นอกจากนั้นแล้ว
ทุกขณะที่จิตเกิดขึ้นในภูมิที่มีขันธ์
๕ มีจิตตชรูปเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของจิตทุกครั้ง
แต่ละบุคคลสะสมสภาพธรรมมาอย่างวิจิตรต่างๆ
กัน บางคนมีอกุศลมาก แต่ผู้ที่เข้าใจเรื่องการเจริญสิตปัฏฐาน แล้วอบรมเจริญสติปัฏฐาน
กุศลทั้งหลายก็จะเป็นบารมีที่อุปการะ เกื้อกูลให้สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์
บุคคล ตัวตน จนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉทเป็นขั้นๆ
แต่ผู้ที่เริ่มเจริญสติปัฏฐานนั้น สติปัฏฐานยังไม่มีกำลัง ความเป็นตัวตนจึงยังมีกำลังมาก
ไม่ว่าในขณะเห็น ขณะได้ยิน ขณะรังเกียจอกุศล ขณะบำเพ็ญกุศลก็ยังยึดถือสภาพธรรมนั้นๆ
ว่าเป็นเรา เป็นกุศลของเรา
ฉะนั้น จุดประสงค์ของการศึกษาปรมัตถธรรมเรื่องจิต ก็เพื่อเป็นปัจจัยเกื้อกูลให้เข้าใจลักษณะของจิตที่กำลังเห็น
กำลังได้ยิน กำลังคิดนึก เป็นต้น เพื่อให้สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นสภาพรู้
ธาตุรู้ ที่กำลังรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังปรากฏ
ขณะที่ศึกษาเรื่องจิต
ก็อย่าเพิ่งคิดว่ารู้ลักษณะของจิตชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว และจุดประสงค์ของการศึกษาเรื่องจิตนั้น
ไม่ใช่เพื่อต้องการเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องจิตมากๆ แต่เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติเกิดขึ้น
ระลึกรู้สภาพของจิตซึ่งเป็นนามธรรม
ซึ่งเป็นธาตุรู้ ที่กำลังรู้ในขณะนี้ เพื่อปัญญาที่อบรมเจริญขึ้นแล้วนั้น
จะได้คลายการยึดถือสภาพธรรมทั้งหลายเป็นตัวตน
คำถามทบทวน
๑. ภวังคจิต
คืออะไร ภวังคจิตรู้อารมณ์ไหม
๒. ขณะใดจิตชื่อว่าปัณฑระ
เพราะอะไร
๓. จิต
เจตสิก เป็นปัจจัยให้เกิดอะไรบ้าง
๔. รูป
เป็นปัจจัยให้เกิดอะไรบ้าง
๕. การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระอริยบุคคล
มีกี่ขั้นอะไรบ้าง
๖. วัตถุรูป
คืออะไร
๗. อายตนะ
คืออะไร อะไรเป็นอายตนะบ้าง
๘. สหชาตปัจจัย
คืออะไร
๙. จิตตชรูป
คืออะไร เกิดเมื่อไร ในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตใดไม่เป็นปัจจัยให้จิตตชรูปเกิดบ้าง
๑๐. จุดประสงค์ที่ถูกต้องของการศึกษาพระธรรม
คืออะไร
๒๑
มีนาคม ๒๕๔๓
|