โรคสุนัข

โรคพยาธิไส้เดือน เป็นพยาธิตัวกลม ขนาดค่อนข้างใหญ่ ยาวเกือบ 10-18 เซ็นติเมตรตัวสีน้ำตาลขาวคล้ายๆเส้นบะหมี่ติดต่อโดยการถ่ายทอดผ่านทางรกของ
แม่สุนัขไปสู่ลูกสุนัขถ้าลูกสุนัขที่ป่วยเนื่องจากการเคลื่อนที่ของตัวอ่อนพยาธิไปตามอวัยวะภายใน มักจะตายใน2 - 3 สัปดาห์หลังเกิด โดยที่เรามักจะไม่ทราบสาเหต ุถ้าลูก
สุนัขโตขึ้นมาแล้วมีการป่วย มักจะมีอาการถ่ายเหลว ท้องป่อง กินอาหารจุแต่ผอม บางครั้งจะอาเจียนออกมาและมีตัวพยาธิปนออกมากับอาเจียนด้วย การตรวจวินิจฉัยควร
เก็บอุจจาระมาให้สัตวแพทย์ตรวจหาไข่พยาธิ หรือถ้าลูกสุนัขอาเจียน ถ่ายอุจจาระออกมาพร้อมกับมีพยาธิไส้เดือนให้เก็บมาให้สัตวแพทย์ตรวจดูด้วยควรรักษาโดย
การถ่ายพยาธิทุก I4 - 21 วัน เพื่อขจัดเอาตัวแก่ของพยาธิออกไปเป็นช่วงๆ
โรคพยาธิเส้นด้าย เป็นพยาธิตัวกลม ขนาดเล็กยาวเพียง 0.2 เซนติเมตร ติดต่อโดยการถูกพยาธิชอนไชผ่านผิวหนัง และสุนัขกินตัวอ่อนระยะติดต่อเข้าไป
อาการป่วยขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่ในตัวลูกสุนัข ถ้ามีน้อยจะมีอาการถ่ายเหลวเฉยๆ ถ้ามีมากจะมีอาการถ่ายเหลวและมีเลือดปน สุนัขจะซึม เบื่ออาหาร ไม่กินอาหาร
น้ำหนักตัวลดลง การตรวจวินิจฉัยต้องทำโดยการนำเอาอุจจาระของลูกสุนัขมาตรวจหาไข่พยาธิ สำหรับการรักษาให้ใช้ยาถ่ายพยาธิตัวกลมติดกัน 3 - 5 วันเพราะตัวอ่อน
ของพยาธิเส้นด้ายจะออกจากไข่ทุกๆ 24 ชั่วโมง
โรคพยาธิตืดเม็ดแตงกวา เป็นพยาธิตัวแบนเป็นท่อน ๆ ขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร เวลาที่เราเห็นมักจะยังมีชีวิตขยับได้ อยู่ปนกับก้อนอุจจาระของสุนัข
สีจะออกเหลืองขาว สามารถติดต่อได้โดยการกินแมลงพวกหมัดที่อยู่บนตัวของสุนัข ตัวหมัดจะเป็นที่อาศัยกึ่งกลางของตัวอ่อนพยาธิชนิดนี้ ถ้าสุนัขมีหมัดโอกาส
ที่จะเป็นพยาธิตัวตืดเม็ดแดงกวามีสูงมาก อาการที่แสดงออกคือ มีอาการคันก้น อาจจะมีการเอาก้นไถพื้น น้ำหนัก ลด ขนแห้งหยาบ สุนัขไม่สมบูรณ์ การตรวจวินิจฉัย
สามารถดูจากตัวแก่ที่อยู่ในก้อนอุจจาระและบริเวณรูทวารหนัก สามารถรักษาได้โดยให้ยาถ่ายพยาธิตัวตืด ทุก 2 - 3 อาทิตย์ เพื่อตัดวงจรของพยาธิตัวแก่ออกไป
นอกจากนั้นยังด้องกำจัดหมัดที่เป็นที่อยู่อาศัยกึ่งกลางของพยาธิให้หมดไปด้วย
โรคพยาธิหนอนหัวใจ เป็นพยาธิตัวยาวมาก พยาธิตัวผู้ยาว 12-16 เซ็นติเมตร พยาธิตัวเมียยาว 25 - 30 เซ็นติเมตร อาศัยอยู่ในหัวใจ ห้องล่างขวาถึงเส้นเลือด
ใหญ่ไปที่ปอด ติดต่อโดยมียุงเป็นพาหะนำเอาตัวอ่อนของพยาธิในระยะติดต่อปล่อยลงที่ตัวสุนัขเวลาที่ดูดเลือดสุนัขกิน จากนั้นตัวอ่อนระยะติดต่อจะพัฒนาตัวเองเป็น
พยาธิตัวแก่ และอาศัยอยู่ในหัวใจของสุนัข สุนัขที่ป่วยเป็นพยาธิหนอนหัวใจนั้นมักจะมีอายุ 3-5 ปีขึ้นไป เพราะถ้ามีจำนวนพยาธิน้อยๆ จะไม่มีผลกระทบต่อตัวสุนัข
พยาธิหนอนหัวใจจะอยู่ในหัวใจห้องล่างขวาและเส้นเลือดไปที่ปอดของสุนัข ถ้ามีเยอะจะทำให้ขัดขวางการไหลของเลือดหัวใจจึงต้องบีบตัวให้แรงขึ้นมากจึงทำให้กล้าม
เนื้อหัวใจทำงานหนักและขยายตัว สุนัขที่ป่วยเป็นโรคนี้มักจะมีความผิดปกติที่หัวใจด้วยเพราะกว่าที่เจ้าของจะสนใจดูแลสุนัขตัวเองก็เมื่อมันมีอาการ เช่น ไอแห้งๆตลอด
บางตัวไม่มีแรงออกกำลังกาย นอนซม ถ้าเป็นมากๆจะมีการท้องมาน ตัวซีดไม่มีแรง และอาจจะหมดแรงล้มไปดื้อๆ ก็ได้ การตรวจวินิจฉัยต้องใช้วิธีเจาะเลือดไปตรวจ
ซึ่งมีวิธีการตรวจหลายวิธี โดยอาจจะใช้วิธีส่องดูตัวอ่อนด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือนำไปย้อมสีพิเศษเพื่อดู แต่ทั้งสองวิธีข้างต้นจะตรวจหาพยาธิตัวอ่อนไม่พบ ถ้าท่าน
พาสุนัขของท่านไปฉีดยาฆ่าเห็บหมัด ตัวไร ตัวเรือน และอีกวิธีหนึ่งเป็นการตรวจที่เฉพาะเจาะจงในการหาแอนติเจนของพยาธิโดยตรง ต้องเจาะเลือดไปเช่นกันและใช้
เครื่องมือที่ชื่อว่า ''สแนปเทสต์" ผลการตรวจแม่นยำมาก เชื่อถือได้แน่นอน ปัจจุบันนี้เมืองไทยเรามีปัญหาในการนำยาที่รักษาพยาธิหนอนหัวใจมาใช้เพราะยาดังกล่าวนี้ยัง
ไม่ผ่านการอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของเมืองไทย ฉะนั้นจึงควรจะป้องกันโดยให้ลูกสุนัขเข้าโปรแกรมป้องกันพยาธิหนอนใจตั้งแต่อายุ 2 - 3 เดือน เพราะถ้าป้อง
กันช้าตัวอ่อนของพยาธิที่ยุงปล่อยไว้จะโตขึ้นทุกวัน ๆ การป้องกันทำได้โดยการกินยาหรือฉีดยาเดือนละ 1 ครั้งตลอดชีวิต บางครั้งอาจจะพบว่ามีสัตวแพทย์บางท่าน
แนะนำโดยการฉีดยา 2 เดือนครั้งตลอดชีวิต โปรแกรมดังกล่าวก็ใช้ได้ แต่ต้องใช้ยาในขนาดที่สูง ส่วนถ้าท่านไปพบเจอการป้องกันโดยการฉีด ยา 3 เดือนครั้งตลอดชีวิต
โปรแกรมนี่ไม่น่าจะได้ผลเพราะนานเกินไป พยาธิหนอนหัวใจได้พัฒนาตัวเองเป็นพยาธิตัวอ่อนที่จะเข้าสู่ตัวเต็มวัยจนยาป้องกันไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะฆ่าได้
โรคพยาธิปากขอ เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กยาวเพียงแค่ 1.6 เชนติเมตรมีเขี้ยวแหลม 3 คู่ เอาไว้ดูดเลือดในลำไส้เล็กของลูกสุนัข ติดต่อโดยถูกพยาธิตัวอ่อน
ไชเท้าทางผิวหนัง หรือถูกถ่ายทอดทางน้ำนมจากแม่สุนัข ลูกสุนัขมักจะมีอาการชีดของเยื่อเมือกในปาก ตา เกิดภาวะโลหิตจาง มีการถ่ายเหลวมีเลือดปนลักษณะอุจจาระ
จะเป็นสีแดงคล้ำๆ ลูกสุนัขอ่อนเพลีย ผอม และไม่โต สำหรับการตรวจวินิจฉัยนั้นเจ้าของสุนัขควรเก็บอุจจาระนำไปให สัตวแพทย์ตรวจหาไข่ของพยาธิ โดยสามารถทำ
การรักษาด้วยวิธีการถ่ายพยาธิทุก 14 วัน เพื่อนำเอาตัวแก่ของพยาธิออกไปเป็นข่วงๆ
โรคไข้หัดหรือดิสเทมเปอร เกิดจากเชื้อไวรัส มักเกิดกับลูกสุนัขอายุตั้งแต่ 2-3 เดือนเป็นต้นไป หากเป็นแล้วโอกาสที่จะหายมีน้อยมาก อาการของโรคนี้มักแสดง
ออกทาระบบหายใจก่อน คือมีขี้มูกสีเขียวไหลย้อย ดูเหมือนปอดบวม มีไข้ เบื่ออาหาร ซึม มีตุ่มหนองขึ้นใต้ท้อง มีขี้ตาสีเขียวขึ้นเกรอะกรังอยู่ตลอดเวลา เมื่ออาการุนแรงขึ้น
จะพบว่ามีอาการทางประสาท คือ ริมฝีปากสั่น กระตุก และจะลามไปที่บริเวณหนังหัว ใบหน้า ขาหลัง อาจพบว่าบริเวณฝ่าเท้ากระด้างขึ้น บางรายพบว่ามีท้องร่วงร่วมด้วย
สุดท้ายของโรคมักตาย แต่ก็สามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดตั้งแต่อายุ 2 เดือนเป็นเข็มแรก และฉีดเข็มที่สองในอีกหนึ่งเดือนถัดมาเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้ม
กันและฉีดซ้ำทุก ๆ ปี(ปีละครั้ง)
โรคลำไส้อักเสบหรือพาร์โวไวรัส พบบ่อยในลุกสุนัขอายุตั้งแต่ 2-6 เดือน หลังจากได้รับเชื้อโรคไปแล้วประมาณ 5-7 วัน ลูกสุนัขจะไม่กินอาหาร มีไข้สูง ๆ ต่ำ ๆ
อาเจียนบ่อยครั้ง ต่อมาไข้จะสูงขึ้น นอนซึม หมดแรงเพราะอาเจียนอย่างมาก พร้อมกันนี้ก็เริ่มมีอาการท้องร่วง ถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลวสีโอวัลตินหรือสีแดงเพราะมีเลือดสด
ปนออกมา มีกลิ่นเหม็นคาวมาก ไวรัสจะเข้าไปยังหัวใจทำให้ช็อคตายได้อย่างรวดเร็ว โรคนี้ไม่มียารักษาโดยตรงจึงควรป้องกันโดยการฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 2 เดือนเป็นเข็ม
แรก และฉีดเข็มที่สองเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในอีกหนึ่งเดือนถัดมา(หรือเมื่ออายุ 3 เดือน)และฉีดซ้ำทุก ๆ ปี(ปีละครั้ง)
โรคพิษสุนัขบ้า เกิดจากเชื้อไวรัสเรบี้ส์(rabies) ไวรัสชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ในระบบประสาทมากที่สุด จึงทำให้สัตว์ที่ป่วยด้วยโรคนี้แสดงอาการทางประสาทออก มาได้อย่างเด่นชัด อาการของโรคพิษสุนัขบ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ แบบดุร้ายและแบบเซื่องซึม โรคนี้เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาได้ โอกาสตาย 100 % จึงจำ
เป็นต้องป้องกันล่วงหน้า โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเมื่อสุนัขอายุ 3 เดือนขึ้นไป และฉีดซ้ำทุกปี
โรคปอดบวม พบบ่อยในลูกสุนัขและสุนัขชราเพราะทั้งสองวัยมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ส่วนสุนัขรุ่น ๆ มักไม่ค่อยพบเนื่องจากสภาพแข็งแรง โรคนี้เกิดจากสาเหตุ
หลายประการได้แก่ เชื้อไวรัส หรือพยาธิเข้าไปทำลายปอด แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สุนัขจะแสดงอาการซึมมีไข้สูงมากอาจถึง 106 องศาฟาเรนไฮต์ เบื่ออาหาร
และอาจไม่กินอาหารเลย ชอบหลบไปนอนในที่เย็น ๆ หายใจกระหืดกระหอบ มีขี้มูกไหลออกมาเป็นสีขาวจนถึงเขียวข้น บางครั้งมีอาเจียนเพราะไอและมีเสลดหนาในลำคอ
บางตัวเป็นมากน้ำท่วมปอดต้องนั่งตลอดเวลา นอนไม่ได้หายใจไม่ออก ต้องหายใจทางปากเพราะจมูกอุดตันเต็มไปด้วยน้ำมูก ดังนั้นจึงควรเลี้ยงดูให้อาหารอย่างดี รักษา
ความสะอาด ให้ความอบอุ่น ปูรองพื้นที่นอนด้วยผ้า และนำสุนัขไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษา
โรคเห็บสุนัข เห็บที่อยู่ตามตัวสุนัขจะไข่ครั้งละหลายพันฟองตามพื้นดินและสนามหญ้า แล้วจึงกระโดดขึ้นไปดูดเลือดตามตัวสุนัข เห็บที่พบบนตัวสุนัขมีสอง
ประเภท คือชนิดที่เป็นตัวเล็ก ๆ แบน ๆ สีน้ำตาล อีกชนิดหนึ่งตัวโตบวมเป่งสีเทาดูคล้ายลูกหยี จริง ๆ แล้วทั้งคู่เป็นเห็บชนิดเดียวกันเพียงแต่ชนิดแรกเป็นตัวผู้และอีกชนิด
เป็นตัวเมียที่กินเลือดและมีไข่เต็มท้อง พร้อมที่จะกระโดดลงจากตัวสุนัขเพื่อไปวางไข่บนพื้นดิน ตัวอ่อนที่ฟักสามารถอยู่ได้นานเป็นปี เห็บจะดูดเลือดจากสุนัขกินทำให้ซูบ
ซีด นำโรคพยาธิในเม็ดเลือดมาแพร่ เห็บในรูหูทำให้เกิดการอักเสบในช่องหู สุนัขบางตัวแพ้น้ำลายของเห็บ ทำให้เกิดอาการไข้สูง ผิวหนังอักเสบและคันมาก สำหรับการ
ป้องกันควรใช้น้ำยาฆ่าเห็บโรยตามบริเวณบ้าน คอก กรง ซอกข้างฝา ควรอาบน้ำด้วยน้ำยาหรือแชมพูกำจัดเห็บหรือใช้ยาฆ่าเห็บชนิดแป้งโรยตัว ใส่ปลอกคอป้องกับเห็บ
เป็นต้น และหมั่นตรวจตราเห็บตามตัวสุนัข แต่ไม่ควรบี้เห็บลงกับพื้นเพราะเท่ากับเป็นการแพร่กระจายไข่เห็บออกไปอีก แต่ควรหย่อนใส่ลงไปในขวดที่ใส่น้ำมันเอาไว้
เห็บจะตายและป้องกันการกระจายของไข่ได้เป็นอย่างดี
โรคหมัด ตัวเล็กกว่าเห็บ ไม่ค่อยอยู่กับที่ จะวิ่งตามผิวหนังระหว่างขน ทำให้สุนัขคัน ต้องใช้ขาเกา ทำให้ลำตัวเป็นแผล มักจะชอบอยู่ตามโคนหางและกลางหลัง
พบว่าสุนัขเอาปากแทะกลางหลังและโคนหางจนขนหลุดและเป็นแผล ปัญหาที่สำคัญในการกำจัดหมัดก็คือหมัดจะอาศัยอยู่บนตัวสุนัขในระยะเวลาสั้น ๆ แต่จะหลบซ่อนอยู่
ในสถานที่รอบ ๆ ตัวสุนัขเป็นเวลานาน ปกติจะใช้สารเคมีที่เป็นผงหรือแบบสเปรย์เพื่อใช้กำจัดหมัด ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในการใช้ ควรอ่านวิธีใช้ก่อนเสมอเพราะสาร
เคมีบางชนิดอาจไม่ปลอดภัยต่อลูกสุนัข เวลาใช้สารเคมีชนิดผงให้แปรงย้อนขน และสารเคมีที่เป็นสเปรย์ก็ให้ฉีดย้อนขน โดยเฉพาะการใช้สารเคมีบริเวณหน้าและศีรษะ
ต้องระวังมากเพราะสุนัขมักจะเลียสารเคมีบางส่วนบริเวณขน สำหรับการใช้ปลอกคอกันหมัดควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ถ้าสุนัขมีผิวหนังที่แพ้
ง่ายควรตรวจสอบรอบคอสุนัขบ่อย ๆ หรือใส่ปลอกคอให้หลวมพอที่จะเอานิ้วสอดเข้าไปได้ อย่าใส่แนบกับผิวหนังเพราะสารเคมีที่ปลอกคออาจระคายเคืองทำให้ผิวหนัง
อักเสบได้
โรคกระดูกอ่อน มักพบเห็นบ่อยในลูกสุนัขช่วงอายุน้อย ๆ ไปจนถึงวัยรุ่น สาเหตุมาจากการเลี้ยงดูไม่เหมาะสม โดยให้อาหารที่ขาดแร่ธาตุสำคัญเช่น แคลเซียม
และฟอสฟอรัสรวมถึงวิตามินดีด้วย สุนัขจะแสดงอาการขาโค้งโก่ง เดินเตาะแตะ ลูกนั่งไม่สะดวก บางตัวขาหักง่าย สุนัขที่เริ่มเป็นโรคกระดูกอ่อนสามารถรักษาให้หาย
ได้ด้วยการให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี ทั้งฉีดและกิน พาไปออกกำลังกายให้ได้รับแสงแดดอ่อน ๆ รวมไปถึงการทำกายภาพบำบัด สำหรับอัตรส่วนที่เหมาะสม
ระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสคือ 1ต่อ1 ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการให้สุนัขกินเนื้อล้วน ๆ ย่อมไม่เพียงพอเพราะสัดส่วนระหว่างแคลเซียมและฟอสฟอรัสมีเพียง 1ต่อ20
เท่านั้น