พิษบอตทูลินัม
พิษบอตทูลินัม
(Botulinum toxin) เป็นสารพิษจากจุลินทรีย์ที่มีมีความเป็นพิษสูงมาก
พิษบอตทูลินัมนี้เกิดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า
คลอสทริเดียม
บอตทูลินัม
(Clostridium botulinum) อันเป็นแบคทีเรียที่ทำให้อาหารกระป๋องเน่าเสียและอาหารเป็นพิษ
ผู้ที่เคยไม่สบายเพราะรับประทานอาหารกระป๋องที่หมดอายุแล้วหรืออาหารกระป๋องที่เสียแล้วคงทราบพิษสงของแบคทีเรียตัวนี้ดี
แต่นั่นเป็นเพียงพิษในธรรมชาติซึ่งค่อนข้างเจือจาง
ต่างกับพิษซึ่งถูกผลิตขึ้นให้มีความเข้มข้นเพื่อใช้เป็นอาวุธชีวภาพ
เพียงพิษขนาดเพียงแค่จุดเล็กๆเท่านี้
. ก็สามารถคร่าชีวิตคนได้ถึง
10 คน
|
แบคทีเรียคลอสทริเดียม
บอตทูลินัม
ที่ใช้ในการผลิตพิษบอตทูลินัม
ภาพ
ถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์
ส่วน
แบคทีเรียคลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์
ก็มีลักษณะคล้ายคลึงกันเพราะอยู่ในสกุล
เดียวกัน
|
พิษชนิดนี้สามารถซึมเข้าทางผิวหนังได้โดยทางเยื่อชุ่ม
เช่น เยื่อบุทางเดินหายใจ
ฯลฯ ดังนั้นจึงสามารถแพร่พิษได้ทั้งการฉีดพ่นพิษให้กระจายในอากาศเพื่อให้ผู้เคราะห์ร้ายสูดเข้าไปหรือใส่ในแหล่งน้ำบริโภค
อีกทั้งยังเป็นพิษที่ไร้สี
ไร้กลิ่น ผู้รับพิษเข้าไปจึงไม่มีทางรู้ตัวจนกว่าพิษจะเริ่มแสดงอาการในร่างกาย
พิษบอตทูลินัมออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท
อาการของผู้ที่ได้รับพิษจะเริ่มด้วยอาการตาพร่า
กล้ามเนื้ออ่อนแรง
คลื่นไส้อาเจียน
ในที่สุดระบบประสาทจะถูกทำลายและผู้ป่วยจะเสียชีวิตในที่สุด
เนื่องจากปริมาณสารพิษที่ผู้ป่วยได้รับจากอาวุธชีวภาพนั้นสูงกว่าปริมาณที่ทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษทั่วไปมาก
ดังนั้นร่างกายจึงไม่สามารถขับสลายสารพิษได้เองตามธรรมชาติ
การแก้พิษต้องทำได้โดยใช้ยาแก้พิษ
(antitoxin)
การป้องกันสามารถทำได้โดยการฉีดวัคซีน
แต่เนื่องจากพิษบอตทูลินัมยังแบ่งเป็นชนิดย่อยอีกหลายชนิดขึ้นกับสายพันธุ์ของแบคทีเรียที่ใช้ผลิต
ดังนั้นจึงเป็นการยากในทางปฏิบัติที่จะเตรียมการป้องกันประชาชนเป็นการล่วงหน้าเพราะยังไม่ทราบว่าศัตรูจะแพร่พิษบอตทูลินัมชนิดใด
ส่วนในกรณีฉุกเฉินสามารถป้องกันได้โดยใส่หน้ากากป้องกันก๊าซพิษเพื่อป้องกันไม่ให้หายใจเอาพิษเข้าไป
พิษบอตทูลินัมนี้ยังไม่เคยมีรายงานว่าถูกใช้ในการสงครามมาก่อน
แต่มีรายงานว่าอิรัก
รวมทั้งอิหร่าน
ซีเรีย ลิเบีย
และเกาหลีเหนือก็มีอาวุธชีพภาพชนิดนี้อยู่ในครอบครองและพร้อมที่จะใช้งาน
คลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์
คลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์
(Clostridium perfringens) นี้เป็นแบคทีเรียที่อยู่ในสกุล
(genus) เดียวกับคลอสทริเดียม
บอตทูลินัม
โดยคลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์นี้เป็นแบคทีเรียที่ทำให้อาหารกระป๋องเน่าเสียและเกิดอาการอาหารเป็นพิษได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น
หากแบคทีเรียชนิดนี้เข้าไปอาศัยอยู่ในแผลที่สกปรกและอากาศเข้าไม่ถึงแล้ว
พิษของมันจะทำให้เกิดก๊าซขึ้นในบาดแผล
ทำให้แผลบวมเบ่งและเนื้อเน่าตาย
(gas gangrene) ซึ่งแพทย์จำเป็นต้องตัดอวัยวะที่เกิดแผลเนื้อเน่าตายนี้ทิ้งไป
มิฉะนั้นพิษจะแพร่เข้าในระบบโลหิตและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ก๊าซที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง
(บริเวณที่ศรชี้)
อันเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
คลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์
|
|
เมื่อครั้งที่องค์การสหประชาชาติเช้าทำลายแหล่งผลิตอาวุธชีวภาพที่เมืองอัลฮากัมใกล้กรุงแบกแดดในปี
ค.ศ. 1996 ก็ได้พบคลังเก็บเชื้อแบคทีเรียคลอสทริเดียม
เพอร์ฟริงเกนส์นี้ด้วย
มีข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพชนิดนี้ไม่มากนัก
แต่สันนิษฐานว่าอิรักน่าจะใช้วิธีสกัดสารพิษจากแบคทีเรียแล้วนำไปทำเป็นอาวุธชีวภาพโดยวิธีการใช้งานน่าจะคล้ายคลึงกับวิธีแพร่พิษบอตทูลินัม
พิษอะฟลาทอกซิน
อะฟลาทอกซิน
(aflatoxin) เป็นสารพิษที่ผลิตจากเชื้อราในสกุลแอสเพอร์จิลลัส
เช่น แอสเพอร์จิลลัส
เฟลวัส (Aspergillus flavus)
เชื้อราชนิดนี้มีอยู่ในธรรมชาติ
ชอบขึ้นบนสินค้าเกษตรที่เก็บรักษาไม่ดีพอ
ทำให้มีความชื้นเจือปนสูง
เช่น ข้าวโพด
ถั่ว ฯลฯ รวมทั้งขึ้นได้ดีในถั่วป่น
พริกป่น ที่ใช้ใส่ในอาหาร
อะฟลาทอกซินอันเป็นสารก่อมะเร็ง
ทำให้เกิดมะเร็งมะเร็งในตับ
|
ข้าวโพดที่มีราแอสเพอร์จิลลัส
เฟลวัส
เจริญอยู่
(บริเวณที่มีศรชี้)
ราชนิดนี้
จะผลิตอะฟลาทอกซินซึ่งเป็นสาร
ก่อมะเร็งในมนุษย์
|
ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้พิษชนิดนี้เป็นอาวุธชีวภาพมากนัก
แต่เนื่องจากสารพิษอะฟลาทอกซินนี้เป็นสารก่อมะเร็งในระยะยาว
ดังนั้นจึงไม่ใช่อาวุธที่ให้ผลในฉับพลัน
แต่เป็นการสังหารเหยื่อแบบตายผ่อนส่งมากกว่า
มีรายงานว่าพบสารพิษชนิดนี้ถูกบรรจุในระเบิดและหัวรบเรียบร้อยแล้วในแหล่งผลิตอาวุธชีวภาพของอิรัก
ไรซิน
ไรซิน (ricin) เป็นสารพิษที่สกัดจากเมล็ดละหุ่ง
ใช้เป็นยาปราบศัตรูพืช
ไรซินจะไปยับยั้งการผลิตโปรตีนของเซลล์อันเป็นกระบวนการพื้นฐานของร่างกาย
ผู้ที่ได้รับสารพิษไรซินจะเสียชีวิตเนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตโปรตีนที่จำเป็นในการดำรงชีวิตได้
ไม่มีวิธีการรักษา
แต่อาจป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อพิษของไรซิน
แต่ในทางปฏิบัติจะทำได้ยากเพราะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าซึ่งอาจไม่ทันต่อเหตุการณ์
ยังไม่เคยมีรายงานเกี่ยวกับการใช้ไรซินในสงครามชีวภาพ
แต่เคยมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในกรุงลอนดอนโดยผู้เสียชีวิตถูกสังหารอย่างแยบยลโดยฆาตกรใช้ร่มปลายแหลมที่เคลือบไรซินไว้ทิ่มใส่ร่างเหยื่อขณะอยู่ที่ป้ายรถประจำทาง
หน้ากากป้องกันก๊าซพิษเป็นอุปกรณ์สำคัญ
ที่ใช้ช่วยกรองเชื้อแบคทีเรียและสารพิษ
ไม่ให้เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจเมื่อถูก
โจมตีด้วยอาวุธชีวภาพ
|
|
อาวุธชีวภาพที่อิรักครอบครองอยู่นี้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความประหวั่นพรั่นใจให้แก่สหรัฐอเมริการวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านของอิรักด้วย
นักวิเคราะห์ทางด้านการทหารเชื่อว่าสงครามในอนาคตจะมีการนำอาวุธชีวภาพออกมาใช้กัน
โดยเฉพาะประเทศที่ไม่ร่ำรวยนัก
เนื่องจากอาวุธชีวภาพผลิตได้ไม่ยาก
ปัจจุบันความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพก้าวหน้าไปมาก
อาวุธชีวภาพเหล่านี้อาจถูกพัฒนาให้มีความร้ายกาจมากยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น
อาวุธเชื้อแอนแทรกซ์อาจถูกพัฒนาให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่ดื้อยาปฏิชีวนะ
ทำให้ยากแก่การรักษา
หรืออาจพัฒนาจนได้สายพันธุ์ที่วัคซีนที่มีอยู่ป้องกันไม่เป็นผลก็เป็นได้
ฯลฯ ข้อดีของอาวุธชีวภาพคือผลิตได้ง่าย
ราคาถูก แต่ก็มีข้อเสียคือเสื่อมสภาพได้ง่าย
การเก็บรักษา
การขนส่ง หรือสภาพการใช้งานที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้อาวุธเหล่านี้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร
รวมทั้งหากไม่ระวังหรือเกิดการพลาดพลั้ง
เช่น ลมพัดเปลี่ยนทิศทาง
ฯลฯ อาวุธเหล่านี้อาจย้อนกลับมาทำร้ายผู้ใช้เสียเอง
นอกจากอาวุธชีวภาพที่กล่าวมาแล้วยังมีเชื้อโรคอีกหลายชนิดที่สามารถนำมาผลิตเป็นอาวุธชีวภาพได้
เช่น เชื้อกาฬโรค
เชื้ออหิวาตกโรค
รวมทั้งในยุคต่อไปอาจมีการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ทำจากเขื้อไวรัสขึ้นมา
ซึ่งยากแก่การรับมือยิ่งขึ้นไปอีก
จะเห็นได้ว่าอาวุธชีวภาพนั้นมีความหลากหลายอยู่มาก
ดังนั้นจึงยากแก่การป้องกันล่วงหน้า
ยกตัวอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาที่กำลังเตรียมการป้องกันอาวุธโรคแอนแทรกซ์อยู่ในขณะนี้โดยการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน
ก็เพียงทำได้กับทหารเท่านั้น
มิหนำซ้ำยังผลิตวัคซีนได้ไม่ทันต่อความต้องการ
ต้องทยอยดำเนินการ
และหากต้องการฉีดวัคซีนป้องกันอาวุธชีวภาพสัก
4-5 ชนิดก็ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงเลือกใช้วิธีตัดไฟแต่ต้นลมกับอิรักมากกว่า
นอกจากอาวุธชีวภาพแล้วยังมีอาวุธเคมีอีกประเภทหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเป็น
นุกของคนยาก
เช่นกัน การผลิตอาวุธเคมีนั้นทำได้ยากกว่าอาวุธชีวภาพ
แต่อาวุธที่ได้มีเสถียรภาพสูงกว่า
ซึ่งอิรักก็มีทั้งอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมีไว้ในครอบครอง
และยังไม่ทราบว่ามีอีกกี่ประเทศที่แอบพัฒนาอาวุธร้ายราคาประหยัดเหล่านี้เอาไว้บ้าง
ก็ได้แต่หวังว่าอาวุธเหล่านี้จะไม่ถึงวันที่ถูกนำออกมาใช้งานตลอดไป