คำสั่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานนั้น
เป็นข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่ในรูปแบบเลขฐานสอง เช่น 1011
ซึ่งเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ
ภาษาที่เป็นข้อมูลที่มีเพียง เลข 0 และเลข 1 นั้นถูกเรียกว่าภาษาเครื่อง

ภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ เช่น Pascal, C, FORTRAN, COBOL, BASIC, Assembly
โดยแท้ที่จริงไม่ใช่คำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน แต่ภาษาต่างๆ เหล่านี้
เปรียบได้กับตัวแทนของชุดคำสั่ง ที่ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ต่างๆ เช่น pascal จะต้องถูกแปลให้เป็นภาษาเครื่อง
ในรูปแบบโครงสร้างไฟล์ execute (*.exe) เพื่อให้สามารถทำงานได้

ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ละเอียดที่สุดก็คือ Assembly (asm)
ซึ่งภาษา Assembly 1 คำสั่ง จะเท่ากับ ภาษาเครื่อง 1 คำสั่ง
ภาษาแอสเซมบลี จัดอยู่ในกลุ่มภาษาระดับต่ำ
คือ มีความใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมาก ดังนั้น โปรแกรมที่เขียน
โดยภาษา Assembly จะมีคำสั่งที่กระชับ ขนาดเล็ก และรวดเร็วที่สุด

เนื่องจากการเขียนคำสั่งคอมฯ ด้วยภาษา Assembly ค่อนข้างยุ่งยาก
ในระยะต่อมา ได้มีผู้สร้างและออกแบบภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่
เพื่อให้ง่ายต่อการเขียน และออกแบบโปรแกรมมากขึ้น เช่น
pascal,
fortran (formula translator),
cobol (common business oriented language),
basic (beginner's all-purpose symbolic instruction code)
คำสั่งของภาษาดังกล่าวมีลักษณะเป็นโครงสร้างที่เป็นระเบียบ
ซึ่งแต่ละคำสั่ง จะมีลักษณะคล้ายกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาก
เหมาะที่จะนำมาใช้ในการหัดเขียนโปรแกรมในระดับเริ่มต้น
ภาษาต่างๆ เหล่านี้ถูกเรียกว่า ภาษาระดับสูง
ภาษาระดับสูง 1 คำสั่งจะถูกแปลเป็นภาษาเครื่อง หลายคำสั่ง

ต่อมามีภาษาระดับกลางเกิดขึ้น
ได้แก่ ภาษา c ซึ่งก็เป็นภาษาโครงสร้างที่มีคำสั่งคล้ายภาษาอังกฤษ
แต่มีความเร็ว และประสิทธิภาพเกินภาษาระดับสูง
โปรแกรมที่แปลจากภาษา c ประมวลผลได้รวดเร็วมาก
จึงมักมีคนกล่าวว่า ภาษา c เป็นภาษาระดับกลาง
อย่างไรก็สำหรับผู้ฝึกหัดเขียนโปรแกรมในระดับเริ่มต้น
ภาษา c ค่อนข้างดูซับซ้อนเกินไปนิด แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดี
สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาโปรแกรมให้มีความรวดเร็วสูง
ข้อมูลทาง internet เกี่ยวกับภาษา c นี้ มีมากมายมหาศาลทีเดียว

ต่อมาอีก ก็มีการเขียนโปรแกรมที่เรียกว่า object oriented programming(OOP)
ซึ่งการเขียนโปรแกรมในลักษณะนี้ ต่อมาได้มีการพัฒนากลายเป็น ภาษาระดับสูงมาก
ภาษาระดับนี้ เป็นภาษาที่พัฒนาจากภาษาระดับสูงและภาษาระดับกลาง คือมีลักษณะคล้ายภาษาอังกฤษ
แต่เพิ่มองค์ประกอบคำสั่งเพื่อทำงานกับ object เช่น หน้าต่าง window ช่องกรอกแบบฟอร์ม
ปุ่ม ok หรือปุ่ม cancle ทำให้สามารถออกแบบและพัฒนาโปรแกรมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
แต่มีข้อเสียคือโปรแกรมจะต้องใช้กับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความเร็วและประสิทธิภาพสูง
เพื่อให้โปรแกรมทำงานได้คล่องตัว เพราะว่าองค์ประกอบของโปรแกรมมีขนาดใหญ่มาก
ปัจจุบันผู้พัฒนาโปรแกรม application หรือ โปรแกรมที่มีอยู่ในคอมพิวเตอร์นั้น ได้หันมา
พัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาระดับนี้กันเสียส่วนมาก เพราะว่าสามารถออกแบบได้สวยงาม
และ compiler ที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมมักจะจัดเตรียมเครื่องมือไว้เพื่อประโยชน์ในการ
สร้างโปรแกรมค่อนข้างมาก โปรแกรมที่ใช้กับ windows ส่วนใหญ่จะถูกสร้างมาจากภาษาระดับนี้
ภาษาระดับสูงมากนี้ก็เช่น delphi, visual basic, visual c++

ภาษาคอมพิวเตอร์นั้นมี หลายภาษามาก แต่ที่เป็นที่นิยมมากจะมีไม่กี่ภาษา
ภาษาคอมพิวเตอร์แต่ละชนิดมีข้อดีข้อด้อยต่างกัน การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาใด
จึงควรพิจารณาจาก ประเภทของโปรแกรม และความต้องการของผู้ใช้
ในปัจจุบันส่วนมากผู้เขียนโปรแกรมมักจะเขียนด้วยภาษา c
อย่างไรก็ตาม ภาษาที่โครงสร้างที่เป็นระเบียบเข้าใจได้ง่าย
เหมาะที่จะเรียนเในลำดับแรก ก็คือภาษา pascal ครับ

โครงสร้างของภาษาคอมพิวเตอร์ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน
หากเราได้ศึกษา โครงสร้างของภาษาใดภาษาหนึ่ง ต่อไปเมื่อได้ศึกษาภาษาคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ก็จะสามารถ เข้าใจและศึกษาต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว

การศึกษาโครงสร้างของภาษาคอมพิวเตอร์ ดังที่จะกล่าวต่อๆ ไปในเว็บไซท์นี้
เป็นเพียงพื้นฐาน ของการเขียนโปรแกรมภาษา pascal (ภาษาระดับสูง)
สำหรับการเขียนโปรแกรมให้สามารถนำมาใช้งานได้ดี และมีประสิทธิภาพ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาความรู้ในแนวลึก เช่น โครงสร้างของข้อมูลชนิดต่างๆ
องค์ประกอบของระบบปฏิบัติการที่ลงอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานของคอมพิวเตอร์
และการเขียนโปรแกรมสักโปรแกรม ก็ต้องมีข้อมูลเฉพาะ สำหรับการเขียนโปรแกรมชนิดนั้นๆ
เช่น หากจะเขียนโปรแกรมสื่อสารทาง internet ก็ต้องศึกษา การทำงานของระบบ internet วิธีส่งข้อมูล ฯลฯ
สุดท้ายสำคัญมากๆ ก็คือ การฝึกฝนทักษะทางภาษาอังกฤษเพื่อใช้ในการหาความรู้เพิ่มเติมทาง internet ครับ