ธ   ร   ร   ม   ะ

 
   
โดย :: คุณหมอ

 

 

>> Home :: Varities


เรื่องเหนือโลก

 
  
เป็นเรื่องราวที่ฉันได้ความคิดมาจากการที่ฝันบ่อยมาก เกี่ยวกับดินแดน ภพภูมิต่างๆ ซึ่งเป็นดินแดน
แปลกๆ ไม่เคยคิดว่าจิตใต้สำนึกของตนจะวิจิตรสร้างสรรค์ถึงขนาดนั้น แต่ก็หาคำอธิบายอย่างอื่นไม่ได้
ฉันเลยแต่งตามสำนวนของฉัน ถ่ายทอดสิ่งที่ฉันฝันถึง หรือเห็นในสมาธิมาให้ทราบกันไปด้วย เหมือนไปเที่ยว
สนุกและน่าสนใจมากทีเดียว ไม่ต้องไปสนใจว่ามันจริงหรือไม่ แล้วแต่ประสบการณ์ของแต่ละคนจะแปลผลไป
สำหรับฉันอาจจะรู้บางอย่างที่อยู่เหนือโลกเหล่านั้น ด้วยความเคารพสักการะ แต่ไม่อาจกล่าวมา ณ ที่นี้ได้
ฉันจึงแบ่งเป็นดินแดนต่างๆ เล่าให้ฟัง เท่าที่ฉันเคยเห็นมาในความฝัน ติดตามไปเหมือนนวนิยายก็ได้ค่ะ
แต่ที่มาลงที่เกร็ดธรรมะ เพราะได้สนทนากับผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น ที่เขาจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
จึงคิดว่าน่าจะเก็บไว้ที่นี่ ที่เกร็ดธรรมะแห่งนี้ค่ะ ดินแดนต่างๆเสมือนภพภูมิหนึ่งๆ (ราวกับเรื่องในไตรภูมิ)
แต่ไม่ได้รู้มากมายขนาดนั้น เรียกว่ายังไม่รู้แจ้งเห็นจริงสักเท่าไหร่ เพียงแต่เคยไปมาในฝัน จึงอยากเล่าให้ฟัง


 

ดินแดนในฝัน

1.โลกมนุษย์
2.ปัญญา
3.อรหันต์
4.ระหว่างกาล
5.พิภพ
6.รุกขเทวาและนางไม้
7.อตีตา
8.ลับแล
9.นรก
10.ราตรี
11.สายัณห์
12.บาดาล
13.สนธยา
14.หิมพานต์
15.จตุมหาราชิก
16.พรหม
17.อรูปพรหม
18.อัตตา
สนธยา(ต่อ)

 

 

 

สวรรค์ฝรั่ง
 

1.สวรรค์ซุ้มองุ่น
2.พนา
3.รุ่งอรุณ
4.เอลีเซียน
5.รัตติกาล
6.สายัณห์
7.ดินแดนคาถา
8.รอคอย
9.เอลฟ์,แฟรีย์
10.เทพนิยาย
11.โอลิมปัส

 

มนุษย์ภพกาลต่างๆ

ประสบการณ์ทางจิต

 

สิ่งมหัศจรรย์

เกี่ยวกับคนไข้

ด้านเวลา

ด้านสถานที่

เรื่องประหลาด

เรื่องพิสดาร


















โลกมนุษย

 

    เป็นแผ่นดินที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ มีเรื่องราวและผู้คนมากมาย
มีเทคโนโลยีทันสมัยแบบตะวันตกมีความเป็นเอกลักษณ์ไทยในประเพณี ที่ทำให้สวยงาม
ผู้คนมีหลากหลายตั้งแต่อริยะจนถึงอาชญากร เป็นสถานที่ที่มีความแตกต่างกันอย่างมาก
 และเป็นที่รวมของสังสารวัฏ มีการต่อสู้ มีความสุขทุกข์
มีการใช้อารมณ์ บางทีไร้ศีลธรรม
เป็นที่ปฏิบัติงานด้านธรรมะ..สัจธรรม

    ท่านอยู่ในฐานะเจ้าชายแห่งเมืองไทย และมีภารกิจทางโลกในฐานะสมมติเทพ
ผู้มีบุญญาธิการตามควร…เป็นทหารด้วย…ท่านมีโรงพยาบาลที่อยู่ในความดูแลหลายแห่ง
ข้าพเจ้าเป็นข้าราชบริพารของท่านด้วย เพราะข้าพเจ้าเป็นหมอที่โรงพยาบาลของท่าน

    ดินแดนแห่งปัญญาอยู่ตรงข้ามกับหนทางแห่งอรหันต์……..เป็นดินแดนสีเขียวของผู้มีปัญญา
ที่ต้องรับทุกข์จากการทำผิดแบบอย่างที่ดี ดินแดนสีเหลืองเป็นดินแดนสูงสุดของผู้มีคุณธรรม เช่น
พระอรหันต์…แต่ส่วนใหญ่มนุษย์บนโลก จิตที่แท้มีภูมิธรรมระดับโสดาบัน

    มีเทพบุตรเทพธิดาที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามลงมาปฏิบัติในโลกมนุษย์ มีสง่าราศีไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดา
ผิวพรรณสวยงามมาก และเนรมิตกายเป็นหลายๆคนได้ มีอิทธิฤทธิ์ของเทพ เช่นการหมุนวนของเวลาเพื่อจะ
ได้มีหลายๆคน เพื่อการปฏิบัติแต่ละอย่าง ตามกรรมวาระ พวกนี้เป็นหนุ่มสาวและมักเป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสื่อต่างๆ
เพื่อให้เป็นตัวอย่างและการให้คุณธรรมแก่มนุษย์โลกเรา…..บางพวกเป็นเทพที่มาจุติในโลกมนุษยเพื่อปฏิบัติภารกิจ
เพื่อชาติจะมีภูมิธรรมสูงกว่าและเป็นผู้ใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาแม้จะเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวก็ดูเป็นผู้มีสติปัญญาดี
และสภาวธรรมสูงกว่าพวกเรา……
พวกนี้มักเป็นดาราหรือนักร้องและมีชีวิตเบื้องต้นที่ยากลำบากมากในบางรายท่าน
เทพเหล่านี้มักจะมาจุติกับคนดีมีศีลธรรม ท่านจะรักบุพการีอย่างยิ่งแทบทุกราย…
ท่านมีเสียงไพเราะทุกคน
 และมีชีวิตที่สลับซับซ้อนยุ่งเหยิงกว่ามนุษย์เดินดินทั่วๆไป…
แต่ก็มีศักดิ์เป็นมนุษย์ที่มีสภาวธรรมหลากหลายในชีวิตจริง

    ในโลกมนุษย์มีบรรดาเพื่อนต่างภพมาอาศัยกระทำกรรมต่างๆ เพราะจะมีผลแรง บางทีมีการลองวิชา ..คาถาอาคม..
มีอภิญญาที่เกิดจากการฝึกฝนเช่นในพระธุดงค์และผู้ที่ฝึกจิตมีพลังจักรวาลที่นำมาใช้ในรูปแบบต่างๆรวมทั้งพิสูจน์ได้
โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มนุษย์เชื่อถือ

    ในประเทศไทย มีปรากฎเรื่องราวมหัศจรรย์และถือว่าเป็นดิน-แดนตะวันออกอันเร้นลับในสายตาของต่างชาติ
เพราะเรามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างภพต่างแดนและเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ ซึ่งเคยเป็นเรื่องเหลวไหลในสายตา
คนตะวันตกแต่ปัจจุบันเขากำลังพิสูจน์และได้รับคำยืนยันมากขึ้นเรื่อยๆถึงความเป็นจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ…
เขาเชื่อเรื่องมิติเวลากัน…มีความสวยงามที่สุดและโหดร้ายที่สุดในโลกมนุษย์นี้ จนกล่าวว่านรกที่แท้จริง อยู่ใน
โลกมนุษย์นี่เอง

 


ปัญญา

 

ทางศาสนาพุทธจะรู้จักดินแดนแห่งนี้ดี
เพราะเป็นการปฏิบัติตนเพื่อให้ไปถึงความมีสติปัญญาพื่อความหลุดพ้นจากกิเลสและอุปกิเลสต่างๆ
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นนักจิตวิทยาร่วมด้วย คิดว่าลักษณะเหมือนกับการหาทางออกให้กับความรู้สึก
หรืออารมณ์ในด้านที่เป็นลบ อันทำให้ตนเองเกิดความทุกข์ บางทีก็เป็นการทำเพื่อที่จะหาทางออก
หรือเพื่อให้ทุกข์นั้นดับไปขึ้นกับว่าผู้ใดมีนิสัยจุดอ่อนอย่างไร…..ข้าพเจ้าเคยกลัวมากว่าจะหาทางออกไม่ได้
และอาจถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายหรือทำอะไรที่เป็นโทษต่อตนเองและผู้อื่น เพราะในขณะเวลาที่มีการปฏิบัติ
และยังไม่พบหนทางนั้น จะทรมานมาก คิดถึงแต่เรื่องร้าย…ไม่มีสติปัญญาคุ้มตัว ไม่มีศรัทธาใดๆหลงเหลืออยู่
แต่ในที่สุดก็รู้ว่าความอดทนเพื่อให้ช่วงเวลานั้นผ่านไปเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง เพราะเวลาช่วยให้ทุกอย่าง
ดับลงไป เหมือนในไตรลักษณ์ที่ว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ในที่สุด..ความทุกข์เหล่านั้นก็จะมอดเชื้อไปเองหลังจากเผาผลาญจนสิ้นแล้ว
แต่ผู้มีสติปัญญาก็หาทางปฏิบัติให้เกิดความหยั่งรู้เพื่อลดความเจ็บปวดและระยะเวลาที่ต้องทนทุกข์เหล่านั้น…..
และนำมาบอกกล่าวต่อกัน…ในที่สุดถ้าปฏิบัติสำเร็จเราจะพบกับ สุญญตา คือ ความว่าง
อันเป็นที่มาของพลังปัญญาทั้งหลายและทำให้เกิดความสุขที่จริงแท้…….



อรหันต์

 

เป็นหนทางของผู้ที่บวชเรียน ปฏิบัติตนเป็นนักบวช สละทางโลกและครอบครัว
 ออกแสวงหาสัจธรรมและมีมรรคผลนิพพานเป็นที่ประสงค์สูงสุด เช่นที่ศาสดาของศาสนาต่างๆ
เช่น พระพุทธเจ้า ได้ปฏิบัติไว้..
ท่านเหล่านี้มีหนทางปฏิบัติต่างๆกัน พุทธศาสนาก็มีหลายนิกาย
แบ่งไปจนถึงเซนหรือเต๋า ซึ่งเป็นแบบพระจีน ที่อาศัยความสงบและความว่างทำให้เกิดพุทธิปัญญา
 เป็นคล้ายมหายาน ซึ่งทางตะวันตกจะรู้จักกันมากกว่าอีกนิกายหนึ่งคือ หินยาน ซึ่งปฏิบัติกันในสายพระวัดป่า
ที่เป็นที่เคารพนับถือศรัทธากันมากในประเทศไทย ท่านจะมีปฏิปทาของพระธุดงค์ ซึ่งเป็นวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด
เน้นการอยู่ป่าและการปฏิบัติฝึกจิตให้มีพลังและผ่องใส ทำลายกิเลสอวิชชาด้วยความเพียรที่แรงกล้าและมีภูมิธรรม
ที่สูงขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งบรรลุอรหัตผลเช่นที่พระพุทธเจ้าทรงปฏิบัติมาแต่ครั้งสมัยพุทธกาล…
หลังจากที่ท่านผู้เป็นอริยบุคคลเหล่านั้นปฏิบัติจนสำเร็จโพธิญาณแล้วท่านจะมาโปรดชาวโลกที่นับถือท่านเป็น
พระอาจารย์เพื่อให้เห็นหนทางแห่งการบรรลุธรรมะขั้นสูง…..ซึ่งนับว่าท่านเป็นชนที่หาได้ยากในโลก…
.ผู้ที่มีทุกข์และผู้ที่ต้องการปฏิบัติ-ธรรมะมักแสวงหาครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งและช่วยสั่งสอนแนะนำ…
ท่านจึงมีบุญคุณอย่างสูงยิ่งสำหรับชาวโลก…..

 


 

ระหว่างกาล

 

    เป็นดินแดนหรือสภาวะรอยต่อที่น่าเกรงกลัวและลำบากมาก เพราะเป็นสถานและกาลเวลาไม่เหมือนในภพมนุษย์เลย
อะไรก็เกิดขึ้นได้ถ้าครองสติไม่อยู่ดินแดนหว่างกาลนี้จะทำให้เราเสียสติได้เพราะมีทั้งอารมณ์ที่รุนแรงและความมหัศจรรย์
เหนือความคาดหมายปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่อง ในที่นี้อาจจะอดอยากหิวโหยและไม่ได้พักผ่อนมืดครึ้มเหมือนมีอาถรรพ์
และมีแต่การเดินทางเพื่อส่งข่าวสารแบบไปรษณีย์คล้ายกับเราเป็นตัวเชื่อมระหว่างภพมนุษย์กับแดนสนธยาเราจะมีความ
สำคัญอย่างยิ่ง ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญสุดยอดทั้งนั้น และมีส่วนที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลกให้แก่ภพต่างๆ มีการใส่รหัสและ
สัญญลักขณ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง มีสมาธิที่ดีเยี่ยม จิตใจต้องอดทน เข้มแข็งต่อสู้กับความทุกข์นานาประการ เพื่อตอบแทน
พระคุณและกระทำหน้าที่ต่างๆเพื่อปฏิบัติด้านคุณธรรม…ที่นี่มีความโหดร้ายอยู่บ้างและบรรยากาศมักสลัวทึมๆดูวังเวงมาก
มีเพื่อนร่วมทางอยู่เสมอที่เป็นผู้มีภารกิจอย่างเดียวกัน แต่เราต้องทำตัวตามปกติที่สุดทั้งที่ภายในปั่นป่วนไปหมดจนน่ากลัว

     ในที่นั้นไม่มีผู้ใดที่จะมาวินิจฉัยว่าเราเสียสติ ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นราวกับภพภูมิระหว่างกาลนี้เป็นรอยต่อของดินแดนลึกลับ
ที่ต้องการคนมีความสามารถและคล่องแคล่วไว้ใช้ในการทำงานด้านจิตวิญญาณทั้งที่ความเป็นจริงก็คือดินแดนของคนที่น่าจะสติ
ไม่ดีได้รู้เห็นสิ่งต่างๆที่เป็นปรากฏการณ์เหนือโลกอย่างแจ่มชัดหมดข้อสงสัยถึงสิ่งที่ถกเถียงกันในเรื่องปาฏิหารย์ต่างๆ สถานที่นี้บันดาลให้เกิดอาการป่วยทั้งกายและจิตใจ

    ถ้าเราทำสิ่งใดพลาดเข้าจะเห็นผลลัพธ์ในเวลานั้นอย่างชัดเจนสืบสาวราวเรื่องได้อย่างมีระบบราวกับเป็นคอมพิวเตอร์
ที่เที่ยงตรง เวลา สถานที่ บุคคล ไม่มีความหมายแบบมีในโลกตามปกติ ไม่มีสิ่งใดให้ยึดถือได้เลย เมื่อเข้าไปในช่วงกาลนี้
ข้าพเจ้าได้รับบทเรียนว่าต้องมีสติที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะอยู่ได้โดยไม่บ้าในเวลาต่อมาเพราะข้าพเจ้าได้รับการวินิจฉัยว่า
เป็นโรคทางจิตเวช เพราะไปอยู่ในดินแดนแห่งนี้มานานพอที่จะทำให้สับสนและเบลอร์ ทั้งที่มีสติตลอดแต่ก็ไม่อาจมีข้อพิสูจน์
ใดๆได้ จำได้ว่ามีความกดดันอย่างสูง และข้าพเจ้าได้พบเห็นความพิสดารมากมายจนคิดว่าตัวเองตายไปแล้วกระมัง
หรือโลกกำลังจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ว่าอาชีพการงาน หรือสังคมต่างๆ บิดผันไปหมด
อยู่ในภาวะที่งุนงงที่สุด ต้องรบกับปัญหาที่กดดันทางจิตใจเกิดความแตกร้าวในหัวใจและความเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่น่าเป็นไปได้
ข้าพเจ้าเดินไม่พ้นเขตบ้านพักด้วยซ้ำไป ทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไร จนข้าพเจ้าคิดว่าโลกกำลังจะสลาย การยึดถือเรื่องเวลา
ที่ข้าพเจ้ารู้จักตั้งแต่จำความได้กลายเป็นเรื่องแปรผันไปตามมิติลึกลับเหล่านั้นจนข้าพเจ้าเชื่อนิยายเกี่ยวกับมิติต่างๆที่
เขียนไว้ในนิยายวิทยาศาสตร์และทฤษฎีของไอน์สไตน์….ข้าพเจ้าเผชิญกับความแปลกประหลาดทุกอย่างที่คิดไม่ถึงในนวนิยาย
หรือเรื่องเล่าที่ผ่านมา ราวกับจัดทำให้ข้าพเจ้าดูเป็นพิเศษ

     เป็นช่วง-อาถรรพ์ที่สุดที่ข้าพเจ้าได้สร้างโลกขึ้นมาเองก็โดยการอยู่ในดินแดนนี้…ความแปลกประหลาดติดตามข้าพเจ้ามา
จนถึงบัดนี้แต่ไม่กดดันแล้วเพราะข้าพเจ้าเริ่มยอมรับปรากฏการณ์ทางจิต….บางทีเป็นความลงตัวอย่างแปลกประหลาดของ
สิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติที่มีหลายเรื่องราวจนจารไนไม่หมดเป็นเรื่องที่เกิดภายใต้ความรับรู้และสติสัมปชัญญะที่เชื่อถือได้….
แต่ไม่อยากเล่าให้ใครฟังเลย ถ้าผู้ใดเคยผ่านกาลเวลาเช่นนี้ คงเข้าใจดี..ไม่มีใครอยากเป็นบ้า ในสายตาของคนอื่นๆ
เมื่อเรากลับเข้าสู่สภาวะปกติทางอารมณ์จิตใจได้แล้วหลังจากที่เดินทางอย่างยากเข็ญมาแสนนานจนไม่มีอะไรที่จะเป็น
ปาฏิหารย์ได้อีกแล้ว เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ขึ้นกับพลังจิตและความคิดของเรา สิ่งที่เราเคยรู้มาแต่เด็กก็ดูเล็กน้อยไปทันที

     การคิดในสิ่งที่ดีเท่านั้นและศรัทธาในความดีงามเป็นเกราะป้องกันภยันตรายต่างๆได้เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดตาม
แรงบันดาลใจหรือจิตสำนึกของเราด้วยมีส่วนเป็นอย่างมากที่จะกำหนดความสุขความทุกข์ให้กับตนเองจนบัดนี้ข้าพเจ้าจึง
เข้าใจคนไข้โรคจิตต่างๆที่เคยเรียนมาแบบแพทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะพบกับปรากฏการณ์ทางจิตตามที่มีวินิจฉัยไว้ในวิชา
จิตเวชทั้งหลายดีที่ยังครองสติได้ไม่หลุดโลกไปเลยเพราะอันที่จริงโลกใหม่ที่พบนั้นดึงดูดใจให้ค้นคว้าศึกษามากมายกว่า
โลกปัจจุบันนี้มากนัก…แต่ข้าพเจ้าก็กลับมาอยู่ในโลกมนุษย์ปัจจุบันทีละน้อยจนกลับสู่สภาพเดิมโดยยังจดจำเหตุการณ์ที่เกิด
ขึ้นจริงๆโดยไม่ได้ฝันไปนั้นได้อย่างแจ่มชัด….ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่ทุกคนที่จะโดนแบบนี้แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกดีใจที่ได้ลบล้างทั้ง
ความไม่รู้และอวิชชาออกได้บางส่วน และยินดีมากขึ้นถ้าดวงวิญญาณจะเป็นนิรันดร์์ในโลกที่มีความสุขอีกหลายๆภพภูมิ
แต่จริงๆในฐานะแพทย์ ข้าพเจ้าว่า เหมือนคนไข้โรคจิตเภทมากกว่า ข้าพเจ้าว่าอาการแบบนี้อธิบายยากมาก ถ้าไม่เกิด
ได้พบเห็นรู้ด้วยตัวเองก็คงจะไม่รู้เลย ว่าจริงๆมันเป็นอย่างไร อย่างน้อยที่นี่ก็แปลกประหลาดและน่ากลัวมาก ไม่รู้เลย
เพราะข้าพเจ้าพบพานเหตุการณ์เหล่านี้ขณะอยู่คนเดียว ไร้ที่พึ่งใดๆทั้งสิ้น

     เป็นการฝึกฝนทางจิตที่หนักหน่วงที่สุดในชีวิตมหัศจรรย์ของข้าพเจ้า…ความรู้สึกยำเกรงต่อสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องฟุ้งซ่านได้
เกิดขึ้นทั้งที่ไม่ใช่คนสนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ตระการตาในโลกจริงนี้ผ่านชั้นบรรยากาศต่างๆ เช่น
แสงที่รวมเป็นรูปสแกนสมองที่หน้าต่างห้องที่เห็นเป็นประจำ หรือแสงเสียงที่แทรกมาจากมิติอื่น เช่นเพลงจากพิภพ
กลายเป็นสิ่งที่ยอมรับในชีวิตไปโดยปริยาย…และข้าพเจ้ายังมีสติสัมปชัญญะดีจนทุกวันนี้…แต่ไม่แน่นัก(ขอขู่หน่อย)
เพราะคนที่ว่าตัวเองไม่บ้าอาจจะเป็นบ้าจริงๆก็ได้ แล้วแต่ท่านจะพิจารณา และยังมีดินแดนอีกมากมายที่ข้าพเจ้าประสบมา
แต่ที่ใกล้เคียงกับการสติแตกที่สุด คือ ระหว่างกาล นี่เอง....

 

 


พิภพ

 

 

     เป็นสถานที่ที่เข้าไปบ่อยมากในความฝัน บางทีมองเห็นในความเป็นจริง ยังได้ยินเสียงเพลงของพิภพลอยมาใน
คลื่นมิติบ่อยๆ เมื่อข้าพเจ้าไปเห็น จึงทราบว่าเป็นวิทยุของยามที่เฝ้าประตูพิภพ เปิดเพลงให้ฟัง เป็นเพลงลูกทุ่งเย็นๆ
เป็นสถานที่ที่คล้ายสมัยเก่าของไทยเดิม สมัยก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยังมีข้าราชการที่เฝ้าประตูพิภพกับโลก
ที่เป็นผู้ชายใจดี พวกพิภพทำอาหารอร่อยน่ากินมาก ข้าพเจ้าเห็นล้วนแต่อาหารและผู้คนที่นี่ค่อนข้างสงบเสงี่ยมแต่มี
อำนาจในตัวเอง เป็นผู้ใหญ่และสำรวมกาย…

     มีห้างสรรพสินค้ามีแต่ขนมนมเนยเต็มจรดเพดาน มีเสื้อผ้าที่ประดิษฐ์ด้วยกระดาษสีสวยๆ ผู้หญิงรูปร่างดีเหมือน
นางงาม ผิวคล้ำเนียน สถานที่ไม่เน้นด้านเทคโนโลยี มีรถเหมือนในกรุงเทพ แต่แสงไฟสลัวไม่สว่างไสว คือดูเหมือน
สมัยโบราณ ยังใช้ภาษาไทยโบราณที่มีถ้อยคำอันไพเราะ…แต่ก็เป็นคำไทยธรรมดาและมีชาวบ้านที่มีความเป็นอยู่
ริมแม่น้ำแต่สะอาดสะอ้าน ข้าพเจ้าเคยไปรักษาคนไข้บ้างแต่ที่นี่มีโรงพยาบาล และคนไข้สมัยโบราณมากมาย…
เป็นโรคสมัยเก่า…เช่น โรคฝีในปอด,ฝีในตับ,วัณโรค….คนไข้ดูเป็นคนยากจน…ผิวคล้ำร่างผอมเกร็ง...

     ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปราวด์วอร์ด เดินไปเรื่อยๆตามเตียงต่างๆเป็นเวลานานมาก คนไข้ก็ไม่หมดเสียที และ
มากขึ้นเรื่อยๆ
ข้าพเจ้าเหนื่อยจึงเงยหน้ามองดูรอบๆตัว ปรากฏคนไข้มากมายขึ้นทุกขณะ ข้าพเจ้าจึงฉุนและ
เลิกตรวจไปเลย คิดว่าเขาคงเนรมิตมาแกล้งข้าพเจ้ามากกว่า…….หลังจากนั้นเขาก็หายกันไปหมด...

     ข้าพเจ้าไปดูแลคนไข้แบบแพทย์สมัยใหม่เป็นประจำ คนไข้เยอะมาก เคยไปเฝ้าเจ้าจอมและพระพุทธเจ้าหลวง
ซึ่งเจ้าจอมเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบ ..ท่านอาเจียนออกมาเป็นโลหิต.. พระพุทธเจ้าหลวงให้ข้าพเจ้าดูอาการของท่าน
และท่านดูเหมือนจะสิ้นลมต่อหน้าพระพักตร์…ในฝันนั้นทำให้ข้าพเจ้าอยากเป็นแพทย์….โดยเฉพาะอยากเรียนแบบ
รู้จริงๆเพื่อจะได้นำไปรักษาผู้ป่วยได้จริงๆ…….

     ข้าพเจ้าเคยนั่งเรือหางยาวไปตรวจคนไข้ที่บ้านริมน้ำด้วย…..เขามาตามข้าพเจ้าก็ไป…ลงเรือแล่นไปตามคลองน้ำใส
ที่นี่มีคลองมีน้ำมาก…เหมือนกรุงเทพฯสมัยเก่า คนไข้ที่ข้าพเจ้าไปดูเป็นหญิงอายุกลางคน มีญาติมากอยู่บ้านไม้
มีบันไดชันๆ..และเคยตรวจคนไข้ในโดยมีเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์เป็นอาจารย์..ท่านมาราวด์ที่วอร์ด…
ท่านดูเป็นอาจารย์แพทย์
และมาตรวจผู้ป่วย ท่านฟังข้าพเจ้ารายงานและตรวจคนไข้ไปเรื่อยๆ ด้วยท่วงท่าของอาจารย์แพทย์จริงๆ ท่านใจเย็นและไม่ดุ
…ท่านดูคนไข้ทุกเตียงทีเดียว…..ขยันมาก...

     ข้าพเจ้าไปพิภพมักพบแต่อาหารอร่อยๆ…และน่ากินทั้งนั้น….ส่วนมากเป็นข้าวแกง…ลักษณะเป็นร้านติดๆกัน เหมือนที่
ท่าช้างที่ข้าพเจ้าเคยเห็นแต่เป็นสัดส่วนมากกว่ามีหม้อและถาดใส่อาหารใหญ่ๆทั้งนั้นอยู่เรียงรายกัน….อาหารก็มีแต่น่าอร่อย
เป็นกุ้งตัวโตๆผัดและอาหารแบบภาคกลางทั้งสิ้น…………ครั้งหนึ่งไปเที่ยวห้างที่มีแต่ขนมฝรั่งล้วนๆทั้งห้าง เป็นขนมปัง
สูงจรดเพดาน น่ากินมาก ข้าพเจ้าซื้อขนมถุงหนึ่ง ไม่ซื้อมากกลัวอ้วน ข้าพเจ้าคิดว่าพิภพคงเป็นดินแดนแห่งอาหารเป็นแน่

     พิภพที่ข้าพเจ้าเคยไปมาเป็นดินแดนที่ติดอยู่กับโลกมนุษย์ แต่อยู่ต่ำกว่า เวลาไปเดินเที่ยวเหมือนอยู่ใต้ดิน
คืนหนึ่งข้าพเจ้าได้ไปเที่ยวตลาด มีของเก่าเยอะแยะ มีบรรยากาศเก่าๆ ไม่เอะอะจอแจเหมือนในโลก เขาขาย
อยู่ในที่มืดๆ มีแสงไฟทำให้มองเห็นได้ ข้าพเจ้ามีผู้พาไป มีด่าน ผู้ที่พาข้าพเจ้าไปท่านถามว่า ค่าผ่านทางเท่าไหร่
ท่านผู้นั้นซึ่งเป็นผู้หญิงตอบว่า ปกติไม่ต้องใช้เงิน แต่สำหรับตัวข้าพเจ้า คุณแม่ตั้งค่าตัวไว้หกสลึง ผู้พาไปท่านก็จ่ายให้
ข้าพเจ้าคิดว่าเหมือนท่าเสด็จ จ.หนองคาย เพราะลักษณะคล้ายๆกันแต่ของเป็นประเภทของโบราณมากมาย ของ
กระจุกกระจิกก็มี  นักสะสมเห็นคงชอบใจมาก  มีอาหารวางขายมากมายเป็นถาดๆ และมีเรือขายเฉพาะขนมไทยๆ
อยู่ในน้ำเช่น ขนมชั้น หม้อแกง ทำเป็นถาดใหญ่ๆสลับสีกันสวยงามมาก ที่ข้าพเจ้าไปอยู่ริมน้ำ แต่น้ำใสมาก บ้านเรือน
ที่นี่สร้างในน้ำด้วยซ้ำไป ข้าพเจ้ามาทราบภายหลังว่าเป็นแบบบางลำภูเก่าหรือบ้านเมืองสมัยเก่าของไทย

     ข้าพเจ้าเคยไปด้วยชุดหมอ ไปเยี่ยมคนไข้ และได้ขึ้นไปบนเรือนของพวกเขา ได้รักษาและรู้สึกเหมือนเป็นนักศึกษา
แพทย์ด้วย  เดินทางด้วยเรือหางยาว ข้าพเจ้ากระโดดข้ามคลองเล็กๆที่มีน้ำเชี่ยวและน้ำใสมาก ทั้งที่อยู่ในที่ชุมชน มีคนแออัด
แต่ไม่สกปรกเลย อากาศก็ดี ผู้คนที่นั่นรู้จักข้าพเจ้าดี และข้าพเจ้าก็เป็นนักลุย ลุยดูนั่นดูนี่ เมื่อถึงเวลากลับ เขาจะมารอกัน
ที่ด่านก่อนเวลาเท่าไหร่ ข้าพเจ้าก็จำไม่ได้ แต่ก็ไปรอกับพวกเขา ถ้าด่านปิดแล้วจะกลับไม่ได้การเดินทางแบบนี้ มีอันตราย
ไม่น้อยแต่ข้าพเจ้ามักไปกับท่านอื่นๆ และคงจะมีผู้พิทักษ์ข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเป็นใคร
แต่จะเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าข้าพเจ้า คงเป็นเพื่อนธรรมหรืออาจารย์ของข้าพเจ้าในภพนี้ ท่านมิใช่มนุษย์ในโลกเราแน่ๆ
พลังจิตของท่านกล้าแข็งและดูคุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆดี ..ท่านคงเป็นคนพิภพ...

 


 

รุกขเทวา,นางไม้

     ดินแดนแห่งนี้ เป็นบริเวณป่าไม้ที่หนาแน่น หรือดงต้นกล้วย ไม้ตะเคียน ต้นไม้ใหญ่ๆและเป็นที่ครึ้มๆ ไม่ค่อยมีแดด
อากาศชื้นๆแต่สดชื่น..ร่มเย็น พวกนี้จริงๆเป็นเทพชั้นต้นที่อยู่ระดับใกล้พื้นดิน คล้ายพระภูมิเจ้าที่ มีการแปลงกายได้
ร่างกายสวยงาม บางทีแปลงเป็นต้นไม้ดอกไม้ได้ด้วยแต่เป็นสิ่งประหลาดๆ บางวันที่พิเศษบรรยากาศจะไม่เหมือนกับ
วันธรรมดา ต้นไม้จะเขียวชอุ่มชุ่มชื่น ดอกไม้สวยเป็นประกาย เป็นฤทธิ์ของท่าน ส่วนมากท่านหน้าตางดงามและมี
รัศมีเรืองๆ บางทีท่านปรากฏกายโดยไม่รู้ตัว อยู่ๆก็มายืนอยู่ข้างหน้า มักไม่ทำร้ายผู้ใด แต่ชอบคบค้าสมาคมกับมนุษย์
เทวดาประจำบ้านเรือนก็อยู่ในพวกนี้เหมือนกัน คอยคุ้มครองมนุษย์และไล่คนที่ไม่ดีออกไปให้ เขาจะเกรงพญายม
คงอยู่ชั้นต่ำกว่า…..(ที่บ้านดุงใครๆก็เกรงพญายมซึ่งเปรียบเหมือนตำรวจใหญ่) เวลาข้าพเจ้าพบท่าน ข้าพเจ้าจะทำหน้า
ธรรมดาๆ แต่แอบมองดูท่านตลอดเวลา เพราะท่านไม่ได้ทำท่าทางจะสนทนากับข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะพูด
อะไรกับท่าน ท่านหล่อแบบผู้ชายจริงๆที่เป็นมนุษย์ แต่หล่อกว่ามีประกายตาสว่างเป็นประกาย และมีวาสนาบารมีเห็นชัด
แม้ว่าท่านจะมาในรูปมนุษย์ ไม่ได้ใส่ชฎาก็รู้ได้ว่าท่านเป็นเทพ เช่นนั้น

     ตัวข้าพเจ้าได้อยู่ในภพภูมิของพระภูมิและนางไม้บ่อยๆ ไม่ค่อยได้ไปไหน มักอยู่เฝ้าสถานที่และอยู่กับฌาณชั้นต้นๆ
แต่ก็มีความสุข ใจเย็นดี ไม่โกรธง่ายๆ อารมณ์สงบ เบิกบานใจดี คงเป็นผลของฌาณเหล่านั้น

     เทพที่บ้านดุง,นาค กับภูติต่างๆชอบแกล้งข้าพเจ้าให้อารมณ์เสีย โดยการนำสิ่งของบางอย่างออกไปหรือบังตาไว้
ทำให้หาไม่เจอข้าพเจ้าแทบจะเป็นโรคประสาทเสียหงุดหงิดบ่อยๆ...แต่ต่อมาก็ชินไปเอง…..เพราะในที่สุดข้าพเจ้า
ก็ถือเป็นของส่วนกลางหมด…เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปโกรธ ยังไงก็ถูกบดบังไว้อยู่ดี เวลาจะเห็นมันก็เห็นเอง
แถมยังวางไว้ที่เดิมนั่นแหละ ประหลาดใจเหมือนกัน

     เมืองรุกขเทวานี้เป็นเมืองที่งดงามมากเป็นป่าแห่งสวรรค์ ซึ่งประกอบด้วยรุกขมูลนานา เช่นต้นไม้ใหญ่ๆและ
ดอกกล้วยไม้ เอื้องฟ้าต่างๆ มักมีน้ำตกเป็นสายยาวไหลรินตลอดเวลาให้ความชุ่มชื่นแก่ป่าไม้นั้นๆจนดูร่มรื่นนัก
ท่านมีที่อยู่ที่เป็นเรือนไทยหลังเล็กๆอยู่เฉพาะตน และคอยดูแลรักษาส่วนที่เป็นป่าไม้ให้คงอยู่ รวมทั้งป่าในภพอื่น
เช่นสนธยา ก็เป็นป่าที่ท่านรักษาไว้ ด้วยความที่พระทัยดี ท่านมักจะบันดาลให้ความชุ่มชื่นใจแก่ผู้มาพักแรมในถิ่นของท่าน
ด้วยการบรรเลงเสียงเสนาะแห่งใบไม้กระทบกันบนยอดไม้ที่กล่อมให้เราตกอยู่ในนิทราเคลิบเคลิ้มและคอยปลุกเรา
เมื่อจะมีอันตรายจากสัตว์ต่างๆ ท่านมักให้ความคุ้มครองแก่เราเสมอๆ….นางไม้นั้นมักมีความงามซึ้งใจชวนใฝ่ฝันยิ่งนัก

     ผู้ที่เป็นคนดีมีศีลธรรมและมีสติมั่นคงปัญญาดีมักถูกท่านทดสอบด้วยเหตุการณ์ประหลาดต่างๆนานา
เพื่อดูความแข็งแกร่งของจิตใจบางครั้งท่านก็มาหยอกเย้าเล่นเพราะยังมีความสนใจในมนุษย์อยู่มาก…..
บางคนที่กลัวจะนึกว่ามีปีศาจมาหาหรือบันดาลเช่นนั้นเช่นนี้ อาจมาเล่าลือต่อๆกันไป
แต่คนที่มีจิตใจมั่นคงมักควบคุมสติได้และไม่หวาดเกรงสิ่งใด เพราะมักมีคุณธรรมความดีงามคุ้มตัวอยู่
ถ้าเป็นเช่นที่ว่านี้ท่านอาจจะเคารพสักการะมากก็ได้เช่นในพระธุดงค์ที่มีปฏิปทาสูงและมนุษย์ผู้มีใจงาม
ท่านก็อาจน้อมกายเป็นบริวารหากวาสนาบารมีสูงกว่าท่าน…่ในหลวงก็เป็นที่นับถือของท่านเช่นเดียวกัน
บรรดาเทพไทในป่าและพนาสณฑ์นั้นเป็นผู้ดูแลข้าพเจ้ามาในระยะต้น ตั้งแต่เริ่มฝึกจิตเป็นต้นมา
นับเป็นพระคุณอย่างสูงต่อข้าพเจ้าที่มีท่านคอยดูแลการปฏิบัติต่างๆมาโดยเฉพาะเมื่ออยู่ที่อ.บ้านดุง……

     ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าทำสมาธิกำหนดจิต ถามว่าพ่อแม่เมื่อละสังขารแล้วจะเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าได้เห็นป่าใหญ่
แห่งหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้ามองลงมา คุณพ่อเป็นรุกขเทพ นุ่งห่มแบบโบราณมุ่นมวยผมและเป็นหนุ่มอยู่ เวลาท่านเดิน
ไปที่ใดต้นไม้ที่แห้งตายก็จะกลับเขียวชอุ่มขึ้นมาใหม่ ส่วนคุณแม่เป็นนางไม้ที่ไว้ผมยาวประบ่าหน้ตาเหมือนตอนสาวๆ
และนุ่งห่มชุดขาวทั้งสองท่าน คุณแม่จะทำให้ดอกไม้บานอย่างสวยงามและบรรยากาศสดชื่นมาก

    มีเวลาที่เทพารักษ์และนางไม้จะมาฟังธรรมในคืนเพ็ญเป็นกลุ่ม ในกลุ่มนั้นมีเพื่อนอาจารย์ของ
คุณพ่อคุณแม่ด้วย ท่านจะนั่งฟังธรรมที่ลานกว้างภายในป่า ที่อยู่ของท่านเป็นเรือนไทยแฝดหลังเล็ก
ชนิดอยู่ห้องละคน ข้าพเจ้าลงไปฟังธรรมเทศนากับพวกท่าน แต่เสียงเทศน์มาจากเบื้องบน หลังจาก
ฟังธรรมเสร็จสิ้น ข้าพเจ้าได้ทำกุศลอะไรบางอย่างก็ไม่ทราบ ซึ่งส่งบุญไปถึงคุณพ่อคุณแม่
ท่านทั้งสองจึงเลื่อนลอยสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ โดยคุณแม่หันกลับมามองข้าพเจ้าและยิ้มให้บอกว่า
ขอบคุณมาก  ทางที่ท่านเลื่อนลอยขึ้นไปนั้นมีถนนใหญ่ทอดยาวอยู่เบื้องบนสูงๆต่ำๆ สวยงามมาก
พวกเพื่อนๆของคุณพ่อคุณแม่ก็อนุโมทนากันใหญ่ ข้าพเจ้าทดลองลอยขึ้นไปและใช้ถนนใหญ่
สุดสายตาของข้าพเจ้า เห็นเป็นปราสาทโบราณที่งดงามมาก ข้าพเจ้าเห็นเพียงเท่านั้นเอง...
ดีใจที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอยู่ในป่าตามพื้นดินอีกต่อไป...

 


 

อตีตา

 

ดินแดนแห่งนี้ เป็นที่ซึ่งเป็นอดีตใน-อารมณ์ที่แต่ละคนมียุคร่วมต่างๆกัน ที่ข้าพเจ้าเห็น
เป็นดินแดนของบรรดาวีรชนต่างๆที่สละตนอุทิศตัวเพื่อชาติประชาชนซึ่งมีความองอาจ
สง่างามและน่าภาคภูมิใจ มีเกียรติภูมิสูง….สถานที่คล้ายกระท่อมในป่าใหญ่ที่มีน้ำท่าบริบูรณ์
เป็นชาวป่าที่มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม มีสัตว์พวกนก ไก่ฟ้า
คือคล้ายป่าสมบูรณ์ของเมืองไทย…บรรยากาศเหล่านี้มีความบริสุทธิ์ของอากาศสูงมาก
เหมือนอยู่บนยอดเขาที่มีสายหมอกยามเช้าๆ…..เทคโนโลยี่เกิดจากภูมิปัญญาที่ไม่น่า
เป็นไปได้ มีความสุขแบบเรียบง่าย ดินแดนนี้มีความกล้าหาญและสามารถ แต่เรียบง่าย
เป็นดินแดนแห่งการอุทิศตนเพื่ออุดมคติบางอย่าง ที่ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมคือ ด้านจิตใจที่มี
ความจงรักภักดีและการอยู่อย่างบริสุทธิ์เป็นชาวบ้านรักเดียวใจเดียวเป็นความสงบสุขระดับ
โสดาบัน…ซึ่งคงเป็นสวรรค์น้อยๆเมื่อเทียบกับสภาวะปัจจุบันที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยมลภาวะ
เหล่านี้แต่ถ้าเราติดอยู่ที่นี่นานๆข้าพเจ้าว่าอาจจะคล้ายๆฤาษีที่ไม่อยากหลุดจากฌาณ
และไม่ก้าวไปถึงธรรมะที่ยิ่งกว่านี้…เช่นพระนิพพาน…นี่เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้มา

     อตีตาเป็นเรื่องราวของอดีตของแต่ละคู่ครองที่เลือกให้มาอยู่ที่นี่เฉพาะคู่ที่สมัครใจรักใคร่กัน
แบบรักเดียวใจเดียว มีความสงบเรียบง่าย การปฏิบัติมักมีปัญหาการเจ็บป่วย ทางร่างกาย
มากกว่าทางจิตใจ แต่ก็จะประคับประคองกันไป ตามกระแสกรรมที่ทำมา ไม่พลัดพรากจากกัน
ง่ายๆ เมื่อคนหนึ่งถึงเวลาสละสิ้นสังขาร อีกคนก็มักจะตามไปด้วยกัน เพื่อไปอยู่ในภพใหม่
 อันที่ร่วมกันอธิษฐานไว้แต่เดิม มักต้องประกอบคุณความดี มีศีลธรรม และได้เสวยสวรรค์ชั้น
พรหมโลก ตามแรงอุเบกขาธรรม อันนับเนื่องจากพื้นจริตดั้งเดิมที่เป็นผู้อยู่ในความสงบในอารมณ์ 
เป็นชนที่นับว่ามีโชคอันดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถแห่งประเทศไทย
ทรงให้ความอุปการะค้ำจุนอยู่มาก ด้วยถือว่า ถ้ามีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคมโดยรวมจะดีขึ้นโดยง่าย
ส่วนที่ข้าพเจ้าได้พบมานั้น เป็นชายหนุ่มหญิงสาวที่งดงามน่าเอ็นดู ที่มีความเป็นชายจริงหญิงแท้
อันรักใคร่กันอย่างมาก จึงน่ารักมากที่สุด ชื่อ เอกกับจอม และจุ้มกับอ๋า ที่มีความเป็นชาวบ้านมาก
แต่ก็ขยันทำมาหากินและรักใคร่กลมเกลียวกัน ได้รับการเปลี่ยนแปลงสภาวะไม่ถึงขั้นมรณาจากกัน
แต่ก็ต้องพลัดพรากทางกายอยู่บ้างหากแต่จิตมิเคยห่างไกลกันเลยเป็นนิยายรักอมตะอีนมีแต่เรื่อง
ช่วยกันปฏิบัติธรรมะไปจนถึงที่สุด โดยอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ร่วมกันจนไปสู่นิพพาน...

 


ลับแล

     ลับแลเป็นสถานที่มีเรือนโบราณใหญ่โตมาก เขาให้ข้าพเจ้าฝึกทำงานบางอย่างเกี่ยวกับงานฝีมืออยู่ในเรือน
นั้นเพียงลำพัง เป็นสถานที่ที่มีเด็กหนุ่มเล่นฟุตบอลหลายคน หล่อ เป็นเด็กดีมาก บางทีก็เป็นสถานที่ที่ร้อนสักหน่อย
มนุษย์ลับแลรูปร่างหน้าตาแบบชาวบ้าน และมีการตายได้ เขามีแก้วแหวนเงินทองมากมายจนดูเป็นก้อนกรวด เขาให้
เพอริโดต์กับข้าพเจ้า…ข้าพเจ้าเก็บเอาตามพื้นดินเลย…
พวกนี้มีบ้านเรือนและเกี่ยวข้องกับพิธีการหลายๆอย่าง……..
เขาปรากฎร่างและหายตัวได้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเด็กและผู้ใหญ่มีลักษณะคล้ายมนุษยโลกมากที่สุดแต่งกายสะอาดดี…..
เมืองที่เขาอยู่เป็นชายแดนรอยต่อระหว่างแดนรุกขเทวาและโลกมนุษย์ เขาจะนุ่งห่มขาวกันมาก สะอาดสะอ้านสวยงาม
ข้าพเจ้าเคยถูกเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อนชายกับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่าทำแบบพิธีกรรมแต่จำเป็นต้องทำ
และพยายามจะโอบข้าพเจ้าไว้ข้าพเจ้าจึงดุว่าและไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อีกเลยเพราะโกรธมาก….ทั้งที่เขาไม่มีอะไรกับ
ผู้หญิงคนนั้น สถานที่เป็นบ้านโบราณหลังใหญ่ ข้าพเจ้าได้พักอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้และผู้คนแต่งกายดีเรียบร้อย
สวยขาวผิวพรรณผุดผ่อง...มารยาทดี เหมือนชาวบ้านโบราณ…..ดูเขาเกรงใจข้าพเจ้าอยู่..

     ข้าพเจ้าคิดว่าลับแลคือเมืองโบราณที่อยู่อีกมิติหนึ่ง….มีคนอาศัยอยู่และมีขนบธรรมเนียมเก่าแก่หลายอย่างในที่นี้….
ข้าพเจ้าเคยเห็นหญิงสาวลับแล หน้าตาผุดผ่องสวยงามผมยาวและสงบเสงี่ยมมากทีเดียว แปลกที่พวกนี้มารยาทงามกว่า
มนุษย์จริงๆข้าพเจ้าเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรกโดยที่ข้าพเจ้าเข้าไปอยู่ที่บ้านหลังใหญ่มากหลังหนึ่ง เกิดผุดขึ้นกลางเรือน
ใหญ่นั้นเลย แต่อยู่เพียงคนเดียวเพื่อทำหน้าที่มีห้องน้ำมากมายและสะอาดสะอ้าน..ข้าพเจ้านั่งอยู่กลางบ้าน และมีคนขึ้น
มาในบ้าน มีมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการเนรมิตคนขึ้นมาเป็นแถวๆ เห็นกับตา และมีชาวต่างประเทศอยู่รอบนอกๆออกไป
มีคนมาที่บ้านนั้นมากมายเพื่อมาพบกับข้าพเจ้า….ข้าพเจ้ายังไม่ทราบจนบัดนี้ว่าเขาให้ข้าพเจ้าอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียว
เพื่อให้ฝึกฝนทำอะไรกันแน่ แต่คิดว่ามีความสำคัญมากเหมือนกัน…

     เรื่องของลับแลยังมีต่ออีกเมื่อคืนหนึ่งข้าพเจ้าได้ถูกพาเข้าไปที่ลับแล หญิงที่พาข้าพเจ้าไปเป็นคนไข้ของข้าพเจ้า
แต่ในฝันนั้นดูสุภาพเรียบร้อยกว่าความจริง ท่านทักทายชาวบ้านตามบ้านเรือนอย่างคุ้นเคย เป็นบ้านไม้หลายๆหลัง
ท่านทักทายถามคนในบ้าน ที่อยู่อย่างเป็นระเบียบถึงคนนั้นคนนี้ บางคนก็ย้ายไปเป็นเรือนที่ปิดไว้ก็มี ท่านพาข้าพเจ้าไป
อย่างสงบและเป็นผู้ใหญ่และข้าพเจ้าได้เข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของท่านมีข้าวของเครื่องใช้ที่ข้าพเจ้าเคยบริจาค
ไปจัดไว้อย่างเป็นระเบียบและสวยงามดีที่ฝาผนังมีภาพติดด้วยข้าพเจ้านั่งพับเพียบที่พื้นและมองดูรอบๆรู้สึกสะอาดดีและ
พึงพอใจ…ที่คนไข้ของข้าพเจ้าไม่ยากจนแม้บ้านจะไม่ใหญ่โตนัก……แต่ดูไปๆมาๆก็เป็นของที่ดัดแปลงให้สวยงามกว่า
ของเดิมที่ข้าพเจ้าให้มาแต่ก็คุ้นเคยดี…..

     ที่อยู่หรือที่พักของข้าพเจ้ามีอีกที่หนึ่งเป็นบ้านกลางทุ่งมีสามห้องนอน อยู่ร่วมกับเพื่อนอีกสองคน ซึ่งเป็นผู้หญิง
 ราวกับข้าพเจ้ามีบารมีพอเพียงที่จะไปนอนพักที่นั้น เย็นสบายดีและสงบดี….. นอนหลับได้อย่างสบายใจ….ลมแรง
ข้าพเจ้าจะนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ แต่เป็นที่พักชั่วคราวเท่านั้น

     มีเมืองบางเมืองที่ขายของเป็นร้านๆแบบรถเข็นแต่ขายพวกดิสค์ที่มีโปรแกรมทันสมัยมากมาย เป็นที่แออัดแต่ก็
สวยงามดี ของที่เขามีขายล้วนแล้วแต่น่ามหัศจรรย์ ดูใหม่และสดใสมาก..ข้าพเจ้าได้แต่เดินดูพวกCD ROM สวยๆงามๆ
และเป็นประกาย ผู้ขายหน้าตาดีกันทั้งนั้น บางร้านเป็นครอบครัวมีลูกด้วย ข้าพเจ้าสนใจในสิ่งเหล่านั้นมาก เพราะสดใสดี
เหมือนเมืองนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยว…ต่างจากอีกครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเดินเข้าไปในตลาดที่ดูสลัวๆและยังเช้ามาก อยู่แถวศิริราช
ข้าพเจ้าเห็นนิตยสารสกุลไทยมีหน้าปกแคทลียา แม็คอินทอช จึงหยิบมาจากกองที่เขาวางทิ้งไว้ เพราะคิดว่าไม่มีเจ้าของ
แต่ตอนขากลับมีผู้ยืนเฝ้าอยู่ที่กองหนังสือนั้น ข้าพเจ้าจึงคืนหนังสือให้ ข้าพเจ้าเห็นดาราคนนี้เป็นปกนิตยสารสมัยเก่าๆหลายครั้ง
ราวกับในภพอื่นๆเธอก็เป็นที่นิยมด้วย…นิตยสารที่ข้าพเจ้าเห็นในภพกาลเหล่านี้มีรูปเล่มคล้ายบางกอก, สกุลไทยสมัยเก่าๆ…..

 


 

นรก

     เป็นสถานที่อันมนุษย์ยังมีความเจ็บป่วย ไม่ทางใจก็ทางกาย..แต่มีศีลธรรมสูงกว่าในโลกมนุษย์ เป็นสถานที่ใช้
กรรมเวร ข้าพเจ้าเห็นแต่ผู้หญิงที่สวยงามคมขำและมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่มีตึกใหญ่เป็นตึกวิจัยอุตสาหกรรมอาหาร
ซึ่งมีอาหารที่อร่อยมาก ผู้หญิงที่นั่น ยิ้มแย้มอ่อนโยนดี เรียบร้อย สวย ส่วนผู้ชาย หน้าตาธรรมดาแต่มีความรู้สูง…มีอำนาจ…
บางคนผิวขาวแต่ส่วนใหญ่ผิวคล้ำ มีการเนรมิตสิ่งต่างๆได้ตามใจที่กำหนด………..นักการเมืองต่างๆก็มักจะเข้ามาที่มิตินี้
เพราะเป็นสถานที่ที่ใช้ภูมิปัญญาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ…โดยมีสภาวะที่ไม่สุขสบายนัก...ต้องใช้สมองมาก...

     เพื่อนชายของข้าพเจ้าที่เป็นนักกายภาพบำบัดก็ทำงานอยู่ที่นี่ และมีคนรู้จักมากมาย…มีอาจารย์ที่มีคุณวุฒิสูงควบคุม
โรงงานแห่งนี้สง่าราศีของท่านคล้ายเทพอาจารย์แต่ใบหน้าของท่านมักแสดงอาการเป็นห่วงใยในภาวะจิตที่แตกสลายของ
มนุษย์ที่มีกรรมเวรที่ต้องไปชดใช้ ..ณ ที่นั้น ….ที่นี่ …หรือนรกของข้าพเจ้า… ดูเหมือนเป็นสถานวิจัยเกี่ยวกับความทุกข์
เรื่องความรัก ข้าพเจ้าเห็นเด็กทารกที่ทำแท้งออกมาดองไว้ สถานที่นั้นคล้ายห้องทดลองด้วย มีนักศึกษากำลังฝึกงานอยู่ 
2 คน บรรยากาศที่นั่นดูมอซอและเก่าๆ มีหยากไย่รุงรังคล้ายที่ร้างและไม่ได้รับความสนใจ.. 

     ข้าพเจ้าเจ็บปวดมากที่ไม่มีรักแท้ที่ข้าพเจ้าให้มา ตึกเดิมจึงจมดินหายไปต่อหน้าต่อตาของข้าพเข้า เขาทำท่าเสียดาย
อยู่บ้าง และจากพื้นเรียบๆนั้นก็ปรากฏรูปปั้น เป็นอนุสาวรีย์ของบุคคลผู้หนึ่งตั้งอยู่ที่นั้นแทน…เกิดตึกใหม่ที่เป็นตึกสูงทันสมัย
 สะอาดสะอ้านดี และภายในมีชั้นวางขวดขนมเรียงรายเต็มไปหมด ราวกับห้างสรรพสินค้า แต่มีลักษณะของมหาวิทยาลัยอยู่
ด้วย บางชั้นวางขนมเค้กกลมๆโรยน้ำตาลไว้ สีน้ำตาลอ่อนๆ น่ารับประทานมาก เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่ตึกเก่านั้น
ซึ่งที่นั่นขนมปังดูแข็งมาก เก่าแล้ว แต่ที่ตึกนี้เป็นขนมใหม่ น่ารับประทานจริงๆ…ข้าพเจ้าหยิบขนมลองชิมดูบางชนิด คล้ายๆ
คุกกี้รสชาติอร่อยมาก แบบไม่เหมือนที่เคยได้รับประทานมามีรสชาติหวานเย็น รับประทานแล้วมีกำลังวังชาสดชื่นขึ้นมาทันที

     ข้าพเจ้าพบเพื่อนชายที่เป็นหมอจ.ชอนแก่นที่นี่ด้วย เขาพยายามปลุกปล้ำเพื่อจูบข้าพเจ้า….จนลงไปนอนกับพื้น แล้วเขาก็ใช้ปากป้อนขนมชนิดหนึ่งให้ข้าพเจ้าข้าพเจ้ารู้สึกรังเกียจและจะเบือนหน้าหนีแต่เมื่ออาหารนั้นเข้าปากกลับ
กลายเป็นน้ำทิพย์หวานเย็นจัดเมื่อกลืนลงไปมีรสเย็นชื่นใจอร่อยมากและอิ่มเอิบใจ…คล้ายๆเยลลี่……

    หลังจากนั้นข้าพเจ้าพยายามที่จะเคลื่อนที่ไปยังตึกของโรงพยาบาลที่มีลักษณะคล้ายห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นตึกที่อยู่ไม่ไกลนัก
ระหว่างทางขาสองข้างเกิดหมดแรง ต้องคลานไป เพื่อนชายที่เป็นนักกายภาพบำบัดเดินมาพบ ข้าพเจ้ายื่นมือให้เขาช่วยพยุง
แต่เขาเฉยๆและไม่ได้ช่วยเหลือแต่อย่างใด ข้าพเจ้าจึงคลานต่อไปจนไปถึงห้องฉุกเฉิน ได้เจอผู้เป็นอัมพาตมาเป็นคนไข้
ร่างเล็กผิวขาว พูดจาแบบคนมีความรู้สูง ซึ่งเพื่อนชายของข้าพเจ้าได้เอารถเข็นมาให้เขานั่ง…กลุ่มนั้นจะมีแต่ผู้ชายคุยกันทั้งสิ้น
ผู้หญิงจะเงียบๆใจเย็นและเรียบร้อย ดูเป็นช้างเท้าหลัง…..ข้าพเจ้าสังเกตการณ์อยู่ชั่วครู่....ตอนนั้นขาข้าพเจ้ามีแรงแล้วและยืนอยู่
ผู้หญิงคนหนึ่งสวยมากยิ้มให้ข้าพเจ้าอย่างคุ้นเคย จึงรู้สึกถูกชะตากับเธอ….

     มีหญิงที่เป็นคนทำความสะอาดมาช่วยดูแลข้าพเจ้าด้วย…ตอนขากลับเพื่อนชายมาส่งข้าพเจ้าที่ประตู….ตอนนั้นเช้าพอดี…
มีถนนขวางอยู่ระหว่างประตูโรงพยาบาลและประตูเหล็กคล้ายประตูร้านขายของเก่าๆในเมืองมนุษย์เขาบอกให้ข้าพเจ้าวิ่งทะลุ
ประตูเหล็ก..ข้าพเจ้าก็วิ่งไปตามที่เขาบอก… ข้าพเจ้าเชื่อใจเขาและเคยอ่านมาเกี่ยวกับเรื่องมิติ วิ่งทะลุประตูออกมาได้
มีเสียงผู้หญิง2ท่านพูดกันทำนองว่าใจกล้า(แต่ก็ขึ้นกับว่ามีใครดูอยู่ด้วย)…ข้าพเจ้าออกจากประตูเหล็กก็พบชายแดนโลกมีสามล้อ
เก่าๆ2-3คัน แต่คนขับเมา และบอกว่าที่ชายแดนแห่งนี้มีแต่สามล้อเมาๆทั้งนั้นแหละ ข้าพเจ้าจึงว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเดินเอา
ข้าพเจ้าจึงเดินข้ามสะพานสูงมากกลับมาโลกมนุษย์..เป็นสะพานโค้งและข้าพเจ้าแบกกระเป๋าหนักมากกลับมา…สะพานสูง
เกือบปีนสะพานไม่ไหวแต่ก็ใจสู้พยายามจนทำสำเร็จ….เมื่อก้าวถึงกลางสะพานข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นเป็นเวลาเช้าพอดี…
มีผู้ชายคนหนึ่งเดินข้ามสะพานเหมือนกับข้าพเจ้าแต่กระเป๋าเขาเล็กกว่า รูปร่างหน้าตาเหมือนคนอีสานที่ไปอยู่แถวซาอุฯ

 

 


 

ราตรี
 

     ยามราตรีที่ข้าพเจ้าเคยเห็นนั้น มักจะเห็นท้องฟ้าเป็นส่วนใหญ่ ครั้งหนึ่งข้าพเจ้านอนอยู่ที่ระเบียงบ้านแห่งหนึ่ง
เห็นผืนฟ้าดารดาษไปด้วยดวงดาวอันหนาแน่นมาก และมีการเคลื่อนไหวไปเรื่อย…เห็นทางช้างเผือกและกาแลกซี่
รู้สึกเหมือนมองดูผืนฟ้าที่มองผ่านกล้องดูดาวแต่กว้างขวางเป็นผืนฟ้าจริงๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ตื่นเต้นมาก
ในความสว่างพร่างพราวสวยงามนั้น และเย็นสบายดี มีดวงจันทร์ด้วยแต่เคลื่อนที่ได้เร็วๆทั้งนั้น จะเคลื่อนคล้ายถูกลมพัด
ที่ประทับตาที่สุดคือเมฆขนนกที่แสงเดือนแจ่มกระจ่างจนเห็นปุยขาวๆและเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วตามกระแสลม
หรือถูกพัดพาโดยอะไรก็ไม่ทราบ..ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมายังติดใจอยู่เลย…. ช่างกว้างขวางอะไรเช่นนั้น

     อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปประชุมที่กว้างใหญ่อยู่ใต้ท้องฟ้าเป็นกลางแจ้งเพื่อฟังเล็คเชอร์จากท่านอาจารย์ที่เป็นนัก-
วิทยาศาสตร์หรือนักฟิสิกส์แต่ก็ดูเหมือนท้องฟ้าจำลองเพราะท่านฉายภาพพระอาทิตย์ตกดินและพระจันทร์เป็นการหมุนเวียน
ของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่ชัดเจนปรากฏแก่สายตาโดยที่ไม่ใช่จอสไลด์หรือภาพยนตร์แน่ๆเป็นของจริงเลยทีเดียว…
ท่านมีฤทธานุภาพมากจนข้าพเจ้ามาคิดได้ภายหลังว่าคงเป็นอาจารย์เทพเป็นแน่หลังจากบรรยายจบแล้วเห็นท่าน4-5ท่าน
อยู่บนเวทีกลางแจ้งและหันมาทางผู้ฟัง(เวทีนั้นอยู่ด้านข้างแต่ภาพฉายอยู่ด้านหน้า)มีผู้ฟังเป็นหมื่นๆได้กระมัง เยอะมาก แต่ก็
ดูทุกสิ่งได้โดยไม่บังกันเลย ท่านก็แนะนำชื่อและพูดอะไรบางอย่างที่ข้าพเจ้าจำไม่ได้ มีการปรบมือกัน สงสัยแนะนำวิทยากร
แต่ข้าพเจ้ายกมือไหว้น้อมนมัสการท่านพลางคิดว่าช่างโขคดีอะไรเช่นนั้นที่มีโอกาสได้ฟังบรรยายแบบนี้  ทำให้อยากไปด
ท้องฟ้าจำลองขึ้นมา ในฝันนั้นข้าพเจ้าคิดว่าเป็นโลกมนุษย์ทั้งนั้น…แต่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุด…อีกนานกว่าจะรู้ว่าเป็น ราตรี

      ดินแดนยามราตรีที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็นได้ชัดเจนคือ การมีปรากฏการณ์ในท้องฟ้าและเสียงที่ลอยมาตามลมในความจริง
เพราะวาสนาของข้าพเจ้ามีกับท้องฟ้ายามราตรีอยู่มาก บางครั้งข้าพเจ้าเดินกลับจากดูคนไข้ที่ห้องฉุกเฉินยามดึก ประมาณตี 2
ข้าพเจ้าเคยได้ยินเสียงเพลงลอยลมมาเป็นเพลงเศร้าๆเย็นๆทำนองอีสานก็ไม่ใช่ภาคกลางก็ไม่เชิง รู้แต่ว่าเศร้าและเยือกเย็น
พร้อมกับมีลมพัดเบาๆ และแหงนมองขึ้นไปเห็นดวงดาวบนท้องฟ้า บรรยากาศกรุ่นอวลด้วยความเย็นสบาย ตอนนั้นอยู่บ้านดุง
เป็นเหตุที่ข้าพเจ้าไม่ลืมเพราะเคยถามว่าแถวนี้มีงานศพด้วยหรือ หมอได้ยินเสียงดนตรีคล้ายๆซอแบบอีสานบรรเลงอยู่ตลอดคืน
ก็ไม่เห็นมีใครว่ามีงานศพกลับทำท่าพิลึกไม่เชิงกลัวแต่ไม่อยากพูดถึง…ต่อมาข้าพเจ้าคิดว่าอาจเป็นเพลงจากต่างภพก็เป็นได้…
ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงยามราตรีตอนเด็กๆที่นั่งชิงช้าและฟังเสียงดนตรีไทยอันปราศจากที่มาไม่เคยทราบเลยว่าบรรเลงอยู่ที่ใด…
และข้าพเจ้าก็ไม่ช่างถามนักได้ฟังก็ฟังไปเรื่อยๆลมเย็นๆสบายใจดีเหมือนในความฝันไม่มีใครทราบว่าข้าพเจ้าเคยได้ยิน
สรรพสำเนียงจากสรวงที่ประทานมากล่อมใจข้าพเจ้าตั้งแต่ยังเล็กๆอยู่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบเลยว่าตนมีวาสนาบารมีเช่นใด
จึงได้มาอยู่ในฐานะเช่นนี้น่าจะเป็นการถูกเลือกมานานแล้วเพราะข้าพเจ้าไม่คิดว่าตนเองจะมีชาติที่แล้วมีแต่ชาตินี้เท่านั้น…
แต่ราตรีของไทยโบราณนั้นหอมละมุนด้วยกลิ่นดอกแก้วแสงจันทร์เพ็ญและดวงดาวพร่างพราวเต็มฟ้าเป็นเพื่อนข้าพเจ้ามาโดย
ตลอด…ทั้งในความฝันและในชีวิตจริง……

 



สายัณห์

     ดินแดนแห่งนี้ สัมผัสได้เมื่ออยู่บนยอดเขาสูงเทียมนกอินทรีเหินฟ้า ภูเขานี้มีต้นไม้ปกคลุมหนาแน่น
เมื่อต้องแสงตะวันเป็นสีเหลืองทองสลับเขียวงดงามยิ่งนัก แต่บริเวณยอดเขานั้น กลับเป็นที่ราบกว้างใหญ่
เป็นท้องทุ่งที่มีดอกไม้สีเหลืองทองบานสะพรั่งดุจพรมสีทองดูละลานตา…..แลตระการโอฬารด้วยความกว้าง
ใหญ่ไพศาลแห่งนภาเบื้องบนซึ่งในยามนี้ท้องนภาดุจดังมีผืนผ้าแพรบางเบาวิจิตรสีชมพูระเรื่อปนส้มอ่อนหวาน
ละมุนตาประดับด้วยแสงระยิบระยับของตะวันยามบ่ายคล้อยที่ทอดมาโอบคลุมครอบพื้นที่แห่งนั้นอย่างเอื้ออาทร

     บริเวณเชิงผา มีสถานเทวาลัยอันงดงามดังเทพนิรมิตประกอบด้วยศิลาแลงที่มีเสาหินจำหลักสูงสลักเสลาชดช้อย
มีพื้นที่กว้างขวางพื้นปูลาดด้วยวัตถุหนานุ่มคล้ายพรมสีนวลขาวคล้ายกลุ่มเมฆตรงกลางมีอาสนะที่ประทับของเทวะ
ผู้การุณย์ซึ่งอยู่เพียงลำพังอย่างสงบสันติ มีแท่นสูงคล้ายเก้าอี้ยาวอันมีพนักพิง ที่อ่อนนุ่มยืดหยุ่นรองรับอย่างนุ่มนวล
 อันจะเป็นที่ประทับนั่งหรือนอนก็ได้ทั้งนั้นตลอดอาสนะนั้นสลักเสลาด้วยลวดลายวิจิตรของศิลปกรรมแห่งเทพยดา…
เกี่ยวกระหวัดเป็นรูปใบไม้ดอกไม้วิหคนานา…เป็นวัสดุที่ไม่อาจหาได้ในโลกมนุษย์…..มีประกายระยิบระยับโดยรอบอาสนะ
นั้น..มีกลิ่นหอมอบอวลของมวลบุปผชาติอันเป็นทิพย์กรุ่นกำจายอยู่โดยทั่วไปดุจดังอยู่ท่ามกลางอุทยานแห่งทิพยวิมาน...

     องค์เทวะทรงประทับเอนอิงกายบนอาสนะด้วยท่วงท่างดงามละมุนละม่อมหากงามสง่าตามลักษณะบุรุษผู้เลิศลักษณ์
ทรงพิสุทธิ์กระจ่างนักทั้งวงพักตร์และรูปลักษณ์….ทรงชุดกษัตริยาธิราชอันประกอบด้วยมงกุฏทองฝังนพเก้าและพัสตราภรณ์
สีเขียวมรกตเป็นเลื่อมพรายระยับหากอ่อนนุ่มทิ้งชายสลวยคล้ายชุดมหาจักรพรรดิจีน ดูกระทัดรัดไม่ดูรุ่มร่ามหรือมากเกินไป
ทั้งเครื่องประดับก็ล้วนแก้วรัตนชาติอันมีค่าและเป็นทิพย์ส่องแสงพร่างพราวระยับแต่รัศมีจากพระองค์นั้นเป็นแสงสีขาวนวล
เย็นตาประกอบด้วยแสงรุ้งอ่อนๆแผ่กระจายออกมาโดยรอบพระองค์..จนกระจ่างไปทั่วบริเวณนั้น…

     ดวงเนตรงามบริสุทธิ์และอ่อนโยนทอดมองไปเบื้องหน้าแสนไกลดุจอยู่ในภวังค์อันล้ำลึกหรือกำลังเสวยสุขในฌาณขั้นสูง
แล้วพระองค์ประทับยืนขึ้น…ดวงเนตรปรากฏปรีชาญาณอันลึกซึ้งแต่ความนุ่มนวลละมุนละไมในวงพักตร์ก็มิจางไป…
พระองค์เสด็จพระราชดำเนินช้าๆมาที่บริเวณเชิงผา…ไขว้พระหัตถ์ทั้งสองไว้เบื้องหลังทอดพระเนตรลงไปยังเมืองมนุษย์
ซึ่งเสมือนเมืองตุ๊กตาในขณะนั้น..ทรงแย้มสรวลน้อยๆอันทำให้พระพักตร์งามอ่อนโยนเหลือจะพรรณนาประกอบด้วยความรัก
เมตตาปรานีที่ลึกซึ้ง..ประดุจบิดาทอดสายตามองไปที่บุตรอันเป็นที่รักยิ่ง…ซึ่งกำลังทำงานกันอยู่อย่างขะมักเขม้น……
ภายในดวงจิตปรากฏมโนภาพแห่งสิ่งที่จะทรงกระทำให้เป็นประโยชน์แก่มวลมนุษย์เหล่านั้น…โดยความมีพระทัยเมตตากรุณา
อันหาที่สุดมิได้…ในยามนี้… พระพักตร์ยิ่งพริ้มพรายงดงาม…เป็นความงามอันมิอาจจะเอื้อมอาจได้โดยผู้ใดทั้งสิ้นในโลกนี้……

(นี่เป็นสิ่งที่อาจารย์เทพสตรีสอนการพรรณนาให้แก่ข้าพเจ้า โดยท่านจะบอกให้จดบันทึกตาม)



บาดาล

     บาดาล เป็นสถานที่อันมีป่าแบบคำชะโนดและมีบ่อน้ำ มีงูเงือก ข้าพเจ้าเคยถูกงูใหญ่รัดในฝัน แต่ไม่กลัว ปลงตก
จนงูตัวนั้นพูดว่า ไม่มีประโยชน์ที่มารัดข้าพเจ้าแบบนั้น เพราะไม่ต่อสู้อะไรเลย สถายที่นันคล้ายสระว่ายน้ำหรือบ่อน้ำ
ที่คำชะโนด โดยที่มิได้ต่อสู้ใดๆข้าพเจ้าจึงหลุดออกมาได้ มีเงือกน้ำหน้าเท่างบน้ำอ้อย เป็นปีศาจผมยาว ตัวไม่สูงแต่ผอม
หน้าตาคล้ายนางแบบที่แต่งหน้าซีดๆเซียวๆ แดนบาดาลทำให้ข้าพเจ้าป่วยหนัก เพราะมีเจ้าพ่อพญาบาดาล(ที่คำชะโนด)
เหมือนยมบาลที่เที่ยงตรง ทำให้ป่วยเพราะข้าพเจ้าไปแย่งคนไข้จากเงื้อมมือมัจจุราชบ่อยเกินไป ไม่เป็นไปตามวิถีที่ควร
ท่านนำให้ข้าพเจ้าออกจากอ.บ้านดุง บาดาลของข้าพเจ้า เป็นสถานที่ของความเรืองโรจน์และการขุดแร่เพชรพลอยมีมากมาย
มีธารน้ำไหลผ่านใสดี..ลำธารไหลออกจากถ้ำ ผู้คนขยันขันแข็งและร่วมใจกันทำงานอย่างแข็งขัน………เป็นผู้มีฝีมือทางช่าง…
มีฤทธิ์สูง ไม่กลัวเรื่องอาวุธร้ายๆและการบาดเจ็บทางร่างกาย คล้ายผู้ชายไทยสมัยโบราณที่สักยันตร์กัน แบบนั้น

     มีคำชะโนดเป็นทางเข้าออก…เขาว่าที่นี่เป็นเมืองโบราณ เช่นกัน…บางทีมีงานฉลองที่คำชะโนด ผู้คนมากมายทุกอายุ
มีศาลาใหญ่ๆ…มีคนช่วยกันล้างจานชามเหมือนงานบุญ….แต่เขากิริยาดีไม่มีเอะอะเสียงดัง…พวกวัยรุ่นวัยเฮ้วมีอยู่มากแต่
ไม่เป็นอันธพาลกับใครดูเป็นผู้ใหญ่และสำรวมกันดีแต่ก็มีพวกเปิดเพลงดังๆและหักร้างถางพงที่เป็นต้นชะโนดแต่มีทีท่า
ว่ารู้สติดี…เขาว่าทำทางให้ชัดขึ้น..คงเป็นพวกมีฤทธิ์..และเป็นทหารอาสา…

     ผู้คนที่ข้าพเจ้าพบที่เมืองโบราณเหมือนชาวบ้านแต่มีศีลธรรมดีและนับถือศาสนาอย่างมาก มักมีงานบุญข้าพเจ้าจึงได้ไป
พวกเขาทำงานได้รวดเร็ว….ในฝันหลายครั้งคำชะโนดเป็นป่าที่เป็นที่จัดงานใหญ่ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวด้วย เหมือนเป็น
สถานท่องเที่ยวต่างภพกาล แต่บางทีเขาก็หักร้างต้นคำชะโนดเพื่อให้โปร่งตาขึ้น มักจะเดินกันอยู่ในส่วนของป่าชะโนดทั่วๆไป
ไม่ได้อยู่เฉพาะทางที่เดินแบบในโลกมนุษย์จริงเวลาเขาตัดต้นชะโนดข้าพเจ้ารู้สึกเสียดายแต่ก็เดินๆตามๆเขาไปอยู่แถวๆนั้น
งานรื่นเริงที่นี่มีคนสมัยใหม่ประเภทวัยรุ่นอยู่ด้วย…แต่บางมิติเป็นที่ประทับของ ท่าน ที่เป็นหมอรักษาโรค…(คล้ายพระราชบิดา)
ที่ปัจจุบันก็เชื่อกันเช่นนั้น…ในความเป็นจริงจะมีชาวบ้านไปบนบานให้หายป่วยบริเวณนั้นบ่อยๆ พวกเขาเคารพสักการะกันมาก

     ข้าพเจ้าไม่ค่อยมีวาสนาเกี่ยวกับพญานาคนัก…มีแต่ทางแพทย์ข้าพเจ้ามีเหรียญทองสำหรับใช้ในดินแดนแห่งนี้ (เหรียญ25ส.ต.)
ที่เป็นสัญญลักขณ์ที่ใครมีเหรียญทองแบบนี้คือผู้ที่ได้ใบผ่านทางของข้าพเจ้าให้เข้าไปได้ ข้าพเจ้าทำให้เป็นทองจริงๆด้วยเพื่อ
ให้มีขุมทรัพย์และมีเด็กๆชาวบ้านมากมายที่เป็นสมาชิกของข้าพเจ้า…..ข้าพเจ้ามอบทรัพย์ให้แก่ขุมนิธิแห่งนี้มากมายก่อนจากมา
ที่ทำไว้นั้นคือหมอเด็ก สมาชิกเหรียญทองคลับของข้าพเจ้ามักจะเป็นครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกมาเที่ยวกันแบบคนเมืองด้วย

     บาดาลที่เป็นคำชะโนดนั้นมีประวัติความเป็นมาหลายแบบทั้งที่เป็นเมืองโบราณอันที่พลเมืองเป็นพวกพื้นเพนาคหรือแปลง
เป็นงูใหญ่ได้หรือเป็นแดนแห่งทหารของเจ้าพ่อผู้ที่มีรูปปั้นท่านทรงชุดทหารไทยโบราณจนกระทั่งถึงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์
ปาฏิหารย์ต่างๆ ข้าพเจ้าเคยฝากตัวกับท่าน ในฐานะลูกสาวของท่าน เพื่อขอความคุ้มครอง เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าเจ็บปวดด้วยรัก
เพราะข้าพเจ้าก็เป็นหมอที่อยู่ที่อ.บ้านดุงอยู่แล้ว….ท่านคงจะรับข้าพเจ้าไว้เช่นกัน...เพราะเวลามีเรื่องเดือดร้อนใจหรือแรงอธิษฐาน
ที่เกี่ยวข้องกับความรักอันเป็นตำนานอมตะไปแล้วนั้นข้าพเจ้ามักจะอธิษฐานให้ท่านเป็นพยานเสมอนั่นคือเรื่องสมัยที่ข้าพเจ้ายังอยู่
ที่บ้านดุงที่มีเรื่องราวของชายหนุ่มต่างถิ่นที่มารักกับลูกสาวเจ้าพ่อท่านและในที่สุดก็จากไปโดยไม่กลับมา ถ้ามาเขาต้องขอข้าพเจ้า
จากท่านก่อนจึงจะมีสิทธิในตัวข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็รักษาพลเมืองของท่านเป็นอย่างดีที่สุดเป็นการตอบแทนโดยไม่เคยลบหลู่
ความเชื่อของชาวบ้านเหล่านั้นและต่อตัวท่านเลย…ท่านจึงเป็นที่พึ่งอันศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องด้วยแรง-อธิษฐานของข้าพเจ้าด้วย…

     ในดินแดนของท่านนั้นมีเพชรพลอยแก้วแหวนเงินทองและมหาขุมทรัพย์ที่เป็นแร่ธาตุ และท่านมีใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก
ซึ่งเป็นส่วนที่ข้าพเจ้าก็มีเช่นนั้น….ข้าพเจ้าได้ถวายตนเป็นทหารและโพกผ้าคล้ายทหารไทยสมัยโบราณไว้ด้วย(ไม่ใช่พม่า)

     ท่านอาจบันดาลให้โชคทางทรัพย์สิน เป็นที่เล่าลือว่าแดนคำชะโนดนั้นให้เลขหวยแม่นยำ แต่ข้าพเจ้าไม่มีวาสนาทางนี้จึง
ฟังหูไว้หู แต่เรื่องอิทธิฤทธิ์นั้นมีจริงๆ เป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมากับตาหลายครั้ง….เช่น การตอบรับคำอธิษฐานที่ข้าพเจ้าขอ
เป็นนิมิตพญานาคในฝันซึ่งทำให้ข้าพเจ้ามีฤทธิ์ทางนาคด้วยแต่เป็นนาคให้น้ำเพราะหลายครั้งที่จะนิมิตฝันถึงพญานาคตากลมโต
ใสบริสุทธิ์ ตัวอ้วนๆหน่อยเคลื่อนมาบนฟ้าที่มีเมฆฝนครึ้มอยู่เสมอ เย็นใจดี และอากาศที่ครึ้มฝนจนทุกแห่งมืดสลัวลงนั้น เป็น
ดินแดนที่ท่านปกครองอยู่ บางทีข้าพเจ้าเรียกว่าเรือนมยุรา แต่จริงๆแล้วมีอาถรรพ์มาก อาจทำให้ป่วยและหมดแรงได้

     เวลาไปคำชะโนด ถ้าโชคดีจะได้เห็นปลาสีทองและกระรอกเผือก ซึ่งในความเป็นจริงพวกเราที่เป็นมนุษย์ปกติธรรมดา
ก็เชื่อเช่นนั้น (ส่วนนี้เหมือนนิทานผาแดงนางไอ่)  ถ้าข้าพเจ้าไปแล้วมีเหตุเช่นอยากเห็นกระรอกเผือกท่านก็ให้เห็นตามที่ขอ
ข้าพเจ้ามีวาสนาได้เห็นปลาทองหรือสิ่งเหล่านี้รวมทั้งเสี่ยงพระหาคู่ครองก็มีท่านช่วยบันดาลให้..บางครั้งพระจะเบาขึ้นจริงๆ..

 


สนธยา

 

     เป็นดินแดนของโอปปาติกะ เป็นดินแดนสลัว ไม่มีแดดร้อน ลมเย็น ร่มครึ้ม เป็นที่มีสิ่งประหลาดมหัศจรรย์เกิดขึ้น
มักใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมะ ข้าพเจ้าเห็นคนเดินทางมากมายและมีธรรมชาติที่งดงามสะอาดบริสุทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างดูใหญ่โต
ต้นไม้ต้นใหญ่มากๆและสูงเสียดฟ้า น้ำตกงดงามสถานที่สะอาดสะอ้าน ส่วนใหญ่พบต้นไม้เยอะ เป็นพันธุ์ต้นสูงๆเป็นส่วนใหญ่
มีตึกเรียนมหาวิทยาลัยและที่ทำงานของข้าพเจ้าอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนในดินแดน ณ ที่นี้ มีคนมากมาย ที่นี่ตึกทันสมัยมาก
แบบที่มีลิฟท์ที่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน เป็นความทันสมัยแบบแปลกตา และอาณาบริเวณกว้างขวางมาก

     เคยไปชมสวนมะม่วงของท่านที่งามมาก ต้นสูงใหญ่ เรียงเป็นทิวแถว สะอาดสะอ้านมาก ร่มรื่น มีอาณาบริเวณกว้างขวาง
ข้าพเจ้ามีที่พักเป็นห้องพักแพทย์ ข้าพเจ้ามักเป็นแพทย์เสมอๆ…แม้ในฝัน และส่วนใหญ่เดินทางผู้เดียว……และไปพบเพื่อนที่อยู่ 
ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งมักจะต้องดูแลคนไข้อยู่ด้วย คือยังต้องทำงานในภพนั้น แต่ก็มีเพื่อนแพทย์อยู่ด้วยกันกลุ่มใหญ่

    ข้าพเจ้าเคยพบฝูงชนกลุ่มใหญ่ ซึ่งมุงดูปรากฏการณ์บางอย่าง สถานที่นั้นเป็นกลางแจ้ง ข้าพเจ้าเห็นพระบรมฯทรงถือศร
 เห็นท่านทรงยิงธนูไฟไปที่นกกลางอากาศจนไฟลุกท่วมตัวนกแล้วนกก็กลายเป็นผู้หญิงสวยใส่ชุดขาวแล้วมีผู้ชาย หน้าตาดี
อุ้มไปพักที่โฮเต็ลขนาดใหญ่และทันสมัยสวยงาม.. สองคนนั้นเป็นชาวต่างประเทศ ต่อมาจึงทราบว่า นกไฟนั้น คือ นกฟีนิกซ์

    มีสถานที่มากมายหลายแห่งในภพนี้และที่สำคัญมีคนเยอะมากแต่หน้าตาปกติเหมือนที่พบเห็นในโลกมนุษย์…เป็นนัก
ปฏิบัติธรรมและนักเรียน มักแต่งกายเรียบร้อยเสมอ พวกนี้มักจะมาธรรมจาริก ราวกับนักท่องเที่ยวด้วย ที่เคยไปเช่น
ที่สวนโมกข์แต่ไม่ใช่ที่เคยไปมาก่อน….ดูร้อนกว่าของจริง…ต้นไม้ที่นี่สวยงามใหญ่โตร่มรื่น
ใหญ่แบบไม่มีในโลกมนุษย์

     แดนสนธยาที่ข้าพเจ้าจำได้ มีครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปงานบุญหล่อเทียนพรรษา มีผู้คนมากมายและมีต้นเทียนขนาดใหญ่
ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง มีบรรยากาศและผู้หญิงที่สวยงามเหมือนนางฟ้าประจำต้นเทียน มีที่ทำบุญมากมาย
ข้าพเจ้าเคยได้เข้าชมปราสาทแห่งหนึ่งซึ่งสวยงามเหมือนทำเนียบขาวของอเมริกาปนกับยุโรป…มีสิ่งของการตกแต่งที่ประณีต
มากจริงๆ…เจ้าของบ้านโชว์ดาบประจำตะกูลหรือมีดสั้นเหล่านี้ให้ดูด้วย มีอัญมณีแพรวพราวสวยงาม ดูเขาจะเปิดให้ชมพิเศษ
ต่อมาจึงทราบว่าที่แห่งนี้เป็นบ้านของข้าพเจ้าเอง…น่าแปลกที่มาอยู่ที่ใกล้เคียงกับสถานที่จัดงานบุญ

     ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าไปกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งแนะนำข้าพเจ้าในห้องที่มี  พระสงฆ์ และผู้ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยจำนวนไม่มากนัก
ข้าพเจ้ายินดีมากที่ได้มีโอกาสมาที่แห่งนั้น…และได้รับการแนะนำตัว…ผู้อยู่ที่นี่ส่วนมากจะอยู่วัยกลางคน…ผู้ใหญ่ท่านนั้น
คล้ายอาจารย์แพทย์ผู้หญิง แนะนำต่อผู้อยู่ในที่นั้นว่า นี่คือ แพทย์หญิงจอมฤทัย ข้าพเจ้าก็กราบพระท่านแล้วฟังธรรม

     อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปเที่ยวที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งคล้ายๆไปกับทัวร์(ส่วนใหญ่ข้าพเจ้าจะเดินทางแบบนี้)มีโรงธรรม
เป็นอัฒจรรย์ขนาดใหญ่โตมากและคนมากจริงๆ สถานที่แห่งนั้นยังไม่งดงามนัก แต่บุญของข้าพเจ้าคงมีเพียงนั้น
ข้าพเจ้าไปนั่งพักส่วนที่สวยที่สุดของสระน้ำมีรูปปั้นมีสีสันอ่อนหวานสีชมพูและสีฟ้าเป็นรูปปลาซึ่งมีคนที่มาเที่ยวได้บอกข้าพเจ้า
ว่านั่นเป็นของข้าพเจ้า และเขารู้จักข้าพเจ้ากันทั้งนั้น…ข้าพเจ้ามักดูสิ่งต่างๆเพียงลำพัง..โดยมีเพื่อนร่วมทางอยู่รอบๆ…

     บางครั้งข้าพเจ้าไปเที่ยวแบบสมัยใหม่ มีตึกเป็นแบบทันสมัยมีโรงพยาบาลเอกชนหรือมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ สูงมากด้วย
ข้าพเจ้าต้องเดินขึ้นลงบริเวณตึกเหล่านี้หลายครั้ง คือฝันถึงบ่อยๆ มีอาจารย์และนักวิจัย ทันสมัยเหมือนมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ
ในสหรัฐอเมริกาแต่แปลกที่มีความเป็นไทยแท้ๆอย่างมากอย่างที่ข้าพเจ้าไม่เคยพบอย่างที่เคยผ่านมาในโลกมนุษย์………
บางทีข้าพเจ้าก็ไปเรียนหนังสือแถวนี้…..มีทางไปซับซ้อนแต่สวยงาม…และมีความคุ้นเคยอย่างประหลาดในดินแดนแห่งนี้…
ราวกับมาบ่อยๆ…หรือเป็นสถานที่ฝึกฝนในการเรียนและการทำงานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามักเป็นนักศึกษาของที่นี่...

     ข้าพเจ้าเคยไปนั่งรอเพื่อนชายคนหนึ่งที่เป็นหมอเด็ก เขาทำงานอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้ามักนั่งคอยเขาอยู่ในรถ และดูตึกใหญ่ๆ
พวกนั้นซึ่งมีความสูงมากแต่ลิฟท์ก็เร็วมาก…..ราวกับมีตึกเป็นร้อยๆชั้น…..ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้บางครั้งข้าพเจ้าจะไปกับเพื่อน
เป็นกลุ่มๆ บางทีก็เป็นเพื่อนที่คบกันในโลกมนุษย์…..ลิฟท์เป็นลิฟท์แก้ว…เพื่อนที่อยู่กับข้าพเจ้าในการเรียนและการดูแลคนไข้
เป็นส่วนใหญ่นั้นเป็นเพื่อนหมอเด็กด้วยกันที่ชื่อหมอพรทิพย์และหมอธนพรเราขึ้นลงในตึกด้วยลิฟท์ซึ่งมีความเร็วสูง
และมักมีคนในลิฟท์แน่นเต็มไปหมด…สถานที่ในดินแดนสนธยาที่ข้าพเจ้าเรียกมักใหญ่โตโอฬารอย่างมาก รองรับคนนับหมื่น

     ข้าพเจ้าเคยขึ้นWARDข้าวไทยบน (ตึกผู้ป่วยในของเด็กที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจในศิริราช) ของที่นี่ ก็กว้างขวาง
มากเช่นกัน บันไดทำด้วยไม้กระดานขนาดกว้างใหญ่และยาวมาก มีคนไข้เด็กพอควร ไม่มากนัก ชีวิตแพทย์ของข้าพเจ้า
ที่เป็นแพทย์แบบเดิมๆนั้น มักจะมาตกอยู่ที่ดินแดนแห่งนี้เสมอ...

     โฮเต็ลแถวนี้มีความทันสมัยมีชาวต่างประเทศมากมาย….มีบรรยากาศที่ทันสมัยมีบาร์และค็อคเทลเลาจ์มืดๆ..มีที่รับประทาน
อาหารแบบชาวตะวันตกแท้ๆที่ต้องพูดภาษาอังกฤษก็มีเป็นสถานที่มีความขลังอยู่ในทีเป็นที่ค่อนข้างเงียบและผู้ที่อยู่ที่นี่ลักษณะ
เป็นคนร่ำรวยและคลาสสิค..ไม่ใช่สถานที่เริงรมย์นัก…เขาไม่ค่อยพูดกับข้าพเจ้าโดยตรงแต่มองดูอย่างแปลกๆคล้ายเกรงว่า
ข้าพเจ้าจะไปยุ่งกับเขา… หรือเพราะข้าพเจ้ายังเด็กก็ได้…ส่วนใหญ่ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับดีจากบริกร แบบข้าพเจ้าเป็นเด็ก
และได้รับประทานอาหารจริงๆ………อร่อยมาก… บางทีข้าพเจ้าไม่ต้องใช้เงินแต่ได้กินฟรีๆก็บ่อย…อาหารเป็นแบบตะวันตกทั้งสิ้น…
มีครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเข้าไปดูค็อคเทลเล้าจ์แบบมืดๆกับรูมเมทของข้าพเจ้า เป็นที่มืดๆแต่ไม่โฉ่งฉ่าง ดูดีทีเดียว...

     มีห้างสรรพสินค้าเล็กๆที่ข้าพเจ้าไปเดินดูตอนห้างจะปิดมีผ้ามากมายและชุดสวยๆมีเครื่องเขียนสวยงามและกิฟทช็อปกับ
ชั้นที่ขายอาหาร..ข้าพเจ้าเดินจนเหนื่อย ซอกแซกไปเรื่อยๆ แต่ข้าพเจ้ามีที่พักราคาถูกอยู่กลางเมือง นอนพักสบายใจมาก
เวลาเดินทางมักใช้แท็กซี่ ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนไปเที่ยวกรุงเทพฯ….พนักงานทีห้างมักเฉยๆกับข้าพเจ้า..แปลกใจมาก…

     ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าหลงทาง จำที่พักไม่ได้ เลยเดินเข้าไปถามที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง เพราะแท็กซี่ไม่ยอมไปส่ง 
บอกว่าไกลไป ข้าราชการที่นั่นดีมาก ติดป้ายหน้าสถานที่นั้นว่าเป็นสำนักงานเกษตร เขาทำงานถึงหนึ่งทุ่ม ซึ่งมืดมากแล้ว
โดยเขาเพิ่งกลับมาจากการสำรวจพื้นที่  เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปถามเขากำลังจะกลับ ปิดไฟแล้ว ข้าพเจ้าบอกว่าไม่รู้ทางกลับที่พัก
แต่เขาก็ยังเปิดไฟใหม่และช่วยดูแผนที่ให้ข้าพเจ้า เขาถามที่อยู่ แล้วเขาก็ชี้ที่ตัวหนังสือเป็นป้ายขนาดใหญ่ว่า ต.หมากแข้ง
ต้องไปพักบริเวณนั้น แต่ข้าพเจ้างงๆ เถียงว่าไม่ใช่ เขาก็บอกว่ามีแต่ที่นี่แหละที่เป็นที่พักของข้าพเจ้าแน่นอน มีแต่ที่นี่แหละ
แต่ ที่ข้าพเจ้างงก็เพราะกรุงเทพฯทำไมจึงมีต.หมากแข้ง แต่ในที่สุดข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้นมาราวกับมาถูกที่แล้ว
ในฝันนั้นข้าพเจ้าประทับใจการบริการของเขามากและคิดว่าได้บอกไปตรงๆเช่นนั้นกรุงเทพฯที่ข้าพเจ้าไปนั้น 
ดูแสงสีไม่ค่อยมีและมีความโบราณต่อเนื่องแม้แต่การใช้ภาษาแต่ข้าพเจ้ารู้สึกปลอดภัยยกเว้นแต่ข้าพเจ้าจะเหนื่อยเอง
และหาทางกลับไม่ถูกเป็นประจำ…สงสัยจะเป็นวาสนาของข้าพเจ้า….เพราะในชีวิตจริง ข้าพเจ้าก็มักหลงทางเสมอ จนชิน
เลยไม่ค่อยกลัวอะไรนัก..

     ข้าพเจ้าเคยไปโรงพยาบาลราชบุรีกับเพื่อนๆเก่าๆ แต่โรงพยาบาลเหมือนกับโรงพยาบาลเล็กๆและโบราณอยู่
พวกเจ้าหน้าที่รู้จักคุ้นเคยกับข้าพเจ้าดี ข้าพเจ้าไปในฐานะแพทย์บ่อยๆ บางครั้งก็ไปถึงโรงพยาบาลศิริราช
ซึ่งบรรยากาศโบราณเหมือนสมัยร้อยปีก่อนเป็นอย่างน้อย..แต่มีพยาบาลทำงานตลอดเวลาและข้าพเจ้าก็วนเวียนอยู่กับ
โรงพยาบาลต่างๆ แม้แต่บางที่ที่เป็นคุก ข้าพเจ้าก็เป็นแพทย์ที่อยู่กึ่งแดนคุกกับด้านนอก คอยตรวจคนคุกด้วย
บางทีข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าๆก็ไปที่ตึกคนไข้ ไม่ใช่เวรแต่ก็ไปนั่งอยู่กลางๆตึก ถ้ามีคนไข้ข้าพเจ้าก็ให้บริการ ส่วนใหญ่
ในภพภูมิเหล่านี้ ข้าพเจ้าจะเป็นหมอใจดีและทำหน้าที่โดยไม่พูดมากนักข้าพเจ้าคุ้นเคยที่สุดรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ดูรู้จักข้าพเจ้าดี

     ข้าพเจ้าเดินทางบ่อยมาก และบางทีก็ทุลักทุเลเอาการ ต้องผจญภัยต่างๆเช่นรถเสีย เรือมาช้า
หรือไปผิดเส้นทาง…ครั้งหนึ่งข้าพเจ้ากลับมาถึงจ.อุดรธานีแต่คล้ายอยู่ที่ริมฝั่งเจ้าพระยา ข้าพเจ้าจ้างสามล้อให้ไปส่งบ้าน
ซึ่งอยู่ที่สถาบันราชภัฏแต่เขาว่ามีเทศกาลของจีนผ่านไม่ได้เขาบอกว่าต้องผ่านเวิ้งนครเขษมถึงจะไปได้…ข้าพเจ้าก็ตกลง..
ในความเป็นจริงนั้นอีก2-3วันต่อมาคุณพ่อมีธุระไปซื้อหนังสือหมอดูที่เวิ้งฯจริงๆ เป็นเรื่องแปลกที่มาพ้องกันได้…

(เรื่องราวของดินแดนสนธยาที่ข้าพเจ้าไปเที่ยวในฝันหรือทำสมาธินั้น มีอีกมากมาย ถ้ามีโอกาส ข้าพเจ้าจะเล่าให้ทราบอีก)

 สนธยา(ต่อ)


 

หิมพานต์

     เป็นสถานที่ที่คนเคยไปคือพี่สาวคนหนึ่งไปเป็นประจำเล่าว่า งดงามเหมือนที่บรรยายไว้ในวรรณคดีไทยและมี
ฤาษีเหาะไปมา มีมัคคลีผลและสัตว์ต่างๆ มีพระพรหมและเทวดา…เสียดายที่บุญข้าพเจ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น…พี่คนนี้เป็น
คนทรงด้วย…ทั้งที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สาธารณสุขจังหวัด คุยเก่งและรู้เรื่องต่างภพมากมาย

     แต่ที่ข้าพเจ้าเคยพบ เจอเทพธิดาที่งดงามทรงอำนาจอย่างยิ่ง ประทับยืนโดยมีช้างเป็นพาหนะ และมีผู้ช่วยเป็นชาย
บริเวณนั้นเป็นชายป่า ท่านมีผิวขาวทรงชุดขาวประกายผ่องไปทั้งองค์ ข้าพเจ้าหมอบกราบเฝ้าพระองค์อยู่กับเพื่อนๆหญิง
ท่านมาหาคนที่ไม่ศรัทธา และจะนำไปลงโทษ ตอนแรกข้าพเจ้ารู้สึกเกรงกลัว แต่ก็มองสบพระเนตรท่านอย่างกล้าหาญ
เพราะคิดว่าถึงจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มันเป็นไป เนื่องจากถวายชีวิตเป็นราชพลีแล้ว ท่านมองเห็นข้าพเจ้าและมองดูด้วย
ข้าพเจ้ารู้สึกปลื้มปิติมากและปวารณาตนเป็นผู้ช่วยท่านถ้าท่านต้องการในเวลาต่อมา……ท่านจับผู้หญิงที่ชื่อจินตหราไป
เพราะไม่ศรัทธา……ท่านจะนำไปเป็นพรีเซนเตอร์บางอย่าง ท่านมีสัญชาติญาณของเสือหรือภาษาของเขาเรียกพยัคฆี

     ข้าพเจ้ากลับมาโลกมนุษย์ต้องวิ่งผ่านอุโมงค์บาดาลแถวคำชะโนด มาออกที่พิภพ เจอลุงคนเฝ้ายามและเปิดวิทยุอยู่..
ทักข้าพเจ้าว่ามาตามแม่หรือ ด้วยแล้วจึงออกจากประตูกาลขึ้นมาที่โรงอาหารแห่งหนึ่งของโลกมนุษย์ พร้อมกับเพื่อนๆ
หลายคน มีคนหนึ่งที่เป็นชาวบาดาลแต่งชุดโจงกระเบนผ้าสไบเดินทางมาด้วย……เขายืนรออยู่ตรงหัวมุมและปะปนมากับ
พวกเราตอนนั้นข้าพเจ้าก็แต่งตัวเหมือนเขา…แต่เขาถือพานดอกไม้ไว้ด้วย ราวกับพวกเราอายุยังอยู่วัย15-16ปี ยังวิ่งๆกันอยู่
เรามาออกจากพิภพที่หน้าโรงอาหารของคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งคล้ายกับสมัยที่ข้าพเจ้าเรียนมหาวิทยาลัย
ปี 1และปะปนไปกับผู้คนแถวนั้นซึ่งไม่ทันสังเกตพวกเรา เพราะมีคนเดินไปเดินมาอยู่มาก เป็นอีกมิติหนึ่ง ซึ่งเป็นโลกของเรา
คนที่มีวาสนาไปหิมพานต์คงเป็นผู้รักในวรรณคดีไทย…

 

(ตอนต่อไปนี้ ข้าพเจ้าขอร้องให้ท่านอาจารย์แต่งให้)

     

     ในหิมพานต์นี้มีพรรณไม้นานาและเสียงวิหคนกร้องก้องกังวานใสไพเราะอยู่ในพนาสณฑ์มีวิทยาธรและคนธรรพ์
นักสิทธิ์และฤาษีมีสัตว์ประเภทต่างๆของแดนหิมพานต์มีภูเขาสูงใหญ่แพรวพราวด้วยเพชรพลอยนานาในเมืองบน
หรือราชวังนั้นมีเจ้าหิมพานต์ซึ่งมีรูปร่างหน้าตางดงามและมีธรรมชาติเป็นเพศแห่งราชสีห์และมีนางงามผู้เป็นมิ่ง-ขวัญ
ซึ่งมีวิถีจิตเช่นพยัคฆี… มีอนงค์นางนับพันหมื่นมีเพศเป็นกินรี ีล้วนสวยงามร่วมด้วยกับบุรุษซึ่งเป็นกินรหน้าตางามมาก
ต่างอาศัยด้วยกันตามวิถีสัตว์หิมพานต์อันมีดวงจิตสื่อรู้เรื่องกัน มีความเป็นอยู่สะอาดสะอ้าน บางตนแปลงเป็นมนุษย์และเทพได้ มีพญาครุฑซึ่งเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสัตว์ที่รักษาราชการได้ดีมีระเบียบวินัยรักศักดิ์และมีความจงรักภักดีสูง……หน้าตามีสง่าราศี…
ส่วนนาคนั้นอยู่ใต้ลงไปในบาดาล มีรูปงามคล้ายเทพหรือมนุษย์ มีรัศมีแห่งกายที่ไม่เข้ากันกับครุฑ มักไม่ค่อยได้พบพานกัน…

     ที่นี่มีธรรมชาติแห่งป่าใหญ่อันจัดไว้งดงามอย่างดีสุดที่จะกล่าวได้มีความเป็นป่าใหญ่อันอุดมด้วยต้นไม้ใบหญ้าที่หาไม่ได้
ในเมืองมนุษย์..มีสัตว์ป่าแฝงอยู่ตามต้นไม้ทั่วไป….มีต้นไม้แก้วเงินทองอยู่ใกล้วิมานเขาไกรลาสแห่งเทพบุตรนั้น…มีดอกไม้นานา
คนธรรพ์มีหน้าที่บรรเลงเพลงขับกล่อมอันไพเราะอ่อนหวานพวกนี้เจ้าชู้มากพูดจาอ่อนหวานชวนเคลิบเคลิ้ม…ต้องระวังตัว...
มีหงส์ทองอยู่บริเวณน้ำตกสวยงามสีขาวสกาวและธรรมชาติร่มรื่น…มักมีลำธารใสน้ำมากมาย พวกเหล่านี้มีความเป็นอยู่อัน
สะดวกสบาย ตามวิสัยแห่งสัตว์หิมพานต์ประเทศ...

 



จตุมหาราชิก

     เป็นภพภูมิที่มีเทวะหลายประเภทอาศัยอยู่ และคอยดูแลข้าพเจ้า เป็นผู้ฝึกสอนด้านต่างๆ มีเทพแต่ละฝ่ายประจำทิศ
แปลงเป็นปีศาจก็มี มาทำให้เรากลัว เป็นเรื่องของบุญกรรม ที่นี่บนท้องฟ้ามีภาพฉายข้าพเจ้าเห็นท้องฟ้าคล้ายจอหนังขนาด
ใหญ่และมีภาพสถานที่บนท้องฟ้านั้นมีคนมาดูกันมากเหมือนกันและมีเจ้ากรรมนายเวรมีของที่ข้าพเจ้าเคยถวายพระใส่บาตร
และเสื้อผ้า ฯลฯที่เคยเป็นของข้าพเจ้าอยู่ด้วย บางสิ่งเป็นของที่หายไปแล้วนำมารวบรวมไว้ที่นั่น…บางอันเป็นของเก่าที่เราลืม
ไปแล้ว ก็ไปปรากฏอยู่ที่นั่นน่าทึ่งมากแล้วจะเห็นว่าตัวเองเคยทำบุญอะไรไว้บ้าง…มีที่เก็บไว้……ราวกับมีผู้ดูแลเราอยู่จากเบื้องบน
จริงๆจนข้าพเจ้าเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษและคำที่ว่าผีสางเทวดาคงเห็น…ก็กลายเป็นจริงไปได้…ที่นี่มีคนเดินทางมาชมบุญของ
ตนเหมือนกัน…ข้าพเจ้าขำบ้างเมื่อเห็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยใส่บาตรเพราะส่วนใหญ่เป็นพวกปลากระป๋อง และอาหารกระป๋องทั้งสิ้น
แต่ยังดีที่มีอยู่บ้าง ไม่ต้องใช้เงินทองเลย….ถ้าหิวก็กินส่วนของตัวเองได้เลย มีตึกคล้ายสถานที่ราชการแบบตะวันตกสวยมาก
เป็นตึกใหญ่สีขาว อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าแกมน้ำเงินและมีเมฆขาวบริสุทธิ์ สวยดี

     เทพพวกนี้มีความสามารถในการทำงานแบบชาวโลกหลายๆอย่าง เป็นผู้มีศีลธรรมมากและบางทีก็ลงมาในโลกมนุษย์
แต่ที่ข้าพเจ้าเห็นก็คือ นางฟ้าในชุดสีดำ 2 องค์ สวยผ่องใสไม่อ้วน มาดูแลข้าพเจ้า เวลาหลับ จะห่มผ้าให้เหมือนตอนเด็กๆ
ท่านมีแววตาอ่อนโยนมากมีการใช้ภาษาไทยโบราณที่เห็นในพจนานุกรมเป็นภาษาไทยชั้นสูงอันไพเราะมากและเทพพวกนี้
สามารถแปลงเสียงได้ให้เหมือนคนที่เรารู้จัก จนข้าพเจ้าเคยคิดว่าเป็นเสียงของมนุษย์ธรรมดาด้วยกันนี่เองที่เป็นพวกปฏิบัติ
ธรรมะแต่ต่อมาก็ค่อยๆทราบว่ามนุษย์ธรรมดาไม่ได้ทำกัน…โดยเฉพาะเสียงสัตว์พูดได้เป็นภาษามนุษย์แม้แต่คู่รักในฝันของ
ข้าพเจ้าก็ยืนยันว่าเขาทำไม่ได้หรอกทำเอาข้าพเจ้าเกรงใจพวกท่านเสมือนอาจารย์เพราะเดิมคิดว่าเป็นเพื่อนในโลกมนุษย์
แบบปกติ…ท่านฝึกการปฏิบัติมาตลอดถึงทุกวันนี้เป็นเสมือนครูบาอาจารย์เพื่อนชายข้าพเจ้าบอกว่าถ้าข้าพเจ้าอยากตายก็คิดถึง
ความยากลำบากที่โดนท่านอาจารย์โขกสับมากว่าจะขัดเกลาตัวเองได้ขนาดนี้ทำเอาหัวเราะกันเพราะจริงๆข้าพเจ้าคิดเองว่า
ถูกฝึกหนักและได้บ่นไว้มากมายที่สุด…เพราะท่านฝึกแบบไม่ปล่อยเลย และตึงเครียดจนต้องพยายามหาทางออกจนได้
ไม่เช่นนั้นก็ต้องอยู่อย่างนั้นไป ท่านไม่ปล่อยง่ายๆ ข้าพเจ้าคาดว่าตัวเองคงเป็นลูกศิษย์ที่ช่างร้องเรียนที่สุด…

     สถานที่ที่เป็นสวรรค์จริงๆมีที่อยู่อยู่ในนภากาศเหนือศีรษะและมีทางเดินเชื่อมต่อกับประตูพิภพ ใช้การเลื่อนลอยใน
การเดินทางที่ทราบเพราะข้าพเจ้าเคยขอให้ท่านช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ให้(บังอาจมาก)เพราะข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเสียงของ
น้องชายหรือเพื่อนชาย ข้าพเจ้าก็จะบอกเหมือนธรรมดาๆ ว่า ให้มาซ่อมคอมพิวเตอร์ให้ด้วย เป็นนิสัยมนุษย์จริงๆ ท่านก็
รับคำแล้ว ท่านก็จะเลื่อนลอยจากที่ไกลๆเหมือนน้องชายข้าพเจ้ามาหาจากทิศที่ตั้งกรุงเทพฯใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใช้เสียง
แบบน้องชายและเพื่อนชายของข้าพเจ้า และมาทำอะไรกุ๊กๆกิ๊กๆอยู่เหนือหลังคาบ้าน ข้าพเจ้าก็คิดเอาว่าเพื่อนชายมา
เวลาท่านมามีเสียงก้องกังวานในนภากาศ น่าขนลุกในพลังเสียงนั้นเช่นกันฟังจากเสียงของท่านทำให้รู้ลักษณะการเดินทาง
ว่าใช้การลอยเลื่อนแบบเทวดาจริงๆ
สถานที่อยู่ของท่านอยู่เหนือศีรษะเรานี่เอง แล้วท่านก็มาซ่อมจริงๆเหนือหลังคาบ้านด้วย
ข้าพเจ้าก็นอนสบายไป วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าเอาไปซ่อมที่ร้านปรากฎว่าแค่ใส่หมึกใหม่เท่านั้นเอง ขายหน้าจริงๆ
ค่อนข้างดีใจที่ไม่ได้เสียอย่างที่คิด ท่านอาจจะมาช่วยจริงๆก็ได้…ที่พูดคุยกับข้าพเจ้าเป็นเสียงมนุษย์หลายๆเสียง… 

     บางทีท่านทดสอบข้าพเจ้าในการเป็นแพทย์แต่มีภาพรังสีของคนไข้ที่ทันสมัยมากซึ่งยังไม่มีในวงการแพทย์ของมนุษย์
ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กๆสำหรับท่านอยู่….ท่านชอบแปลงเป็นคนไข้ และบางทีทำให้ข้าพเจ้ากลุ้มอกกลุ้มใจเหมือนจับปูใส่กระด้ง
เพราะคืนนั้นข้าพเจ้าเกิดเฮี้ยวขึ้นมาจะลาออกจากการเป็นแพทย์แถมยังบอกว่าจะทำให้คนไข้มีอันเป็นไปต่างๆนานาเท่าที่
ข้าพเจ้าจะคิดได้อย่างโหดเหี้ยมที่สุด เช่นทำให้ยาเป็นพิษ หรือใครมารักษาก็ขอให้รถชน ฯลฯ คืนนั้นท่านก็ทดสอบเลย ท่าน
มาเป็นคนไข้กันทั้งหญิงและชายรวมทั้งมีพระภิกษุด้วย แต่ข้าพเจ้าก็ทำฤทธิ์เพียงแค่นั่งตรวจบนพื้นและทำท่าสบายมากๆเท่านั้น
พอจับปูใส่กระด้งไม่ไหว เพราะเขาไม่เกรงอกเกรงใจข้าพเจ้าก็ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้ตรวจแต่โดยดีนึกออกแล้วก็ขำตัวเอง
ข้าพเจ้ายังเด็กๆมากจริงๆในเวลานั้น 

     บางทีข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านแปลงเป็นมนุษย์มาสอนข้าพเจ้า….เพราะมีแรงอธิษฐานบางอย่างด้วยสนับสนุนว่าเป็นเช่นนั้น.
เวลาท่านพูดกันเองเสียงพูดไพเราะ คำพูดก็ไพเราะจริงๆ…ข้าพเจ้าแอบได้ยินตอนจะหลับเวลาเข้าสู่ภวังค์ เป็นคำไทยเช่น
เทวนมัสการะแปลว่าไหว้เทพเจ้าหรือมีกลอนที่เป็นเกี่ยวกับมนะมรีอะไรพวกนี้เป็นกลอนที่ปรากฏโดยการที่วันนั้นข้าพเจ้า
ไปร้านขายเครื่องพิมพ์ดีด แล้วตัดสินใจซื้อเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องหนึ่งหลังจากตรึกตรองอยู่นาน ด้วยใจนักเลงจึงซื้อไว้
ข้าพเจ้าทดสอบพิมพ์ดีดดูโดยการพิมพ์ที่แป้นอักษรด้วยใจว่างๆ กลับปรากฏเป็นกลอนที่ข้าพเจ้าจำได้ว่าลงท้ายด้วย
 มนเอยมรีอาย ที่ข้าพเจ้าไปเปิดพจนานุกรมดูคำว่า มน (มะนะ)แปลว่าใจ ส่วน มร แปลว่าความตาย มีคำว่าเพ้แอม 
ซึ่งคล้ายๆกับคำว่า แพ้แอม เพราะแอมของข้าพเจ้า คือสาวบ้านดุงที่เคยเป็นแฟนกับแพทย์ขอนแก่น มีจิตใจแข็งแกร่ง
และไม่ลังเลกับการต้องใช้จ่ายเงินทองเพื่อสิ่งที่มีค่าในความทรงจำ แต่ข้าพเจ้ามักเสียดายเงินเสมอ แบบผู้ที่มีวุฒิภาวะแล้ว
ก็เหมือนกับคนตาย ไม่ทำให้สิ่งใดเคลื่อนไหวได้อีก เป็น มรี คือความตาย ที่ในที่สุดก็ แพ้ใจ (ราวกับเพลงของใหม่) 
โดยที่แอมก็เป็นส่วนของใจส่วนมรีเป็นส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลที่ห้ามปรามการใช้จ่ายอยู่เสมอ ข้าพเจ้าคาดว่า แอม
ของข้าพเจ้าคงมีความเชื่อในสิ่งที่สวรรค์จัดให้ไม่คำนึงถึงความยากลำบากของตนเลยจนความตายคือผู้ที่ไม่ยอมซื้ออะไร
หรือไม่ใช้จ่ายเงินเพื่อรักษาภาพพจน์เปรียบเหมือนมัจจุราชนั้นยังสู้ใจคอที่เด็ดเดี่ยวไม่ได้เลย…นี่เป็นการจิ้มแบบอัตโนมัติ
ไม่ได้ตั้งใจใดๆทั้งนั้นเรื่องที่เป็นแอมเพราะช่วงนั้นมีบทดอกไม้เหล็กณบ้านดุงในชีวิตจริงพอดีมีปํญหามากมายเรื่องเงินทอง
เหมือนกัน และเรื่องอื่นๆด้วย เป็นบทหนักทีเดียว

     บ่อยครั้งที่ท่านทั้งหญิงชายมาดูแลข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดเวลาข้าพเจ้าป่วยนอนซม ท่านจะพูดกันเป็นภาษาประเภทนี้
จนข้าพเจ้าทราบรูปแบบของภาษาที่ไม่ใช่ภาษาไทยปัจจุบัน เป็นภาษาที่คลาสสิคมาก ไพเราะมากจนขนลุก ท่านใช้คำว่า 
เนาว์แทนคำว่าอยู่และมีในโน้ตของข้าพเจ้าเขียนไว้ตามที่ไม่คิดอะไรเลยปล่อยไปเองคือให้คล้ายๆกับเล่นผีถ้วยแก้วแล้วแต่
มือจะพาไปปรากฎออกมาเป็นภาษาแบบนี้ คือ ……

     ทรัพย์ทรวง ดาวสรวง รวงทอง ห้องหทัย ……คาดว่าเป็นศัพท์ที่ท่านใช้กันในสรวงหรือสวรรค์ในตอนแรก แต่กลายเป็นเพลง
ของสุนทราภรณ์และ ข้าพเจ้าไปเปิดพจนานุกรมดูจึงจะรู้ความหมาย แปลกที่มีอยู่ในพจนานุกรมจริงๆ เรื่องนี้เชื่อข้าพเจ้าเลย
เพราะข้าพเจ้าเรียนสายวิทยาศาสตร์มาตลอดไม่คล่องภาษาโบราณด้วยตนเองแน่ๆ…..พวกท่านเทพและเทพธิดาเหล่านี้ได้ให้
เสียงที่ข้าพเจ้านำมาใช้ร้องเพลงและฝึกฝนเสียงให้ขึ้นถึงระดับที่เป็นเสียงของท่านได้ 
   
     ข้าพเจ้าถึงกับขนลุกเมื่อได้ยินเพลงทรัพย์ทรวงเป็นครั้งแรก เพราะเหตุการณ์ที่บันทึกไว้ในสมุดโน้ตได้ผ่านไปนานแล้ว
และทำให้ข้าพเจ้าประทับใจ จนใช้นามแฝงว่า ทรัพย์ทรวง ในกระดานสนทนาลานธรรม แต่ข้าพเจ้ารับกระแสพลาดบ้าง
จึงไม่ตรงนัก เพราะเขียนจากจิตที่รับได้ ไม่ใช่เพลงที่ได้ยินด้วยหูของตนเอง เพลงนั้นเป็นดังนี้.....

ทรัพย์ทรวง

ล้นแดนท่วมดิน มีทรัพย์สินเนืองนอง
เอาทรัพย์แสนมากอง.....(ฟังไม่ชัด)
ฉันยังไม่ยอมนำรักน้อมบำเรอ
ความรักฉันและเธอเลิศเลอคุณค่ากว่าใคร

เธอนั้นหนาบูชากว่าปวง
โอ้ทรัพย์ทรวงดวงใจยิ่งใหญ่
แก้วจุฬาฟ้าสูงดวงไหน
เปรียบปานศักดิ์ศรีมีไว้
ก็พลันสิ้นไร้ราคา

ทรัพย์ทรวงหนึ่งทรวง เกินทรัพย์สรวงใดๆ
ทนถนอมออมใจไว้วอนไหว้บูชา
รักเดียวใคร่เดียว มันซึ้งเสียวอุรา
มันยังหวามวิญญาณ์ เมื่อมีดวงหน้าแนบใจ

โอแก้วขวัญพราวพรรณพุ่มพวง
โอ้ทรัพย์ทรวงดวงมานดวงใหม่
ช่างมากจนล้นเหลือจะใช้
สุขใดนั้นหรือจะไร้ เมื่อใจได้ทรัพย์ทรวงครอง

ทรัพย์ทรวงหนึ่งทรวงคือทรัพย์สรวงดวงใจ
คอยแลหาอาลัย รักครวญใคร่ใฝ่ปอง
ทรัพย์ทรวงหนึ่งทรวงคือดาวสรวงดวงทอง
งามหรูล้นลำพอง ผ่องพรายในห้องหทัย

โอแก้วศรีมณีรุ่งรวง
โอ้ทรัพย์ทรวงดวงใจครวญใคร่
เฝ้าชื่นชมสมพิสมัย
อดออมถนอมเอาไว้
ให้ใจได้ใช้โลมทรวง

 

     เกี่ยวกับชื่อในพจนานุกรมนี้ ข้าพเจ้าเคยพบผู้ที่มาขอใบรับรองแพทย์ที่หน้าตาดีมาก เป็นเทพแน่ๆแต่ชื่อ นววิธ
แปลว่า(ความดี)เก้าประการ วันหนึ่งข้าพเจ้าไปเปิดดูในพจนานุกรมจึงเห็น และเทพอาจารย์หญิงที่ดูแลข้าพเจ้าอยู่จริงๆ
ท่านชื่อ วดีวรดา แปลว่า หญิงงามผู้เลิศหรือประเสริฐ ทำนองนี้ อันนี้ท่านบอกมาในประแสจิตคราวที่ข้าพเจ้ากำหนดจิตถาม

     ข้าพเจ้าได้รับเสียงของดวงจิตบุคคลสำคัญต่างๆและมนุษย์ทั่วไป โดยทำจิตให้เป็นสากลและติดต่อกับพวกท่าน บางครั้ง
ก็ติดต่อเอง แล้วแต่ท่านจะเปิดให้ เพื่อให้ข้าพเจ้าได้ทราบคุณลักษณะที่ต่างๆกันของดวงจิตเหล่านั้นข้าพเจ้าเพียงแต่ปล่อยให้
จิตว่างและไม่คาดหวังความไพเราะเสมอไปเพราะบางครั้งข้าพเจ้าต้องวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยด้วยเสียงเพลงและการปรับเปลี่ยน
โดยอัตโนมัติ ตามจิตใต้สำนึกของข้าพเจ้าเพื่อรักษา ข้าพเจ้าอัดเทปไว้ และเริ่มจำคุณลักษณะเฉพาะตัวของเสียงที่สำคัญๆได้
และมักแปลกใจในความยิ่งใหญ่บางอย่างอันเป็นที่น่าซาบซึ้งประทับใจจนถึงความประหลาดใจในความสามารถของตนเองใน
บางครั้งและได้ติดตามจิตส่วนที่เกเรและมีปัญหาของตนไปด้วยบางครั้งน่าขันดี…..เวลาทำพวกนี้จะร้อนๆในร่างกาย..เป็นลักษณะ
ใช้ธาตุไฟ…ผู้ที่ร่วมงานกับข้าพเจ้าบางทีร้องเพลงคู่กับข้าพเจ้าได้ด้วย…บางทีคู่รักของข้าพเจ้าก็ร้องด้วยเพลงไหนร้องไม่เป็นก็จะ
สอนให้ จากร้องไม่ถูกทำนองกลับร้องได้อย่างง่ายดายและคุ้นเคย ทำเอางงเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ

     เทพที่ทำงานในส่วนของข้าพเจ้ามีอยู่ไม่น้อยและมีวาจาไพเราะอ่อนหวานเหมือนผู้ใหญ่สมัยก่อนถ้าท่านทรงสภาวะที่เป็น
ท่านอาจารย์หญิงมีบ้างที่เป็นแบบซนๆเวลาข้าพเจ้าร้องเพลงเฮ้วๆตามอารมณ์ท่านก็สอนให้ข้าพเจ้ารู้จักการทำอารมณ์ให้
ประณีตขึ้นท่านคุมสติได้ดีมากและมีจิตละเอียดเบาส่วนเทพบุตรก็มีเสียงเมตตาและเรียบมั่นคงดีโดยไม่ดุเลย…ท่านร้องเพลง
ได้ทุกเพลง ซึ่งถ้าข้าพเจ้าร้องเองจริงๆมักจะเพี้ยนเป็นประจำ จึงรู้ว่าคราวไหนพวกท่านมา ข้าพเจ้าเคารพศรัทธาท่านมาก
จึงปล่อยจิตให้ท่านครองได้ยกเว้นบางครั้งการฝึกหนักเกินไปหรือกำลังต่อสู้กับกิเลสข้าพเจ้าหงุดหงิดก็จะระเบิดออกมาเป็น
สิ่งต่างๆมากมายตามวิสัยมนุษย์และขอขมาพวกท่านภายหลัง………(เมื่อรู้ตัวแล้ว)……ซึ่งก็จ๋อยๆไปเพราะท่านจะไม่ให้ผ่านถ้า
ข้าพเจ้ายังติดอยู่กับอวิชชา…ต้องคิดให้ถูกต้องและดีงามจริงๆแต่ถ้าแจกแจงเหตุผลท่านก็รับ-พิจารณาทุกครั้งแม้จะไม่ได้
ช่วยเสียทุกครั้ง..อย่างน้อยท่านก็ทราบว่าข้าพเจ้านึกคิดรู้สึกเช่นไร………เป็นความอุ่นใจอย่างหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าเคารพรักท่านมาก
เสมือนอาจารย์ที่สอนมาเช่นที่ศิริราช…แต่เกรงใจท่านมากกระนั้นก็ยังมีนิสัยเดิมๆอยู่คือมีความดันทุรังและไม่ค่อยยอมอะไร
ง่ายๆนักจนกว่าเหตุผลจะเพียงพอ  

     ข้าพเจ้าระลึกถึงพระคุณท่านตลอดมาไม่ว่าท่านจะอยู่ในสภาวะใด…และข้าพเจ้าก็อุทิศให้ท่านได้ทุกอย่างเพราะต้องทำดี
แต่ท่านมักจะเก็บสิ่งที่ข้าพเจ้าฝากเอาไว้ให้เป็นอย่างดีข้าพเจ้าจึงไว้ใจท่านจริงๆ…ถ้าไม่ได้ติดต่อกับท่านก็รู้สึกเหงาไปถนัด
ใจเลย…ข้าพเจ้าได้รับการฝึกฝนบางอย่างโดยเทพธิดาเทพบุตรจริงๆ…แต่ก็เป็นงานยากที่ท่านกับข้าพเจ้าร่วมกันทำขึ้นมาเพื่อ
ประโยชน์ในอนาคตของคนจำนวนมาก ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้น….ข้าพเจ้าไม่เคยขอขมาและไหว้ครูแบบมีพิธีการด้วยซ้ำไป
มีแต่ฟ้องร้องและเรียกร้องเป็นประจำไปแล้ว…น่าเกลียดจริงๆแต่ข้าพเจ้าก็ท่องปาเจราให้ท่านรับทราบบ่อยๆ..แต่ข้าพเจ้าก็คิด
จะทำให้แน่นอน เวลาอุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรก็ปรากฏว่าจะไปตกอยู่กับท่านทั้งนั้น

     พวกท่านมีจิตใจอ่อนโยนมีเมตตาและใส่ใจในการทำงานมาก…มีอารมณ์ดีและมีอารมณ์ขันอยู่ไม่น้อย…สมกับเป็นครูบา-
อาจารย์จริงๆ
…แต่เวลาโหดก็น่าดูชมทีเดียวนรกมีกี่ขุมเป็นอย่างไรบ้างนั้นคาดว่าข้าพเจ้าได้สะสมไว้จนครบหรือเกือบๆครบ
แล้วท่านต้องอยู่สอนและสังเกตพฤติกรรมต่างๆของข้าพเจ้าเวลาตึงเครียดจากสาเหตุทางจิตใจต่างๆคงจะเหน็ดเหนื่อยสาหัส
ไม่น้อยกับความดื้อดึงยื้อโน่นยึดนี่ของข้าพเจ้า…ไม่ยอมบ้างหรือมีอาการกิเลสกำเริบท่านต้องดูแลและคอยผ่อนปรนอารมณ์ให้สงบ
โดยการใช้กระแสจิตที่ทำให้มีสติและสงบลงส่งมาถึงจิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะหายจากพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
และท่านจะพิจารณาคำขอต่างๆของข้าพเจ้า ซึ่งมักจะเหมือนกบเลือกนายเสียมากกว่าเพราะที่ได้มาก็มีทุกข์ไปอีกแบบหนึ่ง
ไม่มีความสุขอย่างแท้จริงสักอย่างแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าข้าพเจ้ามีความสามารถทำให้ตนเองตกที่นั่งลำบากเป็นอาจินต์
เพราะยังขาดวิสัยทัศน์ด้านการมองการณ์ไกลไปข้างหน้าอยู่คือมักจะโวยวายเมื่อเกิดต้องทนทุกข์ขึ้นมาเรียกได้ว่าไม่อดทน
เท่าเดิมและใช้ปัญญาเอาตัวรอดมากขึ้น แต่ที่สังเกตได้ชัดคือ เมื่อจิตผ่องใสจะคิดด้านดีๆและสร้างสรรค์ได้..และนำไปใช้ได้
จริงๆ เป็นการขัดเกลา แต่ข้าพเจ้ายังมีกรรมอีกมาก จนไม่อยากถามอะไรท่านมากแล้ว เพราะเกรงว่าท่านจะลำบากใจเกินไป
เพราะข้าพเจ้าก็คือเด็กที่ยังถูกปิดบังบางอย่างเอาไว้คือยังไม่ถึงเวลา..ทำเอาข้าพเจ้าปลงตกไปเองหลายเรื่องแล้วและเป็นผู้ใหญ่
จิตเข้มแข็งมีกำลังขึ้นกว่าที่เคยจริงๆ……

     เสียงของท่านมาทางนภากาศข้าพเจ้าคิดว่าพวกมนุษย์ก็ได้ยินเช่นกัน…บางทีเป็นเสียงนกจริงๆมีตัวมีตนแต่ร้องด้วยคำพูด
ของมนุษย์รวมทั้งสุนัขเห่าเป็นเสียงผู้ชายนกเป็นเสียงเด็กผู้ชายวัยรุ่นข้าพเจ้าได้รับคำบอกเล่าหรือปฏิบัติธรรมกับความน่าทึ่ง
เหล่านี้เป็นประจำ จนบางทีข้าพเจ้าคิดว่าชีวิตช่างเหมือนเทพนิยายจริงๆ..มีสัตว์พูดได้เช่นอึ่งอ่าง,กบ,เขียดต่างๆเป็นเสียงคน
และเสียงจิ้งจกทักตักเตือนเป็นประจำ…ชีวิตจริงของข้าพเจ้าอยู่แบบนี้มานานพอสมควรแล้ว…จึงเริ่มชินกับการถูกฝึกตลอดเช่นนี้…
นับเป็นพระคุณของท่าน..(แต่จริงๆข้าพเจ้าถามแล้ว ไม่มีใครได้ยินเหมือนกับข้าพเจ้าเลย เขาฟังไม่ออก และว่าเป็นโรคจิต)

     สถานที่อยู่ของท่านเป็นตึกคล้ายๆรัฐสภาคือเป็นตึกแบบฝรั่งแต่ดูมีบรรยากาศของความเป็นพิเศษให้ความรู้สึกไม่เหมือนอยู่
ในโลกมนุษย์ เป็นตึกสีขาว รูปร่างหลังคาโค้งมนมียอด แถวนี้มีสถานที่ราชการอยู่หลายแห่ง ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นนั้น
คิดว่าอยู่ใกล้ๆสนามหลวงหรือวัดพระแก้วที่นี่มีตึกอยู่หลายตึกค่อนข้างอยู่ติดๆกันและท้องฟ้าจะมีเมฆเป็นปุยขาวที่เคลื่อนที่
ไปได้อย่างรวดเร็วตัดกับสีน้ำเงินสว่างไสวของท้องฟ้าราวกับท้องฟ้าฤดูหนาว

     บางทีท้องฟ้ากลายเป็นจอมหึมาและมีรูปต่างๆเคลื่อนไหวปรากฏอยู่บนนั้น คล้ายๆเราดูโทรทัศน์ เรียกว่า ภาพฉาย
ข้าพเจ้าชอบตึกเหล่านั้นมากทั้งๆที่เป็นตึกแบบตะวันตกแต่มีความเป็นไทยแท้ๆแฝงอยู่อย่างชัดเจน มีผู้เดินไปมาอยู่ใน
บริเวณนั้นมากมาย  มีผู้หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนเคยบอกให้ข้าพเจ้าสังเกตบางอย่าง เพราะข้าพเจ้าสงสัยว่าจะเป็นมิติซ้อน
คำว่า ภาพฉาย ก็เป็นคำที่ได้ยินจากท่านผู้นั้น มีคนมายืนดูมากเหมือนกัน คล้ายดูข่าวสารบางอย่าง ข้าพเจ้ารู้สึกมี
สติดีอยู่และคิดว่าเป็นจริงด้วยซ้ำไป แต่ก็แปลกที่ไม่ตื่นเต้นอะไรนัก เพราะใบนท้องฟ้า ข้าพเจ้าเห็นเหตุกาณณ์แปลกๆบ่อย
เช่นคนขับบอลลูนเดินทางไปมา เรื่องบอลลูนข้าพเจ้าพบบ่อย สวยกว่าว่าวมาก และสีสันตัดกับท้องฟ้าดี สวยงามมาก...
ที่นี่มีลมเย็นพัดสบายดีจริงๆ...

 


 

พรหม

 

-ข้าพเจ้ารู้มาว่า บรรดาชายที่ไม่แต่งงาน ล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่ของพรหม เพราะ พรหม จะมีแต่ผู้ชาย
ผู้หญิงที่ขึ้นถึงชั้นพรหมก็จะคล้ายกับผู้ชายคือไม่มีหน้าอกรูปร่างหน้าตางดงามมากมักทำงานด้านศิลปะศิลปิน…
และเป็นครูบา-อาจารย์โดยเฉพาะท่านจะสอนฌาณสมาบัติเกี่ยวกับเรื่องเสวยฌาณอันมีความอิ่มเอิบมีความสุข
อันเอื้ออาทรกรุณามากและจะว่างเบาสบายมีความรักอยู่ในนั้นตลอดเวลาทำให้จิตผ่องใสและรักทุกๆสิ่ง….
มักจะยิ้มแย้มอ่อนหวานงดงามเสมอๆ….เป็นที่พึ่งทางจิตใจของผู้มีความทุกข์…..

-ที่อยู่ของท่านไม่สำคัญเท่าจิตที่เสวยในฌาณนั้นแต่สิ่งที่พรหมชอบหรือเป็นนิสัยคือรักความประณีตงดงามละเอียด
อ่อนของความงามต่างๆ บริเวณที่พรหมอยู่มักจะสวยงามมากดังเนรมิตมาแต่สิ่งที่ดีที่สุด…..

-ท่านเป็นผู้กำหนดหรือลิขิตชีวิตของมนุษย์ที่น่าเอ็นดูของท่านข้าพเจ้าเคยทำหน้าที่พรหมของลูกรักลูกมาก
เป็นความรักที่ลึกซึ้งจริงๆเด็กๆของข้าพเจ้าก็ช่างน่ารักมากที่สุดข้าพเจ้าทำงานร่วมกับคนรักแบบรายการ
วิทยุยามเย็นตอนรถติดหมายถึงพูดคุยกันด้วยโทรจิตเรื่องลูกๆที่น่ารักของเราด้วยความรักน่ารักน่าเอ็นดู
เป็นเรื่องเกี่ยวกับความน่ารักทั้งหลายของครอบครัว…ได้รับความนิยมในความน่าเอ็นดูเหล่านั้นมากทีเดียว

-และรูปพรหมเป็นภาคที่ข้าพเจ้ารับบทเป็นประจำจะไม่ใยดีกังวลเกี่ยวกับสังขารจะนุ่มนวลและอ้วนๆเย็นๆ
ตัวใหญ่…แบบที่เขาเรียกว่า..นางพรหมา…ความจริงเป็นสถานที่แห่งพรหมจรรย์และผู้ที่ประพฤติพรหมจรรย์
หรือแพทย์ก็เปรียบเช่นนั้นเหมือนกัน…..เพราะเราต้องมีพรหมวิหาร4...

-ข้าพเจ้าเคยไหว้พระพรหมสี่หน้าของโรงแรมต่างๆมามากซึ่งไม่เข้าใจว่าพรหมของเรากับของฮินดูเหมือนกัน
หรือไม่ แต่มีภาวะสงบเย็นและเป็นผู้สร้างเสมอ……..

-ผู้ที่มีอุเบกขาธรรมสูงจะได้เสวยสวรรค์ชชั้นพรหมเกี่ยวข้องกับมนุษยโลกคือการลิขิตชะตาชีวิตของเราด้วย
พรหมที่ข้าพเจ้ารู้จักจะมองแบบองค์รวมและลิขิตชะตาให้มนุษย์ทั้งมวลให้มีความติดต่อสัมพันธ์กันแบบ
สังคมและระบบนิเวศน์ท่านจะมองเห็นทุกอย่างว่าจากที่เราอยู่จะเป็นเช่นไรและต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องใด
พระพรหมจะลิขิตคู่ครองมาให้เราทุกๆคน ไม่มีใครที่ไม่มีคู่ แต่จะเจอกันแบบใดที่ใดก็แล้วแต่กรรมะ
ของแต่ละบุคคล....

-พรหมชั้นสูงจริงๆจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับมนนุษย์เลย จะเสวยสุขและดูแลจักรวาลอันมีความมหัศจรรย์มาก
และเราคิดไม่ถึง รวมถึงมีชีวิตนิรันดร์ด้วย และไม่นานก็จะสำเร็จนิพพาน และหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร
 
-่ชั้นพรหมที่ท่านทำให้ข้าพเจ้ารู้จักตอนนอยู่ อ.บ้านดุงต้องลิขิตชะตา มีการสร้างโลก สร้างจักรวาลอยู่ไม่นานนัก
โดยอาศัยจากความสามารถในการคิดอย่างถูกต้อง (ซึ่งไม่ใช่อัตตา)เพราะที่ข้าพเจ้าทดลองสร้างแบบให้คนทั่วไป
หรือโลกที่มีทุกอย่างแต่ไม่มีสิ่งใดที่หนักหนาต่อมนุษย์จนเกินไป นั่นคือมีสุขทุกข์และประสบการณ์ที่นำไปสู่การรู้
สัจธรรม โลกที่ข้าพเจ้าสร้างนั้นจะต้องกำหนดคู่ครองแก่มนุษย์ด้วย เป็นสิ่งที่พอจะจำได้ เพราะเหตุการณ์นั้นผ่านไป
นานแล้ว แต่ข้าพเจ้าไม่ปล่อยให้มนุษย์มีความทุกข์มากเกินไปจนสุขภาพจิตเสียเด็ดขาด

 


อรูปพรหม

     เรื่องอรูปพรหมนี้ ท่านไม่ได้ให้ข้าพเจ้าเห็นอะไรเลย แต่ให้ข้าพเจ้าปฏิบัติเอง ซึ่งค่อนข้างยาก ไม่ค่อยเข้าใจนัก
ความจริงคือ ไม่มีรูป มีแต่จิต เลยไม่ต้องมีสถานที่อยู่ให้ข้าพเจ้าได้เห็นในนิมิต ข้าพเจ้าชอบแบบมองเห็นด้วยตา
นี่มีแต่อยู่ในฌาณที่เรารู้ว่าจะบรรลุถึงชั้นใดก็ต่อเมื่อเราแก้ปัญหาความทุกข์ได้ เสมือนสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ
และสวรรค์ชั้นไหนที่ข้าพเจ้าจะได้ขึ้น จะรู้ได้โดยการที่ข้าพเจ้าจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร อธิบายให้เข้าใจยากจริงๆค่ะ
ขออภัยอย่างสูง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่แบบในไตรภูมิ (วิธีการปฏิบัติแบบสายพระคงจะมากกว่านี้มาก นี่เป็นเสี้ยวนิดเดียวเอง)

    อรูปพรหม 1 หรือ อากาสานัญจายตนภูมิ

     ที่ในไตรภูมิพระร่วงกล่าวไว้ว่าเป็นชั้นที่บรรลุฌาณที่5 และปรารถนาเอาอากาศอันว่างเปล่าเป็นที่อยู่ของจิตนั้น….
    ข้าพเจ้าได้เคยขึ้นมาเสวยชั้นนี้เช่นกัน ซึ่งต้องเข้าใจว่า นี่เป็นแบบที่ข้าพเจ้าพยายามเปรียบเทียบถึง โดยอาศัยตนเป็นหลัก
โดยอาศัยสภาวะจิตของแต่ละคน ที่สามารถมีอาการแบบนี้ได้แม้จะไม่ใช่ตามหลักพระพุทธศาสนาที่เขียนไว้ในไตรภูมิพระร่วง
แต่อาจารย์เทพท่านโอเคว่าใช้ได้ ซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ทราบเรื่องจริงๆมากนัก เพราะเรียนโดยธรรมชาติจากท่านอาจารย์มาบอก
อาจจะดูเฟื่องและไม่มีหลักการที่ถูกต้อง ขอแนะนำว่าถ้าจะเป็นหลักวิชาจริงๆจะไม่ใช่แบบที่ข้าพเจ้าเล่าให้ฟัง

     ที่พบได้จากอาจารย์ดลมีได้ในสภาวะที่จะหลับและผ่อนคลายปล่อยวางจนไม่รู้สึกว่ามีตัวตนรับรู้ได้เท่านั้นโดยไม่รับรู้ถึงกาย
สังขารเลย เป็นภาวะที่เบาสบายใจเป็นอันมาก แต่มักจะเฉยๆกับทุกสิ่งทุกอย่างเพราะมีแต่ความเสวยสุขารมณ์เท่านั้น…..
แม้ว่าขณะนั้นจะยังมีปัญหาอยู่

อรูปพรหม 2 หรือเรียกว่า วิญญานัญจายตนภูมิ

     เป็นการภาวนาเอาวิญญาณอันมีอารมณ์ไม่สิ้นสุดเป็นที่ตั้งแห่งจิตโดยไร้รูปกายซึ่งในความเป็นจริงเวลาอยู่ในชั้นนี้ต้องเผชิญ
กับอารมณ์มากมายหลายประการที่ดีและไม่ดีแต่ที่ข้าพเจ้าปฏิบัติอยู่นั้นมักเป็นส่วนอารมณ์ที่ไม่ดีมีความเศร้าหมองหดหู่และ
ไม่มีความสุขแต่หลังจากพบกับความว่างของอรูปพรหม1แล้วก็รู้ว่าเรานำเอาภาวะเช่นนั้นมาแก้ปัญหาอารมณ์ไม่ได้นอกจากจะ
มีการภาวนาให้ได้ประสบกับอารมณ์ที่เป็นสุขในวิญญาณให้สำเร็จจึงจะสามารถทำสิ่งต่างๆได้โดยมีวิญญาณเป็นที่ตั้งแห่งจิตที่
ผ่องใส…ซึ่งเป็นอรูปพรหมขั้นที่ 2 ซึ่งข้าพเจ้าพยายามปฏิบัติให้มีวิญญาณที่ผ่องใสอยู่….

 อรูปพรหม 3   อากิญจัญญายตนภูมิ

     เป็นอรูปพรหมที่เพ่งความ ไม่มีอะไร ซึ่งอยู่เหนืออากาศที่ว่างเปล่าตลอดกาล
คล้ายกับการลอยตัวอยู่เหนือปัญหาทั้งปวงโดยไม่ติดยึดในปัญหาใดๆข้าพเจ้าเคยพิจารณากับเรื่องความรักและความ
ผิดหวังต่างๆแล้วรู้สึกถึงความไม่เที่ยงแท้ต่างๆและหาทางหลุดพ้นจากทุกข์เหล่านั้นให้ได้ ซึ่งการอยู่ในอรูปพรหม 1
นั้นยังไม่ว่างจริงๆ เพราะในระดับนั้นอาศัยความว่างพักจิตใจชั่วคราวจึงจะเสวยสุขได้ แต่ในระดับนี้ต้องปล่อยวางให้ได้แล้ว
จะเบาสบายเสมือนไม่มีปัญหาใดๆอีกแล้วด้วยแรงภาวนาที่ว่าไม่มีอะไรทำให้สามารถทำกิจการงานต่างๆได้ราวกับเสวย
อยู่ในชั้นนี้แล้วจะปลอดความทุกข์ทั้งปวงและดำเนินหนทางชีวิตดุจดังผู้ที่ไม่มีปัญหาใดๆค้างคาใจอีกแล้ว

อรูปพรหม 4ชั้นนี้เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ

โดยการภาวนาว่าเราจักเป็นผู้มีสัญญาก็ไม่ใช่ขอให้มีใจละเอียดเล็กน้อยยิ่งนักเหมือนหายไปในอากาศข้าพเจ้านำมาปฏิบัติ
เมื่อต้องทำงานบางสิ่งให้สำเร็จและเมื่อไม่มีสัญญาใดๆในอดีตที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ เสมือนว่าข้าพเจ้าหลุดจากสัญญานั้นแล้ว
เช่นนี้คือ ข้าพเจ้ารับสัญญาว่าจะมีครอบครัว แต่พิจารณาแล้วไม่อาจรับได้เพราะเป็นทุกข์หลายอย่าง และเขาไม่เลือกข้าพเจ้า
ด้วย ดังนั้น สัญญาที่ว่าจะมีครอบครัว จึงไม่ใช่อีกต่อไป ข้าพเจ้าย่อมเป็นอิสระต่อการปฏิบัติแบบผู้ที่ต้องการมีครอบครัวเหล่านั้น
และหัวใจของข้าพเจ้าที่ควรจะเจ็บปวดรวดร้าวนั้น กลับว่างและสงบนิ่งเฉยดุจตัดจากกิเลสมารทั้งหลายได้ าวกับไม่มีใจ
แต่ที่จริงนั้นย่อมมีอยู่ เพียงแต่ละเอียดมากจนใจละลายไปในความว่างเหล่านี้…ไม่รู้สึกว่ามีใจอีกต่อไป และทำให้มีความสุข
เหตุที่ว่ามีใจอยู่นั้นก็เพราะเมื่อพบกับคนรักก็ยังมีความรักอยู่เช่นเดิมแต่ถ้าอยู่เฉยๆจะว่างดีจริงๆ…
และสามารถทำการงานได้ตามปกติแถมยังมีความหวัง ความฝันขึ้นมาใหม่ ที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง
โดยไม่มีนิวรณ์ต่อความรักความหลังใดๆอีกต่อไป…..แต่ถึงอย่างไรข้าพเจ้าก็ปรารถนานิพพานอยู่ดี เพื่อพ้นทุกข์ทั้งหลาย
เพราะเป็นยอดแห่งความสุขที่แท้จริงกว่าดินแดนแห่งอรูปพรหมเหล่านี้…

 


อัตตา

 

     เป็นดินแดนลึกลับที่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะบอกว่าเป็นอย่างไร เพราะราวกับเป็นโลกส่วนตนของแต่ละบุคคล
เหมือนการพิจารณาตนเองหรือดินแดนแห่งรักนิรันดร์…เป็นการเข้าถึงจักรวาลจากการเข้าถึงตัวเองเป็นความ
มหัศจรรย์ซึ่งเราสร้างขึ้นตามจิตกำหนดให้เป็นไปเป็นจักรวาลของเราเองที่สัมพันธ์กับความรู้แนววิทยาศาสตร์สมัยใหม่
ที่ข้าพเจ้าศึกษาอยู่……เป็นดินแดนที่อะไรเกิดขึ้นได้ทั้งนั้นจะงดงามมากมายเพียงใดก็มีสิทธิทั้งนั้นข้าพเจ้าเคยได้รับ
โอกาสให้กำหนดจักรวาลขึ้นมาร่วมกับคู่ครองซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากเพราะเราจะมีเมตตาสูงและปกป้องคุ้มครองพวกเขา
ทุกอย่างแต่ก็ต้องมีกฏเกณฑ์ไปๆมาๆก็ย่อลงเหลือแค่เราฝึกการเป็นพ่อแม่ซึ่งคือพระเจ้าของลูกๆหรือเป็นพระอรหันต์อะไร
ก็ตามแต่แต่ดินแดนนี้คือดินแดนสุดยอดในการฝึกฝนต้องละเอียดรอบคอบและมีจิตผ่องใสยิ่งจึงจะทำให้สิ่งที่กำหนดขึ้นนั้น
สมบูรณ์แบบจริงๆไม่ต้องมีข้อบกพร่องที่หวนกลับมาเกิดปัญหาอีกมากมายตามมา…..แสดงถึงความมีวิสัยทัศน์และปรีชาญาณ
อันลึกซึ้ง แต่มีความมหัศจรรย์ตรงที่เป็นไปดังคิดด้วยความรู้สึกสูงส่งอันไม่อาจจะลืมได้เลย….เป็นจุดสุดยอดจริงๆ.

ข้าพเจ้าเคยสร้างจักรวาลไว้โดยตกลงร่วมกันกับคู่ครอง..ที่มาอยู่กับข้าพเจ้าตลอดเวลาอันมหัศจรรย์โดยมาด้วยจิตวิญญาณ
และสื่อสารกันโดยใช้โทรจิต เขาจะเป็นผู้ทำให้ ส่วนข้าพเจ้าเป็นผู้ตั้งความปรารถนา เรารักกันมากในช่วงเวลานั้น เป็นรักแท้
และเรื่องของจักรวาลหรือดินแดนที่อนุญาตให้สร้างต้องดีงามเท่านั้นแล้วแต่เราจะจินตนาการได้เพียงใด และมีการมอง
หรือวิสัยทัศน์ที่ดีมากน้อยแค่ไหน แต่ที่เรียกว่ายอดเยี่ยมที่สุด เพราะสภาวะนี้ คือสภาวะที่ดีที่สุดของเรา และงดงามที่สุด
สิ่งที่เกิดจากตรงนี้จึงเลอเลิศที่สุด

 

 


สวรรค์ซุ้มองุ่น

ดินแดนแห่งอื่นๆที่เป็นสวรรค์ของฝรั่ง ข้าพเจ้าเคยเห็นแต่ซุ้มองุ่นสีเขียว และมีชิงช้าอยู่ใต้ซุ้ม
สวยงามสะอาดตา องุ่นมากมายราวกับหยกเนื้อดี เป็นบุญเก่ากระมัง คล้ายสถานที่ท่องเที่ยว
มีคนเดินไปเดินมารอบๆ และเป็นคนที่เหมือนกับที่เราเห็นทั่วๆไป แต่งกายสมัยปัจจุบัน
แต่มีผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนมากที่สุด 

 ข้าพเจ้าได้ไปนั่งอยู่ใต้ซุ้มนั้นเพียงคนเดียว เย็นสบายและสวยงาม นั่งชิงช้าด้วย
รู้สึกสดชื่นอิ่มเอิบใจและนึกถึงไดโอนีซุส(เทพแห่งการทำเหล้าองุ่น)
เมื่อตื่นขึ้นมา(ข้าพเจ้าไปในฝัน)

 

 


 พนา

 

  นอกจากนี้เป็นบรรยากาศที่ข้าพเจ้าเคยเจออยู่ที่บ้านดุง เช่นเทพพนากับป่าไม้ หรือ แพน ผู้พิทักษ์สัตว์ต่างๆ
ข้าพเจ้านึกออกถ้าได้ยินเพลงเสียงฟลุทหรือ แพนฟลุท……..โดยเฉพาะเพลง…ANNIE’S SONG ที่บรรเลง
ด้วยการเดี่ยวฟลุท …ยามบ่ายคล้อย…

 เป็นดินแดนแห่งทุ่งราบกว้างใหญ่ ..มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่คุ้นเคยกับเรา…..คล้ายกับทุ่งเลี้ยงสัตว์ที่มีสีเขียวขจีกว้างขวาง…..
แต่ที่แห่งนั้นจะเป็นที่ประทับเพียงลำพังของท่าน เป็นที่ส่วนพระองค์….จะรู้จักถึงบรรยากาศที่แท้จริง เมื่อได้ยินท่านเป่าฟลุท
จะรู้สึกเหงาๆและเศร้าๆอย่างสูงส่งชนิดหนึ่งราวกับมีความเดียวดายลึกๆในเสียงเพลงเหล่านั้นหรือนี่จะเป็นความทุกข์ของเทพเจ้า
ก็เป็นได้…แต่ท่านมีความเมตตาปรานีต่อสรรพสัตว์เป็นอย่างมาก บรรดาเหล่าสัตว์เลี้ยงเช่น แกะ จะชอบฟังเสียงดนตรี...

   ในมหากาพย์อีเลียดที่ข้าพเจ้าเคยอ่านมา…แพนจะเป่าขลุ่ยไพเราะมากและเป็นผู้เลี้ยงสัตว์….ข้าพเจ้าจึงเรียกสถานที่ที่ข้าพเจ้า
สัมผัสได้นี้ว่าเป็นถิ่นของแพน…ถ้าท่านได้ยินเสียงอันไพเราะของฟลุทแล้วท่านจะรู้สึกถึงความงดงามและสงบสุขที่สุด….ณ ที่นี้…
(ข้าพเจ้าสัมผัสได้ด้วยจิต เวลามีสมาธิในบางเวลา ข้าพเจ้าพยายามหาทางตั้งจิตให้มาที่นี่เสมอเวลามีความทุกข์)

 


รุ่งอรุณ

 

รุ่งอรุณ มีอากาศหนาวเล็กน้อย แต่ทุกสิ่งงดงามสว่างไสวกระจ่างตาโดยไม่ร้อน ข้าพเจ้ารู้สึกปิติมากเมื่อฟังเพลง
MORNING HAS BROKEN ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆนอกจากธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่สุด เหมือนโลกและจักรวาล
เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ อากาศสดชื่นมากเหมือนยามเช้าอากาศดีมาก …..ข้าพเจ้ารู้สึกละลายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
และอยู่เหนือพื้นโลกใน-อากาศบนฟ้าเสมือนไม่มีรูปกายข้าพเจ้าลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแห่งหนึ่งมีริมหาดทรายขาวสะอาด…
รู้สึกเสมือนเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล…..ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกถึงพระเจ้าหรือพลังจักรวาลอันแสนสุขเบาสบายด้วย…
เป็นความรู้สึกแปลกๆที่ตนเองไม่มีร่างกายและใหญ่โตครอบคลุมไปทั่วอย่างนั้น……

  ครั้งหนึ่งเป็นเวลาเช้าเช่นกัน ข้าพเจ้าใช้การเดินทางแบบเหาะเหินเดินอากาศ มีร่างกายโปร่งใส
ข้าพเจ้าอยู่เหนือถนนราชดำเนินที่มีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และถูกฝึกสอนให้บินโดยท่านอุบลรัตน์
ข้าพเจ้าพยายามไปให้ทันเล็คเชอร์ที่ศิริราช ความรู้สึกขณะแหวกว่ายอากาศนั้นประหลาดมาก..เบาและโปร่งใส
คนบนพื้นดินไม่เห็นตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอยู่กลางแสงแดดอ่อนๆ แต่บนฟ้านั้นเย็นสบายดี มีลมพัดเบาๆ สดชื่นมาก
ข้าพเจ้าอยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะเบื่อรถติดในชีวิตจริง..
(รุ่งอรุณนี้เห็นในความฝันเช่นกัน)

 


เอลีเซียน

  เอลีเซียน อยู่แถวบ้านดุง มีธรรมชาติที่งดงามของทุ่งหญ้า และมีสุนัขสวยๆเยอะแยะ
วิ่งกันร่าเริงไปมา…มีดอกไม้ในท้องทุ่งที่มีหญ้าเขียวขจี สุนัขขนสวยขาวบริสุทธิ์ มีท่าทีสง่างาม
ตาดำขลับประกายจากตัวสะอาดขาวผ่อง ข้าพเจ้าเห็น 2 ตัว เป็นแฟนกัน…

 เขากลัวข้าพเจ้าจะแยกเขาจากกัน แต่ข้าพเจ้าไม่ทำหรอก เขารู้เรื่องเหมือนมนุษย์ ขับรถได้ด้วยแต่เป็นรถเล็กๆ
น่ารักที่สุด..บรรยากาศสดชื่นกระจ่าง…และทำให้ข้าพเจ้ารักเอ็นดูพวกเขามาก…
ข้าพเจ้ายังจำหน้าตาน่ารักของหนุ่มสาวสุนัขทั้งสองได้……

  เอลีเซียนเป็นชื่อของทุ่งสวรรค์ ในมหากาพย์อีเลียดกล่าวว่าเป็นสถานที่อยู่ของวีรบุรุษที่เป็นมนุษย์เมื่อสิ้นชีวิตลง……
(ที่นี่ข้าพเจ้าเห็นในความฝัน)

 



รัตติกาล

 

  รัตติกาล เป็นยามราตรีที่ข้าพเจ้าชมดาวสวยๆในจักรวาล และเคยมีร่างใหญ่โตแต่โปร่งใส เต้นรำกับคู่ที่กลุ่มดาวทาง
ทิศตะวันตก ที่เป็นดาวเทพนิยายอันโดรเมดา ซึ่งเป็นกลุ่มดาวที่ผูกเรื่องราวนิทานไว้ ให้ตัวละครอยู่ใกล้กัน เป็นกลุ่มดาว
สวยงามมากกลุ่มหนึ่งรู้สึกมีความสุข……และอากาศโปร่งสบาย….สะอาดมาก…..ตอนแรกข้าพเจ้าเห็นเทพเจ้าฝรั่งมีกาย
โปร่งใสใหญ่โตรวมร่างจากกลุ่มดาวเทพนิยายนั้นมาเต้นรำคู่กัน…… สงสัยจะเป็นอันโดรเมดากับผู้ที่มาช่วย เปอร์ซีอุส
เห็นรูปร่างใหญ่โตที่ใสๆและมีแสงระยิบระยับของดวงดาวดูเวิ้งว้าง เห็นจากที่ไกลๆ มีดนตรีใสๆไพเราะอยู่ด้วย แล้วข้าพเจ้าก็ลอยเข้าไปสวมตรงนั้นรู้สึกใหญ่โตกว้างขวางราวกับอยู่ในจักรวาลที่มีอากาศเบาบางแสนบริสุทธิ์……..
(เรื่องนี้ได้รับรู้จากความฝันที่เห็นชัดเจนเหมือนจริงเลย)


 สายัณห์

  สายัณห์ เป็นสถานที่ลมเย็นพัดสบายๆอยู่สูง ข้าพเจ้าอยู่เพียงลำพังแบบผู้ใหญ่ที่ไม่มีความทุกข์ใดๆ
คิดแต่เรื่องงานและมองดูโลกมนุษย์อยู่เรื่อยๆ…มีความสุขเงียบๆ…
และมีความคิดกว้างไกล…
มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง……รู้สึกสงบนิ่งสมองแจ่มใส มีสติและความคิดสร้างสรรค์….ไม่เหงาเลย….
ข้าพเจ้าคิดโครงการต่างๆได้มากมายในที่นี้…..แจ่มใสดีมาก….
(เป็นบรรยากาศที่สัมผัสได้ด้วยใจเวลานั่งสมาธิแบบสงบๆ)


ดินแดนคาถา

 

  ดินแดนคาถา เป็นยามกลางคืน ที่ข้าพเจ้าอยู่บนพื้นดินแต่มองขึ้นไปสำรวจดวงดาว
เงียบสงัดสงบและมีบรรยากาศอันพิเศษของความรักอยู่ด้วย มีความคิดถึงและเกือบจะเหงา
แต่มีดวงดาวเป็นเพื่อนดวงดาวเหล่านั้นและความมืดที่มืดสนิททำให้มีความรู้สึกดื่มด่ำ……
เห็นแสงดาวงามมาก….เป็นประกายคล้ายแสงเพชร ตัดกับท้องฟ้าที่มืดสนิทและเวิ้งว้าง
อากาศค่อนข้างเย็น ลมยามดึกพัดมากระทบจนสดชื่นมาก….มีมนตร์คาถาอันตรึงใจ…………


รอคอย

  มีบรรยากาศระดับจักรวาลบนยอดเขาสูงดังที่ข้าพเจ้าเคยบอกไว้
และการรอคอยผู้เป็นที่รักแสนนานแต่ไม่ทุกข์มีแต่การรอคอยที่สะอาดสว่างสงบ
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไร แต่มีลมหนาวพัดเย็นสบาย
เป็นที่ๆข้าพเจ้ารู้สึกได้ในโลกมนุษย์ในบางครั้งที่ข้าพเจ้าอยู่เพียงลำพัง…….
เหมือนฟังเพลงของเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์และเครื่องดนตรีสวรรค์ชั้นต้น ชื่อเพลง IF YOU LOVE ME
ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะคล้ายสวิสเซอร์แลนด์…
(ส่วนนี้เป็นความรู้สึกและเห็นในมโนภาพบางเวลา บรรยากาศดีไม่เคยพบหรือรู้มาก่อนเลย)

 


ดินแดนเอลฟ์์,แฟรีย์

 

ดินแดนเอลฟ์  เป็นดินแดนแห่งเทพยดาตัวเล็กๆมีปีกใสๆ ข้าพเจ้าเคยได้รับข่าวสารจากริว
ที่เป็นจิตวิญญาณของโลกเอลฟ์ที่นำข่าวจากราชินีมาบอกข้าพเจ้า เป็นดินแดนสากลที่มีเด็กน่ารัก
และมีความสุขตลอดเวลา เหมือนดินแดนในเทพนิยายคลาสสิค ริว เป็นเด็กที่น่ารักที่สุด...
เขามาพบข้าพเจ้าในดวงจิต…..ดินแดนแห่งเอลฟ์หรือ แฟรี่ย์มีนางฟ้าและเทพยดาเล็กๆ
ที่ร่าเริงมีความสุขมาก มีศิลปะที่แปลกตา และมีภูมิธรรมสูง พูดภาษาไทยไพเราะมาก
ที่เคยมาเยี่ยมพบข้าพเจ้าและวาดรูปให้ข้าพเจ้าดู แต่งตัวเหมือนลูกนกอ้วนๆ น่ารักมากๆ
มีพระองค์หญิงเป็นราชินีแห่งดินแดนเหล่านี้……..ที่ดินแดนนี้จะมีเด็กบางคนได้เข้าเป็นสมาชิก
เช่นหลานของข้าพเจ้า มีบางตนมีชื่อเหมือนข้าพเจ้า และริวบอกว่ามีผู้ที่รักแม่มาก(คือข้าพเจ้า)
เขาอธิษฐานขอเกิดมาเป็นลูกของข้าพเจ้าด้วย..ริวมาเตือนข้าพเจ้าและนำข่าวจากพระองค์หญิงราชินี
มาบอกแก่ข้าพเจ้า..ข้าพเจ้าซาบซึ้งมาก ... ข่าวนั้นคือ บอกชื่อคู่ครองในโลกมนุษย์แก่ข้าพเจ้า....
นางผู้ที่ติดต่อกับดินแดนนี้เป็นผู้หญิงที่งดงามและมีแววตาอ่อนโยนมาก...
งดงามจริงๆ…เป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในโลกมนุษย์..ข้าพเจ้าเห็นนางผ่านทางกระจกครั้งหนึ่ง……
นางมีคู่เป็นผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลกมนุษย์ โดยการจัดคู่จากบรรดาเทพเจ้า
โดยมีท่านผู้เป็นราชาและราชินีเป็นผู้นำ…..ท่านทั้งสองเชื่อมั่นในหญิงมนุษย์นางนั้น…
(ข้าพเจ้าได้สื่อสารกับริวจริงๆ คุยกันด้วยเสียงของริวผ่านปากข้าพเจ้า)

 


 

ดินแดนเทพนิยาย

  ดินแดนแห่งเทพนิยาย เป็นดินแดนที่ข้าพเจ้าเคยเข้าไปแต่ยังเด็กๆอยู่
เป็นความหลงใหลในเมืองตุ๊กตาที่ทุกสิ่งดูเล็กๆน้อยๆน่ารักน่าเอ็นดู
ข้าพเจ้าเห็นสิ่งของสวยงามที่เป็นตุ๊กตาต่างๆของข้าพเจ้า อาศัยอยู่ในดินแดนนี้อย่างสบายใจ
เป็นสถานที่ที่สวยสดงดงามเหมือนธรรมชาติที่แสนสวยและบรรดาเหล่าตุ๊กตาน้อยๆเหล่านี้ก็อาศัยอยู่ ณ ที่นั้น
มีผู้ดูแลที่เป็นสาวงามและคุณพ่อคุณแม่ อากาศร่มครึ้มแสนสบายใจ หอมหวนด้วยดอกไม้งามต่างๆ
เขาดำรงชีวิตอยู่ราวกับเป็นอมตะและรังสรรค์เทพนิยายเกี่ยวกับเจ้าหญิงแสนงามและเจ้าชายผู้หล่อเหลา
ให้เราได้ยินได้ฟังมาจวบจนในปัจจุบัน แตกต่างจากดินแดนเอลฟ์ที่ไม่มีเด็กๆ แต่มีเซเลอร์มูน
เด็กโข่งแสนน่ารักอยู่เป็นตัวแทนของเด็กๆทั้งหลายเพื่อชมดูการทำงานของเหล่าผู้ใหญ่ในดินแดนนี้…
(ข้าพเจ้าเห็นผ่านภาพถ่ายสวยงามของข้าพเจ้าที่ถ่ายแบบจัดภาพ)

 


โอลิมปัส

 

  โอลิมปัส เป็นสถานที่ของเทพเจ้าและสวยงามที่ข้าพเจ้าถือเป็นที่ประชุมสภาอาจารย์หรือสภาเทพ จึงไม่เคยขึ้นไปนัก
รู้แต่บรรยากาศ แต่ได้ข่าวว่ามีการสมาคมที่สนุกมากและที่สำคัญเพลงคลาสสิคอันรื่นรมย์เป็นสัญญลักขณ์ของที่แห่งนี้…
.รู้สึกเวิ้งว้างกว้างขวางและสบายใจมาก..มีความสุขจริงๆ….แต่ในจิตโอลิมปัส ข้าพเจ้าเคยเข้าไปร่วมในการประชุมสภาเทพ
ท่านคุยกันเรื่องมนุษย์ที่เป็นศิษย์ทั้งหลายและคอยช่วยเหลืออย่างมีเมตตามาก ข้าพเจ้าเคยเรียกหาอาจารย์ด้วยจากเบื้องล่าง
อาจารย์ตอบกลับมาเป็นอักษรในสมุดว่า อาจารย์รับทราบแล้วและให้กำลังใจมาด้วย
น่ามหัศจรรย์จริงๆที่ข้าพเจ้าติดต่อกับท่านเทพอาจารย์ได้ในความเป็นจริงด้วยวิธีการของการดลจิต
เพราะตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังเสียใจมากด้วยเรื่องเกี่ยวกับการทำงาน…..

  ข้าพเจ้าเคยยื่นฎีกาถวายในหลวงเรื่องน้องสาวน้องเขย แต่ผู้พิจารณาเป็นสภาขนาดใหญ่
มีอาจารย์และผู้ทรงคุณวุฒิผู้ใหญ่มากมาย พวกท่านสนใจฎีกาของข้าพเจ้ามาก….และถามหาผู้ถวายฎีกา
ข้าพเจ้าจึงเดินไปบอกว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ส่งขึ้นไป
ลักษณะเป็นสภาอาจารย์หรือเทวสภาสากล….
เรื่องที่ข้าพเจ้าต้องส่งฎีกาเพราะน้องเขยของข้าพเจ้าถูกทำร้ายโดยผู้มีอำนาจสูง เราสู้ไม่ได้
ข้าพเจ้าจึงร้องเรียนเพื่อขอความยุติธรรม…ลักษณะเทวสภาทำให้ข้าพเจ้าแน่ใจในความดีความชั่วและผลแห่งกรรมว่า
มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนรับรู้อยู่จริงๆ……ถ้าเรามีบุญบารมีและเป็นฝ่ายถูกก็ไม่ต้องกลัวอธรรมใดๆนัก…
(เรื่องโอลิมปัสนี้เห็นในความฝันค่ะ)

 


มนุษย์ภพกาลต่างๆ

 

1.มนุษย์โลกธรรมดา

-มนุษย์ในโลกปกติมีหลากหลายรูปร่างหน้าตาและหลากหลายเผ่าพันธุ์ตั้งแต่ผมหยิก ผิวดำ เช่นชาวอะบอริจิ้น,ผิวเหลือง
 จมูกแบน ตาเล็กแบบชาว-เอเชีย จนถึง ตัวใหญ่ ผิวขาว ผมสีทองของฝรั่ง…..มักมีการประกวดสาวงามของชาติต่างๆในโลกนี้
และคนที่สวยที่สุดจะได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล เพราะมนุษย์คิดว่ามีคนอยู่เฉพาะในโลกใบนี้
เวลาประกวดสาวงามในโลกมนุษย์นั้นจะดูละลานตาสวยงามมากๆทั้งสิ้นรวมทั้งสติปัญญาก็ฉลาดเฉลียว…..
ส่วนมนุษย์ผู้ชายก็จะหล่อเหลาแบบต่างๆและมักมีอาชีพเป็นดารานักแสดงที่มีรายได้ดี…
แต่ที่แตกต่างจากภพกาลอื่นๆคือไม่มีอิทธิฤทธิ์หรือเวทมนตร์วิเศษต่างๆนอกเหนือจากปกติ…..
รวมถึงไม่มีพลังจิตที่ใช้งานได้อย่างชัดเจนคนในโลกมีรูปร่างหน้าตาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยที่ไม่สวยงามสมบูรณ์แบบเป็นส่วนมาก
มีข้อตำหนิอยู่ทุกคน แต่คนที่อัปลักษณ์จริงๆมักเป็นผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือพิกลพิการด้วยเหตุต่างๆ
ซึ่งเป็นผู้ที่น่าสงสารมาก…..การวิวัฒนาการด้านรูปร่างหน้าตาของมนุษย์เกิดต่อเนื่องมาแต่โบราณแล้ว จึงมีคนเป็นยุคๆ
หรือเป็นแต่ละสมัยซึ่งรวมไว้ทั้งรูปร่างหน้าตาความนิยมเรื่องความสวยงามตลอดจนจารีตประเพณีที่แตกต่างกันออกไป
.และมีเอกลักษณ์ส่วนบุคคลที่ทำให้แต่ละคนไม่เหมือนกัน…จึงมีหลายบุคลิกภาพในโลกนี้..
และปกติมนุษย์จะมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นนิสัย….ข้าพเจ้าได้สังเกตด้วยตนเองในยุคสมัยนี้ในโลกมนุษย์..คน….
จะมีลักษณะที่แตกต่างกันคร่าวๆดังนี้…..

มนุษย์ปัญญา

ผู้หญิงจะสูงโปร่งขาว มีความคล่องแคล่วและร่าเริงมีเสน่ห์ รูปร่างดี หน้าตาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
แต่งตัวเก่งและมักไม่สนใจจารีตประเพณีนัก รักอิสระ มีสติปัญญาและชอบความเริงรมย์ต่างๆหรือเป็น
ผู้หญิงทำงานสูงผิวคล้ำ
มีชีวิตบางด้านที่เป็นทุกข์โดยเฉพาะเรื่องเพศ…
ส่วนผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านและสำรวยผิวขาวหรือสองสีเช่นกัน ชอบงานด้านการติดต่อและบริหารธุรกิจ
มักมีฐานะดีและอยู่ในกลุ่มของตนเอง ,จะเปรี้ยว

มนุษย์โสดาบัน

ผู้หญิงรูปร่างโปร่งไม่สูงผิวขาวหรือสองสี ชอบความสงบสุขและมีอารมณ์เย็น ชอบธรรมะและมักสงบเสงี่ยมแต่ทำงานเก่งขยันดี…เป็นแม่บ้านแม่เรือน...เรียบร้อยดี…
ผู้ชายก็เช่นกัน…มักทำงานได้ดีเป็นที่ยกย่อง เช่น ทำงานในธนาคารเป็นต้น……เวลาสูงอายุอาจท้วมอ้วนขึ้น…..

มนุษย์อรหันต์

ผู้หญิงรูปร่างไม่สูง ผิวคล้ำคมขำผู้ชายก็เช่นกัน มีนิสัยชอบใฝ่หาความสำเร็จ และทนต่อความทุกข์ได้ดี
มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย…..

2.มนุษย์ระหว่างกาล

  หน้าตามักจะดูเฉยๆ ติดจะเครียดอยู่บ้าง และอาจดูซอมซ่อทั้งที่ไม่ยากจน เหมือนมีปัญหาการปรับตัวและ
มนุษยสัมพันธ์ มีหน้าที่ส่งข่าวสารจากแดนต่างๆโดยอาศัยโลกมนุษย์เป็นทางผ่าน 
ต้องฝ่าฟันกับการเจ็บป่วยทางจิตใจ
ซึ่งบาง-อย่างมีผลต่อกายด้วย มีความมานะพยายามสูง
 กล้าหาญ มักไม่สุงสิงกับใคร โดดเดี่ยว ผู้หญิงผมสั้นและท่าทางคล่องแคล่ว ผู้ชายก็เช่นกัน…
มักจะทำสิ่งต่างๆอย่างว่องไวราวกับมีเวลาจำกัด
ที่เห็นมาผิวสองสี ค่อนข้างผอม หน้าตาคมคายแต่แววตานิ่งลึก……

3.มนุษย์พิภพ

ในผู้ชายมีความแข็งแรงทำงานหนักได้ดีมาก มักมีอาชีพที่ใช้แรงงาน รูปร่างสูงผิวสีทองแดง
สูงอายุจะมีรอยจีบย่นบนใบหน้าที่มีลักษณะคล้ายหุ่นขี้ผึ้ง ท่าทางเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนดี บุคลิกสง่างาม
 รูปงามแบบสุภาพ เป็นผู้ใหญ่…ทำงานตามระเบียบวินัยได้ดี ……

ผู้หญิงสูงรูปร่างอวบอิ่มเหมือนนางงามผิวสองสี หน้าตาสวยงามคมเข้ม คิ้วดกหนา และไม่พูดมาก
มักมีลักษณะอันสงบนิ่ง…ใจเย็น…สายตาคมไวและทำอาหารเก่ง…

4.มนุษย์อตีตา

เป็นชาวบ้านที่ยังคงแต่งกายค่อนข้างโบราณ ………..

ผู้หญิงรูปร่างอวบท้วมผิวขาวหรือสองสี สวมผ้านุ่งผ้าถุงที่ถักทอเป็นลวดลายสวยงาม หน้าตาผุดผ่องและ
ซื่อใสบริสุทธิ์ ผมดำเป็นมันขลับ และมีรอยยิ้มน่ารักมาก ….
ผู้ชายรูปร่างหน้าตาดี เป็นชายชาตรี และขรึมเป็นผู้ใหญ่กว่า จะรักเอ็นดูผู้หญิงมาก…

5.มนุษย์ลับแล

เป็นคนโบราณที่มาใช้ชีวิตในโลกปัจจุบัน ผู้สูง-อายุทั้งหญิงและชายมักผิวค่อนข้างคล้ำ ตัวท้วมๆร่างใหญ่ใจดี
มีเวทมนตร์คาถา…ใจเย็น..ชอบไปวัด..
มีความรู้เรื่องพิธีกรรมเครื่องลางของขลังและมงคลต่างๆเหมือนชาวโบราณ
มีการ-สมาคมกันมากรู้จักกันทั่วถึง..บ้านเรือนสะอาดสะอ้าน….มีภูมิธรรมสูงกว่ามนุษย์โลก
ส่วนผู้หญิงสาวลับแลกสวยงามมาก มีผิวขาวสะอาดสะอ้านหรือผิวสองสี หน้าตางามแจ่มใส 
ผมมักยาวเป็นมันขลับและรูปร่างโปร่ง มารยาทเรียบร้อยสงบเสงี่ยม ชอบนั่งพื้น….การเคลื่อนไหวละมุนละไมดี……
ผู้ชายก็รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสะอาดดีผิวสองสี มักมีความเป็นอยู่แบบพรานและใช้ลูกศรกันอยู่
…จะนุ่งโจงกระเบนกันทั้งสองเพศ…มีฤทธิ์ในการบังตาและเนรมิตสิ่งของได้…
มีเพชรพลอยมากมาย……แม้แต่บนถนนก็เป็นพลอยหลากสี…..

6.นางไม้ ,รุกขเทวา

มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากมนุษย์ธรรมดาที่รัศมีแห่งกาย มีผิวขาวนวลละเอียดอ่อนมีแสงเรืองๆออกมา หน้าตาอ่อนโยน
จิตใจดีงามบริสุทธิ์ ไม่พูดมาก ทีท่าเป็นผู้ใหญ่ ชอบสอนมนุษย์และรักการปฏิบัติธรรมะและพบปะสนทนากับพระที่ปฏิบัติดีงาม
คอยช่วยเหลือพระธุดงค์และคนดีต่างๆที่ในป่า….และชอบฟังธรรมมาก..
รู้จักศีลธรรมดีมาก มีฤทธิ์ของเทพในการเนรมิตสิ่งต่างๆได้หรือบังตาล่องหนได้
รวมถึงนางตานีหรือนางตะเคียนเหล่านี้ก็มีความงดงามกว่ามนุษย์ธรรมดา…
รวมถึงรุกขเทวาด้วยที่มีหน้าตางดงามดีและใจดีแต่เคร่งครัด
อาจแต่งตัวคล้ายชาวบ้านธรรมดาแต่กิริยานุ่มนวลผิดกัน.
สามารถเนรมิตกายได้ด้วยให้คล้ายกับคนที่เรารู้จักก็ได้เช่นกัน…..

7.มนุษย์นรก

ผู้ชายก็มีหน้าตาธรรมดา ไม่สะดุดตานัก แต่บุคลิกท่าทางมีอำนาจวาสนาบารมีสูง และเป็นใหญ่กว่าผู้หญิง
มักจะสนทนาด้วยสติปัญญาในสิ่งที่หนักๆ มีการใช้เหตุผลที่ดีมาก ชอบพูดเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ
ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต บางคนมีโรคประจำตัว แต่ก็ไม่เดือดร้อนกับกายสังขารนักรูปร่างมีได้ทุกแบบ
มักมีหน้าที่การงานที่เป็นที่ยอมรับ ฉลาดเฉลียว วาทศิลป์เฉียบคม ผู้หญิงยิ้มสวยหวานมาก ผิวคล้ำ ผมยาว
เบียงข้างและชอบลูบผมเล่น การเคลื่อนไหวช้าๆนุ่มนวล มีความเป็นมิตรดี และมักจะน้อยใจพวกผู้ชายแต่
ก็เคารพรักผู้ชายมาก…..

พวกที่ต้องทนทุกข์ในนรกมักมีร่างกายเล็กแคระแกรน ผิวคล้ำจัดหน้าแหลมๆและมีแต่ความทุกข์ไม่สดชื่นเลย มักอยู่ในสถานรักษาพยาบาลต่างๆเพื่อรักษาตัว…การตกนรกคือเป็นคนไข้….หรือไม่ก็ถูกขังอยู่ในคุก

8.ราตรี

รูปร่างสูงโปร่งเป็นส่วนใหญ่ผิวพรรณแตกต่างกันไป เหมือนนักศึกษาที่เชี่ยวชาญด้านการเมืองการปกครอง
และศาสตร์แขนงต่างๆ ใฝ่หาในความรู้จนถึงเรื่องของจักรวาล หน้าตาดี ฉลาดเฉลียวกระตือรือร้นทั้งหญิงและชาย
มักจะจับกลุ่มปรึกษาหารือกันเสมอๆ มีสติปัญญาสูงมากและใฝ่ใจในธรรมะเช่นกัน
ดวงตาเป็นประกายสุกใสแก่กล้าเปล่งประกายปัญญาเป็นพิเศษ…มักดูเป็นผู้ใหญ่กว่านักศึกษามนุษย์โลกเรา….
.เขาชอบเรื่องสืบสวนกันมาก…..

9.สายัณห์

เทพเจ้าชายงดงามมากและดูทรงอำนาจ ผิวงาม กระจ่างตา มีความเป็นบุรุษเพศแท้ๆที่อ่อนโยนมาก มีรัศมี-เรืองรอง
อาจแต่งกายเรียบง่ายจนถึงอลังการขึ้นกับสภาวะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นเทวีจะทรงชุดขาวประกายคล้ายเพชรท่าทีมีบารมีสูง
และอ่อนโยนเช่นกัน รัศมีเป็นประกาย ดวงหน้างดงามสงบใจเย็น ใจดีมาก มักประดับร่างกายด้วยดอกไม้
แต่ถ้าเข้าไปในเทวศาลาจะทรงชุดอลังการตระการตาเช่นกันกับเทพบุตร…

10.บาดาลนาค

มนุษย์นาคผู้ชายผิวขาวสะอาดละเอียดผุดผ่องรูปร่างสูงใหญ่สมส่วน ดวงตาอ่อนหวานบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
มีน้ำตาหล่อรื้นอยู่นิดๆเป็นประกายหวาน 
ผู้หญิงมีผิวพรรณเช่นกัน และมีความเยือกเย็น ตาเป็นประกายกล้าสติปัญญาสูง
มีชีวิตชีวาและเฉลียวฉลาด……เขาอาศัยอยู่ใต้น้ำหรือใต้บาดาลที่หิมพานต์….

11.มนุษย์สนธยา

หน้าตารูปร่างเหมือนมนุษย์โลก แต่บุคลิกภาพดูเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษามาเป็นอย่างดและภูมิธรรมสูงทั้งสิ้น
สะอาดสะอ้าน แต่งกายเรียบร้อย มักเงียบๆและดูเฉยๆ ไม่รบกวนกัน มีวัฒนธรรม..
เป็นโอปปาติกะ..ที่มีกำลังในการเดินทางไปในระหว่างภพและท่องเที่ยวในแดนสนธยาพร้อมกับปฏิบัติธรรมะ
หรือไปธรรมจาริกกันมีบารมีทุกคน…ฝรั่งเรียกว่า …
ANGEL

12.มนุษย์หิมพานต์และเทพ

น่าแปลกที่เป็นมนุษย์ที่มีสัญชาติญาณของสัตว์หิมพานต์ซึ่งเปี่ยมด้วยอำนาจบารมีชั้นสูงกว่ามนุษย์
ที่เป็นเทพธิดาผู้ดูแลมีความงดงามยิ่ง มีสง่าและอ่อนหวาน ดวงหน้าขาวกระจ่างหวานมาก
ดวงตาคมซึ้งและมองทะลุถึงจิตใจ มุมพระโอษฐ์ยกขึ้นเป็นรอยพริ้มละไม
มีรัศมีสีขาวนวลส่องจากกายเรืองๆผิวพรรณงดงามยิ่งแต่งกายแบบเทวีเป็นชุดขาวและประดับเครื่องทรงไม่มากนัก…
เทวะน่าจะงดงามเรืองอำนาจเช่นกัน…..(ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเทวะที่นี่)

ผู้ที่อาศัยในดินแดนนั้นและเป็นบริวารของท่านนั้น แต่งกายคล้ายชาวบ้านโบราณ ผู้ชายไม่สวมเสื้อทั้งสองเพศนุ่งโจงกระเบน
หญิงห่มสไบ ผมสั้นประดับดอกไม้ และมักมีพิธีบูชาด้วยดอกไม้และมีสิ่งที่เป็นธรรมชาติของป่าใหญ่แฝงในบุคลิกเหล่านั้น
มีแต่คนดีและมีระเบียบดี ไม่มีความดุร้ายกิเลสมารเหมือนในโลกมนุษย์…..มีพวกฤาษี กินรี กินร และคนธรรพ์
วิทยาธรอยู่มากมายในป่าแห่งนี้………พร้อมทั้งมัคคลีผล…..และหงส์
ข้าพเจ้าสังเกตที่รูปร่างดวงตาของเขาพอจะบอกได้ว่า…เป็นสัญชาติใด…..

13.สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิก

มีเทพเจ้าที่เป็นอาจารย์สูงอายุบุคลิกคล้ายผู้ใหญ่ยศสูงๆหรืออาจารย์แพทย์ที่ข้าพเจ้ารู้จัก ผิวละเอียดผ่องใสมาก
หน้าตาอิ่มเอิบไม่มีรอยย่นดูเป็นผู้ทรงความรู้และคุณธรรม
เทพธิดาสวยงามและเนรมิตกายอย่างไรก็ได
มักสวยงามเกินมนุษย์สมสัดส่วนเหมือนปั้นขึ้นมาอย่างดีผมยาวหรือสั้นก็เหมาะรับรูปทรงของใบหน้ามีบุคลิกภาพอันมั่นคง
น่าไว้วางใจและมีสง่าราศีแม้จะดูอายุน้อย แต่งกายงดงามแบบต่างๆมีรัศมีเทพกระจ่างตา
ส่วนเทพบุตรนั้นหล่อเหลาสะอาดสะอ้านรัศมีกระจ่างตาผิดมนุษย์ ทั้งหญิงและชายมีอารมณ์ดีและมีอารมณ์ขัน 
ใจดีใจงามมาก ปฏิบัติธรรมได้เชี่ยวชาญรู้เรื่องศาสนาอย่างดีเยี่ยมและพูดด้วยภาษาเทพซึ่งไพเราะที่สุด……
คอยดูแลมนุษย์เป็นหน้าที่และเสวยความสุขในฌาณ………..

14.พรหม

พระพรหมมักรูปร่างงาม และจะประณีตงดงามสะอาดตา การเคลื่อนไหวนุ่มนวลช้าๆ จิตใจอ่อนโยน
พูดด้วยเสียงนุ่มนวลไพเราะอย่างยิ่ง เป็นผู้ใหญ่มีเมตตาสูงทั้งหญิงและชาย ดวงหน้าละมุนละไมประกอบด้วยพรหมวิหาร 4
มีความกระจ่างจากภายใน เครื่องแต่งกายอลังการยิ่งนัก แต่ตามปกติจะสมถะ มักยิ้มน้อยๆ ไม่พูดมาก
แต่มีคำสอนและคำพูดที่ฟังไพเราะจับใจและให้คุณ
ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความรักอย่างมาก….เสียงมักจะเล็กคล้ายเสียงเด็ก….มีกังวานใสไพเราะเพราะพริ้งมาก….

15.มนุษย์บาดาล 

เป็นมนุษย์ผู้มีรูปร่างดีมาก สูงขาวอวบอัดและมีความงามแบบเพศรส ส่วนผู้ชายมีรูปร่างสมส่วนกำยำล่ำสัน
 มีหนวดเคราคมเข้ม บางครั้งก็ดูน่ากลัว เขาจะมีความเชี่ยวชาญด้านเพศรสแต่ก็มีศีลธรรมสูง
ส่วนใหญ่จะได้ฌาณทางโลกียะพวกนี้มาในโลกมนุษย์และมาถ่ายภาพนู้ด ตลอดจนรับบทบาท
ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศรสสำหรับพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและต้องการเสพรสธรรมะ
ที่แท้จริงมากกว่าที่จะมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เป็นวิถีที่เขาเลือกทำเพื่อก่อกรรมหรือเพื่อเป็นการสละเพื่อให้
มนุษย์อื่นๆเห็นเป็นตัวอย่าง เขามักมีข่าวอื้อฉาวแต่หลังจากสิ้นชีวิตในโลกจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงส่งเช่นสวรรค์ชั้นต่างๆ
มีความร่ำรวยมากหลังจากนั้น….ในภพบาดาลจริงๆมีความงามลึกลับและสูงส่งเช่นกันในมนุษย์ผู้ที่สามารถปฏิบัติธรรมะ
ขั้นสูงและละวางทางเพศได้……เสน่หาทางเพศที่มีมากมายในมนุษย์พวกนี้ ทำให้เกิดความวุ่นวายในโลกมนุษย์บ่อยมาก…
สถานที่ต่างๆในเมืองบาดาลล้วนงดงามอย่างยิ่งและมีความเข้าถึงสุนทรียะในส่วนลึกของวิญญาณที่ไม่อาจอธิบาย

 

   


 

ประสบการณ์ทางจิต

   

  ข้าพเจ้าเริ่มเดินทางไปในความฝันหรือเข้าสมาธิแล้วได้ไปในที่ต่างๆที่น่ามหัศจรรย์เมื่อข้าพเจ้าอายุได้ 33 ปี
แต่ก่อนหน้านั้นข้าพเจ้าเคยพบเหตุการณ์ต่างๆในฝันหรือในห้วงภวังค์มาตั้งแต่เล็กๆ เมื่ออายุ 6-7 ปี ข้าพเจ้าเคลิ้ม
ด้วยพิษไข้ มีคุณแม่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ข้าพเจ้าเห็นบรรดาคนแคระเดินผ่านที่-นอนไป จึงเพ้อออกมาว่า คนแคระ คนแคระ
คุณแม่หัวเราะขำข้าพเจ้าเพราะคิดว่าข้าพเจ้านึกถึงวิมานคนแคระที่เคยดูอันที่จริงข้าพเจ้าเห็นจริงๆ..แต่คงเป็นท่านเทวะ
เนรมิตให้เด็กๆเห็น ไม่ใช่คนแคระจริงๆ  นอกจากนั้นก็เป็น เทพสังหรณ์ ที่มาบอกให้เมื่อโตขึ้น คืออยู่ในฝันในบางครั้ง

  ข้าพเจ้าไม่ฝันบ่อยนักแต่ถ้าจำได้ก็เพราะเหมือนจริงจนประทับใจเอาไว้….ที่เป็นผีอำจะบ่อยที่สุด ทุกคนคงเคยเป็นแบบนี้
ข้าพเจ้าจะดิ้นรนสุดชีวิตต่อมาเมื่อโตขึ้นก็มีดวงจิตคู่ครองส่งคาถามาให้ท่องอะๆอิๆอะไรพวกนี้ข้าพเจ้าท่องตามก็นอนหลับ
ไปด้วยดีไม่น่าเชื่อเลยเดี๋ยวนี้จำคาถาไม่ได้แต่ผีก็เลิกมากวนข้าพเจ้าแล้ว…ข้าพเจ้าได้ผ่านการฝึกสมาธิแบบธรรมชาติอย่าง
หนักหน่วง จนเหตุการณ์ที่ปรากฏในสมาธิครั้งต่างๆมีมากมายหลากหลายประเภท…

  ข้าพเจ้าจึงรวบรวมทั้งที่เห็นในสมาธิและในความฝันที่เหมือนความจริงคล้ายไปด้วยจิตเอาไว้ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องของ
วาสนาบารมีและการที่ได้ปฏิบัติธรรมะมาอย่างต่อเนื่องยาวนานพอสมควร…จะไม่ใช่ความฝันจากจิตใต้สำนึกอย่างที่รู้ๆกันเพราะ
ความฝันประเภทนั้นมักขาดๆวิ่นๆไม่ต่อเนื่องและข้าพเจ้ามักลืมไปหมดเมื่อตื่นขึ้นมา…จึงหวังว่าจะมีผู้ที่สนใจอยากอ่านเรื่อง-
ราวเหล่านี้ โดยขึ้นอยู่กับวินิจฉัยของแต่ละบุคคล

 

  ความมหัศจรรย์ที่เข้าขั้นมากเกินกว่าจะถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งเป็นเรื่องเหนือความรู้เก่าๆนั้น มีมากทีเดียว
และเป็นการเกิดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้ข้าพเจ้าไม่ถึงขั้นช็อคหรือเป็นโรคจิต เพราะยังมีสติดีอยู่ตลอดเวลา
และสมองพยายามคิดค้นหาคำอธิบายอย่างหนักหน่วงและใช้ทุกวิธีที่คิดออก จนกระทั่งในหนังสือประเภทนิวเอจของตะวันตก
แต่ก็ยังคิดว่าพระไตรปิฎกนั้นเป็นหนังสือที่อธิบายได้ดีและคำพูดคำสอนต่างๆที่เคยกำกวมสำหรับข้าพเจ้ากลับกระจ่างชัดขึ้นมาก
อ่านทีไรก็ได้รู้ทีนั้นเหมือนกับได้พบสิ่งใหม่ๆทุกครั้งไปข้าพเจ้าหมายรวมถึงหนังสืออภิธรรมด้วยนอกจากนั้นก็หาอ่านจากประวัติ
การปฏิบัติธรรมของท่านเกจิอาจารย์ต่างๆทั้งที่เดิมไม่เคยสนใจนักคิดเพียงว่าสนุกดีและไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอด้วยตัวเอง…
รวมทั้งเรื่องเล่าของผู้ปฏิบัติหลายๆคนที่มีประสบการณ์เรื่องแบบนี้…


  ข้าพเจ้าคิดว่าการที่เราได้รับทราบถึงสิ่งที่เหนือกว่าความรู้เดิม ซึ่งทำให้ตนเองมีกำลังใจมากขึ้น รวมทั้งเข้าถึง สัจธรรมง่ายขึ้น
ปลงตกไวขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น ลดความเครียดก้าวร้าวลงไปได้นั้น เป็นคุณประโยชน์อย่างมหาศาลในชาติภพของมนุษย์ธรรมดานี้
เพราะข้าพเจ้ามีประสบการณ์ตรงมาแล้วจึงอยากจะเผยแพร่ให้ทราบกันโดยทั่วไปส่วนการแปลความของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
ก็สุดแต่จะว่ากันไปบางทีประสบการณ์ทางจิตของแต่ละคนอาจต่างกันไปตามแรงกรรมที่ทำไว้พร้อมทั้งวาสนาบารมีส่วนตัวที่เคย
ปฏิบัติกันไว้…ข้าพเจ้าก็คงบุญไม่มากมายนัก เพียงแต่ได้รับโอกาส จึงได้รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้โดยไม่คาดฝันมาก่อน...


มีเรื่องราวและการประสบด้วยตนเองในผัสสะต่างๆดังนี้


ด้านการพบด้วยจักษุประสาท

-เรื่องของมนุษย์ภพกาลต่างๆที่พบในโลกมนุษย์และในฝัน
-เรื่องเหตุการณ์ที่เห็นกับตาตนเอง ดังจะกล่าวต่อไป
-เรื่องของความเปลี่ยนแปลงที่น่าแปลกใจขอองสิ่งต่างๆที่ปรากฏให้เห็นเช่นการแปลงร่างหรือหน้าตา
-เรื่องการเห็นภาพที่มีความพิเศษด้วยตา เเช่นแสงสีต่างๆ ภาพสามมิติ
 

  สิ่งเหล่านี้อาจจะคล้ายคลึงกับภาวะประสาทหลอนทางตาที่พบในโรคจิต เพียงแต่ข้าพเจ้ามีสติดี
 แต่ก็ไม่ทราบว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมาจากภายในหรือการสั่งงานของสมองและการควบคุมจิตให้เห็น
โดยไม่มีความผิดปกติด้านนอก หรืออาจจะเกิดขึ้นจริงๆและรับทราบด้วยตา แต่ก็พอแยกได้คร่าวๆ
ขึ้นกับความเครียดทางกายและจิตด้วย มีส่วนมากทีเดียว……


ด้านการได้ยินด้วยโสตประสาท
-เสียงที่เป็นคลื่นได้ยินตอนเคลิ้มใกล้หลับคล้ายวิทยุหึ่งๆหวีดๆในหู
-เสียงเพลงจากมิติอื่น เป็นเพลงลูกทุ่งเย็นๆ ลอยอยู่ในอากาศเบื้องบน เพลงเบาๆเหมือนเสียงจากวิทยุแบตเตอรี่
-เสียงพูดคุยที่มาจากที่ใดก็ไม่ทราบ ไม่เห็นมีคนอยู่แถวนั้น
บางครั้งได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งเข้ามาจอดใต้ต้นไม้ข้างหน้าต่างห้องนอนตอนดึกๆ โผล่ออกไปดูก็ไม่เห็นอะไร
-เสียงร้องเพลงของตนที่เปลี่ยนเสียงได้แบบบนักพากย์อย่างเร็ว..ตามที่จิตสั่ง…
-การพูดคนเดียวแต่มีสองเสียงขึ้นไปในการสสนทนานั้น…ราวกับบุคลิกภาพแตกแยก หรือเข้าทรงได้
-เสียงคนสอนนักเรียนเกี่ยวกับข้าพเจ้าในมมิติอื่นที่ดังมาให้ได้ยินคล้ายเสียงพูดด้วยไมค์ ตามจิตข้าพเจ้าตลอด
-คนปกติแต่มีความสัมพันธ์ด้านการพูดจาเรืื่องราวที่ตอบคำถามของข้าพเจ้าได้คล้ายมีเทพดลบันดาลให้ตอบ
-เสียงนักพากย์ในโทรทัศน์หรือวิทยุที่สื่่อสารโต้ตอบและแก้ไขความเข้าใจของข้าพเจ้า
-เสียงร้องเพลงเล่นละครโบราณไพเราะเหมือนนภาษาเทพ อ่อนหวานมากที่ได้ยินกลางคืนบ่อยๆ
-เสียงพูดจากนภากาศ ซึ่งอยู่ในที่สูงเหนือพื้นที่ข้าพเจ้าอยู่ประมาณ1 ก.ม. มาจากที่ไกลๆ พูดคุยโต้ตอบได้
ข้าพเจ้ามารู้ภายหลังว่าเป็นเสียงเทพ แต่ก็เหมือนเสียงคนธรรมดานั่นเอง มีบางครั้งที่ไพเราะและโบราณ
-เสียงนกพูดเป็นเสียงคนอยู่บริเวณบ้านของงข้าพเจ้า(นกจริงๆ)…พูดซ้ำๆแบบนกๆว่า ไม่จริง ๆ ๆ  เป็นต้น
-เสียงสุนัขเห่าเป็นเสียงคนพูดฟังได้ชัดเเจน (สุนัขจริงๆ)…เช่น โกหกๆๆ...ได้ยินแล้วไม่ชอบใจเลยเลิกฟัง

  

  ซึ่งเรื่องโสตประสาทหรือการได้ยิน ข้าพเจ้าหมายถึงได้ยินด้วยการผ่านคลื่นอากาศที่สั่นสะเทือนมาเข้าหูโดยตรง
ไม่ใช่เสียงของจิตที่มีพิสดารกว่านี้…ข้าพเจ้าเคยบอกอาจารย์จิตเวชเรื่องนี้แต่เอาเรื่องการติดต่อทางจิตไปบอกท่าน
ท่านจึงว่าเป็นประสาทหลอนทางหู เพราะคนอื่นๆไม่เห็นได้ยินอย่างข้าพเจ้า (แต่อัดเทปไว้ได้เป็นคลื่นเสียงไม่ใช่เสียงพูด
ที่ชัดเจน )


ด้านการรับรู้ด้วยรสชาติ
-นมเปรี้ยวรสส้มที่ไม่ซ่า กลายเป็นนมที่มมีรสซ่าอร่อยมากเหมือนใส่แคลเซียมรีดอกซอลเม็ดฟู่ ทั้งที่ไม่มีผู้ใดไปยุ่งด้วยเลย ……
-รสชาติน้ำทิพย์ในฝันที่เข้าปากแล้วกลายเเป็นเยลลี่รสอร่อยมาก……จดจำรสชาติได้ดี....
-บางครั้งกินอาหารเผ็ดไม่ได้เลยรู้สึกเผ็็ดมากๆทั้งที่เคยกินเผ็ดมามากแล้ว แต่ประสาทสัมผัสจะอ่อนไหวขึ้น………
-รสชาติของอาหารและความเอร็ดอร่อยเปลี่ยนนแปลงไปในอาหารอย่างเดียวกันเวลาเดียวกัน เช่นจากรสจืดชืด 
กลายเป็นรสเค็มจัด บางทีลิ้นรับรสได้น้อยลงมาก แต่ไม่ใช่อาการเบื่ออาหาร…
-บางครั้งมีความเอร็ดอร่อยกับผักและผลไม้้ผิดปกติวิสัยอย่างมาก เพราะปกติไม่ชอบกินผักเลย……

  ในเรื่องการรับรสนี้ ข้าพเจ้าสังเกตอยู่นาน เพราะอยากลดความอ้วน บางทีมีประสาทสมองสั่งงานให้อิ่มหิวหรือ
รู้สึกอร่อยเมื่อหิวมาก แบบนี้ถือเป็นปกติ หรือการกินยาลดความอยากอาหารทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารและลิ้นชาๆ
เหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา….การขาดสารอาหารอาจจะทำให้หิวอาหารเฉพาะอย่างได้
แต่ไม่น่าสัมพันธ์กับบุคลิกภาพและอารมณ์ที่มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงชนิดของอาหาร
เช่นเมื่อมีลักษณะบุคลิกภาพแบบนี้อารมณ์นี้เท่านั้นจึงจะกินผักอร่อยเป็นต้น….


ด้านการรับกลิ่น
-ข้าพเจ้าได้กลิ่นแกงบางประเภททั้งที่ไม่่มีบ้านเรือนแถวนั้นเลยแต่เมื่อถามคนอื่นไม่มีใครได้กลิ่น
 เรื่องนี้เป็นมาตั้งแต่ชั้นประถม
-ข้าพเจ้าได้กลิ่นห้องICUทำให้ข้าพเจ้าคิิดถึงความหลัง ทั้งที่บริเวณนั้นไม่ใช่โรงพยาบาล
-ข้าพเจ้าได้กลิ่นน้ำอบไทย…โดยไม่มีที่มาาของกลิ่น…

 ในเรื่องกลิ่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจนัก ข้าพเจ้าไม่เห็นแปลกมากเท่าไหร่ เพราะ
ธรรมชาติของกลิ่นไม่มีตัวตนอยู่แล้ว แต่การได้กลิ่นที่ไม่น่าจะมีอยู่ ณ ที่นั้น เป็นปรากฏการณ์ที่เจอบ่อยๆ…………

ด้านการรับรู้ทางกายสัมผัสหรือร่างกาย
-มีความร้อนเหมือนมีไฟสุมภายในลึกๆและตามมด้วยเหงื่อออกเวลาข้าพเจ้าตื่นจากฝันหรือสมาธิ…
-มีความรักและความอบอุ่นเกิดขึ้นเมื่อข้าาพเจ้านอนกอดหมอนข้าง เหมือนกำลังกอด
คนรักอยู่…รู้สึกนุ่มๆอุ่นๆน่ารักมาก...
-มีการกระตุกตามร่างกายคล้ายถูกกระตุ้นด้้วยไฟฟ้า…บางครั้งสะดุ้งตื่นขึ้นมาเลย...
-ขาอ่อนแรงและชาหมดความรู้สึกโดยไม่ทราบสสาเหตุทำให้เหมือนคนเป็นอัมพาต
-มีตุ่มขึ้นเป็นตุ่มแดงๆเล็กๆคัน(เจ็บหมืือนมดกัดก่อน) แต่ไม่มีมดจริงๆให้เห็นเลย
เรื่องนี้จะว่าเป็นโรคภูมิแพ้ลมพิษก็แปลกใจอยู่ เพราะจริงๆจะไม่มีอาการเหมือนถูกกัดมาก่อนเช่นนี้
-รูปหน้าเปลี่ยนไปแต่ละวัน เครื่องหน้าจะะต่างกันออกไป เป็นยุคๆที่ข้าพเจ้าเคยมีอายุต่างๆกัน พิสูจน์จากรูปเก่าๆ
-ทรงผมของข้าพเจ้าถูกจัดทรงอย่างดีบ่อยๆ ทั้งที่ไม่ได้หวีผมมาก
-รูปร่างเปลี่ยนแปลงภายใน 5 นาทีเช่นจากหหน้าท้องเรียบๆก็ป่องออกเหมือนคนตั้งครรภ์แล้วยุบลง
-ร่างกายบางครั้งอวบอิ่มตึงแน่นหยุ่นๆแบบบคนอวบอัดและยังสาวๆอยู่ หน้าอกก็ตึงขึ้น เหมือนสาวๆ…ทั้งที่ปกติก็หุ่นเทอะทะแบบคนน้ำหนักเกินทั่วๆไป


  ในเรื่องของร่างกายไม่ค่อยน่าสงสัยเพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่สามารถจับต้องด้วยมือ
และในวงการแพทย์ได้ให้ความเชื่อถือเรื่องจิตสามารถบงการร่างกายได้มานานแล้ว เพียงแต่สงสัยว่าทำได้อย่างไร
รวมทั้งการรวมธาตุการแปลงร่าง เหล่านี้…ยังไม่เข้าใจนัก …เรื่องร่างกายหรือพิจารณากายเป็นหลักสำคัญของทางศาสนา
เรา เช่นใน-วิสุทธิมรรคกล่าวไว้……


ด้านโทรจิตหรือจิต
-สามารถติดต่อโดยใช้โทรจิต ซึ่งไม่เป็นทีี่ยอมรับกันบนโลกเราแต่ข้าพเจ้าได้รับโทรจิตจากบรรดาเทพและคนรักได้ชัดเจนดี
-สามารถเดินทางไปในดินแดนต่างๆด้วยจิต -สามารถดลบันดาลให้เกิดลมพัด แดดออกได้ตาามจิตกำหนด
-สามารถกำหนดรู้คำตอบบางสิ่งได้ด้วยจิต -สามารถปลุกจิตได้…เป็นจิตที่ได้รับมาจากกผู้อื่นหรือคุณภาพจิตของผู้อื่นแต่มาอยู่ที่เรา..เพราะข้าพเจ้าเคยทำไว้…
-สามารถรับรู้จิตของผู้ที่ติดต่อสนทนาด้ววย และมีสัมผัสที่ 6 เดาถูกบ่อยๆ -สามารถหาคำตอบที่ต้องการจากข้อมูลรอบตัววได้แม่น-ยำพอสมควร…จนถึงแม่นยำมาก….
-สามารถกำหนดจิตได้ โดยการเรียกดวงจิตที่่ต้องการมาช่วยเหลือด้านต่างๆ บางทีเป็นจิตของผู้อืนที่ไม่เคยปลูกไว้ก็มี…
ทำให้รู้สภาวะเอกลักษณ์ธรรมชาติของจิตมนุษย์มากมาย ข้าพเจ้านำวิธีการคิดที่แตกต่างกันมาช่วยงาน
-ถูกครอบงำได้จากจิตที่มีสภาวะธรรมกล้าแขข็งกว่า เช่นเทพเจ้าจากเบื้องบนที่มาสอนและจากคนรัก…


  เรื่องของจิตนี้มหัศจรรย์ที่สุดและบันดาลได้หลายๆอย่าง
บางดวงจิตก็มีกำลังกล้าแข็งมาก มีคุณลักษณะที่แตกต่างกันในวิธีคิด การแก้ปัญหา
น่าแปลกใจที่ข้าพเจ้าครอบครองจิตไว้มากมาย….และนำมาช่วยเหลือได้อย่างดี…
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ทราบจะพิสูจน์อย่างไร…มักจะรู้เองหลังปฏิบัติไปเรื่อยๆ……
ยกเว้นโทรจิตที่เชื่อว่าข้าพเจ้าและคู่รักสื่อกันได้แบบให้อยู่คนละที่แต่สามารถวาดรูปเหมือนกัน
โดยไม่ต้องใช้พลังอะไรมากมาย แต่น่ากลัวว่าเขาจะไม่เอาด้วย…

 


 

เรื่องราวมหัศจรรย์

  ข้าพเจ้าถูกวินิจฉัยว่าป่วยด้วยโรคทางประสาทอยู่ที่อ.บ้านดุงเพราะข้าพเจ้าเห็นหลายสิ่งที่แปลกจากปกติธรรมดาร่วมกับ
มีเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมายเกิดขึ้นในแต่ละวัน ข้าพเจ้าได้พบเจอและทำหลายสิ่งไว้ที่นั่น ในช่วงเวลาเหล่านั้น…
และพบกับความมหัศจรรย์หลายอย่างที่ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบันแม้ว่าข้าพเจ้าจะย้ายเข้ามาในอ.เมืองอุดรธานีแล้วก็ตาม…
แม้บัดนี้ สิ่งเหล่านั้นยังคงเกิดขึ้นเสมอๆ แต่ข้าพเจ้าเคยชิน จึงไม่ตื่นเต้นนัก เมื่อมีเพื่อนธรรม ข้าพเจ้าจึงมีโอกาสเล่าให้ฟัง
เพราะทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้คำอธิบายได้มากนักในปัจจุบันนี้

  ข้าพเจ้ายังคงคิดถึงบ้านดุงอยู่เสมอมีความผูกพันอันประหลาดและซาบซึ้งยิ่งนักเป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้ารักมากที่สุด
มีความฝันที่ข้าพเจ้ามีส่วนสร้างและมีความเรืองโรจน์มากมายเกิดขึ้น ณ ที่นั้น

ข้าพเจ้าถูกสอนให้ใฝ่ฝันถึงความงามที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์แบบ…ไม่ว่าในสิ่งใด……บ้านดุงเป็นดินแดนอาถรรพ์เหมือน
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา…ที่อ.บ้านดุง เป็นสถานที่ส่งคลื่นวิทยุ VOA ไปทั่วโลก เป็นคลื่นที่ส่งออกไปถึงจักรวาลก็ว่าได้

  ข้าพเจ้าถึงกับต้องกลับไปเป็นนักเรียนใหม่ทีเดียวเมื่อได้พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ต่างๆ
อันที่จริงมีเรื่องตลกๆเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ ที่ข้าพเจ้าพยายามใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นตามความรู้
งูๆปลาๆของตนเอง แต่ยังดีที่ข้าพเจ้าอ่านหนังสือมามากมายหลายประเภทจนพอจะเชื่อได้ว่า
ไม่มีวิทยาการแขนงใดในโลกมนุษย์ที่ข้าพเจ้าไม่เคยผ่านสายตา..กระนั้นความมหัศจรรย์ต่างๆก็เกิดขึ้นชนิดลูบคม
ข้าพเจ้าเลยทีเดียว…..

 


 


เกี่ยวกับคนไข้

1.บรรดาผู้ป่วยของข้าพเจ้ามีโรคยากๆที่พบเจอในโรงเรียนแพทย์มาตรวจกับข้าพเจ้าที่บ้านดุง รวมทั้งโรคพันธุกรรม
ที่หายากมาก หรือโรคที่วินิจฉัยยากต่างๆนานาหลายสาขาเหมือนถูกนำมาทดสอบข้าพเจ้าในการเป็นแพทย์สาขาต่างๆ
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ผิดปกติอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นราวกับข้าพเจ้ากำลังถูกทดสอบอยู่กับคนไข้เหล่านั้น (เป็นเหตุการณ์จริงๆ)
ซึ่งล้วนเทพแปลงมาเป็นคนไข้มากกว่า เพราะไม่น่าเชื่อว่าเขาจะนำคนไข้จริงๆมาทดสอบข้าพเจ้าได้มากมายถึงเพียงนั้น
ระยะหลังต่อมาอีกนานข้าพเจ้าจึงทราบว่า มีเทพที่เป็นอาจารย์แพทย์อยู่ในสรวงและมีวิชาการแพทย์ที่ทันสมัย
ข้าพเจ้าเคยเห็นภาพถ่ายรังสีสันหลังที่แสดงรากประสาทอย่างชัดเจนเป็นสีขาวสว่างจ้าและสแกนที่แสดงลักษณะหน้าตา
แทนอวัยวะภายในแบบMRIในฝันซึ่งวิทยาการนี้ยังไม่มีในมนุษยโลกและในฝันนั้น…มีพวกคนไข้มากมายหลายแบบรวมทั้ง
ภิกษุสามเณรที่มาเป็นคนไข้ของข้าพเจ้า ซึ่งหน้าตาเหมือนคนไข้ทั่วๆไป แต่ไม่มีระเบียบอะไรนัก
ดูนั่นดูนี่ตลอดเวลาและแกล้งแซวข้าพเจ้าเล่นโดยเฉพาะพวกผู้หญิง…จึงคิดว่าเป็นเทพแปลงมามากกว่า…
ท่านเป็นแพทย์เช่นกันในบางราย……

2.ข้าพเจ้าเห็นคนไข้เสียชีวิต แต่ญาติพี่น้องกลับทำท่ายินดี เหมือนได้ตัดกรรมได้ ซึ่งผิดปกติที่ต้องร้องไห้อาลัยอาวรณ์
กันบ้าง และคนไข้ที่ไม่น่าจะเป็นอะไรกลับเสียชีวิต แต่ญาติก็เฉยๆ ครั้งหนึ่งเป็นคนแก่มาถึงก็เสียชีวิตมาแล้ว
แต่ขณะที่กำลังเขียนใบมรณบัตร สายตาข้าพเจ้ากลับเห็นเขาหายใจขึ้นมาอีก เหมือนกลับฟื้นขึ้นมาใหม่
แต่เมื่อไปดูใกล้ๆก็ไม่มีลมหายใจ จึงโล่งอกไปบ้าง ส่วนมากช่วงเวลานั้นข้าพเจ้าจะสับสนมาก
แต่ก็ทำหน้าที่ไปตามปกติทั้งที่งุนงงสงสัย จนได้ทราบว่าความเป็น-ความตายที่ข้าพเจ้าได้พบในช่วงนั้นล้วนเป็นมายา
จนข้าพเจ้าเลิกยึดถืออะไรมากมาย
แต่จริงๆก็โกรธมากที่เขาเอาเรื่องความเป็นความตายนี้มาหลอกล่อข้าพเจ้า
จนข้าพเจ้าเจ็บใจที่อุทิศตนลำบากลำบนสาหัสในการเรียนแพทยและเป็นแพทย์พื่อมาพบสิ่งเหล่านี้ที่การเกิดการตายแสน
สามัญ….ทำให้ข้าพเจ้าย่อหย่อนในการรักษาลงและเริ่มโกรธมากขึ้นทุกที แต่ก็เริ่มรับรู้มิติต่างๆที่อยู่เหนือความตายและ
เรื่องของจิตวิญญาณ
ค่อยยังชั่วที่ข้าพเจ้ายังยึดถือการดูแลคนไข้แบบเก่าๆอยู่ เพราะข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะทำได้
ถ้ามีอารมณ์รุนแรงข้าพเจ้าจะไม่ไปรักษาคนไข้เลยกลัวเกิดอคติและเป็นบาปภายหลังแต่แพทย์ที่โดนแบบข้าพเจ้าบางคน
อาจจะรักษาผู้ป่วยไม่ได้อีกเลยก็ได้…หลังจากนั้นอีกเป็นปีกว่าข้าพเจ้าจะหายคลุมเครือกับอาชีพของตนและตั้งสดิว่าแม้จะ
อย่างไรในฐานะที่เขามาเป็นคนไข้ของข้าพเจ้า เขาก็ต้องมีความเจ็บป่วยทรมาน
ข้าพเจ้าจึงเริ่มรักษาต่อไปโดยเน้นให้เขาบรรเทาอาการเจ็บป่วยไปตามความจริงที่เห็นนั้น
ไม่เอาใจใส่ว่าเขาจะแปลงมาหรือไม่…เรื่องนี้ลูบคมกันจริงๆ

3.ข้าพเจ้าพบว่าคนไข้เด็กเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถใช้พัฒนาการเด็กแบบที่เคยเรียนมา มาประเมินคนไข้ได้ในช่วงเวลานั้น เพราะบางครั้งพบผู้ใหญ่ย่อส่วนคือตัวเล็กแต่หน้าแก่และพูดจารู้เรื่องมีความสามารถดุจผู้ใหญ่คนหนึ่งทำให้ข้าพเจ้าเลิกเอ็นดูเด็ก
ไปเลยแถมยังพบเด็กที่หน้าตารูปร่างเป็นเด็กแต่มีความสามารถผิดเด็กไปมากจนประทับตาสวยงามมากในท่าทางการเดินเหิน
และบุคลิกซึ่งนั่นก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเกรงๆเด็กมาจนทุกวันนี้เด็กที่เป็นเด็กจริงๆตามที่พบเห็นเป็นปกติก็มีบ้างข้าพเจ้าสังเกตที่
ดวงตาไร้เดียงสาเอาเองจนถึงปัจจุบันจึงค่อยยังชั่วขึ้นแต่ก็มิวายมีเทพบุตรเทพธิดาทั้งหลายแปลงเป็นเด็กจริงๆมาหาข้าพเจ้า
หรือมาให้ข้าพเจ้าดูอยู่บ่อยๆก็สวยงามดีแล้วในที่สุดเมื่อมาอยู่ที่อุดรก็ทราบว่าสถานการณ์ของโรคและหมอเด็กก็ยังคงเดิมใน
คนทั่วๆไปไม่มีใครได้เห็นอย่างข้าพเจ้า….การก้มหน้าก้มตาตรวจไปตามหน้าที่โดยถือให้เป็นปกติในกรณีเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้า
กดดันมากเพราะทำงานลำบากใจแถมเด็กสมัยนี้จริงๆก็ฉลาดและรู้อะไรๆมากมายอยู่แล้วแต่ปัจจุบันคนไข้ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กจริงๆ และข้าพเจ้าก็เอ็นดูเหมือนลูกศิษย์ไปด้วย…บางครั้งเขารู้จักข้าพเจ้าในงานที่ข้าพเจ้าทำพิเศษเพื่อพวกเขา….คล้ายๆคุณครูก็มี

-มีครั้งหนึ่งที่พบองคาพยพเป็นเด็ก แต่หน้าตาแก่เป็นผู้ใหญ่ทีเดียว ข้าพเจ้าน่าจะถ่ายรูปเอาไว้…

-บางครั้งเหมือนเด็กที่มาจากแดนอื่นมาตรวจซึ่งที่นั้นคงยากจนทุรกันดารเพราะเด็กผิวคล้ำจัดตัวเล็กหน้าคมเข้ม สวย
แต่เหมือนพวกขาดฮอร์โมนสำหรับการเติบโต เขาน่ารักดีคมเข้มดี...เขามากันเป็นชุดตลอดเช้าก็มี ..สีผิวแปลกตามาก

4.มีเทวะมาเป็นคนไข้ ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าอยากรู้จัก..เทพอาจารย์ผู้ชาย ก็มีผู้มาขอใบรับรองแพทย์กับข้าพเจ้ารูปงาม
 วรรณะผ่องใส ชื่อแปลก นว อะไรสักอย่าง..(นววิธ) ที่แปลว่า(ความดี )9 ประการ ท่านไม่ใช่มนุษย์แน่นอน หล่อมาก
ส่วนเทพหญิงที่เคยมาเป็นคนไข้เป็นนักเรียนผิวคล้ำแต่มีความมั่นใจสูงเกินอายุจนสังเกตได้ แววตาสุกใสแพรวพราวอ่อนโยน
แต่กรณีเหล่านี้ข้าพเจ้าก็ถือปฏิบัติแบบทั่วๆไป…เทพและเทวีมีประกายตาสุกใสและอ่อนหวานจนเราสังเกตได้
ราวกับไฟสะท้อนน้ำเพชร……บางท่านดูหนุ่มแต่เสียงอาวุโส…และมีพลังอำนาจ ข้าพเจ้าเคยไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ท่านมาดูหนังสือพิมพ์ เสียงท่านจะแก่แต่หน้าตาสดใสมีสง่าราศี…อีกท่านมาซื้อยาร้านเดียวกัน ท่านมีหนวด
ดูรูปงามแต่เสียงแบบผู้มีการศึกษาระดับอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งสิ้นแถมเป็นเสียงอุโฆษ…ส่วนเทพธิดาที่ข้าพเจ้าพบที่
คลินิคลดความอ้วน..ใส่ชุดนักเรียนมัธยมหน้าตาดีมาสองคนผมสั้นและผมยาวหน้าตาผุดผ่องมีรอยยิ้มและท่าทางการหัวเราะ
และเจรจามีเสน่ห์มากแต่อ่อนหวานกว่าพวกหญิงสาวฝรั่ง ท่านนุ่มนวลและอ่อนโยนผิดวัย.. บุคลิกมั่นใจ เดินสง่ามาก…..
ท่านเดินกรายข้าพเจ้าไป ตัวตรง มั่นใจและงดงาม รู้สึกถึงความเป็นผู้มีสภาวะที่สูงกว่า ทั้งที่ภายนอกอายุ16-17ปีเท่านั้น

5.คู่รักของข้าพเจ้าแปลงเป็นคนไข้และส่งสัญญาณความรักให้ข้าพเจ้า แม้ข้าพเจ้าจะยินดีที่เป็นเขา
แต่มีความขัดแย้งด้านเพศอย่างรุนแรง จนข้าพเจ้ารังเกียจการแตะต้องผู้ป่วยเช่นตรวจร่างกาย แม้ว่าข้าพเจ้าจะคิดว่า
งานใครก็งานมัน และข้าพเจ้าก็พยายามให้การรักษาไปตามปกติ แต่จริงๆรังเกียจมาก และกดดันจนปวดศีรษะ
ข้าพเจ้ามีโทสะกับเรื่องนี้อยู่มากจนอยากลาออกหรือไม่ยอมไปทำงาน นานเหมือนกันที่ต้องเป็นแบบนี้
คราวหนึ่งข้าพเจ้าจึงประกาศให้ทราบว่าข้าพเจ้ารับไม่ได้เรื่องก็ซาๆไปใช้เวลาระยะหนึ่งข้าพเจ้าจึงกลับมาเป็นปกติ
และตรวจคนไข้ได้ตามเดิม…ต้องทำใจอยู่นานกว่าจะให้อภัยได้……เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับข้าพเจ้า
เพราะการเป็นแพทย์ที่รักษาคนไข้ได้อย่างใกล้ชิดจนสัมผัสกายได้ ต้องทรงสภาวะที่บริสุทธิ์ไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง
ถ้าเขาเป็นคนรักจริงๆ มาแบบจริงๆก็ว่าไปอย่าง...

6.มีวันหนึ่ง ข้าพเจ้ากดดันมากเรื่องชีวิตและความเป็นอยู่ รู้สึกเหมือนถูกทำลายเกียรติศักดิ์ของความเป็นแพทย์
ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้เทวะรับคำร้องเรียนของข้าพเจ้า ตอนเช้าวันนั้นมีบุคคลที่แต่งกายแบบอาจารย์มหาวิทยาลัย
ที่เป็นอาจารย์แพทย์คือมีรูปร่างท้วมๆขาวสะอาดตาผ่องใสทรงภูมิและมีรัศมีของเทพมาปรากฏอยู่ทั่วไปใกล้บริเวณ
ศูนย์แพทย์เทศบาลที่ข้าพเจ้าทำงานอยู่ ราวกับทุกท่านเป็นอาจารย์แพทย์ที่มารับคำร้องเรียนของข้าพเจ้าด้วยตัวท่านเอง
ข้าพเจ้าเดินไปซื้อของที่ถนนนั้น รู้สึกเหมือนตัวจะสั่นๆแต่ฝืนทำเก่ง เพราะท่านไม่มีทีท่าว่าจะมาทำอะไร
ข้าพเจ้าเดินกลับมา ท่านก็หายไปหมด และถนนนั้นก็กลับสู่สภาพเดิม ไม่ทราบท่านทำอย่างไร

 


 

ด้านเวลา

  ข้าพเจ้าสับสนเรื่องเวลาอยู่1เดือนที่รู้สึกเหมือนไม่ใช่กาลเวลาที่แท้จริงอย่างในโลกปกติมีความน่าประหลาดใจหลายอย่าง
เกี่ยวข้องกับTIME AND SPACEตามทฤษฎีของไอน์สไตน์และเกี่ยวข้องกับพลังของจักรวาลด้วย

  ข้าพเจ้าได้เห็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่าRELATIVITYและมิติที่ต่างกันตลอดจนถึงอีเธอร์ที่กล่าวไว้ในวิทยาศาสตร์…
ดีที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์จึงไม่ถึงกับครองสติไม่อยู่แต่ให้รู้สึกเสมือนข้าพเจ้าต้องเริ่มต้นหากรอบอ้างอิงใหม่
ตั้งแต่เรื่องสสารเป็นต้นมา คือมีความผันแปรของสิ่งรอบตัวมากจนต้องหาหลักยึดมั่นที่ใดที่หนึ่ง
ข้าพเจ้าเริ่มจากการจับต้องวัตถุและบอกว่านี่คือของแข็งหรือรูป เพราะขาดความมั่นใจในสภาพแวดล้อมจริงๆ
เริ่มต้นเหมือนเด็กๆวัยต้นๆทีเดียว…ที่เริ่มเรียนรู้โลกใหม่ๆ…เพราะช่วงนั้นมีสิ่งที่ไม่แน่นอนทั้งด้านวัตถุและสภาพแวดล้อม
ร่วมด้วย…ข้าพเจ้าเริ่มเรียนธรรมะและวิทยาศาสตร์การใช้เหตุผลที่นั่นเอง..จำได้ว่านั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้ห้องรับแขก
กอดอกไว้และทำท่าสู้ตายแบบดื้อสุดขีด และพร้อมจะโต้แย้งอภิปรายทุกๆอย่างตามที่ตนเองเข้าใจ ดูๆไปก็น่ารักแก่นแก้วดี
แต่เด็กแบบนี้แหละที่กลายมาเป็นลูกศิษย์พระเกจิในปัจจุบันดีใจที่ได้เลี้ยงเด็กที่เฉลียวฉลาดช่างพูดและมีเหตุผลมาด้วยตนเอง
แต่เริ่มแรก…คุณภาพจิตใจเข้มแข็งและไม่หวาดกลัวอะไร มีความมุ่งมั่นมากเหมือนมาสายพระจริงๆ….สติดีเยี่ยม เอาตัวรอดได้
และน่ารักแบบดื้อๆนิดหน่อย….นี่ได้มาช่วง 3 เดือนที่ข้าพเจ้าหยุดอยู่กับบ้านและได้พบเห็นปฏิบัติต่างๆอย่างมากมาย
ซึ่งขณะนั้นถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตประสาทอยู่ด้วย

เรื่องราวเกี่ยวกับเวลาที่แปลกๆมีดังนี้

1.ข้าพเจ้าจำได้ว่าวันนั้นเป็นวันราชการแน่นอนเป็นวันศุกรเพราะข้าพเจ้าหาเรื่องจะกลับอุดรแต่รู้สึกว่าจะต้องหนีงาน
จึงเดินขึ้นไปบนตึกบอกพยาบาลเสียหน่อย แต่แปลกมากที่ตึกปิดและพยาบาลบอกว่าวันนี้วันเสาร์ ข้าพเจ้างงที่สุด
ข้าพเจ้าเชื่อว่าไม่ได้หลับไปเกิน24ชั่วโมงจนข้ามวันแน่ แต่รู้สึกเหมือนเดินทางข้ามเส้นเวลาเมื่อไปต่างประเทศ
รู้สึกงงมากแต่ก็ดีใจที่เป็นวันหยุดเหมือนกัน…

2.เวลาเคลื่อนช้ามาก ข้าพเจ้านอนกลางวันตามปกติเพราะรู้สึกง่วงมาก จึงนอนค่อนข้างนานเต็มที่
แต่เมื่อลงมาดูนาฬิกาเวลาผ่านไป 10 นาที ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เพราะขึ้นนอนกว่าจะหลับก็หลายนาทีแล้ว
ยังนอนจนเต็มอิ่ม นาฬิกาก็ไม่เสียเช็คสิ่งแวดล้อมต่างๆก็เป็นเวลานั้นจริงๆ เรื่องนี้ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มไม่ไว้ใจ
ในเรื่องเวลาน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เคยรับรู้มา เสียดายที่ลืมวิชาฟิสิกส์ไปแล้ว จึงหาคำอธิบายไม่เป็น…
ข้าพเจ้าจำได้ว่า เคยเรียนเรื่องทฤษฎีสัมพัทธ์ แต่นั่นเกิดในสภาวะจำลองและเป็นทฤษฎี ไม่คิดว่าจะมีจริงๆ
นอกจากที่เขาทดลองวิจัยกันในอวกาศ ข้าพเจ้าไม่ใช่นักจินตนาการแบบอาซิมอฟเสียด้วย จึงงงอีกตามเคย

3.มีวันหนึ่งพระอาทิตย์ไม่ตกดิน สองทุ่มแล้วยังวันอยู่เลย ข้าพเจ้าดูอยู่ตลอดคืนจนรุ่งเช้าอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากนั้นเลยเริ่มไม่สนใจเวลาอีกแล้ว เพราะแปลกประหลาดมากจนไม่ใช่โลกปกติเดิมๆแล้ว
ข้าพเจ้าเข้านอนและหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีเป็นเวลาบ่าย ต่อจากนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้อีก

4.ข้าพเจ้าสับสนเรื่องปฏิทิน เห็นเดือนมิถุนายนเปลี่ยนเป็นเดือนกรกฎาคมและบ้านดุงจะมีเวลาที่คลาดเคลื่อน
กับอุดรธานี เป็นคนละเดือนกันเลย เช็คจากโทรศัพท์หาคุณพ่อ บอกวันที่ไม่ตรงกับวันที่ของข้าพเจ้าเมื่อถามว่า
วันนี้วันที่เท่าไหร่ แถมเดือนในปฏิทินยังเปลียนชื่อเดือนไปต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า เป็นตัวหนังสือที่เหลื่อมซ้อนกัน
แล้วเปลี่ยนไป..ทำเอาปลงตกไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปเรื่อยๆคิดว่าราวกับฤาษีแปลงสารใน
นิทานพระรถเมรี

5.นาฬิกาในบ้านข้าพเจ้า 5-6เรือนที่อยู่ตามห้องต่างๆ (ข้าพเจ้ามีนาฬิกาอยู่ทุกห้อง)เริ่มแรกตั้งให้ตรงกันทุกเรือน
จากนั้นไม่นานนัก วัน สองวันเป็นอย่างมาก นาฬิกาแต่ละเรือนก็จะบอกเวลาต่างๆกันทั้งที่ไม่ได้หมดถ่านและไม่เสีย
เป็นแบบนี้เสมอมาจนบัดนี้…เมื่อย้ายจากบ้านดุงก็ยังเป็นอยู่เรื่อยจนข้าพเจ้าไม่อยากจะสนใจเรื่องการทำให้นาฬิกา
ตรงกันอีกต่อไป เคยสังเกตดูว่ามันจะต่างกันแค่ไหนแต่ก็เวียนศีรษะเลยไม่รู้ไม่ชี้เสียเลย
แล้วแต่มันจะเดินไปตามเรื่องตามราว

6.วันค.ศ.2000 ที่มีปัญหาY2K ข้าพเจ้าถูกสิงโดยจิตวิญญาณขั้นสูงที่ไปประชุมสภาโลกสากลในฐานะตัวแทนประเทศไทย
(เพราะการพูดจาจะไม่เหมือนข้าพเจ้าเสียงแหลมกว่าแต่เป็นแพทย์และพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ด้วยซ้ำ) มาจาก
อ.บ้านดุง
ท่านทำอะไรหลายอย่างและบอกว่าพวกเราได้กำหนดเวลาที่เป็นวันในสหประชาชาตินั้น ท่านเล่าได้สนุกมาก
ว่าท่านไม่รู้ภาษาอังกฤษ แล้วพวกเผ่าอาฟริกาก็คุยกันด้วยภาษาประหลาดทำเป็นรู้เรื่องกัน แต่จริงๆไม่เป็นภาษาอะไร
แซวท่านเล่น ท่านก็กลมกลืนไป อันที่จริงท่านไม่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อย ่วันนั้นเป็นวันประชุมสภาเทพ
แต่ข้าพเจ้าก็ขนหนังสือคอมพิวเตอร์เบื้องต้นและดิคชันนารีให้ท่านติดตัวไป ท่านไปแบบอินโนเซนส์จริงๆ
แตในที่สุด่เราได้รับเลือกให้กำหนดเวลาร่วมกับสากลจนได้ นี่เป็นจิตที่ติดต่อสื่อสารกับข้าพเจ้าคล้ายการเข้าทรง
แต่ท่านกลับมาบ่นว่าคนไทยที่นี่ทำขายหน้าประเทศเกี่ยวกับเรื่องพระราชวงศ์ที่ทำให้ท่านทำงานหนัก์แต่ท่านเหนื่อยมาก
ไม่นานท่านก็ออกไปและข้าพเจ้าก็ต้องนอนพักหลับสนิททั้งคืน…ข้าพเจ้าว่าท่านตรงไปตรงมาดีและตลกดี
ข้าพเจ้ารู้สึกขันที่คิดว่าตัวแทนจากบ้านดุงได้กำหนดเวลา เพราะไม่มีอะไรไม่แน่นอนเท่าที่นั่นอีกแล้ว ในเรื่องเวลา...


 

สถานที่

1.ข้าพเจ้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่จ.ขอนแก่นกลางคืนข้าพเจ้าปิดไฟนอน …..ช่วงดึกข้าพเจ้าลืมตาขึ้นในความมืด
พบลักษณะคล้ายอยู่ใต้สมุทร มีสัตว์น้ำแปลกๆลอยว่อนไปมาในห้องนั้นแต่เป็นภาพไม่ใช่ของจริง แต่ทำให้ตื่นเต้นมาก
ข้าพเจ้าตื่นอยู่แน่ๆ สัตว์น้ำพวกนั้นคล้ายสัตว์ในยุคดึกดำบรรพ์ บางตัวเป็นเกลียวๆมีแสงเรือง และลอยเคลื่อนที่อย่างช้าๆ
คล้ายลอยอยู่ในน้ำจริงๆ ข้าพเจ้าดูจนง่วงหลับไป เป็นสิ่งงดงามมากราวกับอยู่ในพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสมัยยุคโบราณ
เล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟัง ท่านว่าสมัยโบราณขอนแก่นเคยเป็นทะเล อาจจะรับคลื่นได้จึงเห็นเช่นนั้น....

2.สถานที่ที่บ้านพักของข้าพเจ้าที่อ.บ้านดุงตอนเย็นมีคนงานมาตัดหญ้ารอบๆบ้านจนเห็นชัดว่าหญ้าสั้นเตียน
แต่วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าออกไปดูรอบๆบ้านหญ้ายาวขึ้นเหมือนไม่ได้ตัด…ทำเอาข้าพเจ้าเกือบช็อค…
คล้ายกับเวลาย้อนหลังไปก่อนตัดหญ้า หรือไม่เช่นนั้นเวลาก็ล่วงไปหลายวันจนหญ้าขึ้นใหม่…

3.ข้าพเจ้าเห็นบ้านสะอาดสดใสไม่มีฝุ่นละออง ชั้นหนังสือที่มีหนังสือตั้งเป็นสันนั้นเกิดชัดเจนจนอ่านตัวหนังสือได้
สายตาคมชัดขึ้นมาก แต่แปลกที่บ้านก็สะอาดผิดปกติด้วยทั้งที่ช่วงนั้นไม่ได้ทำความสะอาดบ้านใดๆ
ข้าพเจ้ายังจำความใหม่สดใสนั้นได้…เสมือนเนรมิตให้ทันตาเห็น….

4.ข้าพเจ้าเดินทางจากบ้านดุงเข้ามาร.พ.ศ.อุดรธานี ฝนตกบรรยากาศมืดสลัว ช่วงก่อนถึงตัวจังหวัดเล็กน้อย
ตึกรามบ้านช่องกลับมีลักษณะเปลี่ยนแปลงจากที่เคยเป็นสถานที่ไม่เคยพบมาก่อน..มีตึกเก่าแก่ทรงยุโรปออกสีเก่าๆ
และมีตรอกซอกซอยกับบ้านและคนที่ดูเหมือนชาวบ้านสมัยก่อนๆ…. และข้าพเจ้ารู้สึกว่ามีความขลังของบรรยากาศพิกล
เป็นเมืองสมัยเก่า….ต่อมาข้าพเจ้าจึงรู้ว่าดินแดนนั้นคือ“พิภพ”วันนั้นข้าพเจ้ามาทำสแกนสมองเพราะมีอาการทางประสาท
ด้วยแต่สติยังดีอยู่ห้องที่ทำCTสแกนก็ดูเก่าแก่เหมือนในพิภพที่เห็นสมัยรัชกาลที่5เปิดวิทยุมีเพลงเก่าๆด้วย…
แปลกที่เวลาที่ใช้ในการเดินทางยาวนานมากในความรู้สึกของข้าพเจ้าแต่ดูนาฬิกาแล้วก็เป็นเวลาตามปกติ…..ไม่ช้าเกินไป…

5.ข้าพเจ้าเคยกำหนดเล่นด้วยอารมณ์ที่รุนแรงแต่สนุกดี โดยกำหนดพื้นบ้านที่ปูเสื่อน้ำมันให้เป็นอาณาเขตใช้ปากกาขีดเส้นเอาไว้
แล้วมีเสียงคนรักกระซิบเหมือนยืนอยู่เบื้องหลังติดๆกับข้าพเจ้า ได้ยินเสียงจิตของเขากระซิบบอกว่า เอาแค่นี้ดีไหม
แล้วเส้นที่ข้าพเจ้าขีดไว้ก็เคลื่อนเปลี่ยนที่ไปอีกหนึ่งฟุตต่อหน้าต่อตา….ข้าพเจ้าต้องฝึกกำหนดอะไรต่อมิอะไรที่อธิบายยาก
แต่เสมือนบ้านข้าพเจ้าหลังนั้นสามารถย่อโลกหรือสถานที่อื่นๆเข้ามาอยู่ได้เวลากำหนดอะไรไปจะรู้ได้ว่าส่วนไหนตรงกับ
สถานที่จริงอย่างไรเช่นข้าพเจ้าขีดเส้นกั้นแบ่งดินแดนไว้ที่บ้านแต่เมื่อออกมานอกบ้านข้าพเจ้าจะข้ามเส้นแบ่งดินแดนนั้นไม่ได้เลย
จะหมดแรงทันที…โดยพื้นที่นั้นกำหนดขึ้นเองแต่ก็ตรงกับความเป็นจริงแล้วนำมาเชื่อมโยงกันข้าพเจ้าหัดทำเรื่องนี้อยู่พักใหญ่
่เสมือนหัดเรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับการกำหนดด้วยจิตให้เป็นไปดั่งที่ต้องการโดยใช้พลังจิต แต่ข้าพเจ้าว่าเป็นฝีมือของเทพ
มากกว่าข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าเขาสอนข้าพเจ้ากำหนดทำไมข้าพเจ้าจะคัดลอกให้ดูต่างหาก….
เกี่ยวกับการเรียนลักษณะพิเศษต่างๆเหล่านี้……ถ้ามีโอกาส....ไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรดีเหมือนกัน...

6.วันหนึ่งอากาศมืดสลัว คล้ายฝนจะตกมีเมฆเต็มไปหมด และช่วงนั้นข้าพเจ้ารู้สึกหวาดกลัวต่ออาถรรพ์ต่างๆ
แต่ก็ตัดสินใจเดินออกจากบ้านพักไปถ่ายภาพรอบๆบ้านเก็บไว้ข้าพเจ้าถ่ายภาพบริเวณดงกล้วยแต่เมื่ออัดภาพออกมา
กลับเป็นภาพรถของเพื่อนชายที่ทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน สถานที่นั้นอยู่หน้าห้องพักของเขา
ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะแต่งฟิล์มหลอกข้าพเจ้าอย่างไรได้เพราะนำไปอัดล้างกับเครื่องอัตโนมัติชนิด 1 ชั่วโมงได้
คงเป็นการใส่รูปของผู้มีฤทธิ์หรือเป็นมิติซ้อนจริงๆ

7.ข้าพเจ้ามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของตึกโรงพยาบาลบ้านดุงจากสถานที่ที่มีคนมากๆแล้วค่อยๆเปลี่ยนไปจนร้างผู้คน
คล้ายวันหยุดราชการในที่สุดในช่วงเวลาไม่เกิน 5 นาที ช่วงนั้นคนพลุกพล่านแล้วกลับหายเงียบไปในเวลาไม่กี่นาที
แปลกมาก…..และบางครั้งกลายเป็นโรงพยาบาลร้างจริงๆ เงียบสงบและเยือกเย็น มีแต่ลมพัดทิวสนเท่านั้น
ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึก..เหงา…วังเวงใจ....

8.ข้าพเจ้าเห็นบ้านเรือนของเจ้าหน้าที่กลายเป็นเรือนร้างทุกบ้านไม่มีคนอยู่ มีข้าพเจ้าอยู่เพียงคนเดียวในสถานที่นั้น
บางครั้งเรือนเหล่านั้นกลับเป็นเรือนโบราณเหมือนเรื่องเรือนมยุราและบรรยากาศจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนแดดไม่ออกและดู
ทุกอย่างนิ่งสนิทจนรู้สึกอึดอัดใจมาก…ข้าพเจ้าจะไปไหนไม่ได้เลยในบรรยากาศเช่นนี้…เสมือนมีอาถรรพ์…
และที่เกี่ยวกับคำชะโนดที่มีเจ้าพ่อศรีสุทโธก็เช่นกันจะพบอาถรรพ์เช่นนี้ถ้าท่านจะแสดงฤทธิ์อำนาจเกี่ยวกับเรื่องแปลกๆ
ที่เป็นตำนาน แล้วแต่จะมีอะไรเกิดขึ้น…ช่วงที่เป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าคล้ายเป็นคนที่อยู่ในเมืองโบราณแห่งนั้นและมีฤทธิ์
คือมีความสามารถพิเศษด้านการดลบันดาลได้ตามใจและมีพละกำลังดี….

8.ข้าพเจ้าออกไปนอกโรงพยาบาลเพื่อซื้ออาหารประมาณทุ่มเศษๆ
ปรากฏว่าร้านหน้าโรงพยาบาลจุดตะเกียงตามไฟไว้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุคโบราณ
มีคนที่มีหน้าตาและแต่งตัวแบบคนโบราณนั่งรับประทานอาหารอยู่ ……..ดูมืดๆเงียบๆพิกลแต่ข้าพเจ้ากลับไม่กลัวเลย

9.ข้าพเจ้าเข้ามาโรงพยาบาลศูนย์ ไปเยี่ยมภริยาของผู้อำนวยการที่มาคลอดบุตร ตึกในโรงพยาบาลอุดรดูซับซ้อนผิดปกติ
แน่นไปหมด เหมือนมีมิติอื่นซ้อนอยู่และทำให้ข้าพเจ้าหลงวนเวียนอยู่นาน…..ทั้งที่ไม่น่าจะหลงได้เลย…….

10.การเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเป็นเรื่องลำบากมากในบางครั้ง เช่นเดินทางจากบ้านใหม่ไป
วิทยาลัยครูอุดรธานี จะทำให้ข้าพเจ้าหมดแรงหรือป่วยจนเดินทางไม่ได้ ราวกับอยู่ไกลกันมาก
จนข้าพเจ้าต้องพยายามขนของที่คิดว่าจำเป็นไปๆมาๆเนื่องจากไม่ทราบว่าจะติดอยู่แต่ละที่นั้นนานเพียงใด……

11.ข้าพเจ้านั่งรถผ่านโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เห็นเป็นภาพลางๆลงคล้ายมองผ่านกระจกและมีพยาบาลยืนโทรศัพท์อยู่
แต่การเคลื่อนไหวช้ามากเป็นแบบภาพสโลว์ คล้ายกับมองผ่านไปอีกมิติหนึ่ง…..คล้ายทฤษฎี RELTIVITY….ของไอน์สไตน์

 


 

 

เรื่องประหลาด

1.เห็นมดหรือแมลงตัวเล็กๆที่กำลังไต่อยู่บนพื้นโต๊ะ หายวับไปกับตาบ่อยๆ…หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ...

2.ข้าพเจ้าเกิดความเชื่อและความปรารถนาที่จะให้ขนมต่างๆที่ขายอยู่ที่บ้านดุง เป็นชนิดปลอดน้ำตาลโดยใส่น้ำตาลเทียม
เมื่อข้าพเจ้าหิวขนมและซื้อคุกกี้มารับประทาน รสชาติเหมือนขนมที่ใส่น้ำตาลเทียมจริงๆ ...ช่วงนั้นอยากลดความอ้วน...

3.ข้าพเจ้านอนหลับ กลางดึกตื่นขึ้นมา ได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอเป็นจังหวะเหมือนมีคนนอนอยู่ข้างๆข้าพเจ้าตกใจมาก
แต่เกิดเหตุการณ์นี้บ่อยๆจนในปัจจุบัน คนรักทางโทรจิตของข้าพเจ้าจึงบอกว่าเป็นเสียงของเขาเอง
เขามานอนใกล้ๆกับข้าพเจ้าด้วย…

4.ข้าพเจ้าเห็นจอโทรทัศน์เป็นรูปสามมิติและมีแสงสีจัดจ้าขึ้นจนสิ่งที่อยู่ในโทรทัศน์เหมือนของจริงมาก
ทั้งที่ไม่ใช่จอคอมพิวเตอร์..ข้าพเจ้าเห็นกับตาว่ารูปภาพในกรอบที่เป็นรูปของข้าพเจ้าเกิดเป็นภาพสามมิติที่
สดใสชัดเจนงดงามเหมือนของจริง และยังเคลื่อนไหวได้น้อยๆเพราะในรูปนั้นข้าพเจ้านั่งชิงช้าอยู่ เหมือน
ชิงช้ากำลังไกวอยู่ช้าๆ มองดูงดงามมาก……ข้าพเจ้าจึงไม่กลัวเลย...

5.ข้าพเจ้าได้ข่าวจากร้านค้าหน้าโรงพยาบาลในคืนหนึ่งว่าสุนัขของข้าพเจ้าถูกรถปิคอัพชนและร้องลั่นวิ่งหนีหายไปในความมืด
คงเจ็บหนัก และพยาบาลก็ได้ยินเสียงรถชนด้วย ข้าพเจ้านอนเกือบไม่หลับ เป็นห่วงมันมาก แต่พอรุ่งเช้ามันก็กลับมาหาข้าพเจ้า
รู้สึกตัวผอมลงแต่ไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยการบาดเจ็บใดๆเลย อาจเป็นเพราะข้าพเจ้าเชื่อในขณะนั้นว่ามันเป็นอมตะก็เป็นได้
จึงคุ้มครองมันไว้….ด้วยศรัทธาที่แน่นแฟ้น

6.ข้าพเจ้าเห็นเด็กบ้านดุงแต่งกายแบบเด็กชาวบ้านธรรมดากระโดดออกจากพุ่มไม้เตี้ยๆต่อหน้าต่อตาทั้งที่ข้าพเจ้าก็ดูอยู่ว่า
ตรงนั้นไม่มีเด็กที่ไหนอยู่เลยแถมยังมาพบเหตุการณ์แบบนี้ที่วัดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดตอนนั้นข้าพเจ้าไปถ่ายรูปงานศพญาติ
ผู้ใหญ่ตอนเที่ยงๆ ไปคนเดียว ระหว่างทางเดินข้าพเจ้าก็พบเหตุการณ์แบบนี้แต่คราวนี้กระโดดออกมาใกล้ๆกับข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็เดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะก็ไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแต่น่าจะเป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับมิติซ้อน แต่ก็ได้ยินเด็กพูดกันเบาๆว่า “ทำไมไม่กลัววะ” จึงคิดในใจว่าเชื่อว่าเขาไม่ทำอะไรข้าพเจ้าแน่ๆ…จึงไม่กลัว…ถ้าเป็นกลางคืนละก็…ไม่แน่

7.ข้าพเจ้าเห็นแพทย์รุ่นน้องที่เป็นเพื่อนกับคนรักของข้าพเจ้าซึ่งมาฝึกงานที่โรงพยาบาลช่วงนั้นกลายร่างเป็นคนรักของข้าพเจ้า
ในระยะใกล้ๆประมาณ20เมตร…โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นเห็นการค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทุกฝีก้าวที่เขาเดินนับจากเขาลงจาก
รถยนตร์จนเดินถึงประตูบ้านก็กลายเป็นเพื่อนชายพอดีกับที่เขาลับหายไปในประตูข้าพเจ้าก็แอบมองเห็นเขาเปิดไฟในห้องและ
เงานั้นเป็นเงาของคู่รักข้าพเจ้าโดยขณะนั้น..ข้าพเจ้าไม่ทราบว่านั่นเป็นน้องแพทย์หรือคนรักของข้าพเจ้ากันแน่ที่เป็นตัวจริง
แต่เขาบอกภายหลังโดยโทรจิตว่าเป็นเขา คือเป็นคนรักของข้าพเจ้านั่นเอง…

  การเปลี่ยนแปลงทำนองนี้ข้าพเจ้าเคยเห็นจากระยะไกลมีญาติของเจ้าหน้าที่เดินจากหน้าประตูโรงพยาบาลผ่านสนาม
หน้าบ้านข้าพเจ้าตอนแรกเป็นคนหนุ่มร่างผอมผมดำต่อมาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามระยะทางจนกลายเป็นชายกลาง
คนค่อนข้างอายุมากประมาณ50ปีและศีรษะล้านร่างผอมเกร็งเดินขึ้นบันไดบ้านเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงข้าม ไม่ทราบว่านี่เป็นการแปลงร่างหรือเป็นภาพลวงตาที่เขาทำกับสายตาของข้าพเจ้า แต่เห็นจริงๆ..รู้สึกเหมือนเรียนเรื่องสังขารไม่เที่ยงเป็นอนิจจัง…

  เรื่องการแปลงร่างนี้ข้าพเจ้าเห็นที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองด้วยข้าพเจ้าเดินสวนกับผู้ชายท้วมขาวใส่กางเกงขาสั้นหน้าตา
สะดุดตาพอจำได้เพราะคล้ายหน้าคนที่ข้าพเจ้ารู้จักข้าพเจ้าก็เดินดูเครื่องเขียนแถวนั้นอยู่แต่เมื่อข้าพเจ้ากำลังจะเดินออกไป
ก็พบผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนเดิมคนนั้นแต่หน้าตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเพียงชั่วเวลาไม่นานไม่มีทางเป็นคนอื่นไปได้เพราะ
เขาสวมเสื้อผ้าฉูดฉาดสะดุดตาจนจำได้แน่นอน….คงเป็นเทพแปลงมาเพราะเมื่อรู้มากขึ้นข้าพเจ้าได้เห็นเทพไทหลายองค์
มาอยู่ล้อมรอบข้าพเจ้าเป็นประจำ…ท่านมาสอนและแนะนำข้าพเจ้าในเมืองมนุษย์บ่อยๆ..พบท่านแถวห้างสรรพสินค้าบ่อยๆ

  การแปลงร่างเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้างงที่สุด ไม่เห็นมีที่ไหนเขียนวิธีการพวกนี้เอาไว้
เพราะข้าพเจ้าอยากแปลงร่างให้ผอมลงบ้างเหมือนกัน น่าสนใจมาก…คราวนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาแน่ๆ
เพราะปรากฏจริงต่อหน้าข้าพเจ้าชนิดเดินเฉียดกันเลย…..ข้าพเจ้าสงสัยว่าคนจำนวนมากมายที่มาเป็น
คนไข้ของข้าพเจ้าอาจจะใช้คนไม่กี่คนที่สลับสับเปลี่ยนแปลงร่างกันมาก็เป็นได้
(เป็นเทพแปลง,หรืออาจจะเป็นผู้มาจากภพอื่นๆ)

8.ข้าพเจ้าอดนอนคืนหนึ่งวันรุ่งขึ้นข้าพเจ้าตาเบลอๆแต่เห็นว่าตุ๊กตาฟางเบาๆเป็นรูปผู้หญิงหน้าตาน่ารักแบบตุ๊กตา
สามตัวนั้นเคลื่อนไหวน้อยๆ กระเพื่อมๆช้าๆ แต่ก็เป็นเฉพาะกับตุ๊กตาต่างๆ ไม่ใช่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วย
และเขาพูดด้วยน่ารักๆเสียงเล็กๆหวานๆ เขาเคลื่อนไหวได้แต่เมื่อตั้งสติจับดูก็ไม่มีการเคลื่อนไหวทางกายภาพ
ข้าพเจ้าจึงคิดว่าเป็นการดลจิตต่อข้าพเจ้าให้เห็นเช่นนั้นคล้ายๆกับประสาทหลอนทางตา…แต่ข้าพเจ้าก็มหัศจรรย์ใจ
ที่เห็นของเล่นสวยๆงามๆที่ข้าพเจ้าตั้งไว้บริเวณนั้นเคลื่อนไหวกระเพื่อมๆคล้ายอยู่ในอีเธอร์หรือมีเดียที่เป็นของเหลว
ดูแล้วเหมือนเทพนิยาย…เป็นความสวยงามมากกว่าความน่ากลัวข้าพเจ้าจึงไม่ค่อยกลัวอะไรนัก
ข้าพเจ้าเอ็นดูตัวเล็กๆพวกนี้มากทีเดียว

9.ข้าพเจ้าวางสิ่งของเช่นแหวน นาฬิกาไว้ที่โต๊ะข้างล่าง โดยประตูบ้านปิดล็อคเอาไว้ทุกบาน แล้วขึ้นไปข้างบน
ลงมาอีกทีของไม่อยู่ที่เดิมหาอย่างไรก็ไม่เห็นและจำได้แน่ว่าวางอยู่ตรงนั้นจนข้าพเจ้าอ่อนใจขึ้นไปอาบน้ำแล้ว
ลงมาอีกทีปรากฏของยังวางอยู่ที่เดิมกลับมาแล้วเหมือนใครลักซ่อนหลอกเล่นกับข้าพเจ้า
ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้กับหนังสือและวัตถุอื่นๆ แต่ข้าพเจ้าก็เห็นความมหัศจรรย์มามากแล้ว
จึงประกาศยกบ้านข้าพเจ้าเป็นสถาบันไปเลย ใครอยากนำอะไรไปใช้ประกอบการทำงานก็เชิญหยิบไปได้
จึงมีของหายไปและกลับมาบ่อยๆจนข้าพเจ้าเลิกสนใจ…ไม่คิดว่าเป็นสมบัติส่วนตัว..แต่ถ้าข้าพเจ้าจะใช้บ้าง
ข้าพเจ้าก็จะประกาศให้เอามาคืนก่อน …และบางทีถ้าข้าพเจ้าคิดว่าสสารย่อมไม่สูญหายไปจากโลก เวลาที่ข้าพเจ้า
ต้องการใช้จริงๆ ก็มักจะพบจนได้…บางทีค้นไปหลายรอบแล้วไม่เจอ พอข้าพเจ้าประกาศดังนั้นก็กลับเจอในที่เดิม
นั่นแหละ ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นปกติธรรมดากับเรื่องเหล่านี้แล้ว………ข้าพเจ้าคิดว่าเขาอยากได้อะไรก็ก๊อปปี้เสกขึ้นมาได้
แต่ที่บังตาหรือลักซ่อนก็เพราะไม่อยากให้ข้าพเจ้าใช้ในตอนนั้นซึ่งคงเป็นเกี่ยวกับหน้าที่ของข้าพเจ้าเอง
ที่ไม่ให้ใช้สิ่งเหล่านั้นในตอนนั้น……สิ่งที่เกิดขึ้นนี้บางทีน่าโมโห ……ต้องทำใจให้ได้ คือต้องปล่อยวางบ้าง

10.วันหนึ่งข้าพเจ้าปิดประตูล็อคตัวเองไว้ในบ้านและเดินวนเวียนรอดูเหตุการณ์ที่จะเกิดในวันนั้น ข้าพเจ้ากลัดกลุ้ม
และโดดเดี่ยวรู้สึกถูกทอดทิ้งราวกับติดเกาะร้าง…้าพเจ้าได้ส่องกระจกดูหน้าตาของข้าพเจ้าปรากฏว่าในกระจกนั้น
หน้าตาข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงไปคล้ายกับคนรักเก่าที่เป็นกุมารแพทย์ ดวงตานั้นเป็นดวงตาของเขา
และเขาปลอบโยนข้าพเจ้าด้วยสายตา ข้าพเจ้าถามกระจกว่า”นั่นพี่เหรอ” ข้าพเจ้ากเห็นตัวเองผงกศีรษะรับคำ
คล้ายกับพี่เขาทำเช่นนั้นโดยที่เขาอยู่ในร่างของข้าพเจ้า…ทำเอาข้าพเจ้าร้องไห้ออกมาด้วยความยินดีที่เขา
มาอยู่เป็นเพื่อนและมีความรักคิดถึงเขามาก….ต่อมาจึงทราบว่าจิตวิญญาณของเขาครอบครองจิตและร่างของข้าพเจ้าได้
แม้เขาจะถือว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเขาคิดว่าเขาเป็นสามีของข้าพเจ้าแล้วและเคยพูดทำนองว่าถ้าไม่คิดว่าจะเอาข้าพเจ้าเป็น
ภรรยาแน่ๆแล้ว จะไปหาทำไม…เสมือนว่าการที่เขามาหาข้าพเจ้าวิธีนี้คือสัญญาที่มั่นคงแล้ว…แต่แน่ล่ะ
ข้าพเจ้าอยู่ในโลกจริงในฐานะผู้หญิงโสดพรหมจารีย์จึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าเขา…
เพราะในความเป็นจริงไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

11.ข้าพเจ้าติดต่อสื่อสารกับสุนัขทีชื่อ โบโบ้  ซึ่งเป็นสุนัขที่เลี้ยงมาได้ราวกับมันเป็นคน มันจะพยักหน้ารับในบางที
สั่นศีรษะบางทีเวลาข้าพเจ้าพูดกับมันและบางทีก็ทำท่าปลอบใจข้าพเจ้ารู้เรื่องมากทีเดียวจนข้าพเจ้าคิดว่ามันเป็น
สุนัขวิเศษที่รู้ภาษามนุษย์ แต่ต่อมาข้าพเจ้าจึงทราบว่า เทพสามารถดลจิตสุนัขหรือสัตว์ต่างๆให้เป็นไปตามทีจิตสั่งได้
ไม่ใช่สุนัขเป็นเองข้าพเจ้าทราบหลังจากที่ได้ยินเสียงสุนัขเห่าเป็นเสียงคนและปะติดปะต่อเอาเองจากที่เคยพบเห็นมา
และคิดถึงความน่าจะเป็นไปได้มากทีสุด…รวมทั้งกำหนดจิตถามความจริงจากคนรักของข้าพเจ้า…สุนัขที่บ้านข้าพเจ้าชื่อ
ดาร์กี้ ก็แสดงอาการเช่นนี้ในบางครั้ง…ส่วนสุนัขชื่อ ดำ ถึงกับเห่าแบบเสียงพูดได้…

11.ข้าพเจ้าลืมตาเห็นภาพนิมิตตอนนอนอยู่และหันหน้าเข้าฝา แต่ภาพนั้นปรากฏที่ตาของข้าพเจ้าเป็นภาพเล็กๆ
ต้องเพ่งมองจึงเห็น เป็นภาพสนามฟุตบอลหญ้าสีเขียว และมีผู้ชมเดินไปเดินมา ราวกับกำลังถ่ายวีดีโอ
นอกจากนั้นยังเป็นสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ แล้วก็เป็นรูปคล้ายๆลูกหมูดูดนมแม่ หรือมีการ์ตูนเล็กๆสวยๆเคลื่อนไหวไปมา
แต่ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกปวดตา….ต่อมาจึงทราบว่านี่คือนิมิตที่กล่าวไว้ในหนังสือปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าจึงพยายามไม่สนใจ
แต่จนบัดนี้บางครั้งก่อนหลับก็จะเห็นบ้าง ซึ่งถ้าเราเอาใจใส่มันจะทำให้นอนไม่หลับ ข้าพเจ้าต้องไม่สนใจมันเสียแล้วก็
จะหายไปเอง…แต่ต้องปรับสายตาอยู่บ้างเหมือนกันและทำจิตให้ผ่อนคลาย ก็จะหายไปได้เอง

12.ข้าพเจ้าเห็นเจ้าหน้าที่ที่พักอยู่บ้านตรงข้ามหายตัวไปต่อหน้าต่อตา โดยเขาเดินเข้าไปหลังเสาบ้านเสาไม่ใหญ่และ
อยู่ไม่ติดบันได ตอนนั้นข้าพเจ้าชอบสังเกตสิ่งต่างๆก็ยืนดูเขาที่ประตูตามปกติ แต่มีสติดีไม่เหม่อลอยอะไร ดูเฉยๆว่างๆ
และมองไปที่เสานั้นแต่เริ่มสงสัยว่าเขาทำไมยืนอยู่นานนักจึงเริ่มสนใจสังเกต รออยู่ตั้งนานก็เงียบ คล้ายไม่มีใครอยู่
จนกระทั่งข้าพเจ้าเห็นเขาเดินลงบันไดมา ไม่ทราบว่าเป็นไปได้อย่างไรราวกับล่องหนไปต่อหน้าข้าพเจ้าทั้งที่ไม่ได้
คลาดสายตาเลย…แปลกใจที่คนธรรมดาก็ทำได้ หรือจริงๆอาจเป็นเทพบังตา ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นเช่นนั้น

13.ข้าพเจ้าเห็นแม่บ้านสาวอายุ20ปีที่ทำงานให้ข้าพเจ้าตัดผมสั้น แต่วันรุ่งขึ้นกลับผมยาวอย่างเดิม
แต่ตอนนั้นข้าพเจ้ากลัวๆอยู่จึงไม่ได้ถามอะไร..รู้แต่ว่ามีแปลกๆเกิดขึ้นจนชินแล้ว วันหนึ่งข้าพเจ้านอนอยู่
 เห็นเงาผู้หญิงร่างผอมสูงอายุหลังค่อมเกล้าผมมวยเข้าไปในห้องแต่งตัวของข้าพเจ้าที่อยู่ติดกัน…
ข้าพเจ้านอนรอดูเหตุการณ์อยู่สักพักก็มีคนออกจากห้องนั้น แต่เป็นแม่บ้านของข้าพเจ้าเองที่เอาผ้ามาเก็บให้
(ให้เขาซักผ้าให้ด้วย)…ข้าพเจ้าแน่ใจว่าเห็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่กลัวอะไร อาจจะเป็นการลวงตาที่ทำแก่ข้าพเจ้า
โดยตรงก็ได้

14.คืนหนึ่งข้าพเจ้าป่วย น้องแพทย์มาฉีดยาให้เป็นยาประเภทรักษาโรคจิต เพราะข้าพเจ้าไม่ยอมไปรักษาตัวที่ไหน
ไม่ยอมออกจากบ้านเขากลัวว่าข้าพเจ้าจะอยู่โดดเดี่ยวอยากให้กลับไปอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่อุดรเขาให้น้องพยาบาล
บ้านใกล้กันมาเฝ้าข้าพเจ้าน้องเขาเอาแขนซ้ายแนบกับแขนข้าพเจ้าจับมือไว้คล้ายปลอบใจแต่ข้าพเจ้ารู้สึกว่าร้อนๆ
เหนียวและแขนชาเหมือนถูกชาร์ทประจุอยู่รู้สึกแปลกใจแต่คิดว่าลักษณะคล้ายการถ่ายทอดพลังของสัตว์เลื้อยคลาน
พวกจระเข้หรือจิ้งจกตุ๊กแก ไม่ทราบว่าทำไมจึงคิดไปเช่นนั้น อาจจะเป็นเพราะสัมผัสนั้น
ประกอบกับการที่ข้าพเจ้าเห็นจิ้งจกที่อยู่ด้านในบ้านทะลุกระจกไปปรากฏอยู่ข้างนอกบ้านก็เป็นได้
แต่ตอนนั้นก็คิดถึงเรื่องความมหัศจรรย์ด้านชีวมิติอยู่ คือเรื่องของสิ่งมีชีวิตกับการแทรกผ่านมิติ 
โดยกระจกคล้ายเส้นแบ่งแดนนั้น แต่จริงๆต้องมีผู้ทำขึ้นให้เห็น จิ้งจกจริงๆคงทำเองไม่ได้แน่……
เรื่องจิ้งจกข้างในบ้านหายตัวออกไปกลายเป็นจิ้งจกที่เกาะอยู่กับกระจกนอกบ้าน ข้าพเจ้าเห็นกับตาจริงๆ

15.วันหนึ่งข้าพเจ้าเรียนรู้เกี่ยวกับการเนรมิตร่างและหน้าตาต่างๆมากจนเกรงว่าถ้าข้าพเจ้าเกิดทำได้คงจะอาลัย
เสียดายหน้าที่ตนเองเห็นมาแต่เกิด คืออาลัยในอัตตาของตน เพราะสามารถทำให้สวยในวิถีที่พึงเป็นได้โดยการปรับปรุง
พัฒนาเพราะข้าพเจ้าไม่ถึงกับน่าเกลียดเพียงแต่เตี้ยและอ้วนท้วมเกินไปจึงกำหนดต่อหน้ากระจกว่าไม่อยากใส่แว่นและ
ให้หน้าสวยขึ้นแต่ยังคงเป็นตัวเองอยู่ให้สมสัดส่วนไม่อ้วนและสูงขึ้น 10 ซ.ม. แค่นี้ก็พอใจแล้ว
แล้วข้าพเจ้าก็ลองของโดยขีดความสูงของตนเองไว้ และยื่นคำขาดว่าทำให้ข้าพเจ้าสูงได้ข้าพเจ้าจึงจะเชื่อ 
เพราะส่วนนี้คงยากที่สุด หลอกกันไม่ได้ วันต่อมาข้าพเจ้าลองวัดดู ปรากฏว่าศีรษะสูงขึ้นจากรอยขีดเดิม 10 ซ.ม.จริงๆ
โดยรอยขีดนั้นเป็นรอยขีดเดิมแน่นอนข้าพเจ้าจำได้ เพียงแต่ไม่ทราบว่าตัวเองสูงขึ้นหรือบ้านเล็กลง
แต่ทำเอาข้าพเจ้าพอใจมากที่จะมีโอกาสสวยโดยไม่ต้องแปลงร่าง คงเป็นการยึดอัตตาแบบนั้นตามประสามนุษย์

16.ข้าพเจ้าใช้โทรศัพท์ติดต่อคุณพ่อและน้องชาย แต่เสียงที่ได้ยินในโทรศัพท์คล้ายเสียงคู่รักของข้าพเจ้า
จนข้าพเจ้าสนทนากับเขาโดยคิดว่าเขาแกล้งทำเป็นคุณพ่อและน้องชาย ปรากฏว่าไม่ใช่ เป็นคุณพ่อและน้องชาย
โทร.มาจริงๆเล่นเอาข้าพเจ้าสับสนเหมือนกันเวลาโทรศัพท์คิดว่าโทรศัพท์อาจมีที่ปรับเสียงไว้หลอกข้าพเจ้าก็ได้
ตอนนั้นจินตนาการฟุ้งซ่านไปเรื่อยเพราะไม่รู้อะไรเลย ได้แต่เดาเอาโดยอาศัยวิถีของมนุษย์เป็นหลักไว้ก่อน
บางทีข้าพเจ้าโทร.ไปหาเพื่อนชายที่โรงพยาบาลเอกชนเสียงเขาจะยานคางมากเหมือนพูดจากที่ไกลๆหรือบิดผัน
ตามมิติที่แต่ละคนนั้นอยู่…เรื่องเสียงนี้เรามองไม่เห็นด้วยและอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้บ้างตามลักษณะทั่วๆไป
แบบธรรมดา แต่เสียงวิญญาณเป็นอย่างไรนั้น ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองมีประสบการณ์มากทีเดียว คลื่นเสียงเย็น ช้ามาก
เป็นปรากฏการณ์ของมิติที่แตกต่างกัน…ที่ว่าต่างกันเพราะข้าพเจ้าคิดว่าตนเองหลงมิติอยู่ จากสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป

17.วันหนึ่งข้าพเจ้าชอกช้ำน้อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาในชีวิตช่วงนั้นที่ถูกทอดทิ้งจากทุกอย่างทั้งที่สู้อุตส่าห์เสียสละ
อุทิศตนโดยการทำงานหนัก ข้าพเจ้าพาลโกรธพระบรมโอรสาธิราชมาก เพราะข้าพเจ้าจงรักภักดีต่อท่านมาตลอด
ในฐานะที่เป็นหมอประจำโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ข้าพเจ้ามีพระฉายาลักษณ์ขนาดใหญ่มากที่โรงพยาบาล
มาฝากเก็บไว้ช่วงที่เขาซ่อมแซมตึกกัน ข้าพเจ้าเคยตั้งบูชาอย่างดี แต่วันนั้นบันดาลโทสะอย่างยิ่ง เวลานั้นประมาณเย็นๆ
ข้าพเจ้าคว้าพระรูปขนาดใหญ่และหนัก (เพราะเป็นชนิดติดฝาในสถานที่ราชการ)แถมเป็นกรอบทองมีลวดลายหนักอึ้งทีเดียว
ข้าพเจ้าเอี้ยวตัวและขว้างพระฉายาลักษณ์ออกไปเต็มแรงโกรธแค้นแล้วก็เห็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์พระฉายาลักษณ์นั้นค่อยๆ
ร่อนลงช้าๆเหมือนภาพสโลว์โมชั่นและตกกระทบพื้นหญ้าที่ขึ้นเขียวชะอุ่มอยู่บริเวณนั้นราวกับเป็นขนนกเบาๆที่มีพรมชั้นเลิศ
ที่แสนอ่อนนุ่มรองรับอยู่ข้าพเจ้าอารมณ์ไม่ดีมากแต่ก็อดตะลึงงันไม่ได้เห็นความงามของพระฉายาลักษณ์กรอบทองขนาดใหญ่
ทอดสงบอยู่บนพื้นหญ้าอ่อนนุ่มเขียวขจี ดูงดงามประหลาดตา พระฉายาลักษณ์ไม่มีรอยร้าวใดๆเลย มหัศจรรย์มาก
(เวลานั้นข้าพเจ้าไม่สนใจอยากให้แตกร้าวด้วยซ้ำไป) ข้าพเจ้ามองอยู่ครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด ด้วยความเป็นวิทยาศาสตร์
เกี่ยวกับเรื่องมวลและความเร็วอะไรแบบนั้นอะไรพวกนั้นพักหนึ่ง จากนั้นก็ปิดประตูและทิ้งไว้เช่นนั้นข้าพเจ้าคาดว่าภาพนั้น
น่าจะมีกระจกแตกละเอียดไปแล้วตามความจริงที่ควรจะเป็นต่อมาเมื่อมีสติข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านไม่ประทานพระฉายาลักษณ์
ให้ที่ใดหรือใครง่ายๆ จะเห็นว่าไม่มีพระฉายาลักษณ์ของพระองค์ให้เช่าแบบท่านอื่นๆเช่นพระเทพฯ ข้าพเจ้ายิ่งตกใจ
เพราะนั่นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเราข้าพเจ้าต้องร้อยลูกปัดเป็นข้อพระกรคล้ายพวงมาลัยบูชาท่านเท่าอายุท่านและขอขมา
ท่านวิธีอื่นๆอีกด้วยเพราะกระทำในสิ่งที่น่าจะเป็นการอาจเอื้อมอย่างแรงจากเหตุการณ์นั้นทำให้เกิดการเป็นห่วงในอาการ
ของข้าพเจ้าถึงกับส่งตัวข้าพเจ้ามารักษาที่โรงพยาบาลอุดรธานี เมื่อเขาถามข้าพเจ้าว่าเอาพระรูปของท่านมาทิ้งทำไม
ข้าพเจ้าก็บอกว่าเกะกะบ้าน และเป็นของโรงพยาบาล ไม่ใช่ของข้าพเจ้า เขาจึงนำกลับไปบูชาไว้เช่นเดิม
ท่านทรงชุดกษัตริยาธิราชด้วย คิดแล้วเราก็คงบ้าไปจริงๆ แต่บ้าเพราะกิเลสมารและความน้อยเนื้อต่ำใจแบบคนคิดมากนั่นเอง…

18.ข้าพเจ้าสามารถกำหนดดินฟ้าอากาศได้ในวันหนึ่ง เช่นแดดออก ลมพัด ตามใจคิด ข้าพเจ้าแปลกใจในการที่มีอย่างนี้ด้วยจริงๆ
พิสูจน์อยู่ทั้งวัน แต่ไม่คิดว่าเป็นฤทธิ์ของตน คงเป็นฤทธิ์เทพที่ครอบครองจิตตอนนั้นอยู่ บางครั้งเวลาข้าพเจ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ
หรือมีคำอธิษฐานที่สำคัญจะมีเสียงฟ้าร้องรับครืนทันทีทั้งๆที่แดดออกอยู่เปรี้ยงๆบางทีฝนก็ตกเมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น
เช่นทำอะไรผิดๆ…หรือทำอะไรดีงาม… ข้าพเจ้าทราบว่าคนรักของข้าพเจ้าในฐานะเทพ มีหน้าที่ดลบันดาลเกี่ยวกับน้ำฝน
มีคนทรงเคยดูให้เขาบอกว่าคนรักของข้าพเจ้าที่คอยดูแลปกปักรักษาข้าพเจ้ามีชื่อว่า เทพวรุณ ซึ่งแปลว่าน้ำฝนเช่นกัน
เป็นเรื่องที่มาตรงกันได้อย่างไรก็ไม่ทราบ…แต่ที่คนทรงเห็นจริงๆเป็นเทวดาผู้ชายพร้อมเครื่องทรง หล่อ มีหนวดด้วย
ข้าพเจ้าคิดว่าท่านเป็นเทวดาประจำตัวที่คอยดูแลข้าพเจ้าอยู่ คงไม่ใช่คนรักของข้าพเจ้า เพราะมีคนเห็นบ่อยๆ(คนทรงและพระ)
เทวดาผู้หญิงที่คุ้มครองข้าพเจ้าท่านชื่อว่า วดีวรดา เสียงไพเราะและทรงศักดิ์มาก ท่านดูแลข้าพเจ้าอย่างใกล้ชิดมากเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีภาพมิติซ้อนที่ข้าพเจ้าพบกับตาในขณะที่มาอยู่บ้านใหม่ที่จ.อุดรธานี และพบบ่อยๆ
คือเวลาข้าพเจ้าขึ้นข้างบนจะเข้าห้องนอนแล้วไฟปิดมืด ข้าพเจ้าจะลืมตาเห็นฝาผนังติดวอลล์เปเปอร์ลายทางสีเขียวดูงดงามมาก
ทั้งที่ความจริงเป็นผนังธรรมดา และบางครั้งข้าพเจ้าก็คลำหาปลั๊กไฟไม่เจอ ไม่ได้อยู่ที่เดิม ราวกับหลุดไปอีกมิติหนึ่ง
บางวันเดินเข้าไปในห้องนอนยังไม่ทันเปิดไฟ ข้าพเจ้าเห็นผ้าโปร่งบางเป็นลูกไม้สีขาวคล้ายๆมุ้งม่านที่ระโยงระยางอยู่บนเพดาน
ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ดูราวกับว่าข้าพเจ้าถูกปกป้องอยู่อย่างปลอดภัยราวกับไข่ในหินเลยทีเดียว แปลกดีจริงๆ
จนบัดนี้ข้าพเจ้าชักชินและรู้ทางแล้วว่าจะต้องไม่ปล่อยใจเหมือนเข้าสมาธิต้องครองสติและเตรียมพร้อมตลอดเวลาคืออยู่ในโลก
ปัจจุบันตลอดก็จะไม่มีการหลงมิติไปได้…น่าแปลกที่มีมิติซ้อนกับบ้านของข้าพเจ้า ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของบ้านหลังนั้น…

 


 

 

เรื่องพิสดาร

-ข้าพเจ้าเคยเห็นคนมีความโปร่งใส มองจากระยะ 50 เมตร หลายๆคนที่สนามหญ้าโรงพยาบาลบ้านดุง
มีคนเดินไปเดินมาตามปกติแต่ข้าพเจ้ามองทะลุตัวเขาเห็นภาพอีกด้านหนึ่งได้ คนที่ว่าก็เป็นคนปกติ เช่น
นักศึกษาแพทย์และพยาบาลหรือคนไข้ แต่หน้าตาผิวพรรณจะขาวเผือดเหมือนกระดาษ เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้อง
ด้านมิติที่ข้าพเจ้าอยู่ และครั้งหนึ่งข้าพเจ้าไปดูมายากลที่เขาตัดร่างกายเป็นสามส่วนบนเวทีแห่งหนึ่งในเมือง
ผู้หญิงที่แสดงก็โปร่งใสมองทะลุเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ทราบว่าพวกเขาเป็นอะไรกันแน่ ข้าพเจ้ากลัวๆอยู่
ในตอนแรกๆ คิดว่าเจอผี ดีที่เป็นตอนกลางวัน ข้าพเจ้าคิดว่าคงไม่อยากให้ข้าพเจ้ากลัวมากเกินไปแน่ๆ

-ข้าพเจ้าสรงน้ำอาจารย์เทพด้วยน้ำธรรมดาในวันสงกรานต์ ด้วยความเคารพบูชา เป็นการตั้งที่บูชาเท่านั้น
ไม่มีรูปภาพหรือรูปปั้นใดๆ แต่ได้กลิ่นน้ำอบไทยเข้าจมูกหอมชื่นใจมาก...ยิ่งกว่าน้ำอบนางลอยหลายเท่า
จะเห็นว่า ข้าพเจ้าไม่รู้ธรรมเนียมอะไรนัก ทำไปตามที่ใจคิดด้วยความบริสุทธิ์เท่านั้นเอง

-ข้าพเจ้าเห็นคนวิกลจริต ผิวสีดำสนิทเหมือนถ่าน ผมยาวสลวย หน้าตาหล่อมาก แต่แต่งกายแบบคนสติไม่ดี
เดินสวนกับข้าพเจ้าที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งช่วงเย็นๆข้าพเจ้าเดินผ่านเขากลัวๆ ได้ยินเขาถามว่านี่มาจากไหน
ข้าพเจ้าจึงตอบในใจว่ามาจากนรก คงเป็นคำตอบที่ถูก น่าจะเป็นเทพมาเพราะตอนนั้นข้าพเจ้ากำลังสนใจเรื่อง
ระหว่างภพต่างๆอยู่ และได้เขียนบันทึกเอาไว้ด้วย

ยังมีอีกหลายเรื่องที่เป็นประสบการณ์แปลกๆที่ข้าพเจ้าพบเจอมากมายในชีวิตประจำวัน…ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
ส่วนมากเจอก่อนแล้วค่อยมีเหตุผลที่เกิดขึ้นตามจริง(แบบเหนือโลก)ตามมา หลังจากที่ข้าพเจ้าเดามั่วครบทุกพื้นที่แล้ว
บางครั้งเมื่อทราบความจริง สิ่งที่ข้าพเจ้าเดาไว้ก็กลายเป็นเรื่องน่าขบขัน ก็คนไม่รู้...จะทำอย่างไรได้
แต่ถึงอย่างไรก็เชื่อว่าทุกๆคนคงอยากทราบความจริงและวิธีการที่มันเกิดขึ้นจริงๆกันทั้งนั้น
ขณะนี้ข้าพเจ้าก็เก็บข้อมูลและค้นคว้าไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ถามเอา หรือท่านค่อยๆเฉลยให้ฟัง
บางครั้งข้าพเจ้าเกิดรู้ทุกอย่างขึ้นมาราวกับท่านบอกให้ แต่ไม่นานก็ลืมและเริ่มต้นงงใหม่ เป็นเช่นนี้เรื่อยมา
แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้มีต่อไปอีกชั่วกาลนานกระมังในความคิดของข้าพเจ้าเพียงแต่ปรับตัวปรับใจยอมรับเรื่องแบบนี้ว่ามีจริงๆ
ก็รู้สึกว่ายากมากแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าอาจจะมีคนจำนวนไม่น้อยที่มีโอกาสพบและเริ่มต้นด้วยความไม่เชื่อที่อธิบายตามหลักการ
แต่ถ้าเจอจริงๆแล้วจะรู้ว่า เชื่อไปเลยจะทุ่นเวลามากกว่า เพราะการหาเหตุผลหรือเนื้อแท้ของสิ่งที่ปรากฏว่า ท่านกำลังบอกอะไร
มีความสำคัญกว่าปาฏิหารย์มากมายนัก…สิ่งที่ท่านบอกใบ้ให้ส่วนใหญ่ก็เรื่องการปฏิบัติธรรมและเรียนรู้ธรรมะต่างๆตามจิตของตน
เพื่อกำจัดกิเลสมารเป็นหลัก ส่วนอภินิหารต่างๆช่วยให้ข้าพเจ้าตาสว่างขึ้น ไม่ยึดถือแต่ความเชื่อเดิมๆเป็นใหญ่เท่านั้น

เหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่บางคนอาจจะล่วงหน้าข้าพเจ้าไปมากแล้ว
 และถ้าท่านเมตตาจะช่วยบอกเป็นวิทยาทานก็จะเป็นพระคุณอย่างสูงยิ่ง…

อาจจะมีเพิ่มเติมเรื่องราวอีกถ้าข้าพเจ้าคิดได้และตั้งใจจะบันทึกเช่นนี้ไว้เรื่อย ถือเป็นการพัฒนาการศึกษาไปเป็นขั้นๆ
เสมือนเข้าโรงเรียนทีเดียว

 


Home :: Varities 

 

สนธยา(ต่อ)

 

-ข้าพเจ้าเคยไปที่คณะแพทย์รามาฯเป็นตึกสูงใหญ่และข้างล่างโปร่งกว้างเป็นลานมันวับคล้ายๆโรงแรมขนาดใหญ่
สถานที่แห่งนั้นใหญ่โตโอ่อ่า และมีห้องคนไข้อยู่บ้างและมีทางเดินเชื่อมตึก ส่วนใหญ่เป็นห้องที่มีเครื่องมือทันสมัย
ไม่เห็นเหมือนที่ศิริราช แต่คิดว่าข้าพเจ้าถูกกำหนดให้ดูคณะวิทยา-ศาสตร์ที่อยู่ติดกับรามาด้วย เพราะเคยเข้าไปใน
ตึกแบบนักศึกษา เป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้าเดินอยู่นานจนประทับใจในความโอ่อ่าเหล่านั้นมาก ทันสมัยจริงๆ
แต่ที่ไหนๆก็มีความเป็นไทยแทรกซึมอยู่ในบรรยากาศเหล่านั้น
จนข้าพเจ้าชักสงสัยว่าสากลพิภพคงจะมีจริงและคงไม่ใช่เมืองฝรั่งเท่านั้นที่เป็นสากลตามความเชื่อเก่าๆ
ที่สากลต้องของตะวันตกเสมอ การได้มารู้เห็นอย่างนี้บางทีข้าพเจ้าก็ไม่แน่ใจว่าบรรดาท่านที่อยู่ในที่สากล
เช่นนี้เป็นคนไทยหรือไม่ ราวกับท่านมีเผ่าพงศ์ที่พิเศษกว่าพวกเราและมีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมภาษาเป็น
ของท่านเองแต่ดูสูงส่งกว่าพวกเราในแดนมนุษย์มากทีเดียว…..ข้าพเจ้าหวังว่าท่านคงเป็นคนไทยมาก่อนหรือมี
ภพภูมิของความเป็นไทยที่แท้จริงอยู่ที่นั่นไม่ใช่แบบสมัยนี้ซึ่งเบี่ยงเบนไปมากแล้ว…
ข้าพเจ้าภูมิใจมากที่ความเป็นไทยของเราเป็นสากลจริงๆ…ไม่ได้ขายหน้าใครเลย
แม้แต่น้อยในความเป็นสากลในท่วงทำนองของคนไทยแท้ๆนี้…สูงส่งมากจริงๆ
(โดยการประเมินแบบผู้ที่มีความรู้เดิมพอๆกันแบบเราๆ)

-ข้าพเจ้าฝันถึงดินแดนประหลาดแห่งหนึ่ง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชะอุ่ม
มีทะเลล้อมรอบ…มีเด็กชายใส่ชุดสีน้ำเงินวิ่งออกกำลังกายรอบๆยอดเขาแห่งหนึ่งและมีสัตว์คุ้มครองเช่น
จระเข้…เด็กชายผู้นี้จะสั่งสิ่งของจากเรือสินค้าที่มาบริการเป็นประจำ….มีเรื่องราวต่อไปอีกว่าต่อมามีมารดา
เข้ามาเยี่ยมและมีคนอื่นๆตามมาอีก จนกระทั่งสร้างหมู่บ้านเล็กๆได้ พร้อมกับมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นเพื่อน
เพื่อเรียนหนังสือด้วยกัน…ที่น่าแปลกมากคือข้าพเจ้าเห็นสินค้าที่เด็กชายผู้นั้นสั่ง ปรากฏเป็นม้วนเทปคาสเส็ทท์4ม้วน
มีเพลงของพุ่มพวงรวมอยู่ด้วย และติดราคาไว้ 39 บาท เห็นตัวเลขชัดเจนมาก……วันรุ่งขึ้นเป็นวันล็อตเตอรี่ออก ปรากฏว่า
สามตัวบนออกเลข 394…..ข้าพเจ้าไม่มีวาสนาทางการเล่นเสี่ยงโชคแบบนี้ จึงไม่ได้สตางค์…..ทั้งที่ถ้าใครเล่นหวยคงรู้ว่า
เทวดามาบอกแบบชัดเจนมาก…..จนแทบไม่ต้องแปลเลย…..ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่า เรื่องตัวเลขนี้
คงล็อคมาจากสวรรค์แล้ว
…..และท่านคงหาทางให้คนที่มีโชคหรือมีวาสนาได้ซื้อตัวที่ถูก โดยการดลจิต
หรือให้โชคทางอื่นๆ…เป็นกาละไป

 

-ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเดินทางไปกับคุณพ่อและน้องชาย เป็นสถานที่ที่น้องชายบอกว่าเขาเป็นเจ้าของ
 แต่สองคนนี้คงเป็นเทพแปลง ข้าพเจ้าเห็นร้าน KFCซึ่งกลายเป็นห้างขนาดใหญ่
มีด้านหนึ่งเป็นร้านเช่าหนังสือข้าพเจ้าเข้าไปนั่งอ่านด้วย และอีกด้านหนึ่งเป็นห้างขนมแบบตะวันตก
มีแต่อาหารที่น่ากินและสวยงามมาก มีสายพานเลื่อนกล่องขนมที่เป็นแพ็คๆบรรจุอยู่ไปลงตามที่ต่างๆ
ของห้าง ข้าพเจ้าเห็นแล้วแทบไม่เชื่อสายตาที่มีขนมมากมายและน่าอร่อยขนาดนั้น
เหนือกว่าที่ข้าพเจ้าจะสามารถจินตนาการได้จริงๆและราวกับเป็นสถานที่จริง…
แต่ข้าพเจ้าก็อยากรู้กรรมวิธีการผลิตขนมของเขาจึงขึ้นรถไฟเล็กๆที่ไปถึงต้นทาง
ที่นั่นมีหม้อช็อคโกแลตมากมายและมีประวัติของสถานที่แห่งนั้น
ตรงปลายทางนั้นคนไม่มากแต่มีผู้หญิงมาขายน้ำแบบน้ำอัดลมและไก่ทอดในกะทะน้ำมัน
 ข้าพเจ้าเห็นชัดเจนมาก รู้สึกหิวน้ำเลยซื้อโค้กแก้วใหญ่ดื่ม..แล้วก็นั่งรอรถไฟเที่ยวกลับ…
ผู้หญิงเหล่านั้นแต่งตัวคล้ายแม่ครัวฝรั่ง…

-มีสถานที่เป็นห้างสรรพสินค้าที่สะอาดสะอ้านไกลสุดลูกหูลูกตาและสว่างไสวมาก มีเครื่องสำอางหลายชนิด
มีบันไดเลื่อนสถานที่โอ่โถงจนคาดไม่ถึงข้าพเจ้าไปที่นั่นคนเดียวและเดินไปเรื่อยๆจนพบที่ขายอาหารเป็นขนมเค้ก
และขนมฝรั่งที่หน้าตาน่ากินมากไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรข้าพเจ้าพบของกินไปเสียทุกที่จริงๆ
ในห้างเหล่านั้นผู้คนสวยงามสดใสผิวพรรณดีแต่เดินให้ทั่วคงเป็นไปไม่ได้
ข้าพเจ้ามักเหนื่อยและพยายามหาทางกลับ….ก็กลับมาจนได้…
ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความโอฬารและบรรยากาศที่สะอาดสะอ้านและดูเป็นสากลเหล่านั้น

-ข้าพเจ้าพบห้องสมุดสวยๆบ่อยๆบรรยากาศไม่เงียบนัก
ข้าพเจ้าเข้าไปอ่านหนังสือวิชาการจนถึงเทพนิยายหนังสือเล่มโตๆทั้งนั้น…งดงามสะอาดตาดีจริงๆ……
ข้าพเจ้าเคยพบกับบรรดาครูบาอาจารย์บ่อยๆ ดูคล้ายอาจารย์สมัยโบราณ
แต่บรรณารักษ์จะดุเล็กน้อย…ข้าพเจ้าเคยไปนั่งอ่านเทพนิยาย ซึ่งถูกแนะนำมาโดยท่านผู้ใหญ่
แต่ไม่มีสิทธิ์ยืมหนังสือ….ข้าพเจ้าเคยลอยผ่านบันไดเป็นขั้นในแนวดิ่งจนเหมือนกำลังลอยตกลงสู่เบื้องล่าง
ระหว่างทางนั้นข้าพเจ้าเห็นหิ้งหนังสือที่น่าสนใจมากมายและสวยงามทั้งนั้น ถ้าเลือกได้ข้าพเจ้าอยากเข้าไป
นั่งที่นั่นนานๆแต่มักมีเวลาที่ทำให้ข้าพเจ้าอยู่นานไม่ได้ระบบหนังสือของเขาและการจัดห้องสมุดแต่ละชั้น
แตกต่างกันไปแต่เป็นระเบียบและใหญ่โตมาก…ข้าพเจ้าฝันถึงห้องสมุดทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกที
จึงคิดว่าคงมีอยู่จริงในภพนั้น….ไม่เหมือนห้องสมุดที่เคยพบมาแน่นอนแม้จะเป็นหนอนหนังสือจริงๆคนหนึ่ง…

-ข้าพเจ้าเคยพบร้านขายหนังสือที่ชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่นั้นมีหนังสือแปลกๆมากมายแต่ราคาแพงทั้งนั้น
เป็นหนังสือที่ข้าพเจ้าชอบและอยากได้เพราะสวยงามมาก แต่ที่ข้าพเจ้าซื้อได้กลับเป็นเทพนิยายและวรรณกรรมเยาวชน
ซึ่งคนที่ดูหนังสือที่นั่นเขาพยักหน้าอนุญาตราวกับข้าพเจ้ามีสิทธิในหนังสือพวกนั้น…
ข้าพเจ้าเจอนักเรียนที่รู้จักข้าพเจ้า…การไปห้างต่างๆคงเป็นวาสนาของข้าพเจ้าอย่างมาก…
ข้าพเจ้าเจอคนมากมายหน้าตามักจะเฉยๆกับข้าพเจ้าแต่เขารู้จักข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็เดินไปเดินมาอย่าง
สบายใจตามควร มีบางครั้งที่เหงาแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร…เพราะไปคนเดียว

 

--อีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รับบทสำคัญพอสมควรในฝันนั้นข้าพเจ้าเห็นชายหนุ่มผมทองรูปหล่อมาก เหมือนลีโอนาร์โด
 หรือแจ๊คในไตตานิค เขาเกิดบ้าระห่ำขึ้นมา เขาขี่บอลลูนขึ้นฟ้าสีน้ำเงินสดใสและไม่ยอมกลับลงมา แสดงท่าทาง-
ผาดโผนน่ากลัวอันตราย และไม่ยอมลงมาพักผ่อนกินข้าวกินน้ำ มึคนมาดูเขามากด้วยความเป็นห่วง
ข้าพเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานภายใต้มาตรการปลอดภัยมีหน้าที่ส่งอาหารและความช่วยเหลือถ้าเขาต้องการ
มีผู้มาก่อหอคอยและใช้-ลวดสลิงส่งข้าพเจ้าขึ้นไปบนหอคอยที่ใกล้กับจุดที่อยู่ใกล้เขาที่สุด
แต่ข้าพเจ้าก็เหมือนๆกับคนทั่วๆไป…ที่ไปช่วยกันตามหน้าที่..ข้าพเจ้าเห็นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งผมยาวเดินไปที่ลิฟท์พิเศษ
อย่างคนที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวและกึ่งเศร้าเล็กน้อย เธอปิดประตูลิฟท์และขึ้นไป-ปรากฏอยู่ในบอลลูนร่วมกับชายคนนั้น
และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจเธอทำหน้าที่ที่ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะทำได้เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย
เธอยอมเสี่ยงภัยเพราะอะไรข้าพเจ้าไม่ทราบ แต่ในที่สุดชายคนนั้นก็รับน้ำและอาหารที่เธอนำไปให้
ขณะที่การยื่นมือไปช่วยเหลือของข้าพเจ้าไม่ได้รับความสนใจแต่อย่างใด….เขาเหมือนคนที่กำลังจิตสับสนมาก
ข้าพเจ้าแปลกใจที่เธอพยายามทำให้เขาเกิดความสนใจ…..ภายในช่วงเวลาที่ไม่นานนัก…เขาก็สอนเธอให้บังคับบอลลูนผาดโผน
ข้าพเจ้าเห็นเธอยิ้มแย้มร่าเริงสดชื่นจนเปลี่ยนเป็นคนละคนกลายเป็นหญิงสาวผมทองหน้าตางดงามมากและเขาก็คลายจาก
อากัปกิริยาก้าวร้าวลง และในที่สุดเขาก็รักเธอ…เขากลับมีอาการเหมือนวีรบุรุษที่ได้รับชัยชนะ..อย่างแท้จริง…
แล้วเขาก็พาเธอกลับลงสู่พื้นดินท่ามกลางความตื่นเต้นยินดีของทุกๆคน ข้าพเจ้าก็กลับลงมาที่พื้นดินเช่นกัน
ข้าพเจ้าแสดงความยินดีกับเขาโดยยก…กระป๋องสิงห์เบียร์….ให้ ขณะที่เขาติดยี่ห้อคาร์ลสเบิร์กไว้ที่แผ่นหลัง
เขาชะงักเล็กน้อยคล้ายจะเลยผ่านไปแต่ข้าพเจ้าก้มศีรษะทำนองชมเชยเขาจึงรับเบียร์ขวดนั้นไปดื่ม
และร่วมฉลองกับผู้คนในบาร์ร่วมกับสาวผมทองคนนั้น

  ในที่สุดข้าพเจ้าก็สรุปว่าเขาคงกำลังโฆษณาเบียร์อยู่แน่ๆและก็ทนทานเสน่ห์สิงห์เบียร์จากน้ำใจคนไทยไม่ได้เช่นกัน.
เรื่องนี้ไม่รู้ว่าข้าพเจ้าควรจะได้ค่าโฆษณาเบียร์สิงห์โกลด์เพราะความเป็นไทยๆหรือได้รับค่าเชียร์จากคาร์ลสเบิร์กที่ทำ
โฆษณาได้อย่างน่าสนใจดีมาก แต่ถ้าจะพูดตามตรง สาวผมทองย่อมชนะข้าพเจ้าแน่นอนด้านความโรแมนติค
เวลาข้าพเจ้าเดินทางแบบนี้ ชาวต่างประเทศมักเมินๆพิกลอยู่ ไม่ทราบว่าในต่างภพนั้น
เขาเห็นพวกเอเชียเป็นพลเมืองชั้นสองหรือไม่..ให้ความรู้สึกเหมือนไปต่างประเทศในซีกโลกตะวันตก
ซึ่งไม่เคยปรากฎในชีวิตจริง..นับว่าแปลกดี

ข้าพเจ้ายังจำท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใสที่มีบอลลูนสีสดทาบอยู่ได้อย่างชัดถนัดตา


-ข้าพเจ้าเริ่มฝันถึงคนรักที่อยู่ขอนแก่นมา 2 วันแล้ว ราวนี้มีชมรมผู้ไทยด้วย (ชมรมที่คุณพ่อเป็นประธานในชีวิตจริง)
ข้าพเจ้าไปจองสถานที่กินเลี้ยงกับคุณพ่อและน้องสาวที่โรงแรมเชอราตัน คำนี้ผุดขึ้นมาเองในฝันนั้น
แต่เมื่อไปถึงสถานที่นั้นกลายเป็นโรงแรมเล็กๆไม่สมชื่อเลย ข้าพเจ้าไม่พอใจนัก มีแต่โต๊ะคล้ายโต๊ะโรงอาหาร เพราะตอนเปิดชมรมนั้นจัดงานในโรงแรมที่หรูหรามาก มีอะไรๆให้ดูมากมาย (ตอนเปิดจริงๆ)
แต่ในที่สุดเขาก็จัดประชุมกันจนได้ ลักษณะเป็นการประชุมในห้องที่เหมือนห้องประชุมที่โรงเรียนแพทย์
มีคุณพ่อกล่าวอวยพรแบบโองการเทวดา เห็นคุณพ่อในภาพยนต์ด้วย เขาขึ้นจอเหมือนในโรงภาพยนตร์หรือตามพับต่างๆ
ข้าพเจ้าสงสัยว่า คงมีแต่เทพทั้งนั้นที่ไปประชุมคราวนี้ ข้าพเจ้าก็อยู่ได้จนจบการประชุม เพราะมีผู้ใหญ่ท่านดึงเอาไว้
แล้วข้าพเจ้าก็เห็นเขาเดินออกไปพูดที่ไมค์เห็นแต่แผ่นหลังของเขาข้าพเจ้ายิ้มๆและคิดว่าเขาคงเป็นคนรักที่ข้าพเจ้ารักที่สุด
เพราะมีความสบายใจอยู่ด้วยแต่ก็เกิดขัดแย้งในใจเมื่อคิดถึงคนรักเก่าโดยไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรแต่ข้าพเจ้าคิดว่าลืมเขาไป
มากแล้ว..ในฝันนั้นข้าพเจ้ารู้สึกหิว เลยหยิบขนมมาดื้อๆเป็นขนมเค้กสี่เหลี่ยมฟูๆ น่าจะอร่อยมากบริกรเห็น เขาก็บอกว่า 
ก็ได้ …ข้าพเจ้าคงไม่เป็นขโมยไปขโมยของกินของเทวดา…เพราะข้าพเจ้าหิวจริงๆเกรงว่าอาจมีผลทำให้อ้วนไม่ยอมลดเลยก็ได้

 

-ข้าพเจ้าฝันว่าตนเองขับรถมาสด้าปิคอัพไปจอดที่สถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายๆแมคโคร และมีอุปกรณ์การเกษตร รถไถ ตั้งโชว์อยู่
ราคาเป็นแสน ข้าพเจ้าเดินซื้อของและหอบของกลับไปกลับมาหลายเที่ยว ทำงานหนักทีเดียว และได้ดูรถแทร็คเตอร์นั้นด้วย
มีคนแนะนำประสิทธิภาพต่างๆให้ฟัง ข้าพเจ้าเปิดไฟรถทิ้งเอาไว้…ตอนขากลับเที่ยวสุดท้าย….ข้าพเจ้าเกิดขาอ่อนแรงทั้งสองข้าง 
ล้มลงทันที ….ข้าพเจ้ามานะพยายามจะลุกขึ้นให้ได้ เพราะเป็นห่วงว่ารถจะแบตเตอรี่หมดแล้วจะกลับไม่ได้ แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
แล้วหมดสติไป…หลังจากนั้นสักพักก็รู้สึกว่าเป็นอีกคนหนึ่งกำลังนอนหลับอยู่..มีเสียงเคาะประตูและเสียงของพี่กุมารแพทย์
คนนั้นกำลังเรียกข้าพเจ้าว่า…จอมฤทัย…จอมฤทัย……ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้น….เดินออกไปข้างนอก เห็นแต่ความมืดสนิทและนิ่งสงัด 
ข้าพเจ้าพยายามก้าวเดินแต่เหมือนมีแรงต้านข้าพเจ้ากัดฟันเดินไปข้างหน้าและนึกถึงพี่หมอเด็กคนนั้นตั้งใจมุ่งมั่นจะไปพบเขา
ให้ได้ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยการเหาะไป ไม่ทราบว่าแรงส่งนั้นมาจากที่ใดรู้สึกกลัวมาก
ข้าพเจ้าหยุดอยู่หน้าประตูที่ปิดอยู่มีกลอนล็อคทั้งสองบาน…ข้าพเจ้ากำลังกลัวว่าจะชนประตู …แต่กลอนด้านซ้ายก็ตกลง
ปล่อยข้าพเจ้าออกไปข้างนอก ข้าพเจ้าโล่งใจมาก เดินออกไป มีโต๊ะลงทะเบียนเรียนอย ู่ข้าพเจ้าก็ไปบอกชื่อเอาไว้
วิชานั้นคือ..จิตเวชเด็ก…แต่อาจารย์จิตเวชเด็กบอกให้รอก่อน…แล้วข้าพเจ้าก็ตื่นขึ้น……ประทับใจกับการเคลื่อนที่แบบนั้นมาก

 -วันก่อนข้าพเจ้าก็ฝันเห็นหน้าเขาในสภาพผู้ชายชาตรีแต่ค่อนข้างดุๆ แต่ก็ยังเซ็กซี่เหมือนที่เคยเห็นในบางครั้ง
เป็นผู้ชายเต็มตัวคนเดิมที่ข้าพเจ้าเคยรัก แต่ตอนนี้ข้าพเจ้าสับสนเล็กน้อย เพราะในชีวิตจริงไม่เหมือนกับในฝัน
เขายังคงไม่เหลียวแลข้าพเจ้าเช่นเดิม
ต่อไปข้าพเจ้าคงจะเปลี่ยนไปฝันถึงคนอื่น……ถ้าเขาไม่ปรับปรุงตัวบ้าง……
ข้าพเจ้าสงสัยว่าทำไมโรงแรมถึงมีห้องพักที่แน่นขนัด ยังกับหอพักก็ไม่ทราบ…แปลกจริง…โรงแรมที่ข้าพเจ้าพูดถึง
คล้ายหอพักมาก มีคนอยู่มากมาย แต่มีบริการเหมือนโรงแรมทั่วไป ส่วนใหญ่เป็นห้องที่พักได้ทั้งครอบครัว
ที่พักประเภทนี้มักรองรับคนจำนวนมากแต่เป็นพื้นที่แคบๆ แต่เราก็อยู่กันได้ โดยไม่อึดอัดเลย

 

-ข้าพเจ้าฝันว่า กลับไปที่หอหญิงศิริราช ที่นั่นมีห้องมากมายแต่มีห้องน้ำน้อย และต้องพักกับผู้อื่น เช่นรูมเมทเก่า
หรือใหม่ก็ตามมีความสว่างมากกว่าที่เคยพักและบรรยากาศที่แตกต่างกันบอกไม่ถูกว่าเป็นแบบไหนคล้ายๆกับมี
ความใกล้ชิดผูกพันกันทั้งที่ไม่ค่อยรู้จักกัน มีแต่ความเป็นมิตรที่สัมผัสได้ด้วยใจทั้งนั้น ไม่เคยมีอันตรายใดๆเลย

-ข้าพเจ้าฝันว่าไปเรียนหนังสือระดับปริญญาโท มีอาจารย์ผู้หญิงซึ่งเป็นคนมีเสน่ห์มากสอน แต่สอนยากมาก ฟังแทบ
ไม่รู้เรื่องเลย มีเพื่อนผู้ชายทำท่าโกรธๆว่าอาจารย์เอาเปรียบและเขาก็ทำโน้ตย่อมาอ่าน ข้าพเจ้าอ่านโน้ตย่อของเขา
แล้วเข้าใจดี จึงบอกว่าดีมากเขาก็ทำท่าพอใจ แต่อาจารย์ที่สอนมีวิธีสอนแปลกๆ บางตอนก็จะมาเจาะจงสอนเฉพาะคน
ราวกับว่าเราต้องทำตรงนั้นให้ได้เพราะเป็นหน้าที่หลักของเราในการเรียนนี้ข้าพเจ้าได้รับเรื่องเกี่ยวกับเฮลิกซ์หรือคล้ายๆ
อย่างนั้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เรียนไปตั้งนานกว่าจะรู้ว่ากำลังเรียนเรื่อง เอ็นไซม์ ก็สนุกดี
ในห้องเรียนมีนกเป็นๆทำรังอยู่ในกรงบริเวณล็อคเกอร์เหนือศีรษะพวกเรา เป็นนกที่อาจารย์ทำการวิจัยอยู่
ข้าพเจ้านึกกลัวโรคสมองอักเสบอยู่เหมือนกันเพราะมีนกเป็นพาหะ แต่อาจารย์ก็ดูมีความมั่นใจสูงและไม่แคร์ใครนัก
เป็นผู้หญิงที่สวยมีเสน่ห์มากและเก่งทีเดียวแม้ว่าจะมีเทคนิคการสอนที่ไม่เหมือนใครก็ตาม…

-ข้าพเจ้าฝันว่าข้าพเจ้าขับรถไปกับคุณพ่อและน้องสาวที่นั่งของข้าพเจ้าสามารถขับรถได้ด้วยคล้ายๆรถฝึกหัดขับที่ครูฝึก
จะนั่งควบคุมพวงมาลัยได้ด้วยเวลาเกิดกรณีฉุกเฉิน ข้าพเจ้าฝันว่าคุณพ่อขับรถไปเรื่อยๆ แล้วก็เกิดอาการเกร็งตาค้าง
เหมือนเส้นโลหิตในสมองแตกรถเกือบเสียการควบคุมข้าพเจ้าบอกน้องสาวซึ่งนั่งซ้อนบนตักของข้าพเจ้าอยู่แนะนำวิธีชลอ
และเบรครถ แต่น้องสาวของข้าพเจ้าก็นิ่งไปอีกคน ทำให้ข้าพเจ้าต้องค่อยๆเบนรถเข้าข้างทางและชลอความเร็วจนหยุดรถได้
และรีบลงจากรถนำคุณพ่อและน้องสาวออกจากรถเพื่อปฐมพยาบาล บริเวณนั้นมีชาวบ้านอยู่มาก และเข้ามาช่วยด้วย
ข้าพเจ้ารีบดูคุณพ่อก่อน..ได้ช่วยหายใจจนคุณพ่อฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแล้วรีบไปดูน้องสาวก็ต้องใจหายวูบ…
เพราะน้องสาวหมดลมหายใจเสียแล้ว เพราะคนที่มาช่วยเอาน้องสาวใส่เปลยาวที่มีฝาปิดไม่มีอากาศสำหรับหายใจ
ข้าพเจ้าโกรธมากแต่ก็ปั๊มหัวใจและช่วยเหลือต่างๆนานาจนน้องสาวเริ่มแสดงอาการหายใจได้
นึกเสียใจที่มัวแต่ช่วยคุณพ่ออยู่จนไม่ได้ดูน้องสาวเพราะไว้ใจคนอื่นมากเกินไป เรื่องนี้ข้าพเจ้าคงต้องจำไว้เป็นบทเรียน
เวลาดูคนไข้ ข้าพเจ้ารู้สึกพอใจที่ตนเองสามารถควบคุมสติได้เป็นอย่างดีและช่วยเหลือตัวเองรวมทั้งคุณพ่อและน้องสาวได้
แม้จะฉิวเฉียดไปหน่อย

 

-ข้าพเจ้าฝันเห็นปีศาจคอยาวเฟื้อย ผมยาวรุงรัง ยืดคออกมาจากอัลบั้มใส่ชุดไทยของข้าพเจ้าบนหัวเตียง
ในฝันข้าพเจ้าโกรธมากที่เขาบังอาจเอาอัลบั้มของข้าพเจ้าเป็นที่สิงสู่ เพราะมีแต่รูปที่มีความสำคัญยิ่งทั้งนั้น
เพราะถ่ายแบบใส่ชุดไทยห่มคลุมด้วยผ้าไหม…นางปีศาจนั้นทำท่าอยากยึดครองเป็นเจ้าของและจะแย่งให้เป็น
ของพวกมันข้าพเจ้าโกรธจนลืมกลัว พยายามจะคว้าคอมันมาให้ได้จนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามือยังกำแน่นอยู่เลย
ต้องลุกขึ้นมาดื่มน้ำและพักจิตใจอยู่ครู่หนึ่งจึงไปนอนต่อ และก็ไม่ได้ฝันถึงอีก

-อีกครั้งหนึ่งเป็นผีตัวดำปี๋เป็นผู้หญิงรูปร่างผอมเกร็งหุ่นนางแบบแต่หน้าตาดำน่าเกลียดผมสั้นเป็นฝอยหยิกๆ
ทำท่าคร่อมอยู่ใกล้ข้าพเจ้าและแยกเขี้ยวใส่พยายามจะเข้ามายึดครองร่างข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าดิ้นรนต่อสู้จนตื่น
ขึ้นมาเอง สงสัยเป็นเปรต

-ข้าพเจ้าเคยฝันเห็นปีศาจบ่อยมากอยู่ช่วงหนึ่งมาสารพัดแบบแต่ก็มักจะใช้วิธีดิ้นรนหนีหรือไม่ก็ต่อสู้และร้องออกมา
ให้ได้เหมือนคนละเมอต่อมาไม่นานนี้คนรักที่มานอนเป็นเพื่อนข้าพเจ้าได้บอกด้วยกระแสจิตให้ข้าพเจ้าท่องคาถาสั้นๆ
สี่คำประเภทกะอะอิมะมิฯลฯอะไรพวกนี้หรืออะอุมิก็ไม่ทราบเพราะตอนนี้ลืมไปแล้วแต่ก็แปลกที่ท่องแล้วข้าพเจ้ารู้สึกสงบ
และสบายใจดี จนไม่ต้องลุกไปดื่มน้ำก็สามารถนอนต่อได้อย่างสบายใจ… ข้าพเจ้ามักต่อว่าคนรักเสมอที่เขาไม่ช่วยไล่ผีให้
ข้าพเจ้า แต่เขาไม่เห็นบอกว่าอะไรในเรื่องนี้หรือจิตของเขาในเวลานั้นไม่อยู่ก็เป็นได้ จึงมีผีเข้ามากวนข้าพเจ้าได้…

-การไปเป็นแพทย์ประจำบ้านในแดนสนธยานั้นก็โหดไม่แพ้ในชีวิตจริงข้าพเจ้ามักจะเคร่งเครียดและแบกความรับผิดชอบ
ไว้มากๆเสมอข้าพเจ้าเป็นกระทั่งแพทย์ประจำไอซียูและต้องเข้าประชุมเช้าเกี่ยวกับคนไข้อยู่เป็นประจำเป็นสถานที่ที่เป็น
ศิริราชแต่ไม่ทราบว่ากาลไหน เพราะดูเป็นเรือนไม้เก่าแก่แต่สง่างามอยู่ดูขลังๆแบบตึกโบราณ ดูใหญ่โต บรรยากาศขรึมๆ
เครื่องมือเครื่องใช้ของการแพทย์มีตั้งแต่ราคาต่ำๆแบบดัดแปลงเอาเองจนถึงแพงๆแบบไม่น่าเชื่อสายตาแต่ดูไม่ขัดกับ
สถานที่ ที่แน่ๆคือข้าพเจ้ามีคนไข้เยอะแยะโดยเฉพาะคนไข้เด็กๆแต่บางทีก็มีผู้ใหญ่เหมือนกันตึกที่ไปประจำคือข้าวไทยบน
และล่าง…กับตึกพิเศษ…ข้าพเจ้าค่อนข้างเหงาๆและไม่สบายใจนักแต่ดีขึ้นถ้าอยู่กับเด็กๆ…ข้าพเจ้ามักตามหาพี่ที่เป็นแพทย์กุมาร
ที่ข้าพเจ้าเคยรักแต่ตามหาเขาไม่เจอเสียทีและรู้สึกเหมือนวนเวียนอยู่ที่นั่นได้เพราะมีเขาอยู่ในหัวใจและพยายามที่จะหาเขา
ให้พบจนได้
ที่นั่นเจ้าหน้าที่รู้จักและรักใคร่ข้าพเจ้าเป็นอันดี 

-การทำงานไม่โหดเท่าไหร่แต่ตอนออกราวด์เย็นในฝันที่ข้าพเจ้าเป็นหัวหน้าทีม มักจะไม่ค่อยชอบใจเลย รู้สึกมีแต่คนไข้หนักทั้งนั้น
แถมมีไม้เบื่อไม้เมาเรื่องการสอบบอร์ดแทรกอยู่ในฝันเป็นประจำสม่ำเสมอกว่าจิตไร้สำนึกจะตื้นขึ้นจนนึกได้ว่าขณะนี้ตนเองมีสภาวะ
ใดก็ทำเอาใจเสียไปหลายครั้งขณะนี้จะจำได้เสมอว่าตัวเองสอบผ่านไปแล้วจึงดีขึ้นบ้าง….เร็วๆนี้ข้าพเจ้าเกิดนึกอยากลาออกระหว่าง
การเทรนนิ่งโดยมีสาเหตุจากความไม่พอใจในการศึกษานี้ข้าพเจ้าจะลาออกวันที่ข้าพเจ้าพ้นวอร์ดข้าวไทยล่างซึ่งเป็นที่สบาย…แต่ไม่
อยากอยู่ต่อไปอีกแล้วแต่ก็นึกเป็นห่วงวอร์ดใหม่ว่าจะไม่มีคนราวด์จึงขึ้นลิฟท์ไปถึงชั้น10ที่มีแต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการทำงานและ
ประชุมกันอยู่คล้ายกับเป็นห้องประชุมบริหารซึ่งไม่มีคนไข้และไม่มีใครสนใจข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้แต่สังเกตเขาอยู่ห่างๆ
เห็นเขาวุ่นวายกันไม่น้อยจึงเลื่อนไปชั้น11ปรากฏว่าเป็นห้องเครื่องอัฐบริขารและของมีค่าเช่นสายสร้อยทองคำที่ถวายพระและ
พระพุทธรูปไม่มีใครอยู่เลย…ข้าพเจ้าถูกลิฟท์พาขึ้นมาเองข้าพเจ้าจึงกดลิฟท์ไปดูว่าตนเองลงจากวอร์ดข้าวไทยล่างแล้วจะไปอยู่
ที่ไหนต่อไปดูที่สำนักงานของภาควิชาปรากฏ-ว่าวอร์ดต่อไปคือชั้น10และ11จริงๆทำเอางงเพราะไม่มีคนไข้เลยและปกติลงจาก
ที่สบายก็จะต้องไปอยู่ที่หนักๆ…เรื่องของภาควิชากุมารฯที่เป็นสำนักงานนี้เป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้ามาเผชิญบ่อยๆจนรู้สึกคุ้นเคย
..ก็ไม่มีอะไรมาก….มีเจ้าหน้าที่ทั้งหญิงชายและโต๊ะอาจารย์บางท่านรวมทั้งห้องวิจัย….ข้าพเจ้าถูกส่งมาที่นี่บ่อยๆ
แต่ก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไร ราวกับเป็นแพทย์ประจำบ้านที่มีหน้าที่ทางธุรการด้วย ซึ่งในชีวิตจริงต้องอยู่ในระดับ CHIEF
หรือหัวหน้าแพทย์ประจำบ้านเท่านั้น

-ข้าพเจ้าไปธรรมจาริกกับคณะผู้ปฏิบัติธรรม มีโรงอาหารที่มีอาหารประเภทข้าวต้ม น้ำถั่วเหลือง เป็นอาหารเช้า
เขาเข้าแถวกันแต่มีผู้มาแซงข้าพเจ้าทุกที จนอาหารหมด เลยไม่ได้กินอะไร แต่ก็ไม่หิว…รู้สึกเขาเงียบๆกัน
ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกๆแต่ขากลับก็นั่งรถเมล์กลับกับพวกเขา มีผู้หันมาดูข้าพเจ้าบ้าง และมีการแนะนำตัวกันบนรถ
แต่ส่วนมากนั่งสงบกันและมีลมเย็นๆพัดมาในรถตลอดเวลา ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนบนรถเลย ไม่รู้ว่ามากับเขาได้อย่างไร
แต่ก็รู้สึกมีความสำคัญอยู่เช่นกัน ที่ไปแบบนี้เป็นคนวัยกลางคนเป็นส่วนมาก สุภาพเรียบร้อยทั้งสิ้น

-ข้าพเจ้าไปเล่นน้ำทะเลริมหาดที่มีผู้คนมากมาย แลเห็นเกาะสีเขียวเข้มอยู่ข้างหน้าลิบๆ ดูสวยงามเย็นใจ ต้นไม้ใหญ่ดี
จึงตัดสินใจว่ายข้ามไปเพราะอยากอยู่เงียบๆ เกือบว่ายไม่ถึงเกาะนั้น พอหมดแรงเท้าก็หยั่งถึงพื้นทรายพอดี เหนื่อยมาก
น้ำใสมากและทรายขาวสะอาด มีคนมาที่นั่นอยู่บ้างข้าพเจ้าชอบสถานที่บริเวณนั้นมากเพราะได้ว่ายน้ำเต็มที่ดีและน้ำไม่ขุ่นเลย
ข้าพเจ้าดีใจที่ใช้ความพยายามจนไปถึงจุดหมายได้ ข้าพเจ้ามักถูกทดสอบพละกำลังอยู่เสมอๆ


-ข้าพเจ้าฝันว่าออกไปฝึกงานต่างจังหวัดช่วงที่เป็นแพทย์ประจำบ้าน หัวใจหนักอึ้งและไม่มีความสุขเลย 
รู้สึกเศร้าๆ ได้เดินขึ้นถนนบนเขาซึ่งอากาศไม่ร้อน ไม่มีแสงแดด เงยหน้าขึ้นเห็นต้นไม้สูงใหญ่เสียดฟ้า
เขียวชอุ่มจนสดชื่นขึ้นทันทีและบอกตนเองว่าน่าจะหาความสุขใส่ตัวบ้าง จึงปล่อย-อารมณ์ให้สบาย
และเข้าประตูสถานที่ที่เรียกว่าสวนโมกข์ ซึ่งดูแห้งแล้งไปหน่อยและมีอากาศร้อน ค่อนข้างรกเรื้อ
มีผู้แนะนำให้ไปดูโรงมหรสพทางวิญญาณ แต่ข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาก่อน

-บางที ข้าพเจ้าฝันว่านั่งรถไป โดยข้าพเจ้านอนอยู่บนรถที่เปิดประทุนคล้ายรถปิ๊คอัพ มองท้องฟ้าไปเรื่อยๆ
ครั้งหนึ่งเคยเห็นสิ่งก่อสร้างประเภทพญานาคพันกับเสาที่ข้างทาง ใหญ่โตมาก แต่คล้อยหลังไปไม่นานนักก็หักพังลง
มีผู้บอกในฝันว่าเป็นของนักการเมืองมาทำเอาไว้ ข้าพเจ้านึกเสียดายเพราะสวยงามดี เป็นชะตาของผู้ทำกระมัง

-บนฟ้าทุกๆแห่งเมื่อมองขึ้นไปจะพบปรากฏกาารณ์แปลกๆเสมอ ข้าพเจ้าเคยฝันเห็นพระจันทร์มียันต์ปิด
และมีผู้ชายวัยหนุ่มเหาะเหินเดินอากาศได้สู้รบกันอยู่แบบซ้อมกีฬา ลอยไปมาอยู่บนฟ้ายามราตรี อันเป็นปกติ
ของสถานที่นั้น แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด ข้าพเจ้าไปยืนดูเขาอยู่ เขามีอิทธิฤทธิ์จริงๆ

-ข้าพเจ้าพยายามเดินขึ้นเขาซึ่งเป็นหน้าผามีทางเดินเป็นก้อนหินสีเทาๆในระยะแรก เพื่อไปชมถ้ำข้างบน
แต่ไปๆมาๆก็ปรากฏว่าทางลำบากขึ้นเรื่อยๆ มีอันตรายจากสัตว์ป่ามากมาย ข้าพเจ้ารู้สึกเหนื่อยมาก
จึงขึ้นไปไม่ได้มากนักก็กลับลงมา ไปคนเดียว แต่น้าสาวที่เดินล่วงหน้าไปก่อนไปถึงถ้ำนั้นได้
เรียกว่าถ้ำพระอุมาที่มีขุมทรัพย์และคนกล้าและกำลังดีจริงๆจึงจะขึ้นได้เหมือนในชีวิตจริงเวลาขึ้นเขาไปไหว้พระ
หรือพระบรม-สารีริกธาตุ ข้าพเจ้าต้องมีคนร่วมทางที่เป็นเพื่อนแท้คอยดูแลและลากจูงข้าพเจ้าขึ้นไปจนถึงยอดเขา
ไม่เช่นนั้นพอหมดแรงข้าพเจ้าก็เลิกคิดจะขึ้นให้ถึงยอดเอาดื้อๆ เพราะจะเหนื่อยมากๆ ที่น่าแปลกคือข้าพเจ้าจำวัดได้
วัดที่ข้าพเจ้าเคยไปในฝันมีบันไดขึ้น ในเวลาต่อมาข้าพเจ้าไปไหว้พระที่วัดหลวงปู่หล้า สถานที่เหมือนกับที่ข้าพเจ้าเห็นในฝัน
และมีเพื่อนชายจับมือดึงข้าพเจ้าไปจนถึงยอดในชีวิตจริง

 

 

(ยังมีต่อ)