ไกลจากเมืองหลวง 814 กิโลเมตรตามเส้นทางคดโค้งผ่านป่าเขา ที่ราบและหมู่เกาะน้อยใหญ่จรดทะเลอันดามันทางภาคใต้ เป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งกล่าวกันว่า แต่เดิมเมืองบันไทยสมอ 1 ใน 12 เมืองนักษัตร ที่ใช้ตราลิง เป็นตราประจำเมือง ทั้งที่ความหมายของชื่ออาจใสจากคำแปลว่าดาบ เนื่องจากมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับการขุดพบมีดดาบโบราณ ก่อนสร้างเมือง อันเป็นมาของสัญลักษณ์จังหวัดแห่งนี้ ซึ่งก็คือกระบี่ในปัจจุบัน

        เพราะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ จังหวัดกระบี่จึงมี 2 ฤดูเท่านั้น คือฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน และฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม พื้นที่ส่วนใหญ่ของกระบี่เป็นดินเหนียวปนทรายและดินร่วน จึงเหมาะแก่การทำสวน ยางพารา สวนปาล์ม สวนมะม่วงหิมพานต์ สวนกาแฟ และสวนมะพร้าว ซึ่งหนาแน่นอุดมสมบูรณ์พอๆ กับภูเขาหินปูนที่กระจายตัว ปกคลุมผืนแผ่นดินและสายน้ำในจังหวัดเล็กๆ สงบงามท่ามกลางธรรมชาติ

        นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้จักเกาะพีพีมากกว่าตัวกระบี่ ทั้งที่เมืองซึ่งมีคำแปลว่าดาบแห่งนี้ เต็มไปด้วยสถานที่พักผ่อนและกิจกรรมหลากหลาย กีฬาไต่เขาที่กำลังได้รับความนิยม ถือว่าอุบัติขึ้นที่นี่เป็นแห่งแรกของเมืองไทย ณ ภูเขามวยไทย เวิ้งอ่าวไร่เล ผู้แสดงหาความเร้าใจในชีวิต ต่างมุ่งหน้ากันมาเติมเต็มประสบการณ์แรกระทึกในฤดูกาล อีกทั้งการล่องเรือแคนู ชมธรรมชาติป่าโกงกาง ป่าชายเลน ป่าพรุ ทำให้กระบี่ยังคึกคัก แม้เป็นช่วงลมมรสุม

แน่นอนที่ว่ามาจังหวัดติดอันดามันก็ต้องมาดูทะเลชมเกาะแก่ง ดำดูปะการัง กระบี่ไม่ต่างจากข้อเท็จจริงนี้ ทว่าความที่มีชายหาดหลายแห่ง มีภูเขาหินปูนคั่นเป็นระยะ มีเกาะสวยที่ใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเดินทาง โพรงถ้ำที่ซ่อนความงามมหัศจรรย์ไว้มิดชิด รวมถึงอุทยานแห่งชาติทางทะเลทั้งสี่แห่ง คืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และอุทยานแห่งขาติหมู่เกาะลันตา เหล่านี้เป็นที่แปลกตาและชวนใจให้มาสัมผัส


หาดนพรัตน์ธารา


หาดถ้ำพระนอง
สีสันของชีวิตการท่องเที่ยวที่กระบี่อาจเริ่มจากสุสานหอยสี่สิบล้านปี บริเวณชายทะเลบ้านเหลมโพธิ์ ห่างจากตัวเมือง 17 ก.ม. เดิมเคยเป็นหนองน้ำจืดดขนาดใหญ่ มีหอยอาศัยเป็นจำนวนมาก ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวโลก น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมหนองน้ำ ทำให้ธาตุหินปูน ในน้ำทะเลหล่อเปลือกหอยใต้น้ำจนเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นแผ่นหินแข็งที่เรียกว่า shelly limestone หนา ประมาณ 40 เซ็นติเมตร ครั้นแผ่นดินบริเวณ นี้ ถูกยกตัวขึ้นสูง ซากฟอสซิลเหล่านี้จึงปรากฏ ให้เห็นเป็นลานหินกว้างใหญ่ยื่นลงไปในทะเล จากการคำนวณอายุทางธรณี วิทยาพบว่าฟอสซิล นี้มีอายุราว 40 ล้านปี ซึ่งมีเพียง 3 แห่ง ในโลกเท่านั้น คือที่นครชิคาโก ประเทศ สหรัฐอเมริกา ประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทย

        สิบแปดกิโลเมตรจากตัวอำเภอเมือง คือหาดนพรัตน์ธารา หรือหาดคลองแห้ง ที่ เรียกดังนี้เพราะเมื่อระดับน้ำลดลงในยามบ่าย แก่ น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาด้านเหนือจะ แห้งขอดกลายเป็นหาดทรายยาวเหยียด ทอด ลงไปในทะเลบรรจบกับเกาะเขาปากคลอง สามารถเดินบนหาดทรายข้ามไปยังเกาะใกล้ๆ ได้ หรืออาจกระทั่งเดินเลียบชายทะเลจาก หาดนี้ไปยังอ่าวนางซึ่งห่างออกไป 6 กิโลเมตร ได้สะดวก

        อ่าวนางนั้นประกอบด้วยชายหาด หลายแห่ง มีภูเขาคั่นระหว่างชายหาด ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามแปลกตา ด้านทิศ ตะวันออกของอ่าวนางเพียงนั่งเรือหางยาวไป 15 นาทีก็ถึงอ่าวไร่เลและหาดถ้ำพระนางซึ่ง มีจุดชมวิวเห็นทั้งสองฟากอ่าวสบายตา บริเวณด้านหน้าของอ่าวนางยังมีกลุ่มเกาะ น้อยใหญ่ถึง 83 เกาะ ล้วนเป็นโขดหินรูป ร่างประหลาดตามจินตนาการ บ้างก็คล้าย รองเท้าบู๊ต เรือสำเภา หัวนก ฯลฯ กลุ่มเกาะ เหล่านี้ส่วนใหญ่มีชื่อเป็นภาษายาวี เช่น เกาะ ปอดะ เป็นต้น การเที่ยวชมบริเวณอ่าวนาง สามารถเช่าเรือจากหน้าชายหาดหรือตาม รีสอร์ทต่าง ๆ อาทิ โรงแรมเฟลิกซ์ พระนาง อินน์ ที่ซ่อนตัวสวยสงบอยู่ในดงไม้ สะพรั่ง ด้วยสีเขียวของธรรมชาติแวดล้อม และอบอุ่น จากบริการใกล้ชิดกันเองเสมือนบ้านแห่งที่สอง
ในอำเภออ่าวลึก ไกลจากตัวอำเภอ เมือง 43 กิโลเมตร เป็นสวรรค์ของผู้ชื่นชอบ สายน้ำและหลืบถ้ำ ที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ ธารโบกขรณี อันมีธารน้ำธรรมชาติชื่อเดียว กันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ จากนั้น ไปตาม ถนนอ่าวลึก - แหลมสักประมาณ ๒ กิโลเมตร แยกขวาไปท่าเรือบ่อท่อ ลงเรือรับจ้างไปตาม ลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนเขียวชอุ่ม ประมาณ 1 นาที ก็ถึงถ้ำลอดใต้ซึ่งเป็น อุโมงค์ใต้เขาหินปูน ภายในถ้ำมีหินงอกหิน ย้อยสวยงาม บางก้อนมองเหมือนเขี้ยวหนุมาน ถัดจากถ้ำลอดไปเล็กน้อยคือถ้ำผีหัวโตหรือ ถ้ำหัวกะโหลก เมื่อจอดเรือเทียบบันได ทางขึ้น ตรงเข้ามายังห้องโถงของถ้ำจะพบภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูป คน รูปสัตว์ และอวัยวะต่างๆ

         ถ้ำโต๊ะหลวง ในเขตบ้านนบ ตำบลคลองหิน ภายในมีหินงอกหินย้อยวิจิตร มหัศจรรย์มาก ลักษณะเป็นถ้ำซ้อนกันอยู่ถึง 3 ชั้น นักท่องเที่ยวควรใช้ความ ระมัดระวังพอสมควรเนื่องจากจุดชมวิวทั้งสามจุดต้องผ่านพบค้างคาวนับไม่ถ้วน แถม ยังปีนป่ายพอได้เหงื่อ เช่นเดียวกับสระแก้วยวนทอง ที่บ้านในสระ ซึ่งเมื่อมองจากหน้า ถ้ำอาจไม่ทราบว่ามีความน่าพิศวงซ่อนเร้นอยู่ภายใน ต้องอาศัยความระวังในการเข้าไป หากความงามเหลือเชื่อที่เห็นกับตาในวินาทีถัดมา จะขจัดความเมื่อยล้าได้หมดสิ้น

        จังหวัดกระบี่ยังงดงามเหมือนวันเวลาสงบนิ่งอยู่เพียงนั้น ความบริสุทธิ์สะอาดที่ ธรรมชาติสร้างสรรค์มาเป็นของขวัญที่ขาวกระบี่พากันหวงแหนรักษา และผู้มาเยือนก็คงรู้สึกได้ด้วยดวงตาและหัวใจเช่นกัน

ธารโบกขรณี