากขายก็คงขายตอนเคลมได้แล้วอยู่ดี จากคุณ : ยังคุกเข่าอยู่ (jearjear) - [ 25 ม.ค. 50 11:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาแสดงความยินดี ครบรอบขวบปีค่ะ คุณวิ ขอให้เป็น อาจารย์ขวัญใจชาวไวน์ไปตราบนานเท่านานนะคะ ด้วยความนับถืออย่างจริงใจค่ะ อ่านเรื่องตู้ไวน์ของคุณเจียร์แล้วใจเต้นเลยค่ะ น่าโมโหจริงๆ แต่ก็หวังว่าไวน์อาจจะยังไมถึงกับฟรีซ เพราะแอกอฮอล์ อาจจะมีคุณสมบัติแตกต่างไป อย่าลืมมารายงานผลด้วยนะคะถ้ามีเวลา เพราะเรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ถ้าไม่ได้เรื่อง อีเมลฟ้องไปที่สำนักงานใหญ่เมืองนอกเลยก็น่าจะได้นะคะ จากคุณ : nijja - [ 25 ม.ค. 50 12:08:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาสวัสดีป้าหวานครับ อิ อิ อาทิตน์นี้ไม่มีอะไรรายงาน พอเรื่องราววันอาทิตย์นี้ก่อน จากคุณ : Ace striker - [ 25 ม.ค. 50 13:41:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาสวัสดีทุกคนครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 25 ม.ค. 50 17:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ล่าสุด โทรไปหา supervisor เขามาได้ความว่า จะเคลมคืนเงินให้ อยู่ในขั้นตอนบางอย่าง อย่างนี้ก็ดีแล้ว ส่วนฉลากไวน์ที่เสียหายพอมันแห้งแล้วก็ไม่เท่าไหร่ ไวน์รักหลายตัวก็แปลกตอนเอาออกมาทำเอาเราตกใจชุ่มไปหมด พอวันนี้เอาออกมาถ่ายรูปกลับคืนตัวได้ในหลายๆตัว แต่บางตัวก็ไม่ได้เช่นตัวนี้ [URL=http://imageshack.us][IMG]http://img219.imageshack.us/img219/5707/dcam00839db.jpg[/IMG][/URL] เก็บไว้คนละที่ เลยเป็นตัวเดียว สีเขียวตกเลย [URL=http://imageshack.us][IMG]http://img213.imageshack.us/img213/9398/dcam00859zp.jpg[/IMG][/URL] ส่วนใหญ่มันก็เป็น อย่างนี้หนะคับ พองๆด้านข้าง [URL=http://imageshack.us][IMG]http://img408.imageshack.us/img408/7219/dcam01016mr.jpg[/IMG][/URL] แต่ตัวนี้สิครับ สุดยอดตอนแรกชุ่มไปหมด แต่พอแห้งแล้วไม่เป็นไร [URL=http://imageshack.us][IMG]http://img408.imageshack.us/img408/7224/dcam01032ek.jpg[/IMG][/URL] ดูแล้วรวมๆไม่น่าจะเป็นไรมาก เหลือแต่ว่าไวน์มันตายแล้วหรือยังแค่นั้นหนะครับ กะว่าไม่เกินวันอาทิตย์จะเอามาลองดูถ้าตายแล้วก็ค่อยว่ากัน แต่ขอให้อยู่รอดปลอดภัยทีเถอะ ลูกๆ ทั้งหลาย จากคุณ : ยังคุกเข่าอยู่ (jearjear) - [ 25 ม.ค. 50 20:17:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแสดงความยินดีด้วยครับอา หนึ่งปีแล้วเหรอครับ ไวจิงๆ จะตามอ่านเสมอครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 25 ม.ค. 50 20:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ ป้าวิ ลงชื่อคร้าบ ปีนึงแล้วหรอเนี่ย เร็วจัง แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 50 02:01:35 จากคุณ : Natt_ac121 - [ 25 ม.ค. 50 23:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเสนอว่า ให้คุณ jearjear นำไวน์มาลองเปิดทานครับ XD~ จากคุณ : LightStream1010 - [ 25 ม.ค. 50 23:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โพสต์ ผิดกระทู้คร้าบ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 50 01:59:27 จากคุณ : Natt_ac121 - [ 26 ม.ค. 50 01:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีทุกท่านค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 26 ม.ค. 50 02:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ดุ๊กดิ๊กดุ๊กดิ๊ก ซอยเท้าตามมาติดๆ ค่ะ ขอร่วมปาร์ตี้ครบรอบ 1 ปีด้วยคนค่ะ คุณ jearjear คะ ตู้ยี่ห้ออะไรคะ? ช่วยหลังไมค์มาบอกทีค่ะ จะขอบคุณมากๆ คือเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนฝรั่งครอบครัวหนึ่งอยากหาตู้แช่ไวน์ที่ไม่แพง เขาไปดูที่วีรสุแล้วเขาไม่ชอบลวดลาย และราคา นกก็เลยหาให้เขา (ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีไม่เคยใช้) หาเจ้าที่มีตู้ราคาถูก แล้วให้เขาไปดูเอาเอง ก็ได้ยี่ห้อ Sanders ค่ะ โรงงานในไทย ขายอยู่ในแมคโคร ถูกกว่าวีรสุเยอะมากค่ะ เขาไปดูแล้วชอบ เขาก็ซื้อไปใช้อยู่ค่ะ ก็เลยอยากทราบว่าตู้ของคุณ jearjear ยี่ห้ออะไร ใครขายค่ะ (น่ากลัวแท้) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 26 ม.ค. 50 03:36:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอได้ยินว่า ทางบริษัทจะชดใช้ให้ ค่อยโล่งอกไปนิดหนึ่ง ที่คุณ JJ ต้องติดตาม"ขั้นตอน"ที่ว่านั่นอย่างกระชั้นชิดนะคะ เพราะ ส่วนใหญ่จะปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไป คอยโน่นคอยนี่ จนเราลืม และรำคาญ เลยหยวนๆฟาดเคราะห์ไป ไม่ติดใจเอาเรื่อง ส่วนไวน์..เปิดลองหนึ่งขวด..เลือกขวดที่เยินที่สุด และลองพิจารณาดูว่า มันตายหรือยัง..? แหม..ช่วยลุ้นกันเต็มที่เลยนะเนี่ย.. ว่าแต่..อ่านหลังไมค์หรือยังคะ..? จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:09:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ว่าแล้วก็กลับมาเรื่องการเดินทางพเนจรของหญิงชราซะที.. หลังจากที่กลับมาจาก โซแตนส์ และ กร๊าฟส์แล้ว.ก็มาสิงสถิตย์ เจ๊าะแจ๊ะ อยู่ที่ ไวน์บาร์ของสถาบันเหมือนเดิม เราได้คุยกันถึงเรื่อง โปรเจ๊คใหม่ที่มีชื่อ La Winery ที่จะเปิดในมาร์โกต์ เร็วๆนี้ แบบเป็นศูนย์ครบวงจร โดยเลียนแบบ Copia ของนาปา แวลลี่ย์ มาแบบเด๊ะๆ คือเป็นศูนย์รวมไวน์ของบอร์คโดซ์ทั้งหมด มีการจัดชิม จัดนิทรรศการ โรงแสดงการทำไวน์ และร้านค้าสินค้าไวน์โอท๊อปทุกชนิด จากทุกแขต เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะแห่กันมาในเทศกาลของ VinExpo ในปีนี้ นับว่าเป็นความคิดที่ชาญฉลาดมาก เพราะ ในบอร์คโดซ์ ชาวไวน์อยู่กันอย่างเศรษฐกิจพอเพียงกันจริงๆ ไม่มีใครอยากรวย ไม่มีใครอยากจะคิดทำมาหากิน ที่สามารถฟันธงได้ เพราะดูจากปฏิกิริยาบ้านเมืองในวันอาทิตย์ และวันจันทร์ ที่ไม่มีใครสนใจจะออกมาทำงาน สร้างเม็ดเงิน ทั้งๆที่ นักท่องเที่ยวกระเป๋าตุงมายืนรอจ่ออยู่หน้าเมือง ก็ไม่มีใครสน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:20:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาร์แตงบอกว่า..อยากรู้ลองไปเที่ยวเมดอคในวันอาทิตย์ซิ ยูจะรู้ซึ้งเลย..ว่า..ทำไมบอร์คโดซ์ถึงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เออ..นั่นเป็นความคิดที่ดีนะ..ลองดูก็ได้ ว่าแล้ว ฉันก็วิ่งหารถไปเมดอค (หมายถึงยาวตลอดไปถึง Pauillac) ปรากฏว่า จะได้สถานเดียวคือ รถเมล์ ที่วิ่งแค่สองเที่ยว คือ ขาไป ตอน สิบโมงเช้า และขากลับคือ หกโมงครึ่ง ค่ารถ 12 ยูโร ไปกลับ.. ฉันก็คิดว่า..เออ ไม่เป็นไร นักว่าไปเดินเล่นสักห้าหกชั่วโมงก็แล้วกัน.. ว่าแล้ว..เช้าวันอาทิตย์ ฉันก็จรลีขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวบอร์คโดซ์ลุ่มแม่น้ำ Gironde ทันที.. รถวิ่งใช้เวลาเกือบชั่วโมง เพราะจอดป้ายไปตลาดทาง พอเข้า..Haut Medoc ก็เจอ Chateau La Lagune ไร่ขนาดใหญ่ยักษ์ ตั้งตรงทางสามแยกอย่างเด่นเป็นสง่า ที่ป้ายรถเมล์ก็จะบอกชื่อป้ายตามชื่อของไร่ไวน์ตรงนั้น อย่างป้ายนี้..คือป้าย La Lagune จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 วิ่งมาตลอดสาย ก็มีแต่ไร่องุ่น ที่ทำให้ฉันต้องหันหน้าหันหลังล่อกแล่ก เพราะ มันอยู่คิดกันไปเป็นพรืด ทั้งสองข้างฝั่งถนน นั้น ไร่ Du Cru.. อ้าว นั่น Palmer อ้าวนี่.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่สวยงาม เพียงแต่ไม่มีสิทธิจะลงจากรถไปถ่ายรูปได้เลย ต่อให้ขับมาเองก็เถอะ เพราะสองข้างทางแคบจนน่ากลัว ตรงไร่ดังๆ เขายังมีแนวกำแพงเตี้ยๆมากั้นไว้อีก นี่คือทางโค้งเข้าปุยยัค จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อากาศที่เมดอคนี่ดีจริงๆ มีแดดเหมือนโซแตนส์เลย บ้านเมืองสวยงาม..เป็นระเบียบเรียบร้อย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:47:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ที่เรียกว่าเมดอคทั้งหมด เพราะว่ามันก็ซอยออกไปตำบลเล็กๆติดๆกัน.. เริ่มคือ Haut Medoc หมายถึง.. Margaux , Moulis , Listrac, Haut Medoc (อีกที) St. Julien Pauillac, St-Estephe ,Medoc ที่ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่ที่เรารู้จักในผลิตผลกันทั้งนั้น แต่เขาอยู่ติดกันเรียงเป็นแถว ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาแบ่งเขต อันนี้ล่ะ..จำได้ป๊าว....??? เขาอยู่ติดกับ Chateau Pichon Longueville Comtesse de Lalande ขนาดว่าเปิดหน้าต่างตะโกนคุยกันได้เลยเชียว จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 07:58:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าเมืองปุยยัคแล้ว ขอให้นึกถึงสภาพของบ้านเมืองที่ร้างผู้คน แบบว่าหนีข้าศึกน่ะค่ะ ยังไงยังงั้นเลยเชียว จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ร้างจริงๆ..จนใจหายแว๊บ..ว่าแล้วตูจะมาเดินดูอะไรวุ๊ยเนี่ย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก็เลยเดินดูไปเรื่อย เมืองปุยยัคอยู่ริมแม่น้ำจิลองด์ ที่มีขนาดใหญ่ประมาณแม่น้ำเจ้าพระยาห้าสายมารวมกัน ส่วนสถาปัตยกรรมของเมือง ก็ใกล้เคียงกับ บอร์คโดซ์ ซิตี้ เพียงแต่ย่อขนาดลงมา.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไปดู.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หอศิลปของเมือง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:11:36 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ยืนกลางสี่แยก..งงชิ๊บ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เผอิ๊ญ..มาเจอกับไวน์ไวน์ร้านเดียวที่เปิดขาย..รีบรี่เข้าไป เพราะแทบไม่เชื่อสายตา..ว่าจะเจอกับมนุษย์.. เลยถ่ายภาพไวน์ที่วางบนชั้นและราคามาให้ชม จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พอเดินไปทางหลังร้าน..ก็ต้องตกใจ ที่เจอกับสิ่งที่เห็น แต่ไม่กล้าถ่ายรูปมา เพราะเกรงว่าจะเสียมารยาท นั่นคือ ถังสเตนเลสที่ใส่ไวน์ขนาด 100 แกลลอน สามถัง..มีอุปกรณ์ในการใช้ผสมส่วนพร้อมเพรียง เช่นพวกถังไม้ ขวด และน้ำหัวเชื้อปรุงรสที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเรียงบนชั้นวางเป็นพรืด สารพัดรส.. นี่คือ นีโกเชี่ยน ขนานแท้..คือเขาซื้อน้ำไวน์มาปรุงขายแปะยี่ห้อเอง..หรือ ..ผู้ซื้ออยากจะแปะยี่ห้อชื่อของตัวเองก็ได้(มัง?) ใครไปปุยยัคไปดูได้ ร้านอยู่ตรงสี่แยกพอดี.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เดินไปเจอร้านอาหารร้านนึง เปิดขายแค่ครึ่งวัน บ่ายโมงก็จะปิด เลยรีบสั่งอาหารมากินแบบเต็มคราบ.. ขอบอกว่า อร่อยมาก สั่งมาเป็นชุด ตั้งแต่ ฟัวกราส์   ไวน์ สเต๊ค ของหวาน เพราะกะฆ่าเวลา.. ทั้งหมด 24 ยูโรเอง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เดินเที่ยวไปทางท่าเรือ หันมาดูเมืองก็สวยดี..เสียแต่ไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หันไปทางแม่น้ำ Gironde อันเป็นที่รวมของแม่น้ำสองสายคือ Dordogne และ Garonne โอ้โห..อะไรจะใหญ่โตขนาดนั้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ที่เห็นลิบๆนั่น คือ โรงกรองน้ำมันของเชลล์ ที่ผู้คนหงุดหงิดนัก.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ดันมาดูอีกด้านนึง..ก็สวยงามดี.. WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:46:34 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ปุยยัคก็มีสำนักงานท่องเที่ยวเช่นกัน ข้างในจัดเป็นร้านขายของที่ระลึก มีไวน์วางเรียงเป็นตับเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ ข้างนอกจะมีแผนที่สำหรับไร่ไวน์ต่างๆ แบ่งเป็นชื่อเป็นเขตไว้อย่างเรียบร้อย หน้าชื่อมีปุ่มไว้ให้กด เมื่อกดแล้ว มองไปที่แผนที่ขนาดใหญ่ข้างบน ไฟจะขึ้นแว๊บๆตรงตำแหน่งนั้น.. ในวันธรรมดา (เขาว่า) สำนักงานท่องเที่ยวก็มีจัดเยี่ยมชมไร่ไวน์เช่นกัน..ลองโทรศัพท์เช๊คตารางทัวร์ไปก่อน.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลองกดให้ดู..ว่าจะมีไฟขึ้น.. จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 08:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จากการที่นำภูมิสภาพบ้านเมืองมาให้ดู ก็สามารถเห็นได้ว่า เส้นทางสายเมดอคจนถึงปุยยัค นั้น..มันช่างต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างขาย ต่างปลูก บริษัทใครบริษัทมัน อยากรู่เรื่องอะไรก็ต้องไปเยี่ยมกันถึงไร่.. แล้วก็มีกันเป็นร้อยๆไร่ จะไปเยี่ยมชมอะไรกันได้หมด เป็นอย่างนี้มานาน..แต่ไหนแต่ไรแล้ว.. จนนาย Philippe Raoux เจ้าของไวน์ Chateau d'Arsac (อยู่ในมาร์โกต์) ได้ยอมทุ่มทุนนับสิบๆล้านยูโร สร้างศูนย์ ไวน์ขึ้นมาในเมือง Arsac ดังที่เล่ามา สำหรับรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เชื่อว่า คงจะประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย.. เพราะมันไม่มีที่อื่นไป..ครั้นจะไปเดินเที่ยวเล่นเอง ก็ต้องใช้เวลากันเป็นวันๆ.. La Winery จะเปิดในเดือนมีนานี้ละค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 26 ม.ค. 50 11:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 จิ๊บๆๆ ... พี่หวานทานข้าวเย็นหรือยังคะ? จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 26 ม.ค. 50 11:40:16 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อาหารน่าทานจังคับป้าวิ ขอโทษเรื่องหลังไมค์ด้วยนะครับ เพิ่งตอบนะครับ ขอบคุณป้าวิมากนะครับ กับความกรุณา ส่วนพี่นกตอบหลังไมค์แล้วนะครับ ตอนนี้ทางบริษัทแจ้งมาแล้วว่า ให้ผมไปเคลมเงินคืนได้แล้วครับ หมดเรื่องเสียที เหลือแต่ว่าไวน์เรามันจะหนาวตายหรือเปล่า ไว้ได้ชิมแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับผม ปล.ถ้าผมได้ไปและเขามีทำฉลากให้สดๆนะ ผมจะให้เขาทำฉลากว่า พ่อลาตรู Latour Dad 555 จากคุณ : ยังคุกเข่าอยู่ (jearjear) - [ 26 ม.ค. 50 11:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 Happy 1st Anniversary ค่ะ อาหารอร่อยพร้อมไวน์ ไม่น่าเชื่อว่าราคาจะสมเหตุสมผลนะคะ ไม่ได้ตามพี่วิมาพักหนึ่งแล้ว ไม่แน่ใจว่าการเดินทางของพี่วิจะมีเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ยังคงไปต่อที่อิตาลีและสเปนเหมือนเดินหรือเเปล่าค่ะ จากคุณ : S. Smooth - [ 26 ม.ค. 50 13:32:16 A:172.20.100.164 X:203.150.235.242 TicketID:105578 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มาตามเที่ยวต่อครับ ยินดีด้วยที่เราอยู่กันมายาวถึงหนึ่งปีแล้ว จากคุณ : D19 - [ 26 ม.ค. 50 17:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ตามมาติดๆครับ จากคุณ : Master_Indy - [ 26 ม.ค. 50 20:29:38 ]

ความคิดเห็นที่ 43 "HaPpY 1st YeAr AnNiVeRsArY" นะคะ... จากคุณ : หมีน้อย Polar Bear - [ 26 ม.ค. 50 20:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความคิดเห็นที่ 16   ว่าแล้วก็กลับมาเรื่องการเดินทางพเนจรของหญิงชราซะที.. โห.... ถ้าชราแล้วยังมีพลังขนาดนี้หนูก้ไม่กลัวเหมือนกันค่ะที่จะชรา จากคุณ : horseshoes - [ 27 ม.ค. 50 00:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ S. Smooth ขา.. บอกตรงๆว่า ก่อนไปนั้นได้เตรียมตัวดังนี้ ปารีส 3 วัน บอร์คโดซ์ 5 วัน สเปน 3 วัน อิตาลี 4 วัน ดูแล้วหรูมาก... แต่เนื่องจากกระเป๋าเวร..ไม่มาถึงตามกำหนด เลยไม่กล้าจองตั๋วเครื่องบิน (ไปอิตาลี) และ ตั๋วรถไฟ (ไป Barcelona) ก็ตัดรายการสเปนออกไป.. พอไปบอร์คโดซ์ วันหนึ่งได้มีเวลาทำงานแค่สี่ห้าชั่วโมงเท่านั้น..5 วันไม่พอ.. เลยตัดสินใจทำให้เสร็จๆเป็นที่ๆไป ตัดอิตาลีออกไปอีก.. ทั้ง อิตาลี และสเปน คงต้องเป็นทริปหน้า..และต้องเผื่อเวลาอย่างน้อยๆ ที่ละ แปดเก้าวันเชียวค่ะ..เพราะไปไหนมาไหนไม่สะดวกเหมือนกับมีรถขับเองที่อเมริกา เรื่องรถ..ก็บังอาจจองเหมือนกันนะคะ กะว่าจะเช่าขับเอง ปรากฏว่า มันเป็นเกียร์กระปุกทั้งหมด..เลยขอบอกลา.. ไม่ได้ขับเกียร์แบบนี้มากว่าสี่สิบปีแล้ว..ไม่กล้าเสี่ยงค่ะ สวัสดีค่ะ คุณ D19 Master_Indy คุณ หมีน้อย Polar Bear คุณ horseshoes คุณทวีตี้น้องรัก.. และ.. คุณ jearjear....ลุกได้แล้ว..ศิษย์เอกของพี่..!!! Cheers....!!! จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 07:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุยเรื่องเที่ยวมานานแล้ว ควรแก่การเข้าเรื่องซะที ไหนๆก็คุยถึงเรื่องบอร์คโดซ์แล้ว ก็ต้องมาคุยถึงเรื่องการค้าไวน์ให้ละเอียดอีกที..เพราะเชื่อว่าตอนนี้ น้องๆที่ตามอ่านคงพอเข้าใจพื้นฐานพอสมควร ทีนี้ก็จะต่อยอดให้ลึกลงไปอีกนิด และถ้าเข้าใจในส่วนนี้แล้วก็จะเข้าใจในไวน์บอร์คโดซ์เก่าๆมากขึ้น..ว่า เขามีเทคนิคอะไรบ้าง.. การค้าไวน์ของบอร์คโดซ์แต่เก่าก่อนมา..ไม่ได้อยู่ในมือของคนฝรั่งเศสเอาซะเลย..เพราะดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยชอบทำมาค้าขาย..แต่ไวน์บอร์คโดซ์ได้มีโอกาสเปิดตัว ก็เพราะเจ้าหญิง Eleanor of Aquitaine (1122 -1204) อากิเตน คือ แคว้นใหญ่ที่อยู่รอบๆในแผนที่เดิมดังนี้ ส่วน บอร์คโดซ์ คือ เมืองหลวงของอากิเตน เอเลนอร์ ชื่อนี้คงไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าบอกว่า พระองค์คือพระมารดาของ Richard ("The Lion-Hearted") อีกทั้งเป็นพระราชินีถึงสองประเทศ คือ ฝรั่งเศส (ก่อน) ต่อมาก็อังกฤษ (โดยการอภิเษก) พอสนใจกันบ้างไหม? Eleanor of Aquitaine เป็นพระชายาของพระเจ้า Louis VII (ฝรั่งเศส) ก่อน และก็เลิกรากันไปในปี 1152 แต่มีพระธิดาด้วยกันองค์หนึ่ง คือ เจ้าหญิง มารี ( Marie) ในฐานะพระองค์ทรงเป็นเจ้าหญิงที่มีพระราชทรัพย์มากมาย อีกทั้งงามพร้อมด้วยคุณสมบัติ ว่ากันว่า ได้นับการศึกษาเกินหน้าหญิงใดในปฐพี ทรงภาษาละติน อย่างแคล่วคล่อง ต่อมา..ก็มาทรงอภิเษกกับ Henry II แห่งอังกฤษ (ตอนนั้นทรงพระยศเป็น duke of Normandy และมีพระชนมายุอ่อนกว่าพระนางถึง 11 ปี ทั้งสองมีพระราชโอรสและพระธิดาถึงเจ็ดพระองค์ ต่อมา..duke of Normandy ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์อังกฤษ (ตามสายสืบสันตติวงค์) และได้มาเป็น พระเจ้าเฮนรี่ที่สอง ดังนั้น เอเลนอร์จึงได้มาเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษ.. แต่พอต่อๆมา..พระเจ้าเฮนรี่และพระราชินีก็เริ่มห่างๆกันไป พระองค์ก็ย่อมมี"กิ๊ก" เป็นธรรมดา แถมเอาออกหน้าออกตาซะด้วย หล่อนเป็นลูกสาวขุนนางผู้ใหญ่ นามว่า.. Rosamond Clifford หรือ "the Fair Rosamond." มีเรื่องเล่าว่า..พระนางเอเลนอร์ทรงหึงพระสวามีมาก ถึงขนาดไล่แทงสาวน้อย โรสมอนด์ และในอีกพระหัตถ์ได้ถือถ้วยยาพิษ..ทรงขู่ว่า "จะยอมโดนแทงตาย หรือ จะกินยาพิษ เลือกเอา.." แต่คงไม่ใช่ทั้งสองอย่าง เพราะ โรสมอนด์มาเสียชีวิตเมื่อปี 1177 ก็คงแก่ตายนั่นแหละ.. พระเจ้าเฮนรี่..ก็ทรงเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น..มาจีบแฟนของลูกชายเจ้าชายริชาร์ดอีกต่างหาก นั่นคือ เจ้าหญิงมารีแห่งฝรั่งเศส แต่ทำไปทำมา เจ้าหญิงมารีที่ว่านี้ คือ พี่สาวต่างบิดาของตัวเอง (คือพระธิดาของเอเลนอร์กับพระเจ้าหลุยส์ที่เจ็ด ที่พระนางได้ทิ้งไปอย่างไม่เหลียวแล ตั้งแต่เลิกรากับพระสวามี) นี่คือ เหตุผลที่ ทั้งสองไม่ได้แต่งงานกัน.. ในปี 1168 พระนางเอเลนอร์ได้เสด็จกลับไปอากิเตนไปดูแลสมบัติ และเพื่อสมานสามัคคีกับพระธิดา เจ้าหญิงมารี เมื่อกลับไปอังกฤษอีกที.. พระองค์ได้ทรงพกความแค้นพระสวามีไว้ในพระทัยอย่างเต็มเปี่ยม และพร้อมที่จะแก้แค้นโดยการช่วงชิงพระราชอำนาจ ในปี 1173 พระนางได้ประสบความสำเร็จในการยุแหย่พระโอรสทั้งสามพระองค์ คือ Henry, Richard, และ Geoffrey ให้ลุกขึ้นมาทำการขบถต่อพระบิดาแท้ๆ.. แต่ไม่สำเร็จ..เจ้าชายทั้งสามต้องหนีกันพระเศียรซุนไปอยู่ที่ฝรั่งเศส พระมารดาก็พยายามหนีไปด้วยโดยแต่งกายเป็นชาย..แต่ถูกทหารของพระเจ้าเฮนรี่จับตัวได้ในที่สุด.. ก็เลยถูกจองจำในพระราชวังอยู่ถึง 16 ปี ส่วนสงครามระหว่างพ่อกับลูกก็มิได้เลิกรา.. ในที่สุด พระโอรสองค์เล็กที่แสนโปรดปราน คือ John ก็หันไปเข้ากันกับพวกพี่ๆ.. ปี 1189 พระเจ้าเฮนรี่สิ้นพระชนม์ แต่ เจ้าชายองค์โต Henry สิ้นพระชนม์ไปก่อน เจ้าชาย Richard (the Lionheart) ก็เลยมาเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษองค์ต่อไป แผนที่ของ Aquitaine แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 50 10:55:23 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 50 08:55:00 จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 08:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ฉลองข้ามวันเชียวครับ น่าอิจฉาจัง ผมว่าน่าจะมีรวมพลแฟนคลับคุณวิ ภาคพื้นยุโรปเพื่อร่วมฉลองอีกแรงคงดีไม่น้อยนะครับ ...สเปน 3 วัน อิตาลี 4 วัน...เออ สนใจรับคนแบกกระเป๋าไหมครับ จะสองปลาพยูนก็ไม่หวั่นครับ ผมจะนั่งรถไฟไปรอถึงที่เลยครับ อิ อิ จริงอย่างที่คุณวิ พูดไว้ครับ น่าสงสารคนฝรั่งเศส อยู่ถึงที่ยังต้องซื้อไวน์ด้วยราคาที่ไม่ถูกไปกว่าที่อื่น ไวน์บางขวดที่เยอรมันขายถูกกว่าตั้ง 2-3 ยูโรด้วยซ้ำครับ จากคุณ : Einswasser - [ 27 ม.ค. 50 09:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 มาคิดดูก็แล้วกันว่า พระนางเอเลนอร์ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เป็นพระราชนินีถึงสองแผ่นดิน และ เป็นที่รัก และ บูชาของลูกชายทั้งหมด ถึงขนาดยอมต่อสู้กับพ่อเพื่อทวงศักดิ์ศรีและอิสรภาพคืนให้กับพระมารดา.. พระนางได้สิ้นพระชนม์เมื่อปี 1204 ตอนที่ พระโอรสองค์เล็กได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ (คิงริชาร์ด สิ้นพระชนม์ไปแล้ว) และพระศพได้ถูกฝังไปเคียงคู่กับพระสวามีที่แสนจงชัง แค่โชคดีที่ขนาบด้วยพระโอรสองค์โปรด พระเจ้า ริชาร์ดใจสิงห์ ในพระวิหาร แห่ง Fontevrault เอเลนอร์ได้เป็นที่รู้จักในพระสมญานาม ว่า.. The Queen the eagle เพราะพระองค์ได้เปรียบประดุจนางพญานกอินทรีย์ที่แผ่ปีกไปไกลถึงสองประเทศ บอร์คโดซ์ หรือ อากิเตน คือ พระราชอาณาจักรและบ้านเกิดเมืองนอนของของพระนางผู้ยิ่งยงพระองค์นี้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 09:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีค่ะ คุณ Einswasser เข้ามาเวลาเดียวกันเลย..ตอนนี้ฝนตกแหมะๆน่ารำคาญจริง เลยนั่งเขียนต้นฉบับส่งไปที่หญิงไทย สี่ตอน.รวด บก. ถึงกับรีบตอบชมเชยมาอย่างทันใจ ว่า.. แหม..พี่ขา..ขอบคุณมั่กม๊ากค่า...!! ก็เลยจะเขียนกระทู้ด้วย เพราะพาเข้ารกเข้าพงมานานแล้ว.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 09:47:43 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีตอนเช้าวันอาทิตย์คับอา จากคุณ : nic (Nic Nenin) - [ 27 ม.ค. 50 10:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ในสมัย ศตวรรษที่ 16-17 การค้าไวน์ในบอร์คโดซ์จออยู่ในกำมือของ 1. Negociant พวกนี้คือ กลุ่มตัวกลาง ทำหน้าที่คล้ายๆกับหลงจู๊ค้าข้าวเปลือก ที่สามารถตัดสินใจจองซื้อได้ตั้งแต่ องุ่นเพิ่งจะติดต้น..เพราะมีความสามารถในการกะเกณฑ์ และคะเนเอาจากฝีมือของเจ้าของไร่ 2. Courtier อันนี้คือ นายทุน หรือ กลุ่มศักดินา ที่ มิปรารถนาจะเดินทางไปเสวนากับชาวไร่องุ่นให้รองเท้าเปื้อน แต่มีความสามารถในการตรวจชิมไวน์ และ มีกลุ่มลูกค้าตลาดบนอยู่ในลิสต์อยู่แล้ว.. ส่วนใหญ่คูติเยร์ คือนายจ้าง หรือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของกลุ่มแรก หรือ ที่เราเรียกว่า นีโกเชี่ยน คูติเยร์ ในสมัยนั้น มีไม่กี่คนที่คุมการค้าไวน์ทั้งหมด.. ที่เก่าแก่สุด ก็คือ 1620 (และมาจนถึง 1974) นั่นคือ Jean-Simon Beyerman of Rotterdam รุ่นต่อมา..ก็คือ 1739 ที่ทำอย่างเป็นล่ำเป็นสัน โดยเอาตัวเองเป็นทั้ง คูติเยร์ และ นีโกเชี่ยน อีกทั้งทำกิจการแบบเหมาไร่ ตีสัญญากันไปเลย ไม่ต้องมาแวะเวียนกันทุกปี นั่นคือ Abraham Lawton เจ้าของบริษัท.. Tastet et Lawton รุ่นต่อมา..1783 จนถึงบัดนี้..คือ Elie Miailhe ที่ค้าขาย ไวน์ในฐานะคูติเยร์มาจนร่ำรวย และสามารถซื้อไร่ดังมาเป็นของตัวเองในปี 1925..ที่มีหลาน(สาว) ดำเนินกิจการต่อมาในทุกวันนี้ หวังว่าคงจำนามสกุลเขาได้นะ..ออกเสียงว่า มาลห์ เพราะหลาน (ตอนนี้ไม่สาวแล้ว) คือ May-Elaine Miailhe หรือ May-Elaine de Lencquesaing เจ้าของ Chateau Pichon Longueville Comtesse de Lalande แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 50 10:52:41 จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 10:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สวัสดีตอนเช้าเหมือนกันค่ะ คุณวิ สนุกมากๆค่ะ เรื่องของพระราชวงค์อังกฤษ ขอถามหน่อยค่ะ เรื่องไปชมไร่องุ่น ไกด์เค้าพูดภาษาอะไรคะ ถ้าฝรั่งเศส เค้ามีหูฟังภาษาอังกฤษให้ไหมคะ แบบว่าฟังเทป หรืออะไรซะอย่าง .... อ่านแล้วอยากไปค่ะ ซัมเมอร์นี้ คคห ๕๐ คะ .... เมื่อคืนดื่มอะไรมาเอ่ย ... วันนี้วันเสาร์มะใช่เหรอคะ ...อิ อิ แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 50 10:30:32 จากคุณ : nijja - [ 27 ม.ค. 50 10:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 กลุ่มคูติเยร์ที่เข้ามามีอิทธิพลในบอร์คโดซ์ นั้น ส่วนใหญ่คือต่างชาติ อย่าง.. Lynch,Lawton,Barton,Kirwan,Johnson พวกนี้คือ ไอริช.. กว่าฝรั่งเศสจะค้าขายไวน์ของตัวเองเป็น ก็นานโขอยู่พอสมควร.. ในตอนนั้น กลุ่มผู้ค้าคือกลุ่มที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการที่จะชี้เอาไวน์ให้ได้รสตามที่ต้องการ..และ ไม่ไว้ใจคนอื่นในเรื่องของการผสม ดังนั้น..สูตรสำเร็จ สูตรลับ สูตรผีบอก สูตรพ่อให้มา..จึงอยู่ในดุลนพินิจของนีโกเชี่ยน ที่"รู้ใจ"เจ้านาย คือ คูติเยร์ ดีว่า ต้องการรสแบบไหน.. การผสมจึงทำกันอย่างเอิกเกริก..ในหนังสือที่มีบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ในปี 1765 ของนาย Nathaniel Johnson ที่เขียนไว้ว่า..ไวน์แดง Benicarlo ของสเปน คือส่วนผสมที่จำเป็นในการเติมแต่งให้รสเข้มข้น.. หรือ ไวน์ Lafite ก็ใช้ Syrah จาก Northern Rhone มา เจือเพื่อเพิ่มรสชาติ ในยุคนั้น ไม่แปลกอะไรที่ไวน์ดีๆ ดังๆ จะมีส่วนผสมของ ไวน์จากองุ่นขาวถึงสิบเปอร์เซนต์ (องุ่นคาบาเนต์ โซวิญอง เพิ่งจะมารู้จัก ปลูกกันแพร่หลาย ก็เมื่อต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นก็คือ องุ่น Malbac) การใช้ ไวน์จากโรห์น ด้วยองุ่นไซราห์มาผสมนั้น เป็นเรื่องที่กระทำกันมาช้านาน ถ้าเมื่อไหร่ผลผลิตปีไหนรสชาติพร่องไปนิด ก็มีการเติม และการเติมนี้ ได้กระทำมาติดต่อกันจนถึง 1940's ทีนี้จะมีคนถามว่า ก็ ไวน์บอร์โดซ์ ได้ถูกควบคุมด้วย AOC แล้วไง..และเป็นกฏหมายมาตั้งแต่ 1935 โน่นแน่ะ.. ก็ใช่อีกนั่นแหละ..แต่ ฝรั่งเศสภายใต้การปกครองของเยอรมัน..1940-1945 (May 8 Victory in Europe (VE) Day) เอโอซง-โอซี..ไม่มีความหมาย ผสมกันลึ่ม...เพระผลผลิตในช่วงของสงครามนั้นมันแหลกม่ายล่ายเลย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 10:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 54 คุณนิดขา.. ไกด์พูดสองภาษาค่ะ..น้ำไหลไฟแล่บ..ไม่ต้องเป็นห่วง จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 10:47:38 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ในศษวรรตที่ 19 นั้น..เป็นเรื่องปรกติมาก สำหรับการเหมาซื้อกันยกไร่ จาก นีโกเชี่ยนเจ้าเดียว ภายใต้การการกำกับของเจ้านาย ในปี 1814 คูติเยร์ยักษฺใหญ่สองราย คือ Elie Miailhe และ Daniel Guestier ที่ต่างหมายปอง ที่จะฮุปผลิตผลของ"ลาฟีต"กันอย่างตาเป็นมัน.. ผู้ดูแลการผลิตก็มิได้โง่..จึงได้ใช้แผนให้ทั้งสองแย่งกัน ใครให้มากกว่า ก็ไปไซโคอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อเป็นการกระทุ้งราคา และ นาย Elie Miailhe ก็ชนะไป ด้วยราคาที่น่าตกใจ จน ไวน์ ชาโต ลาฟิต ขึ้นโผติดอันดับว่าเป็นไวน์ที่แพงที่สุดในกระบวนไวน์ชั้นหนึ่งด้วยกันนับแต่นั้น.. แต่เนื่องจาก ไวน์มีเป็นจำนวนมาก คนที่จะทุ่มซื้ออย่างพวกศักดินาหลงจู๊นี่มีน้อย ดังนั้นถึงจะซื้อไวน์ดีๆด้วยราคาแพงเท่าไหร่ ก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เพราะยังไปสร้างกำไรเอากับไวน์อื่นๆได้อีกเยอะแยะ.. สำหรับคนที่ไม่รู้จักว่า..Daniel Guestier เป็นใคร.. เห็นภาพยี่ห้อก็จะร้องอ๋อ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 12:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณค่ะ คุณวิเป็น inspiration อย่างแรง คงต้องไปฝึกภาษา ป๊องๆแป๊งๆ บ้าง ก่อนไป อยากไปอย่างทำเองตลอด วางแผนและจองทุกอย่างเอง มีสาวน้อยบางคนสนใจอยู่ อาจจะต้องหาลูกทัวร์เพิ่ม ไว้รอดูงบคร่าวๆที่คุณวิใช้ไปนะคะ จะได้ไปอธิบายต่อ เป็นคนห่วงเรื่องที่พักค่ะ พักแบบสมัยเด็กๆไม่ได้แล้วค่ะ ไปแบคแพคเก้อร์ แคมปิ้งนี่ ยอมแพ้ค่ะ จากคุณ : nijja - [ 27 ม.ค. 50 14:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 57 หนูบอกพี่แล้วววววว ให้รับหนูเป็นคนขับรถ ขับได้ทุกชนิดค่ะ มอไซค์ยันรถสิบล้อเกียร์ออโต้เกียร์สติ๊คชิฟท์ ขับ U-haul ข้ามสเตทก็ขับมาแล้วค่ะ เที่ยวต่อไปหนีบหนูไปด้วยนาค้า (ขอทราบหน่อยค่ะว่า ประเทศที่พี่หวานไปมาทั้งหมดนี้ พี่หวานต้องขอวีซ่าประเทศไหนบ้างหรือเปล่าคะ? หรือไปโลดเลยคะ? ) เรื่องสนุกมากค่ะ ควีนเอเลนอร์ต้องสวยและฉลาดมากๆ เลยนะคะ ชอบจังค่ะ แล้ว Miailhe ออกเสียงว่า มาลห์ เนี่ยนะคะ!!! ให้นกอ่านเองซักแปดวันก็ยังคิดไม่ออกว่าจะอ่านยังงั้นหรอกค่ะ อ่านกระทู้นี้แล้วเดิ้นสุดๆ คนเขียน จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 27 ม.ค. 50 15:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คารวะอาจารย์ ขอให้อาจารย์ สุขภาพร่างกายแข็งแรงนะครับ ปล.กระทู้ก่อน อานิด บอกว่าใจถึงมากที่ สั่งไวน์จาก ny เวลานี้เลยไปดู อ้อโทษทีครับ ผมบอกผิดไปผมสั่งจาก hartdavishart chicago ครับ ปล2.ท่าทาง ทานไวน์ในโรงบ่ม ได้ใจมากครับ จากคุณ : บรรจุแล้ว เย้ (jearjear) - [ 27 ม.ค. 50 22:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบคุณนิดและคุณ Einswasser ที่คอยฟังเรื่องค่าใช้จ่าย..ซึ่งมีดังนี้ เป็นหน่วยยูโรนะคะ ค่าตั๋วเครื่องบิน จาก SFO-Paris CDG                            590 Airport taxi to hotel (roundtrip)         38 hotel in Paris  5 nights                   400 cityrama tours                              124 batobus                                         12 metro (transportation)                    42 expenses                                     380 train (Bordeaux)                           147 hotel  10 nights                            850 transportation                                84 vineyard tours                                58 expenses                                     840   Total                                         3565 นี่รวมทั้งหมดตั้งแต่ออกไปจนกลับถึงบ้านเลยนะคะ เพราะเป็นรายการเดียวกันที่แจ้งแก่บริษัทด้วย ..ทุกคนประหลาดใจมาก ที่ใช้เงิน(งบประมาณ)น้อยว่าที่ตั้งเป้าไว้ให้ และขอบอกว่า ไม่ได้ประหยัดอะไรเลย โรงแรมและทัวร์ในปารีส จองไปจากอเมริกา ทางเน็ท ซึ่งจะมีราคาถูกว่ามาก เพราะเป็นดอลล่าร์ (ขอแนะนำค่ะ) คุณนิดกลัวจะเป็นแบบ backpacker ไม่ใช่ค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จริงๆคือ โรงแรม ถ้าไปได้แบบแบ๊คแพ๊คเกอร์ละก้อ..ถูกกว่านี้อีกตรึม.. หรือไปสองคน ช่วยกันแชร์ค่าโรงแรม ก็ถูกไปอีกเช่นกัน ค่าโรงแรมนั้นจะว่าแพงก็ไม่แพง เพราะว่า เขามีอาหารเช้าอย่างดีบริการฟรี น้ำชากาแฟ ขนมปัง ครัวซองส์อบสดๆ ชีสสารพัดชนิด ซีเรียล นม น้ำส้ม แฮม ใส้กรอก โอย..ฟาดพุงกาง.. ไม่เหลือท้องให้คิดถึงอาหารกลางวันเลยค่ะ ตกเย็น ถ้าไม่มีการรับเลี้ยง หรือ เลี้ยงใครละก้อ (ในเงินค่าใช้จ่ายนั่น มีการเลี้ยงกันด้วยสาม สี่ มื้อนะคะ)จะทานอาหารสบายๆ แล้วแต่จะคิด แต่ ร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะต้องใช้เวลานานมาก พวกอาหารเป็นชุด มื้อหนึ่งกว่าสองชั่วโมง น่าเบื่อ โดยปรกติ แล้ว..กลางวันทานแซนวิชเล็กๆ ซื้อตามข้างถนน น้ำหนึ่งขวด บ่ายๆไปซดกาแฟคาปุชิโน่ ขนมหนึ่งชิ้น..ทั้งหมดนั่นก็ประมาณว่า 12 -14 ยูโร ละค่ะ ค่ำๆชอบไปหาอะไรง่ายๆทาน เพราะจะได้ไปนั่งเม้าท์ต่อที่ไวน์บาร์ของสถาบัน เพราะชอบไปนั่งฟัง"ผู้รู้" เขาคุยกัน.. นี่คือ..อาหารง่ายๆ ที่ว่าค่ะ ชุดหนึ่งแค่ สิบยูโร จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 23:35:48 ]

ความคิดเห็นที่ 60 น้องนกที่รัก ภาษฝรั่งเศสนี่เดาใจเขายากในเรื่องชื่อ..ว่าจะออกเสียงอะไร เพราะรากศัพท์ของแต่ละครอบครัวนั้นมาจากภาษาถิ่นฐานดั้งเดิม ขนาด สถานี St. Michel น่าจะเป็น ซัง มิเชล แต่เสียงประกาศออกมาชัดเจนว่า ซัง-เชลล่ะ ส่วนนามสกุลของ เม-เอเลน นั้น เขาขานทั้งสอง ถ้าจะเรียกว่า แมเล่อะ หรือ มาลเล่อะ แต่..แมเล่อะ นั้นเสี่ยงมาก..เพราะถ้าออกผิด เรียกว่า แมเดอะ ละก้อ..ยุ่งหนักเชียว..น้องเอ๋ย เพราะคำว่า..Merde ! (แมเดอะ) นั้น มันแปลว่า.. Shit !!!! ในภาษาอังกฤษ จากคุณ : WIWANDA - [ 27 ม.ค. 50 23:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับคุณวิ รู้อย่างนี้แล้วน่าไปขึ้นเป็นกองครับ แต่ก่อนไม่รู้จริงๆ ครับว่าหากไปบอร์คโดซ์เค้าจะมีโปรแกรมอะไรเสนอให้เราบ้าง กลัวว่าต้องกางแผนที่แล้วเดินเองด้วยซ้ำครับ ส่วนเพื่อนชาวฝรั่งเศสของผม ไม่รู้จะช่วยอะไรผมได้บ้าง ได้คุณวิช่วย เหมือนติดปีกหล่ะครับงานนี้...เหอะๆ จากคุณ : Einswasser - [ 28 ม.ค. 50 07:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ Einswasser ขา คลิกไปที่นี่..มีรายการพาเที่ยวไม่หวัดไม่ไหวเชียวค่ะ ได้เที่ยวบอร์คโดซ์ทั่วทุกทิศ และราคายุติธรรมจนบอกไม่ถูก มีภาษาเยอรมันด้วยละ.. http://www.bordeaux-tourisme.com/ ดูนี่แน่ะ... EVERY DAY FROM MAY TO OCTOBER Meeting point : Tourism Office city center - 12 cours du XXX juillet € : from 25 to 82 € (except week-end) � : 1 day from 25 to 35 pers. max (except saturday) Monday Saint-Emilion, a world heritage site A full-day tour focused on wine and history in one of the most famous vineyard areas in the world, a UNESCO World Heritage site. Winegrower's lunch 1 day – 09:15 – Tourist Information Office - 82 € Tuesday Bordeaux, city and wine country Tour of the historic wine-shippers' district, tasting lunch and tour of the urban vineyards, some lovely vineyard estates on the outskirts of the city. 1 day – 09:30 – Tourist Information Office – 75 € Wednesday Médoc 1855 – Outstanding Grands Crus Classés Every Wednesday, nine prestigious Médoc great growths take it in turns to present their terroir and wine, as well as the history of the extraordinary 1855 classification, including lunch “au château”. 1 day – 09:15 – Tourist Information Office – 82 € Thursday Graves and Montesquieu – Tour of the Grands Crus Classés de Graves A full day exploring the magnificent Graves area and visiting prestigious estates in the 1959 classification of great growths, as well as the historic home of the illustrious writer and philosopher, Charles de Montesquieu. Lunch “au château” 1 day – 09:15 - Tourist Information Office – 82 € Friday Art and Wine – Itinerary for Medoc lovers Three Médoc château owners tell the history of their estates, offer an opportunity to taste their wines, and present the works of art exhibited on their premises. Includes lunch 1 day – 09:30 – Tourist Information Office – 70 € Saturday Bordeaux, secrets of Great Wines A morning tour of the wine-shippers' district. Tasting lunch. An afternoon tour of wine châteaux with tastings On Saturdays from April 1st to November 15th 1 day 09:15: St-Jean station, arrivals area 09:30: city centre Tourist Information Office Price: 50 € and reduced 42 € - Children 29 € Sunday A walk on the hillsides overlooking the Garonne Guided walking tour around the Entre Deux Mers vineyards, enjoying the rolling landscapes and historic heritage, as well as visiting two family-run winegrowing estates. Picnic provided. 1 day – 09:30 – Lestiac Tourist Information Office - 25€ (not including transport to Lestiac) ดูราคาซิ..ไม่ต้องไปง้อทัวร์ที่ไหนเลย.. แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 50 08:08:50 จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ม.ค. 50 08:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ที่เห็นราคาว่าเป็นแปดสิบยูโรนั้น เพราะว่าเป็นรายการเที่ยวทั้งวัน รวมอาหารกลางวันด้วย น่าสนุกออกค่ะ....และ ขอบอกจากประสบการณ์ว่า ราคานี้ก็ยังนับว่าถูกมาก เพราะทุกอย่างที่เห็นพร้อมคำอธิบายน่าตื่นตาตื่นใจ.. สงสัยถามได้ มีคำตอบที่แจ่มแจ้ง..แดงแจ๋ จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ม.ค. 50 08:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ค่ำๆไปนั่งชิมไวน์ที่ ไวน์บาร์จนเป็นกิจวัตร เขาจะมีของทานเล่นที่เราสั่งมาทานแกล้มได้ มีหลายอย่าง อย่างจานนี้คือ ของโปรดของเลยเชียว เรียกว่า Bon Bon surprise ราคาสี่ยูโรเอง มีขนมปัง และ ที่เห็นเป็นห่อท๊อฟฟี่นั่น..คือ ใส้กรอกแห้ง อันนิดๆคล้ายๆกับ salame น่าเอ็นดูพิลึก มีหลายรส อย่างธรรมดา หรือ อย่างออกเผ็ดนิด ไวน์ก็เลือกเอา ลองมันไปหมด มีราคาตั้งแต่ 3-6 ยูโร แต่..จะทิปวันละห้า-หกยูโรทุกวัน..เพราะเราถือว่า ต้อง support ผู้ร่วมอาชีพ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ม.ค. 50 09:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณวิ โอ้โห .... ตื่นตาตื่นใจจน .... หายหนาวเลยค่ะ .... ไม่แพงเลยค่ะ ไม่แพง .... ขอบคุณมากมากค่ะในความกรุณา ทั้งอธิบายและรายละเอียดพร้อมรูปจากประสบการณ์จริง .... ยัมมี่ไปทุกจาน .... ถูกกว่าในกรุงเทพเสียอีก ... เซลามีนี่ชอบมากค่ะ ตอนหลังงดๆไปเพราะเห็นไขมันขาวๆ แต่จริงๆงดไส้กรอกอื่นๆดีกว่า แปลว่า บองบอง นี่เกือบจะเเถมฟรีเพราะมุ่งขายไวน์มังคะ นึกดูอีกที ก่อนไป แทนที่จะฝึกภาษา ต้องฝึกวิทยายุทธ์การชิมรสของไวน์ให้แข็งหน่อย จะได้เอนจอย..... ยินดีกะคุณเจียรด้วยค่ะ แหม ... เหมือนคาร์แอคซิเดนท์นะคะ ....อยู่ๆถูกชนโครม นิวยอร์ค อย่าเลิกแพลนเลยค่ะ ที่นี่นั่น อาอยากไปอยู่ซักเดือน ตอนหนาวๆ จะได้ออกไปดูเพลย์ อะไรต่ออะไร ..... เฮ้อ ... ว่าแล้วก็ หันกลับมาทำงานซะที ...แวบๆก่อนค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 50 10:39:05 จากคุณ : nijja - [ 28 ม.ค. 50 10:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พี่หวานขา กลับมาน้ำหนักขึ้นหรือเปล่าคะ? เห็นอาหารแล้ว ฮื้อ.. ผักน้อยจังนะคะ และน้ำหนักก็ไม่น่ากลัวเท่าคอเลสเตอรอล ที่มากับเนื้อสัตว์กับชีสกับเนยน่ะค่ะ เป็นห่วงนาค้า นึกภาพพี่หวานกลับมารีบเข้าครัวตำน้ำพริก อิอิอิ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 28 ม.ค. 50 11:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 67 " กลับมาน้ำหนักขึ้นหรือเปล่าคะ? " ...อูยยยย ...ว่าจะถามเหมือนกัน กลัวมีเคือง ...ดีที่น้องนก "เสี่ยง" ถามให้ ...ดูกันอีกที เพลิดเพลินปานนั้น จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 28 ม.ค. 50 12:12:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ประจำอยู่หน่วยกล้าตายค่ะพี่ ลุยก่อนแล้วหลบไวๆ หน่อย เอิ๊กๆๆ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 28 ม.ค. 50 12:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อิอิ..ชอบม๊า..ท่า"เกาะถังซด" เนี่ยยย... เรื่องน้ำหนักขึ้นหรือเปล่านี่ก็ไม่รู้นะ เพราะโกรธกะเครื่องชั่งมานานหนักหนาแล้ว ยี่สิบปีได้มัง.. โถ..อายุปูนนี้แล้ว..ไม่ห่วงแล้วค่ะ อยู่นานไปอีกวันก็ถือว่าเป็นกำไรแล้วนะ.. จะว่าไปนะ..เมื่อกี้แว่บเปิดทีวี(ไทย)ดูข่าว และรายการที่น่าสนใจ ไปเจอกับรายการของคุณสัญญา "ปรากฏการณ์คน" หรือ เดอะ ไอคอน (? เขาเขียนอย่างนี้จริงๆ) แขกรับเชิญคือ คุณมีชัย วีระไวทยะ ทีนี้ละ..ซึ้งไปเลย..เรื่องสังขารไม่เที่ยง นี่แหละ คุณมีชัยเนี่ยนะ..เมื่อ สี่สิบกว่าแก่อน สมัยที่เธอกลับมาจากเมืองนอกใหม่ๆ..ขอตรงๆว่า วิลลี่ก็วิลลี่เถอะ ชิดซ้ายไปเลย..หล่อออออ....มากกกก... แถมเขาเป็นสองศรีพี่น้องนะ..มีน้องสาว..ก็สวยกว่า "แหม่ม" หรือ คัทลัยา หลายเท่า..ชื่อว่า มาริษา.. ที่เฝ้าตามใกล้ชิด เพราะ มาริษา มาเป็นเด็กใหม่ในชั้นเรียนบัลเลต์ ที่เดียวกับเรา.. เวลาพี่ชายมารับทีไร...วิ่งตามดูกันแบบลืมมารยาทไปเลย มาดเธอ..ราวกับเจ้าชาย หล่อซ้า........... เอ..อย่างนี้เข้าข่ายนินทาชาวบ้านหรือปล่าวเนี่ย..?? แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 50 16:00:50 จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ม.ค. 50 13:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 70 . พี่วิวันดาจ๊ะ ได้รับความระลึกถึงที่พี่ส่งให้ทางโพนี่เอ๊กซเพร้สแล้ว กราบขอบพระคุณจากน้องและพรรคพวกด้วยความรู้สึกเดียวกัน สายใย สายโยง สายยาง ประหลาดนี้คงจะคล้องเราไปตีกันที่หัวหินทั้งบ้าน และแวะเจี๊ยะข้าวต้มปลาสลิดข้างทางในที่สุดอย่างที่ฝันกันไว้ได้อีกบ่อยๆ หากนัตโตะยังไม่ย้ายไปไหนเสียก่อน ยังไงๆก็ต้องหน้าด้านขอตีฟรีกันไปจนกว่าเค้าจะไม่ยอมนะพี่นะ ส่วนก๋วยเตี๋ยวผัดไทยไข่ห่อหน้าวัดเทพธิดา ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหน้าคุก ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตลาดนางเลิ้ง ห่านพะโล้สะพานเหลือง ผัดผักกระเฉดนิยม ต้มหัวปลาช่องนนทรี และฯลฯ รอให้พี่กลับมาก่อน ค่อยนัดกับลุงทีผู้ที่รสนิยมละเมียด แล้วค่อยไล่กันเป็นร้านๆไปนะจ๊ะ ดีใจอยู่เสมอเมื่อแวะเวียนเข้ามาเห็นพี่ยังรื่นเริงบันเทิงใจ ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ตัวเองสนุก มันก็มีแรงขับเคลื่อนไปได้เรื่อยๆเหมือนสายน้ำไหล เคยนึกเปรียบเทียบว่า ครั้งที่ยังเดินก้มหน้ามองหาเชื้อรา หาเห็ดในสนามกอล์ฟ ก็เลยพอนึกได้ว่าพี่มีความเมามันอยู่ขณะนี้เพียงใด ดีใจด้วยจ้ะ ขอให้นึกสนุกอย่างนี้ไปเรื่อยๆนานๆ อย่าเพิ่งเบื่อ อย่างน้อยก็เป็นการถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับผู้ที่ยังขวนขวายใส่ใจ ศึกษาได้ยิ่งๆขึ้นนะ ส่วนน้องน่ะยอมรับว่า หมดไฟที่จะไปเริ่มต้นเรียนรู้ของแปลกใหม่เพิ่มเติมแล้ว เพราะแค่รักษาของเก่าที่มีอยู่ยังเหนื่อยสายตัวแทบขาด เคยได้ชื่อว่า เป็นคนที่จำคนทั้งชื่อทั้งหน้าได้แม่นยำจนเป็นคัมภีร์ของเพื่อนๆ เดี๋ยวนี้มันเริ่มถดถอยหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นึกไม่ออก บอกไม่ถูก ติดอยู่ริมฝีปากร่ำไป ไปปรึกษาพรรคพวกที่เป็นหมอ เค้าก็ว่า ตูก็เป็นเหมือนกัน ไอ้หอก อายุป่านนี้แล้วยังหวังจะทรงจำอะไรได้มากมายเหมือนก่อนอีก ก็เลยได้แต่อาศัยท่านอาจารย์ใหญ่ทั้งหลายแนะนำ แล้วก็จดจำไปทดลอง ตัวไหนถูกปากก็จะผูกปีกัน วนเวียนกันอยู่แค่นั้น อย่างของพี่วิโรจที่เคยให้หวย ลาฟาเลซ กับ ชะบานอน มา น้องก็ไปซื้อเก็บสะสมไว้ อย่างของอาจารย์สื่อศิลปเจ้าแห่งตำรานั่นก็มีแปลกๆมาให้ลองเรื่อย แต่ก็เลือกเฉพาะที่ถูกปากเท่านั้น เช่น แซนต้า อนิต้า หรือ แซนต้า ริต้า อะไรนี่แหละ เห็นว่ามาจากชิลี แล้วก็ราคาย่อมเยา ขวดนึงไม่ถึงพัน ซื้อเก็บทีละ 5-6 โหลสบาย แล้วก็คอยให้เจ้าตัวไปสุ่มเสี่ยงทดสอบของใหม่ ซึ่งก็เจอน้ำส้มสายชูอยู่บ่อย รายงานเป็นระยะว่า ตัวไหนใช้ได้ ตัวไหนเข้าขั้น น้องขึ้นกรุงเทพทีก็จะพยายามไปซื้อเก็บไว้ ไว้คอยเปรียบกับของนายหัวที่ชอบซื้อ ไอ้อะไร ฮวดๆ มาทุกเดือนที่ประชุมกันที่ภูเก็ต สรุปว่าเราก็มี 389 ลาฟาเลซ ชะบานอน ซานต้าอนิต้า ไอ้ฮวดที่เป็นกรองครูอะไรนี่แหละ วนเวียนดื่มกันไปเรื่อยๆ แม้พี่วิโรจจะมีคำวิจารณ์ที่ไม่เสริมหนุน 389 นัก แต่เราก็ถูกปากเราเป็นหลัก เพราะเมาเร็วดี บางทีก็นึกแปลกใจที่อาจารย์ใหญ่สื่อศิลป เทียวทดลอง ทดสอบ ตัวใหม่อยู่เรื่อย พี่เค้าว่า เวลาเจอของดีมันสะใจแท้ เรื่องอย่างนี้เข้าใจยาก เลยใช้วิธีอย่างที่ว่า คือ คอยให้เซียนแนะนำดีกว่า อ้อ อีตาชอบแช้งค์คนสุดท้องฝากเรียนพี่ว่า ไปมาแล้วกับเจ๊หนุนเมืองบอโดที่ว่า แถมยังโม้ว่าไปเข้าร้านอาหารแล้วสั่งไวน์ขวดละเป็นร้อยฟรัง จนทางร้านต้องไปไขกุญแจเปิดออกจากตู้ที่ล็อคไว้ เล่นเอาชาวพื้นที่มองกันทั้งร้าน คงไม่เคยเห็นสามล้อถูกหวยมาก่อน ทั้งกบทั้งหนุนชอบเมืองนี้มากเช่นกัน ซึ่งชาตินี้น้องคงไม่ไปด้วยไม่เคยพิสมัยการเดินทางมาแต่ไหนแต่ไร ขนาดนั้นเดือน พค. หน้า สองคนนี้ยังเอา รอแย่ลเมลเบิร์น มาล่อจนหลงกลต้องยอมไปกับเค้าอีกครั้ง เฮ้อ ... นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ถ้าไม่เล่นกอล์ฟแล้ว ชีวิตนี้ยังมีอะไรประคับประคองต่อไปอีก เกลียดไอ้ been there, done that จริงๆ สวัสดีจ้ะ . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 28 ม.ค. 50 14:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 71 . อั้นแน่ ออนลายพร้อมกันวุ้ย งั้นน้องขอนินทาเสี่ยมีชัยสุดหล่อบ้างนะว่าเธอเป็นไง เธอเคยมาออกรอบ วีไอพี ให้น้องต้องดูแลกับอีกหลายวีไอพี ไม่ต้องเอ่ยชื่อดีกว่า เสี่ยมีชัย เธอแจ้งว่า ไม่ได้ถูกลูกมาเป็นเวลาพอสมควร จะขออนุญาตซ้อมสักหน่อย ว่าแล้วเธอก็ล้วงลูกกอล์ฟออกมา "กำมือใหญ่" ตั้งทีหวดหัวไม้หนึ่งป้าบๆ ไปเกือบสิบลูก นึกว่าพอ เสี่ยเค้ายังล้วงลูกออกมาอีก "กำมือใหญ่" ซ้อมพิชชิ่ง โยนไปที่กลางแฟร์เวย์นั่นอีกอย่างหน้าตาเฉย ก๊วนที่คอยอยู่ข้างหลังอีกหลายก๊วน จึงตกเป็นภาระของน้องที่จะต้อง "จัดการ" เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีต่อภาพพจน์ของนักกอล์ฟไทยจ้ะ คนรูปหล่อ คนรูปงาม ก็มีหลายเหลี่ยมหลายมุมให้มองเหมือนกัน ใช่ว่า จะเป็นเทพบุตร เทพธิดา นางฟ้า ทำอะไรถูกไปหมด ดีไปหมด เหมือนนักกีฬาสาวสวยที่มักจะได้รับการชื่นชมโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล ขออภัยที่เห็นอีกมุม เลยอาจจะมาทำลายจังหวะ ทำลายอารมณ์พี่เสีย อย่าโมโหเต่านะจ๊ะ นานๆจะเห็นคนใส่เสื้อแดงผู้ผ้าเขียวที นึกว่ามีแต่แซนตาคล้อส . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 28 ม.ค. 50 14:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตาชอบแช้งค์จ้ะ ตายยากจริงๆ กำลังคิดถึงอยู่เชียว ข้องใจว่าจะได้รับจดหมายน้อยหรือปล่าว.. ใครไปบอร์คโดซ์แล้วไม่หลงรัก ก็จะว่าประหลาด เพราะมันช่างได้กลิ่นอายของยุโรปแต้ๆเชียว ยิ่งชอบไวน์ด้วยนะ เป็นเลิศ.. ยิ่งไม่ได้ควักกระเป๋าเอง....โอย..ประเสริฐศรี แต่ตาช.ช. จ้ะ 100 ฟรังค์ มันเท่ากับ 15 เซนต์ยูโรนะจ๊ะ พูดอย่างนี้ เดี๋ยวเสียชื่อหมด ตากบรู้เข้าก็เคืองแย่.. อ้อ..เขาไม่คิดจะพาเธอไปที่ไหน นอกจากออสเตรเลียหรือไง หือ?? ไอ้ไวน์ฮวดๆ อะไรของเธอ ถ้าให้เดา คงเป็น Chateau Smith Haut Lafitte ใช่ป่ะ..?? เรื่องคุณมีชัย..น่ะ ชมว่า(เคย)หล่อเฉยๆเว้ย...เหมือนกับชมดาราอะไรทำนองนั้นแหละ แต่ไม่ใช่แฟนคลับประเภทหลับหูหลับตากรี๊ด.. เรื่องกอล์ฟ...อย่าเพิ่งเบื่อเลย เสียดายทุนที่ทุ่มไปเยอะแล้ว ทั้งทรัพย์และเวลา อีกทั้งมันยังเป็นกีฬาคลายเครียดให้ด้วย..จ ะเล่าอะไรให้ฟัง.. ในสังคมใหม่ที่ทำงานนี่นะ..ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเรา(ก็)เล่นกอล์ฟ(พอเป็น) นอกจากนาย ที่พอแว่วๆมาบ้าง.. บังเอิ๊ญ..เขาไปได้ตั๋วฟรีสี่คนสนามเด็ดมา..ก็ให้เราไปเชิญลูกค้ามาเล่น หามาได้แค่สาม เพราะมันไม่ใช่วันหยุด ไอ้สามคนที่ว่านี่..หนึ่งหญิง สองชาย..มือใหม่ทั้งนั้น นายก็บอกให้เราไปแจม จะได้เป็นสองหญิง.. เผอิญว่า หุ่นเรา หรือ หน้าตาเรามันคงห่างไกลกับนักกีฬาไปมั๊งป๋า.. ก่อนออกรอบ..มันสอนกฏฉันว่ะ.. ว่าต้องทำโน่น ห้ามทำนี่ ฉันก็เออคะๆ ไปตามเรื่อง (ลูกค้าง่ะ จะให้ทำไง) ก็ตั้งใจว่าจะตีทิ้งตีขว้างอยู่หรอกนะ.. แต่สนามมันสวยมาก ท้าทายดีจริง.. สามคนนั่น สกอร์รวมกันเกือบสี่ร้อยได้มัง.. พูดแค่นี้..ป๋าคงเห็นภาพ ..ไม่ต้องอธิบายมาก และเชื่อว่า หมอนั่น..คงได้เรียนบทเรียนกอล์ฟใหม่ๆประจำวัน ว่า ถ้าจะสอนใคร ควรถามก่อนว่า "ถือแฮนดิแคป" อยู่เท่าไหร่? จากคุณ : WIWANDA - [ 28 ม.ค. 50 16:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 73 . พี่เอ๊ย 3 คนเกือบ 400 ขอหัวเราะให้ท้องแข็งก่อนนะ นึกถึง a blind leading a blind ขึ้นมาทันที แต่อันที่จริงพี่ควรจะสาธยายให้ละเอียดอีกนิดเผื่อน้องๆที่นี่จะได้พลอยครึกครื้นไปด้วยว่า หลังจากเห็นวงซวิงอันหมดจด สมราคาชั่วโมงละ 175 เหรียญของพี่แล้วน่ะ blind people พวกนี้ทำหน้าอย่างไรต่อ ประสบการณ์แบบนี้ยุ่งเหมือนกัน เพราะต้องเอาใจลูกค้าน่ะ ใครที่ไม่ได้ "ขายบริการ" แบบพวกเราอาจจะไม่เข้าใจนะ เรื่องเสี่ยกบ สงสัยน้องจะบอกตัวเงินผิด เพราะเค้าทอนเป็นเงินไทยให้ฟังว่า มันปาเข้าไปขวดละสี่พันกว่าบาท เดี๋ยวเกิดเค้าแว้บเข้ามาอ่านเจอ จะเข้าใจผิดว่า ไปดื่มราคา "แค่นั้น" ได้ไง อย่างที่พี่เคยบอก ติงบวมตายห่านเลย ส่วนสถานที่อื่นนั้นน่ะ เค้าก็ชวนออกบ่อย เพราะเจ๊หนุนเธอเลิกทำงานนานแล้ว เที่ยวอย่างเดียว แว่วๆว่าทั้งสองคนเค้ามีโปรแกรมจะไปอเมริกาปีนี้แหละ แต่น้องขอสละสิทธิ์ เพราะพี่ไม่รู้หรอกว่า ไปขอวีซ่าเข้าเมืองมันเรื่องมากน่ารำคาญขนาดไหน แถมเดินทางกันเป็นวัน ไม่เอาแล้วจ้า ทรมานเกินไป กระดูกกระเดี้ยวเสียทรงหมด . จากคุณ : ชอบแช้งค์ - [ 28 ม.ค. 50 17:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอ่อ....เข้ามาฟังคนแก่คุยกันครับ ไปละ........แว๊บบบบ....! จากคุณ : Uncle Tee - [ 28 ม.ค. 50 21:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ลง book mark ค่ะ จากคุณ : horseshoes - [ 29 ม.ค. 50 05:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทู้วิ่งเร็วเหมือนเช่นเคยครับ อ่านเพลินมากๆ ไปเรียนภาษามาสี่ครั้งแล้วครับ อ่านออกเสียงยากจริงๆ เล่นเอาภาษาเยอรมันที่ว่ายากแล้ว กลายเป็นสบายๆไปเลยครับ happy anniversary ขวบปีของกระทู้ย้อนหลังด้วยครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 29 ม.ค. 50 06:14:46 A:213.39.146.55 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เออง่ะ..เห็นด้วยกะลุงที...เหมือนคนแก่คุยกันจริงๆด้วย ยิ่งเรื่อง"ขายบริการ" เนี่ยนะ ลุงนะ ..มีชั้นกะอีตาป๋าคุยกันรู้เรื่องอยู่สองคนจิง จิ๊งงงง... คนอื่นๆก็อย่าคิดมากล่ะ..ไม่มีอะไรในกอไผ่ หวัดดีค่ะ คุณ horseshoes, คุณ LaGrandeRue ภาษาเยอรมัน ก็เคยลองเรียนนะ..แต่ยอมแพ้ไปตั้งแต่ยกแรกเลย เป็นภาษาที่ใช้พยัญชนะเปลืองมาก.. จากคุณ : WIWANDA - [ 29 ม.ค. 50 07:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ฟังพี่ๆ คุยกัน หันซ้ายทีหันขวาที เพลินจังเลยค่ะ วันนี้แฮปปี้ ขอบคุณค่ะ (นกเพิ่งหายสงสัยว่าทำไมพี่หวานถึงมีท่าเดินคล้ายนักบัลเล่ย์ อิอิ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 29 ม.ค. 50 10:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 79 วันนี้มีฝรั่งเป็นเอ๊กซ์ปอร์ตเมเนเจอร์มาจากฝรั่งเศสมาคุยเรื่องไวน์โบโดซ์ให้ฟังที่ออฟฟิซทั้งวันเลย อาศัยว่าลักจำเรื่องราวเอามาจากแถวนี้ค่อยคุยกับเค้ารู้เรื่องหน่อย เอาตัวรอดไปได้ถลอกๆ ( แอบก๊อปปี้ภาพแผนที่โบโดซ์ของป้าวิไปใช้ด้วย คราวหน้าขอแถบโรนด้วยนะครับ ) ขอบคุณความรู้ครับผม จากคุณ : Master_Indy - [ 29 ม.ค. 50 18:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อเย็นวานได้ลองไวน์ที่ผ่านอุณหภูมิ 0 องศา มาแล้วครับอาวิ ผมได้ลองสองขวดด้วยกันคือ bv george de latour 1985 Solaia 1994 ทั้งสองขวดไม่มีอาการบอบช้ำแต่อย่างใด ถือว่าโชคดีไปเรา ลืมไปครับ Happy Kratoo Day ย้อนหลังด้วยคนคร้าบ จากคุณ : เจีย ส. วิวันดา (jearjear) - [ 29 ม.ค. 50 23:05:26 ]

ความคิดเห็นที่ 81 คุณ Master_Indy ที่รัก ดีใจมากที่ได้ใช้ข้อความก่อให้เกิดเป็นความรู้ และเอาไปใช้ในอาชีพได้ แต่ช่วยได้พอแค่เอาตัวรอดแบบถลอกๆเท่านั้นหรือคะ..แหม..น่าหยิกจัง ที่จริงน่าจะน้ำไหลไฟดับ จนฝรั่งต้องอึ้งไปเลยต่างหาก ............................... นี่..ยัยน้อง Tweety สี่ตา อย่ามาแซวนะ สมัยนั้นคุณแม่ อยากจะเป็น "มารดาดัน" ( เผื่อว่าลูกสาวจะเป็นดารา กะเขามั่ง..)ส่งไปเรียนเกือบทุกอย่าง รำไทยที่ช่องสี่ บางขุนพรหม , เรียนบัลเล่ต์กับมาดามเจเนเวียฟ สุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมพงค์), เรียนว่ายน้ำที่สนามกีฬาฯ,เรียนเทนนิสที่สนามบ้านพิษณุโลก..ฯลฯ แต่...ไม่ได้ดังใจสักอย่างเดียว.. ................... คุณ jearjear อ่านหลังไมค์ด้วยค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ม.ค. 50 05:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 อิอิ นึกว่าไม่มีคนกล้าแซว มั่นมากค่ะ เสื้อแดงผ้าพันคอเขียวเนี้ย ถูกใจจริงๆ จากคุณ : horseshoes - [ 30 ม.ค. 50 07:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ก๊ากกกก... ชอบดูพี่หวานค้อนค่ะ เหมือนเพชรา ผู้มีนัยตาหยาดน้ำผึ้ง (ขอเรียนพี่วิโรจว่าคำเปรียบนี้ไม่เว่อร์ค่ะ) คุณ Master_Indy หายดีแล้วใช่มั้ยเอ่ย ดีใจนะคะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 30 ม.ค. 50 09:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ..."เจีย ส. วิวันดา" ...สมญานามนี้ของเจ้า...เด็ดดวงเสียนี่กระไร ...ศิษย์สำนักนี้ช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก หรือเห็นเป็นเช่นไร...น้องนก ศิษย์หัวหอม เอ๊ย หอมหวล จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 30 ม.ค. 50 10:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ดื่มก็ขมดมก็เหม็นแบบนกเนี่ย... สงสัยอีกหลายปีค่ะ กว่าอาจารย์จะรับเป็นศิษย์ ตอนนี้เป็นแค่เสี่ยวเอ้อ คอยยกน้ำยกท่า กวาดเช็ดถู คอยแอบลักดูลักจำวรยุทธไปก่อนค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 30 ม.ค. 50 10:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ตลอดยุคของศตวรรษที่ 19 ต่อตามมาจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 การค้าขายไวน์ได้ผันมานิยมระบบใหม่ ที่เรียกว่า abonnement หรือในความหมายว่า สัญญาซื้อเหมาระยะยาว แล้วแต่จะตกลงกันว่ากี่ปี ยาวสุดคือสิบปีติดต่อกันระหว่างเกษตรกร กับ เหล่านายหน้า คนที่ริเริ่มระบบนี้ คือ กลุ่มนีโกเชี่ยน ตระกูล Johnson ที่จับมือ Ch. Margaux เซ็นสัญญาเหมากันสิบปี (1863-1872) หมายความว่า ตีราคากลางที่ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจ และรับเงินไปเลย ไม่ว่าราคาจะขึ้นหรือลงในตลาด จะกำไร หรือขาดทุนก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเหมา ผู้ผลิตไม่เกี่ยว เพราะรับเงินไปแล้ว และไวน์มาร์โกต์ทั้งสิบปีนั้น ถูกส่งออกไปตลาดอังกฤษทั้งหมด ชาวฝรั่งเศสไม่มีสิทธิได้เห็นแม้แต่ขวด ระบบซื้อเหมานี้กำลังไปได้สวยๆ ต้องมาสะดุดไป เพราะ เหตุจากการภาวะเศรษฐกิจล่มสลายที่เกิดขึ้นหลังจากการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ตระกูล Lawton หนึ่งในยักษ์ใหญ่นิโกเชี่ยน ที่ได้ไปทำสัญญาซื้อเหมากับไร่โน้นไร่นี้..เกิดภาวะหมุนเงินไม่ทัน ถึงแม้จะไปขอร้อง ขอผ่อนผันกับฝ่ายเกษตรกร ก็ไม่เป็นผล เพราะทุกคนต่างโดนพิษเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า นายลอว์ตัน จึงตัดสินใจ ยอมขายทรัพย์สินเพื่อรักษาหน้า และเครดิตทางธุรกิจ ทรัพย์สินที่ว่านั้น คือ ไร่ไวน์ของครอบครัว Chateau Leoville-Poyferre ที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ รวบรวมเงินไปซื้อมาจาก Hugh Barton หมายเหตุ..ประวัติของไร่..ในปี 1826, Hugh Barton ได้ซื้อที่ดินผืนเล็กๆมาทำไร่ LEOVILLE BARTON (เป็นไร่แรก).. ต่อมา ในปี 1840 ได้ซื้อที่ข้างๆเพิ่มและแบ่งที่ตรงนั้น ออกเป็นสองไร่ ตั้งชื่อว่า.. LEOVILLE POYFERRE และ LEOVILLE LAS CASES และได้ขายให้กับ กลุ่มตระกูล Lawton เพราะสงครามได้ส่อเค้าใกล้เข้ามา.. และ เมื่อเกิดเหตุล่มสลายของเศรษฐกิจหลังสงคราม ไร่พวกนี้ได้เปลี่ยนมือไปให้กับ ตระกูล CUVELIER ไวน์ทั้งสามที่เอ่ยมานี้..อยู่ในโผของ classification of 1855 Second Growth ทั้งหมด แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 50 00:17:13 จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ม.ค. 50 11:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 87 นอกจาก รายการซื้อเหมาผูกขาดระยะยาวแล้ว ยังมีอีกระบบหนึ่งที่เข้ามาในความนิยม ในช่วงของ 1950s นั่นคือ การขายรายปีแบบยกไร่ หรือ ครึ่งไร่ เพียงต้องการได้กำเงินส่วนหนึ่งไว้ก่อน การทำไร่ไวน์นั้น เปรียบเสมือนการเล่นการพนันชนิดหนึ่ง ที่เจ้ามือคือ ดินฟ้าอากาศ ส่วนนายทุนคือกลุ่มหลงจู๊นั้น มีอัตราการเสี่ยงมาก เพราะการเหมาหลายปี ยังพอจับแพะชนแกะได้ เพราะ มันมีทั้งดีและไม่ดี คละกัน.. แต่ถ้าซื้อกันรายปี เกิดมีการผลิกโผขึ้นมา ก็เจ๊งกับเจ๊ง หรือ อาจรับเละ.. เช่นในปี 1961 ที่ซื้อกันตั้งแต่องุ่นยังไม่ทันออกช่อ โดยเอาราคาของปี 1960 มาเป็นหลัก (ถือว่าเป็นมาตรฐานของไร่) พอองุ่นกำลังติดช่อ อากาศเกิดหนาวขึ้นมา..นั่นหมายถึง เมล็ดจะเล็ก และ ไม่ดก.. สิงหาคมและกันยายน คือฤดูร้อนที่แห้งน้ำ ทำให้องุ่นมีรสจัด เข้มข้น ไวน์ในปี 1961 ออกมาเลิศสะแมนแตน.. เรียกราคาได้ชนิดสุดกู่.. เหล่าหลงจู๊ รับทรัพย์ ร่ำรวยกันเป็นแถวๆ หรือ ตัวอย่างอย่างกรณีของ Jean Miailhe เจ้าพ่อเมดอค ที่ฉลาดพอ เพราะบรรษบุรุษได้สั่งสอนมาดี ว่า.. ในกรณีขายรายปี..อย่าขายยกไร่ ให้เหลือเก็บไว้ครึ่งหนึ่งอย่างน้อย ดังนั้น ในปีที่ขายดีของไวน์ 1961 เขาก็สามารถขายไวน์ครึ่งหนึ่งที่เหลือ ก็ยังสร้างกำไรให้มากพอสมควร.. จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ม.ค. 50 11:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เพราะเล่าเรื่องการค้าขายไวน์แล้วน้ำลายแตกฟอง.. เลยตลุยโลด..ข้ามเรื่องประวัติศาสตร์มาหน้าตาเฉย..ต้องขออภัยด้วยค่ะ.. งั้นพาย้อนกลับมาสู่เส้นทางประวัติศาสตร์ใหม่.. คือ ในศตวรรษที่ 19 นี้ ถือว่าเป็นจุดรุ่งไรจน์ของไวน์ฝรั่งเศส..ก็ไม่ผิด จะถือว่าเป็นจุด(เกือบ)ดับ..ก็ถูก.. คือ ปี 1852 นั้น โรคห่าองุ่นชนิดแรกได้เกิดขึ้นมา เล่นเอาวงการไวน์สะเทือน...นั่นคือ เชื้อรา Oidium ที่ต้องแก้ไข กันนานหลายปี กว่าจะหาย.. นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ พระเจ้านโปเลียนที่สาม จึงต้องทรงรีบทำการจัดระดับ ไวน์บอร์คโดซ์ ให้เป็น 1855 classification เพื่อออกในงานแสดงสินค้าครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อกลบคำครหาในเรื่อง โรคภัย และเชื้อรา.. แต่จัดระดับไปได้ไม่นาน..ไอ้เชื้อรา Oidium ได้ขยายพันธ์กลายมาเป็น Phylloxera หรือ โรคห่าองุ่น ที่ดื้อยา..ฆ่าไม่ตาย คราวนี้..ดับสนิทไปทั้งวงการไวน์ จากฝรั่งเศสตลอดทั่วไป ในพื้นที่อื่นๆในยุโรป กว่าจะปราบโรคห่าองุ่นนี้ไปได้ ก็หมายถึงการล่มสลายของกสิกรไวน์ผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ขายไร่ทิ้งกันเป็นแถบ ในปี 1860 เป็นต้นมา เงินใหม่ก็หลั่งไหลเข้ามากว้านซื้อไร่ดังเอาไว้ดูเล่น หรือเก็บเอาไว้เป็นที่พักผ่อนแบบบ้านชนบท.. เช่น ตระกูล Johnson เข้ามาซื้อ ไร่ Ducru-Beaucaillou ตระกูล Cruse ซื้อ Potet-Canet และ Giscours และปี 1868 James de Rothschild เข้ามาซื้อ Ch. Lafite จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ม.ค. 50 12:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 89 หลังจากที่ไร่ต่างๆได้เปลี่ยนมือไป ตกไปเป็นของเศรษฐี ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะองุ่นยังไม่ฟื้นตัวจากโรคร้าย ของใหม่เอาไปต่อตากับต้นองุ่นจากอเมริกา ก็ต้องใช้เวลานับปีๆกว่าจะโต (อย่างน้อยสี่ปี) ซึ่ง..นี่คือที่มาของไวน์สูตรลับทั้งหลาย.. เพราะ ในยามนั้น การผสมไวน์ โดยการนำไวน์จากพื้นที่อื่นๆมาปนเป ได้ทำกันอย่างโจ๋งครึ่ม เพราะคุณภาพของไวน์บอร์คโดซ์เข้าข่ายย่ำแย่ ราคาหล่นวูบไปจนเกือบสิ้นศษวรรษ พอเริ่มขึ้นศกใหม่ ศตวรรษที่ 20 บรรดาไร่ไวน์ชั้นหนึ่งทั้งหลาย ต่างพากันเซ็นสัญญาระยะยาวห้าปี สิบปี กับกลุ่มนีโกเชี่ยนกันเป็นแถวๆ ต่อมาไม่นานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ที่ทำให้ไวน์กลายเป็นของที่มีราคาแพง ตราบไปจนสงครามเกือบเลิก กลุ่มพ่อค้าตัวกลาง ก็ร่ำรวยกันถ้วนหน้า แต่ผู้ที่เสียเปรียบเต็มๆนั้นคือ ผู้ผลิต..และด้วยประการฉะนี้..คุณภาพของไวน์จึงยิ่งตกต่ำ เพราะ ต่างหมดกำลังใจในการที่จะผลิตไวน์ดีๆ..กำรี้กำไรก็ไม่ได้ จะเอาอะไรกันนักหนา.. จากนั้นมาไม่นาน..คือ 1917 ทั้งผู้ผลิต และ นีโกเชี่ยน ก็ล่มจมไปแทบจะพร้อมๆกัน เพราะ ลูกค้ารายใหญ่ยักษ์ ราชวงค์โรมานอฟ แห่ง รัสเซีย ได้ถึงแก่การเป็นไป.. สิ้นสุดล่มสลาย พร้อมๆกับการเกิดขึ้นมาของ กลุ่มบอลเชวิค ซ้ำร้าย อเมริกา ประกาศกฏหมายห้ามขาดสุรา.. ฝรั่งเศส ไม่ได้เคราะห์ร้ายแต่เพียงเท่านั้น..เพราะ 1920s โลกได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืดครั้งใหญ่ ผู้คนว่างงานกันเป็นแถวๆ ตลาดหุ้นวอล สตรีท ต้องปิดตัวลง.. พอปี 1930s ที่พอจะตีตื้นขึ้นมาสักหน่อย ก็ สงครามโลกครั้งที่สองอีกแล้ว.. (ตรงนี้จะเล่าข้ามไปเลย..เพราะ เขียนมาแล้ว) จากคุณ : WIWANDA - [ 30 ม.ค. 50 13:31:48 ]

ความคิดเห็นที่ 90 เก็บๆตังค์เก็บตังค์ :) จากคุณ : NICKY (Nic Nenin) - [ 30 ม.ค. 50 20:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 91 สนุกมากครับพี่วิ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 30 ม.ค. 50 22:47:09 A:134.28.141.6 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 92 สวัสดีครับ ทุกๆท่าน เข้าใกล้เดือนแห่งความรักแล้วนะครับ รักกัน รักกัน นะครับ จากคุณ : jearjear - [ 30 ม.ค. 50 23:22:54 ]

ความคิดเห็นที่ 93 แหม..กองเชียร์ มียุให้เก็บตังส์ คุณเจียก็มาแบบวัยรุ่นคลั่งรัก พอเดือนกุมภา...ละก้อ ต่อมความรักเริ่มทำงานแบบเบิกบาน เปรมปรีดิ์ ไชโยโห่ฮิ้ว คุณ LaGrandeRue อ่านแล้วสนุก พี่ก้อ..ดีใจด้วย เพราะ การเดินทางช่วงนี้ของไวน์ฝรั่งเศส อันถือว่าเป็นไวน์ที่ดีที่สุดในพื้นปฐพี ไม่ค่อยมีใครนำมาตีแผ่ เพราะ เจ้าของไร่ไวน์เที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่อยากพูดถึง ถ้าไม่จำนนต่อหลักฐานจริงๆ.. เมื่อก่อน..ไวน์ในบอร์คโดซ์ทั้งหมดจะต้องมาที่ท่านี้ Quai des Chartons (เค เดส ชาร์คตองส์) ซึ่งข้างในว่ากันว่า เป็นอุโมงค์ยาวสุดลูกหูลูกตา มีแต่ถังไวน์เรียงเต็มไปหมด พร้อมที่จะส่งขึ้นเรือ แม่น้ำอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนไป ในภาพ..ตึกที่มีหอสี่เหลี่ยมเล็กๆข้างบน ยาวไปตลอดทั้งแนวเลย..คือ Quai des Chartons เผอิญว่า ข้างหน้ามีการก่อสร้างที่จะวางรางรถแทรมสายใหม่ เลยไปถ่ายรูปใกล้ๆไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 50 06:24:37 แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 50 04:46:06 จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 04:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ในปี 1930s นั่น ไวน์ล่มเกือบทั้งทศวรรษ มีดีอยู่เพียงสามปี คือ 1933,34,37 นี่หมายถึง หายนะ ล้วนๆ.. นาย Hugues Lawton เล่าไว้ว่า ทรัพย์สินทั้งอสังหา หรือ สังหา..ทุกอย่างในบอร์คโดซ์ ปิดประกาศขายหมด แต่ไม่มีใครมีกำลังที่จะมาซื้อ ชาโตหลายๆชาโต ต่างถูกทิ้งขว้างไม่มีการดูแลรักษา จนทรุดโทรม ไร่ไวน์เมดอคที่เคยเกรียงไกรใหญ่โต กินอาณาเขตถึง 17,000 เฮตแตร์ หดหายไปเหลือเพียง 13,000 เท่านั้น พอเงาแห่งสงครามได้เคลื่อนตัวเข้ามาในปี 1939 ยิ่งแล้วลงไปกันใหญ่.. แต่พอเยอรมันได้เข้ามาครอบครอง ใช้ชาโตทั้งหลายให้กลายเป็นศูนย์ปฏิบัติการ หรือ เอาทำเป็นเรือนนอนของทหาร มันก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่.. ว่ากันว่า...เหล่านาซีนี่แหละ ที่ขนเครื่องมือ และอุปกรณ์ก่อสร้างมาซ่อมสร้างให้จนสวยงาม..ใช้งานได้ แต่...หนังสือ(ที่ฝรั่งเศสเขียน) ต่างพิโอดพิโอย คร่ำครวญ รำพันว่า..บ้านสวยๆงามๆของเขา ต้องมาเป็นริ้วรอยด้วยรองเท้าท๊อปบู๊ต ฝาผนังแกะสลักมีรอยตะปูตอก เพื่อเป็นที่แขวนปืน..ไร่องุ่นดีๆ ก็เอามาเป็นที่ซ้อมยิงปืน..ฯลฯ จากเหตุผลที่เล่ามา..ก็ไปพิจารณากันเองว่าจะเชื่อใคร.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 05:05:05 ]

ความคิดเห็นที่ 95 สวัสดีครับ ทุกๆ ท่าน อ่านเพลิน ครบรสจริงๆ ครับ จากคุณ : Einswasser - [ 31 ม.ค. 50 05:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อเยอรมันเข้ามา..นีโกเชี่ยนเชื้อสายอังกฤษ ไอริช สก๊อต ต่างก็หนีกลับบ้านใครบ้านมัน..หรือไว้แต่ นีโกชี่ยน เชื้อสายเยอรมัน ที่มีกันอยู่สองคน คือ ลุงหลุยส์ หรือ Louis Eschenauer และ Roger Descas ที่ต่างก็รับเละ เพราะเป็นตัวแทนมี่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในการสั่งซื้อ สั่งผสม สั่งกักตุน สั่งข้ามแดนได้สารพัด ลุงหลุยส์ ได้ทำการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะมีอำนาจอยู่ในมือ โดยการส่งไวน์จากดินแดนอื่นๆ เช่น โรห์นเหนือและใต้ มาเก็บไว้ใน Quai des Chartons และ ตีตราใหม่ว่าเป็นบอร์คโดซ์ อีกทั้งประทับตราสวัสดิกะ เพื่อไม่ให้ใครบังอาจมาแตะต้อง.. ที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะ ไวน์ดีๆ(ของแท้)..คุณลุงก็เอาไปเก็บซ่อนไว้มั่ง และส่งไวน์ลูกผสมในฉลากของชาโตดัง ปนเปไปให้กับท่าน Weinfuhrer Goering มั่ง.. แล้วก็ไปแก้ตัวเอาว่า..ไวน์อาจไม่ดีเท่าที่ควร เพราะต้องเดินทางไปไกล หรือ ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ ผลผลิตไม่ดี และ มันก็จริงๆของลุงแก..เพราะ ไวน์ในช่วงสงคราม ก็ไม่ดี เพราะด้วยดินฟ้าอากาศ และ แรงงานที่ขัดสนไปหมด ลุงหลุยส์ได้ทำงานตามคำสั่งของนาซี แต่แกก็พยายามสุดความสามารถที่จะช่วยไร่ไวน์ให้อยู่ได้ โดยการต่อรองขอโน่นนี่จากนาซีสุดฤทธิ์ เครื่องไม้เครื่องมือที่เป็นโลหะนั้น มีค่ายิ่งกว่าทอง เนื่องจาก โลหะคือสิ่งที่ต้องการต่อการ สร้างยุทธปัจจัย ในบอร์คโดซ์เอง..ปัจจุบัน ตามน้ำพุที่มีรูปปั้นนั้น ส่วนใหญ่คือปูนปั้น เพราะ ในอดีตที่เคยเป็นโลหะรูปม้า รูปอัศวิน ไม่มีเหลือแล้ว..กลายไปเป็นรถถังปันเซ่อร์หมดแล้ว.. แต่..ในช่วงสุดท้ายของสงคราม โลหะที่มีส่วนผสมของ บรอนซ์ จำนวนนับสิบๆตันที่หลอมเอาไปจากการปล้นอนุสาวรีย์ กำลังอยู่บนรถไฟเส้นทางสายบอร์คโดซ์ กำลังพร้อมที่จะมุ่งหน้าสู่เบอร์ลิน.. แต่ไม่ทัน.. เพราะ เส้นทางถูกบอม์จากฝ่ายพันธมิตรเสียก่อน.. โลหะเหล่านั้น จึงไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน..กลับคืนสู่บอร์คโดซ์ และมันได้มากลายเป็นการเติมปฏิมากรรมตรงส่วนฐานของอนุสาวรีย์ Girondin ที่ตั้งเด่นเป็นศรีเมือง กลางจตุรัส..(ที่สร้างมาดั้งเดิมตั้งแต่ 1793 เพื่อรำลึกถึงกลุ่มนักสู้ในการปฏิวัติครั้งใหญ่) ในภาพเอามาให้ดูชัดๆ เพราะเขาสูบน้ำออกไปจากบ่อจนหมด กำลังทำความสะอาดน่ะค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 06:00:04 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อันนี้เวลามีน้ำพุ ตามปรกติ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 06:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 98 หลังจากที่สงครามเสร็จสิ้น ในปี 1945 เคราะห์กรรมของไวน์ก็หาใช่จะหมดไปไม่ ..ปี 1946 เกิดพายุลูกเห็บขนาดใหญ่ ขนาดที่มาดาม Florence Motte เจ้าของ Portet vineyard ต้องไปยืนร้องไห้โฮ กอดกันกลมกับ ผู้จัดการกลางไร่... เพราะมันไม่ใช่ทำลายแต่ผลองุ่นเท่านั้น ความแรงของพายุ ทำให้ลำต้นฉีกขาดไปด้วย.. ถ้าบ้านเมืองสงบเรียบร้อย การแก้ไข หรือ รักษาให้เสียหายนั้นเบาบางลงไป ก็ย่อมทำได้ แต่..ในช่วงหลังสงครามหมาดๆอย่างนั้น...ไม่มีอะไรเหลือเลย..ไม่ว่าจะเป็นกรดทองแดง หรือ sulpher อีกทั้งเครื่องไม้เครื่องมือที่ขาดแคลนไปทุกสิ่ง เท่านั้นไม่พอ พอช่วงฤดูเก็บเกี่ยว บางไร่ที่ยังพอมีความหวัง เพราะไม่ได้เสียหายไปทั้งหมด ก็ต้องพบกับฝนที่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่วนั่นอีก.. วินเทจของบอร์คโดซ์ปี 1946 ได้ละลายหายไปกับสายน้ำไปต่อหน้าต่อตา.. มากระเตื้องขึ้นไปปี 1947 และ 49 ที่จัดว่าผลผลิตเป็นเลิศ (( ปี 48 แค่พอแหลกล่าย) พิษเศรษฐกิจของระหว่าง และ หลังสงคราม นั้น ทำให้เศรษฐีได้กลายมาเป็นยาจกกันถ้วนหน้า..อย่าง.. นาย Peter Sichel ที่เป็นเจ้าของ Chateau Palmer ต้องทำงานเองทุกอย่าง ไม่มีปัญญาจ้างลูกจ้าง เขาต้องไปทำหน้าที่เดินสายขายไวน์ด้วย..ในวินเทจของปี 1952,1953 เขาเล่าว่า ต้องเดินทางไปตากหน้าขายไวน์ ตามต่างเมือง ถ้าได้ออร์เดอร์มาสักถังสองถังก็ดีใจแทบแย่.. และเขาไม่เคยลืมบุญคุณของ British Railways ที่ใช้ไวน์ของชาโต ปาล์แมร์ (ขนาดครึ่งขวด) เป็น vin de maison หรือ house wine อย่างชนิดที่แถมฟรีพร้อมกับอาหารให้กับผู้เดินทางที่เข้ามาใช้บริการของรถเสบียง..(โถ..) หรือ อย่าง Chateau Pontet Canet ที่ขายยกล๊อตให้กับ French railways ให้เอาไปแจกลูกค้า.. กลุ่มชาโตทั้งหลาย นับตั้งแต่หลังสงครามมา..จนถึง 1950s ล้วนแต่บาดเจ็บกันถ้วนหน้า.. ถึงขนาดต้องยึดการขายไวน์แบบเหมาไร่ล่วงหน้าจนถึง 1961 ที่ไวน์ออกมาดีเลิศ มีราคาแพงจนเป็นที่ต้องการในท้องตลาด.. จึงเพิ่งมารู้ตัวว่า..วิธีขายแบบนี้เสียเปรียบ..จึงได้พากันล้มเลิก จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 07:00:10 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อ่านมาถึงตรงนี้ ครางฮือ ... เลยค่ะคุณวิ .... ลุ้นคนทำไร่ค่ะ ... พอดีวันก่อนเพิ่งได้ ดู มอนดาวี ถึงตอนจบ (ดูนิดๆหน่อยๆเรื่อยมาเป็นเดิอนๆ) ได้บรรยากาศ ได้เห็นชีวิตตัวเป็นๆ ของผู้ผลิต ..... จะติดตามอ่านต่อไปค่ะ ...ขอบคุณ วานก่อนเห็นคุณวิเอ่ยถึงคุณมีชัย วีระฯ อึ้งอั้นไปเลยค่ะ ด้วยความเข้าใจ๊เข้าใจ ปริ๊นชามมิ่ง ... อย่างคุณวิว่ามาทุกประการ รุ่นพี่ๆได้เรียนกะอจ มีชัย ที่ มธ เอามาเล่าแต่เรื่องความหล่อ จนอยากไปเรียนมั่ง ... แล้วยังรายการเพลงคลาสสิคทางวิทยุอีกนะคะ เสียงภาษาอังกฤษของเธอก็ช่างหล่อเหลานุ่มนวล เจาะใจสาวนิสิตเป็นอันมาก สปอนเซ่อร์เบียร์สิงห์ค่ะถ้าจำไม่ผิด .... ไวนไทยทำรายการอะไรดีๆอย่างสมัยนั้นบ้างก็น่าจะดีนะคะ แหะๆ... ลงท้าย ขอรบกวนถาม นี้ดๆ .... ถ้า ... จะขอให้คุณวิกรุณาเเนะนำ หนังสือเกี่ยวกับไวน์ เอ่อ ... เล่มเดียว (สองสามเล่มก็ได้ค่ะ) ที่ must read ภาษาอังกฤษ เป็น basic แก่ beginner หน่อยได้ไหมคะ คล้ายๆกะตอนที่จะเริ่มเรียนทำอาหารเมื่อร่วมสามสิบปีที่เเล้ว เพื่อนที่อเมริกาส่ง จอย ออฟ คุกกิ้ง มาให้ค่ะ ได้คุณูปการจากเล่มนี้ตลอดมาจนเลิกทำครัว (เป็นหลัก) จากคุณ : nijja - [ 31 ม.ค. 50 09:32:20 ]

ความคิดเห็นที่ 100 คุณนิด ถามว่า.. "แหะๆ... ลงท้าย ขอรบกวนถาม นี้ดๆ .... ถ้า ... จะขอให้คุณวิกรุณาเเนะนำ หนังสือเกี่ยวกับไวน์ เอ่อ ... เล่มเดียว (สองสามเล่มก็ได้ค่ะ) ที่ must read ภาษาอังกฤษ เป็น basic แก่ beginner หน่อยได้ไหมคะ" ......................................... หนังสือไวน์ที่ must read ไม่มีหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า คุณ สนใจเรื่องไวน์ตรงไหน.. บางคนอยากรู้เรื่องรสชาติ(ซึ่งไม่มีหนังสือเล่มไหนสอนคุณได้..นอกจากจะต้องลองเอง) บางคนอยากรู้เรื่องการเพาะปลูก และการผลิต.. บางคนอยากรู้เพียงคร่าวๆ เอาแค่ไวน์ดังๆ..พราะเป็นแฟชั่น สนใจเรื่องไวน์..ต้อง subscribe หนังสือไวน์ (เมืองไทยมีสารพัด)ที่คิดว่ามีคุณภาพคุ้มค่าเงินที่สุด อ่านกันยาวเป็นรายปี และจะทราบการเป็นไปของไวน์แบบติดตามกระชั้นชิดด้วย.. ตรงไหนข้องใจ หรือ ยังอ่านแล้วไม่กระจ่างแจ้ง..ตามไปค้นหาในเน็ตได้..ข้อมูลมีเพียบ.. แต่ถ้าจะให้แนะนำ สำหรับมือใหม่หัดขับจริง.. เล่มนี้ค่ะ พอจะสอนเป็นพื้นฐานได้.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 11:10:39 ]

ความคิดเห็นที่ 101 และ... จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 11:12:26 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อีกเล่มนึง.. ถ้าอ่านสามเล่มนี้จบแล้ว.(ต้องจำให้ได้ด้วยนะคะ)..จะขยับให้อ่านอีกไปอีกขั้นหนึ่ง.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 11:15:47 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณมาก มาก เลยค่ะ คุณวิขา ใช่ค่ะ ลืมบอกว่าอยู่ในรุ่นมือใหม่หัดขับค่ะ (หัดดื่ม? หัดชก?) พยายามหาประสบการณ์ดื่มตรงตามคำแนะนำ แต่เพื่อนดื่มนี่หายากค่ะ อยู่เมืองที่แทบทุกคนต้องขับรถ คนเลยอาศัยแทกซี่เป็นพื้นเวลาต้องไปดื่ม มันไม่สะดวกเอามากๆ เหมือนมวยวัดค่ะ ยังไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธอย่างเป็นระบบ นอกจากการอ่านแบบเกาะขอบสนามดู จะว่าไป เหมือนคนกำลังหัดมวยสากลจากหนังสือของ เเจค เดมเซย์ ไงงั้นเลยค่ะ สั่งไปแล้วค่ะ .... อมาซอน รู้สึกจะมีเล่มที่สอง เกรทไวน์ ที่เค้าคงไม่ส่งต่างประเทศ ไว้จะหาทีหลังค่ะ เพราะกว่าจะอ่านจบ ... สงสัยเป็นปี แล้วจะมาขอ assingments เล่มต่อๆไปนะคะ สมัครเข้า ส. วิวันดา ตามหลานเจียร .... (เข้าใจตั้งชื่อนะคะ เป็นค่ายมวยจริงๆไปเลย) จากคุณ : nijja - [ 31 ม.ค. 50 12:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ตอนนี้ฝึกตั้งการ์ดอยู่ครับ ป้านิด อาวิ ยังไม่ให้ลงนวม ให้ตั้งการ์ดไปก่อน ( ผมเคยมีเพื่อนเป็นนักมวย พ่อเขาให้ตั้งการ์ด ตั้งแต่อายุ เจ็ดขวบ ตั้งการ์ดอย่างเดียว ทุกวันตอนเย็นวันละ ชั่วโมง ไม่ให้ทำอย่างอื่นเลย เห็นเพื่อนบอกว่า ทำอยู่อย่างนั้นอย่างเดียว มาปีนึง กว่าจะได้ ต่อยกระสอบทราย ) จากคุณ : ตั้งการ์ดอยู่ (jearjear) - [ 31 ม.ค. 50 15:12:33 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ภาพสวยงามมากคับอาวิ ของคำแนะนำอาด้วยอีกคนคับพอจะมีหนังสือไวน์ที่อธิบายความเป็นไปของเขตเบอร์กันดี และการแบ่งเขตต่างๆ และไร่ต่างๆ ซักเล่มมั้ยคับผม ขอบคุณมากคับอา จากคุณ : Nicky ส วิวันดา:) (Nic Nenin) - [ 31 ม.ค. 50 19:45:53 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 50 11:20:09 จากคุณ : นิจจา ส. วิวันดา (nijja) - [ 31 ม.ค. 50 22:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อู้วววว .... เอามั่งๆ แบบ หลาน นิค เอ ... ตั้งการ์ด นี่มันอาราย ...คะคุณเจียร นึกไม่ออกจริงๆค่ะ แฮ่ๆ ถ้า คนอื่นรูกันแล้ว พาส ก็ได้ค่ะ จากคุณ : นิจจา ส. วิวันดา (nijja) - [ 31 ม.ค. 50 22:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สำหรับคุณนิคค่ะ แต่ขอบอกก่อนให้ทราบว่า ถ้าอยากเข้าใจแจ่มแจ้ง ต้องใช้เวลาอ่านประวัติศาสตร์ช่วงที่อังกฤษครองมาก่อน แล้วต่อด้วยหลังจากที่เกิดการปฏิวัติ .... ที่คิดว่าจะเขียนเหมือนกัน แต่คงต้องรอเวลาที่ว่างๆ หนังสือที่มีอยู่(ในโกดังเก็บ) ปัจจุบันหาซื้อไม่ได้แล้ว.. แต่..แนะนำนี่ก่อนค่ะ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 23:18:11 ]

ความคิดเห็นที่ 109 และ จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 23:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อีกเล่มละกัน จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 23:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณนิดก็ไวใช่ย่อย..สั่งหนังสือทางอเมซอนนี่..แนะนำนะคะ สั่งแบบ used book เถอะค่ะ ดูที่เขาเขียนว่า like new เพราะมันคือหนังสือใหม่นี่ละค่ะ มีตำหนินิดหน่อย แต่ราคาห่างกันลิบลับ ไปขอไรท์ ซีดี เรื่องไวน์จากน้องนกก็ได้ เพราะให้ไปสามแผ่น เอามาดูบ่อยๆก็ดีเหมือนกัน ขอฝากเรียนคุณวิโรจไว้ทางนี้ ต่อจากกระทู้แก้ว riedel O series จากเวบ winescale เพราะ บางที(ก็บ่อยครั้งนะคะ)เข้ายากมากค่ะ ช้าจนลืม อาจจะเป็นที่เครื่องของพี่ก็ได้.. ที่เห็นว่า tastevin มีคานจับ ที่ได้อธิบายไว้แล้ว.. ตอนนี้มาเจอภาพพอดี..แบบชัดเจน..เลยขอมาแปะให้ดูกันชัดๆตรงนี้นะคะ.. แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 50 05:51:07 จากคุณ : WIWANDA - [ 31 ม.ค. 50 23:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 112 น้องนกที่รัก.. ได้รับของจากน้องต่อแล้ว ขอบพระคุณมากค่ะ แผ่นอักษรไทยที่ติดแป้น ถูกใจมาก เพราะชัดเจน ตัวโตดี ส่งมาเยอะแยะ คงได้ใช้กันเพลินไปหลายปี แต่..พูดถึงเรื่องภาษาไทยแล้วก็น่าสลดใจนะคะ มันล่มจมจนเกินแก้ไปแล้ว.. ดูได้จากกระทู้นี้.. http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K5092660/K5092660.html น้องคนที่ตั้งกระทู้เขาใสซื่อ ไม่รู้จริงๆว่าความหมายที่แท้จริงของมันนั้นคืออะไร แถมยังคิดว่าเป็นความหมายดีซะอีก เลยไม่อยากบอกต่อ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการชวนหาเรื่อง..หรือ อีกที..เราก็คงแก่เกินไป โบราณ คร่ำครึจนไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มันแปลว่า brainstorm ไปแล้ว.. ขอบคุณสำหรับยาไมเกรน และ rosemary oil ทั้งสองขวดนั่นด้วยค่ะ จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.พ. 50 02:41:37 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ผมก็มีปัญหาเดียวกับคุณวิ เวลาเข้าเวป winescale ของคุณวิโรจด้วยเหมือนกันครับ ช้าจนนึกว่าเน็ตผมล่มซะอีก (บ่อยครั้ง อีกเหมือนกันครับ) ไม่น่าเป็นที่เครื่องคุณวิหรอกครับ ร่วมฟ้องด้วยคนครับ ปล. ...นี่กระมังครับ ที่เค้าเรียกว่า เด็กแนว...อิ อิ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 50 05:31:44 จากคุณ : Einswasser - [ 1 ก.พ. 50 04:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 114 พี่หวาน คุณEinswasser ครับ อืม...รับทราบครับ (แต่ทำอะไรไม่ได้) ผมเข้าใจว่าเป็นปัญหาการติดต่อข้ามทวีปครับ เพราะฐาน Server ของ Winescale อยู่ที่เมืองไทย อยู่ที่นี่ก็เลยไม่มีปัญหา ช่วงนี้..ผม Search งานของผมใน Eternal Egypt (ที่ฐาน Server อยู่ที่อังกฤษ) ก็รอน้ำลายยืดจนมัมมี่เหนียวเลย มีคนคุยให้ฟังว่าว่ามีปัญหากับเคเบิ้ลข้ามทวีปมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่โน่น วันก่อนก็โทรไปถามเว๊ปมาสเตอร์ของ DLDB เหมือนกันว่า ช่วงนี้เข้าไม่ค่อยได้ (ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่) ช้ามาก กระแอมนิดเดียวก็หลุด ก็ได้คำตอบที่ทำให้ชัดขึ้นคือ Server ของ DLDB ก็อยู่อเมริกาโน่น ...(ผมเดาเอาว่า) คงต้องรอเขาแก้ไขน่ะครับ (เอาตัวรอดแบบสีข้างแดงเถือก) จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 1 ก.พ. 50 06:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 115 สงสัยว่า พวกเราชาวต่างแดนคงเข้ายากกว่าคนอื่นมังคะ?? เอ้า..ขอฟ้องหน่อยยยย...สองเสียงแล้วนะ ............................................ หลังจากสงคราม..เงินเก่า เศรษฐีเก่า เริ่มหันไปเดินตรอกกันมากขึ้น ไร่ไวน์ประกาศขายล้างหนี้ (ที่สะสมมาตั้ง แต่ยุค 1930s) เป็นโอกาสให้เงินใหม่ คนรุ่นใหม่ได้ก้าวเข้ามา คนรุ่นใหม่ที่ว่านี้ กลุ่มพ่อค้าไวน์รุ่นหางแถวจาก Libournais ได้ก้าวเข้ามายืนแทนนีโกเชี่ยนรุ่นเดอะ.. พวกลีบัวเนส ที่เขาเรียกกันว่า หางแถวนั้น เพราะว่า.. เขาค้าขายแต่ไวน์ตลาดล่าง..เพราะตลาดบนถูกจับจองไปหมดแล้ว พวกนี้ช่ำชองต่อการระบายไวน์ไห ไวน์ตุ่ม อีกทั้งยอมรับกำไรเพียงเล็กน้อย..เพื่อสภาพคล่องของการค้า..ไม่เหมือนกับกลุ่มนีโกเชี่ยนใหญ่ หรือที่เรียกว่า กลุ่ม Chartonnais คนที่ทำมาหากินกับผลกำไรของการขายไวน์นั้น เป้าหมายก็อยาจะเป็นเจ้าของไร่ด้วยกันทุกคน พวกลีบัวเนส นี้ก็เช่นกัน..พวกเขาสู้เก็บหอมรอมริบ ประเภทเบี้ยน้อย หอยน้อย ถึงแม้กลุ่มชาโตมีชื่อจะประกาศขายก็ตาม แต่ มันเหมือนกับเป็นการเลี้ยงช้าง ซื้อมาทำการผลิตแล้ว.. จะไปขายใคร..ในเมื่อ ประสบการณ์ของ"ตลาดบน" นั้น มันคือศาสตร์ชั้นสูง ที่ชาวไวน์ถือว่า มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีบารมีด้วย.. พวกลีบัวเนสเข้าใจดี ถึงปัญหานี้..จึงมุ่งหน้าไปหาซื้อที่ดินทำไวน์ที่ไกลออกไป ไม่มีชื่อเสียง แต่อย่างน้อย เงินอันน้อยนิดของพวกเขา สามารถซื้อได้เป็นจำนวนหลายเอเคอร์เอาการ.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.พ. 50 06:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 116 อรุณสวัสดิ์ ค่ะ..คุณวิโรจมาพอดี..ตื่นแต่เช้าเชียว ไม่เป็นไรค่ะ ช้านิดช้าหน่อย ก็รอ แต่บางทีก็ไม่มีปัญหา เข้าได้สบาย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.พ. 50 07:41:55 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ขอบคุณมากคับอาวิ ผมจะทยอยหาอ่านไปเรื่อยๆคับ ตอนนี้เวป DLDB อยู่เมืองไทยมีบางช่วงที่เข้ายากช้ามาก เพราะ Server เคเบิลต้องลากผ่านทางเกาหลีไปอเมริกาโน่น ส่วนเวปอาวิโรจServer อยู่เมืองไทยบ้านเราเข้ากันสบายมากแต่ทางเมืองนอกช้ากว่า สรุปผมและอาวิโรจไม่รู้จะแก้ยังไงคับต้องเลือกทางใดทางหนึ่งอ่ะคับผม จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 1 ก.พ. 50 08:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 118 กลุ่มนีโกเชี่ยนรุ่นล็กที่พูดถึงนี่ เขามีชื่อตระกูลกันมาแปลกๆ เช่น Moueix งี้ Janoueix งี้... เป็นพวกที่ย้ายเข้ามาหากินใน Libourne จากมณฑล Correze ในช่วงของศตวรรษที่ 19 ปลายๆ และที่ดินที่พวกเขากว้านซื้อแข่งกับพวกพ่อค้าไวน์จากเบลเยี่ยม นั้น คือแถบที่ใครต่อใครว่าเป็นบ้านป่า เมืองเถื่อน ไกลปืนเที่ยง นั่นคือ St. Emilion จนถึง Pomerol ซึ่งในช่วงนั้น ยังทำการปลูกองุ่นสำหรับไวน์ขาวอยู่.. หมายเหตุ....องุ่น เมอร์โลต์ และ คาแบร์เนต์ ฟร้องค์ เพิ่งมาริปลูกกันในต้นศตวรรษที่ 19 นี่เอง (1820s) ขอลาไปดูหนัง The letters from Iwo Jima ก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมาเขียนต่อ.. แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 50 23:52:38 จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.พ. 50 08:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ยินดีรับใช้เสมอค่ะพี่หวาน ดีใจมากๆ ที่เห็นชื่อพี่หวานที่ห้องเดิมค่ะ ภาษาไทย ...นกก็ได้แต่พยายามสอนลูกค่ะ นอกนั้นทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่..ทำใจ พี่หวานต้องไปหาซื้อนะคะ ..ยาทัมใจ(เม็ด) (ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีค่ะ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 1 ก.พ. 50 08:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ลืมรายงานค่ะ ตอนนี้นกพยายามปิดตาแยกแยะเมอร์โลต์ กับ คาแบร์เนต์ โซวินญอง ตามที่พี่หวานสั่งอยู่ค่ะ ยังดื่มไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 1 ก.พ. 50 08:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณน้องนก ...สมัยก่อน...ตอนเริ่มเอาจริงเอาจังกับการแยกแยะองุ่น ...ตอนนั้นตั้งใจเจาะไปที่ไวน์ฝรั่งเศส ก็ดื่มแต่ไวน์ St.-Emilion สามเดือน...อย่างเดียว ...พอเปลี่ยนหมู่บ้านมาดื่ม Pauillac ก็เห็นความแตกต่างเลย ...ถ้าน้องนกอยากจะแยก Merlot กับ Cab-Sau ...แล้วเอาสองแก้วมาเทียบกันเลย เหนื่อยครับ ...ลองดื่มแต่ Merlot ดูสักพักสิครับ แล้วเปลี่ยนมาล่อ Cab-Sau อีกครั้งสักช่วง ก็จะเห็นอะไรดีๆ ...จากนั้นค่อยมาเทียบชนกัน ..จะง่ายกว่าเยอะครับ จากคุณ : วิโรจ (แดนไตร) - [ 1 ก.พ. 50 08:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 122 โอ.. ขอบคุณมากๆ ค่ะพี่วิโรจ นกโล่งอกไปเยอะเลยค่ะ เพราะเปิดทีเดียว 2 ขวดนี่ ..จนจริงๆ ค่ะพี่ ทั้งจนใจทั้งยากจนค่ะ จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 1 ก.พ. 50 09:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ผมได้ยินเค้าบอกว่า สายเคเบิลข้ามทวีปมันมีปัญหาครับ เลยทำให้คนที่อยู่ต่างแดน เข้าเวบบางอันของเมืองไทยลำบากครับ เห็นบอกว่าภายในครึ่งปีถึงจะซ่อมเสร็จครับ ยังดีที่เข้ากระทู้พีี่วิได้รวดเร็วตลอด ส่วนเรื่องภาษานี่ คงต้องทำใจอย่างเดียวเลยครับ ที่นี่ก็เคยมีอาร์ติเคิลแนวนี้ ลงนิตยสารเหมือนกันครับ เกี่ยวกับวิบัติภาษาเยอรมัน เคยอ่านเมื่อนานมากแล้ว แต่ผมเคยคุยกะคนที่ทำงานวิจัยเรื่องพัฒนาการของภาษาเยอรมัน เขาบอกว่า เป็นเรื่องธรรมดามาก ที่ความหมายของภาษาจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา รวมถึงการมีภาษาขึ้นมาใหม่ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่จะหยุดอยู่นิ่งๆ หากแต่มีพลวัตรที่แปรเปลี่ยนได้เรื่อยๆตามกาลเวลาหรือพื้นที่ครับ จากคุณ : LaGrandeRue - [ 1 ก.พ. 50 16:16:54 A:213.39.225.163 X: TicketID:105596 ]

ความคิดเห็นที่ 124 แวะมาอ่านครับ .... แต่เดี๋ยวนี้อ่านไม่ค่อยทันเลย สงสัยหมดเวลาไปกับการป่วนห้องศุภฯ นะเรานี่ อิอิ จากคุณ : Thirdwave - [ 1 ก.พ. 50 17:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 125 มาสวัสดีครับ จากคุณ : ยังอยู่ในหลืบใต้ถุนนะครับ (Phantom of the Cellar) - [ 1 ก.พ. 50 22:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ขออธิบายผลการเข้าเวบไวน์สเกลด้วยค่ะ คือ เวบนั้น... ช่วย ฝึกสมองและความอดทน ดีมากค่ะ ต้องจำตัวเลขคำตอบในแต่ละกระทู้ว่าครั้งที่แล้วมีกี่คำตอบ ... เพิ่มขึ้นหรือเปล่า ถ้าเพิ่มจึงจะคลิก อ่านแล้วต้องจำด้วย ไม่งั้นจะเข้ามาอ่านอีกไม่ได้ง่ายๆ ... อิ อิ ความอดทนคือ นอกจากจะทนรอให้เน็ตต่อติดได้แล้ว ยังต้องอดทนทำใจต่อเมื่อพบว่า ... บางครั้ง ตัวหนังสือเป็นจุด จุด จุด ... ใช่ค่ะ ตอนอยู่เมืองไทยต่อง่ายกว่าเยอะเลยค่ะ จากคุณ : nijja - [ 1 ก.พ. 50 22:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 127 กลับจากดูหนัง ก็ง่วงจนตาแทบปิด เพราะ หนังยาวสองชั่วโมงยี่สิบนาที สนุกมาก ผู้อำนวยการสร้าง เราก็ทราบกันดีว่า คือ ป๋าคลิ้นท์ แต่ไม่ใช่เขาคนเดียว คู่หูที่มีชื่อติดหรามาด้วยคือ สปีลเบิร์ค หนังดีมาก ขอแนะนำให้ทุกคนไปดู เพราะ จากภาพยนตร์สงครามอื่นๆมา อเมริกันล้วนแล้วแต่เป็นฮีโร่ คนอื่นๆ เป็นยักษ์เป็นมารกันหมด แต่เรื่องนี้..ทำให้เรามองเห็นภาพของคนญี่ปุ่น ที่ต้องมาร่วมสงครามทั้งๆที่ยังไม่พร้อมทั้งในด้านอาวุธ อีกทั้ง กำลังพล ไม่เล่าต่อละ เดี๋ยวจะสปอยล์ อ้อ..ลืมบอกว่าทั้งเรื่องพูดภาษาญี่ปุ่น ต้องอ่านซับกันเอาเอง ได้อารมณ์ไปอีกแบบ จากคุณ : WIWANDA - [ 1 ก.พ. 50 23:48:59 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ขอขอบคุณคุณหลาน sofatboy มากค่ะ สำหรับ คลิปจาก The Producers ดูไปก็ยิ้มไป เลยอยากจะเอามาแจกจ่ายกันด้วย ฉากเด็ดค่ะ The Springtime for Hitler http://www.youtube.com/watch?v=r5KM2HosqOo http://www.youtube.com/watch?v=ZGp0hCxSg98&mode=related&search= จากคุณ : WIWANDA - [ 2 ก.พ. 50 01:03:42 ]

ความคิดเห็นที่ 129 สนุกถูกใจมากๆ ค่ะพี่หวาน นกชอบบรอดเวย์มากๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ ชอบน้ำเสียงนักร้อง S.S. officer อันเก่ามากกว่านะคะ ลึกดีกว่า แต่สาวๆ เหี่ยวจัง นักเต้นยกขาก็ไม่เท่ากัน สู้อันใหม่ไม่ได้ อิอิ (เจ้ามิคกี้นั่งดู youtube นั่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากทุกวันเลยค่ะ เขา search คำว่า funniest ค่ะ) จากคุณ : Tweety สี่ตา - [ 2 ก.พ. 50 10:19:49 ]

ความคิดเห็นที่ 130 สวัสดีครับ ทุกๆ ท่าน วันนี้เกิดมีคำถามครับ ว่าไวน์ของชิลี (Montes Alpha) ตัวนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ แล้วปกติไวน์ของชิลีสามารถเก็บได้นานหรือปล่าวครับ จะนานกว่าไวน์ Rioja ได้หรือปล่าวครับ ขอขอบพระคุณล่วงหน้า สำหรับทุกความคิดเห็นครับ จากคุณ : Einswasser - [ 4 ก.พ. 50 06:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เก็บได้ 5-10 ปีค่ะ...แต่จะไปเก็บทำไม เพราะไวน์ชนิดนี้ทำขึ้นมาเพื่อการดื่มเร็ว คุณ Einswasser ลองชิมดูและเปรียบเทียบเอาเองก็ได้ว่า รินครั้งแรกๆ รสชาติจะดี แต่ ครึ่งขวดหลังไปแล้ว มันจะคลายรส ไม่เข้มข้น ไม่เร้าใจเหมือนกับตอนแรก แต่ก็ต้องยอมรับว่า คุณภาพคับแก้วทีเดียว เมื่อเทียบกับราคา แต่ถ้าถามถึงความเห็นส่วนตัว..ชอบ Rioja มากกว่า และถ้าเป็น Rioja ชนิดดีๆ อย่าง Torre Muga ถ้าหาซื้อเก็บไว้ได้ก็จะดี ( ตอนออกใหม่ๆมักจะไม่แพงเท่าไหร่ ) แต่คุณภาพและค่าของมันเพิ่มพูนขึ้นมาตามกาลเวลา จากคุณ : WIWANDA - [ 4 ก.พ. 50 12:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 132 Torre Muga ที่เมืองไทยมีขายคับอา ราคาเกือบๆหมื่นอ่ะคับปีประมาณ 99 หรือ 01 นี่แหล่ะคับอา เห็นผ่านตาหลายทีแล้วคับ แต่เกินงบประมาณการซื้อไวน์ผมไปเยอะอ่ะคับเรยได้แต่แอบมองตอนเข้าร้านอ่ะคับ จากคุณ : นิค (Nic Nenin) - [ 4 ก.พ. 50 16:12:15 ]

ความคิดเห็นที่ 133 มาสวัสดีครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 4 ก.พ. 50 20:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 134 อะไรกัน..ราคาตั้งหมื่นเชียว ข้างล่างที่นำมาโชว์เป้นราคาที่ขายตามห้างนะคะ 74.99 ก็นับว่าแพง เพราะในร้านไวน์จริง ออกใหม่ๆนี่ ก็ ห้าสิบนิดๆ 2001 Muga Torre Muga 750ML Country: Spain Region: Rioja Type: Red Varietal: Blends & Meritage Vintage: 2001 Size: 750ML Brand: See more from Muga Sku: 23621 Price: $74.99 คุณ Phantom of the Cellar ที่รัก.. อ่านหลังไมค์แล้ว ต้องขอโทษจริงๆที่พี่คงเข้าใจผิดไปเอง เดี๋ยวถ้าเข้าเวบไวน์สเกลได้เมื่อไหร่ จะไปแก้ให้ค่ะ... จากคุณ : WIWANDA - [ 4 ก.พ. 50 20:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 135 นี่แหล่ะคับภาษีไวน์ไทยคับ วันก่อนไปเยี่ยมคุณวิสุทธ ที่กรามอนเต้ ไวน์ไทยก็โดนเหมือนกันคับ บางรุ่นต้นทุนประมา 200 บาท เจอภาษีไปๆมาๆเบ็ตเสร็จขวดไปเกือบแปดเก้าร้อยคับอา ปํญหาที่ยังแก้ไม่ได้ซักกะที.... จากคุณ : Nicky (Nic Nenin) - [ 4 ก.พ. 50 21:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ไม่เป็นไรครับ คุณอา สบายๆครับ ยังตามอ่านเสมอครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 4 ก.พ. 50 22:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ขอบคุณมากครับคุณวิ สำหรับทั้งข้อมูลและคำแนะนำครับ ทีแรกผมก็นึกว่าตัวเองเมาซะอีกครับ ที่ช่วงหลังผมได้แต่กลิ่นและรสของแอลกอฮอลแทบจะอย่างเดียวเลยครับ แท้จริงแล้วเป็นอย่างนี้นี่เองเหรอครับเนี้ย... เกือบเก็บไวน์สุ่มสี่สุ่มห้าแล้วครับผม ส่วน Torre Muga จะหามาไว้ในครอบครองเร็วนี้ครับ เท่าที่ผมดูผ่านๆ ในอินเตอร์เน็ต มีปี 2001 และ 2003 อยู่ในราคา 49 Euroครับ แต่ที่เมืองไทยแพงจังเลยครับ !!! รบกวนถามต่ออีกเรื่องครับ พอดีที่ร้านแถวๆ บ้านให้ราคาน่าสนใจหน่ะครับ ว่าเจ้า Chateau Marquis de Terme เนี้ยครับ มันน่าสนใจไหมครับ หรือว่าไม่ต้องไปมันสนให้เสียเวลา ไปหาอย่างอื่นดื่มดีกว่าครับ ขอขอบคุณอีกครั้ง ครับผม จากคุณ : Einswasser - [ 5 ก.พ. 50 06:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 138 คุณ Einswasser คะ ซื้อ Chateau Marquis de Terme 2003 (ชาโต มาคีส์ เดอ แตม) เก็บไว้ได้เลยค่ะ เพราะเพิ่งออกมาเมื่อกลางปีที่แล้วเอง และอากาศของบอร์คโดซ์ ปี 2003 นี่ร้อนจัด จนต้องเก็บกันก่อนเวลา ถือว่าเป็นปีที่องุ่นได้สุกจัด ไวน์ในวินเทจนี้ จะออกมาอย่างถูกใจแน่นอน ถ้าราคาไม่เกิน 35 ยูโร ก็จงซื้อยกลัง(หรือหลายลัง)ไปเลย เพราะจะไปหาไวน์ Grand Cru Classe (ถึงจะชั้นสี่ก็เถอะ) ในราคานี้ ไม่มีอีกแล้ว.. อันนี้ขอหนับหนุนให้ซื้อมาเก็บ...แบบว่าเก็บลืม.. ถ้าอยากจะลองดื่ม ไปซื้อ 2001 หรือ เก่ากว่านั้นมาทดลองเป็นแนวทางไปก่อนได้เลย.. จากคุณ : WIWANDA - [ 5 ก.พ. 50 08:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เพิ่งกลับมาจากไปลูบต้นองุ่นที่สยามไวน์เนอรี่ที่ประจวบมาครับ เดี๋ยวไปเคลียร์งานก่อน ค่ำๆจะเอารูปไปแปะที่ดริ้งเลส จากคุณ : Master_Indy - [ 5 ก.พ. 50 10:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 140 มาสวัสดีก่อนมื้อเย็นครับ จากคุณ : Phantom of the Cellar - [ 5 ก.พ. 50 17:05:23 ]

ความคิดเห็นที่ 141 สวัสดีครับ ทุกๆท่าน ทานไวน์ให้อร่อยนะครับ จากคุณ : jearjear - [ 5 ก.พ. 50 21:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 142 วันนี้ ว่าง ขอพักหนึ่งวันจากงาน เพราะเตรียมรับศึกใหญ่ที่จะมาในวันสองวันนี้ นั่นคือ การแข่งกอล์ฟนัดสำคัญของอเมริกา คือ AT&T ก็เลยเริ่มแตกกระทู้ในเครือทั้งหมด มันก็เป็นเคล็ดอย่างหนึ่ง คือ ถ้าไม่ตั้ง แล้วจะขี้เกียจเขียน พอยุ่งๆก็ยิ่งขี้เกียจใหญ่ แต่ตั้งแล้ว..รู้สึกว่าเป็นการเริ่มต้น ที่ต้องสานต่อให้ได้ใจความให้จบตอน.. ความคิดเห็นนี้ได้แตกไปยังกระทู้K5112318 จากคุณ : WIWANDA - [ 6 ก.พ. 50 04:23:15 ]