คุณ เชร์(kitsawatd@thaimail.com) 3 สิงหาคม 2541
สำหรับผม แก่งกระจานเป็นที่เที่ยวที่ผมไปอยู่บ่อยๆ เพราะใกล้ดี ผมไปเที่ยวผมจะไปพักที่บ้านกร่างเพราะว่ารู้จักกับเจ้าหน้าที่ที่นั่น
ทุกคนมีอัธยาศัยดีทุกคน มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรกับทุกคน ผมว่าธรรมชาติที่นั่นยังคงสมบูรณ์อยู่ประมาณหนึ่ง สัตว์ป่าก็เยอะกลางคืนยังมีเม่นเจ้าประจำที่ออกมาให้ผู้เดินทางมาได้เห็นทุกครั้งไป
น้ำตกก็มีหลายสายโดยเฉพาะทอทิพย์ ตอนนี้คงจะสวยงามไม่เบา พูดแล้วทำให้ผมคิดถึงและคงจะไปเยี่ยมเยียนอีกในไม่ช้า
สุดท้ายนี้หวังว่าเราอาจจะได้พบกันบ้างที่นั่น แก่งกระจาน
Tarzan (aladin28@thaimail.com) 3 พฤศจิกายน 2541
ตั้งใจไปเที่ยวมา
เป็นครั้งที่2 แล้ว แต่ครั้งนี้รถที่นำไป
เกิดติดหล่มที่ กม. 29 ก่อนจะถึงพะเนินทุ่งแค้มป์
แล้วสนุกตื่นเต้น อากาศหนาว ลมแรงตลอด ตอนขึ้นมีฝนตกด้วย
ทะเลหมอกสวยมาก อากาศดี อยากแนะนำให้เพื่อนที่จะไป
ควรเป็นรถกะบะหรือ 4x4 จะดีกว่า
รับรองไม่ผิดหวัง
"วินัย" (cmnung@usa.net) 4 มกราคม 2542
ประทับใจมากสำหรับการไปครั้งนี้
ผมไปเมื่อปีใหม่นี้เอง อากาศที่นั่นดีมาก ผมตั้งแค้มป์ที่ พะเนินทุ่งตอนเช้าทะเลหมอกสวยมาก
มีค่างดำมาเล่นบนต้นไม้บริเวณที่เราตั้งแค้มป์หลายตัว มีนกสวย ๆ หายากให้ดูมากเลย
และได้ความรู้สึกแปลกใหม่เคล้าความเหนื่อยกับการเดินป่า
ขอยืนยันว่า ลองไปสัมผัสดูแล้วจะรู้ถึงความคุ้มค่ากับธรรมชาติของป่าแห่งนี้
wan 21 เมษายน 2542
ทะเลหมอกที่ แก่งกระจาน
ไปเที่ยวแก่งกระจานที่เพชรบุรี เมื่อ ปี 41 กับเพื่อน ที่รู้จัก 4 คน นอกนั้นอีก
หลายคนไม่รู้จักเลย ไปคืนแรกนอนเต็นน์หลังที่ทำการอุทยาน แล้วก็ต้อง
ตื่นนอน ตั้งแต่ ตี 5 พี่ ที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน พาพวกเราขึ้นรถกระบะขึ้น
เขา ผ่านจุดตรวจพะเนินทุ่งด้านซ้ายมีทะเลสาบเล็ก ๆ อยู่กลางเขาสวย
มากยิ่งมีหมอกยิ่งสวยเลย ขึ้นไปเรื่อย ๆ เห็นหมอกจาง ๆ ตามไหล่เขา ทั้ง
สวยและเสียวเพราะมองลงไปก็หุบเขาที่มีหมอกมากั้น อดคิดว่าถ้าตกลง
ไปคงหากันไม่เจอ เดินทางไปจนถึงตำหนักสมเด็จพระเทพฯ มีที่พักให้ดูวิว
กัน มองไปเห็นทะเลหมอกยามเช้าที่สวยงามจนติดตาเลย อยากให้
เพื่อน ๆ ไปเห็นจัง อยู่ใกล้แค่นี้เองไม่ต้องไปเที่ยวไกลถึงภาคเหนือก็ได้
ตอนกลับลงมาจากข้างบน มาพักที่ที่สำหรับนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่
เจอกับเจ้าช้างน้อย ชื่อทุเรียน เจ้าหน้าที่บอกว่า แม่ของทุเรียนถูกยิงเพื่อ
เอางา พอดีเจ้าหน้าที่ไปเห็นจึงพาเจ้าทุเรียนมาพักที่นี่ มันน่ารักแต่ดื้อที
เดียว ฝนก็ตก หนาวก็หนาว สนุก ก็สนุก เชิญเพื่อน ๆลองไปเที่ยวกันนะ
surachai thananuphar (surachait@ubctv.com) 12 ตุลาคม 2542
พะเนินทุ่ง
เคยขึ้นไปมาสองครั้งแล้ว ประทับใจกับทะเลหมอกมากๆ
ยังจำได้ถึงสายฝนที่ตกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว สามคนพ่อแม่
ลูก มุดเข้าเต้นท์กินข้าวกลางสายฝนที่สุดประทับใจไม่ลืม
รวมไปถึงน้ำตกทอทิพย์ ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปร่วม 4 กิโล.
แต่เต็มไปด้วยทางขึ้น-ลงเขา เบ็ดเสร็จสามคนพ่อแม่ลูก
แทบแย่ ขากลับตอนเจอทางออก เหมือนในการ์ตูนยาม
คนในทะเลทรายเห็นน้ำ แต่ขอฝากสำหรับคนที่ไม่เคยไป
เขามีเวลาการขึ้นและลงพะเนินทุ่ง เนื่องจากเป็นทางขึ้น
เขาและแคบชันมาก รถเก๋งไม่ควรขึ้นยิ่งนัก หากไม่อยาก
น้ำตาตกใน แต่ใครได้ขึ้นไปแล้ว จะไม่มีวันลืมความสุข
นั่นเลย จริงๆนะ
ลิลิน 4 พฤศจิกายน 2542
re: พะเนินทุ่ง
เคยไปมาแล้วเหมือนกัน อากาศเย็นผสมลมฝนบ้าง สนุกมาก
หลายครั้งที่ขึ้นไปแล้วได้รับความรู้ใหม่ๆ ครั้งที่ขึ้นไปปี 2539
ไปดูผีเสื้อ แต่ได้เห็นนกกระลิงเขียดหางหนามเกาะในพุ่มค้อข้างทาง
ตื่นเต้นที่สุด ตอนนั้นยังไม่สนใจนก ผีเสื้อ หรือพรรณไม้มากนัก
แต่เมื่อเริ่มดู สังเกต ก็เห็นสิ่งน่าสนใจอีกเยอะแยะ
ดีใจจังที่มีคนรู้สึกว่า การท่องเที่ยวแบบนี้ให้ความประทับใจ
อู้ได้อู้ดี (on_usa@hotmail.com) 19 มกราคม 2543
re: ขอรายละเอียดเที่ยวอุทยานแก่งกระจาน
:จะไปอุทยานแก่งกระจานต้นเดือนกุมพา 43 นี้อยากทราบว่า
:
1.เสียค่าเข้าคนละเท่าไร
: ตามค่าธรรมเนียมของอุทยานค่ะประมาณ 5-
10 บาทต่อคน สำหรับรถกระบะปิคอัพ จะประมาณ 35-50 บาทรวมคน
ขับ 1 คน (ราคาจำไม่ได้แน่นอนต้องขอโทษด้วยค่ะ)
:
2.รถปิคอัพขับเคลื่อน 2 ล้อขึ้นได้หรือไม่
: ขึ้นได้ค่ะ...แต่ต้องคนขับฝีมือ
ดีๆซักหน่อยนะคะ...ทางค่อนข้างชันและหักศอก...จะมีบางช่วงที่เป็นกรวด
ทรายเล็กน้อย....แต่ก็พอไปได้ค่ะ
:
3.เช่ารถขึ้นลงราคาเท่าไรคันละกี่คน.....
: อันนี้ไม่ทราบค่ะ
:
4.มีเตนต์ให้เช่าหรือไม่...
: มีค่ะ...เช่าได้ที่ที่ทำการอุทยาน....ถ้าไปช่วง
เทศกาลวันหยุดยาวๆควรนำไปเองค่ะ
:
5.ข้างบนมีอาหารขายหรือไม่
: ถ้าเข้าในอุทยานจะไม่มีอาหารขาย....จะมี
ก็เฉพาะตรงบริเวณอ่างเก็บน้ำเท่านั้นค่ะ
ตัวอุทยานจะอยู่เลยจากสันเขื่อนไปอีกประมาณ 47 กิโลเมตร....แต่ข้าง
ในสวยมากจริงๆ...ถ้าเป็นช่วงหลังมรสุมจะมีผีเสื้อเยอะมากๆ
การเดินทางเข้าตัวอุทยานจะมีเวลาเดินรถนะคะ...ช่วงเช้าตี 5 ถึงประมาณ
ก่อนเที่ยง....หลังจากนั้นจะเป็นเวลาให้รถลงจากเขา...และจะขึ้นได้อีกทีก็
หลังบ่าย 2 ไปแล้วค่ะ....เพราะทางแคบ...รถสวนกันไม่ได้
สถานที่ให้กางเต๊นท์จะมี 3 แห่ง คือ บ้านกร่างแค้มป์ จะอยู่ริม
ลำธาร...และขึ้นไปข้างบนอีกจะเป็นจุดชมวิวก่อนลงน้ำตกธอทิพย์ (จำ
ชื่อแค้มป์ไม่ได้ค่ะ) และอีกที่หนึ่งจะอยู่ข้างในป่าเข้าไป ชื่อ เคยูแค้มป์ค่ะ
ทางเดินลงน้ำตกมีระยะทาง 4 km เป็นทางเดินลงเขา...แต่เวลาเที่ยว
น้ำตกเสร็จแล้ว...ต้องเดินขึ้นค่ะ...เหนื่อยมาก....ทางเดินค่อนข้างชันและ
แคบต้องเตรียมตัวดีๆค่ะ
ถ้ามีอะไรอยากสอบถามเพิ่มเติมก็ email มาได้นะคะ
น้องหมู(njaruwat@hotmail.com) 27 มิถุนายน 2543
น้ำตกทอทิพย์ที่แก่งกระจาน
ได้ไปออกกำลังกายที่น้ำตกทอทิพย์ ซึ่งโดนเพื่อนหลอกว่าสวยมาก การเดินทางช่างทรหดต้องเตรียมร่างกายอย่างดี
ระยะทางที่เดินถึงแม้จะไกล เหนื่อย แต่ความสวยงามรอบข้างก็เป็นสิ่งจูงใจอย่างหนึ่งให้สู้ต่อไป
และยังมีคนข้างๆคอยช่วยเป็นกำลังใจอีก อย่างนี้สู้ตายเลย
เติ้ล - - phildtun@yahoo.com - 13/07/2000
re : น้ำตกทอทิพย์ที่แก่งกระจาน
เคยไปเป็นลมที่นั่นมาแล้วค่ะแต่โชคดีที่มีเพื่อนดีช่วยแบกออกจากป่า
เกต - - ussanee@vpsthai.com - 07/08/2000
re : น้ำตกทอทิพย์ที่แก่งกระจาน
ไปตอนหน้าฝน ทากชุมน่าดู พอเดินไปถึงน้ำตกทอทิพย์ นั่งแงะทากก่อนเลย เยอะจริง ๆ
แอม - 26/11/2000
ครั้งแรกที่พะเนินทุ่ง
ครั้งแรกที่ไปพะเนินทุ่ง ไม่เป็นอย่างที่เคยคิดไว้ ไม่สะดวกอย่างที่คิด ทำให้ได้ประสบการณ์แสนสนุกจากการไปเที่ยวครั้งนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคุณป้าอายุราวเกือบ 60 ปี ร่วมเดินทางไปครั้งนี้ การเดินทางขึ้นเขาพะเนินทุ่งไม่เหมือนการขึ้นเขาใหญ่เลย
จากที่เคยคิดว่าน่าจะคล้าย ๆ กัน พะเนินทุ่งยากลำบากกว่าเยอะ ถ้าเอารถเก๋งไปหมดสิทธิ์ขึ้นเด็ดขาด ต้องไปเช่ารถราคาตั้ง 1,800 แน่ะ
แต่เราใช้วิธีการหาคนแชร์ แต่ไม่มีใครแชร์ด้วยเลย สุดท้ายเจอฝรั่งชาวลักเซมเบอร์กใจดีาก ให้เราโดยสารรถขึ้นไปฟรี
ทั้งๆ ที่ขอแชร์ด้วยแต่เขาไม่ยอมรับเงินเราสักบาท
ระหว่างทางที่จะเดินทางขึ้นไปดูทะเลหมอกนั้น คุณป้าของเราก็โชคดีได้พบกับลูกเสือตัวเล็กๆ น่าจะเป็นเสือดำนะ
คืนนั้นเรานอนพักที่บ้านกร่างแค้มป์ เราไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง เพราะคิดว่าจะไปนอนที่บ้านพักรับรอง
แต่กลับต้องนอนเต้นท์ด้วยการเช่า แต่เต้นท์เช่าเหม็นสุด ๆ นอนแทบไม่ได้แน่ะ แต่นาน ๆ ไปก็ชิน
เราพบกับเพื่อนร่วมทางเป็นครอบครัวที่น่ารัก แต่ทำเราอับอายในการไม่เตรียมพร้อมสักอย่างของเรา เต้นท์ก็ไม่มี
ไฟก็ไม่มี อาหารมีเพียงข้าวเหนียว 5 ห่อ กับหมูย่างเก่า ๆ ดูแล้วน่าสังเวชมาก แต่หลังจากที่เราได้เห็นทะเลหมอกแล้ว
ทำให้ลืมความลำบากเป็นปลิดทิ้ง และนั่นทำให้เราตั้งใจว่าจะต้องมีครั้งที่ 2 สำหรับพะเนินทุ่ง
Chayoot - - chayoot@samart.co.th - 28/11/2000
พะเนินทุ่ง - แก่งกระจาน (ตุลาคม 2543)
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นอุทยานที่ดีมากๆ อุทยานหนึ่งในแง่ของธรรมชาติ
แต่ในแง่ของแค้มป์ปิ้งแล้วไม่ค่อยสะดวกเลย ผมเคยขึ้นไปนอน 3 วัน 2 คืน คืนแรกพักที่บ้านกร่าง
ลำธารที่ผ่านบริเวณที่ตั้งแค้มป์ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรนัก น้ำน้อยและขุ่นตลอดเพราะทางต้นน้ำเป็นทางที่รถผ่าน
แต่ก็ยังดีที่มีน้ำใช้
คืนที่ 2 ขึ้นไปนอนที่พะเนินทุ่งเพราะหวังว่าจะไปดูทะเลหมอกแต่เช้า พบว่าบริเวณที่ตั้งแค้มป์ไม่มีน้ำให้ใช้
ได้ยินว่าปั๊มน้ำเสีย โชคยังดีที่วันที่ขึ้นไปพักเป็นวันทำงานไม่ใช่วันหยุดจึงมีคนไม่มากนัก
และก็ได้ความเอื้อเฟื้อจากเจ้าหน้าที่ป่าไม่ให้ไปเอาน้ำจากบ้านพักของเขาได้จึงรอดไปวันหนึ่ง โดย 3 คนใช้น้ำ 2 กระป๋อง
ทำทุกอย่างตั้งแต่ล้างจานยันลาดส้วม น้ำไม่ได้อาบเพราะอากาศเย็นและฝนตกเกือบตลอดเวลา
แต่สภาพป่ายังดีมากครับและทากชุมน่าดู
วันสุดท้ายก่อนกลับก็เดินเข้าไปที่น้ำตกทอทิพย์ (4.5 ก.ม.) ตอนขาเข้าทา กย.15 ตามแขนขา แล้วลุยเข้าไปเลย (ใส่กางเกงขาสั้นด้วยนะ)
ไม่โดนทากเกาะซักตัว แต่พอถึงน้ำตกก็เล่นน้ำกัน ขากลับมาที่รถเลยโดนทากแบ่งเลือดไปกิน 2-3 แผล
อย่างไรก็ตามก็ยังคิดถึงแก่งกระจานและเขาพะเนินทุ่งอยู่ หากมีโอกาสคงได้ไปเยี่ยมอีกแน่
ป่าใหญ่ๆ ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้ไม่ใช่หาง่ายๆ
ลูกโป่ง - - lookpong33@yahoo.com - 10/12/2000
ได้ไปนอนเต้นท์ที่เขาพะเนินทุ่งตอนวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี่เอง วันที่ 9 กับ 10 ธันวาคม 2543
ไม่คิดว่าจะมีเพื่อนนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากขนาดไม่มีที่กางเต้นท์ที่พะเนินทุ่ง
ตอนที่ไปติดต่อเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีที่ว่างต้องนอนที่บ้านกร่าง ก็ตกลง
พอไปรับเอกสารคุณเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้รับวิทยุว่าพอมีที่ว่าง ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ป่าไม้มากๆ ที่ทำให้ความตั้งใจสำเร็จ
วันที่ขึ้นไปแปลกใจมากๆที่มีรถเก๋งขึ้นไปได้ถึงพะเนินทุ่ง ต้องยอมรับว่าคนขับเก่งมากๆ เพราะส่วนใหญ่จะไปรถกระบะ
หรือรถขับเคลื่อนสี่ล้อ พอขึ้นถึงที่กางเต้นท์เกือบไม่มีที่กางเต้นท์ได้จริงๆ นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด ห้องน้ำไม่พอใช้
และมีน้ำไม่พอด้วย คราวหน้าตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปในช่วงวันธรรมดา หรือเสาร์อาทิตย์ที่ไม่ใช่วันหยุดพิเศษ
คนมากๆ ไม่สนุกเลย เสียงก็ดังมากๆ ไม่เหมือนการไปพักในอุทยานเลย
หนุ่ม - - Zuradoop@thaimail.com - 26/12/2000
ความงามบนพะเนินทุ่งน่ะ มันอยู่ในความทรงจำของผม สองปีก่อนผมมีโอกาสไปเที่ยวที่นั่น พักที่บ้านกร่าง 1 คืน
และที่ ku Camp อีก 1 คืน มันเป็นความสงบที่สามารถซึมซับได้ ผมบรรยายไม่ได้หรอกครับ แต่รู้ว่ามันอิ่มเอมอยู่ในใจ
เจ้าหน้าที่อุทยานฯ น่ารักมากครับ เขาเชิญพวกผมพักที่บ้านของเค้าเลย ทำอาหาร นั่งทานสุรา แลกเปลี่ยนทัศนะคติ
ในเรื่องการอนุรักษ์ แถมด้วยชาวต่างชาติอีก 1 คน ที่เข้ามาศึกษาการดำรงชีวิตของสัตว์ที่นี่
แต่เมื่อช่วง WeekEnd ที่ผ่านมา ผมไปได้แค่เพียงกางเต้นท์ที่ ที่ทำการฯ รถยนต์เต็มไปหมด
เชื่อเถอะว่าผมกางเต้นท์นอนที่ข้างห้องน้ำ และผมก็ไม่ได้ขึ้นไปเห็นพะเนินทุ่ง เสียดายมากครับ อยากบอกเพื่อน ๆ ว่า
สงสารธรรมชาตินะครับ ช่วยกันดูแลปกป้องด้วย ก่อนที่มันจะพังไปเหมือนกับที่อื่น ผมรักพะเนินทุ่งครับ ขอบคุณ
Lord - - dumyai@hotmail.com - 11/01/2001
ความประทับใจที่แก่งกระจาน...ไม่คาดคิดว่าการเที่ยวที่แก่งกระจานเมื่อ 23 -24 ธันวา 43 จะเป็นอะไรที่ดีมาก ๆ
ธรรมชาติของทะเลหมอกสวยมาก....ไปเที่ยวชมความงามของทะเลหมอกมาก็หลายที่หลายแห่ง
ทุกที่ทุกแห่งมีความสวยงามต่าง ๆกันไป แต่ที่พะเนินทุ่ง..มันคือทะเลหมอกจริง ๆ..หมอกเต็มพื้น แน่นไปหมด
มองไม่เบื่อเลย แม้จะมีแสงแดดแรง ๆ..ทะเลหมอกก็ยังลอยตัวแน่นเหมือนทะเลจริง ๆ....
ทำให้อยากเอื้อมมือไปหยิบ..หวิดตกเหวแน่ะ....
ช่วงสายไปทอทิพย์...ขากลับขึ้นมาหมดแรง แต่พบน้ำใจอันน่าจดจำของคุณลุงคุณป้าจากชมรมจักรยานท่ายาง จ.เพชรบุรี
ที่ให้ข้าวผัด น้ำดื่ม พุดทรา และมะขามหวาน..ขอบคุณจริง ๆ...เห็นกลุ่มของคุณลุงคุณป้าแล้ว..มีความสุขมาก
เป็นมิตรภาพที่น่าประทับใจ....และขอให้คุณลุงคุณป้าชมรมจักรยานท่ายางมีสุขภาพแข็งแรง
ท่องเที่ยวได้ตามใจฝันไปอีกนานแสนนาน.......
ake - - akegalad@chaiyo.com - 19/01/2001
น้ำตกป่าละอู ..เราจะกลับมา
สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับผมชื่อเอกราช ตอนนี้อายุ 27 ปี
ทำงานแล้วในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง อยากจะลงเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้ไปสัมผัสมา อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
สำหรับผู้ที่จะใช้เป็นแนวทางในการไปท่องเที่ยวในสถานที่ที่ผมได้ไปมาครับ ถ้าสนใจก็เมลล์มาถามกันได้ครับ
เรื่อง น้ำตกป่าละอู
.เราจะกลับมา
น้ำตกป่าละอู ชื่อนี้ผู้ที่ชอบท่องเที่ยวหลายท่านคงจะคุ้นชื่อหรือคงได้ไปสัมผัสมาแล้ว
ส่วนคนที่ยังไม่คุ้นผมขอแนะนำพอสังเขปนะครับ น้ำตกป่าละอู ตั้งอยู่ที่เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ซึ่งเป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากที่สุดครอบคลุมพื้นที่ทั้งจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันต์ ด้วยความที่เป็นอุทยานที่มีพื้นที่มากนี้เอง
จึงมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ในส่วนของจังหวัดเพชรบุรีจุดที่ สนใจที่นักท่องเที่ยวไปมากก็คือบริเวณเขื่อนแก่งกระจาน
และ การขึ้นไปพิชิตยอดพะเนินทุ่ง ฯลฯ ซึ่งผมได้ไปมาแล้ว ส่วนน้ำตกป่าละอูที่กลุ่มพวกผมจะไปกันนั้นอยู่ในเขตของจังหวัดประจวบคีรีขันต์
ตัวน้ำตกอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยป่าเลา ซึ่งมีน้ำตกอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตกชลนาฎ น้ำตกห้วยทองปาน
แต่จุดมุ่งหมายของผมนั้นคือน้ำตกป่าละอูซึ่งตามข้อมูลที่ผมได้มาตัวน้ำตกทั้งหมดจะมี 15 ชั้น
ผมรวบรวมเพื่อนที่จะไปได้อีก 3 คน ที่จะรวมทุกข์รวมสุขกัน
การเดินทางไปน้ำตกป่าละอูนั้น เราสามารถเลือกเดินทางได้ 2 ทาง คือทางรถไฟ และทางรถยนต์
ทางรถไฟก็ขึ้นได้ทั้งสถานีหัวลำโพง และบางกอกน้อย โดยลงที่สถานีหัวหิน และนั่งรถประจำทางสาย หัวหิน - น้ำตกป่าละอูเข้าไป
ส่วนกลุ่มผมนั้นเลือกที่จะมารถประจำทางโดยมาขึ้นที่ ขนส่งสายใต้ใหม่ มาลงหัวหิน หลังจากที่มาถึงหัวหิน
ก็เลยถือโอกาสเดินเล่นที่ตลาดกันหน่อยนะครับ ก็ต้องซื้อเสบียงเข้าไปทำกินด้วย เพราะตามข้อมูลเบื้องแล้วที่ตัวน้ำตกจะไม่มีร้านค้าจำหน่ายอาหารเลยครับ
ร้านที่ใกล้ตัวน้ำตกที่สุดก็ประมาณ 5 กม. พอซื้อของที่จำเป็นเสร็จแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลยครับ
ไปถึงทางแยกไปน้ำตกก็ต้องลงครับเพราะรถมาสิ้นสุดแค่นี้จากจุดนี้ก็ประมาณ 10 กม. ก็ต้องใช้วิธีโบกรถ
นักท่องเที่ยวเขาไป ซึ่งช่วงที่ผมไปนั้นก็ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวขึ้นแล้วครับมีแต่จะลงมาเท่านั้น ก็เดินไปเลยๆ ครับ
ยังดีกว่ารออยู่เฉยๆ ซึ่งเหมือนพระเจ้าจะเข้าข้างครับ มีรถเจ้าหน้าที่จะไปที่หน่วยพอดี เลยขออาศัยไปลงที่หน่วยครับ
แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ใจดีมากครับ เป็นกันเองมากเลย พอถึงด่านเก็บเงินก็จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าคนละ 20 บาท
พอมาถึงเจ้าหน้าที่ได้แนะนำว่าควรจะขึ้นไปตัวน้ำตกในวันต่อไปดีกว่าเพราะใกล้เย็นแล้ว
ให้พักที่หน่วยก่อนพวกเราก็เห็นตรงกันนะครับจัดแจงก่อไฟทำอาหารทานกัน
เกือบลืมไปครับสำหรับท่านที่จะขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุดต้องนอนที่ตัวน้ำตกครับ และสถานที่ไม่อื้ออำนวยต่อการกางเต๊นท์เลยครับ
พอดีพวกผมเดินทางกันบ่อยนะครับ เพื่อความคล่องตัวจึงมีเปลนอนกับครบทุกคน สะดวกในการกางนอนดีครับไม่ต้องใช้พื้นที่ให้มากด้วย
เย็นนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปนั่งคุยกับเจ้าหน้าที่พึ่งรู้ว่าโดยปกติแล้วเขาจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเขาไปพักแรมที่น้ำตกเลยครับ
เว้นแต่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไปด้วย พวกเราจึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่เลยตอนนั้นซึ่งเขาแนะนำให้รู้จักกับลุงทองใบ
ผู้ที่เชี่ยวชายป่าแถบนี้
ลุงทองใบไม่แนะนำให้เราขึ้นไปช่วงนี้เพราะฝนตก น้ำแรงมาก และค่อนข้างลื่นด้วย
และเมื่อไม่นานนี้เองลุงทองใบได้นำตชด. ขึ้นไปตัวน้ำตกชลนาฎเพื่อไปวัดเขตแดนกับพม่า ก็มี ตชด. ได้เยียบกับระเบิด
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของกระเหรี่ยงหรือพม่าแต่โชคดีที่สลักมันไม่หลุด พวกเราฟังแล้วขนลุกเลย
แต่ด้วยความที่อยากจะขึ้นไปและที่เราจะไปก็เป็นน้ำตกป่าละอู ไม่ใช้ชลนาฎก็เลยอ้อนวอนให้ลุงแก่พาขึ้นไป
ลุงเห็นความตั้งใจของเราแก่ก็ใจอ่อนแต่ไม่ใช่แกจะนำทางไปนะครับ แกวาดแผนที่ให้เราไปแทน
เพราะแกต้องอยู่เฝ้าหน่วย พรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะลาหลายคนครับ แบบว่าเบี้ยเลี้ยงพึ่งออกกันนะครับ
หลังจากเราศึกษาเส้นทางกันพอเข้าใจแล้ว ก็ไปพักผ่อนเอาแรง ไว้เดินทางในวันต่อไป
เช้าวันรุ่งขึ้นก็จัดแจกทำอาหารทานและทำเผื่อขึ้นไปทานข้างบนด้วย ตามเป้าหมายเราต้องขึ้นไปพักแรมที่ชั้นเก้า
เพราะจะมีบริเวณให้พักผ่อนได้ จากหน่วยไปตัวน้ำตกชั้นแรกก็ต้องเดินทางไปอีก 5 กม .
ระหว่างทางก็เดินเลียบลำห้วยป่าเลาซึ่งไหลลงมาจาก น้ำตกป่าละอู ช่วงแรกเส้นทางเป็นทางลาดยางอยู่
แต่เดินไปอีกสักพักก็เป็นทางรุกรังเป็นเนินขึ้นเล่นเอาเหนื่อยก่อนที่จะถึงน้ำตกเสียอีก
พอถึงชั้นที่หนึ่งก็มีคนมาเที่ยวบ้างพอสมควร เราเดินไปเรื่อยๆเลียบน้ำตก ซึ่งต้องยอมรับว่าที่นี่ธรรมชาติยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก
โดยเฉพาะผีเสื้อนั้นเยอะมากที่เดียว ระหว่างทางเราได้พบกับค่างแว่นดำที่ห้อยโหนอยู่ไม่ไกลนัก มันอยู่กันเป็นฝูงที่เดียว
และบริเวณ ชั้นหนึ่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก เราได้เห็นนกในวงของนกเหงือกอีกด้วย แค่นี้เราก็รู้สึกหายเหนื่อยที่เดียว
การเดินทางขึ้นน้ำตกนั้น หลังจากชั้นที่ 3 เริ่มเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะตอนเดินสลับตัวน้ำตก ซึ่งน้ำไหลแรงมาก
ดีที่เราไม่ลืมที่นำเอาเชือกไปด้วย ก็ต้องใช้เชือกขึงเกาะข้ามลำธารกันไปไม่งั้นน้ำพัดเราตกเหวแน่ บางช่วงก็ต้องป่ายปีน
มุดถ้ำทุกรักทุเรน่าดู ต้องขอบอกว่าที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่
บางช่วงก็ต้องพักเหนื่อยกันบ้างก็หามุมถ่ายภาพ พักผ่อนซักพักก็ต้องลุยกันใหม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
คือความบริสุทธ์ของธรรมชาติที่นี่ลุงทองใบเล่าว่าเมื่อก่อนนี้น้ำตกป่าละอูยังไม่มีสภาพแบบนี้ แต่เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา
สภาพของตัวน้ำตกก็เปลี่ยนมาแบบที่เห็นซึ่งก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
เราเดินทางมาถึงชั้น 7 ซึ่งนับว่าเร็วมากถึงบริเวณนี้ฝนเริ่มตกป่อยๆ ลงมาแล้วแต่เราก็ยังสู่อยู่ บริเวณชั้น 7 นี้
นับว่าเป็นจุดหนึ่งที่สวยมากเราสามารถมองเห็นตัวน้ำตกของห้วยทางปานและน้ำตกปาละอูไหลเป็น 2 สายมาบรรจบกัน
ผมก็ไม่ลืมที่จะเก็บภาพไว้เหมือนกัน แต่ระยะทางที่จะไปชั้น 8 เนี่ยสิครับเริ่มยากลำบากกว่าเก่ามากเลย
ตามแผ่นที่ต้องเดินตัดขึ้นเขาไปเราจึงเปลี่ยนเส้นทางจากเดินตามน้ำตกมาปีนขึ้นเขาแทน
แต่มันไม่ง่ายอย่างที่คิดครับ เพราะฝนที่ตกลงมาเริ่มที่จะเม็ดใหญ่ขึ้นแล้วครับ ทำให้ทางที่เต็มไปด้วยกรวดหินนั้นลื่นมากครับ
สร้างอุปสรรคในการเดินทางเป็นอย่างมาก เป้ที่สะพายอยู่ข้างหลังเริ่มหนักขึ้นตามความสูงของเขา
แถมโดนน้ำฝนเขาไปอีก ไม่ต้องบรรยายเลย ยิ่งขึ้นสูงเท่าไรสภาพป่าก็ยิ่งหนาทึบยิ่งขึ้น
มีดที่เราใช้ในการเดินป่าครั้งนี้แต่ละคนพกมาขนาดแค่ 4- 6 นิ้วเท่านั้น มีดใหญ่หน่อยก็ขนาด 8 นิ้วเห็นจะได้
มันเล็กเกินไปที่จะฝ่าเข้าไปขนาดนั้น ปกติแล้วถ้าเป็นการเบิกทางละก็ต้องใช้มีดที่มีลักษณะ ใหญ่ซักหน่อยครับ
ถึงจะลุยไหว ก็สาระวนอยู่หลายชั่วโมงละครับทั้งเหนื่อยและท้อเลยพวกเราติดอยู่ในป่าหลายชั่วโมง
ตะวันก็เริ่ม จะคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ แล้ว พวกเราจึงลงความเห็นกันว่าต้องกลับลงที่ชั้น 7 ก่อนเพราะขืนลุยต่อไปมืดเสียก่อน
จะหาที่พักอยากลำบากแน่ๆ เราจึงต้องกลับลงมาเตรียมที่พักทำอาหารทานกันที่ตัวน้ำตกชั้น 7
แต่ด้วยความที่เหนื่อยล้าพวกเราจัดการปรุงอาหารเกือบทั้งหมด ที่เตรียมมา
การพักแรมในป่าสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างคือกองไฟต้องรักษาไว้อย่าให้ดับเพื่อป้องกันสัตว์ป่า ที่จะลงมากินน้ำ
ยิ่งเราพักใกล้น้ำตกด้วยแล้วยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องน้ำป่าด้วยครับ วิธีการรักษาไฟของพวกผมคือ
เราได้เตรียมขวดเล็กๆ และน้ำมันก๊าซที่เราซื้อมาจากตลาดหัวหินขึ้นมาแล้วใช้กระดาษเช็ดชูพันทำเป็นไส้ตะเกียง
รับรองอยู่ได้ทั้งคืนแน่นอนครับ จุดไว้ซัก 2 - 3 ขวด รอบที่พักก็ดีครับ ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไรหรอกครับ
เพราะต้องคอยสังเกตน้ำด้วยเพราะเมื่อเย็นน้ำเริ่มเปลี่ยนสีแล้วกลัวน้ำป่าจะมานะครับ แต่แล้วก็รอดพ้นคืนนั้นมาได้ด้วยดี
ตอนรุ่งเช้าฝนเริ่มโปรยมาอีกเมื่อรวมกับสายหมอกและน้ำตกที่ฟุ้งมาด้วยแล้วเป็นภาพที่สวยงามมากจริงๆ
ภาพของน้ำตก 2 สายที่ไหลมารวมกันยังไม่เคยจางจากความทรงจำของผมเลย ขณะนี้ฝนเริ่มที่จะตกลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆ
เราไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายไปไหนกันได้อีกแล้วครับน้ำเริ่มไหลแรงขึ้นด้วย
ประกอบการอาหารที่เตรียมมาพวกเราก็ซัดกันเกือบเลียบแล้ว
และเรายังมีโปรแกรมที่จะไปสำรวจถ้ำที่อุทยานเขาสามร้อยยอดกันอีกพวกเราจึงต้องถ้อยหลังกลับสู่พื้นล่างอีกครั้งครับ
นับเป็นความ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการที่จะพิชิตยอดน้ำตกป่าละอูของพวกเราแต่สำหรับผม
คิดว่ามันคุ้มค่ามากครับสำหรับธรรมชาติความสวยงามที่ต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแบบนี้ ..ครับ
พอมาถึงที่หน่วยเราได้เล่าให้ลุงทองใบฟัง ถึงได้รู้ว่าพวกเราโดนธรรมหลอกเอาจนได้ครับ เราตัดเขาขึ้นผิดทาง
ก็ใครจะไปสังเกตได้ละครับ สภาพป่ามันทึบและเหมือนกันไปหมด
แต่กลุ่มพวกเราสัญญากับไว้แล้วว่าต้องกลับมาล้างตาใหม่มาคราวหน้าคงต้องพึ่งลุงทองใบช่วยนำทางละครับ
ไม่งั้นคงต้องหลงป่าอีกแน่ๆ เลย
เราจะกลับมาป่าละอู
เบิ้ม รัตภูมิ - - huges@thaimail.com - 17/02/2001
ขอเถอะครับ
ผมเดินเที่ยวป่ามาก็หลายที่ บางที่ก็ดีบางที่ก็ไม่ประทับใจเอาเสียเลยแต่ที่ล่าสุดที่ไปมาก็คือ อ.ท.ช แก่งกระจาน
จ.เพชรบุรี เดินทางขึ้นไปที่ K.U camp ปรากฎว่าตลอดสองฝั่งที่เดินผ่าน ผมพบเจอแต่สิ่งที่ผมไม่อยากเจอคือ
ขวดพลาสติก ถุงขนม กระป๋องน้ำอัดลม และที่สำคัญบริเวณ camp ยังมีขวดเหล้าขวดเบียร์
แต่สิ่งที่ผมอยากเจอมันดันไม่เจอคือพวกสัตว์ป่าทั้งหลาย ขอเถอะครับ ขอความกรุณาเถอะครับ
ถ้าคุณคิดจะไปแค่เปลี่ยนบรรยากาศดื่มเหล้า แค่อยากลองอยากรู้โดยที่คุณต้องทำลายธรรมชาติ
คุณไม่ต้องเดินทางขึ้นเขาเป็นระยะทาง 60 -70 km คุณไม่ต้องเดินเป็นระยะทางตั้ง 4.5km (ขึ้นเขาลงเขา)
คุณดื่มคุณกินอยู่ที่บ้านก็ได้ หรือร้านอาหารก็ ได้ ไม่ต้องฝ่าดงคงไพรให้ลำบาก
ส่วนคนที่ต้องทำลายธรรมชาติโดยบังเอิญ
อันนี้ผมก็ไม่ว่าหรอกครับ เพราะผมก็เคย อย่างที่แก่งกระจานครั้งนี้ผมก็ทำ คือ ผมทำหมวกหล่นลงน้ำบริเวณชั้น 5
ของน้ำตกทอทิพย์ มันเป็นวังวน วนจนหมวกผมหายไปตั้งนาน สองนาน ผมก็ไม่กล้าลงไปหา
เพราะกลัวว่าเดี่ยวผมจะลงไปวนหายไปอีกคน จะทำให้เจ้าหน้าที่เขาลำบากเปล่า ๆ
ใครอ่านแล้วก็ขอความกรุณานะครับ
รักป่า รักสัตว์ รักตัวเอง ก็ช่วยกันดูแลรักษาป่า ช่วย ๆ กันทำตัวแบบนักท่องเที่ยวที่ดี
อย่างที่ประเทศไทยเรากำลังทำกันอยู่คือ การเที่ยวแบบเชิงนิ เวช(ecotourism) อย่าให้คำ ๆ นี้มีแค่ ชื่อนะครับ ...
ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันดูแลสิ่งที่เรารัก
เบิ้ม รัตภูมิ - - huges@thaimail.com - 17/02/2001
กระทิงที่แก่งกระจาน
เมืองหลวงของสัตว์ป่า
เมืองหลวงแหล่งที่ว่านี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ฯ หรอกครับ เป็นผืนป่าแหล่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
ที่ได้อนุรักษ์ไว้ในนามอุทยานแห่งชาติ เป็นแหล่งพักพิงอาศัยของสัตว์หลาย ๆ ชนิด
เพราะเป็นรอยต่อระหว่าเทือกเขาทางภาคเหนือและภาคใต้ที่เรียกกันว่าจุด
.
ซึ่งจุดนี้จะมืทั้งสัตว์ที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือและสัตว์ที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้มาอาศัยอยู่รวมกัน
ทำให้ผืนป่าแห่งนี้กลายเป็นเมืองหลวงของสัตว์ป่าไปเสียแล้ว
ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งที่ให้ชื่อว่าเมืองหลวงของสัตว์ก็คืออยู่ไกล้กรุงเทพ ฯ นั่นเอง
และอุทยานที่ว่านี้คือ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน แก่งกระจานมีเนื้อที่ประมาณ 2915 ต.ร.กิโลเมตร
หรือประมาณ 1,821,875 ไร่ ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบุรีคือ อ.และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ไม่มีเรียน Design กลับจากห้วยน้ำดังได้ 1 สัปดาห์ ยังเก็บข้าวเคลียของไม่เสร็จเลย
Project trip ต่อไปก็เกิดขึ้นในหัวสมองผมอีกแล้ว คราวนี้คงเป็นที่ไกล้ ๆ เพราะจะได้ใช้เวลา 3 4 วันให้คุ้มค่าที่สุด
และแล้วผมก็ ตัดสินใจที่จะเลือก อ.ท.ช แก่งกระจาน เพราะใกล้ที่สุดแล้ว Program
ผมจะออกเดินทางจากบ้านในวันศุกร์ที่ 18 มกราคม 2544 แต่พอดีในวันพฤหัสช่วงบ่ายวิชาเรียนถูกงดเรียน
ผมเลยตัดสินใจออกจากบ้านตั้งแต่เที่ยงวันที่ 17 เพราะจะได้มีเวลาในการท่องไพรมากขึ้น
โชคดีที่ผมและเพื่อน ๆ ได้ซื้อเสบียงตั้งไว้ก่อนแล้วจึงไม่มีปัญหาเท่าไหร่
บ่ายโมงตรงพวกเราออกจากบ้านมุ่งตรงยังแก่งกระจานโดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ ฯ เพชรบุรี 5 โมง 40 นาที
พวกเราลงจากรถทัวร์ตรงทางแยกเลี้ยวขวาเข้าอุทยาน ฯ ก่อนถึงตัวเมือง 6 กิโลเมตร เพื่อโบกรถเข้าอุทยานอีกที
ตามถนนเรียบคลองชลประทานเต็มไปด้วยฟางข้าวทั้งสองฝั่ง ถนนสายนี้จะไปตัดกับทางหลวงหมายเลข 3499
บรรยากาศไกล้ค่ำรถเริ่มเปิดไฟหรี่ หันไปดูเส้นทางเส้นที่เราจะโบกรถ วังเวงใจเหลือเกิน ! ครับ
คิดสงสัยในใจว่าคืนนี้พวกเราต้องหุงข้าว กางเต้นกันตรงกองฟางนี้หรือเปล่า
เพราะไม่มีรถวิ่งให้เห็นเลยนาน ๆ กว่าจะผ่านมาสักคัน เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ รถผ่านไป 2 3 คัน
โดยที่ผลออกมาพวกเราแห้ว แต่สักประมาณ 1 ทุ่ม มีรถกระบะ 2 คัน พุ่งตรงมาจากทางแยก
ผมยกมือขึ้นโบกรถชะลอความเร็วจอดตรงหน้า ผมเข้าไปถามว่าไปไหนครับ
พอดีหลวงพ่อที่นั่งอยู่หน้ารถถามกลับมาว่า แล้วจะไปไหนกันละ ผมตอบกลับทันทีไปอุทยานครับ
อุทยานไหนละท่านถามกลับมา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานครับ !
อ้าวพอดีเลยกำลังจะเข้าไปอุทยานเหมือกันขึ้นซิ พวกผมไม่รอช้ารีบขนข้าวของขึ้นรถทันที
ระหว่างทางที่ นั่งรถไปพวกผมก็นั่งคุยกับพระที่อยู่ข้างหลังอีกองค์ที่นังอยู่ข้างหลังกับเด็กอีกหนึ่งคนไปเรื่อย ๆ
และแล้วพวกผมก็ถึงบ้านท่าเรือซึ่งอยู่ไกล้กับที่ทำการอุทยาน ฯ ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร
3ทุ่มพวกเราเข้าไปกะกางเต็นท์ หุงข้าวกันทันทีก็กะว่าคืนนี้คงต้องหาฟืนก่อไฟกันแล้วละแต่ก็โชคดีอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่อุทยานยังอยู่คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกหลายคน ผมประทับใจมาก ๆ
พวกเราเช่าเตาซื้อถ่านกันไปเพื่อประกอบอาหารเย็นมื้อนี้ ผมทำหน้าที่กางเต็นท์เพื่อน ๆ ก็ช่วยกันก่อไฟหุงข้าว
บรรยากาศข้อนข้างเงียบทั่งลานกางเต็นท์ มีเต็นท์อยู่ 2 หลัง แต่อีกกลุ่มรู้สึกพวกเขาไม่ได้เที่ยวแบบ Eco tourism เท่าไหร่
การกระทำของพวกเขาเป็นแค่การเปลี่ยนบรรยากาศดื่มเหล้าเท่านั้น
พวกเขาโชว์ power เต็มที่ด้วยการเปิดเครื่องเสียงในรถกระหึ่มศูนย์บริการนักท่องเทียวไปเลย
จนเจ้าหน้าที่ทนไม่ไหวต้องมาบอกให้พวกเขาเบาเสียงลง ผมว่าการกระทำของเขาควรจะไปเที่ยว พับร์ เที่ยวบาร์ เสียดีกว่า
ดีกว่ามาเที่ยวป่าให้คนให้สัตว์ต้องรำคาญ หยุดบรรยายถึงพวกไร้สาระดีกว่า
ไม่นานทุกคนก็ช่วยกันทำกับข้าวจนเสร็จ (ปลากระป๋อง ใข่เจียว
ครับ)
เส๊ะเตรียมตัวตกปลาแต่ดูสภาพตลิ่งไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่จึงต้องล้มเลิก
ไม่นานพวกเราก็เข้านอนเพื่อเก็บแรง Advanture ต่อพรุ่งนี้ กับระยะทางอีก 50 กิโลเมตรกว่าจะถึงเขาพะเนินทุ่ง
เพื่อน ๆ ครับ
. อย่าเพิ่งเซ็ง
..(ขอโทษนะครับนี่คือสารคดีส่วนตัวของผมแต่ยังจัดพิมพ์ไม่เสร็จ(กำลังสอบ).....
ยังไงถ้าพิมพ์เสร็จเมื่อไหรจะส่งไปให้อ่านก็แล้วกัน...)
ปิง - 20/04/2001
ขอบคุณเจ้าหน้าที่ประจำน้ำตกป่าละอู
ขอขอบคุณอย่างมากๆกับ จนท.ดับไฟป่าพี่สำรวย เนตรกาศักดิ์ ประจำเขตห้วยสัตว์ใหญ่
และเจ้าหน้าที่อุทยานแก่งกระจานที่ประจำน้ำตกป่าละอูคือพี่จรูญ ขาวนุ่น ที่กรุณาช่วยเหลือคณะเราที่มีปัญหา
เรื่องการเดินทางออกจากที่ทำการน้ำตกได้ด้วยดี เมื่อ 17/04/2544
*ทางเข้าน้ำตกสะดวกมาก แต่เว้นไว้ 2กม.ที่เป็นถนนลูกรัง อากาศช่วง 2 ทุ่มก็เย็นสบายแบบในป่าที่ยังสมบูรณ์
ตอนนี้ยังมีน้ำตกไหลอยู่บ้างเล็กน้อย
mumset - - mumset89@se-ed.net - 09/05/2001
ลุยดงทาก.....แค้มปิ้งที่ต้นน้ำเพชรบุรี แก่งกระจาน
5-8 พ.ค. 44 ไปเที่ยวแก่งกระจานมาค่ะ คุณแม่ขอแจมไปกับน้องๆ กลุ่ม Trekking thai รวม 16 คน แบ่งไปแบบโบกรถ 10 คน
อีก 6 คน ไปกับรถปิคอัพไว้สำหรับบรรทุกเป้ เสบียง คุณแม่กับน้องเซ็ทก็ร่วมขบวนรถโบกด้วยค่ะ เริ่มจากขนส่งสายใต้
นั่งรถไปลงที่แยกวัดเขาตะเครา ตรงนั้นเขาเรียกหนองหญ้าปล้อง เป็นทางเข้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
โดยพวกเราไม่ได้เข้าไปในตัวเมืองหรือจุดที่มีรถรับจ้าง เพราะตั้งใจจะโบกรถกัน โบกปิคอัพคันแรกไปแค่ ต. บ้านลาด
แล้วก็โบกต่อไปอีก 2 คัน ก็ถึงตรงอ่างเก็บน้ำ ที่ทำการอุทยานฯ รถที่จอดรับก็เป็นรถชาวบ้าน และคันสุดท้ายก็เป็นรถของนักท่องเที่ยว
วันแรกพวกเรากางเต็นท์นอนกันที่พะเนินทุ่ง บริเวณแถวที่กางเต็นท์มีวิวที่สวยมากค่ะเป็นหุบเขา นกก็เยอะมากค่ะ
เส้นทางที่รถวิ่งเข้ามาที่นี่ข้างทางก็เต็มไปด้วยนกนานาชนิด เห็นชาวต่างชาติทั้งฝรั่งและญี่ปุ่น มาตั้งกล้องส่องนกกัน
รถที่มาที่นี่ต้องข้ามห้วยอยู่ 3 ที่ ที่สุดท้ายจะสูงมากค่ะ ถ้าไม่ใช่ 4WD คงลำบาก มีคนมากางเต็นท์กันเยอะ ที่นี่มีห้องน้ำ 10 ห้อง
ซึ่งจนท. บอกว่าจะสร้างเพิ่มอีก 10 ห้อง น้ำกับไฟจะเปิดเป็นเวลา ไฟจะปั่นตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 3-4 ทุ่ม
ทางที่ดีคุณสาวๆ ก็เตรียมผ้าถุงไปอาบที่แท็งค์น้ำหลังบ้านพักของ จนท. ได้ค่ะ หลังบ้านพักก็เป็นที่ล้างภาชนะ
จนท.อุทยานทุกท่านก็อัธยาศรัยดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้ยืมอุปกรณ์ทำครัว หรือเข้าไปขออาศัยทำกับข้าวได้เลยค่ะ
กลางคืนพวกเราก็นั่งคุยกันหน้าเต็นท์ ฝนไม่ตกค่ะ มีจนท. มาคุยด้วย โปรแกรมพวกเราตอนแรกก็กะว่าจะเดินแค่น้ำตกทอทิพย์
แล้วก็กลับมานอนที่พะเนินทุ่ง ซึ่งคุณแม่ก็คิดว่าจะอยู่เฝ้าเต็นท์ คงไปเดินด้วยไม่ไหว แต่ จนท.พูดถึงการเดินป่าไปกางเต็นท์นอน
ที่ต้นแม่น้ำเพชรบุรี หรือคงจะเป็นที่ KU.Camp นั่นล่ะ น้องๆ ทุกคนก็สนใจจะไป เล่นเอาคุณแม่ใจไม่ดีเลย เราจะเดินไปกับเขาไหวไม๊นี่
จะอยู่ที่พะเนินทุ่งคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะลูกก็อยากไป ก็เลยต้องเตรียมตัวเดินป่ากันพรุ่งนี้ ของที่ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องขนไป
ฝากไว้ที่บ้านพัก จนท. ซื้อถุงกันทากจาก จนท ถุงละ 60 บาท คนละคู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกันอะไรได้แค่ไหน
แต่คุณแม่ก็เตรียมถุงน่องมา 2 คู่ ไว้ใส่กันทาก ที่เราจะไปนี่ต้องมี จนท.เป็นคนพาไปค่ะ ถ้าไม่มี จนท.นำทางไปเขาไม่อนุญาต
ซึ่งเมื่อก่อนที่ KU.Camp เขาให้ไปพักกางเต็นท์ได้เอง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว
ตีห้าครึ่งพวกเราก็เดินไปดูทะเลหมอกกัน ห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร อากาศเย็น หมอกหนาทึบสีขาว สวยจริงๆ ค่ะ
พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น ตอนนี้เราก็ดูนกแทนค่ะ ได้เห็นนกเงือก ซึ่งเป็นดาราดาราของทีแก่งกระจาน ตัวใหญ่มากค่ะ
เขาจะเกาะกิ่งไม้อยู่เป็นคู่ มีอยู่หลายคู่ ข้างๆ คุณแม่เขาส่องกล้องดูนก ก็ได้ถามเขาว่าเป็นนกอะไรบ้าง เขาก็บอกชื่อได้หมด
คุณแม่ขอไม่เขียนนะคะ มากมายหลายชนิดค่ะ ดูนกเสร็จ ก็โบกรถกลับเต็นท์ที่พัก ซึ่งเขาได้พาไปดูพระตำหนักของพระเทพ
ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดชมทะเลหมอก แล้วเราก็กลับไปเก็บเต็นท์เก็บของ ทานข้าวเสร็จแล้วก็เตรียมเดินทาง
จากพะเนินทุ่ง นั่งรถมา 5 ก.ม. โดยมี จนท. ขับรถมาส่ง และจนท.ผู้นำทางชื่อ คุณสสงัด แจ่มแจ้ง ถึงลานจอดรถก็เริ่มเดินลงเขา
เดินไป 4.5 ก.ม. เส้นเดียวกับทางไปน้ำตกทอทิพย์ บางช่วงก็เดินขึ้น ระยะแรกๆ คุณแม่ก็ยังแบกเป้ดีหรอกค่ะ พอเดินไปเรื่อยๆ ชักจะแย่
เดินตัวเปล่าก็แทบจะไม่ไหวแล้ว น้องๆ ที่มาด้วยก็ช่วยแบกทั้งเป้ ทั้งเต็นท์ เลยต้องเป็นภาระคนอื่นอีก ช่วงที่เดินไปยังไม่เจอทาก
มองเห็นน้ำตกทอทิพย์อยู่ที่เขาอีกลูกนึงไกลมาก ซึ่งขากลับเราจะต้องเดินไปที่เขาลูกนั้น สายน้ำตกไหลเป็นทางสวยงามมาก
เดินสักเกือบ 2 ช.ม. ก็ถึง ต้นแม่น้ำเพชร ตอนนั้นประมาณ 4 โมงเย็นได้ บริเวณที่จะกางเต็นท์อยู่ริมแม่น้ำ แต่อยู่ขึ้นไปบนเขา
เป็นดงไผ่ต้นใหญ่ๆ ทึบไปหมด และก็มีแต่ขี้ช้างเต็มบริเวณนั้น พวกเรารีบกางเต็นท์ เต็นท์คุณแม่ก็อยู่ไกลจากเพื่อนๆ หน่อย
ขี้ช้างก็อยู่ที่หัวนอน ก็ไม่เป็นไร เขาคงไม่กลับมาอึที่เก่าอีกน่ะ สาวๆ ก็รีบลงไปอาบน้ำที่แม่น้ำซึ่งเป็นต้นน้ำเพชรบุรี พื้นน้ำเป็นกรวด
เป็นหิน เล่นน้ำกันสนุกค่ะ แต่ยังไม่เท่าไหร่เลย ฝน เริ่มลงเม็ด และก็หนักขึ้น ทีนี้ละค่ะ เพื่อนใหม่คุณแม่ไม่รู้มาจากไหน เต็มไปหมด
เกาะน่องคุณแม่ ร้องเพลงนายมอสเต้นไปด้วยทั้งสบัด ทั้งสลัดๆ ไม่ยอมหลุด น้องเซ็ทน่ารักจริงๆ ตอนนี้ ช่วยคุณแม่แกะแต่ก็ไม่ออก
มือเขาเปียกลื่น คนอื่นก็ช่วยแกะให้ ยังไม่ทันได้ดูดเลือด กลัวมากเลยค่ะ หยะแหยงจริงๆ รีบมุดเข้าเต็นท์เลย
ที่ไหนได้ไปเจอในเต็นท์อีก 3 ตัว โชคดีที่น้องเซ็ทเขาไม่กลัวกล้าจับ แล้วก็มาไม่ชอบใจเต็นท์ตัวเองก็ตอนนี้ เพราะเป็นลายพราง
มันเกาะอยู่ที่เต็นท์ด้านนอกเต็มไปหมด นั่งอยู่ในเต็นท์ไม่ได้ออกไปช่วยเด็กๆ เขาทำที่บังฝนหรอก
นั่งๆ ไปเดี๋ยวเขาจะว่าคุณแม่ใจดำไม่ช่วยกันเลย เลยต้องเอาถุงน่องใส่ 2 ตัว ทายาหม่อง ออกไปข้างนอกเต็นท์ ยุบยับเลยค่ะ
แต่ดีค่ะคราวนี้ไม่เกาะคุณแม่แล้ว ไปเกาะเด็กๆ พวกนั้น ถูกดูดกันเลือดโชกเลย น่ากลัวจัง สักพัก น้องเซ็ทตะโกนคุณแม่น้ำท่วมเต็นท์
จุดที่คุณแม่ไปกางเต็นท์นั้นเป็นทางน้ำพอดี เต็นท์มีรอยเป็นรูเท่าหัวตะปู น้ำซึมเข้ามาเปียกเสื้อผ้าหมด ต้องย้ายเต็นท์หนีน้ำ
ฝนตกหนักอยู่นาน ตะขาบก็มาอีก จนท.เห็นก็ช่วยจัดการซะแบนเลย หนาวก็หนาว เสื้อผ้าก็เหลืออีกชุดเดียวไว้ใส่กลับพรุ่งนี้
ทุลักทุเลกันน่าดู แต่ก็สนุกดีค่ะ คุณแม่ไม่ได้ออกมานั่งเม๊าส์กับพวกน้องๆ หรอกค่ะ นอนอยู่ในเต็นท์ก็หลับๆ ตื่นๆ มันมืดมาก
เพราะเต็นท์คุณแม่ไม่ได้อยู่ด้านริมเขาริมแม่น้ำ แต่อยู่เข้าไปข้างใน มองไปด้านหลังมืดตื้อเลย สักตี 2 ได้ยินเสียงไม้หัก 2 ครั้ง
เหมือนมีใครไปเหยียบ กลัวจริงๆ ว่าจะเป็นช้างมาเข้าส้วมที่หัวนอนคุณแม่ พวกเด็กๆ ก็ได้ยินกัน เลยเงียบกริบเลย ไม่รู้ว่าเสียงอะไร
ทีนี้พูดถึงห้องน้ำหน่อยคุณแม่ก็ไม่ยอมออกนอกเต็นท์หรอกมีกระโถนพกพามาด้วย ตี 5 ได้ บนหัวนอนก็มีเสียงกระรอกร้องปลุก
เสียงนกร้องเยอะแยะ พวกที่ต้องทำกิจวัตรประจำวันก็ต้องหาห้องน้ำส่วนตัวของแต่ละคน ส่วนของน้องเซ็ท
คุณแม่ก็ต้องไปเคลียร์พื้นที่ให้ขูดจนดินบริ้เวณนั้นเกลี้ยง แล้วก็ขุดหลุมกลบเรียบร้อย บางคนไม่มีเวลาเคลียร์
ไปถึงนั่งปับก็ติดตัวกลับมาร่วม 10 ตัวได้ ตอนเกาะไม่รู้สึก แต่ตอนกัดจะรู้สึกเจ็บคันๆ และจะเป็นรอยรูเล็กๆ เหมือนยุงกัดมีสีแดง
เลือดก็จะไหลโกรกเลย
เราทานอาหารเช้าเสร็จก็เริ่มเก็บเต็นท์ ออกเดินทาง พูดถึงเรื่องเปลมีหลายคนเอาเปลมานอน ดีมากเลยค่ะ ไม่หนัก นอนสบาย
ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมเต็นท์ มีฟลายซีทคลุมด้วย คุณแม่ยังอยากได้เลย แต่คุณแม่ก็คงไม่อยากไปไหนที่ต้องเข้าป่าลึกๆ อีกล่ะค่ะ
เดินไม่ไหว แล้วก็ต้องไปเป็นภาระให้คนอื่นอีก
แต่งตัวแบบคุณแม่ได้ผลค่ะ ไม่มีทากเกาะเลย คุณแม่ใส่ขาสั้นนะค่ะ เพราะกลัวว่าขายาวแล้ว ทากเกาะมองไม่เห็น ใส่ถุงน่อง
ใส่ถุงเท้ากันทาก ทายาหม่อง รองเท้าไฮเทคคู่เดิมคราวนี้ใส่ลุยลงห้วย 3 ห้วย ไม่มีเวลามานั่งถอดหรอกค่ะ
ขืนนั่งถอดรองเท้าทากต้องคลานกระดึบๆ เข้าเป้าแน่ น้องเซ็ทยังโดนเลย น้องผู้ชายบางคนก็ถูกกัดถึงตรงนั้นเลย
แต่ไม่ต้องกลัวจนไม่กล้าไปเที่ยวกันนะค่ะ ถ้าเราหาวิธีป้องกันอย่างดีก็ไม่โดนหรอกค่ะ
เด็กอย่างน้องเซ็ทเขาก็ไม่กลัวทากค่ะ ...ทำให้คุณแม่ดีใจมากค่ะ ถ้าขืนกลัวก็ไม่ต้องเที่ยวป่าแล้วค่ะ
จากจุดที่เรากางเต็นท์กันเดินมาน้ำตกทอทิพย์ใช้เวลา 20 นาที ถึงน้ำตากชั้น 1 จากชั้น 1 เดินไปชั้น 5 ใช้เวลา 20 นาที
จาก ชั้น 5 เดินไปชั้น 9 ครึ่ง ช.ม. ทางต้องปีนเขาตลอด น้ำตกมีน้ำเยอะค่ะ ทานอาหารกลางวันกันที่ชั้น 9 แล้วก็เดินกลับ เกือบ 2 ช.ม.
จนท.ก็ดูแลคุณแม่อย่างดี เขาเก็บลูกยางให้พวกเราลองชิมอร่อยค่ะ รสเปรี้ยวชุ่มคอ ลูกเหมือนกับกระท้อนสีเหลืองเหมือนกัน
ส่วน น้องๆ ทุกคน ช่วยกันให้น้ำ ให้ยาดม ยาหม่อง พร้อมกำลังใจ น่ารักทุกคนค่ะ เรานั่งรถจะมานอนกันที่ริมอ่างเก็บน้ำในคืนที่ 3
ตลอดทางที่นั่งรถผ่านมีน้องเขาเห็นเก้งหม้อกัน พวกชะนี ค่างแว่น ค่างดำ นกที่นี่เยอะจริงๆ เลยค่ะ ลืมพูดถึงผืเสื้อด้วยค่ะ
มากมายสวยงาม
ลงมานอนกันที่ริมอ่างเก็บน้ำ 1 คืน วันสุดท้ายที่เตรียมตัวกลับ ท่านหัวหน้าอุทยาน คุณมาโนช การพนักงาน ได้แวะเข้ามาทักทายกลุ่มเรา
ท่านบอกดีใจที่พวกเรามาเที่ยวแบบนี้ ท่านบอกว่ากำลังจะสร้างที่กางเต็นท์เพิ่ม ห้องน้ำเพิ่มอีก 10 ห้อง และจะไม่ให้มีการขายอาหาร
ต้องการให้นักท่องเที่ยวมาแค้มปิ้ง ทำอาหารทานกัน แล้วก็เก็บขยะทิ้งใส่ถุง นำมาคืนให้ จนท. พูดถึงขยะ
จุดที่คุณแม่ขึ้นไปค้างบนเขาที่ต้นแม่น้ำเพชรบุรีนั้นเต็มไปด้วยขวดเหล้าทั้งเหล้าฝรั่ง เหล้าไทย
คุณแม่คิดเองว่าคนที่ขึ้นไปเที่ยวไปลุยแบบนี้จะต้องเป็นคนที่รักธรรมชาติ แต่ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นกัน ทิ้งขวดเหล้าไว้เต็ม
ไม่มีปัญญาเอากลับลงมา คุณสงัดกับน้องๆ ในกลุ่ม ช่วยกันนำขวดเหล้าเหล่านั้นซึ่งมีอยู่ร่วม 3 โหลได้ สารพัดยี่ห้อ ขุดหลุมฝัง
พวกอาหารกระป๋องอีก คุณสงัดเอาดินใส่ในกระป๋องจนเต็ม เขาบอกว่าสัตว์มาคุ้ยจะได้กินไม่ได้ เพราะถ้าไม่ใส่ดินลงไป
กระป๋องจะบาดปากสัตว์
คุณมาโนช หัวหน้าอุทยาน ได้ให้พวกเราดูสไลด์แล้วยังกรุณาหารถกลับกรุงเทพให้พวกเราอีก เป็นรถของท่านรองหัวหน้าของอุทยานเอง
เราขอขอบพระคุณท่านเป็นอย่างมากที่มีน้ำใจกับนักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
คุณแม่ก็ขอชวนคนที่รักการท่องเที่ยว ลองไปสัมผัสป่าแก่งกระจานบ้างนะค่ะ แล้วจะเห็นว่าแก่งกระจานมีอะไรที่ป่าแห่งอื่นๆ ไม่มี
เบอร์โทรศัพท์ของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 032-459293
อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 032-459291
muu - - muu_moo@hotmail.com - 14/07/2001
re : ขอบคุณเจ้าหน้าที่ประจำน้ำตกป่าละอู
ที่นี่เที่ยวได้ทั้งปี ผีเสื้อก็เยอะ นกก็แยะ ไปครั้งใดก็ประทับใจทุกครั้ง ประทับใจทั้งสถานที่และเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะพี่สาวคนสวยของเราก็คือพี่ส่วนนั่นเอง น้ำใจงามมาก เจ้าหน้าที่ทุกคนก็น่ารักที่สุด เป็นอุทยานฯเดียวที่ได้ไปหลายครั้ง โดยส่วนใหญ่จะไปไม่เกิน 2ครั้งต่ออุทยาน เพราะยังมีอุทยานฯหลายแห่งที่เราต้องไปเยือน แต่ที่ป่าละอูทำไมก็ไม่รู้ไปแล้วก็ไปอีก เคยเจอนกเงือกกรามช้าง นกแก๊ก บริเวณน้ำตก และช่วงถนนลูกรักส่องกล้องเห็นค่างขาว เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ได้เห็นตัวง่ายๆ ในฝูงจะมีค่างขาวเพียงตัวเดียว แล้ววันนั้นโชคดีมาก เราไม่ได้เป็นผู้เห็นก่อนหรอกนะ เจ้าหน้าที่เป็นคนชี้บอก น่ารักจริงๆ
การเดินทางไม่ลำบากเลย สะดวกมากๆ ขับรถไปตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปทางปราณบุรีนั่นแหละ ถึงสี่แยกบายพาสแล้วเลี้ยวขวา จะมีป้ายบอกทางว่าไปน้ำตกป่าละอู แต่ถ้าลืมสังเกตุล่ะก็ที่สี่แยกบายพาสจะมีป้ายเขียนไว้ว่า บ้านห้วยมงคล เข้าไปอีกหลายสิบกิโลเมตรเหมือนกัน ก่อนเข้าไปถึงหน้าด่านจะมีร้านค้า จะซื้อหาอะไรเข้าไปรับประทานก็ได้นะ แต่อย่าหวังว่าข้างในจะมีให้ มีแต่ห้องน้ำอย่างเดียว..ขอให้สนุกนะจ๊ะ
mumset - 09/07/2001
เที่ยวป่าเด็ง อยู่ในเขตแก่งกระจาน
6/7/2001 วันหยุดเข้าพรรษานี้ ไปเที่ยวที่ป่าเด็งมาค่ะ อยู่ในเขตอำเภอแก่งกระจาน เลยป่าละอูขึ้นไปไม่ไกล
มีหลายคนชวนคุณแม่ไปหลายที่ แต่คุณแม่เลือกไปกับเพื่อนใหม่ เห็นเขามีโปรแกรมน่าสนใจ เที่ยวป่าเด็ง มีผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 2 คน รวมคนนำทาง กะน้องเซ็ท เป็น 7 คน
คนนำทางพาเดินฝ่าดงหนามเข้าไปซึ่งขึ้นอยู่ระหว่างทางเดินทั้งซ้ายขวา หลบไม่พ้นหรอกค่ะ หนามทั้งใบทั้งกิ่งก้านแหลมน่ากลัว ถามคนนำทางบอกชื่อต้นกระซิกกระซี้ ต้องแหวกทางเดินเข้าไปตลอด มีน้องผู้ชายที่ไปด้วยกัน นุ่งขาสั้น เดินไปได้สักพักก็ร้องลั่น บอกปวดแสบปวดร้อนไปหมด ไม่รู้ถูกตัวอะไรกัดที่ขา หาตัวที่กัดก็ไม่เจอ คนนำทางบอกไปถูกต้นช้างร้องเข้าแล้ว
เดินๆ ปีนไป คุณแม่ลืนล้มไป 2 ครั้ง พื้นเป็นก้อนหินลื่น ป่านี้ไม่มีนักท่องเที่ยวมาเดินกัน พวกเราเป็นกลุ่มแรกที่เข้าไป คนนำทางว่าอย่างนั้นค่ะ
ทางเดินก็แคบมาก ข้างทางถ้าตกจากเขาลงไปอยู่ข้างล่างแน่ แต่จะมีต้นไม้เล็กๆ กั้นอยู่ตลอดทางพอให้เราไม่เสียวไส้มากนัก บางช่วงต้องมุด ต้องก้ม ตั้งแต่เที่ยวมาคิดว่าที่นี่เดินลำบากจริงๆ เดินไปชนกับกิ่งไม้ที่ขวางทางก็หลายครั้ง เล่นเอาเจ็บไปหมด ก้มก็ไม่ค่อยจะลงเพราะติดเป้ที่แบกไปอีก
เดินไปร่วม 2 ช.ม. ก็ถึงดงหญ้าคาสูงท่วมหัว ฝ่าดงหญ้าคาเข้าไปหน่อยก็ต้องข้ามแม่น้ำห้วยป่าใหญ่กว้างประมาณ 8 เมตรได้ สูงถึงเอว คนพาไปกับน้องเซ็ทข้ามไปอยู่ฝั่งโน้นแล้ว ลูกเราทำไมมันเดินเร็วขนาดนี้นะ แล้วเป้ที่น้องเซ็ทแบกก็กล้องด้วย ดีว่าคุณแม่ใส่ถุงกันน้ำไว้ แต่ใจก็ไม่ดีกลัวเปียก ค่ะก็จริงๆ ของในเป้เปียกหมด ส่วนตัวคุณแม่เองก็ทุลีกทุเลมาก คนนำทางข้ามมารับ น้ำก็ไหลแรงมาก พื้นน้ำเป็นกรวด ยืนไม่ติดพื้นเลย ตัวคุณแม่เบา ต้องจับมือกันไว้แน่น กลัวมือหลุดรับรองว่ายกลับไม่ได้แน่ น้ำคงพัดลอยลิ่วๆ ไป คิดว่าถ้าได้ไปอีกต้องหาเชือกมาผูกขึงไว้ให้เกาะข้ามไป คนพามาก็ไม่คิดว่าน้ำจะสูงขนาดนี้ เขาบอกเคยลุยแค่น่องเท่านั้น เขาบอกว่าถ้าคืนนี้ฝนตกเยอะ ขากลับคงถึงหน้าอกแน่
ข้ามไปก็ปีนตีนเขาขึ้นไปตั้งแค้มป์ได้ เขาจะพาเดินต่ออีกก็ไม่เอาดีกว่ากางเต็นท์นอนตรงนี้ดีที่สุด ถ้าไปอีกก็ต้องข้ามห้วยแบบนี้ พวกเราตกลงพักกันที่นี่ ก็กางเต็นท์ ส่วนคนนำทางก็หาที่กางเปล น้องเซ็ทก็เอาเปลมากางเหมือนกัน แต่ไม่ได้นอนหรอกค่ะ เพราะคนนำทางจะเล่าเรื่องผีตลอด เล่นเอาน้องเซ็ทกลัวไม่กล้านอนเปลเลยค่ะ อาบน้ำที่แม่น้ำก็อยู่ริมตลิ่งค่ะ ไม่กล้าล้ำเส้นออกไปค่ะ เพราะสายน้ำแรงมาก น้ำก็เย็นเฉียบ เสียงนก เสียงตัวอะไรแต่ตัวอะไรร้องระงมไปหมด ทำอาหารทานกันในป่า มีความสุขจริงๆ ค่ะ พอกลางคืน คุณแม่ก็ให้เขาก่อไฟที่หัวนอนคุณแม่อีกกองกันไว้ก่อนค่ะ เผื่อจะมีตัวอะไรเข้ามา ได้กินควันไฟจะได้ไม่เข้ามา
ฝนก็ตกนะคะแต่ไม่แรงเพราะบริเวณที่เราอยู่เต็มไปด้วยต้นไม้แต่ละต้นสูงใหญ่ทึบไปหมด มองไม่เห็นเดือนไม่เห็นดาวอะไรเลยค่ะ
สี่ทุ่มก็เข้านอน นอนฟังเสียงร้องของป่าค่ะ ดีค่ะ หลับสบายเลย คุณแม่นี่ก็แปลกนะคะ วัยนี้ก็ควรจะนอนอยู่บ้าน ดูละครดูทีวีไปแทนที่จะต้องมาเดินมากินมานอนอยู่ในป่า สังขารก็ไม่ค่อยไหวนะ แต่มันมีความสุขมากเลยค่ะ ที่ได้มาเที่ยวแบบนี้
เช้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำ ทำอาหารเช้า ทานเสร็จก็เก็บของเดินกลับค่ะ อยากจะอยู่ต่ออีกสักคืน แต่เขานัดรถมารับแล้ว ไว้คุณแม่จะพาน้องๆ กลุ่มเงินสกาวไปเที่ยวที่นี่อีกค่ะ
mumset - - mumset89@yahoo.com - 11/07/2001
re : เที่ยวป่าเด็ง อยู่ในเขตแก่งกระจาน
ได้รับเมลล์ถามเรื่องห้องน้ำ เข้าที่ไหน
ในป่าที่ไม่ใช่อุทยานจะไม่มีห้องน้ำนะคะ เราต้องทำห้องส้วมห้องน้ำเองค่ะ ห้องส้วมเราก็ขุดเอาค่ะ เราดูทำเลที่ลับตาเพือนฝูงที่ไปด้วยหน่อยค่ะ แต่อย่าไปให้ไกลจากเพื่อนๆ มากนักค่ะ พอให้ร้องเรียกกันได้ยินก็พอ ก่อนขุดก็กวาดดินกวาดพื้นบริเวณนั้นให้เรียบหน่อย เดี๋ยวจะถามอีกใช้อะไรกวาดก็มีด หรือไม้ค่ะ ปาดให้ดินเรียบๆ แล้วก็ขุดหลุมลงไป ลึกสัก คืบ คงได้นะคะ แล้วก็.....อืม เรียบร้อยแล้วก็ เอาดินที่เราขุดออกไปนั้นนะค่ะมากลบ แค่นี้ก็เรียบร้อยค่ะ
ห้องน้ำก็อาบตามห้วยตามน้ำตกน่ะค่ะ ถ้าผู้หญิงก็เตรียมผ้าถุงไปด้วยก็สดวกดีค่ะ แหมแต่ขอบอกหน่อยค่ะ เที่ยวที่นี่คุณแม่ไม่ใช้อะไรเลยค่ะ ก็เพราะที่นี่ไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นนี่ค่ะ สบายจริงๆ ค่ะ
เรื่องน้ำดื่ม เราก็ไม่ได้แบกน้ำโพลารีสเข้าป่าไปด้วยหรอกค่ะ ตอนนี้เป็นหน้าฝน จะหาแหล่งน้ำในป่าได้ง่ายค่ะ จากน้ำตก จากในห้วย เราก็เอามาต้มให้เดือดค่ะ ใช้หม้อสนามต้มค่ะ เดี๋ยวเดียวก็ได้น้ำไว้ดื่มไว้ใช้แล้วค่ะ
พูดถึงหม้อสนามนี่สารพัดประโยชน์จริงๆ นะค่ะ คนออกแบบหม้อนี่เก่งจริงๆ ค่ะ ลักษณะของหม้อที่เว้าเข้าไปนั้นมันทำให้เกิดแรงดันให้น้ำเดือดหมุนวนทำให้ข้าวสุกเร็วมากค่ะ ฝาหม้อที่ปิดข้างในก็ยังเอามาใช้เป็นกระทะใบจิ๋วไว้สำหรับทอดไข่ ทอดกุนเชียงได้อีกค่ะ
ปนัดดา เรียนเขมะนิยม - - pandda_v@hotmail.com - 12/07/2001
พะเนินทุ่ง ดินแดนที่น่าค้นหา
: ก่อนอื่นขอขอบคุณพี่สงัด แจ่มแจ้ง และจนท.ที่ อช.แก่งกระจานทุกคน สำหรับความประทับใจนั้นคงบรรยายออกมาได้ไม่หมด ต้องให้ทุกคนลองไปสัมผัสด้วยตัวคุณเอง แต่พวกเราจะเก็บความทรงจำดีๆที่พะเนินทุ่งไว้ไม่มีวันลืม สัญญาค่ะ
รุ้ง - - nadrain@yahoo.com - 13/07/2001
RE : พะเนินทุ่ง ดินแดนที่น่าค้นหา
วันที่5-7กรกฎาคม2543 พวกเราทั้ง8คนมุ่งหน้าสู่ จ.เพชรบุรี ลงรถที่ท่ายาง ตอนแรกนั้นคิดว่าจะโบกรถกันไป แต่โชคดี เจอกลุ่มของคนที่จะไปแก่งกระจานเหมือนกับเรา ก็เลยคิดว่าจะเหมารถไปด้วยกัน แต่แล้วพี่เค้าก็ไปทีหลัง เหลือแต่พวกเรา 8 คน เดินทางสู่แก่งกระจานด้วยความมุ่งมั่น ไปถึง ที่ทำการ อช. พบว่าที่พักมันน่าสบายเกินไป เลยคิดกันว่าจะไปพักที่บ้านกร่างแคมป์แทน แต่สู้ราคาค่ารถไม่ไหว แต่นับว่าพวกเรายังโชคดีที่ กลุ่มพี่ๆที่มาด้วยกันเค้าก็จะไปเหมือน กัน คราวนี้เราเลยได้แชร์ค่ารถกันจริงๆ ด้วยราคา 1700 บาท กว่าจะต่อราคาได้แค่นี้แทบแย่ พอถึงบ้านกร่างแคมป์อากาศกลับไม่เป็นใจ ไม่สวยงามอย่างที่คิดกันไว้ กลุ่มของพี่ภาเลยตัดสินใจที่จะไปพะเนินทุ่งแทน และแล้วโปรแกรมที่เราวาดไว้ก็เริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด แต่ว่าพวกพี่ๆเค้ารับรองว่าที่พะเนินทุ่งนั้นน่าสนใจกว่าเยอะ พวกเราจึงได้ไปที่นั่น ในความคิดของเรานั้นการเดินทางคงจะไม่มีอุปสรรคอีกแล้ว แต่ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจนได้ ต้นไม้มันล้ม แล้วรถจะไปยังไง!
วิศรุต - - nagerus@yahoo.com - 15/07/2001
RE : พะเนินทุ่ง ดินแดนที่น่าค้นหา
ผมเคยไปมา 2 รอบแล้วพอลงรถที่ท่ายางแล้วโปกรถตลอดจนถึงที่ทำการก่อนที่จะขึ้นสู่พะเนินทุ่งแล้วค่อยเดินป่าไปเคยู
ผมแนะนำว่าไปช่วงหน้าเทศกาลแล้วค่อยขออาศัยรถไป ผมไปกันแค่ 2 คนจึงไม่เหมารถส่วนใหญ่จะโปกตลอด
Duen - - thiwong@yahoo.com - 18/07/2001
RE : พะเนินทุ่ง ดินแดนที่น่าค้นหา
เพิ่งไปมาค่ะ ตอนเข้าพรรษาแต่ไม่ได้ค้างข้างบนเขาพะเนินทุ่งนะคะ พักอยู่ข้างล่าง หลังที่ทำการ แล้วพอเช้าก็รีบขึ้นแต่เช้า ทางสุดยอด ตอนขึ้นไป ไม่เห็นทะเลหมอกมีแต่ละอองฝน เจ้าหน้าที่บอกว่า สองเดือนมาแล้วไม่ได้เห็นพระอาทิตย์เลย ทากเยอะ หนาวมาก วันนั้นเจ้าหน้าที่บอกว่า 16 องศา เจ้าหน้าที่แนะนำว่าถ้าอยากดูทะเลหมอกให้ไปช่วง พฤศจิกา - พฤษภา จะสวยมาก ส่วน เคยูแค้มป์ตอนนี้เจ้าหน้าที่ กากบาทสีแดงไว้ห้ามเข้าค่ะ แต่ป่หน้าฝนสวยค่ะถ้าไม่กลัวทาก
Rita - - rita01mk@hotmail.com - 21/07/2001
RE : พะเนินทุ่ง ดินแดนที่น่าค้นหา
เคยไปมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว บรรยากาศดีมากๆ ไปพักที่เคยูแคมป์ 1 คืน ได้เล่นน้ำตกทอทิพย์ และกลับมาพักใกล้ๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 1 คืน เห็นทะเลหมอกนิดหน่อย ยังอยากไปอีก แต่ไม่มีโอกาสซักที เอาไว้สร้างโอกาสได้เรื่องไหร่จะไปอีกครั้ง คิดถึงพะเนินทุ่ง และเพื่อนร่วมเดินทางทุกคน!!
บันทึกความทรงจำประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง
|