TOP


เรื่องที่ 1
ระหว่างเดินทางโดยทางรถไฟ
ลูกสาวผมนั่งตรงกันข้ามชายหนุ่มคนหนึ่ง
ซึ่งพอขึ้นมานั่งปั๊ปก็หลับทันที่พอรถไฟ
จอดที่เมืองนครสวรรค์
ชายผู้นี้ก็ลุกพรวดพลาดลุกขึ้นอย่างเร็ว
พร้อมคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วกระโจนออกจากรถ
ด้วยท่าทางเร่งรีบ
นาทีถัดมาลูกสาวผผมสังเกตุเห็นว่าเขาลืมเสื้อแจ็กเก็ตไว้บนที่นั่ง
จึงรีบหยิบเสื้อแล้วรีบวิ่งตามออกไป
มองหาจน
ทั่วชานชาลาก็ไม่พบ
ก็เลยเอาเสื้อตัวนั้นไปให้นายสถานี
ซึ่งค้นดูในกระเป่าเสื้อก็พบตั๋วรถไฟ
สมุดเช็ค และกระเป๋า
สตางค์ก็มีเงินและหลักฐานด้วย
เป็นไปได้ว่าเจ้าของน่าจะมารับคืน
นายสถานีจึงรับเก็บไว้รอให้เจ้าของ
ในที่สุดลูกสาวผมก็กลับมาที่รถได้ทันเวลา
ประมาณ 10
นาทีให้หลังเมื่อรถไฟแล่นไปได้สักพัก
ชายหนุ่มผู้นั้นก็เดิน
กลับมานั่งพร้อมประคองถ้วยกาแฟพร้อมกับกล่องอาหารที่วางบนกระเป่าเอกสาร

เรื่องที่
2
พระเจ้าทรงตัดสินใจแล้วว่าได้ว่าสิ้นโลกแล้ว
จึงเรียกบุคคลที่จัดว่ามีอิทธิพลที่สุดในโลกมาสามคนคือ
บิล คลินตัน
ฟิเดล คาสโตร และบิล เกตส์
จะสิ้นโลกแล้ว
พระเจ้าตรัสกับบุคคลทั้งสาม จงกลับไปแจ้งให้ประชาชนของท่านทราบด้วย
ประธานาธิบดีบิล คลินตัน
ออกแถลงการ์ณถ่ายทอดสดผ่านช่องข่าวซีเอ็นเอ็นว่า
ผมมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
ที่จะแจ้งให้ทราบ
ข่าวดีคือพวกเราเข้าใจถูกต้องมาตลอดว่า
พระเจ้ามีตัวตนจริง
ส่วนข่าวร้ายคือพระองค์ทรงจะให้
ถึงเวลาสิ้นโลกแล้ว
ฟิเดล คาสโตร
ส่งสารไปยังประเทศคอมมิวนิสต์ทั่วโลก
ผมมีข่าวร้าย
และข่าวที่ร้ายอย่างยิ่งมาบอกแก่เหล่า
สหาย เขากล่าว
ข่าวร้ายคือพวกเราเข้าใจผิดมาตลอด
พระเจ้านั้นมีตัวตนจริง
ส่วนข่าวร้ายกว่านั้นก็คือพระองค์จะ
ทรงทำให้สิ้นโลก
ส่วนบิล เกตส์
เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์พร้มส่งอีเมล์ผ่านทางอินเตอร์เน็ตไปทั่วโลก
ผมมีข่าวดี และข่าวที่ดีกว่า
เขาเขียนใีอีเมลืต่อไปว่า
ข่าวดีก็คือพระเจ้าเห็นว่าผมเป็นหนึ่งในสามคนที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก
และข่าวที่ดีกว่านั้น
ก็คือพวกท่านทั้งหลายไม่ต้องคอยอัพเกรดคอมพิวเตอรือีกต่อไปแล้ว

เรื่องที่สาม
สองสหายคุยกันในผับแห่งหนึ่ง
"นี้รถของแกหรือ"
"ใช่และไม่ใช่" เพื่อนตอบ
"หมายความว่าอย่างไร"
"เวลาไปช็อปปิ้ง
มันเป็นรถของเมียฉัน
ถ้าไปงานเต้นรำ
มันเป็นรถของลูกสาวฉัน
ส่วนเวลาไปดูฟุตบอลมันเป็นของ
ลูกชายฉัน
แต่พอถึงเวลาเติมน้ำมันนั้นและเป็นรถของฉันเอง"

เรื่องที่สี่
อาจารย์ผู้หวังดีพยายามเตือนลูกศิษย์ในชั้นเรียน
โดยพูดขึ้นว่า
"อาทิตย์นี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่พวกเธอจะได้อ่าน
หนังสือเพื่อเตรียมสอบไล่อาทิตย์หน้า
เวลาเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว
และตอนนี้ครูก็ได้ส่งข้อสอบไปให้เจ้าหน้าที่พิมพ์
แล้วด้วย ใครมีคำถามอะไรอีกไหม
"
นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า "
มีคำถามทั้งหมดกี่ข้อครับ"
นักศึกษาอีกคนถามว่า "
ข้อสอบเป็นแบบปรนัยหรืออัตนัยครับ"
"ถ้าไม่มีใครถามอีก
ครูจะกลับแล้ว" ครูแสนดีกล่าว
นักศึกษาคนที่สามรีบยกมือถามว่า
" ใครเป็นคนพิมพ์ข้อสอบค่ะ"

เรื่องที่ห้า
คุณแม่ของเด็กหญิงวัยสี่ขวบท่านหนึ่งจนปัญญาเต็มที่
จึงพูดขึ้นมาว่า "
ถ้าขืนหนูยังเอาแต่ดูดนิ้วหัวแม่มือละก้อ"
หนูจะตัวพองเหมือนลูกโป่งนะ"
วันรุ่งขึ้นคุณแม่พาลูกน้อยไปงานสังสรรค์เล็กๆแห่งหนึ่ง
ในบรรดาแขกเหรื่อที่มา
มีหญิงตั้งครรภ์แก่มากคนหนึ่ง
เด็กน้อยเห็นหญิงผู้นั้นแล้วอดรนทนไม่ได้
เดินรี่ไปหาหญิงซึ่งกำลังจะเป็นแม่เด็ก
แล้วพูดขึ้นว่า
"หนูรู้นะว่าน้าไปทำอะไรมา"

เรื่องที่หก
นักศึกษาสองคนฉลองก่อนสอบกันทั้งคืนเลยมาเข้าสอบสาย
จึงต้องพยายามหาข้อแก้ตัวเป็นพลันวัน
"รถเรายางแบนกระทันหันระหว่างเดินทางครับ"
ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจเป้นอย่างยิ่งที่อาจารยืที่แสนจะเคร่งครัดและเจ้าระเบียบอนุญาติให้เข้าสามารถ
สอบได้ แต่ต้องมาในวันรุ่งขึ้น
เมื่อถึงเวลาสอบ
อาจารย์เจ้าระเบียบได้แยกนักศึกษาทั้งสองไว้คนละห้อง
แล้วเริ่มแจกข้อสอบให้ คำถาม
แรกมีคะแนนเป็นห้าเปอร์เซนต์ของคะแนนรวมทั้งหมด
"ช่างง่ายจริงๆ" นักศึกษาคิด
ส่วนคำถามที่สองในหน้าถัดไปนั้นมีเพียงสั้นๆว่า
"ยางเส้นไหนรั่ว"

เรื่องที่เจ็ด
สามีภรรยาคู่หนึ่งหลังจากพยายามเก็บเงินมานานตั้งใจจะซื้อบ้านหลังแรก
ดิฉันจึงได้พาไปดูแบบบ้าน
ต่างๆในโครงการถึง 19 หลัง
จนฝ่านสามีตัดสินใจได้แล้วว่าอยากได้หลังไหน
แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่า
ยังอยากขอดูเพิ่มอีกสัก 6 - 7 หลัง
" คุณฉวีวรรณคะ"
ดิฉันกระซิบถาม
"
คุณเลือกผู้ชายทั้งหมดกี่คนคะกว่าจะได้พบแฟนของคุณ
"
" สองเท่านั้นค่ะ "
เธอตอบอย่างอายๆ
หลังจากนั้นทั้งสองก็สามารถตัดสินใจเลือกแบบบ้านที่ถูกใจได้ภายในวันนั้น

เรื่องที่แปด
ผมทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง
คงไม่ต้องเอยนาม
เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งซึ่งนั่งใกล้กันมีลุกสาวอายุ
ประมาณ 3-4 ขวบ
เธอมักจะพาลูกสาวมาที่ทำงาน
จนผมรู้สึกคุ้นเคยกับหนูน้อยเป็นอย่างดี
วันหนึ่งในช่วงบ่ายๆ
เด็กน้อยซึ่งเล่นซนไปมาจนทั่วแล้วคงรู้สึกเบื่อๆอยากกลับบ้านเต็มทน
ผมเห็นดังนั้น
เลยแหย่แกด้วยความเอ็นดู
"หนูอยากกลับบ้านแล้วหรือ "
เด็กน้อยพยักหน้ารับ
"หนูรู้ไหม
วันนี้คุณแม่เค้าคงมีงานเยอะมาก
คงพาหนูกลับตอนนี้ตอนนี้ไม่ได้หรอก"
" ไม่จริงหรอกค่ะ
คุณแม่กำลังจะกลับบ้านแล้ว"
เด็กน้อยตอบ
ผมถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า "
หนูรู้ได้อย่างไงจ๊ะ"
"ก้อคุณแม่เค้ากำลังแต่งหน้า"

เรื่องที่เก้า
"คุณตำรวจ
จากคำให้การของชายสองคนที่คุณจับมา
เขายืนยันว่าคุณจับเขาขณะที่เข้ากำลังงัดรถของตัวเอง
เพราะเขาลืมกุญแจทิ้งไว้ในรถ
พวกเขาพยายามอธิบายให้คุณฟังแล้ว
พร้อมทั้งได้แสดงหลักฐานการเป็นเจ้า
ของรถก็แล้ว
แต่คุณก็ยังยืนยันจะจับเขาด้วยข้อหาเมาสุรา
คุณมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า"
"
จริงอยู่ครับที่พวกเขาล็อคประตูรถแล้วลืมกุญแจไว้ในรถ
และขณะที่ผมพบพวกเขาซึ่งกำลังพยายามงัด
ประตูรถ
แต่ด้วยการมองเพียงแวบเดียวก็แน่ใจได้เลยว่าทั้งสองคนนี้ต้องเมาอย่างแน่นอน
" ตำรวจอธิบาย
"เพราะรถของเขาเป็นรถสปอร์ตแบบเปิดประทุนครับท่าน
"

เรื่องที่สิบ
วัลภารู้สึกหงุดหงิดมากหลังกลับจากตลาด
บ่นพึมพำไม่ขาดปาก
ขณะที่ลูกสาวก็มองหน้าคุณแม่อย่างไม่ละสายตา
"เฮ้ย
สมัยนี้อะไรๆก็ขึ้นราคาไปเสียซะทุกอย่าง
น่าโมโหซะจริงๆเชียว
เมื่อไรนะถึงจะได้ยินข่าวดีว่ามีอะไรลดลง
มาบ้าง "
ลูกสาวเริ่มยิ้มที่มุมปาก "
คุณแม่ขา
หนูมีข่าวดีที่จะมาบอกค่ะ "
พูดด้วยน้ำเสียงสดใส
" เรื่องอะไรเหรอลูก "
ลูกสาวยิ้มก่อนพูดว่า"
เรื่องคะแนนสอบครั้งล่าสุดของหนู
คงเป็นข่าวดีของแม่ค่ะ "

เรื่องที่สิบเอ็ด
นักเขียนเรื่องสั้นประเภทเขย่าขวัญพูดกับเพื่อนว่า
"เรื่องสั้นของฉันมักจบอย่าง
มีความสุขทุกเรื่องเลย"
"นายเขียนแต่เรื่องสยองขวัญ
เรื่องผีน่าเกลียด น่ากลัว
และตอนท้ายต้องมีการตาย
เสียทุกที
ไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆ
แล้วจะมาพูดว่าเรื่องที่เขียนจบอย่างมีความสุขได้อย่างไร
"
" ได้ก้อแล้วกันน่ะ
พอเขียนเรื่องก็รับเงินจากสำนักพิมพ์อย่างมีความสุข
ทุกที่นี่นา "
เพื่อน " #@!~% "

เรื่องที่สิบสอง
ในวิชาสถิติขั้นสูงที่ผมกำลังศึกษาอยู่นั้น
ทางมหาวิทยาลัยกำหนดว่าอาจาร์ยจะต้องสอนจบภายในภาคเรียนเดียว
จึงมีนักศึกษาที่สอบตกเป็นจำนวนมาก
ส่วนวิธีสอนของอาจาร์ยก็คือ
เขียนสมการตัวเลขที่สลับซับซ้อนจนเต็มกระดาน
หลังจากอธิบายเสร็จ
ก็จะลบทิ้งทันทีเพื่อที่จะได้เขียนสูตรอื่นๆต่อไป
ความหวังของนักศึกษาที่จะสอบ
ให้ผ่านนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถในการลอกทุกอย่างที่อาจาร์ยเขียน
เพื่อนำไป
ศึกษาภายนอกชั่วโมงเรียน
วันหนึ่ง
ขณะที่อาจาร์ยกำลังลบกระดาน
นักศึกษาคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยเสียงเครียดขึ้นว่า
" เดี๋ยวครับอาจาร์ย
ผมยังลอกไม่เสร็จเลย "
" ไม่เป้นไรหรอก " อาจาร์ยตอบ
"
เอาไว้รอลอกในเทอมหน้าใหม่ก็ได้
"

เรื่องที่สิบสาม
เชลยกลุ่มหนึ่งถูกกองกำลังโจรก่อการร้ายสอบสวนอยู่
หัวหน้าโจรพูดขึ้นมาว่า "
ข้าต้องการทราบจำนวนอาวุธ
จำนวนทหาร และเสบียง
ของพวกเจ้า ใครบอกข้า
ข้าจะปล่อยมันผู้นั้นให้เป็นอิสระ
"
เชลยคนที่หนึ่ง " รอไปเถอะ
แกไม่มีทางได้รู้อะไรเลย "
เชลยคนที่สอง "
ข้าไม่มีอะไรที่จะพูด
หรือบอกอะไรทั้งสิ้น "
เชลยคนที่สาม "
จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็เชิญ "
หัวหน้ากองโจร " เอาทุกคนไปขัง
เตรียมรอยิงเป้าได้ "
หัวหน้าเชลย "
อันที่จริงท่านก็มิได้ดูโหดร้ายน่ากลัวอะไร
ข้าว่าถ้าหากมีคนอย่างท่าน
สัก 10-20 คน
โลกเราคงเต็มไปด้วยความสงบสุข
"
หัวหน้าโจรก่อการร้าย "
ถ้าหากเจ้าพวกนั้นพูดจาได้ดีเหมือนเจ้า
ก็คงไม่ต้องโดนยิงเป้าหรอก "
หัวหน้าเชลย "
ข้าหมายความว่าหากมีคนอย่างท่านสักสิบ
- 20 คน โลกเราคงสงบ
แต่เผอิญมีคนอย่างท่านครึ่งโลก
โลกเราถึงได้วุ่นวายอย่างนี้ "

เรื่องที่สิบสี่
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน
ดิฉันกับเพื่อนๆเดินเพื่อหาอะไรทานรองท้องก่อนจะกลับบ้าน
เดินไปซักพัก
สานตาก็ไปสะดุดอญู่ที่ร้าน
ขายก๋วยเตี๋ยวร้านหนึ่ง
ซึ่งดูสะอาดสะอ้านน่าแวะทานเป็นอย่างยิ่ง
เลยสะกิดบอกเพื่อนๆ
ให้ลองแวะที่ร้านนี้
แล้วจัดแจงสั่ง
ก๋วยเตี๋ยวจนครบทุกคน
พอชามก๋วยเตี๋ยวมาวางอยู่ตรงหน้า
ดิฉันก็เหลือบไปเห็นแมลงวันสามตัวลอยอยู่ในชามของตัวเอง
ด้วยความไม่พอใจดิฉันจึงถามเจ้าของร้านว่า
" แมลงวันสามตัวนี้ มาจากไหน "
เจ้าของร้านทำหน้าแปลกใจ
ชี้ไปที่แมลงวันตัวหนึ่งในชามแล้วตอบหน้าตาเฉย
" อ้วนๆอย่างนี้
นี่เจ้าจินดาแน่ๆ เพราะเป็น
แมลงวันของร้านเราเอง
แต่อีกสองตัวนี่สิ
ไม่รู้มาจากไหน
สงสัยจะเป็นแมลงวันจรจัดครับ "

เรื่องที่สิบห้า
ผมไปซื้อชุดทักซิโดในร้านตัดเสื้อมีชื่อแห่งหนึ่ง
หลังจากเลือกแบบที่ถูกใจได้แล้ว
ก็มาทดลองใส่ดู
ปรากฏว่าเสื้อใส่ได้พอดิบพอดี
แต่แถบผ้าคาดเอวตึงเกินไปหน่อย
เพราะผมคงกินและดื่มในงานเลี้ยงมากไปหน่อย
" ไม่มีปัญหาครับ "
คนขายบอกอย่างใจเย็น "
เราขยายให้ได้
แต่คงต้องเสียค่าใช้จ่ายนิดหน่อย
"
ผมเลยถือโอกาสบอกว่าขากางเกงก็ยาวเกินไป
ทางเจ้าหน้าที่บอกเขายินดีแก้ไขให้ได้โดยไม่
คิดเงินเพิ่ม
" เดี๋ยวก่อน "
ผมถามด้วยความแปลกใจ "
ทำไมทีแก้สายคาดเอว
ถึงคิดสตางค์ แต่ที่ตัดขาให้
สั้นถึงฟรีล่ะ "
"
ก็ขายาวไม่ใช่ความผิดของคุณนี่ครับ
" ช่างตอบอย่างหน้าระรื่น

เรื่องที่สิบหก
โบยร้อย
นำนิทานพื้นบ้าน
มาเล่าขานให้สนุก
เพื่อผ่อนคลายความทุกข์
รับความสุขเบิกบานใจ
นามมาแล้ว
มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่
คุรชรถิ่นอาศัย
อยู่ริมไพรสุขใจจริง
เก่งกานท์กลอนกวี
สำเนียงนี้ไพเราะยิ่ง
ทราบข่าวไม่ประวิง
ไม่อยู่นิ่งเร่งรีบไป
ด้วยพระเจ้ากาสี
โปรดกวีจึงคิดไกล
เรานี้จักต้องไป
เฝ้าองค์ไท้ที่ในวัง
เมื่อถึงยังที่หมาย
ยังไม่สายมีความหวัง
ถึงประตูพระราชวัง
ไม่หยุดยั้งเร่งเข้าไป
ทหารชาญสมร
บอกหยุดก่อน จะไปไหน
เราเฝ้าประตูไซร้
จักเข้าไป ต้องสินบน
กวีน้อมตอบรับ
ถ้าตอนกลับ รางวัลล้น
จัดแบ่งมิกังวล
เชิญพ่อขนตามทำนอง
จึงผ่านประตูหนึ่ง
จนมาถึงประตูสอง
นายประตูผู้สำรอง
ร้องขอแบ่งอีกเช่นเคย
กวีน้อมตอบรับ
ถ้าตอนกลับมิทำเฉย
กึ่งหนึ่งเอาไปเลย
ตามที่เอ่ยเผยขอมา
ครั้งถึงซึ่งในวัง
สุดโล่งใจเป็นหนักหนา
เข้าเฝ้าพระราชา
เอ่ยพจนาวาที
อ่านฉันท์เสนาะโสด
ธ
ทรงโปรดกวีศรี
มอบให้ในทันที
ช้างเผือกนี้เป็นรางวัล
กวีกราบทูลว่า
ได้ช้างมาให้สุขสันต์
แต่มิรับช้างนั้น
ขอรางวัล โบยร้อยที
พระราชา ทรงสงสัย
แต่ให้ไปตามวจี
สั่งให้โบยกวี
หนึ่งร้อยทีตามที่ว่า
กวีเรียกนายประตู
มารับรู้ตามสัญญา
แบ่งปันรางวัลหนา
สองคนมา
ให้ตกใจ
คนละห้าสิบที
ถูกโบยตีถึงร่ำไห้
พระราชาพอพระทัย
ชื่นชมใน
ตัวกวี
ฉลาดล้ำยิ่งแล้ว
ดุจปราชญ์แก้วมณีศรี
ชุบเลี้ยงด้วยยินดี
แผ่นดินนี้ เลื่องลือไกล

เรื่องที่ 17
คลอดบุตรอย่างง่าย
หญิงท่านหนึ่งเจ็บครรภ์อย่างถี่ยิบและรุนแรง
จนคลอดเด็กออกมาในห้องโถงของโรงพยาบาล
ต่อหน้าคนไข้ที่กำลังรอตรวจนับร้อยคน
" โอ! มันช่างหน้าอายเหลือเกิน"
เธอร้องครางกับพยาบาลเมื่อความวุ่นวายค่อยซาลง
" ไม่ต้องอายหรอกค่ะ "
คุณพยาบาลปลอบ
"
เมื่อสองปีก่อนเคยมีคุณแม่ท่านหนึ่งแย่กว่านี้อีกตั้งเยอะ"
เธอคลอดลูกออกมาตรงบันได
หน้าโรงพยาบาลนี้เลยละค่ะ
คุณพยาบาลตอบ
คุณแม่คนใหม่ยกมือปิดหน้า "
นั้นแหละ ตัวดิฉันเอง "

เรื่องที่
18
เพชรฆาตความเครียด
ชายสามคนหลงเข้าไปในป่า
โดนเผ่ามนุษย์กินคนจับตัวได้
หัวหน้าเผ่าบอกเชลยทั้งสามว่าจะให้โอกาสมีชีวิตรอด
โดยแต่ละคนจะถูกพวกชาวเผ่าคุมตัวเข้าไปในป่าเพื่อหาผลไม้อะไรก็ได้มาคนละ
10 ลูก
แต่ทั้ง 10 ลูก
ต้องเป็นชนิดเดียวกัน
ทั้งสามถูกพากันแยกย้ายไปกันคนละทาง
ในที่สุดคนแรก
ก็กลับมาถึง พร้อมมะม่วง 10 ลูก
เอาล่ะ หัวหน้าเผ่าบอก
กติกาคือ
เจ้าต้องเอามะม่วงนั่น
ยัดเข้าไปในก้นเจ้าทีละลูก
จนกว่าจะครบสิบลูกห้ามทำหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเป็นอันขาด
ไม่งั้นข้า
จะฆ่าเจ้าทิ้งทันที
ในเมื่อไม่มีทางเลือก
ชายคนแรกจึงต้องยอมทำตามพอถึงลูกที่สองก็เผลอ
ทำหน้าหงิกด้วยความเจ็บปวดก็เลยถูกฆ่าทิ้ง
คนที่สองกลับมาพร้อมเชอร์รี่ 10
ลูก หัวหน้าเผ่า
อธิบายกติกาเดียวกันให้ฟังรายนี้รีบทำตามทันที
ลูกที ่1...2...3...4...5...6...7...8.... แต่พอ
ถึงลูกที่ 9
ก็ดันระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่นเลยถูกเอาตัวไปฆ่า
วิญญาณชายคนแรกกับคนที่สอง
ขึ้นไปเจอกันบนสวรรค์
คนแรกอดแปลกใจไม่ได้เลยถามว่า
ทำไมตอนนั้นแกดันหัวเราะออก
มาวะ กำลังรอดอยู่แล้วเชียว
จะไม่ให้หัวเราะได้ไงวะ
คิดดูสิ ตอนกำลังยัดลูกที่ 9
อยู่ๆไอ้เจ้า
เพื่อนเราอีกคนมันดัน
อุ้มทุเรียน ตั้งสิบลูกกลับมา...

เรื่องที่
19
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก
ยังมีกบวิเศษตนหนึ่ง
อาศัยอยู่ในป่าใหญ่
ซึ่งเป็นป่าดงดิบลึกลับ
ยากที่จะมีมนุษย์หรือสัตว์ชนิดใดเดินทางไปถึง
แต่แล้ววันหนึ่ง กบวิเศษ
พลันได้ยินเสียงสัตว์สองชนิดวิ่งไล่กวดกันมาอย่างเอา
เป็นเอาตาย
ที่แท้มันคือหมีตัวใหญ่กำลัง
ไล่ล่ากระต่ายเจ้าเล่ห์
เพื่อนำไปทำดินเนอร์ในมื้อเย็น
กบวิเศษเรียกให้สัตว์ทั้งสอง
หยุดตอบข้อ
ซักถาม
เพราะตลอดชีวิตของมันไม่เคยพบหมี
และกระต่ายวิ่งไล่กันมาก่อน
"เจ้าทั้งสองวิ่งกวด
กันแทบ
จะเป็นจะตายเพราะเหตุใดหรือ"
กบถาม "มันจะจับข้าทำอาหาร"
กระต่ายตอบลิ้นห้อย
ด้วยความเหนื่อย "อ้อ
เป็นเช่นนี้เอง เอาเถอะ
อย่าทำร้ายซึ่งกันและกันเลย
เราจะให้พรวิเศษเจ้า
ตัวละ 3 ข้อ
หวังว่าคงจะช่วยลดความขัดแย้งลงได้"
ทั้งหมีและกระต่ายรับคำ
ด้วยความยินดี
เจ้าหมีเป็นฝ่ายขอพรก่อน
มันคิดอยู่เป็นนาที จึงกล่าวว่า
"ข้าปรารถนาให้หมีทั้งหมดป่าแห่งนี้
ยกเว้นตัวข้อเอง
กลายเป็นหมีตัวเมียทั้งสิ้น"
กล่าวเสร็จมันพลันตัวสั่นขนพองด้วย
ความสยิว
กลิ่นสาบสาวจากหมีตัวเมียฟุ้งไปทั่วป่า
กระต่ายผู้น่า
สงสารขอพรเพียงหมวกกันน็อกหนึ่งใบ
"เจ้ากระต่ายปัญญาอ่อน หน้าโง่
ถ้ามันขอเงินสักพันล้าน
มันสามารถซื้อหมวกกันน็อกได้
หลาย
ล้านใบ แต่ช่างมันเถิด
ไม่ใช่ธุระอะไรของเรา"
เจ้าหมีบ้าเซ็กซ์ขอพรข้อสอง
มันคิดอยู่สามนาที
ก่อนจะกล่าวว่า
"ข้าปรารถนาให้หมีทุกตัวในป่าถัดไปกลายเป็นตัวเมียทั้งสิ้น"
กล่าวเสร็จตัวมันพลันน้ำลายไหลด้วยความสยิว
หมีตัวเมียเพิ่ม อีกนับร้อยตัว
มันจะตั้งฮาเร็มหมี
กระต่ายน้อยขอมอเตอร์ไซค์
หนึ่งคัน
เมื่อได้สมปรารถนามันก็สวมหมวกกันน็อก
ขึ้นคร่อม และ
สตาร์รถทันที
หมีใหญ่ขอพรข้อที่สาม
"ข้าปรารถนาให้หมี
ทั้งหมดในโลก ยกเว้นตัวข้าเอง
กลายเป็นหมีตัวเมียทั้งสิ้น"
มันแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
แต่แล้วมันถึงกับช็อก
เมื่อได้ยิน
กระต่ายน้อยขอพรข้อที่สามก่อนบึ่งรถหนีไป
"ขอให้เจ้าหมีตัวนี้เป็นเกย์"

เรื่องที่
20
คู่แต่งงาน กับ กล่องใบหนึ่ง
หญิงชายคู่หนึ่งอยู่ด้วยกันมาจนครบ
40 ปี ในคืนแรกที่พวกเขา
แต่งงานกัน สามีบอกกับภรรยาว่า
"ฉันจะเก็บกล่องใบนี้ไว้ใต้เตียง
เธอต้องสัญญานะว่า
จะไม่เปิดกล่องใบนี้ออกมาดู "
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา
ภรรยาไม่เคยเปิดกล่องใบนี้ออกดูตาม
สัญญา จนบ่ายวัน ครบรอบ 40
ปีของการแต่งงาน
ฝ่ายหญิงทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว
จนต้องแกะกล่องปริศนาใบนั้นดู
ในกล่อง...เธอพบขวดเบียร์ว่างเปล่า
3 ขวด พร้อมกับเศษ
แบงค์และเศษตังค์ นับรวมกันได้
34,768.50 บาท
เธอเก็บกล่องใบนั้นกลับไปที่เดิม
แต่ก็ยิ่ง
สงสัย
หนักเข้าไปใหญ่ว่าทำไมสามีเธอต้องเก็บของพวกนี้ไว้ในกล่องนั้นด้วย
คืนวันนั้น เขาและ
เธอออกไปฉลองครบรอบแต่งงาน ณ
ร้านอาหารอันสุดแสนจะ โรแมนติค
หลังอิ่มจากอาหารค่ำ
ภรรยาวัยชราก็เอ่ยปากสารภาพ
"ขอโทษนะพ่อ
แม่เปิดกล่องใบนั้นดูแล้ว
แม่อดราทนไม่ไหวจริง
พ่อบอกแม่ได้มั้ยจ๊ะว่าทำไมพ่อต้องเก็บขวดเปล่าไว้ในกล่องนั้นด้วย?"
ชายชราคิดอยู่ครู่นึงพร้อม
สารภาพบ้างว่า
"หลังจากผ่านช่วงเวลาที่พิเศษสุดมาตลอด
40 ปี พ่อว่าแม่ควรจะรู้
ความจริงวันนี้
ซะที... ทุกครั้งที่พ่อทำนอกใจแม่
พ่อจะใส่ขวดเบียร์เปล่าหนึ่งใบลงไปในกล่อง
เพื่อเตือนสติพ่อ
เองว่าจะไม่ทำเรื่องแย่ๆเหล่านั้นอีก"
หญิงชราช็อคกับคำตอบแต่ก็ได้ทอดถอนใจเอ่ยตอบไปว่า
"แม่ผิดหวังในตัวพ่อมากนะที่พ่อทำผิดแล้วยังปิดบังแม่มาตลอด
แต่ก็ยังดีที่ตลอด 40 ปีมานี่
พ่อแอบหนีไปเที่ยวแค่สามครั้ง..."
เหมือนยกภูเขาออกจากอก
ทั้งสองน้ำตาไหลรินพร้อมโผเข้า
กอดกัน อย่างมีความสุข
กอดกันได้ซักพักภรรยาก็เกิดเอะใจขึ้นมา
"ทำไมพ่อต้องเก็บเงินเยอะแยะไว้ในกล่องนั่นด้วยล่ะ"
"อ๋อ....พอกล่องมันเต็มเมื่อไหร่
พ่อก็เอา
ขวดไปขายสิจ๊ะ"

เรื่องที่
21
ก่อนอื่น ต้องขอบอกก่อนว่า
นี่เป็นเรื่องจริง
ที่จะนำมาเล่าให้ท่านๆ
ทั้งหลายในไกลบ้านฟัง
ใครเคยได้ยินมาจากที่อื่นแล้ว
อย่าเพิ่งแสดงความเห็น
รออ่านแล้วจบก่อน แล้วค่อยแสดง
เรี่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยได้ยิน
และผมเกือบตายหลังจากฟังเรื่องนี้
เป็นเรืองเกี่ยวกับการนั่งแท็กซี่ในยามดึกครับ
เรื่องนี้น้องที่ทำงานที่ผมรักสนิทเป็นคนเล่าให้
ผมฟังเอง
เป็นเรี่องของคนขับแท็กซี่คนหนึ่ง
ที่ขับรถกะกลางคืน
วิ่งรับส่งผู้คนอยู่แถวถนน
สุขาภิบาลหนึ่งครับ
มีอยู่คืนหนึ่ง
เขาวิ่งมาจากทางด้านรามอินทรา
แล้วมองหาผู้โดยสารไป
เรื่อยๆ ตามธรรมดา
ก็เป็นเวลาสักห้าทุ่มได้
ระหว่างที่ขับมาเรื่อยๆ
ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุด
สีขาวเรียบๆ
กวักมือเรียกเขาให้จอดรับ
ความที่ชักดึกแล้ว
ได้ผู้โดยสารสักคนก็น่าจะดี
ก็เลย
ตัดสินใจรับ แล้วก็ขับไปเรื่อยๆ
แต่ผู้โดยสารคนนี้กลับนั่งเงียบ
ชวนคุยก็ไม่ยอมคุย แล้วเจ้า
หล่อนก็หน้าตาออกจะซีดๆ
สักหน่อย ไว้ผมยาว นั่งเฉย
คนขับก็เริ่มรู้สึกอึดอัด
และเย็นวูบๆ ขึ้น
มาเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดอะไร
ขับไปเรื่อยๆ ขณะที่ขับไปนั้น
เขาก็เหลือบมองไปที่กระจกมองหลัง
คุณพระช่วย!
ในกรอบของกระจกมองหลังนั้น
ไม่มีใครอยู่เลย
เขาใจหายวูบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ตัวเย็นวาบไปทั้งตัว
เหยียบเบรคเต็มแรง
จนตัวเขาเองหัวคะมำ
มองไปข้างหลัง เห็นไม่มีใคร
ตั้งสติได้ ก็เหยียบคันเร่ง
พุ่งออกไปทันที
เมื่อออกจากจุดที่เบรคไปเมื่อกี้ได้สักสองร้อยเมตร
ก็
ตั้งนะโม ตั้งสมาธิมั่น
เหลียวมองกระจกหลังอีก
ให้ตายเถอะ ท่านผู้อ่าน !
สตรีผู้นั้นกลับปรากฏตัวขึ้นมาในกระจกอย่างไม่คาดฝัน
มีเลือดไหลเกรอะกรัง
อยู่บนทั้งปากและ
จมูก
จ้องเขม็งมาที่เขาอย่างเกรี้ยวกราด
เหมือนมีความอาฆาตแค้น
คนขับจึงนึกในใจว่า
เอาล่ะ วะ เป็นไงเป็นกัน
ยังไงก็เจอผีแล้ว ค่อยๆ ชะลอรถลง
จอด
แล้วเหลียวกลับไปถามอย่างสั่นๆ
ว่า "ผะ ผะ พี่ พี่ครับ
ไม่ทราบเป็นอะไรตายครับ"
หญิงชุดขาว ใบหน้าเปื้อนเลือด
ตอบออกมา ว่า
"??? ??? ??? ??? mung ???? ?????????????????????
??????????????? ?a ????"
คนกำลังแคะจมูกอยู่
ดันเบรครถกระทันหันเล็บจิกจมูกเข้าให้
หัวโขกกับพนัก แล้วยังมาหาว่า
เป็นผีอีก



คริสตัล ไดแอกนอสติก 803-7310,
8037311, 803-6704
ไทยแล็ปออนไลน์ - ThaiL@bOnLine
E mail : vichai-cd@usa.net
|