>>Home :: Varities

เ  ก  ร็  ด  ค  ว  า  ม  รู้  
     
    โดย::คุณหมอ        


อัญมณีประจำเดือนเกิด

 

เดือน อัญมณี ความหมาย พลังอำนาจ รักษาโรค
มกราคม การ์เนต,โกเมน มั่นคง สุขภาพดี ป้องกันพิษ
กุมภาพันธ์ อาร์เมธิสต์ จริงใจ สติปัญญาหลักแหลม ป้องกันความมึนเมา
มีนาคม อความารีน กล้าหาญ จิตว่าง,สงบ ป้องกันอุบัติเหตุ
เมษายน เพชร บริสุทธิ์ ความรักนิรันดร์ ป้องกันโรคระบาด
พฤษภาคม มรกต,หยก มิตรภาพ ความรักซื่อสัตย์ รักษาโรคตา
มิถุนายน มุกดาหาน,มุก อ่อนโยน ความมีอุดมคติ บำรุงร่างกาย
กรกฎาคม ทับทิม ความพอใจ มั่งคั่ง,ความสุข รักษาโรคเลือด
สิงหาคม เพอริโดต์ มีเสน่ห์ ความสุขชีวิตสมรส ขับไล่ภูติผีปีศาจ
กันยายน ไพลิน  ความฉลาดเฉลียว  เมตตากรุณา รักษาโรคหัวใจ
ตุลาคม โอปอล ความสมหวัง

ความโชคดี

ป้องกันอาหารเป็นพิษ
พฤศจิกายน บุษราคัม ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ ขจัดความทุกข์โศก
ธันวาคม เทอร์คอยส์ เจริญรุ่งเรือง มีโชคด้านธุรกิจ ป้องกันการตกม้า

 


>>Home :: Varities

                                                      โรคขาดวิตะมินD 

    ทราบหรือไม่ว่า สตรีวัยทองมากมาย ยังไม่ทราบถึงคุณประโยชน์ของวิตามินD ว่าเป็นตัวจักรสำคัญ 
ในการป้องกันกระดูกหัก     ผลการศึกษาที่พิมพืในวารสารการแพทย์อเมริกัน ชี้ว่า สตรีวัยหลังหมด
ประจำเดือนจำนวนมาก ไม่ทราบว่า วิตามิน D มีบทบาทสำคัญซึ่งช่วยให้ร่างกายควบคุมแคลเซียม 
และรักษาความแข็งแกร่งของกระดูก น.พ. เมอริล เอส ลีบอฟ หัวหน้าคณะผู้วิจัยเรื่องนี้ และหัวหน้า
โครงการเกี่ยวกับกระดูกพรุนของบริกแฮมและโรงพยาบาลหญิงในเมืองบอสตัน เห็นว่าควรประชา-
สัมพันธ์ ถึงความสำคัญของวิตามินD ให้ทั่วถึงขึ้น

    ถ้าให้สตรีกินแคลเซียมเสริมโดยไม่มีวิตามินDช่วย จะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหา ความเสี่ยงต่อ
กระดูกหักทั้งหมด ในงานวิจัยนี้ ผูวิจัยเปรียบเทียบสตรีซึ่งประสบปัญหากระดูกสะโพกแตกจำนวน 30 
ราย กับสตรีปกติ 68 ราย ผลปรากฏว่า ครึ่งหนึ่งของกลุ่มที่กระดูกสะโพกแตก ขาดวิตามินD

    อาหารที่มีวิตามินDมากคือ ไข่ นม และธัญญาหาร ซึ่งผ่านขบวนการเสริมวิตามินD แล้ว ในกรณีที่
สนใจเสริมวิตามินD เป็นพิเศษ ขอแนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ประจำตัวของท่าน

                                                (รีดเดอร์ไดเจสท์ มีนาคม 2001)


>>Home::Varities
10 ตุลาคม 2544

เพลงภูมิแผ่นดิน นวมินทร์มหาราชา

เพลงนี้กำเนิดขึ้นในครบรอบพระชนมายุ 72  พรรษาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องด้วยต้องการสื่อความหมายถึงพระองค์ จึงมีนักแต่งเพลง 9 คน
และนักร้องทั้งหมด 72 คน

ผู้ประพันธ์ทำนองมี
1.สง่า อารัมภีร์
      2.นคร ถนอมทรัพย์
           3.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์
       4.ประสิทธิ์ พยอมยงค์

ผู้ประพันธ์เนื้อร้องมี
1.ชาลี อินทรวิจิตร
   2.อาจินต์ ปัญจพรรค์
 3.สุรพล โทณะวณิก
      4.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
      5.กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ

นักร้องนำมี
           1.สุเทพ วงศ์กำแหง
            2.ชรินทร์ นันทนาคร
3.นริส อารีย์
     4.สวลี ผกาพันธ์
          5.จินตนา สุขสถิตย์
             6.ทิพวรรณ ปิ่นภิบาล
นักร้องอีก66คนมาจาก10ค่ายเพลง

เป็นเพลงที่เนื้อร้องและทำนองนั้น ต่างคนต่างแต่ง
 แล้วเอามารวมกันซึ่งกลับไปด้วยกันได้ดีอย่างน่า
มหัศจรรย์ใจ เป็นเพลงพิเศษจริงๆ
ตราวหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังว่า
นักแต่งเนื้อเพลงแต่ละท่อนคิดกันอย่างไร

 


  

    1.ชาลี  อินทรวิจิตร

" บุญของแผ่นดินไทย พ่อหลวงบันดาลให้ ที่ในยุ้งฉางมีข้าว
น้ำรินดินดีใครเล่า ทุกข์ใดเหินไปบรรเทาด้วยพระบาท
เกือบศตวรรษ ธ นำไทยทั้งชาติพ้นภัย"

ผู้แต่งเล่าว่า ท่อนเพลงเริ่มต้นของผมต้องธรรมดา พยายามให้น้ำและเนื้อเรียบๆ
เพราะถ้าเขียนยิ่งใหญ่มาก คนอื่นจะแต่งต่อไม่ได้ ท่อนที่เขียน ผมต้องการให้เห็นว่า
ภารกิจทุกอย่างของพระองค์ท่านก็เพื่อประชาชน เช่น เวลาน้ำท่วมท่านก็เป็นห่วง
ไม่ว่าประเทศชาติบ้านเมืองมีปัญหาอะไร พระองค์ทรงแก้ไขให้


2.อาจินต์ ปัญจพรรค์


"แผ่นดินถิ่นเมือฝทอง ผ่านพ้นโพยภัยเนืองนอง ธ ทรงคุ้มครองไทยไว้
พระเป็นพลังแผ่นดิน สมานพลังชีวินของชนชาติไทย
อุ่นใจไพร่ฟ้า พระบุญญาเกริกไกร ภูมิพลมหาราชา"

ผู้แต่งเล่าว่า  เพลงท่อนที่แต่ง เพราะพระมหานามาภิไธยของในหลวง มี
ความหมายว่า เป็นกำลังของแผ่นดิน เป็นพลังของประเทศชาติ
ภูมิ แปลว่า แผ่นดิน พลัง แปลว่า กำลังงาน  พระองค์ทรงมีพระราชดำริอะไร
ชาวไทยก็เห็นด้วยทุกประการ ทำให้บ้านเมืองเราอยู่เย็นเป็นสุข
สำหรับผม การทำงานครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต


3.สุรพล โทณะวณิก

"อ้าองค์สุริย์ศร๊มีธรรมส่อง
ปกครองอย่างทรงพระเมตตา
ดุจบิดรเหล่าประชา
ทุกข์ร้อนใดใดกรายมา
โอ้ฟ้าเป็นดั่งฝนดับไฟ"

ผมแต่งเพลงอย่างนี้เพราะผมนึกถึงเพลงพระราชนิพนธ์ สายฝน(เมื่อลมฝน....)
และแลเห็นท่านเสด็จพระราชดำเนินไปโน่นไปนี่ ทรงมีพระเมตตา
คอยช่วยคนโน้นคนนี้ มีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการหลวงต่างๆ
เพื่อประชาชนทั้งนั้น ตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์มา ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้

เนื้อหา"อ้าองค์สุริย์ศรีมีธรรมส่อง"ก็เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ส่องแสงธรรมะลงมา
"ปกครองอย่างทรงพระเมตตา" พระองค์ทรงมีพระเมตตาจริงๆ
"ดุจบิดรเหล่าประชา"เปรียบเสมือนพ่อ ใครๆก็เรียกพระองค์ว่าพ่อหลวง
"ทุกข์ร้อนใดใดกรายมา โอ้ฟ้าเป็นดั่งฝนดับไฟ" พระองค์ไปที่ไหนที่นั่นก็ร่มเย็น
ดังช่วงที่ว่า "โอ้ฟ้าเป็นดั่งฝนดับไฟ"

4.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

"ภูมิใจไทยร่วมร้อยหัวใจร่วมใฝ่ร่วมหวัง
ภูมิพลังแผ่นดินถิ่นนี้ยิ่งใหญ่
ภูมิประวัติประชาชาติภูมิไผท
ภาคภูมิประชาชัยภูมิพลังแผ่นดิน"

ที่ผมสนใจตรงคำว่า ภูม เพราะพระนามของในหลวงคือพลังของแผ่นดิน
ความหมายของภูมิที่แปลว่าแผ่นดินแล้ว หมายถึงความสง่างามด้วย นอก
จากนั้นยังแปลว่าพื้นหลัง เช่น พื้นภูมิ ภูมิหลัง ที่เป็นพื้นฐาน ฉะนั้นความหมาย
เหล่านี้ต้องการให้เป็นความสำคัญของคำว่าภูมิ จึงมี 3อย่าง ซึ่งเป็นความสำคัญ
ของพระนามของท่านนั่นเอง ผมเก็บเอาความหมาย3อย่างของภูมิมาไว้ในเนื้อเพลง

ภูมิใจไทย คือ ความหมายของความสง่างาม
ภูมิพลัง  หมายถึง  กำลัง  ภูมิตัวนี้หมายถึงแผ่นดิน แผ่นดินถิ่นนี้ยิ่งใหญ่
ภูมิประวัติ หมายถึง  ภูมิหลัง
ประชาชาติภูมิไผท หมายถึงประชาชนภูมิใจในประวัติอันนี้
ตอนท้ายก็จบด้วยความหมาย ของพระนามพระองค์ท่าน คือ พลังแผ่นดิน

5.กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ

"เทิดไท้ นบน้อมเทิดทูน ธ เหนือเกล้า
สราญนานเนาหทัยสุขล้ำสมจินต์
เพริศแพร้วพิพัฒน์เภทภัยพ่ายแพ้สิ้น
นวมินทร์มหาราชาภูมิพล"


ปรึกษากันว่า เนื้อเพลงเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
เพราะพระองค์ท่านได้เสียสละทั้งพระวรกายและสติปัญญา
พระราชทรัพย์ทั้งหลายทั้งปวง และให้ความร่มเย็นเป็นสุข
แก่อาณาประชาราษฎร์ เราซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างไร
ก็ให้เขียนโดยแต่งเนื้อร้องง่ายๆ ไม่ได้วิลิศมาหรา ประชาชน
ทุกคนจะได้ร้องได้ ความหมายของท่อนดิฉันจะบรรยายเหมือน
คนอื่นไม่ได้ ต้องสรุป ก็คิดว่าจะสรุปอย่างไรดี ประชาชนเทิดทูน
พระองค์ท่านไว้เนือเศียรเกล้า คำนี้อยู่ในใจแต่ใส่ลงไปไม่ได้
คิดถึงประเด็นแล้วก็คิดถึงคำว่า "เทิดไท้" ก็สั้นมาก ถวายความ
จงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน และก็เทิดพระองค์ท่านไว้เหนือเกล้า
"สราญนานเนา"ในความหมายเป็นการถวายพระพรให้พระองค์ท่าน
สราญ และประชาชนก็มีความสุขตั้งแต่เมื่อท่านครองราชย์
"หทัยสุขล้ำสมจินต์" สมปรารถนาทั้งพระองค์ท่านและประชาชน
"เพริศแพร้วพิพัฒน์" คือให้ความแจ่มใส สว่าง ก้าวหน้า รุ่งเรืองไปหมด
ถ้ามีภัยก็ต้องพ่ายแพ้ท่านตั้งแต่ในอดีตมา ก็สรุปได้ว่า
"เภทภัยพ่ายแพ้สิ้น" ถ้ามีภัยก็ต้องพ่ายแพ้ท่าน และเราอยู่ภายใต้พระองค์ท่าน
และกล่าวมาทั้งหมดนี้ก็คือกษัตริย์ที่ยิ่งใหญพระนาม ภูมิพล
"นวมินทร์มหาราชา ภูมิพล" นั่นเอง

แม้ทุกคนจะมีอุปสรรคในการทำงานมากมาย แต่บทเพลง
ประวัติศาสตร์ดังกล่าวก็สำเร็จลงด้วยพระบารมีของในหลวง
และความตั้งใจของทุกฝ่าย ในที่สุดก็เป็นเพลงที่ประชาชน
ร้องได้โดยทั่วกัน

 

จากนิตยสารกุลสตรี  ปักษ์แรก ธันวาคม 2542