Image Loading...
ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง...อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

rrr (c_rin@thaimail.com)20 มีนาคม 2542


เกิดเป็นคนไทยไม่ไปไม่ได้แล้ว...นะ




"เอ๋"1 เมษายน 2542


ไปดูนกที่ยอดดอยอินทนนท์เมื่อกลางเดือนมีนาคม ได้ไปใช้ห้องน้ำวันสุด ท้ายก่อนจะรื้อทิ้ง รู้สึกภูมิใจมาก แต่เป็นห่วงนักท่องเที่ยวรุ่นหลังกลัวว่า จะลำบาก เพราะอากาศข้างบนเย็น ห้องน้ำไม่มีไม่รู้จะทำอย่างไร




chartree 2 เมษายน 2542


ไม่ต้องกลัวบริเวณนั้นจะมีการปรับปรุงใหม่ และ โครงการนี้ทราบข่าวว่าเงินทุนส่วนหนึ่ง บริษัทผลิตไฟฟ้าจำกัด ช่วยสนับสนุนอยู่ เหมือนเช่นเส้นศึกษาธรรมชาติอ่างกา กิ่วแม่ปาน และยังมีโครงการอื่นๆอีก โดยไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ ให้กลมกลืนต่อธรรมชาติ เจ้าหน้าที่บริษัทฯนี้ชอบดูนก พร้อมส่งเสริมกิจกรรมนี้ ลองmailสอบถามดูเพื่อได้ข้อมูล (ส่วนใหญ่จะไปอยู่ที่อินทนนท์) wuthichai.site@ego.com

ชาตรี (กลุ่ม ฅนไทรักป่า)




maple (maple_corp@hotmail.com)10 มิถุนายน 2542


ใครหว่า..ตัวอับทะเลหมอก?


คือเรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่หยุดเอเชียนเกมส์นั่น ข้าพเจ้าและพี่ ๆ รวม 4 ชีวิต ได้เดินทางไปเที่ยวเหนือกัน 12 วันโดยขับรถไปเอง ไม่ว่าจะเป็นดอยอิน ทนนท์ ดอยอ่างขาง ห้วยน้ำดัง ม่อนกิ่วลม....ก็แล้วแต่ ล้วนมีหมอกหนา ตา แต่ว่า เราไม่เห็นทะเลหมอกกันเลย หมอกกระจาบฟุ้ง ไม่จับตัวเป็น ก้อน...อากาศหนาวมาก น่าสงสารเนอะ...คราวหน้าไปใหม่ดีก่า




pam (pam@ie.en.rit.ac.th)8 กรกฎาคม 2542


doi intanon


Doi Intanon is very beatiful and good polution. I very happy. I visit to here again.




คูริจัง4 กันยายน 2542


ไม่ไปไม่ได้


เราเคยไปที่นั้นมา ๒ ครั้งแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในฝันจริงๆ ตอนที่ไปเป็นครั้งแรก พอก้าวลงจากรถ มีความรู้สึกประทับใจมากว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต เราได้มาอยู่ที่สุดยอดแดนสยามแล้วนะ บรรยากาศที่นั้นดี มาก เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ไม่มีคนไปเยอะ (เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ ประทับใจจริงๆ ต้องไปช่วงคนน้อยๆ) และยังได้จับก้อนเมฆอีกด้วย ประทับใจมากๆ กะว่าปิดเทอมนี้ จะไปเป็นครั้งที่สาม
แล้วเธอละเคยไปหรือยังจ๊ะ!




sakkon (puelae@yahoo.com)7 ตุลาคม 2542


อดีตแห่งความสูญเสีย


31 ม.ค.42 บุกดอยอินทนนท์กับเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่เจอกันครั้งแรกด้วยคุยกันถูกคอมาก เอามอเตอร์ไซค์ไปกันคันเดียวไปไหว้พระธาตุเสร็จ ก็ไปยังจุดสูงสุด กลับลงมาถ่ายรูปกุหลาบพันปีตามรายทาง โดยเอามอเตอร์ไซค์จอดไว้ที่ ข้างทางที่ทำเป็นลานปูนกันถนนพังแล้วก็กระโดดลงไปสำรวจสภาพป่าที่ มีขนุนดิน(กระโถนฤาษี)เพลินเสียจนหาทางออกจากป่าไม่ได้คืนนั้นเลย ต้องค้างอยู่บนดอยนั่นเอง
...อากาศบนดอยเย็นสบายเพราะเป็นคนขี้ร้อนอยู่แล้ว แต่น้ำในห้วยไม่ได้แตะเลยแค่จุ่มเท้าลงไปก็เย็นจนปวดไปหมดทั้งเท้า มีแต่เพื่อนญี่ปุ่นบอกว่าไม่เป็นปัญหายังลงไปแช่น้ำในห้วยอย่างสบายใจ
แต่กลางคืนสิจามอยู่ได้ทั้งคืนติดหวัดไปเสียแล้ว รุ่งเช้าสวยมาก ที่นี่กว่าเราจะออกเดินหาทางกลับได้ก็สบักสบอม
ฉันพลาดตกลงเอาข้อมือฟาดกับพื้น และคงหักมันบวมพองอย่ารวดเร็ว kane itomi เร่งพาฉันกลับให้ได้ แล้วก็ดันไปโผล่ที่บ้านขุนกลาง รอรอประจำทางที่นั่นไม่มีใครเลยไปเพราะมัน เย็นมากแล้ว ต้องจ้างชาวบ้านที่นั่นไปส่งยังที่เอามอเตอร์ไซค์จอด ทิ้ง kane itomi ไว้ที่นั่นไปถึงที่จอดรถ ยังดีที่มันไม่หาย ขี่รถลงมาหา kane itomi ได้ยังไงไม่รู้
...ตอนนี้ฉันหายดีแล้วแต่ก็เหมือนเป็นคนพิการไป ร่องรอยของการผ่าตัดยังมีอยู่ น่าเกลียดด้วย ความจริงฉันไม่น่าจะเชื่อคำแนะนำให้ผ่าตัดเลย ฉันน่าจะใช้วิธีให้มันหายไปเองจะดีกว่า เพราะหมอเขาใส่เฝือกให้รักษา จนมือที่ดำคล้ำเปลี่ยนเป็นสีปกติแล้วเพียงแต่ยังเคลื่อนไหวไม่สะดวกแค่นั้น แต่หมอก็แนะนำให้ผ่าตัด ผลออกมามันแย่กว่าเดิมมากมือเป็นเหน็บชา จากเส้นประสาทถูกกดหรือถูกตัดทำนองนี้แหละ ที่สำคัญฉันต้องติด I วิชา ที่เรียนมาเกือบทั้งเทอมและไปแก้ ได้เกรดที่แย่มากด้วนี่แหละคือประวัติ ศาสตร์ที่แสนโง่ของฉันที่ได้รับจากการท่องเที่ยวคราวนั้น




เจี๊ยบ (salinna_1@yahoo.com)28 ตุลาคม 2542


ความประทับใจ


จากประสบการณ์ที่ได้ไปท่องเที่ยวในหลาย ๆ ที่ แต่ที่ประทับใจอีกที่หนึ่ง ก็คือ ที่ดอยอินทนนท์ เพราะเป็นสถานที่ที่สวยงาม และพื้นที่ของป่าไม้ที่ เขียวฉอุ่ม ทำให้มองไปรอบ ๆ แล้วรู้สึกได้ถึงความสดชื่นและความเป็น ธรรมชาติ ซึ่งดิฉันก็อยากให้ทุก ๆ คนได้สัมผัสถึงความรู้สึกนี้เช่นกัน และ สำหรับคนที่ได้เคยรู้สึกเช่นนี้มาแล้ว ก็ขอให้รู้สึกเช่นนี้ตลอดไป แต่ก็ขอให้ ตระหนักถึงการรักษาทรัพยากรของประเทศ ให้คงอยู่อย่างนี้ตลอดไป เพื่อ ให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสสัมผัสในสิ่งที่น่าประทับใจด้วย ถึงแม้จะไม่เท่ากับ ที่ผ่านมา แต่ก็อยากให้เหมือนเดิมมากที่สุด




krit ( krit309@thai2k.com ) 21/11/2000


เส้นทางเดินธรรมชาติ..กิ่วแม่ปาน...ดอยอินทนนท์


ไปมาก็หลายครั้ง....สวยทุกฤดูกาล....หน้าฝนเขียวชอุ่ม .....หน้าหนาวๆจับใจ สายหมอกสวย ป่ากึ่งอัลไพน์ ดูแล้วได้บรรยากาศจริงๆ ......หน้าร้อนอบอุ่นเย็นสบาย ไม่มีเบื่อสำหรับที่นี้...เข้าไปกลุ่มเล็กๆ3-5คนกำลังดีมี จนท. 1นายนำทางให้......




kitaro - 27/11/2000


re : เส้นทางเดินธรรมชาติ..กิ่วแม่ปาน...ดอยอินทนนท์


สวยมากครับ เดินตัดป่าออกไปก็จะเป็นทิวเขาสูงสวยงามมาก มีนกเยอะแยะเลย และเชื่องด้วยบินไปมาในระยะใกล้ ๆ หากไปช่วงที่กุหลาบพันปีบานยิ่งสวย ตามสันเขาเต็มไปด้วยดอกสีแดง ๆ ตัดกับทิวเขาสีอมน้ำเงินสลับซับซ้อน เดินก็ไม่เหนื่อยมากเท่าไหร่ เป็นเส้นทางเดินที่คุ้มค่าและน่าค้นหา บางท่านอาจไม่เคยเข้าไปเพราะทางเข้าจะแอบ ๆมุม คือผ่านพระธาตุมาประมาณ 500 เมตร จะมีห้องน้ำอยู่ด้านซ้ายมื่อ จะมีเส้นทางเดินเข้าไป แต่จะต้องทำหนังสือจากด้านล่างก่อนเพื่อจะขออนุญาตเข้าชม คุ้มครับลองไปดู...




8 ขวบ 8 เดือน - ิbojunior@chaiyo.com - 24/01/2001


ดอยอินทนนท์และอุทยานตากสินที่ฉันไปมา


ผมไปดอยอินทนนท์มา ผมประทับใจมากกับน้ำตกวชิรธาร ผมเดินทางไปด้วยรถยนต์ธรรมดา ผมชอบมากกับหมอกที่นั่น ผมมีน้อง 1 คนและผมก็ได้ไปดูเจดีย์ยักษ์ 2 แห่ง ที่กองทัพอากาศสร้างขึ้นเพื่อถวายในหลวง และน้องผมได้ขึ้นไปวิ่งบนเจดีย์ยักษ์ น้องผมร้องว่า เย็นบาย เย็นบาย และผมประทับใจเพราะเจดีย์สวยมาก ผมอยากไปอีก แม่บอกว่าจะพาเข้าไปดูสถานีเรดาห์ข้างบนดอย แล้วผมก็ตั้งแคมป์บังเอิญผมเจออาคารเก่าหลังหนึ่งที่ยังว่างอยู่ ผมจึงตั้งแคมป์ข้างๆ แล้วแม่ผมก็โชว์ฝีมือทำกับข้าวที่ผมชอบคือ หมูทอดรสเด็ด เสร็จแล้วผมอาบน้ำหน้าอาคาร
ต่อมาผมก็นอนกับพี่สาวที่อีกเต้นท์หนึ่งและพ่อกับแม่ก็นอนอีกเต้นท์หนึ่ง ผมชอบมากเพราะตอนกลางคืนอากาศเย็นสบาย ตอนนั้นพ่อกะว่าจะไปอาบน้ำตรงลำธารเล็กๆข้างๆเต้นท์ มันไหลมาจากน้ำตกสิริภูมิ แล้วตอนเช้าผมก็ไปเดิน ที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมขาติอ่างกาหลวง
ต่อมาผมก็ไปอุทยานตากสินมหาราช พ่อขับรถขึ้นไปและตอนนั้นมีถนนสูงชันพ่อเร่งเครื่องจนหม้อน้ำรั่ว เมื่อถึงผมเลือกสถานที่ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกตั้งริมหน้าผาใกล้บ้านพัก ครั้งที่สองผมตั้งที่ตรงบริเวณทางเข้าอุทยานฯ ใกล้ห้องน้ำ และร้านอาหาร ตอนเย็นผมกินข้าวหมูทอด แม่กินข้าวผัด พ่อกับพี่สาวกินกะเพราไก่ ต่อไปผมก็เข้าเต้นท์นอน
ตอนเช้าอากาศหนาวเย็น พ่อซ่อมรถเสร็จตอน 10 โมงเช้า เราไปเที่ยวต้นกระบากยักษ์ ตอนนั้นทางเข้าเขียนว่า เข้าไป 400 เมตร ถึงต้นกระบากยักษ์ ผมเดินลงไปตั้งนานกว่าจะถึง มันใหญ่มาก และเห็นได้ตั้งแต่กลางทาง ไปถ่ายรูปด้วย ขากลับผมคิดว่ามันไม่ใช่ 400 เมตรแล้วแหละ ผมว่ามันน่าจะเป็น 1 กม. เพราะมันเดินนานมาก มีป้ายเขียนตลอดทาง ที่ผมจำได้คือ มาถึงครึ่งทาง โปรดอย่าท้อ จำได้แค่นี้ครับ ในที่สุดก็เดินถึงปากทางเข้า
พ่อขับรถกลับบ้านอย่างมีความสุข และผมจะไม่ลืมวันนั้นอีกตลอดไป พ่อบอกว่ คราวหน้าจะพาไปภูหินร่องกล้า แสลงหลวงและน้ำหนาว


Image Loading...