Programmable Logic Control หรือ PLC เป็นอุปกรณ์ควบคุมแบบหนึ่งที่สามารถโปรแกรมการควบคุมให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ ซึ่งแต่เดิมได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อ จุดประสงค์ในการนำมาใช้แทนวงจรควบคุมไฟฟ้าแบบ Relayในโรงงานอุตสหกรรม ซึ่งวงจร Relay ดังกล่าว มีความยุ่งยากในการออกแบบ มีขนาดของวงจรที่ค่อนข้างใหญ่กินเนื้อที่ในการติดตั้งมาก หรือแม้กระทั่งการที่จะต้องเดินสายไฟจำนวนมาก (Hard Wired) ซึ่งในการในการใช้ PLC เข้ามาทดแทนก็จะสามารถลดปัญหาดังกล่าวลงได้
    ในปัจจุบัน PLC รุ่นใหม่ๆมีควาสามารถเพิ่มขึ้นและมีราคาที่ถูกลง ดังนั้นเราก็จะเห็นว่า ไม่ใช่จะใช้แพร่หลายเฉพาะในโรงงานอุตสหกรรมเท่านั้น แต่ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์กัยระบบควบคุมทั่วไปอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นไฟเขียวไฟแดงตามแยก หรือการควบคุมอุปกรณ์ในบ้านเรือน

โครงสร้างของ PLC
จะว่าไปแล้วโครงสร้างของ PLC ก็มีลักษณะคล้ายกับระบบ microcomputer หรือ microcontroler อยู่เหมือนกัน ซึ่งโครงสร้างหรือส่วนประกอบสำคัญก็ได้แก่ หน่วยจ่ายไฟ (Power supply unit), หน่วยรับสัญญาณเข้า (Input Unit), หน่วยประมาลผล (Processing Unit), หน่วยความจำ (Memory Unit), และส่งสัญญาณออก (Output Unit) หรืออย่างที่เพิ่มขึ้นขึ้นมาก็จะเป็นพวกอุปกรณ์ช่วยการโปรแกรมหรือที่เรียกว่า Hand-Help(หรือ Handy) หรือจะเป็นที่อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสาร การส่งข้อมูล (Communication Module) เป็นต้น


จากรูป เป็นการแสดงตัวอย่างโครงสร้างภายใน PLC ซึ่งก็เหมือนใน computer ทั่วไปที่จะมี CPU เป็นหัวใจหลักในการจัดการระบบ ควบคุมการประมวลผลข้อมูลทั้งหมดให้เป็นไปตามที่เราได้โปรแกรมไว้ โดยจะมี EPROM ทำหน้าที่เป็นหน่วยความจำสำหรับเก็บโปรแกรมที่เราโปรแกรม และนอกจากนั้นก็จะมี RAM ซึ่งจะทำหน้าที่ในการเก็บข้อมูลชั่วคราวในขณะที่มีการประมวลผล

การแบ่งชนิดของ PLC
PLC จะแบ่งเป็น 2 แบบ หากดูจากลักษณะภายนอก ตามที่เห็นกันส่วนใหญ่ก็จะมีแบบที่เป็นโมดูลสำเร็จ หรือ complete module หรือ single module แล้วแต่จะเรียก กับแบบ Modula ที่มีลักษณะเป็นหลายๆโมดูล คือจะแยกส่วนต่างๆออกมาเป็นโมดูลย่อยเพื่อมาต่อรวมกันใน rack ซึ่งจะใช้กันในระบบที่ใหญ่ๆเพราะเนื่องจากราคาสูงกว่ามาก ในแบบที่มีหลายโมดูลก็จะมีส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ Module Rack, Power supply module, CPU module และ I / O module ต่างๆที่ต้องการใช้งาน
จากรูปเป็นตัวอย่างของ PLC แบบ complete module
จะมีช่องต่อต่างๆ ซึ่งพอจะสรุปได้คร่าวๆก็จะมีดังนี้ ป้อนไฟเลี้ยง PLC ที่ช่อง 220 VAC , 24 VDC (อาจมีหรือไม่มี) จะเป็น ไฟ output 24 Volt DC ซึ่งจะสามารถใช้ในการนำไปจ่ายให้กับอุปกรณ์พวก input device ที่เป็น 24VDC เช่น พวก sensor ต่างๆและอาจจะใช้เป็น common ให้กับ output device ได้ แต่จะต้องพิจรณาว่าAmp หรือกระแสที่จ่ายออกมาเพียงพอที่จะนำไปใช้งานได้หรือไม่ ในส่วนของ ช่องต่อ input device ก็จะใช้ต่อกับอุปกรณ์ input ซึ่งอาจจะเป็น input ที่เป็น AC หรือ DC ก็จะต้องสังเกตุจากที่เขียนไว้บน PLC เพื่อจะได้จ่ายใช้ input ให้เหมาะสมกับ PLC ซึ่งหากใช้ผิดประเภทก็อาจทำให้ PLC เสียหายได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น input แบบ DC 24V ในส่วนต่อไปก็จะเป็นส่วนของ output device ซึ่งช่องต่อในส่วนนี้ใน PLC แบบsingle module นี้ส่วนมากก็จะเป็นแบบ contact หรือ transiter output โดยจะมี common (ขาร่วม) รวมกัน หรือแยกกัน ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ output ที่ใช้ระดับแรงดันแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับไฟที่จ่ายให้ common แต่ละ channel และจะมีส่วนของ LED displayแสดงการทำงานของ input และ output (ซึ่งเราจะได้พูดถึงการต่อใช้งาน input /output device ในตอนต่อไป)
อีกส่วนหนึ่งก็จะเป็นช่องต่อ Periperal device ซึ่งจะใช้ในการต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการโปรแกรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Handy Programerหรือ Computer และยังมีส่วนที่เป็น Expansion จะใช้เป็น port ในการขยายระบบ ก็คือสามารถที่จะต่อขยายจำนวน input/output ของ PLC เพิ่มขึ้นได้อีกในกรณีที่จำนวน channel ของตัวแรกไม่พอใช้งาน ซึ่งจำนวนจุดที่จะต่อเพิ่มได้ก็จะต้องดูในคู่มือของผู้ผลิตแต่ละราย
สำหรับPLC ในแบบที่เป็นหลายๆ module ก็จะมีลักษณะดังรูป ก็จะมีส่วนของ Rack case จะเป็นลักษณะของ case ที่ใช้ในการใส่ module ต่างๆ โดยหลักๆก็จะมี supply module, CPU module ,I/O module หรืออาจจะมีในส่วนของ communication หรือ expansion module ต่างซึ่งเป็นส่วนเสริม (option)







                                                                                       CONTENT