คุณ"มาลินี" "โต๊ะทอง"(marinee@thaimail.com)10 กันยายน 2541
ฉันเคยไปเขาใหญ่ 2 ครั้ง
ครั้งแรกไปเข้าค่ายกับที่โรงเรียน ส่วนครั้งที่สองไปกันเองกับกลุ่มเพื่อนๆประมาณ 5 คน
แต่การไปครั้งนั้นไม่ค่อยสนุกเท่าไร เพราะเพื่อนบางคนเกิดการท้อระหว่างเดินทาง
ตอนนั้นขึ้นไปพักที่น้ำตกผากล้วยไม้ เช่าเต็นท์ 2 หลัง ไปอยู่ประมาณ 2 คืนก็กลับ
ฉันคิดว่าคนที่จะไปควรมีเวลามากกว่านี้เพื่อจะได้เที่ยวได้ทั่วและควรมีการเตรียมความพร้อมให้ดี
ควรทำใจให้สนุกกับการเดินทาง แม้ว่าจะยากลำบากเพียงใดเพื่อความสนุกสนานของทุกคน
คุณ"tai " (dpuinfo@dpu.ac.th)5 ตุลาคม 2541
คนเคยไปเขาใหญ่
หนูจำได้ว่า........เช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 5 กันยา
เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ซึ่งเป็นที่ ที่ใฝ่ฝันอยากจะไปสัมผัสกับธรรมชาติที่นั่นมานานแสนนาน
จนกระทั่งได้มีโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต
ก้าวแรกที่เท้าสัมผัสลงบนพื้นดินที่เรียกกันว่า "เขาใหญ่"
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
หนูเลยจำอะไรไม่ได้เลย..................อ๋อ..
จำได้แล้วได้เห็นลูกเสือจำนวนมากแต่มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเพราะว่า
มันเป็นลูกเสือสำรองมาเข้าค่ายพักแรมกัน
จากนั้นก็เห็นในสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน คือ กวางรับจ้างออกมายืน
ให้พวกส่องสัตว์ดู คนละสามสิบบาท ได้เห็นกวาง 3 ตัว (มีแถมกระต่าย
1 ตัว) พอรุ่งเช้าก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ
ด้วยความประทับใจ......
คุณ "BALL" 15 ตุลาคม 2541
เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เขาใหญ่
ผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวเตร่ตามราตรีกาลมาเป็นเวลานานมากโขแล้ว
แน่นอนล่ะขอยอมรับว่าผมเป็นคนหนึ่งที่เคยพึ่งพายาเสพติด
ช่วงนั้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ผมมีใจที่แน่วแน่ที่จะเลิกยา
มีเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยชวนผมไปร่วมกิจกรรมกับทางชมรมของเขาที่เขาใหญ่
ที่ผมไปเพราะคิดว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ
และแล้วสิ่งที่ทำให้ผมตกตะลึงก็คือ
ภาพธรรมชาติป่าเขาอันเขียวชอุ่มที่มีฝนตกโปรยปรายตลอดเวลา
ใช่ว่าจะเกลียดฝน แต่กลับชอบมันด้วยซ้ำ ที่แรกที่ได้ไปคือน้ำตกเหวนรก
ยอมรับว่าเหนื่อยมากแค่การลงไปชม ที่พอถึงจุดพักชม
ผมเห็นละอองน้ำตกที่ลอยมากับอากาศมาสัมผัสตัว กับภาพน้ำตกที่ไหลตกลงมา
เป็นที่น่าประทับใจมากจนหายเหนื่อย
หลังจากกลับมาจากเขาใหญ่ในตอนนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
ผมกลายเป็นคนที่รักธรรมชาติ ป่าไม้ และเลิกยาเสพติดได้แล้ว
ขอบคุณครับเขาใหญ่
คุณ "นพ" (dth9@hotmail.com)21 ตุลาคม 2541
เขาใหญ่...
ครั้งแรกในชีวิตของผมที่ได้ไปสัมผัสกับผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์และยิ่งใ
หญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย
ตอนนั้นผมอยู่ป.6และได้ไปเข้าค่ายกับโรงเรียนที่เขาใหญ่
ผมพักที่ค่ายพักน้ำตกกรองแก้ว
พอไปถึงอาจารย์ก็บอกว่าเดี๋ยวจะมีพญากระรอกดำออกมาดูพวกเราเพราะเค้า
จะมาดูทุกปี แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
บนต้นไม้ใหญ่ริมน้ำพวกเราได้เห็นกระรอกตัวใหญ่สีดำสนิทยกเว้นบริเวณใ
ต้ลำตัวกับใบหน้า วันรุ่งขึ้นก็เข้าฐานเหมือนค่ายตามโรงเรียนทั่วไป
แต่วันต่อมาซิครับ
พวกเราต้องเดินป่าจำได้ว่าเริ่มเดินจากที่พักไปข้ามสะพานแขวนแล้วก็เ
ดินไปเรื่อยๆ
แรกๆก็ตื่นเต้นสนุกดีหรอกครับก็เพิ่งเดินป่าครั้งแรกนี่
ธรรมชาติเป็นอย่างนี้นี่เอง ร่มรื่น เย็นสบาย ทึบบ้าง โปร่งบ้าง
มีความสุขครับ แต่... เอ๊ะ! ทำไมมันไม่ถึงซักทีว้ะ
(เริ่มบ่นกับเพื่อนๆ) น้ำก็เริ่มพร่องกระติกแล้ว
เริ่มเหนื่อยมากเข้าก็บ่นว่ารู้งี้ไม่มาดีกว่า
แต่ก็ต้องเดินต่อไปเรื่อยๆครับ ไกลมากเลย
มาถึงจุดหมายก็ที่น้ำตกเหวสุวัตร บ่นกันอุบเลย
จนวันสุดท้ายที่ต้องกลับ อาจารย์ก็ได้มาบอกกับนักเรียนว่า
เมื่อคุณกลับไปแล้วคุณจะคิดถึงที่นี่แม้ว่าคุณจะเหนื่อยเวลาเดินป่าแ
ละไม่อยากจะมาอีก
แต่ครูรับรองได้ว่าทุกคนจะคิดถึงที่นี่และอยากกลับมาที่นี่อีก
จากวันนั้นถึงวันนี้ก็สิบปีพอดีครับ ตอนนี้ผมจบมหาวิทยาลัยแล้ว
ผมยังนึกถึงเขาใหญ่เสมอ
และพรุ่งนี้ผมจะกลับไปรื้อฟื้นความหลังที่แสนประทับใจของผมอีกครั้ง
แล้วคุณล่ะทำอย่างผมแล้วหรือยัง..
"คนชอบทะเล" (ksiripan@thaimai.com)8 ธันวาคม 2541
เขาใหญ่
เราก้อได้ไปเที่ยวเขาใหญ่ สมัยที่เรียนหนังสือเหมือนกัน โดยไปกับโรงเรียน ตอนที่ไปนั้นอากาศหนาวมาก เวลาเดินในห้องพักถ้าไม่ได้ใส่ถุงเท้า มีสิทธิ์เดินไปสะดุ้งไป
ได้เหมือนกันนะ จากคนที่ไปทะเลบ่อยๆ ก็ทำให้ได้รู้ถึงบรรยากาศของภูเขา ซึ่งก็มีความสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง เราคิดว่าคงมีอีกซักวันที่จะกับไปเยือนเขาใหญ่แน่นอน
แต่ว่าไม่รู้เมื่อไร เพราะว่า ณ ปัจจุบัน ถ้าเราจะไปเขาใหญ่ก็คงใช้เวลาในการเดินทางไป-กลับ หลายวัน ก็คงต้องให้มี long weekend คุณคงมีความสุขและประทับ
ใจในบรรยากาศของเขาใหญ่นะค่ะ
kittipoom (kittipoom2@thaimail.com)11 เมษายน 2542
เที่ยวเขาใหญ่
ผมไปเข้าใหญ่เมื่อปิดเทอมที่แล้วนี่เอง เป็นอะไรที่คุ้มจริงพวกผมเดินทาง
กัน 21.00ไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงไปถึงปากช่องประมาณตีห้าขึ้นรถจาก
ปากช่องไปลงหน้าที่ทำการเริ่มการผจญภัยโดยการเดินขึ้นกันประมาณ 4
ก.ม.เริ่มเหนื่อยกันแล้วจึงโบกรถกันต่อถึงผากล้วยไม้ 15.30 น.พักผ่อนกิน
อาหารมื้อแรกที่ทำกันเองวันต่อมาคือการผจญภัยที่สุดมันเริ่มจากเดินไป
น้ำตกผากล้วยไม้ต่อด้วยน้ำตกเหวสุวัฒ,เหวไทร,เหวประทุน และได้เล่น
น้ำตกกันที่ละนิดหน่อยเพราะต้องเพื่อเวลาเดินกลับมาที่เหวสุวัฒและจึง
โบกรถกลับที่พัก วันรุ่งขึ้นผมกับเพื่อน ๆได้แตกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกจะ
เดินทางกลับกันเลยส่วนพวกผมเดินจากผากล้วยไม้เข้าป่าไปออกที่กรอง
แก้วจึงโบกรถลงจากเขากันและตกลงกันว่าจะโบกรถเข้ากรุงเทพแต่ไม่
สำเร็จถึงแค่สระบุรีก็ต้องจำใจขึ้นรถ บ.ข.ส.เพราะไม่มีใครยอมจอดรับพวก
ผมสามคนเลยแต่ที่ไม่หน้าเชื่อผมถึงก่อนพวกแรกสี่คนนั้นพวกเราบันทึก
ภาพกันถึงสองม้วนถ้าไม่ลืมจะสแกนมาให้ดู bey..............................
"แจน"12 เมษายน 2542
เที่ยวเขาใหญ่...ไม่ไปไม่รู้
พวกเรา (คือฉันและเพื่อน ๆ รวมกัน 10 คน )ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
และก็ไม่เคยมีโอกาสได้นอนค้างคืนหรือพักแรมในป่ามาก่อน
ครั้งนี้จึงเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างยิ่ง
ความสวยงามของเขาใหญ่มีมากมาย
เริ่มจากยามเช้าสักประมาณตีห้ากว่า
ๆ พวกเราเริ่มออกเดินทางชมธรรมาชาติ จะเห็นหมอกหนามาก
และเมื่อามพระอาทิตย์เริ่มขึ้น แสงแดดยามเช้าที่ผ่านทะเลหมอกมา
มันช่างสวยเกินบรรยายจริง ๆ
ประกอบกับบรรยากาศรอบตัวที่มีเสียงนกร้อง มันเป็นความสุขใจจริง ๆ
พอเริ่มสายหน่อย พวกเราก็เริ่มออกชมธรรมชาติของเขาใหญ่
ถ้าจะให้ดีควรนั่งพวกรถปิ๊กอัพ เพราะจะทำให้เห็นสิ่งต่าง ๆ
ได้ทั่วถึง และยังได้สุดอากาศดี ๆ อีกด้วย
พอสายมากหน่อย ก็ถึงเวลาออกตระเวนเที่ยวน้ำตกกันแล้ว
มีทั้งน้ำตกเหวสุวัต น้ำตกเหวนรก และยังอีกมากมาย
โชคดีเป็นของพวกเราที่เดินทางช่วงเดือนตุลาคม ทำให้น้ำตกมีน้ำมาก
จึงสวยงามมากเลย
และที่ขาดไม่ได้สำหรับการเที่ยวป่า ก็คือ การเดินป่า
เป็นเพราะพวกเราเป็นกลุ่มผู้หญิง
จึงมีโอกาสเดินป่าเพียงแค่เส้นทางน้ำตกเหวสุวัตเลียบมาถึงน้ำตกผากล้วยไม้
ถึงจะมีโอกาสแค่นี้ พวกเราก็มีความสุขมากเลย
พอตกดึกพวกเราก็นอนเตส็นท์ที่น้ำตกผากล้วยไม้
อากาศยามกลางคืนที่นั่นดูออกจะหนาวสักหน่อย
ยามใกล้สว่างน้ำค้างตกเสียงดังมาก ดังแปะ ๆ
จนดูเหมือนฝนตกเลยทีเดียว
แต่สิ่งนึงในยามค่ำคืนที่แสนจะประทับใจพวกเรามากก็คือ
ท้องฟ้ายามกลางคืนของที่นั่นสวยมาก เป็นเพราะเขาใหญ่อยู่ในที่สูง
ท้องฟ้าเปิด เห็นดาวเต็มท้องฟ้าเลยทีเดียว
และยิ่งพวกเราเป็นเด็กกรุงเทพ มองฟ้าทีไรเห็นดาวไม่กี่ดวง
มันจึงเป็นอะไรที่พิเศษมาก
หากคุณมองหาที่เที่ยว ซึ่งเป็นป่าสักแห่งนึง
เราขอแนะนำที่เขาใหญ่นี่แหละ เพราะใกล้ดี และก็มีครบแทบทุกอย่าง
ทั้งการเดินป่า น้ำตก ส่องสัตว์ นอนเต้นท์
แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
"เอ๋" (mooturn@thaimail.com)19 เมษายน 2542
อีกมุมหนึ่งของเขาใหญ่
อยากจะแนะนำให้ลองไปเที่ยว รอบนอกของเขาใหญ่ดูนะครับ
ที่อยากจะแนะนำเพราะไปมาแล้วสวยมาก ก็คือ หินดาด กับ เหวอีอ้ำ
เพราะว่าทั้ง 2 ที่สวยมากเลย โดยเฉพาะหน้าฝนนะ
วิธีที่จะไปก็ไม่ยาก ไปติดต่อที่หน่วย ขญ.11 คลองเพกานะครับ
บอกเข้าหน้าที่ว่าต้องการไปที่หินดาดหรือเหวอีอ้ำก็ได้
แต่ถ้าจะให้ดีน่าจะติดต่อไปก่อนนะครับ
ยังมีอีกหลายที่นะครับ ที่อยู่ในบริเวณเขาใหญ่
ลองไปเที่ยวดูนะครับ
"ตระเวณไพร02" (kbuayam@hotmail.com)22 เมษายน 2542
น้ำตกเหวสุวัตสู่ทุ่งเขาแหลม
ผมและเพื่อนๆมีโอกาศได้ขึ้นเขาใหญ่หลายต่อหลายครั้ง
มีอยู่ครั้งหนึ่งได้รู้จักกับพี่คำปอนเป็นพนักงานพิทักษ์ป่า
ที่หน่วยเขาแหลมเจอเขาโดยบังเอิญพี่คำปอนก็เลยชวน
เดินป่าไปตามเส้นทางจากน้ำตกเหวสุวัตเดินเลาะตัว
น้ำตกขึ้นไปประมาณ 500 เมตรแล้วข้ามฝั่งจะมีเส้นทาง
เดิน เข้าไปตามทางในป่าของเขาใหญ่ประมาณ 3-4
ชั่วโมงจะถึงทุ่งเขาแหลมเป็นทุ่งหญ้ากว้ามาก เราอยู่บน
เนินต้องเดินทางเข้าหน่วยระยะทาง 500 เมตรซึ่งอยู่ในหุบ
เขา ในตอนเช้าหากยืนที่เนินเขาจะเห็นทะเลหมอกสวย
งามมาก เราค้างคืนอยู่ในหน่วย 2 คืน ในการเดินทางครั้ง
นั้นฝนตกตลอดทางและมีทากเกาะเต็มรองเท้า
ตอนขากลับเรากลับทางเดินฝนตกตลอดทางเห็นกระจง
เก้ง ตามทาง เมื่อถึงตัวน้ำตกเราไม่สามารถเดินข้ามได้
เนื่องจากฝนตกมาตลอดคืนทำให้น้ำป่าหลาก จึงต้องใช้เชือก
ผูกกับต้นไม่และให้ผู้กล้าเดินข้ามไปผูกกับต้นไม่อีก
ฟากหนึ่ง กว่าเราจะข้ามได้ใฃ้เวลามากพอควร และนี่เป็น
ส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่เขาใหญ่ .....
nat24 เมษายน 2542
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เขาใหญ่
ตอนนั้นไปถ่ายภาพสไลด์สีส่งอาจารย์ โดยที่เราสามารถเลือกได้หลายหัวข้อ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคมหรือสุขภาพและอื่น ๆ อีกสารพัน แต่หัวข้อที่
เราเลือกไว้คือเขาใหญ่ เราได้ค้นคว้าหาข้อมูลทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวกับเขาใหญ่
โดยหาจากหนังสือแหล่งท่องเที่ยว เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็นึกสนุก เพราะว่านี่คือ
ครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาเที่ยวเขาใหญ่ มาถึงวันแรกก็แทบจะเป็นลมเลยเพราะ
เดินจากที่ทำการใหญ่มายังจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ โชคยังดีที่ยังอาศัยโบกรถได้
มาถึงหิวเลยหาอาหารรับประทานกัน นั่ง ๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงไม้ไหว ๆ ที่แท้ก็กวาง
ออกมาหากินที่ร้านอาหาร ตัวใหญ่กว่าที่เห็นในสวนสัตว์อีกแน่ะ ต่อมาก็ได้เดิน
ป่าช่วงสั้น ๆ แถบน้ำตกผากล้วยไม้และน้ำตกเหวสุวัต ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่
เดินป่า รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน ต่อมาได้เดินป่าระยะกลาง ๆ คือ สามารถเดินทาง
ในตอนสาย ๆ ถึงปลายทางก็เที่ยงพอดี นั่นคือเส้นทางทุ่งหญ้าเขาแหลม เป็นทาง
ชันในช่วงแรก ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ เจอเห็ดป่า ดอกไม้ป่า ต้นไม้หลาย ๆ อย่างที่ยังไม่
เคยพบเห็น ระยะทาง 3 กิโลเมตรที่เดินมาถึงจุดหมายโดยปลอดภัยมองเห็นทางข้างหน้าแล้วชื่นใจ เพราะสวยมากกกก แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าเส้นทางนี้เป็น
เส้นทางพิเศษ ห้ามเขาโดยพลการ ต้องขอเจ้าหน้าที่นำทาง ติดต่อได้ที่ที่ทำการ
หน่วยผากล้วยไม้ได้เลยจ้า ถ้าอย่างไรเพื่อน ๆ ที่ลองใช้เส้นทางนี้แล้วถูกใจก็ติดต่อกลับด้วยนะคะ ขอให้สนุกกับการเดินทางกันทุกคน รัก
"อนุวัฒ" (tene2002@hotmail.com)15 มิถุนายน 2542
เที่ยวเขาใหญ่
ผมชื่อเล่นว่า ดุก นะครับ ผมเคยไปเที่ยวเขาใหญ่โคราชมาเพราะว่าบ้านอยู่โคราชด้วยอำเภอสีคิ้ว
ตอนนั้นพี่ชายกลับมาจากกรุงเทพเลยพาครอบครัวไปเที่ยวที่เขาใหญ่
ความรู้สึกเมื่อเดินทางมาถึงผมดีใจมากที่ได้เห็นอะไรที่ยิ่ง
ใหญ่มากของขุนเขาที่มีชื่อเรียกว่าเขาใหญ่ถ้าไม่ได้มาดูไม่รู้ว่าใหญ่จริง ๆ
ได้ไปชมน้ำตกกรองแก้วใกล้ ๆ กับที่ทำการ หลังจากนั้นก็ไปน้ำตกเหวสุวัฒสวยงามมากมีชิงช้าให้เล่นด้วย
ไม่รู้ว่าใครเอาไปผูกไว้จากนั้นก็ไปน้ำตกเหวนรกโอ้โอ
ยิ่งใหญ่จริงสูงมากด้วยสวยงามมากและบรรยากาศระหว่างการเดินทางไปน้ำตกก็ธรรมชาติมาก
อากาศสดชื่นที่สุดและก่อนกลับ แวะชื้อของฝากจากขุนเขาที่กว้างใหญ่แห่งนี้กลับไป
และไม่เคยลืมเลยว่าเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ. นครราชสีมา อีกเลย
จาก อนุวัฒ ป,ล อยากชวนเพื่อนทุก ๆ คนไปเที่ยวดูบ้างแล้วจะรู้ว่ามันสนุกขนาดไหน
"เดชครับ" (ddt47@hotmail.com) 15 มิถุนายน 2542
re: เที่ยวเขาใหญ่
ผมก็คนโคราชเช่นกัน และมีความรู้สึกรักเขาใหญ่เหมือนว่าที่นี่เป็นบ้าน
ของผม ใครที่ได้มาที่นี่คงประทับใจทุกคน ผมไม่เคยคิดว่าครั้งไหนจะเป็น
ครั้งสุดท้ายของผม เชื่อว่าทุกคนคงมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน ธรรมชาติที่
นี่สอนอะไรหลายอย่างให้กับชีวิต บางครั้งมาพบความเป็นจริงที่เกิดกับที่นี่
ทุกคนน่าจะได้มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งที่มีคุณค่ากับทุกชีวิต
ผมรักเขาใหญ่ ทุกคนก็คงรักเหมือนกับผมเช่นเดียวกัน
เขาใหญ่สอนผมมาอย่างนี้
"เปิ้ลค่ะ" (mrittiwu@visteon.com)13 กรกฎาคม 2542
เขาย๊ายยยย ใหญ่ค่ะ
ประทับใจมากค่ะ ครั้งแรกของหนู(เดินป่า เหวสุวัต-เขาแหลม) อากาศดี๊ ดี ค่ะ ใครต้องการสอบถามข้อมูลก็ email มาคุยกันนะคะ
เจ้าหน้าที่บนเขาใหญ่ไม่คิดค่าบริการ (ไม่ได้จ่ายเป็นอย่างอื่นด้วย อย่าเข้าใจผิด คิดเลยเถิด) ในการเป็นผู้นำทาง
ใจดีม๊ากกกค่ะ(ถ้ามีน้ำใจจะให้ก็แล้วแต่ศรัทธาค่ะ)....... เห็นกวาง นกเงือก ทากตัวอวบๆ เกาะเต็มขาเลยค่ะ ชอบใจจัง
ขอขอบคุณประเทศไทยที่มีป่าสวยๆ ป่าที่เป็นป่า
ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ขอขอบคุณเท้าอันแข็งแรงของเราที่แบกเราไปตลอดการเดินทาง
และขอขอบคุณชาวไทยที่ช่วยกันรักษาป่าไว้ ให้ชาวไทยรุ่นต่อไปได้ชื่นนน จายถ้วนหน้ากันค่ะ
song (songpol98@hotmail.com)14 สิงหาคม 2542
First of all I would like to thanks the people who make this site
posible. I could only wish that I found this site sooner before I took
my trip to khaoyai. It was one of the most memorable trip. I stayed
there for a week. We hiked a lot I beleive we went to all of the spot
that shown on the map that we could do it ourself. Next time I will be
better prepare. For the people who plan to go you should prepare
youself and your camping gear since the equipment that the park
provide were not that sanitation and old. These are things that you
should take: good waterproof tent, high ankle boot, mosquitoes
repellant, and something soft to lay on. Also you will need to
prepare some food that can be prepare inside the tent in case in
rain. Rember! you should not cook insude your tent. And anothing
the batteries operated fan always come in handy.
Well I hope this information will help you
song
ตม (aukkarapon@rocketmail.com)18 สิงหาคม 2542
ไปเที่ยวเขาใหณ่ครั้งแรกเมื่อปี2514ตอนนั้นยังเด็กอยู่
ไปช่วงที่อำกาศยังหนาวอยู่นอนบังกาโลหลังเดี่ยว
ประทับใจอากาศที่บริสุทธิ์และวิวทิวทัศน์ที่เป็นป่า
ธรรมชาติมาก
ต่อมาได้มีโอกาศขึ้นมาเที่ยวหลายครั้งตอน
ปี2524ทางขึ้นสายใหม่จากปราจีนพึ่งสร้างเสร็จได้มี
โอกาศสำรวจเส้นทางเป็นเส้นทางที่สวยงามโดยเฉพาะ
ช่วงผ่านทางขึ้นเขาเขียวเป็นทางที่ลงเนินที่ชันสร้างความ
หวาดเสียวได้ดีทีเดียวตอนนั้นไปพักกระโจมใหญ่ริม
ลำธารอากาศเป็นช่วงต่อระหว่างหน้าฝนกับหน้าหนาว
ถนนแฉะเป็นโคลนได้ออกแรงเข็นรถกันหลายยกผจญกับ
ทากและยุงได้ความรู้สึกดีจริงๆไปเที่ยวเหวนรกตอนนั้น
ยังไม่ได้ทำทางเดินถาวรต้องเดินตามทางในป่าและข้าม
สะพานไม้ไผ่ท่อนเดียวลงเขาเกาะต้นไม้ตามทางไปเรื่อย
ช่วงข้ามสะพานขี้เกียจรอเลยโดดลงเกาะไม้ไผ่ไปน้ำตื้น
แต่แรงมาก
เดินไม่ได้ต้องให้เพื่อนช่วยดึงขึ้นไม่งั้นลอยไปลงเหวนรก
แน่ๆ
เมื่อเรียนจบถูกส่งไปทำงานที่ปราจีนได้มีโอกาสขึ้น
ไปเที่ยวหลายครั้งทั้งกลางวันกลางคืนบางทีเย็นขึ้นไป
นอนเล่นตี3ตี4ก็ลงมาทำงานอยากให้ช่วยกันรักษา
ธรรมชาติให้มากที่สุดเพราะเป็นอุทยานที่สมบูรณ์ที่อยู่
ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด
เรื่องการส่องสัตว์ขอให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงเหตุผลให้ดีว่าทำ
ไม่ถึงไม่ให้ส่องสัตว์เอง ไม่ใช่ตอบแค่เป็นนโยบายของ
หัวหน้าอุทยานคนใหม่ ญาติไปเที่ยวมาเล่าให้ฟังคิดได้
สองแง่ 1 เอาตัง 2 จนท.ขี้เกียจการประชาสัมพันธ์ไม่ดี
สำหรับผมเขาใหญ่อยู่ในใจเสมอขอบคุณครับ
cola14 กันยายน 2542
จะฆ่ากันให้หมดป่าเลยใช่มั้ย
คราวที่แล้วได้มีโอกาสไปเที่ยวที่เขาใหญ่อีกครั้ง ซึ่งการไปครั้งนั้นก็ได้รับประสบการณ์แปลก ๆ ที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน
เราว่าเราก็เที่ยวมามากแล้วแต่ไม่นึกเลยว่าคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติจะสั่งสอนลูกศิษย์ของตัวเองได้ดีขนาด
นั้นจริง ๆ
ช่วงที่ไปคราวที่แล้วพอดีเป็นช่วงปลาย ๆ หน้าฝนต้นหนาว ใครเคยไปป่าช่วงนั้นคงรู้ดีว่าทากจะมากมายแค่ไหน
เรากับเพื่อน ๆ ในฐานะผู้เข้าไปเยี่ยมเยือนกลุ่มหนึ่งก็ได้เข้าไปตะลุยดงทากกันมา ก็ได้รับความสนุกสนานกันพอตัว
แต่พอประมาณ 2 กิโลเมตรจะถึงทางออกเราก็ได้ยินเสียงโหวกเหวงในป่าดังมาก ๆ เลย ก็ไม่เข้าใจ
ในตอนแรกเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น พอเดินมาสักพักเจอกลุ่มเด็กนักเรียนโรงเรียนหนึ่งมาพร้อมกับคุณครูกลุ่มใหญ่มาก ๆ เดินตะโกนกันมาแต่ไกล
คงนึกว่าเดินอยู่ในตลาดกันมั้ง พอเดินไปอีกสักพักก็เริ่มสงสัยกับเพื่อน ๆ ว่าทำไมทากมันหายไปไหนหมด
ข้อสันนิษฐานต่าง ๆ นานาก็เริ่มพรั่งพรูออกมาจากพวกเรา ( ตามแบบฉบับของเด็กวิทย์ฯ )
แต่สักพักพวกเราก็เริ่มเหลือบไปเห็นของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของทั้งคุณครูที่น่ารักมาก ๆ ( ซะไม่มี )
แล้วก็เด็ก ๆ เหล่านั้น ( เนื่องจากคนพวกนี้มากันเยอะมากๆ เลยทำให้เราพวกที่ต้องการความสงบ
ต้องหยุดรอให้คนพวกนี้ผ่านๆไปก่อน ) ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ พวกเขาถือ DDt.
มาคนละกระป๋องย่อม ๆ ก็เลยเข้าไปถามได้ความว่าเอาไว้มาฉีดทากโดยเฉพาะ
ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงห่วงโซ่อาหารภายในพื้นที่นั้น มาก ๆ เพราะ ถ้านกมาจับทากที่โดน DDT. เหล่านั้นไปกิน
อะไรจะเกิดขึ้นกับนกพวกนั้น แล้วถ้ามีสัตว์อื่นมากินนกนั้นอีกหละอะไรจะเกิดขึ้นแล้วสัตว์เล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็น
แต่อาศัยอยู่ตามหน้าดินอีกจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศแล้วก็ห่วงโซ่อาหารภายในป่าอย่างมาก
จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมันก็ยากที่จะคาดเดา
แถมคนพวกนั้นยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่เอา DDT. มาฉีดใส่ตัวเอง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นกันยังไงบ้างแล้ว แถมน่าโมโหมาก ๆ
ตอนที่พวกเราเข้าไปถามครูที่คุมมาเขากลับถามพวกเรากลับประมาณว่าไม่ใช่ธุระของพวกเรา แถมถามกลับว่ามาจากไหนกันอีก
พอพวกเราบอกชื่อคณะฯ พร้อมกับมหาวิทยาลัยไป อากการและกิริยาของคนพวกนี้ก็เปลี่ยนไป
จากการถามและตอบเหมือนพวกเราไม่มีการศึกษาไม่เข้าใจที่พวกเขาตอบและถาม กลายมาเป็นถามแบบสุภาพทันที
และ ญาติดี กับพวกเรา แต่ตอนนั้นพวกเราไม่มีอารมณ์จะคุยด้วยแล้วเพราะเริ่มรู้สึก.....กับคนพวกนี้เต็มที
ตอนที่กลับออกมาก็ไม่รู้ว่าป่าแถบนั้นป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว ใครรู้ช่วยบอกทีว่าป่านนี้ป่าเขาใหญ่ถูกทำร้ายไปแค่ไหนแล้ว
ไพลิน (pairin@doramail.com)14 พฤศจิกายน 2542
ครั้งหนึ่งในชีวิต
เราได้ไปเที่ยวเขาใหญ่ครั้งแรกกับเพื่อนๆ สิบกว่าคน เป็นการเที่ยวป่าครั้ง
แรกของเรา ด้วยที่ไม่รู้ก็จัดการเก็บเสื้อผ้าไปมากเกินพอดี เริ่มเดินทางใน
เช้าวันปิดเทอมวันแรกที่หมอชิต จนไปถึงปากช่อง พวกเราก็เหมารถขึ้นไป
ที่เขาใหญ่กัน ครั้งนี้เราไปแค่สองวัน วันแรกพอไปถึงจัดการกับเรื่องที่พัก
กางเต็นท์เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางจากผากล้วยไม้ไปที่น้ำตกเหวสุวัติ
เล่นน้ำกันสนุกสนานจนถึงเย็นมากก็กลับไปที่ผากล้วยไม้
วันรุ่งขึ้นซึ่งจะต้องกลับแล้ว
พวกเราโบกรถลงมาแล้วลงเดินไปที่ส่องสัตว์ที่ทางอุทยานทำ
ไว้ แต่มาตอนกลางวันไม่เห็นสัตว์เลย จากนั้นก็พากันเดินป่า เพื่อนๆอยาก
เห็นนกเงือกที่อยู่ในป่าก็พากันเดินเข้าป่าทั้งที่มีสัมภาระแบกอยู่ที่หลังทุก
คน เดินไกลมากเหนื่อยและก็หิวด้วย บรรดาเพื่อนทุกคนไม่มีใครเคยเดิน
ป่าเส้นนี้ ยิ่งเดินเหมือนจะยิ่งลึกเข้าไปทุกที เดี๋ยวก็เข้าป่าทึบ เดินต่อไปซัก
พักก็เห็นทุ่งหญ้าโล่ง แต่ก็ยังไม่เห็นทางออก แต่ก็เดินรุดหน้าต่อไป
เราออกจากป่าที่บริการนักท่องเที่ยว มาเห็นเก้งกวางก็ตอนออกมานี่เอง
สรุปแล้วพวกเราก็ไม่เห็นนกเงือก แต่ก็ได้เดินป่าก็ดีใจแล้วล่ะ จากนั้นก็โบกรถลงมา
นั่งรถประจำทางจนมาถึงท่ารถ แล้วพวกเราก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
เป็นการท่องเที่ยวที่แสนประทับใจของเรามาก
thip(thip8284@hotmail.com)25 เมษายน 2543
รักษ์เขาใหญ่
สวัสดี, เราเคยไปเขาใหญ่มา 2 ปีซ้อนตอนช่วงปิดเทอม กับค่ายอนุรักษ์ฯของมหา'ลัย ปีแรก(ปี41)
ทางโรงเรียนจัดส่งเรากะเพื่อนไปแค่ 4 คน เดินทางด้วยรถไฟ นั่งไปดูวิวไปเล่นกิจกรรมไปสนุกมากๆเลย
พอลงรถไฟแล้วต้องไปต่อรถกระบะอีก เรียกได้ว่าทุลักทุเลมากเลย
ที่พักของเราเลยน้ำตกกองแก้วไปหน่อยนึง แต่กว่าจะขึ้นเขาไปได้เล่นเอาเหงื่อตก
(ขอแนะนำให้ไปกับค่ายเพราะจะมีกิจกรรมทำให้ไม่น่าเบื่อ) อันดับแรกเรามองหานกเงือกก่อนเลย
หาจนคอหมุนก็ยังไม่เจอเพราะต้องดูตอนเช้าๆ เราไปถึงก็บ่ายแก่มากแล้ว
วันต่อมาเราก็ไปเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ พร้อมกับบริจาคเลือดไปตามทาง...
และแล้วเราก็มาถึงเขาใหญ่เสียที เราเจอนกเงือกแล้ว ดีใจเพราะชอบนกเงือกมากเลย
เพราะเวลาบินมันมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว!! หลังเดินป่าเรามาถึงเป็นกลุ่มแรกจัดแจงอาบน้ำเรียบร้อย
ก็ต้องมานั่งรอกลุ่มอื่นอีก มีพี่ที่ไปด้วยเค้าชวนไปดูน้ำตกกองแก้วเรากะเพื่อนก็เลยไปรวม 3 คน
ทั้งๆที่วันรุ่งขึ้นจะมีโปรแกรมที่ เหวนรก-เหวสุวัต น้ำตกนี้สวยมากๆเลย
ไหลแรงมากเพราะอยู่ในช่วงเดือนตุลาฯ พอวันรุ่งขึ้นพวกที่ไปเดินป่าไม่มีใครตื่นไหวเลย
เป็นว่าทั้งค่ายมีคนได้ไปน้ำตกทั้งหมด 3 คน ^_^ ค่ายนี้ประทับใจมาก ปีถัดมาเลยส่งตัวเองไปอีก(ปี42)
แต่ครั้งนี้ได้เดินป่าแบบชุ่มทั้งตัวเป็นประสบการณ์อีกแบบ เพราะเคยเดินแต่แห้งๆ ฝนตกตลอดทางเดิน
ลื่นล้มจนเลอะมอมแมมทั้งตัวเลยล่ะ กลับมาถึงค่ายไม่ต้องพูดถึง
อาบน้ำแล้วกินยาเตรียมรอบกองไฟ แล้วนอนทันที เขาใหญ่สวยมากช่วยกันรักษาไว้ด้วยนะ
แล้วปีนี้ 43 จะไปเยี่ยมอีกจ้า...
รพินทร์18 พฤษภาคม 2543
เดินป่าที่เขาใหญ่
ผมเคยไปเที่ยวที่นั่นหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เคยเบื่อเลย แต่ก่อนข้างบนเขาให้เล่นกกีต้าร์ได้
ผมมีความสุขมากกับการที่ได้ไปนั่งฟังเหล่าบรรดาศิลปิน นั่งฮัมเพลงเศ้ราบ้างครึกครื้นบ้าง
แต่ตอนนี้เขาไม่ให้เล่นแล้ว ก็คงเหลือแต่เพียงความงามตามธรรมชาติบรรยากาศยามเช้า
ป่าและดวงดาว(iquesung18@hotmail.com)15 มิถุนายน 2543
ดูดาวที่ผากล้วยไม้...เขาใหญ่
ผมเป็นคนคนหนึ่งที่ชอบดูดาว ผมเชื่อว่าคงมีหลายคนที่รักดวงดาวเหมือนผม เมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา
ผมและเพื่อนๆในชมรมได้มีโอกาสไปดูดาวที่เขาใหญ่
โดยเราตกลงกันที่จะเลือกบริเวณจุดกางเตนท์ผากล้วยไม้เป็นที่ตั้งแคมป์สำหรับดูดาวของเรา
เนื่องจากที่ผากล้วยไม้เป็นจุดที่น่าสนใจสำหรับการกางเตนท์นอนดูดาว
แน่หละสำหรับคนที่ชอบดูดาวย่อมรักที่จะกางเตนท์แล้วเอาเสื่อสักผืนนอนดูดาวอย่างมีความสุข
เรานำกล้องดูดาวจากภาควิชาฟิสิกส์มาด้วย เพื่อที่เราจะได้มาดูวงแหวนดาวเสาร์,ดวงจันทร์
ดาวพฤหัสและสิ่งต่างๆ ที่เราอยากเห็น คืนที่เราไปเป็นแรม 8 ค่ำ
เราสามารถมองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าได้หลังเวลา 00.30 น.เป็นต้นไป เมื่อถึงเวลาที่ดาวเริ่มขึ้น
พวกเราก้อลากเสื่อมาล้อมกล้องดูดาวของเรา ไชโย ในที่สุดเราก้อได้เห็นวงแหวนดาวเสาร์ของจริงแล้ว
พอวิทยากรของเราตั้งกล้องดูดาวเสร็จ ผมก้อไม่รอข้าที่จะต่อคิวเพื่อรอดูสิ่งที่ผมอยากดู
โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ คนที่มากางเตนท์ยังไม่มากนัก ทำให้เราดูดาวได้อย่างเต็มที่
คืนนั้นเราดูดาวพร้อมตั้งกองไฟไว้กองนึงสำหรับผิงไฟแก้หนาว อากาศที่เขาใหญ่หนาวไม่แพ้ที่ไหนๆ ในเมืองไทยเลย
อากาศดีมาก
แต่พอถึงวันเสาร์ในช่วงบ่ายเราเดินจากจุดกางเตนท์ของเราไปน้ำตกเหวสุวัต ขอบอกว่าหนื่อยมาก
แต่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่ขึ้นทั้งสองฝั่งของลำธาร ทำให้พวกเราเดินไป
พร้อมกับชื่นชมในความงามของป่า โชคดีทีเราไม่เจอสัตว์ป่า
เราเจอแต่นกที่หายาก คนที่ชอบดูนกก้อจะเดินไปส่องนกไปอย่างมีความสุฃ
พอถึงน้ำตกเหวสุวัตเราก้อเล่นน้ำกันอย่างมีความสุข เมื่อเล่นน้ำจนหนาวได้ที่แล้วเราก้อเดินทางกลับจุดกางเตนท์ของเรา
พอมาถึงผากล้วยไม้รู้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น ให้ตายเถอะ ผู้คนหลั่งไหลมาจากไหนกันมากมายขนาดนี้เนี่ย
ผมแทบจะพูดไม่ออกกับจำนวนรถที่จอดเต็มจนล้นมานอกถนน จำนวนเตนท์ก้อมากมายจนนับไม่หวัดไม่ไหว
เมื่อผมเดินดูทะเบียนรถแล้ว กว่า 60-70% ล้วนมาจาก กรุงเทพทั้งนั้น คนเมืองกรุงหลบควันพิษหนีมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่
ผมแทบไม่อยากเชื่อว่ายังคนที่รักป่าอยู่มากเหมือนกัน
ในคืนนี้มีน้องๆ จากโรงเรียนแถวๆ สระบุรีมาขอดูดาวด้วย มาเกือบ 100 คน
โอ้โห เล่นเอาพี่ๆ น้องๆ ในชมรมผมแทบลมจับ กว่าจะได้ดูกันครบก้อปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า พวกเราถึงได้ดูดาวกันอีกครั้ง
คืนนี้เราชวนกันดูดาวกันถึงเช้าเหมือนเมื่อคืน เรานั่งนับฝนดาวตก เรานั่งรอกลุ่มดาวต่างๆ ที่ค่อยๆขึ้นมาทีละกลุ่มอย่างช้า
แต่ก้อมีบางคนยอมแพ้เนื่องจากอากาศในคืนนั้นหนาวจัดมาก นี่แหละครับ เรื่องประทับใจของผม ป่าและดวงดาว
วิฑูร ( mr_outbound@hotmail.com) 26 กรกฎาคม 2543
เขาใหญ่ถูกย่ำยี
ผมเพิ่งกลับจากเขาใหญ่เมื่อวานนี้ จากสภาพที่เห็นเขาใหญ่ในวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปมาก ล่าสุดมีการตัดถนนใหม่
หรือเรียกว่าปรับปรุงถนนสายเดิมเสียใหม่นั่นแหละ
ซึ่งสำหรับผมแล้ว การอนุมัติให้มีการตัดถนนหรือปรับปรุงถนนบนเขาใหญ่นั้น ผมเห็นด้วยและสนับสนุนเต็มที่
เนื่องจากถนนเดิมมีอายุเกือบ 40 ปีมาแล้ว
แต่ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กรมป่าไม้ดัดแปลงถนนสายเดิมให้มีผิวจราจรกว้างกว่าเดิม
ซึ่งผลที่ออกมามันคือการทำลายป่าดีๆนี่เอง เป็นการทำลายโดยน้ำมือของข้าราชการที่มีหน้าที่พิทักษ์ดูและรักษาป่าไม้
ลองคิดดูสิครับระยะทางจากที่ทำการอุทยานถึงน้ำตกเหวสุวัฒน์ ประมาณ 10 กิโลเมตร
กรมป่าไม้ได้ทำการขยายถนนให้กว้างกว่าเดิม 1 เมตร นั่นก็หมายความว่าระยะทาง 1 กิโลเมตรจะมีพื้นที่ป่าถูกทำลายไปถึง 1,000 ตารางเมตร
หรือประมาณ 280 ตารางวา แล้วระยะทาง 10 กิโลเมตรละมันเท่าไหร่? 10 กิโลเมตร คิดเป็นพื้นที่เสียหาย 2800ตารางวา
หรือประมาณ 7 ไร่ ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมช่วงอื่นบนเขาใหญ่นะ
และยังไม่รวมพื้นที่ที่อุทยานปรับเพื่อจะสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่
นอกจากเรื่องถนนบนเขาใหญ่แล้ว ร้านค้าสวัสดิการตรงผากล้วยไม้ที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ในสไตล์กระท่อมไม้ซุง
ผมคิดว่ามันทันสมัยเกินไปสำหรับจะมาตั้งอยู่กลางป่าเขาใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นความคิดของใคร
น่าจะให้ร้านสวัสดิการหลังเดิมที่อยู่ชายป่าใกล้กับห้องน้ำจะให้บรรยากาศดีกว่า
แทนที่จะเองงบประมาณที่ใช้ในการสร้างร้านสวัสดิการหลังใหม่มาปรับปรุงเรื่องห้องน้ำห้องท่าที่ผากล้วยไม้ให้ดีขึ้น
หรือปรับปรุงร้านค้าสวัสดิการหลังเดิมให้แข็งแรง
นอกจากนี้ในตอนกลางวันใครที่คิดว่าอาจจะใด้พบได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเดินเล่นคงต้องผิดหวัง
เพราะเสียงจากเครื่องจักรหนักดังกระหึ่มสนั่นป่า และถ้าคิดว่าอยากจะขับรถขึ้นไปเที่ยวเขาใหญ่ในช่วงนี้
ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าเป็นรถเก๋ง โปรดยกเลิกความคิดนั้นเสีย เพราะถนนช่วงขึ้นเขาใหญ่ทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อเพียบ
เพราะรถสิบล้อบรรทุกดินบรรทุกหินวิ่งกันให้คึก โดยเฉพาะทางขึ้นฝั่งปากช่อง
ไม่รู้ว่าทางคุณปลอดประสบ อธิบดีกรมป่าไม้จะรับรู้ถึงปัญหานี้บ้างหรือเปล่า หรือทำเอาหูไปนาเอาตาไปไล่ไม่สนใจ
นักข่าวจะด่าว่าโจมตีอย่างไรกูก็ไม่สน
ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรก็เมลมาคุยกันได้ที่ mr_outbound@hotmail.com
ปล.สุดท้ายผมอยากจะฝากบอกเพื่อนๆทุกคนว่า เขาใหญ่คือผืนป่าที่มีตำนานเป็นจุดเริ่มต้นของการอนุรักษ์ในเมืองไทย
อยากให้ทุกคนช่วยกันรักษา และออกมาช่วยกันปกป้อง
แม่น้องเซ็ท(mumset89@hotmail.com)26 กรกฎาคม 2543
เดินป่าที่เขาใหญ่ครั้งแรกในชีวิตของน้องเซ็ทถึงกับโชกเลือด
เห็นหลายๆ คนเขียนถึงเขาใหญ่แล้ว อยากจะเล่าถึงประสบการณ์การเดินป่าครั้งแรกของน้องเซ็ทบ้างค่ะ
เมื่อปีใหม่คุณแม่ก็พาน้องเซ็ทไปรับตะวันปี 2000 กับเขาด้วยเหมือนกันค่ะ
คืนวันที่ 31 ธ.ค 2542กางเต็นท์นอนรับตะวันอยู่ที่ผากล้วยไม้ หนาวมาก คนเป็นพันเลยได้มั๊ง ที่จะเดินแทบไม่มี
เต็นท์ชิดติดกันใครกรนได้ยินหมด ไม่ไหวแล้ว คุณแม่นอนไม่หลับเลย พรุ่งนี้หาที่กางเต็นท์ใหม่ดีกว่า
จึงไปติดต่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้เขาก็แนะนำให้ไปเที่ยวที่เขาแหลมอยู่บนยอดเขาใหญ่ ซึ่งที่นี่เขาจะจำกัดคนเข้าไปแค่ครั้งละ 20 คน เท่านั้น
และต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางไป พวกเราก็รีบไปลงทะเบียนตรงจุดที่รับคืนของเช่าพวกผ้าห่ม เต็นท์น่ะค่ะ
ตอน 8 โมงเช้าของวันที่ 1 ปี 2000 คนมาเข้าคิวกันเยอะมาก แต่พวกเรามาก่อนก็เลยได้ไป ( เราจ่ายเขาไป คนละ 300 บาท น่ะ กลุ่มเรามี 4 คน ไม่คิดน้องเซ็ท )
หลังจากเดินป่าด้วยกันและรู้จักกับคนอื่นๆ แล้ว ถามเขาเขาจ่ายกันคนละ 100 บาทเอง
หลังจากทานข้าวเช้ากันแล้วก็เริ่มเดินจากทางน้ำตกเหวสุวัต เดินไปได้หน่อยก็เจอห้วยน้ำไม่ลึกมาก มีเชือกสลิงให้เกาะ
คุณแม่เสียดายรองเท้าไฮเท็คของแท้คู่ละ 1800 ถอดค่ะ ไม่ตามกฏกติกาล่ะค่ะที่ว่าให้ลุยเลย เดิน เดิน ปีน ปีน ร่วม 3 ชม. ได้
เพราะคุณแม่เดินช้า บางทีต้องดันก้น ต้องฉุด บางช่วงก็นอนแผ่หราเลย แทบจะให้เขาทิ้งคุณแม่ไว้ที่ในป่า
เกรงใจคนอื่นๆ เขาค่ะ ส่วนน้องเซ็ทน่ะไปลิ่วๆ เลย แต่มันเป็นบรรยากาศป่าจริงๆ เลยค่ะ ระหว่างที่เดินขึ้นไปนั้นเจอขี้ช้างกองเบ้อเริ่มเลย
รอยเท้าสัตว์ก็มีให้เห็นตลอดทาง ถ้าเจอตัวอะไรสักตัวคงตายแน่ คุณแม่วิ่งหนีไม่ไหวหรอกค่ะ จำไม่ได้ว่าข้ามเขากี่ลูก
พอขึ้นไปเห็นทุ่งหญ้าสะวันนาก็ โอเคถึงแล้วค่ะ สวยมากเลย เหลืองอร่ามไปหมด
เดินไปจนถึงบ้านพักของเจ้าหน้าที่ อช.ซึ่งมีอยู่หลังเดียวบนนั้น เราก็หาที่กางเต็นท์กัน
พวกที่ไปด้วยกันก็เริ่มรู้จักกันแล้ว เขาก็ชวนกันไปหากิ่งไม้ในป่ามาทำฟืน คุณแม่ไปไม่ไหวแล้ว
ส่วนน้องเซ็ทก็ไปกับพวกพี่ๆ หายกันไปสัก ชม.ได้ พอขากลับมาน้องเซ็ทถูกเขาแบกมา เดินไม่ได้ ถูกขนเม่นตำค่ะ
เลือดโชกรองเท้ามาเลย ทางที่เดินมีใบไม้ปิดทับอยู่ คนอื่นๆ เดินไม่เป็นอะไร น้องเซ็ทเดินไปเหยียบขนเม่น
ตำทะลุรองเท้า ไม่น่าเชื่อเลย รองเท้าผ้าใบส้นหนาปึกเลย (ไม่ใช่รองเท้านันยางหรือบาจาบางๆ นะค่ะ)
ขนเม่นตำทะลุขึ้นไปถึงส้นเท้าได้ นี่ก็เป็นความประทับใจของน้องเซ็ทเขาค่ะที่เดินป่าครั้งแรกก็ได้เลือด
กางเต็นท์ที่นี่ก็ได้บรรยากาศของความหนาวมากค่ะ หลังคาเต็นท์มีน้ำเกาะเป็นน้ำแข็งเลย กลางคืนเราก็มีแค็มป์ไฟนั่งคุยกัน
เรื่องป่าๆ มีเจ้าหน้าที่ อช. มานั่งเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เราได้ฟังกัน สนุกดีค่ะ
ใครอ่านบันทึกนี้ถ้ายังไม่เคยไปเที่ยวเขาแหลม ลองไปดูสักครั้งนะค่ะ
ไปหน้าหนาวนะค่ะ บรรยากาศดีสุดๆ เลยค่ะ
เฮีย นุ - 28/09/2000
โรงเรียนอนุบาลสำหรับคนรักธรรมชาติ
เขาใหญ่ โรงเรียนอนุบาลที่คนรักธรรมชาติควรเริ่มต้น ประทับใจเสมอเมี่อคิดถึงวันแรกที่นอนเต้นส์ เดินป่า
ส่องสัตว์
ธรรมชาติ - 21/11/2000
เห็นด้วยกับการที่จะปล่อยธรรมชาติให้อยู่คงสภาพเดิมให้มากที่สุด
เราควรปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติเอง เพราะมนุษย์ทั้งหลายทำลายธรรมชาติมากเกินไปแล้วไม่ค่อยรักษาธรรมชาติ
อยากจะปล่อยให้ธรรมชาติให้เสื่อมโทรมลงกว่านี้หรือครับ
ที่ใดมีความสะดวกสบายมากเกินไปมนุษย์อย่างเราก็จะเริ่มไปทำลายธรรมชาติโดยตั้งใจและก็ไม่ได้ตั้งใจ
ยกตัวอย่างเช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตอนนี้กำลังขยายถนนให้ใหญ่ขึ้น เคยนึกถึงผลเสียต่อสัตว์ป่าหรือเปล่าครับ
รถวิ่งเร็วขึ้น อันตรายต่อสัตว์ป่าก็มากขึ้นด้วยจริงหรือเปล่าครับ ผมไปเที่ยวเขาใหญ่มาเมื่อวันที่ 11 - 12 พ.ย. 43
(ลอยกระทงพอดี) ได้เจอกันช้างน้อยเกเร ไม่ยอมให้ผมกับคณะเดินทางผ่าน(บริเวณน้ำตกเหวนรก)ขวางถนนเอาไว้
ผมคิดว่าถ้าถนนสร้างเสร็จเรียบร้อย ช้างน้อยเกเรตัวนี้จะอันตรายเท่าไหร
แล้วอย่างนี้เราควรจะพัฒนาอุทยานแห่งชาติที่อื่น ๆ ให้เจริญหรือเปล่าครับ ผมไม่เห็นด้วยคนหนึ่งครับ
"ธรรมชาติอยู่ มนุษย์อยู่ ธรรมชาติสลาย มนุษย์ตาย"
นาย แนน - - hiyakutaka@chaiyo.com - 19/12/2000
เอากับเขาบ้าง
ดีครับ พี่ ๆ ที่เข้ามาเยือมฟังสิ่งที่ผมโม้ ผมก็ได้ไปเที่ยวเหมือนกันครับเขาใหญ่ไปกัน คนครับ
อาหารการกินเพียบเลยครับชนิดที่ไม่ต้องมีการซื้อเลยครับออกจากบ้าน ไปอย่างหล่อเลยครับพอรวมพลกันได้แล้ว
ออกเดินทางครับแหม่ช่วงแรกก็โม้ดีครับพักหลังชักเมารถ ถึง ตีนเขาใหญ่ อาศัยรถโบกครับ
เราไปแบบสมัชชาที่ไม่นิยมความฟุ้งเฟ้อครับ อ้า ลืมไป คณะเรา ก็หญิง 3 ชาย8 ครับ
พอถึงผากล้วยไม้เรราได้ส่งเจ้าหน้าที่ทูตสันติไปติดต่อเรื่องที่พัก เป็นไปตามคาด ไม่มีปัญหาครับเราเอาเต๊นท์ ไป 2 หลังครับ
หลังล่ะ เต็มที่เลย 7-8 คนครับ โชคดีครับเราเอาเต๊นท์ไป ดันเหมือนกันอีก เลย ได้ ประมาณ 20 คน นอกเรื่องแล้ว
เราก็จัดแจงกางเต๊นท์ด้วยความที่เจนจัดในเรื่องการเที่ยวเราใช้เวลากางประมาณ เกือบ ชั่งโมง ครึ่งอ้า
ได้เวลา อาหารเย็นพอดี เราส่ง แผนกแม่บ้าน จัดการเรื่องอาหาร ส่วนผู้ชาย ก็ จุดเตาถ่าน อาหารมื้อแรก ของเราก็ธรรมดา
เดี๋ยวขออีกนิด จะมีพวกเรามาเพิ่มอีก 2 ชีวิต ซึ่งเราก็หวังให้เขาเอาของมาบ้าง และแล้วมันก็มา พร้อม กับ ย้าม ใบหนึ่ง
ซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้า อย่างเดียว เวรแล้วครับ อาหารก็จะไม่พอ มื้อแรก ของเราก็พวกมาม่า ปลากระป๋อง ก็งั้น ๆ
ตกดึกนอน อย่างว่าละครับ ผมเป็นผู้ชาย เลยเสียสละ เต๊นท์ เลยไปนอนกับผู้หญิง รวมผมด้วย ก็ 4 คน สบายไป
พอตอนเช้าดูเหมือนแม่บ้านทำงานเร็วหรือผมตื่นช้าก็ไม่รู้ ได้กินอาหารเลยครับ หนาวมากครับฝนดันตกด้วย
เวรกรรมเลยครับ ช่วงเช้า เราก็เดิน ตามบริเวณใกล้เคียงกันก่อน 2 วัน เราเก็บสถานที่ใกล้เคียงหมดแล้ว
ที่นี้ต้องไกลของจริงแล้ว โบกรถไปเหวสุวัตบ้าง กลับมาก็ใช้ได้ครับเหนื่อยมากครับ ระหว่างทางเดิน เราจเจอทากด้วยครับ
ก็ไม่อะไรมาก ครั้งแรก เท่าหัวไม้ขีด พอเกาะเราได้สักแป็ป เท่านิ้วก้อยเอง ก็ไม่เท่าไหร่ครับ แต่การเดินทางครั้งนี้
พวกผู้หญิงอดทนมาก เก่งด้วยครับสวยงามมากครับ
ตกเย็น กลับเต๊นท์ได้ยินข้างบ้าน (เต๊นท์) พูดเรื่องเขาแหลม เป็นดังคิดครับ เช้ามาไปเลยติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ก็เกือบ 9 โมงเช้า
เสียตังค์ไป300 เหล้า 3 ขวด เหมือนแก้บนเดินทางเขาแหลม ไม่หมู ยังคิดเหนื่อยมากครับ โคตรไกลเลยไปนอนได้
คืนหน้ากลัวมากโคตรมืดเลย บ้างส่วนก็ไปส่องสัตว์ครับเจ้าหน้าที่ที่พาพวกเราไป เมาตลอดทางเลยครับได้กินอาหารป่าด้วยครับ
พวกผักปลาต่าง ๆ ครับรสชาติแปลก อร่อยครับ ผักก็หวานมาก เลยครับ ปลา ก็แปลก ๆ ตกดึก ไม่ค่อยได้นอนมานั่งคุยกันครับ
คืนสุดท้าย แล้วนี้ ถามไปนู้น มานี้ ตลกครับมาก แต่ ทุกคน แฝ้งไปด้วยความเศร้าใจ ว่าพรุ่งนี้เช้าต้องกลับแล้ว 7.00 น
เช้าแล้ว 7.30 แล้ว 8.45 กูหิวข้าว นั้นเป็นเสียงร้องออกมาจาก นอนเต๊นท์ ต้องตื่นครับ เพราะ หัวหน้าสมัชชาสั่ง อาหาร
ก่อนกลับเป็นมาม่าต้ม ชนิดที่เหลืออะไรใส่ให้หมด ครับก่อนกลับเราได้ ขอเก็บรูป กับเจ้าหน้าที่ กับบ้านแล้ว
ผมนึกในใจไอ้ หมี หัวหน้าสมัชชา มันนึกขึ้นได้ว่า ขามา เจอแต่ขี้ โคลน กับน้ำ มันเลย ถอดรองเท้าเหลือแต่ถุงกันทาก
มันแบบกรองเท้ากับเป้ไว้บนบ่า อุตส่าเดิน ตั้ง เกือบ 2 ชั่วโมง ถึงแล้วครับ เราต้องข้ามธารน้ำ แล้วก็จะถึงฝั่งผมข้ามมาได้
อย่างหวุดหวิด เกาะสลิง กลับ ที่นี้ตาหัวหน้าเรา เวรกรรมมีจริงครับ หวงรองเท้าเปลี่ยนด้วยกระแสน้ำ กลับ ความลื่น
จาก หัวหน้าของเรากลายเป็นหมู เล่นน้ำ ในช่วงบัดดลครับ ด้วยอันที่เราเป็นลูกน้องจึงสมน้ำหน้ามัน นี้ สะใจ
(แต่เพียงผู้เดียวในใจ)เราก็เลยอาบน้ำทาแป้งที่ธารน้ำนั้นเอง แล้วก็อาศัยรถโบกกลับ ลงตีนเขาใหญ่
แล้วก็ขึ้นรถทัวร์กลับในสภาพ ที่น่าเวทนาครับ รวม 4 คืน 5 วัน ดีครับเป็น ประสบเคาระกรรมที่น่าคิด และน่าสนุกครับ
เอาล่ะครับ หมดเรื่องโม้แล้วครับ ยังไงก็ไม่มีใครอ่านของผมหลอก แต่ผมได้ระบาย ความรู้สึก ดี ๆ อีกครั้ง ก็พอแล้ว
แนน ...
ป่าน กับ ดาว - - panter1999 - 27/01/2001
เขาใหญ่ นครนายก
เนื่องจาก ที่บ้าน ยาย ของผมอยู่ที่ ต.เกาะหวาย อ.ปากพลี จ.นครนายก ผมจึงมีโอกาศไปเที่ยวที่เขาใหญ่บ่อย
แต่แทบไม่ได้เดินป่าเลย มีไปนอนพักที่ บ้านพักครั้งนึ่ง ตลอดเส้นทางที่ขึ้นเขา ถ้าเจอจังหวะดีๆก็จะเห็นสัตว์ข้ามถนน
ผ่านหน้ารถเรา เช่นลิง กวาง ส่วนเวลาลงเขา ผมลงในตอนกลางคืน นำสปอร์ตไลค์ ไปด้วยส่องดูกวางได้สวยไปอีกแบบครับ
กลางคืนก็ระวังกันหน่อยนะครับ เพราะประวัติเสือที่ถูกสตาฟไว้ แต่ละตัวกัดคนตาย ใน บ้านทั้งนั้น
เอาเป็นว่า แนะนำครับ รถยนต์สะดวกมากๆครับ ธรรมชาติสองข้างทางดีครับ จากกรุงเทพ 2-3 ช.ม. ครับ
ให้มาทางองค์รักษ์จะสะดวกเพราะ ทางตั้งแต่ บ้านนา-นครนายก ทางยังทำไม่เสร็จครับ
|