พระราชบัญญัติ โรงแรม พ.ศ. 2478


 

บทนิยาม
มาตรา 1 พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า "พระราชบัญญัติโรงแรม พุทธศักราช 2478"
มาตรา 2 ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ เมื่อพ้นกำหนดสามเดือนนับตั้งแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
"รัฐมนตรี"หมายความว่ารัฐมนตรีผู้มีหน้าที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
"โรงแรม" หมายความว่าบรรดาสถานที่ทุกชนิดที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับสินจ้าง สำหรับคนเดินทางหรือบุคคลที่ประสงค์จะหาที่อยู่หรือที่พักชั่วคราว
"นายทะเบียน" หมายความว่า เจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีได้แต่งตั้งขึ้นให้ มีหน้าที่รับจดทะเบียนและควบคุมโรงแรม
"ผู้พัก" หมายความว่า คนเดินทาง หรือบุคคลอื่นใดซึ่งเจ้าสำนักจัดให้ พักอาศัยในโรงแรมเพื่ออยู่ หรือพักชั่วคราว โดยจะเสียสินจ้างหรือไม่ก็ตาม
"เจ้าสำนัก" หมายความว่า บุคคลผู้ควบคุมและจัดการโรงแรม

:: คำขอใบอนุญาติและการจดทะเบียน
มาตรา 4 โรงแรมจะเปิดดำเนินกิจการได้ก็แต่เมื่อได้รับใบอนุญาตและ จดทะเบียนโดยถูกต้อง
โรงแรมที่เปิดดำเนินกิจการอยู่ก่อนวันใช้พระราชบัญญัตินี้ ให้ยื่นคำขอ อนุญาตจดทะเบียนภายในกำหนดสองเดือน นับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้ เป็นต้นไป

:: คำขอใบอนุญาติ
มาตรา 5 คำขออนุญาตเปิดโรงแรมนั้น จะต้องระบุข้อความที่กำหนดไว้ ในกฎกระทรวง และกรณีจะเป็นอย่างไรก็ตามจะต้องมี
(1) ชื่อหรือยี่ห้อโรงแรม
(2) ประเภทโรงแรม
(3) ชื่อสำนักและอาชีพของเจ้าของและเจ้าสำนัก
(4) จำนวนห้องใช้พักอาศัย
(5) ตำบลที่ตั้งโรงแรม ในขออนุญาตจะต้องมีรายการดั่งกล่าวข้างบนนี้ด้วย ถ้าโรงแรมยังไม่ได้จัดสร้างให้ผู้ขออนุญาตยื่นแผนผัง และรายการของ โรงแรมที่ประสงค์จะสร้างต่อนายทะเบียน เมื่อนายทะเบียนเห็นเป็นที่พอใจ ว่าไม่มีสิ่งใดขัดต่อความประสงค์แห่ง มาตรา
6 ก็ให้นายทะเบียนอนุมัติให้ จัดสร้างขึ้นได้ : ให้นายทะเบียนอนุญาตให้เปิดกิจการโรงแรม
มาตรา 6 ให้นายทะเบียนอนุญาตให้เปิดดำเนินกิจการโรงแรมต่อเมื่อ เป็นที่พอใจตามคำแนะนำของเจ้าพนักงานสาธารณสุขว่า ความมั่นคง ความ สะอาด ช่องอากาศ และสถานที่ไม่ขัดกับอนามัย
ใบอนุญาตฉบับหนึ่งให้ใช้ได้เฉพาะโรงแรมเดียวและสิ้นอายุใน "วันที่ 31 ธันวาคม" ทุกปี

:: การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการออกใบอนุญาติ
มาตรา 7 ในการออกใบอนุญาตให้เรียกค่าธรรมเนียมตามประเภทของ โรงแรมหรือตามลักษณะของห้องพัก ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ กระทรวงแต่ไม่เกินห้องละหนึ่งร้อยบาท"
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แก้ไขโดย มาตรา 3 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 77 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2503

:: การเปลี่ยนชื่อ หรือยี่ห้อ
มาตรา 8 การเปลี่ยนชื่อหรือยี่ห้อ การย้ายสถานที่ การเพิ่มหรือลด จำนวนห้องสำหรับพักแห่งโรงแรม จะทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ จากนายทะเบียนซึ่งได้บันทึกการอนุญาตไว้โดยถูกต้องแล้ว
การเปลี่ยนตัวเจ้าสำนักจะยกขึ้นมายืนยัน แก่เจ้าพนักงานปกครองท้องที่ หรือยกขึ้นแก้ตัวสำหรับความผิดของเจ้าสำนักในอันจะถูกลงโทษไม่ได้ เว้นแต่ เจ้าสำนักทั้งคนเก่าและคนใหม่ จะได้แจ้งการเปลี่ยนตัวเจ้าสำนักเป็นหนังสือ พร้อมด้วยชื่อสำนักและอาชีพของเจ้าสำนักคนใหม่ แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลง ชั่วคราวก็ตาม

:: การเปลี่ยนตัวเจ้าของ
มาตรา 9 การเปลี่ยนตัวเจ้าของทั้งเจ้าของคนเก่าและคนใหม่จะต้อง แจ้งเป็นหนังสือแก่นายทะเบียนภายในห้าวันนับแต่วันเปลี่ยน พร้อมด้วยชื่อ สำนักและอาชีพของเจ้าของคนใหม่
เมื่อเจ้าของต้องการจะเลิกดำเนินกิจการโรงแรม ให้แจ้งแก่นาย ทะเบียนทราบล่วงหน้าก่อนห้าวัน
เจ้าของคนใดไม่ปฏิบัติตามความในสองวรรคก่อน มีความผิดต้องระวาง- โทษปรับไม่เกินยี่สิบบาท

:: การอุทธรณ์ในกรณีที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาต
มาตรา 10 ในกรณีที่นายทะเบียนปฏิเสธไม่ยอมออกใบอนุญาตหรือไม่ อนุญาตตามที่กำหนดไว้ในมาตราก่อน ๆ ให้อุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีภายใน กำหนด 15 วัน นับตั้งแต่วันทราบคำสั่ง คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด

:: โรงแรมจะต้องมี
มาตรา 11 โรงแรมจะต้องมี
(1) ป้ายบอกชื่อหรือยี่ห้อเป็นภาษาไทยให้เด่นชัดติดไว้หน้าโรงแรม
(2) ใบอนุญาตติดไว้ ณ ที่เปิดเผยภายในโรงแรมและให้ใกล้ทางเข้า ออกข้างหน้าให้มากที่สุด
(3) เลขที่ประจำห้องพักติดไว้ที่หน้าห้อง
มาตรา 12 โรงแรมจะต้องมีสมุดซึ่งมีเลขเรียงหน้าติดต่อกันตามลำดับ สำหรับจดนามผู้พัก สมุดจดนามผู้พักนี้ก่อนที่จะให้จดนามผู้พักเป็นครั้งแรก เจ้าสำนักจะต้องยื่นต่อนายทะเบียน เพื่อประทับตราและลงลายมือชื่อ และ นายทะเบียนต้องเซ็นชื่อย่อกำกับไว้ทุก ๆ แผ่น
ให้เรียกค่าธรรมเนียมสำหรับการนี้ตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง แต่ มิให้เกินสามบาท
เจ้าสำนักคนใดไม่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามความในมาตรานี้ มีความผิด ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าสิบบาท

:: สมุดจดนามผู้พักหาย ต้องแจ้งต่อนายทะเบียน
มาตรา 13 การที่สมุดจดนามผู้พักสูญหาย หรือถูกลักนั้น มิให้ถือเป็นข้อ แก้ตัวเว้นแต่จะได้แจ้งแก่นายทะเบียนโดยไม่ชักช้า

:: การจดข้อความลงในสมุดจดนาม
มาตรา 14 เจ้าสำนักมีหน้าที่ต้องจัดให้จดข้อความลงในสมุดจดนามผู้พัก ในโอกาสแรกที่จะทำได้ และให้ผู้พักซึ่งมีอายุเกินสิบแปดปีลงลายมือชื่อไว้ใน สมุดจดนามผู้พักหรือในบัตรจดนามผู้พักด้วย ถ้าผู้พักลงลายมือชื่อไม่ได้ ก็ให้ลง ลายพิมพ์นิ้วมือ หากผู้พักคนใดไม่ยอมลงลายมือชื่อหรือลายพิมพ์นิ้วมือ ห้ามมิให้ การรับผู้นั้นพักในโรงแรม
สมุดจดนามผู้พักและบัตรจดนามผู้พัก ให้เป็นไปตามแบบที่กำหนดในกฎ กระทรวง และให้ถือว่าบัตรจดนามผู้พักเป็นส่วนหนึ่งของสมุดจดนามผู้พัก การจดข้อความลงในสมุดจดนามผู้พักหรือในบัตรจดนามผู้พัก ต้องจดทุก รายการ ห้ามมิให้ปล่อยช่องว่างไว้โดยไม่มีเหตุสมควรถ้ารายการใดเขียนผิด ห้ามมิให้ลบ แต่ให้ขีดฆ่า แก้หรือตกเติม แล้วให้ผู้จดลงลายมือชื่อกำกับไว้
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 แก้ไขโดย มาตรา 4 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 77 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2503

:: บทระวางโทษในการจดหรือแจ้งข้อความในสมุดอันเป็นความเท็จ
มาตรา 15 ผู้พักคนใดจดหรือแจ้งให้เจ้าสำนักจดลงในสมุดจดนามผู้พัก ซึ่งข้อความอย่างใด ๆ ที่รู้อยู่ว่าเป็นความเท็จก็ดี หรือข้อความที่จดหรือแจ้ง นั้นอาจจะทำให้ผู้อื่นหรือสาธารณชนเสียหายก็ดี มีความผิดต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองร้อยบาท
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2495 แก้ไขโดย มาตรา 4 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 69 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494
มาตรา 16 เจ้าสำนักคนใดโดยรู้อยู่แล้ว และในลักษณะอันจะก่อให้ เกิดความเสียหายแก่สาธารณชนหรือผู้พัก จดลงในสมุดจดนามผู้พักซึ่งรายการ ใด ๆ อันไม่ถูกต้องตรงกันกับข้อความซึ่งผู้พักได้ให้ถ้อยคำ หรือแจ้งไว้จริง มี ความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2495 แก้ไขโดย มาตรา 5 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 69 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494

:: การจัดทำหนังสือแจ้งรายการประจำวันไปยังนายทะเบียน
มาตรา 17 ให้เจ้าสำนักจัดทำหนังสือแจ้งรายการประจำวันขึ้นไว้โดย คัดสำเนารายการซึ่งลงไว้ในวันนั้นในสมุดจดนามผู้พักตาม มาตรา
14 และจัด ส่งไปให้นายทะเบียนในวันรุ่งขึ้น แล้วให้นายทะเบียนทำใบรับมอบให้ไว้เป็น สำคัญ แต่โรงแรมใดอยู่ห่างไกลที่ว่าการอำเภอซึ่งไม่สามารถส่งได้ตาม กำหนดดั่งกล่าวแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการจังหวัดจะพิจารณากำหนด ส่งรายงานประจำวันแล้วมีคำสั่งให้เจ้าสำนักทราบ
ถ้ารายการซึ่งจะต้องคัดตามความ ในวรรคก่อนซ้ำกับรายการวันก่อน เจ้าสำนักต้องแจ้งรายการตามมาตรานี้ เพียงแต่บอกว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง หนังสือแจ้งรายการประจำวันซึ่งทำขึ้นตามมาตรานี้ เจ้าสำนักหรือผู้แทน จะต้องลงนามและรับรอง

:: ผู้มีอำนาจในการตรวจดูสมุดจดนามผู้พัก
มาตรา 18 นายทะเบียน เจ้าพนักงานตำรวจตั้งแต่ชั้นนายดาบตำรวจ ขึ้นไปหรือหัวหน้าสถานีตำรวจหรือกรมการอำเภอ มีอำนาจตรวจดูสมุดจดนาม ผู้พักและตรวจค้นห้องพักที่ว่าง หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของโรงแรมที่เปิดไว้ให้ใช้ ร่วมกัน เช่น ห้องโถง เฉลียง ห้องรับประทานอาหารเป็นต้นได้ทุกเมื่อ
การตรวจค้นสถานที่อื่นใดนอกจากที่กล่าวแล้ว ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

:: บทกำหนดโทษ
มาตรา 19 ผู้ใดเปิดโรงแรมขึ้นโดยมิได้รับใบอนุญาตตาม มาตรา
4 มี ความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองพันบาท
ผู้ใดดำเนินกิจการในฐานะเป็นเจ้าสำนักแห่งโรงแรมที่กล่าวแล้ว หรือ โรงแรมซึ่งถูกยึดหรือเพิกถอนใบอนุญาต มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน หนึ่งพันบาท
เจ้าสำนักคนใด ซึ่งเคยถูกปรับสำหรับความผิดตามที่กล่าวไว้ในวรรค ก่อนยังคงรับผู้พักคนใดไว้ในโรงแรมนั้นต่อไป หรือรับผู้พักใหม่อีก มีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ"
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2495 แก้ไขโดย มาตรา 6 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 69 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494
มาตรา 20 เจ้าสำนักคนใดไม่ปฏิบัติการให้เป็นไป ตามบทบัญญัติ มาตรา
8 มาตรา 11 มาตรา 14 หรือ มาตรา 17 ก็ดี หรือไม่ปฏิบัติการให้ เป็นไปตามกฎกระทรวงซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัตินี้ก็ดี มีความผิดต้อง ระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท และถ้าศาลเห็นสมควรอาจสั่งให้ยึด ใบอนุญาตได้ไม่เกินหนึ่งเดือน
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2495 แก้ไขโดย มาตรา 7 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 69 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494
มาตรา 21 เจ้าสำนักคนใดยอมรับผู้พักคนใด ซึ่งเห็นชัดว่าป่วยเป็น โรคเรื้อนหรือโรคติดต่ออันตราย หรือโรคติดต่อตามความในกฎหมายว่าด้วย โรคติดต่อ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท
*หมายเหตุ ให้ยกเลิกความในมาตราต่อไปนี้ และให้ข้อความต่อไปนี้แทนโดย พ.ร.บ.โรงแรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2495 แก้ไขโดย มาตรา 8 ประกาศใน ราชกิจจาฯ เล่ม 69 ตอนที่ 11 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2494

:: นายทะเบียนยึดใบอนุญาต
มาตรา 22 ถ้าเจ้าสำนัก
(1) ละเลยไม่รักษาความสะอาดหรือช่องอากาศ ของโรงแรมให้ เรียบร้อยแม้ได้รับคำตักเตือนเป็นหนังสือจากนายทะเบียนโดยมีความเห็นพ้อง ต้องกันกับเจ้าพนักงานสาธารณสุขแล้ว
(2) โดยรู้อยู่แล้วยินยอมให้บุคคลใด ๆ หลบซ่อนหรือมั่วสุมในเขต โรงแรมกับบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคน ในลักษณะอันควรเชื่อได้ว่าจะก่อความ ในสงบขึ้นในบ้านเมือง
เมื่อข้าหลวงประจำจังหวัดเห็นชอบด้วยแล้ว นายทะเบียนมีอำนาจยึดใบ อนุญาตได้ไม่เกินสิบห้าวัน แต่ในจังหวัดพระนครและธนบุรีอำนาจเช่นว่านี้ให้ เป็นของอธิบดีกรมตำรวจ
ในกรณีเช่นนี้ให้อุทธรณ์ไปยังรัฐมนตรีได้ คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด

:: นายทะเบียนปฏิเสธใบอนุญาต
มาตรา 23 นายทะเบียนอาจปฏิเสธใบอนุญาตได้
(1) ถ้าเจ้าสำนักหรือบุคคลใด ๆ ในสำนักโรงแรมป่วยเป็นโรค หรือ เป็นพาหะของโรคใดๆ ซึ่งอาจติดต่อยังผู้อื่นได้ตามความเห็นของเจ้าพนักงาน สาธารณสุข
(2) ถ้าเจ้าสำนักถูกปรับสำหรับความผิด อันเดียวกันดั่งบัญญัติไว้ใน มาตรา
12 หรือ 19 ซ้ำเป็นสองครั้ง
(3) ถ้าเจ้าสำนักถูกปรับสำหรับความผิดใดๆ ดั่งบัญญัติไว้ใน มาตรา
12 , มาตรา 19 และ 21 เป็นสามครั้ง
(4) ถ้าเจ้าสำนักได้ดำเนินกิจการโรงแรม ในลักษณะที่ใบอนุญาตถูกยึด สองครั้งแล้ว ตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
(5) ถ้าเจ้าสำนักถูกพิพากษาลงโทษ โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปตามส่วนที่ 3,5 (หมวด 2,3) 6,7 (หมวดที่ 1)แห่ง กฎหมายลักษณะอาญา
(6) ถ้าเจ้าสำนักถูกพิพากษาลงโทษ โดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปตามส่วนที่ 9 (เว้นแต่หมวดที่ 7 และ 8) แห่งกฎหมาย ลักษณะอาญา

:: การตักเตือนโดยไม่ยึดใบอนุญาต
มาตรา 24 ในกรณีที่นายทะเบียนมีอำนาจยึดใบอนุญาตตามความในมาตราก่อนๆ ถ้าเห็นเป็นการสมควรที่จะตักเตือนเจ้าสำนัก นายทะเบียนอาจ เรียกเจ้าสำนักมายังสำนักงาน เพื่อรับคำตักเตือนโดยไม่ยึดใบอนุญาตก็ได้

:: กรณีที่ให้ที่พักโดยไม่ถือว่าเป็นโรงแรม
มาตรา 25 เคหะสถานใดใช้เป็นบ้านพัก กล่าวคือใช้เฉพาะเป็นที่รับ บุคคลที่ประสงค์จะไปพักอาศัยอยู่ชั่วระยะเวลานานอย่างน้อยหนึ่งเดือน โดย ผู้มีสิทธิให้ใช้มิได้ขายอาหารหรือเครื่องดื่มใด ๆ แก่ผู้พักเป็นปกติธุระหรือ แก่ประชาชนไม่ถือว่าเป็นโรงแรมตามความหมายแห่งพระราชบัญญัตินี้

:: การจัดที่พักอาศัยชั่วคราวโดยได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน
มาตรา 26 สถานที่ใดจัดตั้งขึ้นให้บุคคลพักอาศัยชั่วคราวเพื่อประโยชน์ ในราชการ การกุศล การศึกษา หรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่นอันข้าหลวง ประจำจังหวัดเห็นสมควร ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจให้ความยกเว้น หรือผ่อนผันหน้าที่ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ได้ตามควรแก่กรณี แต่ใน จังหวัดพระนครและธนบุรีอำนาจเช่นว่านี้ให้เป็นของอธิบดีกรมตำรวจ

:: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการ
มาตรา 27 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่รักษาการให้ เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงวางระเบียบการ และกำหนดค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้


สิงห์แดง สิงห์ดำ สิงห์ทอง สิงห์ขาว สิงห์เขียว มีสิงห์เดียว รวมใจเป็นหนึ่ง

"สิงห์มหาดไทย"