รายวิชาพระพุทธศาสนา ส ๐๑๑๑
๒ คาบ / สัปดาห์ /ภาค ๑ หน่วยการเรียน
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในสังคมไทย
พระพุทธศาสนาเป็นรากฐานของวัฒนธรรมไทย
วัฒนธรรม หมายถึง ลักษณะที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีงามของประชาชน
วัฒนธรรมไทย หมายถึง ลักษณะที่แสดงให้เห็นความเจริญในด้านต่าง ๆ ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย และถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย
พระพุทธศาสนาได้เข้าเกี่ยวข้องและเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมไทยในด้านต่าง ๆ ดังนี้
๑. วัฒนธรรมทางวัตถุ ได้แก่ศิลปกรรมด้านต่าง ๆ เช่น
๑) สถาปัตยกรรม ได้แก่ การสร้างโบสถ์ วิหาร สถูป เจดีย์
๒) ประติมากรรม ได้แก่การปั้นพระพุทธรูปและสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนา
๓) จิตรกรรม ได้แก่ การวาดภาพฝาผนังและการพิมพ์
๒. วัฒนธรรมที่ไม่ใช้วัตถุ ได้แก่
๑) ภาษาและวรรณคดี ภาษาที่ใช้ในทางพระพุทะศาสนา คือภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ได้เข้ามาปะปนอยู่ในภาษาไทยเป็นจำนวนมาก วรรณคดีไทยหลายเรื่องที่มาจากพระพุทธศาสนา เช่น ไตรภูมิพระร่วง มหาชาติคำหลวง พระมาลัยคำหลวง เป็นต้น
๒) มรรยาทไทย อันเป็นส่วนสืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น เช่น การกราบ การไหว้ การมีสัมมาคารวะ การมีเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นต้น
๓) การศึกษา ในสมัยอดีตสถานศึกษาแห่งแรกของเด็กไทยคือวัด เป็นสถานที่ที่ให้การอบรมสั่งสอนเด็กไทยให้อ่านออกเขียนได้
๔) ขนบธรรมเนียมประเพณี ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา เช่น การบวช การทอดกฐิน ประเพณีเข้าพรรษา ออกพรรษา และการลอยกระทง
๕) การดำเนินชีวิต วัดเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของประชาชนในสังคม เช่น การจัดงานรื่นเริงต่าง ๆ การประชุมเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรม เป็นสถานสงเคราะห์พักพิงของคนเดินทาง เป็นต้น
พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทย สรุปลักษณะพิเศษของพระพุทธศาสนาที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยมีดังนี้
๑. พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นพระประมุขของชาติ ทรงเป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย๒. พระราชพิธีหรือรัฐพิธีต่าง ๆ จะมีพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วยเสมอ
๓. กิจกรรมต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตของคนไทยตั้งแต่เกิดจนถึงตาย จะต้องเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น เช่นการทำบุญวันเกิด การแต่งงาน งานศพ เป็นต้น
๔. ศาสนสถานและศาสนวัตถุที่แสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยซึ่งเป็นที่รู้จักและมีซื่อเสียงไปทั่วโลก ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาแทบทั้งสิ้น เช่น พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น
๕. การมีกิริยาอาการที่สงบเยือเย็นของพระสงฆ์ การวางตัวอยู่ในพระธรรมวินัย ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก เป็นภาพลักษณ์ที่ดีงดงาม เป็นเอกลักษณ์ของพระสงฆ์ในประเทศไทย
ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกา และชาวพุทธตัวอย่าง
พระเขมาเถรี พระนางเขมาหรือพระเขมาเถรีเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าสาคละแห่งสาคละนครเป็นมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร พระนางมีรูปร่างหน้าตางดงามมากจึงมีความภูมิใจและหลงใหลในความงามของตนเอง
ต่อมาพระนางได้เข้าฟังธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความไม่มีแก่นสารของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งหลังจากได้ฟังธรรมแล้วพระนางเขมาได้เห็นแจ้งในความความจริงจึงบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงอนุญาตให้พระนางเขมาอุปสมบทได้พระพุทธเจ้าจึงทรงอุปสมบทให้พระนางเขมาเถรีเป็นภิกษุณี ปรากฏว่าพระเขมาเถรีเป็นผู้มีความฉลาดเฉลียวแตกฉานในพระธรรมวินัยมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นอัครสาวิกาเบื้องขวา เป็นผู้เลิศทางด้านปัญญา
คุณธรรมของพระนางเขมาเถรีที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
๑) เป็นผู้มีปัญญามาก ได้รับการยกย่องเป็นอัครสาวิกาเบื้องขวา
๒) เป็นผู้มีเหตุผล พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ด้วยปัญญา
๓) เป็นผู้มีปฏิภาณ คือสามารถโต้ตอบและแก้ปัญหาได้อย่างฉับไว และสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดี
ฉัตตปาณิอุบาสก ฉัตตปาณิเป็นชาวเมืองสาวัตถีแห่งแคว้นโกศล เป็นผู้รอบรู้พระไตรปิฏกจนได้บรรลุธรรมเป็นระดับอนาคามี ฉัตตปาณิเป็นผู้รู้จักปฏิบัติตนให้เหมาะสมแก่ฐานะของบุคคล เมื่อครั้งพระเจ้าปเสนทิโกศลแห่งแคว้นโกศลเสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งขณะนั้นฉัตตปาณิกำลังฟังธรรมอยู่จึงมิได้ลุกขึ้นรับเสด็จเนื่องจากเห็นว่าว่าเป็นการไม่สมควรเพราะพระราชาย่อมมีฐานะต่ำกว่าพระพุทธเจ้า จึงทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลขุ่นเคืองพระทัย
พระพุทธเจ้าทรงทราบว่าพระราชาขุ่นเคืองพระทัย จึงทรงตรัสถึงความฉลาดรอบรู้ของฉัตตปาณิว่าเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ธรรม รู้กาลเทศะว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเหมาะสม เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ฟังจึงคลายความโกรธลง
ฉัตรปาณิเป็นผู้รู้จักความควรไม่ควร เมื่อได่มีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าปเสนทิโกศล ฉัตรปาณิก็แสดงความเคารพตามประเพณี พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงชักชวนให้ฉัตรปาณิเข้าไปแสดงธรรมในราชสำนักแต่ท่านปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่า ตนเป็นคฤหัสถ์ไม่สมควรจะเข้าไปสอนพระราชา ควรเป็นหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์โดยตรง
คุณธรรมของฉัตตาปาณิที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
๑) เป็นผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง โดยรักษาอุโบสถศีลและเข้าเฝ้าฟังธรรมจากพระพุทะเจ้าเสมอมิได้ขาด
๒) เป็นผู้มีปัญญาเป็นอย่างมาก มีความฉลาดรอบรู้เข้าใจพระไตรปิฏกเป็นอย่างดี
๓) เป็นผู้รู้กาละเทศะ รู้จักความควรไม่ควรในการเคารพบุคคลตามฐานะและตามกาละอย่างถูกต้อง
นางวิสาขามหาอุบาสิกา เป็นธิดาของธนัญชัยเศรษฐีกับนางสุมนาแห่งเมืองภัททิยะ แคว้นอังคะ ขณะอายุเพียง ๗ ขวบ ได้ฟังธรรมเทศนาจากพระพุทะเจ้าจนบรรลุโสดาปัตติพล
นางวิสาขาเป็นผู้มีคุณสมบัติที่เรียกว่า เบญจกัลยาณี คือมีลักษณะความงาม ๕ ประการ ได้แก่ ผมงาม ริมฝีปากงาม ฟันงาม ผิวงาม และวัยงาม (ดูงามทุกวัย)
ต่อมานางวิสาขาได้แต่งงานกับปุณณวัตนกุมารซึ่งเป็นบุตรของมิคารเศรษฐี แห่งกรุงสาวัตถี ธนัญชัยเศรษฐีได้ให้โอวาทแก่นางวิสาขาก่อนไปอยู่กับบ้านตระกูลของสามีไว้ดังนี้
๑. ไฟในอย่านำออก คือ อย่านำเรื่องไม่ดีภายในครอบครัวไปพูดนอกบ้าน
๒. ไฟนอกอย่านำเข้า คืออย่านำเรื่องไม่ดีภายนอกบ้านมาเล่าให้สามีหรือคนในครอบครัวฟัง
๓. จงให้แก่คนที่ให้ คือใครที่ยืมสิ่งของแล้วส่งคืนควรให้ยืมอีก
๔. ไม่ควรให้แก่ผู้ไม่ให้ คือ ใครที่ยืมสิ่งของแล้วไม่ส่งคืนไม่ควรให้ยืมอีก
๕. ควรให้แก่ผู้ให้บ้างแก่ผู้ไม่ให้บ้าง คือ ญาติมิตรที่ยากจน ยืมสิ่งของแล้วอาจคืนหรือไม่คืนก็ควรให้ยืม
๖. ควรนั่งให้เป็นสุข คืออย่านั่งในที่ซึ่งจะต้องลุกขึ้นเมื่อสามีหรือบิดามารดาของสามีเดินผ่านมา
๗. ควรบริโภคให้เป็นสุข คือ กินภายหลังสามีและบิดามารดาของสามี
๘. ควรนอนให้เป็นสุข คือ นอนภายหลังสามีและบิดามารดาของสามี
๙. ควรบูชาไฟ คือ ให้ความเคารพยำเกรงสามีและบิดามารดาของสามี
๑๐.จงบูชาเทวดา คือ ให้เอาใจใส่และนับถือสามีและบิดามารดาของสามีประดุจเทวดา
นางวิสาขาเป็นพุทธสาวิกาที่ยึดมั่นในพระรัตนตรัยประกอบกิจกรรมในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาดังนี้
๑.นางวิสาขาได้ชักจูงญาติฝ่ายสามีซึ่งแต่เดิมเป็นพวกนอกศาสนาให้หันมานับถือพระพุทธศาสนา
๒. นางวิสาขาได้สร้างวัดบุพพารามในกรุงสาวัตถีแด่พระพุทธเจ้า
๓. นางวิสาขาได้เป็นผู้ริเริ่มถวายผ้าอาบน้ำฝนแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นครั้งแรก
๔. นางวิสาขาได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็นอุบาสิกาผู้เป็นเลิศในด้านการถวายทาน
คุณธรรมของนางวิสาขาที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
๑) มีความเคารพเชื่อฟังบิดามารดา
๒) มีปัญญาและรู้จักวิธีแนะนำให้ผู้อื่นเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
๓) มีความซื่อสัตย์มั่นคงต่อสามี
๔) ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลทั่วไปช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ผู้อื่น
๕) มีความศรัทธาในพระพุทะศาสนาอย่างแรงกล้า
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
พรหมวิหาร ๔ พรหมวิหาร ๔ แปลว่า ธรรมะของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ปกครองคน พรหมวิหารมี ๔ ประการ คือ
๑. เมตตา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับความสุข
๒. กรุณา คือ ความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
๓. มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ไม่มีจิตริษยา
๔. อุเบกขา คือ การรู้จักวางเฉย คือการวางใจเป็นกลาง
ประโยชน์ ของพรหมวิหาร ๔ ได้แก่
๑) ช่วยให้สังคมเจริญก้าวหน้าและมีสันติ
๒) รู้จักพิจารณาชีวิตได้อย่างมีเหตุผล
๓) เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
ฆราวาสธรรม ๔ แปลว่า ธรรมของฆราวาสหรือผู้ครองเรือนซึ่งได้แก่ชาวบ้านธรรดาทั่วไป มี ๔ ประการ คือ
๑. สัจจะ คือความจริงใจ การรักษาความสัตย์ เช่น
๑) มีความจริงใจต่อตนเอง
๒) มีความจริงใจต่อผู้อื่น
๓) มีความจริงใจต่อหน้าที่
๔) มีความจริงใจในคำพูดของตนเอง
๕) มีคงวามจริงใจต่อประเทศชาติ
๒. ทมะ คือ การรู้จักข่มใจของตนเองในด้านต่าง ๆ เช่น
๑) รู้จักข่มใจตนเองไม่ให้ทำชั่ว
๒) รู้จักควบคุมตนเองไม่ให้แสดงอาการเกี้ยวกราดหรือพลุ่งพล่าน รู้จักระงับอารมณ์ตนเอง
๓. ขันติ คือ ความอดทนต่อความยากลำบากทั้งทางร่างกายและจิตใจ ได้แก่ อดทนต่อความลำบากเหนื่อยยาก อดทนต่อความทุกข์ทรมาน อดทนต่อความเจ็บใจ และอดทนต่ออำนาจกิเลส
๔. จาคะ คือ ความเสียสละ มีจิตใจกว้างขวาง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ได้แก่ การเสียสละทางกำลังกายหรือรงงาน
ประโยชน์ของฆราวาสธรรม ๔ ได้แก่
๑) ปราศจากข้อพิพาทบาดหมางกับผู้อื่น
๒) สามารถทำหน้าที่ของตนเองอย่างได้ผล ทำให้ครอบครัวมีความสุข
๓) มีจิตใจมั่นคงหนักแน่นไม่หลงไปในทางเสื่อมเสีย
๔) ทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้ามีความสงบสุข
สังคหวัตถุ ๔ หมายถึง หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจ ผู้อื่น เป็นหลักการสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน มีดังนี้
๑. ทาน หมายถึง การให้ การเสียสละให้สิ่งของต่าง ๆ เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น โดยเมื่อให้แล้วไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตนเองและครอบครัว หลักเกณฑ์ในการให้ทาน คือ ให้ทานแก่บุคคลที่ควรให้ในสิ่งที่ควรให้ และให้ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์
๒. ปิยวาจา หมายถึง การพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ อ่อนหวาน จริงใจ โดยยึดหลักเกณฑ์คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ และไม่พูดเพ้อเจ้อ
๓. อัตถจริยา หมายถึง การประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น มีลักษณะคือ มีความปราถนาดีต่อกัน มีน้ำใจต่อกัน
๔. สมานัตตตา หมายถึง การประพฤติตนเสมอต้นเสมอปลาย มีลักษณะคือ มีการวางตัวดี สามารถเข้ากับคนทั้งหลายได้
อบายมุข ๔ แปลว่า ทางแห่งความเสื่อมเสียหาย มี ๔ อย่าง ได้แก่
๑. การเป็นนักเลงหญิง หมายถึง ผู้ชายที่ชอบคลุกคลีกับผู้หญิงโดยไม่เลือกว่าเปฌ็นหญิงดีหรือไม่ดี
๒.การเป็นนักเลงสุรา ได้แก่สิ่งเสพย์ติดมึนเมาทุกชนิด ซึ่งมีโทษ ทำให้เสียทรัพย์ เป็นบ่อเกิดของโรค ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทและทำให้เสียซื่อเสียง
๓. เป็นนักเลงการพนัน
ทำให้เสียทรัพย์
ไม่มีใครเชื่อถือก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท
ถูกดู ดูหมิ่นไม่มีใครจะคบค้าสมาคมด้วย
๔. การคบคนชั่วเป็นมิตร
คนชั่วมีลักษณะ ๖ ประการ
๑) เป็นนักเลงการพนัน
๒) เป็นนักเลงเจ้าชู้
๓) เป็นนักเลงยาเสพย์ติด
๔) เป็นนักเลงล่อลวง
๕) เป็นนักเลงปลอมแปลง
๖) เป็นนักเลงหัวไม้
ผู้ที่หลีกเลี่ยงอบายมุขได้จะทำให้ชีวิตได้รับผลดี ดังนี้
๑) ไม่เสียทรัพย์
๒) ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
๓) เป็นที่รักและไว้วางใจของผู้อื่น
๔) มีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาดี
๕)
ไม่หมกมุ่นในสิ่งที่ไร้ประโยชน์
พระสงฆ์และการปฏิบัติตนที่เหมาะสมต่อพระสงฆ์
พระสงฆ์
พระสงฆ์
คือผู้สืบทอดและเผยแผ่พระพุทธศาสนา
การบวชเป็นภิกษุสงฆ์สามารถกระทำได้
๓ วิธี คือ
๑)
เอหิภิกขุอุปสัมปทา
เป็นการบวชที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำด้วยพระองค์เอง
เกิดขึ้นครั้งแรกที่ปาอิสิปตนมฤคทายวัน
โดยทรงบวชให้กับปัญจวัคคีย์
๒)
ติสรณคมนูปสัมปทาการอุปสมบทแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากมีผู้เลื่อมใสขอบวชโดยพระพุทธเจ้าทรงประทานอนุญาตให้พระสาวกทำการอุปสมบทให้แก่ผู้ที่มาขอบวช
๓)
ญัตติตุตถกัมมอุปสัมปทา
การบวชวิธีนี้ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
เกิดขึ้นเนื่องจากพระพุทธเจ้าทรงประสงค์ให้ภิกษุทุกรูปมีสิทธิในกิจของสงฆ์เท่าเทียมกัน
และร่วมรับผิดชอบโดยถือเอามติของหมู่สงฆ์เป็นใหญ่
พระสงฆ์ในพุทธศาสนาแบ่งเป็น
๒ ประเภท คือ
๑.
พระอริยสงฆ์
คือพระสงฆ์ที่ได้รับการบรรพชาอุปสมบทเข้ามาในพระพุทธศาสนาแล้วสามารถปฏิบัติจนสามารถบรรลุธรรมขั้นต่าง
ๆ
ได้โดยเริ่มจากขั้นพนะโสดาบัน
พระสกทาคามี พระอนาคามี
และพระอรหันต์
๒.
สมมติสงฆ์
คือการเป็นพระสงฆ์ที่ได้รีบการบรรพชาอุปสมบทโดยถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย
มีหน้าที่ในการศึกษาพระธรรมวินัย
ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย
และนำไปเผยแผ่แก่ประชาชนทั่วไป
อีกทั้งมีหน้าที่ในการดูแลรักษาปกป้องพระพุทธศาสนา
ให้ดำรงคงอยู่ตลอดไป
การปฏิบัติตนมรา
จัดทำโดย
อาจารย์อารมณ์ ชุมเชิงกาญจน์
โรงเรียนธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
email address # arom.chu@chaiyo.com Website : http://www.edtp2001.com