กรุงเทพมหานคร

รุงเทพมหานคร หรือ บางกอก เมืองหลวงของประเทศไทยเริ่มก่อตั้งภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงครองราชย์ปราบดาภิเษกเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน เดือนห้า แรม 9 ค่ำ ปีขาล พ.ศ. 2325 พระองค์ได้โปรดฯ ให้สร้างพระราชวังทางคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแนวคูเมืองทางด้านตะวันตกและด้านใต้

อาณาเขตของกรุงเทพฯ ในขั้นแรกถือเอาแนวคูเมืองเดิมฝั่งตะวันออกของกรุงธนบุรีคือแนวคลองหลอด ตั้งแต่ปากคลองตลาดจนออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระปิ่นเกล้า เป็นบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ มีพื้นที่ประมาณ 1.8 ตารางกิโลเมตร

บริเวณที่สร้างพระราชวังนั้นเดิมเป็นที่อยู่อาศัยของพระยาราชเศรษฐีและชาวจีน ซึ่งได้โปรดให้ย้ายไปอยู่ที่สำเพ็ง ในการก่อสร้างพระราชวังโปรดให้พระยาธรรมาธิบดี กับพระยาวิจิตรนาวีเป็นแม่กองคุมการก่อสร้าง ได้ตั้งพิธียกเสาหลักเมืองเมื่อวันอาทิพย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว 54 นาที (21 เมษายน 2325) พระราชวังแล้วเสร็จเมือง พ.ศ. 2328 จึงได้จัดให้มีพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบแผนรวมทั้งงานฉลองพระนคร โดยพระราชทานนามพระนครใหม่ว่ากรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตน์ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตาลสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์” ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปลี่ยนคำว่า “บวรรัตนโกสินทร์” เป็น “อมรรัตนโกสินทร์” และในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรีได้รวมจังหวัดธนบุรีเข้าไว้ด้วยกันกับกรุงเทพฯแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “กรุงเทพมหานคร” เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2515

 

เขตการปกครอง

กรุงเทพฯ มีเนื้อที่ 1,568.737 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 50 เขต คือ พระนครป้อมปราบศัตรูพ่าย ปทุมวัน สัมพันธวงศ์ บางรัก ยานนาวา สาธร บางคอแหลม บางซื่อ ดุสิต พญาไท ราชเทวี หัวยขวาง ดินแดง ประเวศ สวนหลวง จตุจักร ลาดพร้าว หนองจอก ลาดกระบัง ธนบุรี คลองสาน บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ บางพลัด จอมทอง ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ หนองแขม พระโขนง บางนา คลองเตย วัฒนา บางเขน สายไหม ดอนเมือง หลักสี่ บางกะปิ วังทองหลาง บึงกุ่ม คันนายาว สะพานสูง มีนบุรี คลองสามวา ภาษีเจริญ บางแค บางขุนเทียน บางบอน

ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา

 

 

 

สถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ

พระบรมมหาราชวัง รัชกาลที่ 1 ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาที่กรุงเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2325 ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่โดยในบริเวณพระบรมมหาราชวังเมื่อแรกสร้างประกอบด้วย 3 ส่วนคือ พระมหาปราสาท พระราชมณเฑียรสถาน และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีเนื้อที่ 132 ไร่ ลักษณะแบบแผนการก่อสร้างคล้ายคลึงกับพระบรมมหาราชวังเก่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีวัดพระศรีรัตนศาสดารามอยู่ในบริเวรวังเหมือนกับวัดพระศรีสรรเพชญในสมัยกรุงศรีอยุธยา บรรดาหมู่พระที่นั่งที่สำคัญมีดังนี้คือ

พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เดิมชื่อพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาทใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีการมงคล และบำเพ็ญพระราชกุศลต่างๆ

พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท อยู่ใกล้กับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทใช้เป็นที่ประทับทรงพระราชพาหนะและประทับเปลื้องเครื่องในงานพระราชพิธีที่มีขบวนแห่

พระที่นั่งพิมานรัตยา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2332 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เป็นที่ชุมนุมมหาสมาคมสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารฝ่ายในเข้ารับพระราชทานอิสริยยศและเครื่องราชอิสริยาภรณ์

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท สร้างในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2419 ใช้เป็นที่รับรองพระราชอาคันตุกะชั้นพระราชาธิบดี หรือชั้นประมุขของรัฐ นอกจากนี้ยังมีหมู่พระที่นั่งที่สำคัญอื่นๆ เช่น พระที่นั่งราชกรัณยสภา พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ฯลฯ

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ตั้งอยู่ตรงมุมตะวันออกเฉียงเหนือของพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐานพระมหามณีรัตนปฏิมากรและใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาที่สำคัญ วัดพระแก้วสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2327 วัดนี้เป็นวัดพุทธาวาส ภายในพระอุโบสถและระเบียงรอบวัดมีภาพเขียนฝาผนังสวยงามมาก วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 1-9 ตลอดทุกรัชกาล สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ หอพระเทพบิดร (เปลี่ยนชื่อเป็นปราสาทพระเทพบิดรในสมัยรัชกาลที่ 6) พระปรางค์ 8 องค์ พระศรีรัตนเจดีย์ ปราสาทนคร วัดจำลอง ฯลฯ

ศาลาเครื่องราชอิสริยยศและเหรียญกษาปณ ตั้งอยู่ภายในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ด้านขวามือก่อนถึงทางเข้าพระราชวังส่วนในจัดแสดงเหรียญกษาปณ์และเงินตราที่ใช้ในประเทศไทยรวมทั้งเครื่องราชอิสริยาภรณืของสำนักฝ่ายในเปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00 น.-15.30 น. ไม่เสียค่าเข้าชม ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 225-0968

พระบรมมหาราชวังเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น.-15.30 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม(สำหรับชาวต่างประเทศจะต้องเสียค่าเข้าชม 125 บาท ซึ่งรวมบัตรเข้าชมศาลาเครื่องราชอิสสริยยศและเหรียญกษาปณ์ ค่าเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆและพระที่นั่งอภิเษกดุสิตด้วย) รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 222-0094, 222-2208, 222-6889, 224-3273

ศาลหลักเมือง ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาติไทย เมื่อจะสร้างบ้านเมือง ต้องมีการฝังเสาหลักเมืองรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีฝั่งเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ เมืองวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 บรรจุดวงชะตาของกรุงเทพฯ ไว้ภายในเสาหลักเมืองทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ เส้นผ่าศูนย์กลาง 75 เซนติเมตร สูง 27 เซนติเมตร แล้วสร้างใหม่ในรัชกาลที่ 4 แทนของเดิมที่ชำรุดเป็นไม้ชัยพฤกษ์สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว มีอาคารยอดปรางค์อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ภายในศาลหลักเมืองยังมีเทวรูปเจ้าพ่อสำคัญอีก 5 องค์คือ เทพารักษ์ เจ้าพ่อหอกลอง พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ และพระกาฬไชยศรี

สนามหลวง หรือ ทุ่งพระเมรุ เป็นสนามกว้างอยู่ใกล้กับกำแพงพระราชวังหลวง และติดกับกำแพงวังหน้า ด้านทิศตะวันออก เมื่อแรกสร้างกรุงเทพฯ บริเวณนี้เป็นที่ทำนาของประชาชน เพิ่งจะมาเลิกในสมัยรัชกาลที่ 4 นอกจากจะใช้เป็นที่นาแล้ว ที่แห่งนี้ยังใช้เป็นที่ตั้งพระเมรุเผาศพของเจ้านายจึงเรียกกันติดปากว่าทุ่งพระเมรุ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่านามนี้ไม่เป็นมงคล จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกใหม่ว่า “ท้องสนามหลวง” สืบมาจนในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อกำแพงป้อมปราการของวังหน้าทิสตะวันออกลงขยายพื้นที่สนามหลวงให้กว้างดังเช่นปัจจุบันมีเนื้อที่ 78 ไร่ ใช้เป็นที่ตั้งพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดิน พระราชวงศ์ และเจ้านายชั้นสูง รวมทั้งเป็นที่ประกอบพระราชพิธีการกีฬา ทั้งยังทรงโปรดฯ ให้ปลูกต้นมะขามไว้ดดยรอบสนามหลวงจำนวน 365 ต้นอีกด้วย

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือที่เรียกว่าวัดโพธิ์ อยู่ที่ถนนมหาราชเป็นวัดเก่าแก่ซึ่งพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม วัดนี้ถือเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวครองราชย์ ได้โปรดฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด ได้นำเอาตำราวิชาการด้านต่างๆ มาจารึกไว้โดยรอบ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ถือได้ว่าวัดโพธิ์เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย

นอกจากนี้ที่วัดโพธิ์ยังมีพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ก่ออิฐถือปูนปิดทองทั้งองค์ ยาว 49 เมตร สูง 12 เมตร ที่ฝ่าพระบาทแต่ละข้างมีลวดลายประดับมุกเป็นภาพมงคล 108 ประการ อันเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของมหาบุรุษตามคติของอินเดีย

วัดอรุณราชวราราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรีถนนอรุณอัมรินทร์เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดแจ้ง ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้ง ณ กรุงธนบุรีได้โปรดฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป้นวัดในเขตพระราชฐานใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จแล้วได้พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธารามหรือ วัดแจ้ง มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือพระปรางค์องค์ใหญ่ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดอรุณราชวราราม” จัดเป็นพระอารามหลวง ชั้นวรมหาวิหาร เรียกชื่อเต็มว่า “วัดอรุณราชวรมหาวิหาร”

วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ฝั่งกรุงเทพฯ วัดนี้เป็นวัดหนึ่งในจำนวนวัดสำคัญประจำเมืองเอก 3 วัด (วัดเอกประจำเมือง ได้แก่ วัดราชบูรณะ วัดราชประดิษฐ์ และวัดมหาธาตุ) วัดราชบูรณะนี้เป็นวัดเก่าแก่เดิมชื่อ วัดเลียบ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงพระราชทานนามว่า “วัดราชบูรณะ” วัดนี้ได้รับการบูรณะมาตลอดตั้งแต่รัชกาลที่ 1-7 เว้นรัชกาลที่ 6 รัชกาลเดียว ในคราวสงครามมหาเอเซียบูรพา สถานที่สำคัญๆ ของวัดถูกระเบิดพังเกือบหมด โดยเฉพาะพระอุโบสถที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ถูกระเบิดทำลายจนหมด ปัจจุบันวัดราษฎร์บูรณะ ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ดังที่เห็นในปัจจุบัน

วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม อยู่ที่ถนนราชบพิธบริเวณวัดนี้เดิมเป็นวังของพระบรมวงศ์เธอ กรมหลวง บดินทร ไพศาลโสภณ วัดราชบพิธฯ เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2412 (สมัยรัชกาลที่ 5) เสร็จในปี พ.ศ. 2413 แล้วนิมนต์พระสงฆ์ จากวัดโสมนัสวรวิหารมาจำพรรษาอยู่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธนิรันตรายมาประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถด้วยสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ บานประตูและหน้าต่างของพระอุโบสถที่มีลายไทยลงรักประดับมุกเป็นรูปดวงตราเครื่องราชอิสริยภรณ์ต่างๆ สวยงามมาก

วัดเทพธิดาราม อยู่ที่ถนนมหาไชย วัดนี้เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดฯ ให้สร้างขึ้นพระราชทานแก่กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพเมื่อปี พ.ศ. 2379 เสร็จในปี พ.ศ. 2382 ได้รับพระราชทานนามวัดเทพธิดาราม สิ่งที่น่าสนใจวัดนี้ ได้แก่พระปรางค์ทิศทั้งสี่ เป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3 บุษบกที่รองรับพระประธานภายในโบสถ์ที่ประดิษฐ์อย่างสวยงาม และที่ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเป็นรูปพุ่มข้าวบิณฑ์แบบอย่างในรัชกาลที่ 3

นอกจากนี้ระหว่าง พ.ศ. 2383-2385 วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของสุนทรภู่กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อคราวบวชเป้นพระภิกษุ ปัจจุบันยังมีกุฏิหลังหนึ่งเรียกว่า “บ้านกวี” เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ผู้สนใจเข้าขมได้ทุกวัน

วัดราชนัดดารามวรวิหาร อยู่ที่ถนนมหาไชย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2389 เป็นวัดที่รัชกาลที่ 3 โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี โดยในการก่อสร้างครั้งนี้มีเจ้าพระยายมราชเป็นแม่กองออกแบบและจัดหาที่เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์เป็นแม่กองสร้างโลหะปราสาทที่วัดนี้แปลกกว่าวัดอื่น คือโปรดฯ ให้สร้างธรรมเจดีย์ปราสาทแทนการสร้างพระเจดีย์ (นับเป็นแห่งที่ 3 ของโลก) มีความสูง 36 เมตร ประกอบด้วย เจดีย์ล้อมรอบ 37 องค์เพื่อให้เท่ากับ “โพธิปักขียธรรม 37 ประการ”

ในปัจจุบันนี้โลหะปราสาทแห่งนี้เหลืออยู่เพียงแห่งเดียวในโลก เพราะโลหะปราสาทที่ประเทศอินเดียและศรีลังกาได้ปรับหักพังไปหมดแล้ว

วัดมหาธาตุราชรังสฤษดิ์ ตั้งอยู่ริมสนามหลวง ถนนหน้าพระธาตุ เดิมชื่อวัดสลัก กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทโปรดให้สร้างขึ้นใหม่ พร้อมๆ กับพระบรมมหาราชวัง แล้วพระราชทานนามว่า “วัดนิพพานาราม” ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดพระศรีสรรเพชรญ์” เคยใช้เป็นที่สังคายนาพระไตรปิฏกหลังจากกรมพระราชวังบวรฯเสด็จสวรรคตแล้วพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเปลี่ยนนามพระอารามใหม่ว่า“วัดมหาธาตุ”ส่วนคำว่า“ยุวราชรังสฤษดิ์”มาเติมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวหลังจากทรงปฏิสังขรณ์แล้ว วัดนี้มีมหาวิทยาลัยสงฆ์ชื่อ “มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย”

วัดบวรนิเวศวิหาร อยู่ที่ถนนพระสุเมรุ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้างเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4,6,7 และ 9 เมื่อคราวทรงผนวช สิ่งที่น่าชมในวัดนี้ได้แก่ พระพุทธชินสีห์ พระรูปสมเด็จพระสมเจ้า 2 องค์คือ สมเด็จกรมพระยาปวเสศวิยาลงกรณ์และสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส

นอกจากนี้ก็มีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ตำหนักปั้นหยา และพระศาสดา พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ซึ่งพระมหาธรรมราชาลิไททรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1900

วัดสะเกศ อยู่นอกกำแพงเมือง ริมคลองมหานาค ตรงที่บรรจบกับคลองบางลำพู เดิมเป็นวัดเก่าชื่อวัดสะแก ได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระราชทานนามว่าวัดสระเกศ ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทองในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระราชทานนามว่า “สุวรรณบรรพต” สูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่ พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ขณะนี้กำลังทรงผนวชอยู่ที่อินเดีย ส่งพระบรมสารีริกธาตุเข้ามาถวยในฐานะที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่เป็นพุทธมามกะอยู่ในขณะนั้น

วัดสุทัศน์เทพวราราม ตั้งอยู่ที่ถนนบำรุงเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมีพระราชประสงค์จะสร้างพระวิหารให้มีขนาดใหญ่เท่ากับพระวิหารวัดพนัญเชิง เป็นศรีสง่าแก่พระนคร ได้พระราชทานนามไว้ว่า “วัดมหาสุทธาวาส” แต่สร้างยังมิทันสำเร็จ ได้เสด็จสวรรคตเสียก่อนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิสหล้านนภาลัยได้ทรงดำเนินงานต่อ และพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดสุทัศน์เทพวราราม” สร้างเสร็จสมบูรณ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่วัดสุทัศน์ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหา

สถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ (ต้นไม้สำคัญในพุทธศาสนา 7 ชนิด) แทนที่อยู่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) พระประธานของวัดที่ได้ชะลอมาจากวิหารหลวงวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย และบานประตูพระวิหาร ซึ่งเป็นศิลปกรรมชั้นเยี่ยมทางด้านการแกะสลักในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะคู่ที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้นำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

เสาชิงช้า ศาสนาพราหมณ์มีความเกี่ยวพันกับชีวิตชาวไทยอยู่มากเมื่อสร้างกรุงเทพฯ เสร็จแล้วจึงมีการสร้างโบสถ์พราหมณ์และเสาชิงช้า เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง ทางจะเลี้ยวไปถนนดินสอ มีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2327 ย้ายมาตั้งในที่ปัจจุบันเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 บริษัทหลุยส์ ที.เลียวโนแวนส์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าไม้ได้อุทิศซุงไม้สักเพื่อสร้างเสาชิงช้าใหม่ เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2463 ซ่อมใหม่เมื่อ พ.ศ. 2502 มีส่วนสูงทั้งหมด 21.12 เมตร เสาชิงช้านี้ใช้พิธีตรียัมปวาย หรือพิธีโล้ชิงช้าในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งจัดให้มีในเดือนยี่ของทุกๆ ปี เพิ่งจะยกเลิกไปเมื่อ พ.ศ. 2478 นี้เอง

วัดเบญจมบพิตร อยู่ที่ถนนศรีอยุธยา เดิมเป็นวัดร้าง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดฯ ให้สร้างวัดเบญจมบพิตรขึ้นแทนวัดเก่า 2 วัดคือ วัดแหลม กับวัดไทรทอง โดยมีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศืเธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศืเป็นนายช่างออกแบบ และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) เป็นนายช่างก่อสร้าง สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระอุโบสถ ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี

ซึ่งเหลือมาจากการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม ที่ระเบียงวัดเบญจมบพิตรสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวมพระปางต่าง ๆ ที่ได้นำมาจากหัวเมือง 25 องค์ ไว้โดยรอบนอกจากนี้พระประะานของวัดได้จำลองพระพุทธชินราชจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลกมาประดิษฐานไว้ด้วย

วัดไตรมิตรวิทยาราม อยู่ที่ถนนเจริญกรุง (ใกล้หัวลำโพง) เดิมชื่อวัดสามจีน ภายในวัดมีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์หนึ่ง เมื่อคราวเปลี่ยนที่ตั้ง ปูนที่หุ้มอยู่ได้กะเทาะออก เห็นภายในเป็นพระพุทธรูปทองคำ ลักษณะองค์พระเป็นศิลปะสุโขทัยจึงได้ถวายพระนามว่าพระสุโขทัยไตรมิตร

เป็นพระพุทธรูปทองคำที่มีส่วนผสมของทองคำสูงมาก เรียกว่าทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว สูง 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว

วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ตั้งอยู่ติดกับด้านเหนือสวนสราญรมย์มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา นัยว่าเป็นวัดที่มีเนื้อที่เล็กมากวัดนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นวัดธรรมยุติและเป็นไปตามโบราณประเพณีว่า ในราชธานีต้องมีวัดสำคัญ 3 วัดเสมอ จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อสวนกาแฟหลวงในรัชกาลที่ 3 สร้างวัดเล็กๆ ขึ้นวัดหนึ่งพระราชทานนามว่า วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการามแล้วต่อมาทรงเปลี่ยนชื่อว่า วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดนี้คือพระวิหารหลวงซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพระราชพิธีสิบสองเดือน ภาพสุริยุปราคาในสมัยรัชกาลที่ 4 เป็นต้น

วัดธรรมมงคล ตั้งอยู่ในซอย 101 ถนนสุขุมวิท บางจาก พระโขนงมีพระมหาเจดีย์สูง 14 ชั้น วัดจากพื้นดินถึงยอดพระเจดีย์ได้ 94.78 เมตร ภายในบรรจุพระเกศา พระอุรังคธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระญารวิริยาจารย์เจ้าอาวาสได้อัญเชิญมาจากโคตะมะวิหาร เมืองจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ เมื่อ พ.ศ.2517 พระวิริยะมงคลมหาเจดีย์ศรีรัตนโกสินทร์นี้ใช้เวลาก่อสร้าง 9 ปี เสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2529 ใช้งบประมาณจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทั้งสิ้น 70 ล้านบาท

วัดอินทรารามวิหาร ตั้งอยู่ที่บางขุนพรหม ถนนวิสุทธิกษัตริย์ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธศรีอารยเมตรัย” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ สูง 32 เมตร กว้าง 10 เมตร 24 นิ้ว บนยอดพระเกตุมาลาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจากศรีลังกาเปิดให้เข้าชมทุกวันโดยไม่เสียค่าเข้าชมใดๆ

สถานศึกษาและปฏิบัติธรรม เป็นสถานที่จัดให้ความรู้ในเรื่องพุทธศาสนาและการทำสมาธิ โดยจัดชั้นเรียนสมาธิทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน (บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ) และชั้นเรียนพุทธศาสนาทุกวันอาทิตย์ที่สามและอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. ติดต่อได้ที่ สำนักงานใหญ่องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก เลขที่ 33 ถนนสุขุมวิท (ระหว่างซอย 1 และซอย 3) ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ โทร. 251-1188-90

อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช อยู่บริเวณวงเวียนใหญ่ ถนนประชาธิปก ประดิษฐานอยู่ในลักษณะทรงม้า พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงดาบ ส่วนสูงวัดจากพระบาทมาถึงยอดพระมาลา รวม 14 เมตรเศษ ประกอบด้วยชานชลาคอนกรีตสูงจากพื้นดินโดยรอบ 1.70 เมตร ได้ทำการเปิดเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2497 ในวันที่ 28 ธันวาคม ของทุกปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสร็จไปทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์นี้

อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประดิษฐานอยู่ ณ เชิงสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ ฝั่งพระนคร สร้างขึ้นเมื่องานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี เมื่อ พ.ศ. 2475 ทรงเป็นปฐมกษัตริย์ในมหาจักรีบรมราชวงศ์ประสูติ ณ กรุงศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 เสด็จขึ้นเสวยราชย์เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 อยู่ในราชสมบัตินาน 27 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ได้สถาปนากรุงเทพมหานครขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของชาวไทยเมื่อปี 2325

พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งอยู่บริเวณพลับพลาพระราชพิธี มุมถนนราชดำเนิน บริเวณหน้าวัดราชนัดดารามสร้างขึ้นในปี 2533 โดยกรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการ เป็นพระรูปหล่อด้วยสำริดประทับบนพระที่นั่งสูงขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง

ภายในบริเวณมีพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้รับราชอาคันตุกะนอกจากนั้นมีศาลาราย 3 หลัง และสวนสาธารณะ

พระบรมรูปทรงม้า สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อ พ.ศ. 2451 ด้วยเงินที่ประชาชนได้เรี่ยไรสมทบทุนโดยจ้างนายช่างชาวฝรั่งเศสแห่งบริษัทซุซ เซอรเฟรส ฟองเดอร์ หล่อมาจากกรุงปารีสพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดด้วยพระองค์เอง ส่วนเงินที่เหลือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำไปใช้สร้างมหาวิทยาลัยขึ้นมีนามตามพระปรมาภิไธยว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”

อนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานอยู่หน้าสวนลุมพินี ผู้ปั้นคือ ศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี ปั้นหล่อเสร็จเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2484 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อ วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2485

อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตั้งอยู่ริมถนนวิภาวดีรังสิต มีเนื้อที่ 38 ไร่ อยู่ในความดูแลของกรมยุทธศึกษาทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2525 และเปิดเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ภายในอาคารมีการจัดแสดงจิตรกรรมฝาผนังแสดงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทยตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจนมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีการจำลองเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ภาพจำหลักนูนต่ำแสดงเรื่องการสร้างเมือง และหุ่นจำลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การสงครามของไทย เปิดให้เข้าชมเฉพาะเป็นหมู่คณะ ในวันและเวลาราชการ รายละเอียดติดต่อ โทร. 532-1021

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2484 เพื่อเทิดทูนวีรกรรมของทหาร ตำรวจและพลเรือนที่เสียชีวิตไปในกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสเรื่องการปรับปรุงพรมแดนไทยกับอินโดจีนใหม่

อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไทยที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุขเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 อนุสาวรีย์นี้ออกแบบโดยศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2482 มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 ตรงกลางเป็นพานประดิษฐานรัฐธรรมนูญ ซึ่งนับเป็นพานทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน

อนุสาวรีย์ทหารอาสา ตั้งอยู่ ณ มุมสนามหลวงด้านเหนือ เป็นอนุสรณ์แก่ทหารไทยที่ไปร่วมรบในสมร ภูมิยุโรปในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2457 ประเทศไทยได้ร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรประกาศสงครามกับเยอรมัน และได้ส่งทหารอาสาไปในสมรภูมิใน ยุโรป เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ได้เดินทางกลับเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2462 และได้นำอัฐิทหารอาสาที่เสียชีวิตมาบรรจุ ณ อนุสาวรีย์นี้เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2462

หอสมุดแห่งชาติ เดิมริเริ่มตั้งขึ้นในพระบรมมหาราชวังมีชื่อว่า “หอสมุดวชิรญาณ” ต่อมาก็ขยับขยายมาสร้างขึ้นบริเวณท่าวาสุกรีในปี พ.ศ. 2509 เป็นอาคารใหญ่สูง 4 ชั้น ปัจจุบันได้ขยายการบริหารค้นคว้าออกไปมาก เช่น หอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งอยู่ในบริเวณหอสมุดแห่งชาติ ใช้เป็นสถานที่เก็บศิลาจารึกและตู้พระธรรม ห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมบริพัตร ห้องหนังสือภาษาโบราณ

ศูนย์นราธิปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ ห้องโสตทัศนวัสดุสุนทราภรณ์ นอกจากนี้ยังมีบริการฉายภาพยนต์สารคดี และจัดอภิปรายที่ห้องประชุมหอสมุดฯ และนิทรรศการต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำเปิดบริการให้ใช้ห้องสมุดเวลา 9.30-19.30 น. ทุกวันเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 281-5313

หอสมุดดำรงราชานุภาพ ตั้งอยู่ ณ. บริเวณวังวรดิศ ถนนหลานหลวงเป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเรื่องราวทั้งในสมัยเก่าและสมัยปัจจุบัน เป็นห้องสมุดอนุสรณ์เชิดชูพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และมีบริการโสตศึกษา เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการได้ทุกวันเว้นวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น.

พระที่นั่งวิมานเมฆและพิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งอนันตสามาคม พระที่นั่งวิมานเมฆเป็นพระราชวังที่ทำจากไม้สกทองทั้งหลังเดิมตั้งอยู่บนเกาะสีชัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้ชะลอมาไว้ ณ สถานที่ตั้งปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2444 ภายในพระที่นั่งประกอบด้วยห้องต่าง ๆ 81 ห้อง มีคลองล้อมรอบ อาทิ คลองคาบแผ่นกระจก คลองรางเงิน อ่างหยก ภายในบริเวณร่มรื่น สวยงาม

พิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง ตั้งอยู่ในบริเวณด้านหน้าของพระที่นั่งวิมานเมฆเป็นที่รวบรวมรถม้าพระที่นั่งโบราณซึ่งใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 รวม 13 คัน รถม้าแต่ละคันมีความสง่าสวยงามและถือว่ามีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เพราะได้เข้าร่วมในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ

พระที่นั่งวิมานเมฆและพิพิธภัณฑ์รถม้าพระที่นั่ง เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันหยุดประจำปี คือ 1 มกราคม 12 สิงหาคม 22 ตุลาคม และ 5 ธันวาคม ตั้งแต่เวลา 9.00-15.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 281-1569, 281-1518, 281-6880, 281-8166 และ 280-5926

พิพิธภัณฑ์ศิลปาชีพ พระที่นั่งอภิเษกดุสิต ตั้งอยู่ด้านหลังพระที่นั่งอนันตสมาคม ในบริเวณเดียวกันกับพระที่นั่งวิมานเมฆพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2447 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์พระที่นั่งอภิเษกดุสิต เพื่อปรับแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานหัตถกรรมที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยสมาชิกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ จุดเด่นที่สวยงามของพระที่นั่งองค์นี้ก็คือ ลายไม้ฉลุแบบสมัยพระนางเจ้าวิคตอเรียแห่งประเทศอังกฤษ ภายในพิพิธภัณฑ์มีงานหัตถกรรมหลากหลายให้ชม อาทิเช่น เครื่องเงิน คร่ำ ผ้าทอ ผ้าปัก ถมเงิน ถมทอง งานประดับด้วยปีกแมลงทับ เป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดประจำปีเช่นเดียวกับพระที่นั่งวิมานเมฆ) ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. สำหรับค่าเข้าชมรวมอยู่ในบัตรเข้าชมพระที่นั่งวิมานเมฆ รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ โทร. 281-8803, 281-8824

พระที่นั่งอนันตสมาคมและรัฐสภา พระที่นั่ง อนันตสมาคม สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารหินอ่อนแบบเรเนอซองส์ ของอิตาลี ทั้งนี้ มีพระราชประสงค์ที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รับรองแขกเมือง และประชุมปรึกษาราชการแผ่นดิน พระที่นั่งนี้สร้างเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 บนเพดานโดมของพระที่นั่งมีภาพเขียนแฟรสโกที่สวยงามมาก เป็นภาพเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1-6 แห่งราชวงศ์จักรี พระที่นั่งอนันตสมาคมใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธี และรัฐพิธีต่าง ๆ และเคยเป็นที่ประชุมรัฐสภาแต่เมื่อได้มีการสร้างตึกรัฐสภาใหม่ซึ่งอยู่ด้านหลังของพระที่นั่งนี้การประชุมรัฐสถาจึงได้ย้ายไปประชุมที่ตึกรัฐสภาใหม ส่วนพิธีเปิดประชุมรัฐสภาจะกระทำที่พระที่นั่งอนันตสมาคม

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เดิมสถานที่นี้เป็นวังหน้าของกรมพระราชวังบรมมหาสุรสิงหนาที่โปรดให้สร้างขึ้นพร้อมๆ กับวังหลวง มีพระที่นั่งที่สำคัญๆ ได้แก่ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อมาในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่ศาลาสหทัยสมาคม เรียกว่า มิวเซี่ยม แล้วจึงย้ายมาไว้ที่วังหน้าของกรมพระราชวังบวรฯ ซึ่งบางส่วนกลายเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และบริเวณข้างเคียงมีโรงเรียนช่างศิลป์วิทยาลัยนาฎศิลป์และโรงละครแห่งชาติอยู่ในบริเวรเดียวกัน สิ่งที่น่าสนใจนอกจากพิพิธภัณฑ์แล้วยังมีวัดบวรสถานสุทธาวาส ตั้งอยู่ภายในบริเวณวังหน้าใกล้กับโรงเรียนช่างศิลป์ วัดนี้เรียกกันว่า “วัดพระแก้ววังหน้า” พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเปิดให้เข้าชมได้ทุกวันเว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขุนฤกษ์ เวลา 9.00-16.00 น. ค่าเข้าชมในอัตราราคาบัตรรวมชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 80 บาท โทร. 224-1333, 224-1396

หอศิลปแห่งชาติ อยู่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งตรงข้ามโรงละครแห่งชาติได้ทำพิธีเปิดเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2520 โดยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา หอศิลปนี้เป็นศูนย์รวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปะทั้งแบบประเพณีไทยโบราณและแบบสากลร่วมสมัยของศิลปินที่มีชื่อเสียงของไทย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ชมและศึกษาค้นคว้าวิจัย นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนสีน้ำมันฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ติดตั้งแสดงอยู่ด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวัน เว้นวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. ค่าเข้าชมในอัตราบัตรรวมชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 80 บาท (สุธิดา 14 พ.ค. 40) นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบไม่เสียค่าเข้าชม หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 281-224,282-2639

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี ตั้งอยู่ริมคลองบางกอกน้อยตรงข้ามสถานีรถไฟธนบุรี เป็นอู่ที่ใช้เก็บเรือที่ใช้ในพระราชพิธีต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เรือเหล่านี้เป็นเรือขุดทั้งสิ้น เปิดให้เข้าชมได้ทุกวันเวลา 8.30-16.30 น. เว้นวันเข้าพรรษา วันขึ้นปีใหม่และ วันสงกรานต์ ค่าเข้าชมในอัตราราคาบัตรรวมชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 80 บาท (สุธิดา 14 พ.ค. 40) นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบไม่เสียค่าเข้าชมรายละเอียดติดต่อ โทร. 424-0004

ตึกถาวรวัตถุ อยู่ใกล้สนามหลวงติดกับวัดมหาธาตุ เดิมทีเดียวตึกแห่งนี้เป็นหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2448 พระราชทานนามว่า หอสมุดสำหรับพระนคร ตึกหอสมุดสร้างเสร็จในสมัย ร.6 โดยสมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ปัจจุบันตั้งเป็นศูนย์นราธิปฯ เพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ บริการค้นคว้าข้อมูลทางการศึกษาทุกวันและเวลาราชการ โทร. 222-4867

พิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผา เป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องปั้นดินเผาถ้วยชามเบญจรงค์ในสมัยโบราณ พิพิธภัณฑ์เป็นบ้านริมน้ำ ตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ด้านหลังของวิทยาลัยนาฎศิลป์) ต้องเข้าชมเป็นหมู่คณะโดยติดต่อล่วงหน้าที่มูลนิธิเสวตรโสภา เลขที่ 5 ถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพฯ โทร. 224-1373, 224-1388 ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ในวันและเวลาราชการ

พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และท้องฟ้าจำลอง ตั้งอยู่ที่เอกมัย ถนนสุขุมวิท เป็นศูนย์แสดงและเผยแพร่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ มีการจัดนิทรรศการ ฉายภาพยนต์ บรรยายความรู้สาขาต่าง ๆ ของวิชาวิทยาศาสตร์ ยังมีท้องฟ้าจำลอง ซึ่งใช้ศึกษาเกี่ยวกับระบบสุริยะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 8.30-14.30 น. เว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 3 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 392-5952, 390-2301

พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ เป็นพิพิธภัณฑ์กล้องและภาพถ่ายแห่งแรกในประเทศไทยและเอเซีย ตั้งอยู่ที่อาคารของภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่ายและเทศโนโลยีทางการพิมพ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่รวบรวมและแสดงประวัติความเป็นมาของภาพถ่ายประวัติศาสตาร์และอุปกรณ์การถ่ายภาพต่าง ๆ ไว้ในรูปของพิพิธภัณฑ์กล้องและการถ่ายภาพ นอกจากนี้ยังจัดแสดงความก้าวหน้าด้านภาพสามมิติภาพอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีการแยกสีและการพิมพ์อีกด้วย พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในวันเสาร์เวลา 10.00-16.00 น.

อัตราค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท นักเรียน นักศึกษา 10 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บาท การเข้าชมเป็นหมู่คณะจัดเฉพาะวันพฤหัสบดีโดยต้องทำหนังสือแจ้งไปล่วงหน้า โทร. 251-1913

พิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ ตั้งอยู่ที่ ชั้น 1 อาคารสำนักงานไปรษณีย์นครหลวงเหนือ (หลังไปรษณีย์สามเสนใน) จัดแสดงแสตมป์ไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และแสตมป์ของประเทศสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีห้องสมุดจัดเก็บหนังสือรวบรวมความรู้เรื่องการไปรษณีย์ ทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ในบริเวณเดียวกันยังมีการจำหน่ายแสตมป์และอุปกรณ์เพื่อการสะสมแสตมป์ด้วยเปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ระหว่างเวลา 9.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม

พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อาคารตำหนักวังบางขุนพรหม ภายในบริเวณเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากกรมศิลปากร กรมธนารักษ์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและสมาคมเหรียญกษาปณ์แห่งประเทศไทย จัดแสดงสื่อในการแลกเปลี่ยนตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ อาทิ ห้องเงินตราโบราณ ห้องเงินพดด้วง ห้องกฏาปณ์ไทย ห้องธนบัตรไทย ห้องทองตรา ห้อง 50 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น เปิดให้เข้าชมเฉพาะเป็นหมู่คณะไม่เสียค่าเข้าชมใดๆ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดธนาคารตั้งแต่เวลา 10.00 -12.00 น. และเวลา 14.00-16.00 น. โดยต้องทำหนังสือขออนุญาตล่วงหน้า รายละเอียดติดต่อ โทร. 283-5265, 283-5284

พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย ตั้งอยู่ที่อาคารที่ทำการเก่าของสหภาพแรงงานการรถไฟมักกะสัน ถนนนิคมรถไฟมักกะสันพญาไท จัดแสดงเรื่องราวของผู้ใช้แรงงานในด้านต่างๆ เช่น ประวัติผู้นำแรงงานที่สำคัญๆ ในอดีต รูปภาพเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของผู้ใช้แรงงานเปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์อังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 246-7013, 245-4384 โทรสาร 246-7030

พิพิธภัณฑ์แร่และหิน ถนนพระราม 6 ตั้งอยู่ตรงข้ามกระทรวงการต่างประเทศ ติดกับโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นหน่วยงานในความดูแลของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงอุตสาหกรรม ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2491 ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมวัตถุพวก แร่ หิน ซากดึกดำบรรพ์ และเครื่องมือ เครื่องใช้โบราณที่ทำจากแร่ หิน มาจัดแสดงโดยแบ่งเนื้อหาเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ด้านธรณีวิทยา ซึ่งประกอบไปด้วยเรื่องกำเนิดโลก การเปลี่ยนแปลงเปลือกโลก แร่หิน ซากดึกดำบรรพ์ อีกด้านหนึ่งคือ ทรัพยากรแร่ได้แก่ แร่เศรษฐกิจชนิดต่างๆ เปิดให้ชมตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 245-6210 โทรสาร 245-6397

หอเกียรติภูมิรถไฟ ตั้งอยู่ด้านเหนือของสวนจตุจักรใกล้บริเวณจอดรถลาดเอนกประสงค์ เป็นอาคารเก่าของการรถไฟสร้างขึ้นเมื่อ 30 ปี มาแล้วเพื่อใช้เป็นที่เก็บขบวนรถไฟพระที่นั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 และหัวรถจักรประวัติศาสตร์บางคัน ต่อมาได้ถูกปิดตายระยะหนึ่งภายหลังได้รับการปรับปรุงและเปิดหอพระเกียรติภูมิรถไฟ เมื่อปี พ.ศ. 2533 เป็นสถานที่รวบรวมและให้ความรู้เกี่ยวกับการรถไฟ มีการจัดแสดงรถจักรไอน้ำ รถจักรจำลอง ขบวนรถไฟเล็กขนาดต่างๆ ภาพถ่ายและภาพเขียนเกี่ยวกับเกียรภูมิของการรถไฟโลกรวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ อีกมากมาย หอเกียรติภูมิรถไฟเปิดให้เข้าชมทุกวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 05.00-12.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ “ชมรมเรารักรถไฟ” โทร. 243-2037-9

พิพิธภัณฑ์ปราสาทมิวเซียม อยู่เลขที่ 9 ซอยกรุงเทพกรีฑา 4 ถนนพัฒนาการตัดใหม่ เขตพระโขนง เป็นสถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ มีสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบ เช่น ตึกฝรั่ง ตำหนักแดง ซึ่งจำลองจากตำหนักแดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอพระซึ่งจำลองมาจากวัดใหญ่สุวรรณาราม เป็นต้น เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ในวันศุกร์ เสาร์ และ อาทิตย์ ในเวลา 10.00-15.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 300 บาท (รวมอาหารว่างและเครื่องดื่ม) วันธรรมดาเข้าชมได้เป็นหมู่คณะโดยติดต่อล่วงหน้า โทร.

379-3601, 379-3607, 253-9772

วังสวนผักกาด ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา เป็นที่ประทับของกรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิ์พินิจ และ ม.ร.ว.หญิงพันธุ์ทิพย์ บริพัตร ภายในวังสวนผักกาดจัดเป็นร้านแสดงศิลปหัตถกรรมรวมทั้งโบราณวัตถุต่างๆ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. เว้นวันอาทิตย์ ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท ชาวต่างชาติ 80 บาท ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ โทร. 245-4934

บ้านจิม ทอมป์สัน อยู่ในซอยเกษมสันต์ ซอย 2 ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติเป็นบ้านของนายทหารอเมริกัน ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมไหมไทย ภายในมีห้องซึ่งจัดแบบไทย ใช้เครื่องเรือน มีสวนไม้ดอกไม้ประดับแบบไทย เปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. เสียค่าเข้าชมคนละ 100 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 215-0122

บ้านคำเที่ยง ตั้งอยู่ที่เลขที่ 131 ถนนสุขุมวิท ซอย 21 เป็นบ้านโบราณสร้างขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ มีอายุกว่า 200 ปี ต่อมาได้บริจาคให้อยู่ในความดูแลของสยามสมาคม ซึ่งได้นำมาประกอบใหม่ที่กรุงเทพฯ ภายในบริเวณบ้านจัดแสดงสิ่งของที่ใช้ประจำวันต่างๆ ของเมืองเหนือบ้านคำเที่ยงเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 20 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 258-3494, 260-2830-32 โทรสาร 258-3491

บ้านตุ๊กตาบางกอกดอลล์ และพิพิธภัณฑ์ตุ๊กกานานาชาติ ตั้งอยู่ที่ซอยแยกรัชฎภัณฑ์ (ซอยหมอเหล็ง) ถนนราชปรารภ มักกะสัน ราชเทวี จัดแสดงตุ๊กตานานาชาติจากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งตุ๊กตาบางกอกดอลล์และตุ๊กตาไทยประเภทต่างๆ เช่น ตุ๊กตาโขน ละครตุ๊กตาคนไทยอาชีพต่างๆ ตุ๊กตาชาวเขา และตุ๊กตาสำหรับเด็ก เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์โดยไม่เก็บค่าเข้าชมรายละเอียดติดต่อ โทร.245-3008,245-2512

ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ถนนรัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ บนเนื้อที่ 23 ไร่ เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ อนุรักษ์ และ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของชาติ เป็นแหล่งกลางในการร่วมมือและแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมของชาติเป็นแปล่งกลางในการร่วมมือและแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ ทั้งนี้เพื่อมุ่งให้ประชาชนชาวไทยตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมของชาติ รัก หวงแหน และร่วมกันสงวนรักษาไว้เป็นเกียรติภูมิของชาติสืบไปภายในศูนย์ประกอบด้วยอาคารต่างๆ เช่น หอประชุมใหญ่ หอประชุมเล็ก โรงละครกลางแจ้งห้องสมุด ห้องปฏิบัติการภาษาและห้องโสต ทัศนูปกรณ์ เป็นต้น ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ โทร. 247-0028, 247-3201

โรงละครแห่งชาติ เป็นโรงมหรสพในความดูแลของกรมศิลปากรจัดแสดงการละเล่นละคร ฯลฯ โดยเฉพาะ รายการศรีสุขนาฏกรรม ซึ่งจัดให้มีขึ้นทุกวันศุกร์และวันเสาร์สุดท้ายของเดือนรายละเอียดติดต่อ โทร. 224-1342, 221-8191 ในเวลาราชการ

ศูนย์สังคีตศิลป์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาสะพานฝ่านฟ้าซึ่งเปิดการแสดงอภิปราย ฯลฯ ทุกวันศุกร์ สามารถเข้าชมได้ฟรี ขอทราบรายละเอียดการแสดงและเวลาได้ที่ โทร. 282-2396

โรงละครกรุงเทพ ตั้งอยู่ที่ถนนเพชรบุรี (ใกล้สามแยกเอกมัย) ติดกับอาคารชาญอิสระ 2 จัดแสดงละครแนวสมัยใหม่ ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงติดต่อได้ที่ โทร. 319-7641-5 โทรสาร 319-7644

โรงละครเฉลิมกรุง รอยัล เธียเตอร์ ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญกรุง เขตพระนคร เดิมเป็นโรงภาพยนตร์เฉลิมกรุง ต่อมาได้มีการปรับปรุงให้เป็นโรงละครละครที่ทันสมัย โดยมีการนำเอาเทคนิคพิเศษ เลเวอร์และระบบมัลติวิชันมาประกอบแสดงหลากหลายประเภทอาทิเช่น โขน ละคร เวที ละครย้อนยุค และภาพยนต์หมุนเวียนกันไป รายละเอียดติดต่อ โทร. 222-0434, 225-8757-8, 222-1352,

222-1753

สถาบันประมงน้ำจืดแห่งชาติ อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน เป็นสถานเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดในประเทศไทย มีตู้ปลา นานาชนิด จัดให้มีสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน วันธรรมดา 9.00-16.00 น. วันหยุดราชการ 10.00-14.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 6 บาท เด็ก 3 บาท หมู่คณะทำหนังสือติดต่อล่วงหน้า คนละ 2 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 579-0562, 579-2151

สวนงูสภากาชาดไทย อยู่ที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาฯ ถนนพระราม 4 เป็นแหล่งเลี้ยงงูพิษต่าง ๆ เพื่อนำเอาพิษงูมาทำเซรุ่มฉีดรักษาผู้ถูกงูกัด เปิดให้ชมทุกวัน วันธรรมดาเวลา 08.30-16.30 น. (พักเที่ยง) วันหยุดราชการ เวลา 8.30-12.00 น. วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8.30-16.30 น. มีการแสดงรีดพิษงูโดยในวันธรรมดามี 2 รอบ คือ 10.30 น. และ 14.00 น. วันหยุดราชการ 1 รอบ คือ 10.30 น. ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 70 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบไม่เสียค่าเข้าชม หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า โดยทดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 252-0161-4

สวนสัตว์ดุสิตเขาดินวนา ตั้งอยู่ใกล้กับสนามเสือป่า และพระที่นั่งอนันตสมาคม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 อยู่ภายในบริเวณพระราชวังดุสิต เพื่อเป็นที่พักผ่อนของประชาชน และได้ปรับปรุงตามลำดับ จนเป็นสวนสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเปิดบริการให้เข้าชมทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 5 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 281-2000, 281-1039

สวนหลวง ร.9 สวนสาธารณะระดับนครแห่งใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดและใหญ่ที่สุดในบรรดาสวนสาธารณะที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีพื้นที่ 500 ไร่ ซึ่งมูลนิธิสวนหลวง ร.9 และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าพร้อมใจกันสร้างเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในศุภมงคลสมัยเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองกรุงเทพมหานครด้านตะวันออกเฉียงใต้ แขวงหนองบอน เขตพระโขนง มีทางเข้าได้ 2 ทาง คือ ทางถนนศรีนครินทร์ ผ่านสะพานข้ามคลองหนองบอน และทางถนนอุดมสุข หรือสุขุมวิท 103 สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 328-1385-6, 328-1392 เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 6.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท

ภายในบริเวณสวนหลวง ร.9 ประกอบด้วย อาคารเทิดพระเกียรติรวมเรื่องราวพระราชกรณียกิจ และสิ่งของเนื่องในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สวนพฤกษศาสตร์ สวนรมณีย์ ตระพังแก้วเก็บน้ำสนามราษฎร์ สำหรับจัดกิจกรรมต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีสวนสาธารณะอีกหลายแห่ง เช่น สวนลุมพินี สวนจตุจักร สวนสราญรมย์ สวนธนบุรีรมย์ สวนรมณียนาถและอุทยานเบญจศิริ ซึ่งมีสนามหญ้าและต้นไม้ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจสำหรับสวนจตุจักรนั้น จะมีตลาดนัดในวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย สวนสาธารณะต่างๆ นี้ ทางกองสวนสาธารณะ กรุงเทพมหานคร ได้จัดรักษาความปลอดภัย โดยห้ามรถทุกชนิดเข้าไปภายในบริเวณ ติดตั้งไฟฟ้าให้มีแสงสว่างเพียงพอ และจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ตลอดจนตำรวจสายตรวจ ดูแลทั่วบริเวณ เปิดให้ประชาชนเข้าพักผ่อนหย่อนใจได้ตั้งแต่เวลา 5.00-21.00 น. ทุกวัน

แดนเนรมิต เป็นสวนสนุกแห่งแรกของเมืองไทย ตั้งอยู่เลขที่ 72 พหลโยธินข้างกองทะเบียนกรมตำรวจ ลาดพร้าว ภายในสวนสนุกมีเครื่องเล่นจากต่างประเทศกว่า 30 ชนิด มีดินแดนแห่งเทพนิยาย ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความฝัน จินตนาการอันบริสุทธิ์ของเด็กๆ รวมทั้งปราสาทเจ้าหญิงนิทราซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้า ภายในบริเวณสวนสนุกมีร้านอาหารหลายแห่งให้เลือกรับประทาน ประชาชนเข้าชมได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด วันธรรมดาตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. วันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 10.00-19.00 น. อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 50 บาท (เด็กความสูงไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร ไม่เสียค่าเข้าชม) บัตรผ่านประตูพร้อมเครื่องเล่นราคา 180 บาท ชาวต่างประเทศราคา 200 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 513-1731-8 โทรสาร 513-1739

ดรีมเวิลด์ ตั้งอยู่บริเวณ กม.7 ถนนรังสิต-องค์รักษ์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ภายในดรีมเวิลด์มีสิ่งก่อสร้างจำลองดินแดนเทพนิยายและเครื่องเล่นต่างๆ หลายชนิด เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 9.30-17.00 น. ในวันธรรมดา และ 9.30-19.00 น. ในวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์บัตรผ่านประตูพร้อมชมการแสดงภายในวนสนุก ผู้ใหญ่ 95 บาท เด็ก 80 บาท บัตรผ่านประตูพร้อมเครื่องเล่น ผู้ใหญ่-เด็ก ราคา 250 บาท (เด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซ็นติเมตร ไม่เสียค่าเข้าชม) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 533-1152, 533-1447, 533-1449 โทรสาร 533-1899

นอกจากสวนสนุกต่างๆ เหล่านี้แล้ว ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งในกรุงเทพฯ ก็มีสวนสนุกตั้งอยู่ภายในบริเวณอาคาร เช่น แฟนตาเซีย ลากูน ที่ห้างสรรพสินค้า เดอะมอลล์ (บางแค,บางกะปิ) โทร. 454-9307, ลีโอ แลนด์ ที่เซ็นทรัล ซิตี้ บางนา โทร. 361-0888, ซีคอนสแควร์ (ศรีนครินทร์) โทร. 721-8931-33,ฟิวเจอร์พาร์ค (บางแค) โทร. 454-8500, อิมพีเรียลเวิร์ล (สำโรง) โทร. 384-0555-6 ฯลฯ

สวนสยาม ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขาภิบาล 2 คันนายาว เขตบึงกุ่ม มีเนื้อที่ 72 ไร่ เป็นสวนสนุกที่ประกอบไปด้วย ทะเลน้ำจืด สไลเดอร์ สวนนก พร้อมด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ศิลปวัฒนธรรมจัดแสดงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศเช่นจีน ลาว กัมพูชาเป็นต้น เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ในวันธรรมดาและตั้งแต่เวลา 9.00-19.00 น.ในวันหยุดราชการ อัตราค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท (ใช้ได้ 2 ครั้ง) มีรถประจำทางสาย 26,27 ปอ.19 ผ่าน รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 517-0075-9

ซาฟารีเวิลด์ ตั้งอยู่เลขที่ 99 ถนนรามอินทรา 1 บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 9 เขตมีนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 430 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ซาฟารีปาร์ค ซึ่งเป็นวนสัตว์เปิดมีสัตว์ต่างๆ เช่น ม้าลาย กวาง ยีราฟ นก เสือ สิงโต หมี ฯลฯ ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งรถชมชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ตามธรรมชาติโดยรถส่วนตัวหรือรถบริการพร้อมผู้บรรยายของซาฟารีเวิลด์

ส่วนที่สองคือ มารีนปาร์ค หรือสวนน้ำ มีสัตว์น้ำและสัตว์ต่างๆ ที่หาดูยากให้ชม รวมทั้งการแสดงต่างๆ เช่น การแสดงของปลาโลมา,นก,แมวน้ำ,ลิง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและเกมส์ต่างๆ เช่น ปาเป้า ยิงปืน โยนบ่วง ฯลฯ ไว้บริการ ในส่วนนี้มีรถรางพาชมรอบบริเวณด้วย

ซาฟารีเวิลด์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น. ในวันธรรมดา และเวลา 9.00-18.00 น. ในวันหยุดราชการ บัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ 280 บาท เด็ก 180 บาท รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 518-1000-19

ตลาดน้ำตลิ่งชัน มีให้ชมเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ในเวลา 9.00-16.00 น. บริเวณท่าน้ำหน้าสำนักงานเขตตลิ่งชันในบริเวณเดียวกันจะมีเรือทัวร์ของเอกชนพาชมคลอง สวนและความเป็นอยู่ของชาวตลิ่งชัน รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่สำนักงานเขตตลิ่งชัน โทร. 424-1742, 424-5448

สะพานพระราม 9 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแห่งหนึ่งสร้างเชื่อมต่อระหว่างทางด่วนสายท่าเรือดาวคะนอง ได้ชื่อว่าเป็นสะพานเสาขึงสายเคเบิ้ลระนาบเดี่ยวที่ยาวที่สุดในโลก เพราะช่วงเสาหลักจากฝั่งกรุงเทพฯ ไปยังฝั่งธนบุรีห่างกัน 450 เมตร ตัวสะพานจากฝั่งกรุงเทพฯ ไปฝั่งธนบุรี ยาวทั้งสิ้น 3 กิโลเมตร

 

กีฬา

1. สนามกีฬาแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 1 ภายในมีสนามฟุตบอล โรงพลศึกษา สระว่ายน้ำ เปิดให้ประชาชนชมการแข่งขันได้ตามวันและเวลาที่ประกาศไว้ในหน้าข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ทั่วไป นอกจากนี้ยังเปิดให้ประชาชนเข้าใช้บริการได้ โดยติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ โทร. 214-4860

 

2. ศูนย์กีฬาเยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ถนนอโศก-ดินแดง ศูนย์กีฬานี้นอกจากจะใช้เป็นที่จัดการแข่งขันกีฬาแล้ว ยังใช้เป็นที่จัดการแสดงต่างๆ ด้วย ติดต่อขอทราบรายละเอียดได้ที่ 245-4743-4,245-4747

3. สนามกีฬาของการกีฬาแห่งประเทศไทย อยู่ที่หัวหมาก ใกล้กับมหาวิทยาลัยรามคำแหง โทร. 3180904-4 ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการโรงพลศึกษาและสระว่ายน้ำจะต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อน

4. สนามมวย มีให้เลือกชมหลายแห่ง ได้แก่

- สนามมวยเวทีลุมพินี มีการชกมวยทุกวันอังคาร,ศุกร์ เวลา 18.00-22.00 น. และวันเสาร์ เวลา 17.00-24.30 น. รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร. 251-4303,280-4550

- สนามมวยเวทีราชดำเนิน มีการชกมวยทุกวันจันทร์,พุธ เวลา 18.00-22.00 น. วันพฤหัสบดี เวลา 17.00-24.00 น. วันอาทิตย์เวลา 16.00-23.00 น. รายละเอียดติดต่อ โทร. 281-4205,281-0879

- สนามมวยเวทีสำโร มีการชกมวยทุกวันอังคาร เวลา 20.30-01.00 น. วันศุกร์ เวลา 20.15-24.00 น. รายละเอียดติดต่อ โทร. 393-3592

 

5. สนามแข่งม้า

สนามแข่งม้าราชตฤณมัยสมาคม ถนนพิษณุโลก จัดแข่งทุกวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เวลา 12.30-18.00 น. ค่าเข้าชม ราคา 50 บาท และ 100 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 280-0020-9

สนามแข่งม้าราชกรีฑาสโมสร ถนนอังรีดูนังต์ จัดแข่งทุกวันอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เวลา 12.30-18.00 น. ค่าเข้าชมราคา 50 บาท 70 บาท และ 100 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 251-0181-6, 255-1420-8

 

6. สนามกอล์ฟ

สนามกอล์ฟทหารบก ถนนรามอินทรา กม.2 โทร. 521-5338-9, 521-1184-5 (36 หลุม)

สนามกอล์ฟกรุงเทพกรีฑา หัวหมาก โทร. 379-3732, 379-3768, 379-3716 (9 หลุม)

สนามกอล์ฟนวธานี ถนนสุขาภิบาล 2 โทร. 376-1030-2 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสร ถนนอังรีดูนังต์ โทร. 251-0181-6, 255-1420-8 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟทหารอากาศกานตรัตน์ ดอนเมือง โทร. 523-6441, 534-3840-1 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟราชนาวี บางนา โทร. 393-1652, 393-1637 (9 หลุม)

สนามกอล์ฟศูนย์ฝึกการรถไฟ ถนนพหลโยธิน โทร. 272-4500 ต่อ 880(18 หลุม)

สนามกอล์ฟดุสิต ถนนพิษณุโลก

โทร. 281-1330-1, 281-4320 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟชลประทาน ถนนติวานนท์

โทร. 583-6060-9 ต่อ 269 (9 หลุม)

สนามกอล์ฟธูปเตมีย์ ถนนพหลโยธิน

โทร. 531-1484,534-3880 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟเมืองเอก ถนนพหลโยธิน

โทร. 533-9335-40 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟยูนโก้ ถนนกรุงเทพกรีฑา

โทร. 379-3752, 379-3780 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟเกียรติธานี คันทรี่คลับ ถนนบางนา-ตราด กม.29 โทร. 237-4146-7 (18 หลุม)

วินสัน กอล์ฟ ถนนรามอินทรา

โทร. 518-1041-4, 518-1055-61 (18 หลุม)

สนามกอล์ฟปัญญาอินทรา ถนนรามอินทรา โทร. 943-0010-24, 519-5840-7 (27 หลุม)

สนามกอล์ฟกรีนวัลเล่ย์ ถนนบางนา-ตราด กม.15 โทร. 312-5883-9 (18 หลุม)

 

สถานที่จำหน่ายสินค้า

ตลาดนัดสวนจตุจักถนนพหลโยธิน มีสินค้ามากหลายประเภทจำหน่าย เช่น สินค้าพื้นเมือง เครื่องจักสาน เครื่องประดับ เสื้อผ้า ไปจนถึงสัตว์เลี้ยง นอกจากนี้ยังจัดบริเวรเฉพาะสำหรับร้านค้าพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เปิดตั้งแต่เวลา 7.00-18.00 น. ทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์

ปากคลองตลาด ถนนมหาราช ใกล้สะพานพุทธ เป็นตลาดค้าส่งผักสด ผลไม้ ดอกไม้และกล้วยไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่ง

เทเวศน ถนนสามเสน ตามแนวคลองผดุงกรุงเกษม เป็นตลาดจำหน่ายไม้กระถางนานาชนิด

บางลำภู จำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป กระเป๋าถือ เครื่องหนังบุรุษและสตรี เครื่องสำอาง สามารถต่อรองราคาได้

เยาวราช ตั้งอยู่ที่ถนนเยาวราชและถนนเจริญกรุง เป็นศูนย์กลางการค้าของชาวจีน มีสินค้าจำหน่ายมากมายทั้งตามร้านค้าและแผงลอย

หลังกระทรวง ถนนอัษฎางค์ ย่านจำหน่ายสินค้าใช้แล้ว ที่มีชื่อเสียง เช่น เครื่องดนตรี เครื่องไฟฟ้า และของที่หลุดจากโรงรับจำนำ

เวิ้งนครเกษม ใกล้ถนนเจริญกรุง เยาวราช เป็นแหล่งของเก่าทั้งศิลปะของไทยและจีน เช่น เครื่องลายคราม เครื่องทองเหลือง และเฟอร์นิเจอร์ฝังมุก นอกจากนี้ยังมีแหล่งจำหน่ายสินค้า อาทิเช่น ประตูน้ำ, สยามสแควร์ ราชดำริอาเขต ถนนสีลม รวมทั้งมีห้างสรรพสินค้าทั่วกรุงเทพฯ อีกด้วย สำหรับสินค้าประเภทหัตถกรรมหาซื้อได้ที่ร้านจิตรลดา ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตจากศูนย์ศิลปาชีพ หรือที่ นารายณ์ภัณฑ์ พาวิลเลี่ยน ราชดำริอาเขต โทร. 252-4671-9, 255-4328-9 เปิดบริการเวลา 10.00-20.00 น. ทุกวัน

 

การคมนาคม

ทางบก มีรถประจำทางบริการตั้งแต่เวลา 04.00-23.00 น. บางสายบริการตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ก็มีรถรับจ้างอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา

ทางน้ำ มีบริการเรือโดยสารข้ามฟากบริเวณท่าช้าง ท่าพระจันทร์ ท่าเตียน ท่าเทเวศร์ ท่าคลองสาน ท่าสี่พระยา ฯลฯ และบริการเรือด่วนจากจังหวัดนนทบุรีถึงท่าเรือวัดราชสิงขร ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น. รายละเอียดสอบถามบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา

โทร. 225-3002-3

 

ทางอากาศ บริษัทการบินไทยได้มีบริการเครื่องบินไปจังหวัดต่างๆ เกือบทั่วประเทศ

ติดต่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาเดินทางและอัตราค่าบริการได้ที่หมายเลขโทร. 280-0060, 628-2000

ทางรถไฟ มีบริการเดินรถไฟทั่วทุกภาค ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่หน่วยบริการเดินทางสถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. 223-7010, 223-7020

 

สถานีเดินรถประจำทางต่างจังหวัด

สถานีขนส่งสายเหนือ (ตลาดหมอชิต) เป็นสถานีรถประจำทางที่บริการเดินรถไปยังภาคเหนือ โทร. 936-3660, 936-3666 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โทร. 936-2852-66

สถานีขนส่งสายใต้ กม.3 ถนนบรมราชชนนี โทร. 435-1200, 434-7192

สถานีขนส่งสายตะวันออก ถนนสุขุมวิท โทร. 391-2504, 391-8097 (รถธรรมดา) และรถปรับอากาศ โทร. 391-9829 (ชลบุรี), 391-4990 (ระยอง),

391-4164 (จันทบุรี, ตราด)

 

 

ข้อมูลที่ระบุในเอกสารนี้ มีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาสอบถามได้ที่

 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

202 อาคารเลอคองคอร์ด ถ.รัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

โทร. 694-1222 ต่อ 1000-4 หรือ 694-1360 โทรสาร 694-1361

เปิดบริการให้ข่าวสารการท่องเที่ยวตั้งแต่วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.

(หยุดวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)