** มหาภัยคอมพิวเตอร์ **

หมอติงระวัง..โรคตา
เทคโนโลยีใหม่ โรคใหม่...โทรศัพท์มือถือกลายเป็นภัยตัวใหม่
นักวิทยาศาสตร์เตือนพ่อแม่ ไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี ใช้โทรศัพท์
มือถือติดต่อกันนานๆ คลื่นวิทยุจากโทรศัพท์มือถือ
มีผลต่อเด็กที่มีกะโหลกบางกว่าผู้ใหญ่ รังสีจาก โทรศัพท์มือถือ
อาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง โรคความจำเสื่อม อัลไซเมอร์
ถึงจะมีการตั้งข้อสงสัยภัยโทรศัพท์มือถือ
แต่ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ภัยโทรศัพท์มือถือ
ต้องศึกษาหาหลักฐานให้แน่ชัด ประมาณ 10 ปี ถึงจะได้ข้อสรุป
แต่เทคโนโลยีใหม่ที่สร้างภัยให้แก่คน ไม่ได้มีเพียงโทรศัพท์มือถือ
คอมพิวเตอร์...เป็นอีกเทคโนโลยีใหม่ ที่คนไทยฮิตไล่ๆ กัน
วันนี้...คนไทยไม่น้อยใช้คอมพิวเตอร ์ในชีวิตประจำวัน
แต่ละครั้งใช้นานกว่าโทรศัพท์มือถือ มีทั้งใช้เพื่อความ บันเทิง ศึกษา
และการทำมาหาเลี้ยงในชีวิตประจำวัน... คนไทยนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากขึ้น
และนานขึ้นกว่า แต่ก่อน เทคโนโลยีใหม่ตัวนี้ มีผลกระทบต่อคนไทยแค่ไหน...
โดยเฉพาะ "ตา" อวัยวะสำคัญ ที่ใช้เพ่งมองหน้าจอ อยู่ตลอดเวลาวันละหลายชั่วโมง
"สำหรับเมืองไทยยังไม่มีสถิติข้อมูลที่ระบุได้แน่ชัด
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ของเมืองไทย และบ้านเราเอง
ระบบการจัดเก็บข้อมูลยังไม่ดีพอ แต่จากการเฝ้าสังเกตการมาติดต่อ
ขอรักษาโรคเกี่ยวกับสายตา ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา
มีผู้ป่วยมาขอรักษาโรคทางสายตา ด้วยสาเหตุจากคอมพิวเตอร์มากขึ้น"
ผศ.นพ.วิชัย ประสาทฤทธา ประจำภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์
โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยถึงปรากฏการณ์ ที่คนไทยได้รับจากเทคโนโลยีใหม่ประจำยุค
เมื่อ 30 ปีก่อน การเจ็บป่วยด้วยโรคสายตาของคนไทย
โดยมากมักจะมารักษาด้วยโรคเกี่ยวกับการติดเชื้อ เชื้อโรคเข้าตา
หรือไม่ก็อุบัติเหตุทางสายตา
"โรคเกี่ยวกับต้อกระจก ต้อหิน จะไม่ค่อยพบกันมาก
เนื่องจากโรคทางสายตาประเภทนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ ประกอบกับในยุคก่อน
สาธารณสุขไทยยังไม่ดีพอ เกณฑ์เฉลี่ยอายุของคนไทยยังสั้น พูดง่ายๆ
ยุคนั้นคนไทย เสียชีวิตก่อนที่จะเป็นต้อกระจก ต้อหิน"
และหลังจากระบบสาธารณสุข ของไทยพัฒนามากขึ้น คนไทยอายุยืนขึ้น นพ.วิชัย
เผยว่า ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จะพบคนไทยป่วยเป็น โรคทางสายตาเกี่ยวกับ ต้อหิน
ต้อกระจก เพิ่มขึ้น แทนที่โรคเกี่ยวกับ การติดเชื้อ
ในช่วง 5-6 ปีหลังนี้ก็เช่นกัน ก็ยังพบว่าคนไทยที่มารักษาโรคทางสายตา
ป่วยด้วยโรคประเภทนี้มากอยู่เช่นเดิม
"แต่มีเรื่องผิดสังเกตที่พบว่า มีคนไทยมาติดต่อขอรักษาโรคตา
ที่มีสาเหตุจากคอมพิวเตอร์ เพิ่มมากขึ้น ประมาณ 10-20%
ทั้งที่เมื่อก่อนเราไม่เคยมีผู้ป่วย มาติดต่อขอทำการรักษาเลย"
ตัวเลข 10-20% ของคนไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุบอกว่า ยังน้อยมาก
ถ้าเทียบกับประเทศที่ใช้ คอมพิวเตอร์มาก และใช้มานานกว่าเรา อย่าง
สหรัฐอเมริกา มีสูงถึง 40% ของจำนวนผู้ป่วยด้วยโรค ทางสายตา
บ้านเราตัวเลขน้อย...เพราะคอมพิวเตอร์เป็นของใหม่ เพิ่งเริ่มต้น
และในการศึกษาของ ผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ พบว่า
คอมพิวเตอร์จะทำให้คนป่วยได้ใน 4 ลักษณะอาการ ใหญ่ๆ
สายตาเพลีย-โรคผิวหนัง-เป็นลมชัก-โรคจากรังสีคอมพิวเตอร์
ฟังอาการป่วยจากคอมพิวเตอร์ หลายคนเป็นงง
ทำไมคอมพิวเตอร์ก่อให้เกิดอาการไม่น่าเชื่อได้ขนาดนั้น นพ.วิชัย
อธิบายขยายความ... สายตาเพลีย... เกิดจากการจ้องหน้าจอ คอมพิวเตอร์อยู่ตลอด เวลา
ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เล่นเกม หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่คนเราเพ่งจ้อง
มีสมาธิทำอะไรก็แล้วแต่... โดยธรรมชาติคนเราจะกะพริบตาน้อยลง
ปรกติคนเราจะกะพริบตา 7-8 ครั้ง ต่อนาที
แต่เมื่อคนเรามีสมาธิ สนใจเพ่งดู ไม่ว่าจะขับรถ ดูหนัง
การกะพริบตาจะน้อยลงเหลือแค่ 3-4 ครั้งต่อนาที
"ตาคนเราต้องเปียกอยู่ตลอดเวลา
เปลือกตาที่กะพริบจะทำหน้าที่เหมือนที่ปัดน้ำฝนรถยนต์ กะพริบลงมา
เพื่อกวาดเช็ดทำความสะอาดดวงตา และนำน้ำตามาเคลือบ ให้ตาเปียกอยู่เสมอ
เมื่อเราจ้องคอมพิวเตอร์ กะพริบตาน้อยลง การทำความสะอาดน้อยลง ดวงตาจะแห้ง
ทำให้รู้สึกแสบตา ตาอักเสบ"
การเพ่งจอคอมพิวเตอร์
ต่างกับการเพ่งอย่างอื่นตรงจอคอม-พิวเตอร์อยู่ใกล้กับหน้าเรามากๆ ห่างประมาณ 30-40 ซม.
เพ่งใกล้ๆ เป็นการมองแบบฝืนธรรมชาติ กล้ามเนื้อตาจะต้องทำงานหนักมากขึ้น
เพื่อบิดตาให้เรามอง เห็นภาพบนจอ
อธิบายอย่างนี้อาจเข้าใจยาก จะให้เข้าใจง่ายลองเล่นทำตาเหล่
เอานิ้วหรือแท่งดินสอวางไว้ตรงหน้า แล้วค่อยๆ เลื่อน
เข้ามาใกล้ตา...จะรู้สึกปวดดวงตา เพราะกล้ามเนื้อตาถูกบิดให้มองฝืนธรรมชาติ
การเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน ทำให้เราปวดตา เพ่งนานๆ
ทำให้สายตาสั้นชั่วคราว มองภาพซ้อน ประมาณ 10-15 นาที
ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ แล้วเกิดอาการปวดตา แสบตา สายตาสั้น มองภาพชั่วคราว
น้ำตาไหล ง่วงนอน... นี่เป็นอาการที่เรียกว่า เพลียสายตา
คอมพิวเตอร์ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับผิวหนัง...มาจากจอคอมพิวเตอร์ เป็นไฟฟ้าสถิต
ประจุลบ และหน้าจอมัก จะมีฝุ่นมาจับเต็มไปหมด เรานั่งใกล้จอคอมพิวเตอร์
ตัวเราเป็นไฟฟ้าประจุบวก
ไฟฟ้าสถิตประจุลบจากจอคอมพิวเตอร์ จะวิ่งเข้าใบหน้าเราที่เป็นประจุบวก
วิ่งมาพร้อมกับพาฝุ่นผง ที่ทำให้เกิดผื่นคัน โรคผิวหนัง พุ่งมาติดใบหน้า แก้ม
รอบดวงตาของเรา คอมพิวเตอร์ทำให้ชัก...จะเกิดกับเด็กเป็นส่วนใหญ่
คงจำกรณีเด็กญี่ปุ่นเล่นเกมคอมพิวเตอร์ "โปเกมอน" แล้วเป็นลมล้มชัก เมื่อ 2
ปีก่อน สาเหตุมาจากระบบสมองของคนเรามีกระแสไฟฟ้า สมองจะสั่งให้ร่างกาย
ส่วนต่างๆ ทำอะไร ต้องสั่งงานแปรสัญญาณไปในรูปกระแสไฟฟ้า
การเล่นเกม เล่นคอมพิวเตอร์แล้วเป็นลมชัก เนื่องจากเกมนั้นเป็นเกมรุนแรง
มีแสงจ้าสว่างมากเกิดขึ้น บนจอตลอดเวลา ตามองเห็นแสงจ้า
ส่งสัญญาณกระตุ้นไปยังสมอง สมองรับแสงจ้ามาก ถี่มากไม่ไหว เกิดอาการช็อก
คล้ายกับบ้านไฟช็อต ฟิวส์ขาด คนก็เช่นกัน สมองช็อต
ฟิวส์ไม่ขาด...แต่จะเกิดอาการ เป็นลมชักขึ้นมาแทน
"ส่วนเรื่องรังสีจากคอมพิวเตอร์นั้นมีทั้งรังสียูวี ไมโครเวฟ อินฟราเรด
เอกซเรย์ รังสีที่ส่งออกมาจากคอมพิวเตอร์ อาจมีผลต่อสมอง และอาจจะเป็นไปได้
ที่จะก่อให้เกิดโรคได้เหมือนโทรศัพท์มือถือ"
ถึงคอมพิวเตอร์จะมีโอกาสก่อ ให้ป่วยเป็นโรคด้วยสาเหตุใหม่ๆ ได้มากมายก็ตาม
บางโรคยังคงต้องควานหา หลักฐานกันต่อไป... เหมือนกรณีโทรศัพท์มือถือ
และแม้บ้างโรคมีหลักฐานว่า เกิดขึ้นจริง มีสาเหตุจากการใช้คอมพิวเตอร์
จริง อย่างโรคตา สายตาเพลีย สายตาสั้น มองภาพซ้อน อาการของโรคเหล่านี้
หลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ เป็นประจำ จะพบอาการของตัวเองบ่อย
นพ.วิชัย ยังยืนยันว่า โรคเหล่านี้เป็นอาการแค่ชั่วคราว
ถ้าพักการใช้คอมพิวเตอร์ อาการปรกติ จะกลับได้เอง
แต่ไม่ยืนยัน ใช้คอมพิวเตอร์ไปนานหลายปี อาการสายตาสั้น
มองภาพซ้อนชั่วคราว... มีสิทธิเป็นถาวรได้หรือไม่
เหตุผลเดียวกับกรณีโทรศัพท์มือถือ...นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่
ต้องรอกาลเวลาพิสูจน์อีกต่อไปอีก
สรุปง่ายๆ บ้านนี้เมืองนี้...อะไรก็ต้องรอให้ฝรั่งบอกมาก่อน ก็เท่านั้น
คนไทยบอกกัน...ไม่ค่อยฟังกันหรอก.  จริงฮ่ะป่าวครับ

[Home]   [Sports]   [Joke]   [Introduction]   [Virus]   [Tips]   [Horoscope]  [Download]  [Education]