Image Loading...
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ.....Kaengtana National Park
| บทนำ | บันทึกแห่งกำเนิด | จุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยว | การเดินทาง | แผนที่เดินทาง | ที่พักในอุทยาน |
| ที่พักใกล้เคียง | แผนที่อุทยาน | บันทึกแห่งความทรงจำ | ระเบียบอุทยาน |
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ
Image Loading...
อุทยาน แห่งชาติแก่งตะนะ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง เป็นเขาเตี้ยๆ มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่าน ตามแนวเขตทางด้านทิศเหนือไปออกประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว บริเวณแก่งตะนะจะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก ทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลาอาศัยอยู่อย่างชุกชุม ตรงกลางมีโขดหินใหญ่เป็นเกาะกลาง
อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ มีเนื้อที่ประมาณ 80 ตารางกิโลเมตร หรือ 50,000 ไร่


บันทึกแห่งกำเนิด
ด้วยกรมป่าไม้ มีหนังสือที่ กส.0706/2967 ลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2517 เรื่องการเลือกพื้นที่เพื่อจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและอุทยานแห่งชาติ ให้ป่าไม้เขตทุกเขตดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ป่าไม้ในท้องที่แต่ละเขตว่ามีบริเวณใดบ้าง เหมาะสมจัดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรืออุทยานแห่งชาติ จากการสำรวจของจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีหนังสือที่ อบ.09/24531 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2517 ถึงป่าไม้เขตอุบลราชธานี เห็นว่าป่าดงหินกอง ท้องที่ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม มีสภาพพื้นที่เหมาะจัดเป็นอุทยานแห่งชาติได้ ป่าไม้เขตอุบลราชธานีจึงมีหนังสือที่ กส. 0809(อบ)/1799 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2518 รายงานให้กรมป่าไม้ดำเนินการสำรวจพบว่า ป่าดงหินกองมีสภาพป่าสมบูรณ์ และมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง แต่เป็นป่าโครงการเพื่อการใช้สอยเอนกประสงค์ของราษฎร จังหวัดอุบลราชธานีและป่าไม้เขตอุบลราชธานีจึงเห็นควรกำหนดพื้นที่ป่าดงหินกองบางส่วน เฉพาะบริเวณรอบๆแก่งตะนะ และน้ำตกตาดโตน เนื้อที่ประมาณ 12 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นวนอุทยาน ซึ่งกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 710/2521 ลงวันที่ 25 เมษายน 2521 ให้เจ้าหน้าที่ไปทำการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวเพื่อจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ จากรายงานการสำรวจตามหนังสือเขตอุบลราชธานีที่ กส.0809/(อบ)/2730 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2521 ป่าดงหินกองเป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำมูล มีจุดเด่นตามธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ในชั้นต้นกรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 2428/2522 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2522 ให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการจัดตั้งเป็นวนอุทยานป่าดงหินกอง
ต่อมา วนอุทยานป่าดงหินกองได้มีหนังสือที่ กส.0708/(ตก)/11 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2523 ว่าได้ดำเนินการสำรวจพื้นที่ป่าดงหินกองโดยรอบพบว่า มีสภาพป่าสมบูรณ์ดีมาก มีเอกลักษณ์ตามธรรมชาติและทิวทัศน์สวยงาม สัตว์ป่าชุกชุม เหมาะที่จะจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ประกอบกับการที่เป็นป่าโครงการเพื่อการใช้สอยแบบอเนกประสงค์ ป่าดงหินกองถูกประกาศให้เป็นป่าปิดห้ามการทำไม้ทุกชนิด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2522 กรมป่าไม้จึงได้เสนอคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2523 เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2523 เห็นชอบให้กำหนดพื้นที่ดังกล่าวเป็นอุทยานแห่งชาติ โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดงหินกอง ในท้องที่ตำบลโขงเจียม และตำบลเขื่อนแก่ง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2524 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 908 ตอนที่ 115 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2524 โดยใช้ชื่อว่า "อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ" ซึ่งเป็นชื่อตามธรรมชาติของลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ประชาชนทั่วไปรู้จักดี นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 33 ของประเทศ
คำว่า"ตะนะ" จากการเล่าขานตามความเชื่อของชาวบ้านว่า เดิมมาจากคำว่า "มรณะ" เนื่องจากบริเวณแก่งตะนะมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก และมีโขดหินน้อยใหญ่อยู่ทั่วไป ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลามักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ชาวบ้านจึงเรียกแก่งนี้ว่า "แก่งมรณะ" ตามแรงบันดาลจากสภาพของสายน้ำที่ไหลผ่านแก่งนี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรียกว่า "แก่งตะนะ"

จุดเด่นและสถานที่ท่องเที่ยว
ลักษณะภูมิประเทศ
สภาพพื้นที่ ทั่วไปเป็นที่ราบ เป็นเขาเตี้ยๆมีแม่น้ำมูลแม่น้ำโขงไหลผ่าน ความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาบรรทัด สูงประมาณ 543 เมตร สภาพป่าทั่วไปเป็นป่าแพะหรือป่าแดง จะมีป่าดิบเฉพาะบริเวณริมห้วยใหญ่เท่านั้น สภาพพื้นที่ส่วนมากเป็นหินทราย และพื้นที่ศิลา ส่วนดินเป็นดินลูกรัง ดินตะกอน
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศ จัดอยู่ในเขตมรสุม แต่เนื่องจากอยู่ใกล้แม่น้ำสำคัญสายใหญ่ 2 สายคือ แม่น้ำมูลและแม่น้ำโขง อากาศจึงต่างไปจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั่วไป คือฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนจนเกินไป อยู่ในราว 25-29 องศาเซลเซียส ฤดูหนาวไม่หนาวจัด ส่วนฤดูฝน ฝนจะตกค่อนข้างชุก
นักท่องเที่ยวสามารถไปเที่ยวในทุกฤดู โดยในฤดูฝนและฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมแม่น้ำมูล แม่น้ำโขงและน้ำตกต่างๆ ส่วนในช่วงปลายฤดูหนาวและฤดูร้อน นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมแก่งต่างๆ
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า
สภาพป่าโดยทั่วไปเป็นป่าแพะและป่าแดง มีไม้เต็ง รัง เหียง พลวง ฯลฯ ซึ่งมีลักษณะแคระแกร็น นอกจากนี้ยังมีป่าดิบแล้งบ้างตามบริเวณริมห้วยใหญ่ๆ และบนดอย พันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้แก่ ไม้ประดู่ แดง หว้า สัก ยาง แล้วยังมีทุ่งหญ้าอยู่บ้างเป็นหย่อมๆ ไม้พื้นล่างมีพวกไม้ไผ่ และไม้เถาอื่นๆขึ้นอยู่ทั่วไป
สัตว์ป่า ประกอบไปด้วย หมูป่า เก้ง อีเห็น ชะมด ลิง ชะนี และนกชนิดต่างๆ
จุดเด่นที่น่าสนใจ
แก่งคันเหว่ ประกอบด้วยแนวหินยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้างราว 300 เมตร และยังมีหาดทรายตามแก่งหิน ประกอบด้วยโขดหินใหญ่น้อยเกลี้ยงเกลา มีหลุมยุบและรอยแหว่งเว้าปรากฏอยู่ทั่วไป ในเดือนธันวาคม สายน้ำมูลจะเอ่อไหลตามแก่งหินอย่างเชี่ยวกราก ทำให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงาม
ดอนตะนะ เป็นดอนดินที่เกิดขึ้นขวางแม่น้ำมูล และแบ่งแม่น้ำมูลออกเป็นสองสาย มีความกว้างประมาณ 450 เมตร ยาวประมาณ 700 เมตร ทางตอนเหนือของดอนตะนะมีหาดทราย เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง บนดอนตะนะยังมีป่าอยู่ทั่วไป สภาพเป็นป่าดิบแล้ง มีไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่นและมีป่าสักตามธรรมชาติ
แก่งตะนะ ลำน้ำมูลเมื่อไหลผ่านดอนตะนะทั้งสองด้านแล้ว จะไหลลงมาทางแก่งตะนะ กลางแก่งตะนะมีโขดหินใหญ่เป็นเกาะกลางแม่น้ำมูล จากทั้งสองสายที่เชี่ยวกรากจะกัดเซาะลงในแนวโขดหินสูงราว 1 เมตร บ้างก็ไหลซอกซอนไปตามร่องหินและลานหินริมฝั่ง ถ้าสังเกตเกาะกลางแก่งตะนะ จะเห็นสิ่งก่อสร้างรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยฝรั่งเศสยังล่าอาณานิคมเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องชี้ร่องน้ำในการเดินเรือ บริเวณแก่งตะนะ จะมีสายน้ำเชี่ยวและลึก ทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำอีกหลายแห่ง จึงทำให้ปลาบริเวณแก่งตะนะชุกชุม
น้ำตกตาดโตน เป็นน้ำตกที่ตกจากชั้นที่มีแนวโค้งคล้ายจอภาพยนต์ อยู่บริเวณห้วยตาดโตน
น้ำตกและบึงห้วยหมาก อยู่บริเวณเหนือบ้านห้วยหมากไป เป็นบึงใหญ่น้ำนิ่งและไหลตกเป็นทางยาวลงมาบนชั้นหินที่ซ้อนเหลื่อมล้ำเป็นแนวทอดต่ำลงมา
น้ำตกห้วยกว้าง อยู่ใกล้เขตสุขาภิบาลอำเภอโขงเจียม มีน้ำตกลงไปตามซอกหินเป็นชั้นลดหลั่นลงมา

การเดินทาง
อุทยาน แห่งชาติแก่งตะนะอยู่ห่างจากจังหวัดอุบลราชธานีประมาณ 90 กิโลเมตร และสามารถเดินทางมาได้ 2 เส้นทาง คือ
ทางแรก ไปแก่งตะนะฝั่งขวา ไปทางอำเภอวารินชำราบ ใช้ทางหลวงหมายเลข 217 ผ่านอำเภอวารินชำราบถึงอำเภอพิบูลมังสาหาร แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2173 ไปสู่ช่องเม็ก ถึงหลักกิโลเมตรที่ 73 บ้านคำเขื่อนแก้ว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2296 สุดทางจะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะหรือแก่งตะนะฝั่งขวา ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร
ทางที่สอง ไปแก่งตะนะฝั่งซ้าย เส้นทางเดียวกับเส้นทางแรก เมื่อถึงอำเภอพิบูลมังสาหารให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานพิบูลมังสาหาร 200 ปี ไปตามเส้นทางโขงเจียม ก่อนถึงโขงเจียม 4 กิโลเมตร จะมีทางแยกเลี้ยวขวาเข้าไปยังแก่งตะนะฝั่งซ้าย ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร

สถานที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยาน แห่งชาติแก่งตะนะ มีบ้านพักไว้บริการนักท่องเที่ยว จำนวน 3 หลัง พักได้หลังละ 12-14 คน ค่าธรรมเนียมที่พัก 700-800 บาท/คืน

บันทึกแห่งความทรงจำ
ขอเชิญท่านที่เคยท่องเที่ยวหรือมีความทรงจำถึงอดีตต่ออุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ บันทึกเรื่องราวของท่าน เพื่อเป็นการระลึกถึงและเป็นประโยชน์ต่อท่านอื่นๆ
บันทึกเรื่องราวของท่านและเข้าเยี่ยมชมบันทึก