Image Loading...
ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง...อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

คุณ lilin 23 กันยายน 2541


ปีที่ผ่านมา2540 เดินทางไปน้ำหนาวบ่อยมาแทบทุกเดือนเพื่อทำกิจกรรมที่สำคัญครั้งหนึ่ง คือค่ายนักนิยมธรรมชาติรุ่นเยาว์ ครั้งที่9ของชมรมนักนิยมธรรมชาติ ในครั้งนั้นเรารวบรวมเรื่องราวของป่าสนกับต้นน้ำเข้าด้วยกัน ร้อยเรียงเป็นเรื่องให้น้องๆม.ปลาย40คนได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญ ของป่าที่เขาพึงพิง ปีนี้เราหวังว่าเราจะสามารถทำให้เยาวชนรุ่นใหม่ ตระหนักและร่วมกันรักษาผืนป่านี้ได้




"สมพงศ์" (sompongh@hotmail.com) 12 พฤศจิกายน 2541


น้ำหนาว

เมื่อประมาณ ช่วงเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง จำไม่ได้ว่าเมื่อไร ไปดูที่ ลำนารายณ์ ก็เลยได้มีโอกาสแวะไป เที่ยวน้ำหนาว วันแรกนอนที่อุทยาน สุดยอดคนเยอะเลย ไม่ไหววันที่สองก็เลยมานอนที่ภูกุ่มข้าว ไม่มีใครนอนเลย ตอนแรกมีเรากลุ่มเดียว ตอนนั้นไปกัน 3 คนชายล้วน มีพี่เก้า พี่นก และ ผม คิดดูแล้วกันเดินจากปากทางเข้าไป ที่ภูกุ่มข้าวถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 7 กิโลเมตรน๊ะ หรือ สิบกว่าไม่แน่ใจ เสบียงมีพร้อม พอไปถึงก็เริ่ม หาสถานที่เตรียมที่จะลงเต้นท์นอนกัน บรรยากาศ ดีมาก สุดยอด เป็นทุ่งโล่ง มันเป็นภูเล็กน่ะ จากพื้นพอเดินขึ้นไป ที่ยอด ผมกะว่าประมาณ สัก 50-60 เมตรได้ความสูง ก็เล่นพอเหนื่อยน่ะ แถว ๆ นี้คนชอบมาดูกัน ก็เลยเดินไปทางด้านในสักประมาณ 100 เมตร ก็ประสบที่ที่แจ๋วมาก เลยปักหลักหุงหาอาหารกันตรงนี้แหละ พอตกเย็นคนมาเที่ยวก็เริ่มกลับ กันหมดแล้ว ก็คงเหลือแต่กลุ่มเรา พอตกเย็นบรรยากาศเริ่มวังเวงชอบกล บางทีไอ้ความที่มัน ไม่ค่อยมีคนก็เหงา น่ากลัวเหมือนกัน โชคดีหน่อยพอหัวค่ำมีพี่ ๆ มาเที่ยวเพิ่มเติมอีก 3 คน รวมเป็น 2 กลุ่มค่อยยังชั่วหน่อย แต่พวกพี่ ๆ เขาก็ตั้งเต้นท์ห่างจากเราไปพอสมควร เรียกว่า ถ้านั่งตรงที่ใครที่มันก็ไม่เห็นกัน พวกพี่เขาบอกว่าเขามาบ่อยเขารู้ตรงไหนมีอะไร คนหนึ่งใน สามคนเป็นคนที่นี่ หรือว่าอยู่มานานอะไรทำนองนี้แหละ ชำนาญพื้นที่มาก พี่เขาบอกว่าเดิน ไปทางด้านใต้ ๆ จะมีตาน้ำซับอยู่ เอาน้ำไปกินกันได้ เอามาแปรงฟันตอนเช้าได้ แต่บางหน้า ก็ไม่มี ไอ้เรื่องอาบน้ำอย่าหวังเป็นเป็นน้ำแบบเล็กมาก
พวกเรานั้นเอาเต้นท์ไปสองหลัง พอตกกลางคืนบรรยากาศมันก็น่ากลัวเริ่มใจไม่ได้ก็เลย ตกลงกันว่าใครจะนอนกับใคร ผมเองลึก ๆ ก็กลัว แต่ต้องทำเก่งไว้ก่อน พี่นกบอกขอนอนคนเดียว แล้วกัน ผมก็เลยนอนกับพี่เก้า พอกินข้าวกินปลากันเสร็จ นั่งคุยกล่อมกีต้าร์เบา ๆ สักพักใหญ่ๆ พี่นกบอกขอตัวไปนอนก่อน พี่เก้าก็เลยไปมั่ง ผมเองตกลงกันว่าจะผลัดกันเฝ้ายามเนื่องจากไม่ ค่อยไว้ใจในบรรยากาศสักเท่าไร ผมเลยอาสาเป็นยามกับพี่เก้าก่อน แล้วค่อย ๆ ปลุกพี่นกมาสลับ กับพี่เก้า ตอนนี้ก็เหลือพี่เก้ากับผม ก็นั่งผิงไฟกัน ไม้สนมีเยอะมาก เราเอาเศษไม้ที่มันตกข้าง ทางมาก่อกัน ก่อนมืดทางพี่ๆ อีกกลุ่มแนะนำว่าให้หาไม้สนไว้ มันจะติดไฟได้นาน มีข้อเสีย คือตอนเช้า เขม่ามันจะเข้าจมูกเยอะแยะแบบ ขี้มูกดำเลยล่ะ แต่เราก็หาไว้ พี่เก้าเองก็นั่งคอยเติม ไฟ ตอนนั้นน่าจะราว ๆ สี่ทุ่มได้ ผมเดินสำรวจรอบ ๆ พื้นที่ เลยแวะเข้าไปนั่งคุยกับพวกพี่เข้า นั่ง ๆอยู่ก็มีสัตว์วิ่งมาใกล้ ๆ อะไรก็ไม่ทราบได้ พี่ ๆ บอกว่าอย่าพยายามให้ไฟดับ เพราะว่า ทางที่พวกเราตั้งเต้นท์กันเป็นที่โล่ง สัตว์มันชอบเดิน อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าหมี พี่ๆ เขาก็บอกให้ เอาฟืนจากที่เขาไปอีก ผมไม่เห็นเขาหากันเลยไม่รู้เขาเอามาจากไหนกันก็ไม่รู้ พี่ ๆเขาสอนวิธีฟัง เสียงสัตว์เล่าเรื่องราวสัมผัสที่ หกของป่าให้ฟัง ผมยอมรับว่า น่ากลัวคืนนั้นผมเลยไม่กล้านอน เลยเพราะกลัวไม่มีคนอยู่ยาม พอกลับมาที่เต้นท์พี่เก้าก็ถาม มึงไม่ทำอะไรของมึงว่ะนานจัง กูเสียวโว้ย แก่บอกว่าเมื่อกี้มีอะไรกันเหรอเห็นลุกยืนกัน ผมก็บอก อ๋อ ดูสัตว์น่ะ ผมบอกให้พี่เก้า นอนเถอะมันเที่ยงคืนกว่าแล้ว เดียวปลุกพี่นกมานอนก็ได้ พี่เก้าบอก อย่าไปปลุกมันกูอยู่เป็นเพื่อนก็ ได้กูไม่กล้านอนคนเดียวคืนนั้นเราก็เลยไม่ได้นอนเลย กลางคืนเป็นเรื่องที่น่ากลัวจริง เสียงสัตว์ มันมีมากมายเลย แล้วพวกเราก็ไม่มีเครื่องป้องกันอะไรเลย แต่ว่าคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างสวัสดิภาพ เช้าเราก็เดินทางกลับตามฟอร์ม
เรื่องที่เล่ามาเป็นความทรงจำที่ดี ผมชอบบรรยากาศการก่อกองไฟ ทำอาหารนั่งคุยกันท่าม กลาง กลางคืนที่หนาว ชอบมาก กลิ่นอาย ของควันเนี่ยสุดยอดของบรรยากาศหาไม่ได้ในเมือง น๊ะจะบอกให้ ไปล่ะไว้วันหลังมาเล่าที่อื่นให้ฟังใหม่




ken (kitimapornj@hotmail.com) 24 ตุลาคม 2542


เที่ยวน้ำหนาว

ดูฝนดาวตกที่นั่น หนาวแต่ประทับใจ เจ้าหน้าที่อุทยานอัธยาศัยดี นกน่ารัก




ไม้ปิงปอง (por999@chaiyomail.com) 17 พฤศจิกายน 2542


เขาค้อ-น้ำหนาว-พัทยา 2 ลองไปดูซิ

เมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว ก็ยังไม่นานนะ ไม่ใช่ความหลังแต่เป็นความ ตั้งใจที่จะเม้าให้ฟังเฉย ๆ คือว่า ชีวิตของผมชอบการเดินทางมากถึงมากที่สุด ชีวิตที่มีจากความเรียบง่ายใฝ่หาธรรมชาติเมื่อผมมีโ อกาสผมจะเดินทางทุกครั้ง นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้เดินทาง ก่อนจะจากลาเพื่อน ๆ ที่เคยเรียนมาด้วยกัน
เขาค้อความหมายเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าสิ่งที่ ผมมองเห็นต่อสายตานั้น คือ พระตำหนักเขาค้อที่สมเด็จบย่า ทรงเสด็จ ประทับแรมบ่อย ๆ ดอกไม้เมืองหนาว ป่าเมืองหนาวและสายลมตอนเช้า ๆ เป็นบรรยายกาศที่ไม่เหมือนที่ไหนบางคนเขาก็เรียกว่า สวิตเซอร์แลนด์ เมืองไทย ผมได้ไปพักค้างแรมที่เขาค้อ 1 คืน ประทับใจมาก ที่ผมอยู่ที่นี้ นานไม่ได้ เพราะต้องไปน้ำหนาวต่อ
หลังจากที่กลับรถมุ่งหน้ามาอำเภอหล่มสัก ความรู้สึกก็บอกว่าอีกไม่นานเราจะถึงแล้วนะ ผมเริ่มเลี้ยวรถเข้า ไปในตัวอุทยาน อากาศที่เย็นมาปะทะร่างกาย ด้วยอุณหภูมิจากปรอท ที่ ผมนำติดตัวไปด้วย 5-6 องศา น้ำค้างเริ่มลง ผมถึงที่พักประมาณ 1 ทุ่ม กะว่าจะไปอาบน้ำ แต่เมื่อแตะน้ำดูแล้ว ผมเปลี่ยนใจทันที (เอาไว้เที่ยง ๆ พรุ่งนี้แล้วกัน) ขนาดตอนเที่ยงน้ำก็ยังเย็น เดินป่าในเวลากลางวันต้องใส่ เสื้อกันหนาวไปด้วย ไม่ใช่เพราะกันแดดกันแมลงกันหนามเกี่ยวหรอกนะ แต่กันหนาวก็คือกันหนาวนั่นแหละครับ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตรงดิ่งออกจาก อุทยาน ไปต่อที่พัทยา 2 สมคำเล่าลือ แดดร้อนครับเหมือนบางแสนที่ใคร ๆรู้จัก สิ่งแรกที่ผมทำก็คือ หาอะไรรองท้อง เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ใช่ไหมละ หนึ่งงีบ รู้สึกร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้าง เสียดาที่หาดทรายไม่ เหมือนบางแสน 1 แต่บางแสนสองก็สวยครับ ประมาณร 4 โมงเย็น ผม และเพื่อน ๆ ได้เดินทางกลับ ความประทับใจครั้งนี้ผมจะลืม ถ้ามีโอกาสผม จะกลับไป
ไม้ ปิง ปอง




เม มดแดง (mayphim111@yahoo.com) 29 ธันวาคม 2542


ค่ายนักนิยมธรรมชาติรุ่นเยาว์

ผ่านมาได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว ที่ได้เข้าค่ายนักนิยมธรรมชาติรุ่นเยาว์ วันที่ 10 เวลาผ่านไปรวดเร็ว แต่ไม่เคยลืมความทรงจำประทับใจในครั้งนั้นเลย ย่างก้าวทุกครั้งล้วนมีค่าเมื่อได้มาเยือนน้ำหนาว
พี่ๆ สอนให้เห็นถึงคุณค่าของต้นไม้ สายน้ำ และสื่งมีชีวิตต่างๆ ของผืนป่าแห่งนี้ อันเป็นถิ่นของพวกเรา ถิ่นที่เราเกิด
.....เด็กๆ ทุกคน ล้วนสนุกสนาน ชื่นชอบในกิจกรรมที่พี่นำมาเสนอ แต่ก็แฝงไว้ด้วยสาระและความรู้ อาทิ เช่น การเดินป่า ศึกษาธรรมชาติ อย่างใกล้ชิด การทดลองใช้ชีวิตแบบกวาง การดูนก ดูดาว ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มศึกษาธรรมชาติด้วย ทำให้รู้จักช่วยเหลือกัน มีน้ำใจให้แก่กัน และความสามัคคีภายในกลุ่ม
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืน อาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในชีวิตกลับมาได้อย่างมากมาย
ความหนาวเหน็บไม่ใช่เป็นอุปสรรคเลย กลับไม่รู้สึกทรมานด้วยซ้ำ หากแต่ว่า ความรักในผืนป่าแห่งนี้ มันเหมือนเป็นไออุ่นที่เกาะกุมในจิตใจของพวกเราทุกคน
ถึงเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นอดีตไปแล้ว อยากให้พี่ๆรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจุบันเสมอในหัวใจของเรา คือ
..น้ำหนาวและหัวใจของเราจะอยู่คู่กันตลอดไป




jan (pattrady@yahoo.com) 19 เมษายน 2543


อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว

ครั้งแรกที่ได้ไปน้ำหนาวตอนนั้นเป็นเดือนเมษายน  พอเข้าเขตอุทยานจำไม่ได้เลยว่าช่วงนี้เป็นหน้าร้อน  อากาศดีมากๆ  ตอนนั้นไปอยู่ 1 เดือนเต็ม เพราะไปฝึกงาน  สนุกมากได้เดินป่า  ได้ดูนก  ดูผีเสื้อ  โดยเฉพาะที่ถ้ำใหญ่น้ำหนาวสวยมาก  พี่ๆเจ้าหน้าที่ทุกคนใจดี  ต้อนรับดี  ช่วยสอนดูดาวและสอนประสบการณ์อื่น ๆ  ต้องขอขอบพระคุณมากนะค่ะ  โดยเฉพาะพี่หิน  ที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี  ช่วงที่มีฝนดาวตกก็ได้ขึ้นไปดู   หนาวมากใส่เสื้อหนาว 3 ตัว  แต่ก็สนุกดีตอนนี้อยากกลับไปเที่ยวมาก แต่ไม่มีใครพาไป  ใครไม่เคยไปขอแนะนำนะค่ะ  ว่ากลับมาแล้วจะไม่ผิดหวังเลย 




giggo (meaw.at@chaiyo.com) - 10/09/2000


ชีวิตที่เหลืออยู่จากน้ำหนาว....

เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2543 พวกเราได้ไปทัศนศึกษาที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว วันแรกที่ไปถึงประทับใจมากกับธรรมชาติที่นั่น คิดว่าวันรุ่งขึ้นจะเป็นการเดินป่าที่สนุก และก็สนุกจริงๆ แต่ ! มีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อพวกเราได้ไปเที่ยวที่น้ำตกห้วยทราย ที่นั่นน้ำตกสวยมาก และทุกคนก็ลงไปถ่ายรูปกันอย่างระมัดระวัง เพราะโขดหินลื่นมาก และได้ภาพสวยๆจากบรรยากาศที่นั่น
ได้มีเพื่อนๆเรา ลงไปเล่นน้ำกันอย่างสนุก โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเกิดอะไรต่อไป และเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อน้ำเริ่มแรงขึ้น แรงขึ้น จนเพื่อนที่ได้อยู่ข้างบน เริ่มผิดสังเกต ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพียงไม่กี่นาทีน้ำก็เริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีน้ำตาลแดง ซึ่งตอนนั้นพวกเราเริ่มรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บอกให้เรารู้ว่า น้ำป่ามันมาแล้ว พวกเราทุกคนที่อยู่ข้างบนก็เริ่มตะเกียกตะกายขึ้นมากัน ส่วนเพื่อนที่อยู่ในน้ำก็รีบว่ายเข้าฝั่งกัน แต่มีเพื่อนเราอีก 2 คน ที่ข้ามมาไม่ได้เพราะกระแสน้ำเชี่ยวมาก ตอนนั้นพวกเราตกใจกันมาก กลัวว่าจะต้องสูญเสียเพื่อนไป แต่โชคดีมากที่มีพี่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ได้ไปช่วยเพื่อนทั้งสองคนนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ยังคงอยู่ในความทรงจำของพวกเราทุกคนและตลอดไป อยากจะบอกว่าถ้าไปเที่ยวน้ำตกในหน้าฝนให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกเรา อาจจะเกิดขึ้นกับคุณได้ นะจะบอกให้ ฮิ ฮิ....




ป่าน กับ ดาว - - panter1999@hotmail.com - 11/01/2001


น้ำหนาวป่าใหญ่รึป่าคอนกรีต

ผมต้องบอกก่อนว่า ผมเป็นนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ไปอุทยานหลายๆ อุทยานในภาคเหนือ ลักษณะภายนอกของน้ำหนาวค่อนข้างจะเป็นถนน จนบางครั้งเยอะเกินจนขาดความเป็นธรรมชาติ แต่ภายในนั้นต้องยอมรับว่า น้ำหนาวมีธรรมชาติที่สวยมาก ป่ายังอุดมสมบูรณ์ ส่วนราคาเต๊นผมไม่รู้จริงเพราะนำเต็นไปเอง แต่ขนมรึว่าอาหารการกินจะแพงว่าห้องตลาดไม่มาก 2-8 บาท เท่านั้นเอง ห้องน้ำดีกว่าภูกระดึง เดินทางสะดวก โบกรถทีไร ได้ขึ้นทุกที(ขาออกจากอุทยานนะครับขาเข้าอุทยานยากมากขึ้นรถเมล์จะสะดวกครับ) แต่นานหน่อย
ช่วงที่ผมไปครั้งล่าสุดทางบางส่วนพังไปบ้าง ต้องใช้สะพานเหล็กมาใช้ชั่วคราว ผู้ที่ใช้รถยนต์ต้องระวัง ส่วนปั๊มน้ำมันใกล้ๆไม่มีครับ จะมีก็อีก 20 กว่าโลนะครับ ถ้ามอเตอร์ไซต์ ต้องระวังน้ำมันครับเพราะเปลืองเอาการ... ก็ไม่มีอะไรมากครับ ผมแนะนำชาวเพชรบูรณ์ให้รู้จักกับน้ำ ขี้ช้างที่ไม่ดัง แถวท่าพล เดิน-มอเตอร์ไซต์ จะดีครับ สนุกดีครับ ถ้าเป็นคนรักป่าน่าลองไปครับ เส้นทางถามชาวบ้านเอาครับ




mook151@hotmail.com - - mook151@hotmail.com - 24/01/2001


น้ำหนาว...สุดยอดแห่งบรรยากาศและสัตว็ป่า

เมื่อวันที่19 -21 มกราคมที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวมากับชมรมของทางสถาบัน อากาศดีมากๆเลย พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็อัธยาศรัยดี พูดคุยเป็นกันเอง พาเดินป่าก็อธิบายทุกอย่างที่เป็นความรู้ ป่าก็สวยงามมาก จุดชมวิวก็สวย น่าติอยู่นิดเดียวที่ไม่ให้เดินป่ารอบใหญ่ เพราะพี่ๆบอกว่าอันตรายมีสัตว์ใหญ่เยอะ และบอกว่าเพิ่งไปเดินสำรวจมามีฝูงช้างฝูงใหญ่ลงมาจากเขาจึงไม่ควรเดินเข้าเส้นทางนี้ แต่คราวหน้าถ้าได้ไปอีกจะลุยเส้นทางนี้ให้ได้ ถ้าใครกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวเลยคุ้ม เดินทาง475กม.จากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ5 ชม.กว่าๆเอง




ป้อมและเพื่อน ๆ - - te_nu2001@yahoo.com - 22/01/2001


น้ำหนาวที่รัก

เราตื่นกันตั้งแต่เช้า ออกเดินทางด้วยรถยนต์จากขอนแก่นขึ้นน้ำหนาวด้วยความกระตือรือร้น ถึงน้ำหนาวประมาณ 3 โมงเช้า เมื่อจัดการเรื่องที่พักกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวแล้วนั้น ก็เก็บข้าวของที่เต็นท์แล้วก็เตรียมตัวไปภูกุ่มข้าว เส้นทางจะตัดผ่านป่าเป็นทางลูกรังประมาณ 14 กม. ทางหนักหนาสาหัสเอาการทำให้เพื่อนที่นั่งข้างหลังหัวแดงไปตาม ๆ กัน ก่อนจะถึงประมาณ 2 กม. นั้น มีฝายกั้นน้ำให้บรรยากาศดีไปอีกแบบหนึ่ง
ไปถึงเป็นภูสูงขึ้นไม่มากนักเหมาะสำหรับการเก็บภาพวิวและทิวทัศน์เป็นอย่ายิ่ง จากนั้นกลับออกมาเล่นน้ำที่ฝายกั้นน้ำ กลับออกมาไปเล่นน้ำตกที่น้ำตกเหวทรายสวยมากสายน้ำเย็นเฉียบ น้ำใสมีแอ่งให้เล่นน้ำอย่างเหมาะเจาะ ตกเย็นกลับจากน้ำตกแล้วไปดูพระอาทิตย์ตกที่ถ้ำผาหงส์ กว่าจะขึ้นถึงเล่นเอาหืดขึ้นคอเลยทีเดียว แต่เมื่อขึ้นถึงแล้ววิวสวยมากแง่หินที่เลยออกมาจากหน้าผาเหมาะสำหรับการถ่ายภาพและชมวิวอย่างยิ่ง พระอาทิตย์ยามตกดินที่นี่สวยมาก
หลังจากนั้นกลับที่พักที่อุทยาน อาบน้ำซะที่ไหนกันละน้ำเย็นอย่างกะน้ำแข็ง นอนด้วยความเหนื่อยอ่อน รุ่งเช้าตื่นตั้งแต่เช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวซึ่งมองเห็นภูกระดึงและภูผาจิตเป็นฉากหลังสวยมาก หลังจากนั้นกลับที่พักแล้วเดินทางต่อไปยังทุ่งแสลงหลวง และภูหินร่องกล้ารวดเดียว 5 วันครับ (โดดเรียนด้วยเล่นเอาหมดค่าน้ำมันรถโขทีเดียว)แต่คุ้มค่ามากครับทั้งน้ำหนาว ทุ่งแสลงหลวง และภูหินร่องกล้า อ้อถ้าภูหินร่องกล้าต้องมีเวลาเดินหน่อยนะครับถึงจะเก็บความทรงจำได้คุ้มค่า ทั้งผาชูธง ลานหินแตก ลานหินปุ่ม หมู่บ้านกะเหรี่ยง ฯลฯ
ส่วนทุ่งแสลงหลวงนั้นถ้าเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเหมาะมากสำหรับการเดินทางเข้าไปในทุ่งแสลงหลวงครับ แต่ต้องมีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งต่อหัวหน้าอุทยานนะครับเพราะว่าไกลมาก เกือบ 60 กิโลจากที่ทำการครับ ไว้ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องอุทยานแห่งชาติน้ำตกปางสีดาให้ฟังนะครับ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้นะครับ มีประสบการณ์การณ์ดี ๆเอามาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะครับ




ตะวัน - - talui_tamtawan@yahoo.com - 03/02/2001



ไปมาเมื่อธันวาที่ผ่านมา หนาวมากเลยค่ะ นอนไม่หลับเลยอยากจะเอาเตาเข้าไปในเต้นท์ซะให้รู้แล้วรู้รอด เดินป่าก็ไม่ได้เดินเพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้มีเสือมาบริเวณนี้ ถ้าจะเดินป่าก็ต้องไปกับเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธครบมือ เลยไปแค่ภูกุ่มข้าวค่ะ หนุกดี..หนาว...




ป่าน กับ ดาว - - panter1999@hotmail.com - 27/06/2001


ใครมีโปรแกรมจะเที่ยว จ.เพชรบูรณ์ -เลย-สุโขทัย-พิษณุโลก-นครนายก ถามข้อมูลได้ครับ

น้ำหนาว มีทางขาดอยู่ช่วงหนึ่ง และทหารได้นำสะพานชั่วคราวมาให้ใช้แทน เดินทางด้วยรถยนต์ หรือ รถเมล์ หรือ โบกก็ได้ เพราะผมทำมา 3 วิธีหมดแล้วอิอิ โบกรถง่ายครับเพราะพี่ชาวรถขนผักจะใช้เส้นทางผ่านสายนั้นไป อ.หล่มสัก อยู่ตลอดเวลา ครับ ที่เที่ยวก็กระจายกันออกไป ดูภายนอกคล้ายป่าคอนกรีต แต่หากได้เดินป่านแล้วจะพบกับความอุดมสมบูรณ์ เป็นอย่างมาก ส่วยค่าที่พัก ก็ เต็นท์เช่า นอนได้ 2-3 คน >> 40 บาท/คืน นำเต๊นท์มาเองเสียค่าบริการ >> 10 บาท/คืน ผ้าห่มเช่า ผืนละ >> 10บาท/คืน หากจะอาศัยบ้านพักบ้านพักมีหลายขนาดหลายราคา แต่ต้องติดต่อที่ ฝ่ายบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ถนนพหลโยธิน เขตบางเขน กรุงเทพ.10900 โทร (02)579-7223,579-5734 ก่อนวันจะเดินทางนะครับ


บันทึกความทรงจำประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง

Image Loading...