Belt Splicing ( การ ต่อ สายพาน )

Vulcanized Splice หรือ Hot Vulcanization เรียก ง่ายๆ ตาม ภาษา ที่ใช้ทั่วไปว่า " ต่อร้อน " เหตุที่เรียก เช่นนี้ ก็ อาจจะเป็นเพราะว่ามี ความร้อน เข้ามาเป็น องค์ประกอบ ส่วนหนึ่งของ ขบวนการ ทำงาน ซึ่งจะ แตกต่าง กับการ " ต่อเย็น " โดยสิ้นเชิง เพราะ การ ต่อเย็น จะไม่มี การนำ ความร้อน จาก ภายนอก มาใช้ใน ขบวน การต่อ เลย ดังนั้น หากจะพูดให้ เข้าใจ มากขึ้น ก็จะขอ อธิบาย เพิ่มเติมว่า การ " ต่อร้อน " เป็นการ นำหัว สายพาน 2 หัว มาต่อเข้าด้วยกัน ด้วย วิธี การ ประกบ หัว สายพาน แล้ว กด ติด กัน ให้ แน่น ด้วย เครื่องมือ ที่ ออกแบบ มาเป็น พิเศษ จากนั้น ก็ให้ ความร้อน และ ความดัน แก่ หัว สายพาน อย่าง สม่ำเสมอ ตามเวลาที่ Spec กำหนดให้ เหมาะสม และ ตาม ชนิด ของ สายพาน ( รับแรงส่งแบบธรรมดา , รับแรงดึงสูง, ทนความร้อน ฯลฯ ) ด้วย วิธีการ ต่อ เช่นนี้ จะทำให้ วัสดุ ประสาน หลาย ชนิด ( น้ำกาว , ยางดิบ , ตัวประสาน ) ที่อยู่ระหว่าง หัว สายพาน หลอมตัว เป็น เนื้อเดียวกัน ติดแน่นกับ ชั้นผ้าใบ ( Fabric ) หรือ เส้นลวด ( Steel Cord ) ของ สายพาน ซึ่งทำให้ สายพาน มีความ แข็งแรง มี อายุ การใช้งานที่นานใกล้เคียงกับสภาพปกติ

การ " ต่อร้อน " นี้ เป็นการ ต่อ ที่ให้ คุณภาพ ที่ ดี กว่า การ ต่อ แบบ อื่นๆ ( * อ้างอิง = CEMA BELT CONVEYOR FOR BULK MATERIALS FIFTH EDITION PP.212 )

- รู้ไว้ ... ใช่ว่า -

การ ต่อ หัว สายพาน แบบ " ต่อร้อน " เป็นการ ต่อ ที่มี ขั้นตอน เฉพาะ เจาะจง ทุก ขั้นตอน ต้องมี ความ ละเอียดอ่อน และ ประณีต ในตัวเอง ซึ่ง ต้องใช้ บุคลากร ที่ ชำนาญ หลายคน ในการประสานการ ทำงาน เพื่อ ให้ได้ ผลงาน ที่ ออกมา ตรงตามความ ต้องการ เพื่อยืด อายุ การใช้งาน ของ สายพาน ให้มากที่สุด ดังนั้น บุคลากรที่ปฏิบัติงานต้องได้ รับการ อบรม เป็นอย่างดี เพื่อ ให้ การ ประสานงาน กัน ไม่ ผิดพลาด นอกจากนี้ บุคลากร ยัง จำเป็น ต้องมี ความรู้เกี่ยว กับ วัสดุ ประสาน แต่ละ ชนิด รวมทั้ง ต้องมีความรู้ใน ขั้นตอน การ ใช้ เครื่องต่อ สายพาน ที่ ถูกต้อง ถูกเวลา และ ถูกที่ จึงจะทำให้ การ ต่อ หัว สายพาน มี ประสิทธิภาพ สูงสุด

ลอง หลับตา นึก ภาพ ดู เมื่อ ฝ่ายจัดซื้อ สั่งจ้าง เพราะ เพียง ข้อเสนอ ที่ ราคาถูก แต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่พิจารณาถึงคุณภาพบุคลากรและความน่าเชื่อถือของบริษัทที่ทำงานหาก บุคลากรขาดความชำนาญ และมาพร้อมเครื่องมือ ที่ ไม่พร้อม เพียงพอที่จะปฏิบัติงาน การผลิตของท่านจะอยู่ในภาวะที่เสี่ยงขนาดไหน หากสายพานขาดในขณะที่อยู่ระหว่างกระบวนการผลิต ความเสียหายที่เกิดขึ้นหากเปรียบกับค่าจ้างต่อสายพานที่ประหยัดได้นิดหน่อย...ไม่คุ้มค่ากันเลยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น นี่ยังไม่นับรวมความเสียหายที่ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนดเวลานัดหมาย

 

เรื่องทั่วไป ของ Belt Splicing

การ ต่อร้อน ( Vulcanized Splice ) เป็นการ ต่อ หัว  สายพาน ที่ได้รับการ ยอมรับ เป็นสากล อย่าง กว้างขวาง ว่า เป็นรูปแบบการ ต่อ ที่ให้ความ แข็งแรง ของหัว สายพาน และให้ความต่อเนื่อง ของ รอยต่อ อย่าง สม่ำ เสมอ มากที่สุด สายพาน ลำเลียง ที่นิยมใช้ในประเทศไทยหลักๆ คือ สายพาน แบบ ผ้าใบ ( Fabric Carcass ) และ สายพาน แบบ เส้นลวด ( Steel Cord )

เทคนิค และ ขั้นตอน ที่ใช้ในการ ต่อ สายพาน ชนิดต่างๆให้มี รอยต่อ ที่ แข็งแรง นอกจากจะขึ้นอยู่กับ ความชำนาญ ของ ช่าง ต่อสายพาน แล้วยังขึ้นอยู่กับปัจจัยเบื้องต้นหลายอย่างที่ควรพิจารณาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความแข็งแรง ( Tensile Strength ) ของ  โครงสร้าง ผ้าใบ หรือ โครงสร้าง แบบ เส้นลวด ที่ใช้รับ แรงดึง ตลอดกระทั่งชนิดและคุณสมบัติของ ยาง (Rubber) ที่ใช้ในการ ผลิต สายพาน เส้นนั้นๆ ดังนั้นก่อนที่จะทำการ ต่อ หัว สายพาน ควรพิจารณาปัจจัยสิ่งแวดล้อมดังกล่าวให้ดีเสียก่อน ซึ่งจะกล่าวให้ทราบพอสังเขปดังนี้

ปัจจัยที่หนึ่ง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัว สายพาน โดยตรง นั่น คือ มีความจำเป็น ต้องหา ระยะ ทาบ ของ หัว สายพาน ที่ต้องการเสียก่อน ( Splice Requirement ) ระยะ ทาบ ที่น้อยที่สุด ที่หาได้ ต้องสามารถ รับ แรงดึง ที่เกิดขึ้น ขณะ สายพาน ทำงาน ทุกสถานะ ได้ ทางที่ดี และ น่าเชื่อถือ ที่สุด คือ ทำตาม คำแนะนำ ของ ผู้ผลิต สายพาน ( ตามปกติ ผู้ผลิต สายพาน จะมี Splicing Instruction มาให้กับ ผู้ซื้อ ด้วย ) แต่ถ้า ไม่สามารถหา ข้อมูล เหล่านี้ได้ ก็สามารถขอ คำปรึกษา จาก บริษัท สายพาน ไทย ได้ จากนั้น ก็ไปไล่ดู Specification ของ สายพาน ให้ ละเอียด เพื่อที่จะทราบว่า จะต้องใช้ กาว ( Heating Solution ) ยางดิบ ( Cover , Intermediate Rubber ) Breaker Fabric ชนิดไหน คุณสมบัติเป็น อย่างไร จึง เหมาะสม กับ ชนิด สายพาน นั้นๆ เช่น สายพาน ชนิด ทนความร้อน และต้อง รับ แรงดึงสูง เช่น Steel Cord Belt ย่อมต้อง ระวัง การใช้วัสดุ กาว ยางดิบ ให้ถูกต้อง อย่าง เคร่งครัด หากไม่ สามารถ ทำตามที่ ผู้ผลิต สายพาน แนะนำ ได้ ก็ ต้อง มั่นใจ ว่า ผลิตภัณฑ์ ที่นำมาใช้นั้น ต้องเทียบเท่า (Compatible) และใช้ทดแทนกันได้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน รอยต่อยอมไม่สามารถจะไว้วางใจได้เช่นกัน นอกจากนี้ สายพานที่ใช้รับแรงดึงสูง ย่อมต้องการใช้เครื่องมือที่ให้ความดัน (pressure) c และอุณหภูมิ (Temperature) สูงกว่าสายพานที่รับแรงแบบธรรมดา รวมทั้งระยะเวลา Curing time ก็ย่อมต้องแตกต่างกันอย่างแน่นอน

ปัจจัยที่สอง คือ รูปแบบของ Splice Layout ปกติแล้วให้ทำตามที่ผู้ผลิตสายพานแนะนำ รวมทั้งให้พิจารณาระบบสายพานของท่านร่วมด้วย หากระบบสายพานของท่านจัดวางอยู่ในแนวเอียง (Steeply Incline) อย่างมาก และมี Drive Pulley ขนาดเล็ก ทำให้เกิด Sharp bend ที่ Upper elevation ซึ่งลักษณะของรูปแบบสายพานชนิดนี้ ต้องใช้ระยะทาบที่มากกว่าระยะทาบปกติที่ผู้ผลิตสายพานแนะนำ เนื่องจากตัวสายพานต้องรับแรงมากกว่าปกติ ณ ตำแหน่ง Sharp Bend ท่านจึงจำเป็นต้องแจ้งให้ช่างต่อสายพานทราบก็จะเป็นการดี เพื่อเพิ่มระยะทาบบางครั้งถ้ามีความจำเป็น อาจจะต้องทำ Splice Layout เป็นมุมเอียงถึง 45 องศา เพื่อจะให้พื้นที่ระยะทาบมีมากขึ้นเพื่อให้มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรับแรงที่เกิดขึ้นเป็นภาวะต่างๆกัน

Single ply belt เช่น Solid woven carcass, Streight wrap carcass และ aramid carcass มีรูปแบบเฉพาะของการต่อหัวสายพาน เช่น ต่อแบบ Finger Splice หรือแบบ Scap splice ขณะที่สายพานผ้าใบแบบหลายชั้น ( Multi-ply belt ) มีข้อที่ควรคำนึงเป็นลำดับต้นๆก่อนที่จะต่อหัวสายพาน ได้แก่ ต้องต่อหัวสายพานให้อยู่ในแนวตรง การกรีดผิวยางต้องไม่ทำให้ชั้นผ้าใบขาด การลอกชั้นผ้าใบต้องไม่ทำให้ผ้าใบในชั้นถัดไปขาด ต้องใช้วัสดุสำหรับงานต่อหัวสายพานที่ถูกต้องตามชนิดของสายพานนั้นๆ และต้องใช้ความร้อนและอุณหภูมิที่ถูกต้อง ทั้งในช่วงขณะการต่อและช่วง Curing time

สายพานแบบเส้นลวด (Steel Cord) มีรูปแบบการต่อ (Pattern layout) และระยะทาบ (Splice leugth) เฉพาะเจาะจง ขึ้นอยู่กับขนาดของเส้นลวด (diameter) และระยะห่าง (Space) ระหว่างเส้นลวดเป็นสำคัญ นอกเหนือจากหัวต่อต้องมีระยะทาบมากพอ ที่จะทำให้หัวต่อแข็งแรงแล้วแรงยึดเกาะ (Adhesion) ของยางที่อยู่ระหว่างเส้นลวด จะต้องเพียงพอที่จะยึดเกาะกับเส้นลวดและยางที่อยู่ข้างบนและล่างของเส้นลวด เพื่อรับแรงดึงที่เกิดขึ้นด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องเพิ่มความดัน (pressure) และอุณหภูมิใน Steel cord belt มากว่าใน Fabric belt

แม้ว่าการทำ Preventive maintenance จะเป็นการยืดอายุการใช้งานของาสายพานได้อย่างดี แต่การทำ Preventive maintenance ก็ไม่สามารถป้องกันสายพานให้รอดพ้นจากความเสียหาย เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างที่เดินเครื่องจักรได้ ดังนั้น เมื่อสายพานเกิดความเสียหายขึ้นมาไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ผู้รับผิดชอบต้องมีมาตรการซ่อมแซม บำรุงรักษาสายพาน ทั้งแบบฉุกเฉิน ชั่วคราวและถาวรเพื่อยืดอายุการใช้งานของสายพานให้นานที่สุด

สายพานฉีกขาดเล็กน้อย สายพานทะลุเป็นรู ผิวสายพานเสียหาย อาการเหล่านี้ต้องมีมาตรการชั่วคราว อาทิ ใช้กริ๊ป (GRIP) (Mechanical Fastener) ยึดรอยขาดให้ติดกัน หรือ ซ่อมเย็น (Cold Cure) สำหรับซ่อมผิวหน้าสายพานที่เสียหาย เมื่อมีเวลาที่เหมาะสมต้องรีบซ่อมแผลเหล่านั้นอย่างถาวร โดยใช้การต่อร้อนหรือซ่อมร้อนในทันที

โปรดระลึกเสมอว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรซ่อมสายพานก็แล้วแต่ จุดประสงค์หลัก คือ ต้องหยุดความเสียหายที่พบเห็นอย่างเร็วที่สุดก่อนที่มันจะลุกลามไปสู่ความเสียหายต่อเนื่องอย่างอื่นที่โดยที่เราคาดไม่ถึง เพราะสายพานเป็นชิ้นส่วนที่มีราคาแพงเป็นลำดับต้นๆแต่เป็นสิ่งที่เปราะบางที่สุด เสียหายง่ายที่สุด ในระบบลำเลียง

 

ศัพท์น่ารู้

( 1-03-05) สวัสดี วัน เริ่ม ต้นเดือน ใหม่ ค่ะ ^_^ เชื่อว่า วันนี้ หลายๆ ท่าน ที่ต้องไปทำ ธุรกรรม ตาม แบงค์ ต่างๆคง วุ่นวาย หัวหมุน กัน น่าดู เพราะ แบงค์ แต่ละที่ มีคนรอ ต่อแถว กัน ยาวเหยียด ด...ด แต่ เย็นนี้ หลายๆคนก็คงมี โปรแกรม กันใช่ม๊า..เพราะ เงินเดือน ออกแล้วนิ   อิ _ อิ ยังงัย ก็เผื่อถึง สิ้นเดือน มั่งล่ะ เดี๋ยวจะ หน้าแห้งกัน เป็น แถว

เอาละค่ะ มา เข้าเรื่อง ของเรากันดีกว่า วันนี้มี ศัพท์น่ารู้ มาฝากกันนะค่ะ มีคำว่าอะไรบ้างมาติดตามกันดีก่า...

Conveyor Belt

( สายพาน ลำเลียง ) เป็นส่วนที่ ทำ หน้าที่ รองรับ วัสดุ ขนถ่าย และ ส่งถ่าย กำลัง

Head Terminal

( ส่วนปลายด้าน หัว ) เป็น ส่วนที่ ปลาย สุดท้าย ที่ทำ หน้าที่ จ่าย วัสดุ ออกจาก สายพาน

Foot Terminal or Tail Terminal

( ส่วนปลาย ด้านท้าย ) เป็นส่วน ที่ รับ วัสดุ เข้า สายพาน

Thoughed Belt Idler or Carrying Idler

( ชุด ลูกกลิ้ง สายพาน รูป แอ่ง หรือ ลูกกลิ้ง รองรับ สายพาน ด้าน บรรทุก วัสดุ ) เป็น ชุด ลูกกลิ้ง ซึ่งทำหน้าที่ รองรับ สายพาน ด้านพา วัสดุ ไปใน หนึ่งชุด ประกอบ ด้วย ลูกกลิ้ง หนึ่งลูก หรือ มากกว่า

Return Idlers

( ชุด ลูกกลิ้ง พากลับ ) เป็นชุด ลูกกลิ้ง ที่ทำ หน้าที่ รองรับ สายพาน ด้าน ไม่ บรรทุก วัสดุ ( สายพาน เปล่า ) ใน หนึ่งชุด ประกอบ ด้วย ลูกกลิ้ง หนึ่งลูก หรือ มากกว่า

Drive

( ชุดขับ ) เป็นชุด อุปกรณ์ ซึ่ง ทำ หน้าที่ ขับ สายพาน ให้ เคลื่อนที่ ประกอบ ด้วย ชุด ต้นกำลัง , อุปกรณ์ ส่งต่อ กำลัง และ ล้อ ขับ สายพาน ซึ่ง ชุดต้น กำลัง ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้า หรือ เครื่องยนต์ , อุปกรณ์ ส่งต่อ กำลัง ได้แก่ อุปกรณ์ ที่ทำ หน้าที่ รับ และ ส่ง กำลัง ระหว่าง ชุด ต้น กำลัง ไปยัง ล้อ ขับ สายพาน เพื่อ ขับ สายพาน ใน ความเร็ว ที่ ต้องการ

Take - up Device

( เครื่องมือ ปรับ ความตึง ) เป็น เครื่องมือ สำหรับ ปรับ ให้ สายพาน มี ความ ตึง และยังทำ หน้าที่ เก็บ สายพาน ส่วนเกิน

Snub Pulley

( ล้อ กด สายพาน ) เป็น ล้อ สายพาน ที่ทำหน้าที่ กด สายพาน เพื่อเพิ่ม ส่วนโค้ง สัมผัส ให้กับ สายพาน บน ล้อ ขับ สยพาน

Bend Pulley

( ล้อ ดัด ) เป็น ล้อ สายพาน ที่ ทำหน้าที่ เปลี่ยน ทิศทาง ของ สายพาน

Head Pulley

( ล้อหัว ) เป็น ล้อ สายพาน ที่ ติดตั้ง อยู่ที่ ปลาย ด้านหัว ของ สายพาน ของ ชุด สายพาน ลำเลียง บางครั้ง ทำหน้าที่ เป็น ล้อ ขับ สายพาน

Tail Pulley

( ล้อท้าย ) เป็น ล้อ สายพาน ที่ ติดตั้ง อยู่ที่ ปลาย ด้านท้าย ของ สายพาน บางครั้ง ทำหน้าที่ เป็น ล้อ ขับ สายพาน

Take - up Pulley

( ล้อ ปรับ ความตึง ) หมายถึง พูลเล่ ที่ เดินาง เปลี่ยน ตำแหน่ง ได้ใช้ ประโยชน์ เป็น ส่วนหนึ่ง ของ เครื่องมือ ปรับ ความตึง สายพาน

Anti Run Back or Back Stop

( อุปกรณ์ ต้าน การ เคลื่อนกลับ ) เป็น เครื่องมือ อัตโนมัติ สำหรับ ป้องกัน สายพาน เคลื่อนกลับ

Retarder

( รีทราดเดอร์ ) เป็น เครื่องมือ สำหรับ ป้องกัน ความเร็ว สายพาน สูงเกิน ใช้ใน กรณี ติดตั้ง ชุด สายพาน เอียงต่ำลง

Brake

( เบรด ) เป็น เครื่องมือ ที่ ทำหน้าที่ เบรค ให้ สายพาน หยุด การทำงาน หรือ หยุด เพื่อ ทำงาน บำรุง รักษา

Cleaner or Belt Wiper

( อุปกรณ์ ทำ ความสะอาด หรือ ใบปาด ) เป็น เครื่องมือ ที่ใช้ สำหรับ นำ วัสดุ ที่ติดบน สายพาน หรือ บน ล้อ สายพาน ออก

Discharge Chute

( ราง จ่าย วัสดุ ) เป็น อุปกรณ์ ที่ ออกแบบ เพื่อ บังคับ ทิศทาง ไม่ให้ วัสดุ กระเด็น กระจาย ออก และ ป้องกัน อันตราย อันจะเกิดจาก การ หมุน ของ ล้อ สายพาน และ สายพาน

Drive Support

( อุปกรณ์ รองรับ ชุดขับ ) ทำหน้าที่ รองรับ และ จับ ยึด ชุดขับ ทั้งหมด

Walk way and hand rail

( ทางเดิน และ รางรับ ) เป็น ช่อง ทางเดิน พร้อม รางจับ ยึดติดทาง ด้านข้าง ของ โครง สายพาน ใช้ เพื่อ การ บำง รักษา และ ตรวจ การ ทำงาน ของ สายพาน

Hood

( ฝาครอบ ) เป็น อุปกรณ์ ที่ใช้ สำหรับ ยึด กับ โครง สายพาน ครอบ เหนือ สายพาน เพื่อ ป้องกัน แสงแดด ฝน ลม และ การ ฟุ้ง กระจาย ของ วัสดุ ที่ ขนถ่าย รูปแบบ ของ ฝาครอบ นิยม สร้างเป็น รอน   ( Corrugated )

Wind Guard

( โครง กันลม ) เป็น โครง สำหรับ ยึด ฝาครอบ กันลม

Corbel Connection

( ข้อต่อ ) เป็น อุปกรณ์ ที่ใช้ สำหรับ ยึด ต่อ ความยว ของ โครง สายพาน ชนิด มี ส่วน ยื่น รองรับ

Decking

( ชั้น ปิด กัน วัสดุ ) เป็น ชั้น ปิด หรือ ฝาครอบ ปิด ที่ ติดตั้ง ระหว่าง แผ่น สายพาน ด้านบน และ ด้านล่าง เพื่อ ป้องกัน วัสดุ ที่อยู่ ด้านบน ของ สายพาน ตกหล่น สู่ แผ่น สายพาน ด้าน ล่าง

Gravity Take - up

( ชุด ถ่วง ปรับ ความตึง ) เป็น ชุด ปรับ ความตึง ของ สายพาน โดย อาศัย น้ำหนัก ดึง ใน แนวดิ่ง

Bent

( ขาตั้ง แบบ มี จุดหมุน ) เป็น ขาตั้ง ที่ทำ หน้าที่ รองรับ น้ำหนัก ของ โครงสร้าง สายพาน และ ชุด สายพาน ขาตั้ง นี้อยู่ แนวดิ่ง ขณะ ที่ โครงสร้าง สายพาน อาจ ลาดเอียง

Lateral Frame

( โครง ข้อต่อ สายพาน ) เป็น ข้อต่อ ให้ โครงสายที่ยาวขึ้น โดย โครงข้อต่อ นี้ จะทำ หน้าที่ เป็น จุดรองรับ ปลายของโครงสร้าง สยพาน ที่จะมาต่อ ชนกัน

Knuckle Joint

( ข้อต่อ งอ ) เป็น ข้อต่อ ที่ รองรับ โครงสร้าง และ สายพาน ที่ เปลี่ยน ทิศทาง บริเวณ นี้ จะมี ลูกกลิ้ง สายพาน ติดอยู่ด้วย เพื่อ รองรับ การ ดัดโค้ง ของ สายพาน

Frame

( โครงสร้าง สายพาน ) เป็น โครงสร้าง ที่ทำด้วย เหล็ก เพื่อ รองรับ น้ำหนัก และ เป็น ที่ ยึดติด อุปกรณ์ ทั้งหมด ของ ระบบ สายพาน นั้นๆ อาจเป็น โครงเหล็กถัก ( Truss ) โครงเหล็กพับ หรือ โครงเหล็ก รูปพรรณ

Loading Hopper or Chute

( ภาชนะ รูปกรวย หรือ ราง ) ติดอยู่ใกล้ส่วนท้ายของ สายพาน ลำเลียง ทำหน้าที่ รองรับ และ นำ วัสดุ เข้าสู่ สายพาน ลำเลียง

Screw Take - up

( สกรูเกลียว ปรับ ความตึง ) เป็น เครื่องมือ ปรับ ความตึง ของ สายพาน โดยใช้ การ ดึง ของ สกรู

กลับหน้าหลัก
ติดต่อเรา: Tel.082-4990285 , 083-7184559อีเมล์ : ekasit_sport@hotmail.com