มหันตภัยซ่อนเร้นจากการใช้คอมพิวเตอร์
ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลใด
ฤดูกาลหนึ่ง
แต่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกวัน
ถ้าเราไม่รู้จักใช้งานให้ถูกวิธี
ตัวอย่างเช่น
การปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหลังจากนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าเดิมตลอดทั้งวัน
การอักเสบของประสาทตาเพราะต้องนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
ในแต่ละวัน
รวมทั้งอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
และรังสีที่ออกมาจากอุปกรณ์ต่างๆ
ของคอมพิวเตอร์
ภัยแฝงจากการใช้คอมพิวเตอร์อีกประการหนึ่งที่มีผู้ใช้คอมพิวเตอร์หลายรายสงสัยกันมาก
โดยเฉพาะเมื่อใดที่ฟ้าฝนเริ่มมืดครึ้ม
มีสายฟ้าฟาดครืนๆ
ช่วงฤดูฝน หรือหน้ามรสุม
ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
ไปจนถึงเดือนตุลาคม
ภัยที่ว่าคือ อันตรายจากการใช้คอมพิวเตอร์ขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง
นายตรีรัตน์ อังศุพิพัฒน์
ผู้จัดการ บริษัท เอ็มบีเอ
อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
บริษัทผู้บริหารงาน
ศูนย์บริการ "ไอที คลินิก"
สาขาสุทธิสาร กล่าวว่า
ช่วงที่ฝนตกหนัก
และมีฟ้าร้องอยู่ตลอดเวลา
ค่อนข้างอันตรายหากมีการใช้คอมพิวเตอร์
รวมไปถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
ในขณะนั้น
เพราะเสี่ยงต่อการโดนฟ้าผ่า
หรือได้รับอันตรายจากกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ลัดวงจรผ่านตัวกลางเข้ามาได้
เนื่องจากช่วงที่เกิดฟ้าผ่าจะเกิดประจุไฟฟ้าวิ่งอยู่ในบรรยากาศจำนวนมาก
ส่งผลให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะเดินทางผ่านตัวกลางทุกชนิดที่อยู่ในรัศมี
เพื่อกระจายกระแสไฟฟ้าจำนวนมากลงสู่พื้นดินด้วยระยะทางที่สั้น
และง่ายที่สุด
นายตรีรัตน์ กล่าวต่อว่า
อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯ
และตามจังหวัดใหญ่ๆ
ละเลยการติดตั้งสายดินให้มีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะสายดินสำหรับโทรศัพท์บ้าน
ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก
เพราะเป็นจุดล่อแหลมต่อการโดนฟ้าผ่ารองลงมาจากสายไฟฟ้า
เนื่องจากสายโทรศัพท์ก็มีไฟฟ้าหล่อเลี้ยงอยู่เช่นกัน
ซึ่งทำให้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เกิดความเสียหายมากที่สุดเมื่อมีฟ้าผ่าเกิดขึ้น
คือ โมเด็ม
เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่ต่อเข้ากับสายโทรศัพท์โดยตรง
ด้าน นายรุสสลัน เสมอภพ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคประจำศูนย์บริการ
"ไอที คลินิก" ชั้น 1
ศูนย์การค้าซีคอน สแควร์
ในเครือบริษัท เอสวีโอเอ
จำกัด (มหาชน) อธิบายว่า
ความเสียหายของคอมพิวเตอร์เมื่อเกิดฟ้าผ่า
คือ
เกิดไฟกระชากอย่างรุนแรงทำให้อุปกรณ์ต่างๆ
ที่ต่อเข้ากับ 2
ตัวกลางหลัก ได้แก่ 1.สายไฟฟ้าที่ต่อเข้ากับตัวจ่ายไฟ
(พาวเวอร์ ซัพพลาย) และ 2.
สายโทรศัพท์ที่ต่อเข้ากับโมเด็ม
เกิดความเสียหายหากไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน
เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค
ไอที คลินิก ซีคอนสแควร์
อธิบายถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ที่ทำให้คอมพิวเตอร์ได้รับอันตรายจากสายฟ้า
ช่วงเกิดฝนฟ้าคะนอง
มีดังนี้
ปัจจัยแรก คือ
ลักษณะของการจ่ายไฟในเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
เป็นแบบเอทีเอ็กซ์ (ATX) (เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สั่งปิดเครื่อง
(Shutdown) แล้วปิดโดยอัตโนมัติ)
ซึ่งเครื่องแบบนี้จะมีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเมนบอร์ดอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าจะปิดเครื่องแล้ว
แต่ไม่ได้ถอดปลั๊กไฟ
ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบเอทีเอ็กซ์มีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากฟ้าผ่าได้ง่าย
ปัจจัยที่สอง คือ อุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์เป็นสื่อนำไฟฟ้าอย่างดี
ดังนั้นเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเข้ามา
อุปกรณ์เหล่านี้จะกินไฟเข้าไปเป็นจำนวนมาก
จนก่อให้เกิดความเสียหายในที่สุด
ซึ่งหากเป็นกรณีที่กระแสไฟฟ้าสูงมาก
อาจทำให้เกิดการระเบิดของจอภาพ
หรือเกิดไฟฟ้าช๊อตอุปกรณ์ต่างๆ
ได้
และส่งผลไปยังผู้ใช้ได้เช่นกัน
ปัจจัยที่สาม คือ
แม้ว่าผู้ใช้จะถอดปลั๊กไฟฟ้า
แต่ไม่ได้ถอดสายโทรศัพท์ออกจากโมเด็ม
ซึ่งสายโมเด็มก็ติดกับคอมพิวเตอร์อีกทอดหนึ่ง
ก็ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้าสู่โมเด็ม
และอุปกรณ์ต่างๆ
ของคอมพิวเตอร์ได้หากเกิดฟ้าผ่าขึ้น
ปัจจัยที่สี่ คือ
ความไม่รู้ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์โดยคิดว่าเครื่องตนมีสายดินเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งสังเกตจากตัวปลั๊กเสียบที่มีขาที่สามเพิ่มเข้ามาเท่านั้น
แต่ไม่ทราบว่า บ้านหรืออาคารนั้นไม่มีการต่อสายดินเอาไว้
เมื่อเกิดการรั่วของไฟฟ้าเข้าทำให้ได้รับความเสียหายเช่นกัน
ปัจจัยสุดท้าย คือ ความประมาท
โดยคิดว่าอยู่ห่างไกลจากจุดที่มีฝนฟ้าคะนอง
คงจะไม่ได้รับอันตราย
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
เพราะหากกระแสไฟฟ้าไม่สามารถหาสายดินเพื่อลงพื้นได้
ก็จะเหนี่ยวนำไปตามตัวกลางอื่นๆ
อาทิ สายไฟฟ้า สายโทรศัพท์
ทั้งนี้หากกระแสเหล่านี้พบช่องว่างก็จะเดินทางผ่านมาสู่สายไฟฟ้าหรือสายโทรศัพท์ภายในบ้านได้เช่นกัน
และการที่กระแสไฟฟ้าเหล่านี้เดินทางมาไกล
บางครั้งไม่ทำให้ฟิวส์ภายในบ้านขาด
แต่พอที่จะทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้า
และคอมพิวเตอร์ที่เปิดอยู่ขณะนั้นเสียหายได้"
นายรุสสลัน กล่าว
การป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าให้กับ
เครื่องคอมพิวเตอร์
และตัวผู้ใช้เองนั้น
นายรุสสลัน กล่าวว่า หลังจากใช้คอมพิวเตอร์เสร็จแล้วควรถอดปลั๊กของจากเต้าเสียบทุกครั้ง
เพื่อป้องกันการรั่วของกระแสไฟฟ้า
รวมถึงดึงสายโทรศัพท์ที่ต่อกับโมเด็มออกด้วย
และที่สำคัญ
ขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองไม่ควรใช้คอมพิวเตอร์
วิธีป้องกันอีกแนวทางหนึ่งก็คือ
ติดตั้งอุปกรณ์สำรองไฟฉุกเฉิน
หรือ ยูพีเอส
โดยนำปลั๊กไฟคอมพิวเตอร์
และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
ต่อผ่าน ยูพีเอส
เพื่อลดความเสียงต่อการกระชากของกระแสไฟฟ้าขณะเกิดฟ้าผ่า
อย่างไรก็ดี
อุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้
100 เปอร์เซ็นต์
จากวิธีป้องกันง่ายๆที่ยกมานั้น
เห็นได้ว่าทำได้ไม่ยากเลย
หากครั้งหน้าเจอฝนฟ้าคะนองแล้วล่ะก็
หยุดพักการใช้คอมพิวเตอร์สักระยะ
แล้วพักสายตาไปหย่อนกาย
หย่อนใจ
รอให้ฟ้าโปร่งใสสักหน่อยแล้วค่อยกลับมาใช้ต่อ
ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิต
และทรัพย์สินของท่านเอง
ครับ กลับ
|