ชัยภูมิ เป็นเมืองที่เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยมีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเมืองนครราชสีมาคู่กับเมืองบุรีรัมย์ มาปรากฏชื่อทางประวัติศาสตร์อีกครั้ง ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้มีชาวเมืองเวียงจันทน์มีนายแลเป็นหัวหน้าพากันมาตั้งหลักปักฐานในบริเวณที่เรียกว่า โนนน้ำอ้อม และคงใช้ชื่อเมืองตามเมืองเดิมว่าชัยภูมิ ในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ใน พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ ก่อการกบฎยกกองทัพเข้ามาตีเมืองนครราชสีมาและหัวเมืองรายทาง นายแลเจ้าเมืองชัยภูมิได้ยกไพร่พลไปสมทบกับกำลังของคุณหญิงโม ตีทัพของเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์แตกพ่ายไปได้ สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี และให้นายแลเป็นพระยาภักดีชุมพล เจ้าเมืองชัยภูมิคนต่อมาที่สืบเชื้อสายมาจากพระยาภักดีชุมพล (แล) ก็ยังคงใช้ราชทินนามว่า พระยาภักดีชุมพล
ในปัจจุบัน ชัยภูมิเป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ผลิตภัณฑ์พื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยภูมิคือ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย มัดหมี่ หมอนขิต ผ้าขิต และสินค้าเมืองที่ทำจากผ้าทอมือ เป็นต้น
การปกครอง
ชัยภูมิอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 342 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 12,778.287 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 14 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอหนองบัวแดง อำเภอจัตุรัส อำเภอภูเขียว อำเภอบำเหน็จณรงค์ อำเภอบ้านแท่น อำเภอแก้งคร้อ อำเภอคอนสาร อำเภอเทพสถิต อำเภอหนองบัวระเหว อำเภอภักดีชุมพล และกิ่งอำเภอเนินสง่า
อาณาเขต
ทิศเหนือ จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดขอนแก่น
ทิศใต้ จดจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันออก จดจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครราชสีมา
ทิศตะวันตก จดจังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดลพบุรี
การเดินทาง
รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านรังสิตวังน้อย จนถึงสามแยกจังหวัดสระบุรี เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) แล้วแยกซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 201 ที่อำเภอสีคิ้ว อำเภอด่านขุนทด เข้าสู่จังหวัดชัยภูมิ รวมระยะทางประมาณ 342 กิโลเมตร
จากจังหวัดนครราชสีมา เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ-ขอนแก่น) ผ่านตำบลจอหอ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 205 ผ่านอำเภอโนนไทย ตรงไปจนถึงสี่แยกตำบลหนองบัวโคก อำเภอจัตุรัส เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 201 เข้าสู่จังหวัดชัยภูมิ รวมระยะทาง 119 กิโลเมตร
รถโดยสาร บริษัทขนส่ง จำกัด เปิดบริการเดินรถ กรุงเทพฯ-ชัยภูมิ ทุกวัน ติดต่อขอรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ ถนนกำแพงเพชร 2 โทร. 936-2852-66
รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) มีรถด่วน รถเร็ว กรุงเทพฯ-หนองคาย บริการทุกวันโดยลงที่สถานีบัวใหญ่ จากนั้นสามารถต่อรถโดยสารประจำทางที่สถานีเดินรถไปอีก 51 กิโลเมตร รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ แผนกบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 223-7010, 223-7020
เครื่องบิน บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ยังไม่มีบริการเที่ยวบินไปจังหวัดชัยภูมิ หากประสงค์จะเดินทางไปโดยเครื่องบินจะต้องลงที่จังหวัดขอนแก่น จากนั้นสามารถต่อรถโดยสารจากจังหวัดขอนแก่นย้อนกลับเข้าชัยภูมิ ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร หรือจะลงที่จังหวัดนครราชสีมา แล้วต่อรถโดยสารเข้าจังหวัดชัยภูมิ ประมาณ 119 กิโลเมตร รายละเอียดติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 280-0060, 628-2000
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอและกิ่งอำเภอต่างๆ
-อำเภอบ้านเขว้า 13 กิโลเมตร
-อำเภอหนองบัวระเหว 33 กิโลเมตร
-อำเภอดอนสวรรค์ 38 กิโลเมตร
-อำเภอจัตุรัส 39 กิโลเมตร
-อำเภอแก้งคร้อ 45 กิโลเมตร
-อำเภอหนองบัวแดง 53 กิโลเมตร
-อำเภอบำเหน็จณรงค์ 58 กิโลเมตร
-อำเภอภูเขียว 77 กิโลเมตร
-อำเภอบ้านแท่น 81 กิโลเมตร
-อำเภอภักดีชุมพล 85 กิโลเมตร
-อำเภอเกษตรสมบูรณ์ 90 กิโลเมตร
-อำเภอเทพสถิต 105 กิโลเมตร
-อำเภอคอนสาร 125 กิโลเมตร
-กิ่งอำเภอเนินสง่า 30 กิโลเมตร
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเมือง
อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล)
ประดิษฐานอยู่ตรงวงเวียนศูนย์ราชการ ปากทางเข้าสู่ตัวเมืองชัยภูมิ อนุสาวรีย์แห่งนี้ชาวจังหวัดชัยภูมิได้ร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงพระยาภักดีชุมพล ผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิ ซึ่งชาวชัยภูมิทั้งหลายเรียกท่านว่า เจ้าพระยาแล
ศาลเจ้าพ่อพระยาแล ตั้งอยู่ริมหนองปลาเฒ่า ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ ประมาณ 3 กิโลเมตร แยกเข้าไปจากถนนใหญ่สายชัยภูมิ-บ้านเขว้า (ทางหลวงหมายเลข 225) เลี้ยวขวาเข้าสู่ริมหนองปลาเฒ่า ที่ริมน้ำแห่งนี้มีต้นมะขามใหญ่ วึ่งกล่าวกันว่า เจ้าพระยาแลถูกทหารเวียงจันทน์ฆ่าที่นี่เมื่อปี พ.ศ. 2369 มีศาลสร้างด้วยไม้ตั้งอยู่ใต้ต้นมะขาม ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 ชาวจังหวัดชัยภูมิได้พร้อมใจกันสร้างศาลพระยาภักดีชุมพล ขึ้นประดิษฐานรูปหล่อของท่านไว้ภายใน เพื่อเป็นที่เคารพสีกการะของชาวเมืองชัยภูมิ ทุกปีจะมีงานสักการะเจ้าพ่อพระยาแล ตั้งแต่วันพุธแรกของเดือน 6 มีกำหนด 7 วัน 7 คืน
อุทยานแห่งชาติตาดโตน ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของเทือกเขาภูแลนคา มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 134,737.50 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2523 เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกผาเอียง น้ำตกตาดกลาง และน้ำตกตาดโตน ผู้ประสงค์จะเข้าพักในบริเวณอุทยานฯ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและจองบ้านพักล่วงหน้าได้ที่ กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ บางเขน กรุงเทพฯ โทร. 579-7223, 5795734
การเดินทาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 2051 จากตัวเมืองถึงที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ถนนราดยางตลอดสาย
น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่มีลานหินกว้างลดหลั่นเป็นชั้นๆ สวยงามมาก ในฤดูน้ำหลากประมาณเดือนเมษายน-กันยายน จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาพักผ่อนและเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ด้วง) ตั้งอยู่ในบริเวณน้ำตกตาดโตน เป็นที่นับถือบูชาของชาวชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียง เดิมเจ้าพ่อตาดโตนเป็นคนเชื้อสายเขมรอพยพเข้าเมืองไทย ในเวลาใกล้เคียงกับพ่อพระยาแล (พระยาภักดีชุมพล) ในช่วงที่ท่านอยู่เมืองไทย ท่านบำเพ็ญตนเป็นชีปะขาวยึดมั่นในสมถะกรรมฐาน ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด และช่วยรักษาคนไข้ เป็นที่นับถือเลื่อมใสของราษฎรมาก เมื่อท่านถึงแก่กรรมจึงสร้างศาลขึ้นเพื่อเป็นที่เคารพสักการะของลูกหลานและประชาชนโดยทั่วไป โดยได้สร้างศาลไว้หลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าพ่ออาจารย์ด้วง หรือศาลปู่ด้วงที่ช่องสามหมอ ศาลปู่ด้วงที่วัดพระพุทธชัยภูมิพิทักษ์ และศาลเจ้าพ่อตาดโตน (ด้วง) ที่บริเวณน้ำตกตาดโตน และปัจจุบันมีประเพณีรำผีฟ้า ผีทรงบวงสรวงเจ้าพ่อเป็นประจำทุกวันพุธ และมีการบวงสรวงใหญ่ปีละ 4 ครั้ง
ปรางค์กู่ ตั้งอยู่ที่บ้านหนองบัว ตำบลในเมือง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 3 กิโลเมตร คือ จากจังหวัดชัยภูมิมาตามทางหลวงหมายเลข 202 ประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าปรางค์กู่เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร
ปรางค์กู่เป็นปราสาทอีกแห่งหนึ่ง ที่มีแผนผังและลักษณะเช่นเดียวกับปราสาทที่ได้พบหลักฐานว่าเป็นอโรคยาศาล ที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 นั่นคือ มีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 1 องค์ วิหารหรือบรรณาลัยด้านหน้า 1 หลัง ล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งมีโคปะรุเฉพาะด้านหน้าทั้งหมดก่อด้วยศิลาแลง ยกเว้นกรอบประตูหน้าต่าง ทับหลัง เสาประดับเป็นหินทราย หันหน้าไปทางทิศตะวันออก นอกกำแพงตรงมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีสระน้ำ 1 สระ ยังคงสภาพสมบูรณ์ดีมาก โดยเฉพาะปรางค์ประธานซึ่งมีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 5 เมตร ย่อมุมไม้สิบสอง ด้านหน้ามีประตูเข้าออกทำเป็นมุขยื่นออกมา ผนังปรางค์อีก 3 ด้านเป็นประตูหลอก เหนือประตูหลอกด้านทิศเหนือยังคงมีทับหลังติดอยู่ จำหลักภาพตรงกลางเป็นพระพุทธรูปประทับนั่งปางสมาธิเหนือหน้ากาล ซึ่งจับท่อนพวงมาลัยไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ด้านข้างทางซ้ายและขวาจำหลักรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร กับรูปนางปรัชญาปารมิตา ด้านหน้ายังมีทับหลังเช่นกัน สันนิษฐานว่าสลักเป็นภาพเดียวกัน แต่ปัจจุบันลบเลือนมาก ที่ช่องประตูหลอกด้านทิศเหนือยังมีพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ ศิลปะแบบทวารวดี ขนาดสูง 1.75 เมตร หน้าตักกว้าง 75 เมตร ประดิษฐานอยู่ 1 องค์ ซึ่งเป็นของที่เคลื่อนย้ายมาจากที่อื่น นอกจากนี้ยังพบทับหลังและองค์ประกอบสถาปัตยกรรมอื่นๆ เช่น เสาประดับประตู
ภูแฝด เป็นเนินเขาเตี้ยๆ มีรอยพระพุทธบาทในก้อนหินคล้ายๆ พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรี ในท้องที่ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง หางจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ 18 กิโลเมตร (เส้นทางเดียวกับภูพระ) แยกขวาเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร มีต้นไทร สนฉัตร ต้นจำปา และพันธุ์ไม้นานาชนิด ทางเข้าวัดทั้งสองข้างมีต้นไม้ร่มรื่นยิ่งนัก หากจะชมรอยพระพุทธบาทสามารถขอกุญแจจากแม่ชีที่วัดได้
ภูพระ ตั้งอยู่ที่บ้านนาไกเซา ตำบลนาเสียว การเดินทางจากตัวเมืองชัยภูมิ มาตามทางหลวงหมายเลข 201 (ชัยภูมิ-ภูเขียว) ประมาณ 13 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายตามทางสายนาเสียว-ห้วยชัน เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงแยกซ้ายเข้าวัดศิลาอาสน์ (ภูพระ) อีกประมาณ 1 กิโลเมตร รถยนต์แล่นได้ตลอดถึงลาดเขาเป็นทางลูกรังอัดแน่น
ภูพระ เป็นภูเขาเตี้ยๆ ลูกหนึ่ง ที่ผนังของลาดเขาจำหลักเป็นภาพพระพุทธรูปกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคือที่มาของชื่อเขาภูพระ ด้านซ้ายจำหลักเป็นพระพุทธรูปใหญ่องค์หนึ่งประทับนั่งขัดสมาธิเพชร หน้าตัดกว้าง 5 ฟุต สูง 7 ฟุต พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา พระหัตถ์ซ้ายพาดอยู่ที่พระชงฆ์ (พระหัตถ์อยู่ในท่าตรงข้ามกับปางมารวิชัย) เรียกกันว่า พระเจ้าตื้อ ถัดมาด้านซ้ายมือมีลักษณะเป็นเสาหิน รอบเสาจำหลักเป็นพระพุทธรูปอีก 7 องค์ ประทับนั่งเรียงแถวขนาดใหญ่เล็กลดหลั่นกัน ปางสมาธิ 5 องค์ ปางเดียวกับพระเจ้าตื้อ 2 องค์ ล้วนขัดสมาธิเพชร นอกจากนี้ระหว่างกลางที่ผนังยังมีพระพุทธรูปสลักลักษณะเดียวกันอีก 1 องค์ ขนาดเล็กสูงประมาณ 7 นิ้ว
พระพุทธรูปเหล่านี้มีพระพุทธลักษณะเป็นแบบพระพุทธรูปอู่ทอง มีอายุอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19 ร่วมสมัยอยุธยาตอนต้น ทุกๆ ปีมีงานนมัสการพระพุทธรูปที่ภูพระ ในกลางเดือน 5 เริ่มต้นวันขึ้น 14 ค่ำ รวม 3 วัน ทุกปี
ใบเสมาบ้านกุดโง้ง ตำบลกุดต้ม การเดินทางจากจังหวัดชัยภูมิตามทางหลวงหมายเลข 202 ประมาณ 12 กิโลเมตร ถึงบ้านกุดตุ้ม เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางสายกุดตุ้ม-บุ้งคล้า เข้าไปตามทางจนถึงหมู่บ้านกุดโง้ง และต่อไปถึงวัดกุดโง้ง
วัดกุดโง้ง เป็นสถานที่รวบรวมใบเสมาที่พบในบริเวณรอบๆ หมู่บ้าน โดยนำมาเก็บรักษาไว้ในอาคารไม้ที่ปลูกสร้างทางด้านซ้ายของโรงเรียนบ้านกุดโง้ง ใบเสมาทั้งหมดทำด้วยหินทราย มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดค่อนข้างใหญ่ ปลายมนแหลม ด้านหน้าจำหลักลายและบางแผ่นมีจารึกอยู่ที่ด้านหลังด้วย เฉพาะที่สลักลวดลายเก็บรักษาไว้ในอาคาร ชนิดแผ่นเรียบและรูปสถูปปักไว้ที่พื้นด้านนอก ลวดลายที่ปรากฎบนใบเสมามักเป็นเรื่องราวทางพุทธศาสนาเล่าเรื่องชาดกตอนต่างๆ เช่น พรหมนารอทชาดก หรือเป็นภาพรูปเคารพ เช่น ภาพพระโพธิสัตว์ประทับยืนบนดอกบัว ภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ์ หรือรูปสถูปซึ่งมักปักดินอยู่นอกอาคารเห็นเพียงยอดสถูป ส่วนองค์ระฆังรูปหม้อน้ำคงจะฝังอยู่ใต้ดิน นับเป็นกลุ่มเสมาที่สวยงามแห่งหนึ่งในอีสาน นอกจากนี้ระหว่างทางเข้าหมู่บ้านซ้ายขวาของถนน ยังมีเสมาหินทรายขนาดต่างๆ กันปักอยู่เป็นระยะ
น้ำตกผาเอียง อยู่ในท้องที่อำเภอเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 32 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2159 (ชัยภูมิ-หนองบัวแดง) เป็นน้ำตกขนาดกลาง มีลักษณะเป็นหน้าผาเอียงตัดลำห้วย และทำให้น้ำตกเอียงเข้าทางผาด้านใดด้านหนึ่ง เป็นน้ำตกที่อยู่ด้านทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติตาดโตน ที่ลำห้วยชีลอง บริเวณรอบน้ำตกนี้เป็นป่าดงดิบแล้งค่อนข้างหนาทึบ และยังมีไม้ขนาดใหญ่อยู่มาก ทำให้บรรยากาศร่มรื่น เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างยิ่ง
น้ำตกตาดฟ้า ตาดฟ้าหรือถ้ำเตี้ย เป็นถ้ำเล็กๆ อยู่เชิงเขาภูอีเฒ่า และมีน้ำตกเป็นลานหินลาดชันกว้างประมาณ 15-20 เมตร ยาวโดยตลอด 80-90 เมตร ลาดชันประมาณ 30 องศา มีน้ำไหลตลอดปี มีแอ่งน้ำให้อาบหรือเล่นได้ อยู่ในท้องที่ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง ห่างจากจังหวัดไปทางทิศเหนือ ประมาณ 25 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 201
สระหงษ์ อยู่ในบริเวณวัดเขาสระหงษ์ เป็นสระโบราณอยู่กลางเนินเขาเตี้ยๆ กว้างประมาณ 5 วา ห่างจากสระนี้ประมาณ 3 เมตร มีหินก้อนหนึ่งลักษณะคล้ายรูปหงษ์ ซึ่งเป็นเองโดยธรรมชาติ อยู่ในท้องที่ตำบลตาเสียว อำเภอเมือง ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปทางทิศเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 2051 ทางด้านซ้ายมือ (ทางแยกเข้าอ่างเก็บน้ำช่อระกา)
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอบ้านเขว้า
(ทางหลวงหมายเลข 225)
บ้านเขว้า เป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงในการทอผ้าไหม และผ้าฝ้ายที่มีคุณภาพดี ลวดลายสวยงามแห่งหนึ่งในภาคอีสาน โดยเฉพาะผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในหมู่ผู้ที่นิยมใช้ผ้าพื้นเมืองของไทย อำเภอบ้านเขว้าอยู่ห่างจากอำเภอเมืองชัยภูมิประมาณ 13 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 225 นอกจากนั้นบริเวณหนองใหญ่ในอำเภอบ้านเขว้ายังเป็นที่อยู่ของนกเป็ดน้ำ ซึ่งอพยพย้ายที่อยู่อาศัยวางไข่ในประมาณเดือนตุลาคม-มกราคม อีกด้วย
กู่แดง ตั้งอยู่ที่ตำบลตลาดแร้ง การเดินทางจากตัวจังหวัดชัยภูมิ มาตามทางหลวงหมายเลข 225 ผ่านอำเภอบ้านเขว้าจนถึงบ้านหลุมโพธิ์ประมาณ 30 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปบ้านกุดยางประมาณ 8 กิโลเมตร กู่แดงตั้งอยู่ภายในวัดกุดยาง (กู่แดง)
กู่แดง เป็นโบราณสถานแบบขอมอีกแห่งหนึ่ง เป็นอาคารหลังเดียว ปัจจุบันคงเหลือเพียงฐานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ก่อสูงด้วยศิลาแลง มีร่องรอยบันไดทางขึ้นทั้ง 4 ด้าน ตัวอาคารผนังก่ออิฐแต่หักพังหมด คงเหลือเสากรอบประตูทั้ง 4 ด้าน และยังพบทับหลังซึ่งตกอยู่ที่พื้นด้านทิศตะวันออก สลักเป็นภาพพระกฤษณะประลองกำลังกับช้าง ส่วนทางด้านเหนือถูกดัดแปลงไปบ้างโดยทางวัดได้สร้างพระพุทธรูปประทับนั่งพร้อมบันไดทางขึ้นครอบอาคารเดิม โบราณสถานแห่งนี้ประมาณอายุจากลวดลายทับหลังราวพุทธศตวรรษที่ 16 ตรงกับศิลปะเขมรแบบบาปวน
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอภูเขียว
(ทางหลวงหมายเลข 201)
ศูนย์รวมไม้ดัดบ้านแข้ อยู่บนทางหลวงหมายเลข 201 จากตัวเมืองชัยภูมิก่อนถึงอำเภอภูเขียวประมาณ 1 กิโลเมตร สองข้างทางจะเป็นแหล่งจำหน่ายไม้ดัด ซึ่งเป็นไม้ประดับที่สวยงามมาก เป็นอาชีพของชาวบ้านแคร่โดยเฉพาะ โดยนำไม้ประเภทข่อย มะสัง ตะโก จากในป่าลึกๆ นำมาดัดให้เป็นรูปทรงที่สวยงาม และจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยาว์แก่นักเดินทางที่ผ่านไปมา เพื่อนำมาประดับบ้าน
พระธาตุหนองสามหมื่น หรือ พระธาตุบ้านแก้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านแก้ง การเดินทางจากจังหวัดชัยภูมิตามทางหลวงหมายเลข 201 ประมาณ 5 กิโลเมตร ถึงสี่แยกเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 201 สู่อำเภอภูเขียว เลยไปจนถึงบ้านหนองสองห้อง ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2055 ประมาณ 9 กิโลเมตร ถึงบ้านแก้ง เลี้ยวซ้ายเข้าวัดบ้านแก้งอีกประมาณ 5 กิโลเมตร องค์พระธาตุตั้งอยู่ภายในวัด
พระธาตุสามหมื่น เรียกชื่อตามหนองน้ำสามหมื่น ซึ่งตั้งห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด เป็นพระธาตุที่มีลักษณะสวยงาม และสมบูรณ์ที่สุดองค์หนึ่ง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากลักษณะทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่ผสมผสานกันระหว่างล้านนา ล้านช้าง และอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 21-22 ในสมัยพระไชยเชษฐาธิราชแห่งราชอาณาจักรลาว
พระธาตุสามหมื่นมีลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งอยู่บนฐานเขียงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างประมาณ 32.70 เมตร สูงถึงยอดประมาณ 45.30 เมตร มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน เหนือฐานเขียงเป็นฐานบัวคว่ำบัวหงายรองรับองค์พระธาตุ ซึ่งมีซุ้มทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง และปางลีลา ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รูปแบบดังกล่าวอาจเปรียบเทียบได้กับพระธาตุอื่นๆ ทั้งในนครเวียงจันทน์และในเขตไทย เช่น พระธาตุวัดเทพพล เมืองเวียงคุก จังหวัดหนองคาย พระธาตุศรีเมือง นครเวียงจันทน์ เป็นต้น
นอกจากนี้ บริเวณที่ตั้งพระธาตุสามหมื่น แต่เดิมก็เคยเป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีที่มีขนาดใหญ่เมืองหนึ่งอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-16 ด้วยปรากฏร่องรอยของคูน้ำคันดิน และโคกเนินโบราณสถานหลายแห่ง โบราณวัตถุสำคัญที่พบทั้งในและนอกเขตคูเมืองหลายชิ้นได้นำมาเก็บรักษาไว้ที่วัด เช่น กลุ่มใบเสมาหินทราย บางแผ่นก็มีจารึกอักษรปัลลวะภาษาสันสกฤต อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-14 และมีแผ่นหนึ่งนำไปตั้งเป็นหลักเมืองประจำอำเภอภูเขียวด้วย นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมรูปเคารพอีก 2 ชิ้น สภาพชำรุดชิ้นหนึ่งคล้ายเศียรพระพุทธรูปนาคปรกในศิลปะขอมแบบบายน อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 พระธาตุสามหมื่นและบริเวณโดยรอบแห่งนี้จึงนับว่ามีความสำคัญและน่าสนใจมากแห่งหนึ่ง
ศูนย์รวมผลิตภัณฑ์จากผ้าขิต กลุ่มสตรีทอผ้าขิตบ้านโนนเสลา ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหนองตูม บนทางหลวงหมายเลข 201 จากหมู่บ้านตะโกดัดบ้านแข ประมาณ 5 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านทอผ้า
ขิต ทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหม รวมทั้งหมอนขิตและหมอนจีบ
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอเทพสถิต
(ทางหลวงหมายเลข 201, 205)
ป่าหินงาม เป็นปาที่มีหินก้อนใหญ่ๆ รูปร่างแปลกๆ กระจายอยู่เต็มไปหมด เป็นบริเวณกว่า 200 ไร่ มีต้นไม้เล็กใหญ่และกล้วยไม้ต่างๆ ขึ้นเต็มบริเวณ หินบางกลุ่มมีรูปร่างเหมือนตาปู บางกลุ่มมีรูปร่างเหมือนหัวพญานาค และบางกลุ่มเหมือนปราสาทโบราณ ในฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน มีดอกไม้ป่าชื่อดอกกระเจียว มีสีชมพูอมม่วง ขึ้นอยู่เต็มบริเวณนั้น ลักษณะดอกกระเจียวคล้ายๆ ดอกข่าสวยงามมาก ส่วนหน้าหนาวประมาณเดือนธันวาคม-มกราคม มีดอกกล้วยไม้สีเหลืองขึ้นตามซอกหินและมีดอกไม้ป่าหลายชนิดอยู่ในบริเวณนั้น
การเดินทาง จากตัวเมืองชัยภูมิไปตามเส้นทางสายชัยภูมิ-บ้านหนองบัวโคก (ทางหลวงหมายเลข 201) แล้วเลี้ยวขวาที่ทางแยกบ้านหนองบัวโคก เข้าเส้นทางสายหนองบัวโคก-ชัยบาดาล (ทางหลวงหมายเลข 205) ถึงอำเภอเทพสถิต ระยะทางประมาณ 112 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าป่าหินงามอีก 29 กิโลเมตร
น้ำตกเทพพนม เป็นน้ำตกขนาดกลาง อยู่ในบริเวณป่าทึบ อากาศร่มเย็นสบาย น้ำจะมากระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม ลักษณะของน้ำตกจะมีรูปร่างแปลกๆ มีหลายมุมต่างๆ กัน น้ำตกเทพพนมอยู่ห่างจากอำเภอเทพสถิตประมาณ 48 กิโลเมตร
น้ำตกเทพประทาน เป็นน้ำตกขนาดกลาง ลักษณะค่อนข้างแบน มีหินขนาดใหญ่เป็นลานกว้างลดหลั่นกันลงไปเป็นชั้นเตี้ยๆ และมีตอนที่สูงชันอยู่แห่งหนึ่ง มีน้ำมากระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม อยู่ห่างจากอำเภอเทพสถิตประมาณ 34 กิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติไทรทอง มีเนื้อที่ 199,375 ไร่หรือ 319 ตารางกิโลเมตร อยู่ในท้องที่ 4 อำเภอ คือ อ.หนองบัวระเหว อ.เทพสถิต อ.ภักดีชุมพล อ.หนองบัวแดง เป็นป่าต้นน้ำลำธารของลำห้วยโปร่งขุนเพชร ลำห้วยเชียงทา
ลำห้วยแข้ ลำห้วยยา ลำน้ำเจา ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำชี นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม ภายในอุทยานฯ มีสถานที่น่าสนใจคือจุดชมวิวบนเทือกเขาพังเหย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,008 เมตร เป็นหน้าผาสูงชันระยะทางยาวประมาณ 3 กิโลเมตร มีลานหิน ทุ่งดอกกระเจียวหลากสีให้ชมปีละครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน- สิงหาคม สามารถใช้จักรยานภูเขาหรือตั้งแคมป์พักแรมบนทุ่งหญ้าได้
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอคอนสาร (ทางหลวงหมายเลข 201 และ 12)
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว อยู่บนเส้นทางที่จะเข้าเขื่อนจุฬาภรณ์ ระหว่างกิโลเมตรที่ 24-25 ทางด้านซ้ายมือ พื้นที่ครอบคลุมเขตป่าเขาของอำเภอคอนสาร เกษตรสมบูรณ์ และหนองบัวแดง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ เป็นศูนย์ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่า การเพาะเลี้ยงและการขยายพันธุ์สัตว์ป่าประเภทสัตว์ปีกและสัตว์กีบ เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ นกยูง เก้ง กวาง กระจง เป็นต้น โดยจัดที่อยู่ให้ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด และทำทางเดินให้ผู้ที่สนใจและรักธรรมชาติได้เข้าไปศึกษาชีวิตสัตว์เหล่านั้นด้วย การเข้าชมถ้าเป็นคณะใหญ่ๆ ต้องขออนุญาตจากหัวหน้าเขตที่หน้าประตูทางเข้าก่อน เพราะในบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าต้องการความเงียบ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องชีวิตสัตว์เท่านั้น
ทุ่งกระมัง เป็นที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งประกอบด้วยทุ่งหญ้า ซึ่งเรียกว่า หญ้าสะบัด กว้างขวางเขียวขจี ล้อมรอบด้วยภูเขาในเนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่ อยู่ในเขตอำเภอคอนสาร ภูเขียว และเกษตรสมบูรณ์ เป็นโครงการในสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าและนำสัตว์ป่าคืนถิ่น เพราะในบริเวณนั้นมีสัตว์ประเภท เก้ง กวาง กระจง และนกต่างๆ ชุกชุม ได้มีการนำเอาดินโป่งใส่ไว้เป็นจุดๆ ใกล้อ่างเก็บน้ำเพื่อให้สัตว์มากินดินโป่งนั้น สำหรับทุ่งหญ้าเขียวขจีนั้นก็เป็นอาหารของเก้งและกวางในฤดูร้อน บางครั้งมีไฟป่าพัดมาทำให้ต้นหญ้าถูกไฟป่าไหม้หมด แต่เมื่อถึงเวลาฝนตกลงมา ต้นหญ้าก็จะแตกต้นอ่อนขึ้นมาเขียวอีกครั้งเพื่อเป็นอาหารของสัตว์ต่อไป บนยอดเนินเหนือบริเวณทุ่งกะมัง มีพระตำหนักที่ประทับอยู่เหนืออ่างน้ำ การเดินทางไปทุ่งกะมังใช้เส้นทางเดียวกับเส้นทางที่จะไปเขื่อนจุฬาภรณ์ ก่อนถึงอำเภอคอนสารประมาณ 50 เมตร มีทางราดยางแยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 70 กิโลเมตร ในฤดูฝนการเดินทางโดยทั่วไปไม่สะดวก ถ้าจะเข้าไปชมควรใช้รถที่มีกำลังสูง เช่น โฟรวิล ไดร์ฟ (Four Wheels Drive)
เขื่อนจุฬาภรณ์ (เขื่อนน้ำพรม) ตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร ปิดกั้นลำน้ำพรมบนเทือกเขาขุนพาย ซึ่งเรียกบริเวณนั้นว่าภูหยวก ลักษณะเขื่อนเป็นเขื่อนหินทิ้ง แกนกลางเป็นดินเหนียว ตัวสันเขื่อนยาว 700 เมตร ความสูงจากฐานราก 70 เมตร เป็นลักษณะเขื่อนเอนกประสงค์ใช้ประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้า พลังน้ำเฉลี่ยปีละ 140 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในภาคอีสานได้อย่างเพียงพอ นอกจากนั้นยังช่วยในด้านเกษตรกรรมและในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดอีกด้วย
บริเวณเขื่อนมีทิวทัศน์ที่งดงามมาก อากาศเย็นสบายตลอดปี จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ ภายในบริเวณเขื่อนมีบ้านพักไว้รับรองนักท่องเที่ยว เรือสำหรับให้ล่องชมอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเป็นเรือของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีจุดชมวิวทิวทัศน์เหนือเขื่อน และศูนย์ทดลองพืชเมืองหนาว ซึ่งประกอบด้วยไม้ดอก ไม้ผลที่หาชมได้ยากในภาคอีสานไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชมอีกด้วย
รายละเอียดบ้านพักรับรอง สามารถรับรองแขกได้ประมาณ 98 คน ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว บ้านแถว ซึ่งราคาค่าที่พักต่อคนมีตั้งแต่คนละ 150-1,000 บาท และบ้านเดี่ยวเปิดพักได้ 12 คน มี 2 หลังๆ ละ 2,000 บาทต่อคืน ผู้สนใจสามารถจองที่พัก อาหาร การบรรยายสรุปและฉายสไลด์ พร้อมทั้งจองเรือเพื่อชมบริเวณอ่างเก็บน้ำได้ที่ ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย บางกรวย จังหวัดนนทบุรี โทร. 424-4794, 436-3179
การเดินทางไปเขื่อนจุฬาภรณ์ จากอำเภอเมืองชัยภูมิ ใช้เส้นทางสายชัยภูมิ-ชุมแพ (ทางหลวงหมายเลข 201) ถึงทางแยกหนองสองห้อง เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2055 รวมระยะทางจากตัวเมืองชัยภูมิประมาณ 120 กิโลเมตร
น้ำผุดนาเลา เป็นลักษณะที่น้ำจากใต้ดินผุดขึ้นมาแล้วไหลเป็นลำธารไปหล่อเลี้ยงพื้นที่เพาะปลูกต่างๆ น้ำใสไหลตลอดทั้งปี บริเวณที่น้ำผุดขึ้นมาเป็นแอ่งเล็กบ้างใหญ่บ้าง สวยงามแปลกตา น้ำผุดนาเลาอยู่หลังโรงเรียนคอนสารวิทยา ห่างจากสี่แยกป้อมตำรวจไปทางอำเภอหล่มสักประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนลูกรังอีก 500 เมตร เลี้ยวซ้ายอีกครั้งหนึ่งไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำผุด มีต้นไม้ใหญ่ๆ และศาลาเก่าๆ สำหรับนั่งพักผ่อน
น้ำผุดทับลาว อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านผาเบียด ห่างจากสี่แยกป้อมตำรวจประมาณ 11 กิโลเมตร โดยไปตามถนนที่จะไปสู่เขื่อนจุฬาภรณ์ประมาณ 8 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
น้ำผุดนาวงเดือน อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านนาวงเดือน ห่างจากสี่แยกป้อมตำรวจไปตามถนนที่ไปเขื่อนจุฬาภรณ์ แล้วแยกขวามือเข้าบ้านนาวงเดือนประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นน้ำผุดขนาดใหญ่
น้ำผุดหินลาดวนารมย์ หรือน้ำผุดหินลาด อยู่ที่บ้านน้ำพุหินลาด ตำบลทุ่งพระ ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปทางทิศเหนือประมาณ 6 กิโลเมตร มีธรรมชาติร่มรื่นเย็นสบาย
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอภักดีชุมพล
ถ้ำแก้ว อยู่ห่างจากถ้ำพระประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นถ้ำขนาดใหญ่ อยู่บนเทือกเขาวัวแดง อีกด้านหนึ่งมีหินงอกหินย้อยเป็นแก้วแวววาวสวยงามมาก
ถ้ำประทุน เป็นถ้ำขนาดกลาง อยู่บนยอดเขาวัวแดง เคยเป็นที่พักทัพของแม่ทัพสมัยโบราณ เคยมีแร่ทองคำและมีบ่อร่อนแร่ปรากฏอยู่ทั่วไปบริเวณหน้าถ้ำ
ถ้ำวัวแดง เป็นถ้ำใหญ่ที่สวยงามน่าเที่ยวของจังหวัด ตั้งอยู่ในตำบลนางแดด อำเภอหนองบัวแดง ห่างจากที่ว่าการอำเภอ 60 กิโลเมตร การเดินทางไปถ้ำวัวแดงยังไม่สะดวก ต้องเดินป่าฝ่าดง แต่ได้เที่ยวป่าอย่างสนุก ในบริเวณถ้ำวัวแดงมีถ้ำใหญ่น้อยหลายแห่ง เช่น ถ้ำยายชี ถ้ำบ่อทอง เป็นต้น
ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดใหญ่อยู่บนเทือกเขาวัวแดง มีหลายซอกหลายมุมน่าสนใจ มีศาลาสร้างไว้ในถ้ำ เคยมีพระธุดงค์อาศัยอยู่และมรณภาพไปแล้ว ปัจจุบันมีหลวงพ่อองค์หนึ่งจำพรรษาอยู่ อยู่ในตำบลแหลมทอง ห่างจากที่ว่าการอำเภอภักดีชุมพลประมาณ 20 กิโลเมตร
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอคอนสวรรค์
บึงแวง เป็นบึงขนาดกลาง เนื้อที่ประมาณ 350 ไร่ รูปร่างค่อนข้างกลม มีถนนวงแหวนสามารถขับรถได้รอบบึง ในช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน จะมีนกเป็ดน้ำอพยพจากที่อื่นมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากกว่า 40,000 ตัว ยามเย็นเวลาโพล้เพล้นกเป็ดน้ำจะโผบินขึ้นเป็นฝูงๆ เต็มท้องฟ้า ตัดกับแสงอาทิตย์อัสดงสวยงามมาก อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอคอนสวรรค์ ห่างจากจังหวัดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณ 38 กิโลเมตร
พระพุทธรูปใหญ่สมัยทวารวดี อยู่ที่วัดคอนสวรรค์ ห่างจากที่ว่าการอำเภอคอนสวรรค์ ไปทางทิศตะวันออก 5 กิโลเมตร (ทางแยกสถานีส่งน้ำบ้านหนองป่าบึก) เป็นถนน รพช. เป็นพระพุทธรูปหินทรายแกะสลัก องค์ใหญ่รูปทรงสวยงาม สร้างในสมัยทวารวดี ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ นอกจากพระพุทธรูปแล้ว ยังมีใบเสมาหินทราย ที่มีการแกะสลักและไม่แกะสลักอีกหลายชิ้น
ไร่นลินทวัส อยู่กิโลเมตรที่ 28 ถนนชัยภูมิ-ภูเขียว (ทางหลวงหมายเลข 201) เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ มีไม้ประดับนานาชนิด นอกจากนั้นยังมีกิ่งพันธุ์ไม้ต่างๆ เช่น ขนุน มะม่วง ไม้ประดับไว้จำหน่ายอีกด้วย และที่น่าสนใจคือ มีเกวียนจากภาคต่างๆ ของไทยสะสมไว้มากมาย ซึ่งหาชมได้ยาก เกวียนบางกลุ่มมีอายุนับร้อยปี อีกทั้งยังมีการแกะสลักอย่างงดงามยิ่ง
สถานที่น่าสนใจ ในเขตอำเภอหนองบัว
ผาเกิ้ง เป็นภูเขาที่หินใหญ่ยื่นออกมาข้างทาง ทิวทัศน์สวยงามมาก เป็นสถานที่ชมวิวจุดหนึ่งของจังหวัดชัยภูมิ บนภูเขานี้มีพระพุทธรูปชัยภูมิพิทักษ์ขนาดใหญ่องค์ยืนสูง 14 ฟุต ประดิษฐานอยู่ในเขตอำเภอหนองบัวแดง เป็นส่วนหนึ่งของภูแลนคาที่มีบริเวณกว้างพอสมควร ผาเกิ้งอยู่ในบริเวณวัดชัยภูมิพิทักษ์ (ผาเกิ้ง) อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 2159 (ชัยภูมิ-หนองบัวแดง) ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร
งานประเพณี
ประชาชนในจังหวัดชัยภูมิ ประมาณร้อยละ 95 เป็นคนท้องถิ่นเดิม มีวัฒนธรรมประเพณีซึ่งมีลักษณะผสมผสานระหว่างความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่นกับหลักปฏิบัติทางพุทธศาสนา ประกอบกับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัด มีลักษณะเด่นชัดที่เน้นและเชิดชูวีรกรรมความซื่อสัตย์กตัญญูของเจ้าพ่อพระยาแล ทำให้มีงานประจำ และงานประเพณี ซึ่งแสดงถึงวัฒนธรรมของจังหวัดดังต่อไปนี้
งานประจำปี ฉลองอนุสาวรีย์เจ้าพระยาแล จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของเจ้าพ่อพระยาแลผู้สร้างเมืองชัยภูมิคนแรก จัดระหว่างวันที่ 12-20 มกราคมของทุกปี ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดและสี่แยกอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพระยาแล ในการจัดงานนี้ประกอบด้วยพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณของเจ้าพ่อพระยาแล ขบวนแห่สักการะอนุสาวรีย์เจ้าพ่อ ขบวนถวายช้างแด่เจ้าพ่อ และขบวนแห่ของอำเภอต่างๆ รวมทั้งการออกร้าน จัดนิทรรศการของหน่วยราชการและเอกชน การประกวดผลิตผลทางการเกษตร
งานประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อพระยาแล ที่บริเวณศาลหนองปลาเฒ่า จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-20 พฤษภาคม ของทุกปี ชาวบ้านจะไปเคารพสักการะดวงวิญญาณของเจ้าพ่อ และรำถวายเจ้าพ่อที่ศาลหลังเก่ากันเป็นจำนวนมาก
ประเพณีรำผีฟ้า เป็นการรำบวงสรวงเป็นกลุ่มๆ ที่ภูพระ ซึ่งมีพระเจ้าองค์ตื้อ เป็นพระพุทธรูปแกะสลักในหินทราย สูงประมาณ 2 เมตร ชาวบ้านถือว่าศักดิ์สิทธิ์มาก การรำบวงสรวงนี้จะมีขึ้นในระหว่างวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 5 คือเดือนเมษายน และในวันเข้าพรรษา ออกพรรษา ซึ่งจะมีประชาชนไปทำบุญกันมาก
งานแห่เทียนเข้าพรรษา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (ประมาณเดือนกรกฎาคม) เป็นงานที่เทศบาลเมืองชัยภูมิจัดขึ้นทุกปี มีการประกวดเทียนพรรษาที่ประดิษฐ์อย่างสวยงาม เป็นงานที่มีประชาชนให้ความสนใจไม่แพ้งานแห่เทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี
นอกจากนี้ยังมีงานประเพณีอื่นๆ ที่จัดเป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับจังหัดในภาคอีสาน เช่น งานบุญบั้งไฟ หรือบุญเดือนหก ประมาณเดือนพฤษภาคม งานบุญข้าวจี่ เป็นการฉลองเมื่อเสร็จสิ้นการทำนา ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ งานบุญพระเวช หรืองานบุญเดือนสี่ ประมาณเดือนมีนาคม มีการเทศน์มหาชาติ
สินค้าที่ระลึก
ชัยภูมิมีสินค้าพื้นเมืองและสินค้าที่ระลึกที่คนต่างถิ่นรู้จักมานานแล้ว นั่นคือ ผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าฝ้ายพื้นเมือง หมอนสามเหลี่ยม ผ้าขิต และสินค้าพื้นเมืองที่ทำจากผ้าทอมากมาย นอกจากนี้ยังมีไส้กรอกพื้นเมืองรสชาติเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดซึ่งไม่มีที่ใดเหมือน เครื่องจักสานต่างๆ ล้วนฝีมือปราณีตน่าใช้ทั้งสิ้น ร้ายขายสินค้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง ได้แก่
หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ (รหัสทางไกล 044)
สำนักงานจังหวัดชัยภูมิ 811573
ที่ว่าการอำเภอเมืองชัยภูมิ 822004
โรงพยาบาลชัยภูมิ 811005, 811644,สถานีขนส่งจังหวัดชัยภูมิ 811344
สถานีตำรวจจังหวัดชัยภูมิ 811242
ข้อมูลรายละเอียดในเอกสารนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1
2102-2104 ถนนมิตรภาพ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา 30000
โทร. (044) 213666-7, 213030 โทรสาร (044) 213667
พื้นที่ความรับผิดชอบ : นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์