Image Loading...
ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง...อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


คุณนักเดินทาง(sangnapapean@yahoo.com) 7 สิงหาคม 2541

เคยไปหลายที่แล้ว ในเมืองไทย ประทับใจที่นี่มากที่สุด ได้เห็นท้องฟ้าที่สวยงามมากๆ ทุ่งดอกหงอนนาคที่สวยงามซึ่งจะมีในฤดูฝน แต่ในฤดูฝนจะเดินทางลำบากมาก ถ้าไม่แน่จริงให้ไปช่วงหมดฝนดีกว่า แต่จะไม่เห็นความสวยงามเท่าฤดูฝน(ตุลาคม) น้ำตกที่นี่อร่อยเอยไม่ใช่ น้ำตกที่นี่สวยงามและใหญ่โตมากไปแล้วคุ้ม ขากลับอย่าลืมไปกินปลาน้ำจืดที่เขื่อนดินล่ะ และที่สำคัญอย่าทำลายความสวยงามของที่นี่นะ ช่วยรักษาให้ลูกหลานไง

จากนักเดินทาง


คุณ tonnam (ต้นน้ำ) 19 ตุลาคม 2541

หมอกหนาวดาวอุ่นที่ภูสอยดาว


กอปรเก็บความงดงามไว้ในหัวใจ
สวยเกินห้ามใจไม่ให้รัก...

จบละ



ย้อนอดีต..ภูสอยดาว

"อริยวรรณ" (panvadee@hotmail.com) 19 พฤศจิกายน 2541


เคยไปภูสอยดาวมาแล้วถึง 2 ครั้ง สวยงามมาก ไปวันที่ 23 ตุลาคม- 25 ตุลาคม ทั้งสองครั้งเลย แต่ต่างกันตรงที่ปี 38 และปี 40 อากาศหนาวมากครั้งแรกเจอฝนด้วย แต่ไม่มีใครบ่นซักคน ตอนเช้าตื่นมาดูทะเลหมอก สายๆพอแดดออกอ่อนๆเจ้าดอกไม้ดอกเล็กๆจะชูช่อไสว ทั้งสีเหลือง ม่วง ส้ม ซึ่งจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่ที่ขึ้นไปด้วยคอยอธิบายให้ฟัง เจ้าหน้าที่ใจดี คอยตอบคำถามที่เจ้าพวกช่างซัก ช่างถาม ถามอยู่ตลอดเวลา การเดินทางที่แสนโหดกว่าจะขึ้นไปถึง ใช้เวลาถึง 4-6 ชั่วโมง ต้องเดินตัวเปล่า(ถ้าไม่จำเป็นอย่าถือของมาก นอกจากน้ำดื่มสำหรับตัวเอง) สัมภาระทั้งหลายควรจะให้ลูกหาบดีกว่า คนที่ว่าแน่ๆของภูกระดึง ยังพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าเดินทางโหดกว่า (แต่ธรรมชาติกว่าเยอะ) ถ้าท่านเป็นคนที่ลุย และรักธรรมชาติจริงๆ เราก็ขอแนะนำ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวค่ะ( ถ้าเป็นไปได้อยากส่งภาพถ่ายมาให้ดูกันจังเลย)



ภูสอยดาวที่ข้าพเจ้าได้ไปสัมผัส (8/12/41)

"พล" (sunday72@thaimail.com) 20 ธันวาคม 2541


การเดินทางไปภูสอยดาว จากตัวตลาดอำเภอชาติตระการ จ.พิษณุโลก ต้องนั่งรถสองแถวประจำทางซึ่งจะเสียค่าเดินทางคนละ 50 บาท ซึ่งรถเที่ยวแรกจะออกเวลาประมาณ 9.00น. แต่ถ้ามากลุ่มใหญ่อาจจะเหมารถสองแถวขึ้นภูสอยดาวเลยก็ได้ในสนนราคาประมาณ 400-500 บาท แล้วแต่ต่อรองกัน ระยะทางจากตัวตลาดอำเภอชาติตระการถึงภูสอยดาวจะมีระยะทางประมาณ 73 KM. ภูสอยดาวมีระยะความสูง 2,102 M. จากระดับน้ำทะเล อืมมพูดได้เลยนะว่าสูงกว่าภูกระดึงแน่นอน ซึ่งจะต้องเดินเท้าเป็นระยะทาง 6.5 km (ภูกระดึง 5.5 km.) มีบริการลูกหาบในสนนราคา กิโลกรัมละ 10 บาท ข้างบนภูสอยดาวจะไม่มีเต้นท์ให้เช่าแต่อย่างใดทั้งสิ้น จะมีก็แต่น้ำเปล่า, น้ำอัดลมกระป๋อง ซึ่งขายในราคาเท่ากัน คือ 20 บาท เหล้า,เบียร์ บ้างนิดหน่อย มีส้มตำขายด้วยเกือบลืมบอกไป ของทั้งหมดที่มีขายนั้นลูกหาบจะขนขึ้นไปขายเองทั้งสิ้นไม่ได้มีการจัดเป็นร้านค้าแต่อย่างใด การเดินทางขึ้นไปนั้นต้อง ผ่านเนินต่างๆถึง 6 เนินด้วยกันคือ เนินส่งญาติ , เนินลานหิน, เนินปราบเซียน, เนินป่าก่อ, เนินเสือโคร่ง, เนินมรณะ เนินมรณะเนี่ยสุดยอดมาก ชันสุดๆยากลำบากมากกว่าทุกเนินเลยทีเดียว เมื่อผ่านเนินมรณะนี้จะถึงลานสนซึ่งเป็นจุด กางเต้นท์นอน ช่วงเดือนที่ไปนี้(ธันวาคม)ไม่เห็นดอกไม้อะไรบานเลย น้ำในลำห้วยน้อยมาก เพิ่งจะรู้ก็ตอนไปถึงเนี่ย หล่ะว่าต้องไปช่วงเดือนกันยาน-ตุลาคม เป็นงามที่สุด แต่ก็สวยงามอีกแบบนะ อากาศเย็นสบายตลอดการเดินเลย
หมายเหตุ ตอนขึ้นสองแถวจากตัวตลาดอำเภอชาติตระการ ควรติดต่อรถที่จะกลับด้วยเลยเพื่อความสะดวก หรือไม่คุณอาจจะต้องโบกรถกลับก็ได้




ภูสอยดาว

"ปกิต" (patrik-s@oocities.com) 3 มกราคม 2542


ผมเพิ่งไปภูสอยดาวกลับมาเมื่อคืน ช่วงนี้จะไม่ค่อยมีดอกไม้อย่างอื่นนอกจากกล้วยไม้ รองเท้านารีที่อยู่ฝั่งลาว แต่อากาศดีมาก ๆ (หนาวมาก) ช่วงหลังเที่ยงคืนเนี่ยต่ำกว่า 5 องศา น้ำค้างตกแรงมาก พอดวงอาทิตย์ตกน้ำค้างก็เริ่มตกทันที เต๊นท์จะเปียกชิ้นมากทำ ให้ยิ่งหนาว ตอนเช้าจะประทับใจกับ "น้ำตกหมอก" ซึ่งเป็นไอหมอกจำนวนมากค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงจากยอดภูสอยดาวที่อยู่ฝั่งลาวสวยงามมาก วิวที่หน้าผาที่เป็นจุดชมวิวก็น่า ประทับใจ จะเห็นแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนมีเมฆลอยอยู่เบื้องล่าง ทางขึ้นภูจะค่อนข้าง ลำบาก (ลำบากกว่าภูกระดึงมาก) คือบางช่วงจะชันถึง 85 องศาและเป็นหินที่มีฝุ่นทราย จึงลื่นมากต้องระวังให้ดี อาหารไม่มีขายข้างบนจะมีเพียงน้ำเปล่าและขนมนิดหน่อย แต่ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลเช่นปีใหม่จะไม่มีอะไรขายเลยเพราะคนน้อยมาก ต้องเตรียมอาหาร สดไปทำกินเอง โชคดีผมไปกับ "ไพรกว้างทัวร์" ซึ่งไกด์ทำอาหารเก่งมากเลยสบายไป ใครจะไปขอแนะนำให้ไปกับทัวร์นี้ครับ ข้อสังเกตคือขาลงจะลำบากกว่าขาขึ้นเพราะลื่นมาก ลงมาแล้วเล่นน้ำตกเย็นสบายน้ำใสสะอาดครับ ใครสนใจรายละเอียดมากกว่านี้เชิญ ถามจากผมได้ที่ patrik-s@oocities.com ยินดีเล่าให้ฟังครับ




pakorn pungcho (ct1977p@hotmail.com) 8 พฤษภาคม 2542


30/12/39 เวลาที่ผมไปเหยีอบภูสอยดาว ผมโบกรถจาก ก.ท.ม ไปกับ เพื่อน3คน ดว้ยว่ามีงบประมาณน้อยนิด ผมไปถึงแล้วไปถาม ท.ท.ท. แต่ เขาให้รายละเอียดน้อยมาก เราจึงตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เราโบก รถเข้าไป อ.ชาติตระการ ตามแผนที่ เราค้างที่นั้น1คืนนอนวัดแล้วตอน เช้าโบกรถเข้าอุทยาน ที่นั้นสวยงามมากโดยเฉพาะนํ้าตก เสียดายที่ ดอกไม้ร่วงหมดแล้ว ผมเล่าได้ไม่หมดคุณต้องไปดูด้วยตัวเอง
ชาย




Pathomdanai (Doyly@hotmail.com) 12 พฤษภาคม 2542


The Greatest show on Earth


I had gone to Phu Soi Dow twice. For the first time, my friend and I went there before New Year 1998. Phu Soi Dow in the winter was fine with the sea of mist in the morning and Red Maple across the Borderline in Laos. It was fun but too tired. With the very steep we faced on the way up high made us afraid on every step we'd been through. There are about six hills before reaching Lanson. Song-yard, Prab sian, Tiger, and last but not least Death hill are the long lasting memories. Nevertheless, it was one of the adventurous places we thought that "Revenge" must be done. This was because in the winter the flowers were faded away by the season of nature. Only dead body of the once beautiful flower could be recognized. However, the strange nature up there was elegant and hard to forget.
In contrast to the first chance, the revenge was overwhelmingly succeeded. Beautiful and wonderful both yellow and purple flower fields were very impressive. "It's like Cartoon." That's sentence during the time going up hill said by Loug Harb about this place. And, when we faced with it, it was unbelievable.
What a greatest show on earth!!!




"จิ้งจก" "แยกเจ" 13 พฤษภาคม 2542


เพิ่งลองเข้า Web นี้เป็นครั้งแรก (เชยซะไม่มี) ก็อ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็มาสะดุดที่ ภูสอยดาว อ่านความคิดเห็น ความรู้สึก ของคนเดินทางอื่นๆ แล้วรู้สึกอิจฉา เราไปภูสอยดาว วันที่ 1 มกราคม 2541 หงอยที่สุดเลย อากาศธรรมด๊า ธรรมดามาก ไม่หนาวอย่างที่ปีนป่ายขึ้นไปซะสูง แล้วพอขึ้นไปข้างบน แหล่งน้ำที่เคยมีน้ำ ก็ไม่มีน้ำเลย เจ้าหน้าที่ข้างล่างก็ไม่เห็นเอ่ยปากบอกซักนิด นักท่องเที่ยวเยอะ ทิ้งขยะ พวกขวดน้ำพลาสติกไว้เต็มเลย เชื่อนะที่หลายๆ คนบอกเล่าถึงความงามบนภูสอยดาว จะหาโอกาสไปอีกครั้ง เพื่อลบรอยความไม่ประทับใจ ครั้งแรก




เป้ (pae9@hotmail.com) 6 สิงหาคม 2542


ประสบการณ์ที่ผ่านมาที่ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์


เคยไปมาแล้วสองครั้งแต่ขึ้นเพียงครั้งเดียว ครั้งแรกไปเมื่อ 19 มกราคม 2538 ไปกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แต่พอไปถึงทางอุทยานบอกว่าน้ำข้างบนไม่มี ที่มีก็เกือบเน่าแล้วเลยเปลี่ยนใจไปเที่ยวชาติตระการและน้ำหนาวแทน
ครั้งที่ 2 ไปเมื่อ 23 ตุลาคม 2541 ก้อได้ขึ้นสมใจอยาก ข้างบนสวยมาก ดอกหงอนนาคเต็มทุ่งไปหมด ตอนที่ไปทางอุทยานได้ทำห้องน้ำไว้บริการแล้วสภาพเป็นแบบง่ายๆ พอใช้ได้ แต่ไม่ค่อยน่าใช้เพราะความมักง่ายของคนบางคนที่อ้างว่ารักธรรมชาติเมื่อถ่ายแล้วก็ไม่ลาดน้ำทำความสะอาด ต้องเป็นภาระกับเจ้าหน้าที่ซึ่งมากๆและบ่อยเข้าก็ไม่อยากทำ ดังนั้นขอร้องสำหรับนักเดินทางรุ่นใหม่ด้วย ช่วยกันรักษาความสะอาดกันด้วย ซึ่งผมคนหนึ่งล่ะที่ไปทำความสะอาดให้(แต่ห้องเดียวนะ) วิธีใช้ก่อนเข้าเราก็ไปเอาถังมาตักน้ำในลำธารแล้วค่อยเข้าแค่นี้ก้อเรียบร้อย ข้างบนมีความน่าประทับใจ ตีรงที่สิ่งอำนวยความสะดวกไม่มี ไม่เหมือนภูกระดึง ซึ่งไปมาแล้ว 6 ครั้งหมดความประทับใจจริงๆ ที่นี่ธรรมชาติล้วนๆ กินน้ำในธารน้ำ อาบน้ำในธารน้ำ(ช่วงปลายลำธาร) ช่วงที่ไปฝนตกด้วย ดังนั้นอย่าลืมผ้าใบสำหรับกันฝนด้วย ในกรณีที่เต้นท์กันฝนไม่ได้ มิฉะนั้นอาจต้องเปียกอย่างผม แต่ก็ประทับใจดี ที่นี่ไม่มีเสียงเพลงจากเครื่องเสียงไม่มีบ้านพัก ไม่มีเสียงประกาศเตือนจากทางอุทยานฯ ที่นี่มีแต่เสียงใบสน เสียงน้ำในลำธาร เสียงสายฝนสายลม ความหนาว และความรู้สึกที่ดีที่มีต่อเพื่อนรวมทาง มีต่อธรรมชาติ
ผมกำลังจะย้อนกลับไปสู่ความทรงจำที่ดีอีกครั้งในวันที่ 12-14 สิงหาคม แล้วจะนำความทรงจำดีๆ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับภูสอยดาวมาฝากเพื่อนๆ กัน




เป้ (pae9@hotmail.com) 21 สิงหาคม 2542


ภูสอยดาว วันแม่ปี 42


ย้อนอดีตที่ภูสอยดาว 12-15 ส.ค. 42
1 ปีผ่านมาเกือบเต็ม ในที่สุดผมก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง พวกเราวางแผน ล่วงหน้าหลายเดือนอยู่ ทั้งการจองตั๋วรถไฟ ชั้น 2 เพราะเป็นวันแม่ อีกอย่างปีที่แล้วเราไปชั้น 3 กันรู้สึกไม่ค่อยสบาย สู้ เพิ่มเงินอีกนิดเราก็ไม่ต้องไปแย่งที่กับใคร เราเดินทางด้วยรถไฟขบวนเดิม ไปลงอุตรดิตถ์แล้วหาเหมารถไปยังที่ทำ การด้วยระยะทาง 150 กม. ถึงแม้ว่าก่อนเดิน ทางกรมอุตุฯ ได้พยากรณ์อากาศไว้ว่ามีมรสุมเข้าช่วงภาคเหนือตอนล่าง ฝนตกตลอด แต่เราก็ล้มเลิกโครงการไม่ได้ ในใจ ก็คาดหวังว่าฝนคงไม่ตก หรือตกเป็นบางช่วงและตั้งใจไปดูทุ่งหงอนนาค และป่าสนช่วงเดือนนี้ว่าจะแตกต่างจากปีที่แล้ว
อย่างไร พวกเรา 7 คนให้รถแวะที่ตลาดน้ำปาดเพื่อหาซื้อเสื้อกันผนคนละ ตัวเพราะไม่มีวี่แววว่าฝนจะหยุดตก เราถึงที่ทำ การเที่ยงตรง ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่มีลูกหาบเพราะมีกลุ่มนักท่องเที่ยว ประมาณ 20 คนมาเที่ยวและเอาสัมภาระมาเยอะ มากๆๆๆๆ แบบเอาไปให้สบายเลย ทำให้ลูกหาบไม่มีให้กับนักท่องเที่ยว กลุ่มอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วการเที่ยวป่าไม่ควรเอาสัมภาระ ไปเยอะ เอาไปเพียงแค่ดำรงอยู่ได้ก็พอ ซึ่งลักษณะนี้เป็นการเห็นแก่ตัวไม่ เห็นใจคนอื่นสุดท้ายของที่แบกขึ้นไปเหลือก็ต้อง เสียค่าแบกลงอีก ในที่สุดพวกเราก็ต้องแบกของขึ้นกันเอง มันหนักมา สำหรับช่วงที่ฝนตกอย่างนี้ แถมท้ายด้วยการต้อง เดินขึ้นทางด้านเนินส่งญาติอีกเพราะทางลัดทางน้ำตกถูกน้ำพัดพังและน้ำ ไหลแรงมากทางเจ้าหน้าที่เกรงจะอันตรายจึงห้าม
เราใช้เวลาเดินขึ้น 5 ชั่วโมงด้วยอาการย้ำแย่กันทุกคน เรากางเต้นท์ กลางฝน มื้อเย็นจึงต้องอาศัยข้าวเหนียวหมูทอดที่ เราเตรียมไปเยอะพอสมควร ข้างบนอากาศหนาวมากบวกกับความชื้นถึง กับสั่นไปทั้งตัวเลย ทั้ง 3 วัน 2 คืนเราเจอสภาพอากาศ แบบนี้ตลอด หมอกหนาห่างหันแค่ 2 เมตรก็แทบมองไม่เห็น น้ำในลำธาร เยอะมาก ลมตอนกลางคืนพัดแรงฝนก็ตกบางครั้ง ต้องนั่งจับเต้นท์ไว้เพราะกลัวว่าจะพังลงมา แต่ครั้งนี้นอนสบายกว่าปีที่ แล้วเพราะเราเตรียมอุปกรณ์กันฝนไปดี
ทุ่งหงอนนาคยังคงเต็มทุ่ง แต่ไม่มีโอกาสบานเพราะไม่เจอแสงแดด คง รอบานตอนนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปช่วงเดือนกันยา และตุลาแน่นอน (น้อยใจนิดๆ) ป่าสนข้างบนสภาพดีกว่าปีที่แล้วเพราะปี นี้ฝนตกชุก ต้นไม่ที่เคยหักเมื่อปีก่อนตอนนี้ก็ยังอยู่ใน สภาพเดิมไม่มีใครไปเคลื่อนย้าย ขยะลดลงมากอย่างเห็นได้ชัด ความเปลี่ยนแปลงที่น่าประทับใจใน 1 ปีที่ผ่านมาก็คือทางอุทยานได้ ให้นักท่องเที่ยวที่ก่อนจะเดินขึ้นภูฯ ซื้อถุงขยะจำนวน แล้วแต่ขนาดของกลุ่ม ถุงละ 100 บาท เพื่อเก็บขยะที่ใช้แล้วลงมาข้างล่าง เอามาให้เจ้าหน้าที่ดูแล้วก็รับเงินคืน ซึ่งเป็นความคิด ที่ดีมาก ถ้าภูกระดึงทำได้อย่างนี้ วันนี้ภูกระดึงคงไม่อยู่ในสภาพที่ทรุด โทรมอย่างนี้ จากที่สังเกตุนักท่อเที่ยวทุกคนเห็นด้วยและ เต็มใจปฏิบัติตาม จึงอยากฝากนักท่องเที่ยวรุ่นหลังๆ ความหวังของ ธรรมชาติทั้งหลายช่วยกันสนับสนุนแนวคิดนี้เพื่อ ธรรมชาติจะได้คงอยู่กับเราให้ลูกให้หลานได้ชมเหมือนที่พวกเราได้ชม กัน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เอากล้อง Auto ไปก็ระวังเรื่องความชื้นหน่อย ควรเอาอุปกรณ์กันชื้นไปให้พร้อมมิฉะนั้นกล้อง อาจหยุดการทำงานชั่วขณะ ทำให้อดรูปเด็ดๆ ไปได้ เหมือนอย่างผม ปีนี้ไม่ ได้เอา Manual ไป(ซ่อมยังไม่เสร็จ) จึงทำให้ อดภาพสวยๆ น่าประทับใจไปหลายภาพ งานนี้เราต้องใส่ชุดกันฝนตั้งแต เดินขึ้นจนกลับลงมา รูปที่ออกมาเลยไม่มีอะไร เร้าใจเพราะมีแต่รูปชุดกันฝนทั้งน้าน.....
ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวที่นี่คือตั้งแต่ปลายเดือน สิงหา - ปลายเดือนตุลา ยังไงก็ดูสภาพอากาศ กันหน่อยแล้วกัน
ขอให้เที่ยวชมธรรมชาติอย่างมีความสุข มีคุณค่า และช่วยกันรักษา นะครับ




ก้อย 10 กันยายน 2542


ภูสอยดาวเมื่อ 6 ปีที่แล้ว


ย้อนอดีตที่ภูสอยดาว 12-15 ส.ค. 42
ไปภูสอยดาวครั้งแรกเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เป็นการเที่ยวภูเขาแบบค้างแรม ครั้งแรกในชีวิต เลยไม่รู้จะเปรียบเทียบว่าสวยเหมือนที่ไหนดี ช่วง นั้นเป็นหน้าร้อน ไม่มีดอกไม้บาน ไม่มีธารน้ำตก มีแต่ทุ่งหญ้าแห้งๆ กับทุ่งสนและสายน้ำที่แห้งขอดเท่านั้นเอง จำได้ว่าเมื่อขึ้นไปถึง ใหม่ๆรู้สึกผิดหวังมาก ถามตัวเองว่านี่เราดั้นด้นมาถึงนี่เพื่ออะไร กัน เพื่อมาพบกับความแห้งแล้งอย่างนั้นหรือ น้ำที่มีกันอยู่คนละขวด ก็ต้องกระเหม่ดกระแหม่ใช้ให้พอถึงวันรุ่งขึ้น สมัยนั้นยังไม่ มีหรอกของซื้อของขาย มีแต่ภูจริงๆ เรื่องล้างหน้าล้างมือนั้นไม่ ต้องพูดถึง แค่จะใช้แปรงฟันยังเสียดาย ตกกลางคืนก็หนาวจับใจ นอนกระ สับกระส่ายจนถึงตีสี่ ทนไม่ได้ต้องออกมาก่อกองไฟ จนกระทั่งเช้า อากาศหนาวมากขนาดที่ว่าหันหน้าผิงไฟแต่ด้านหลังเย็นยะเยือก
ขากลับเดินกันเป็นจรวดแทบจะเป็นวิ่ง เนื่องจากน้ำของทุกคนหมดแล้ว ดังนั้น ทุกคนจะต้องไปให้ถึงน้ำตกตีนเขาก่อนที่เรี่ยวแรงจะหมด พึ่งตระหนัก วันนี้เองว่าถ้าโลกขาดน้ำแล้วจะเป็นยังไง ทุกคนกระหายน้ำมากจนแทบจะ หมดเรี่ยวแรง บางคนก็แทบจะเป็นลม แต่พอได้ยินเสียงน้ำตกเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าเรี่ยวแรงมาจากไหน วิ่งรวดเดียวถึงน้ำตกเลย
พอได้ปล่อยตัวให้แช่ในน้ำเย็นๆแล้วก็เริ่มคิดทบทวนว่า"เราผิดหวังจริงหรือ" ท้องฟ้ากลางคืนที่มีดวงดาวเป็นล้านๆดวงจนเรานับไม่ถ้วนและใกล้ซะจนเรา แทบจะเอื้อมถึง ต้นเมเปิลเล็กๆที่อยู่ในซอกเขาริมน้ำตก แล้วยังมี ลูกหมูป่าตัวน้อยๆที่วิ่งมาตัดหน้าเราระหว่างทาง เสียงสัตว์ป่าและ เสียงพงไพรในตอนกลางคืน หมอกขาวๆในตอนเช้า ที่สำคัญเราจะหาที่ที่ เป็นธรรมชาติอย่างนี้ได้จากที่ไหนอีก ที่ที่ไม่มีร้านค้า ไม่มีบ้าน พัก มีแต่ธรรมชาติที่รายล้อมตัวเราเท่านั้น นี่แหละสิ่งที่เราต้อง การไม่ใช่หรือ สิ่งที่ทำให้เราประทับใจและอยากจะกลับมาที่นี่อีก ตราบใดที่ธรรมชาติที่นี่ยังไม่ถูกคุกคามจากสิ่งก่อสร้างและมลภาวะ ต่างๆ




อินเดียนน่านัส (chevavut@chaiyo.com) 24 กันยายน 2542

หุบเขาแห่งความเวงวาง ตอน สวรรค์บนดิน


แม้วันเวลาเปลี่ยนไป ยังคงมีความทรงจำและรูปถ่ายเท่านั้นที่สามารถ เก็บมาได้ ผมรักการผจญภัยในภูเขามาก เหมือนการรอคอยที่จะได้พบกัน อีก การผจญภัยแบบนี้จึงทำให้ผมได้ผมสิ่งที่ควรจะบันทึกในความทรงจำ มากมายที่ท้าทายรออยู่ แต่ความที่มีภาระที่จะต้องปฎิบัติ จึงทำให้ไม่ได้มี โอกาสไปสัมผัสมากนัก ผมได้สัมผัสมาหลายภูเขาแล้ว โดยเฉพาะภาคอิ สาน เช่น ภูกระดึง ภูเรือ น้ำหนาว ภูสอยดาว และอีกมากมายที่ไม่ค่อยคุ้น หูเท่าใดนัก แต่ละภูจะมีสิ่งที่แตกต่างกันเหมือนผู้หญิงนั้นเอง
ประสบการณ์แรกที่จะถ่ายทอดคือที่ภูสอยดาว หลังจากเดินทางโดยรถ ทัวร์ไปลงที่ พิษณุโลก แล้วต่อที่ชาติตระการตามลำดับ หน้าหนาวอากาศดี มาก เช้าวันนั้นเป็นวันที่สดใสมาก เหมาะแก่การสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เหมือนเราได้กลิ่นอายของสวรรค์แล้วนั่นเอง หลังจากนั้นได้นั่งรถปิ๊กอัพเข้า ไปตีนเขาอีกประมาณ 8 กม หลังจากเติมพลังงานแล้ว การเดินทาง(เดิน จริง ๆ)ก็เปิดฉากขึ้น
ระยะทางจากตีนเขาขึ้นถึงยอดประมาณ 8 กม ขึ้นและลงเขาสลับกันไป เดินกันจนรู้สึกว่านี้หรือคือสวรรค์ เหมือนนรกต่างหาก ทันใดนั้นพอพ้นเนินขึ้นไปแทบไม่เชื่อว่าเราอยู่เหนือก้อนเมฆ ล่อง ผ่านตัวเย็นเยือก ทำให้นึกขึ้นมาได้ว่านี้แหละใช่สวรรค์จริง ๆ ขณะเดียว กัน กอไผ่มีเสียงดังขึ้นทันใดนั้นเราหันไปพบงู คาดว่าจะเป็นงูจงอาง มัน จ้องมองพร้อมแผ่แม้เบี้ย เราเห็นดังนั้นจึงหยุดตั้งสติสักพักแล้วค่อย ๆ เคลื่อนจากบริเวณนั้น แล้วจึงวิ่ง หลังจากพ้นบริเวณนั้นแล้วประมาณ 2 นาทีด้วยความเหนื่อยและกลัว จึงได้โอกาสหยุดพักแต่มาดูที่กระติกน้ำไม่มีน้ำ เนื่องจากหกเมื่อตอนวิ่งหนี จนประมาณเที่ยง เราก็ได้หายใจยาว ๆ อีก ครั้งเมื่อถึงยอดเขาแล้ว เราก็จัดการสัมภาระเรา และผมก็ได้เอนกายมอง ฟ้า ขณะที่เพื่อนไปหาฝืน
เสียงลมได้พัดลอดช่องของกิ่งไม้(สนสามใบ)เสียง คล้ายบทเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงมันคล้ายกับมีเครื่องบิบ บินไปบิน มา ความเงียบสงัดมาเยือนประกอบด้วยเสียงนกร้อง คล้ายจะเป็นนกเขาไฟ ผมชอบมากมันรู้สึกถึงความเวิ้งว้าง โดดเดียวชอบกล ทางด้านหน้าเป็น หน้าผา พระอาทิตย์กำลังยอแสงสีแดงสลับส้มช่างสวยงามเหมือนใครมา แต่งแต้มสีเอาไว้ หมอกปกคลุมและไหลมายังกลับ ไนโตเจนเหลวที่เขาทำ ควันตอนคอนเสริตนั้นแหละ ภาพพระอาทิตย์ตกชั่งสวยงามมาก ผมจึง หลับตาพร้อมจินตนาการ ทำให้ผมรู้สกว่าผมคล้ายกับบินได้ ผมจึงลืมตา ขึ้นมา ตกใจ! ตื่นเมื่อกี้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ผมพบว่าฝันที่เป็นจริง เมื่อผมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ช่างสวยเหลือจะพรรณาออก มาเป็นคำพูดได้
ผมจึงได้พบว่าสวรรค์บนดินมีจริง ซึ่งสววรค์ในที่นี้ผมหมายถึงความสบาย ใจ เป็นสุขใจแม้จะเป็นเพียงชั่วเดี่ยวเดียว จนกระทั่งขณะนี้ที่ผมนั่งอยู่หน้า จอคอมพิวเตอร์ขณะพิมพ์เล่าประสบการณ์อยู่ ผมก็รู้สึกว่าสวรรค์อยู่รอบ ตัวผมนี้เอง และจะอยู่ตลอดไปตราบที่ผมยังไม่ลืมประสบการณ์ครั้งนั้น




จิ๊บ (faynarak@hotmail.com) 26 ตุลาคม 2542


ไปมาแล้ว


ภูสอยดาวหรือค๊ะ ไปมาแล้วตอนปี 1 ไปกับชมรมเที่ยวป่าของม.เป็น อะไรที่ปราบเซียนมากเลย เดินป่าครั้งแรกก็เจอดี เดินไปก็ร้องไห้ไป จะลง ก็ไม่ได้ แต่เมื่อขึ้นมาแล้วก็ประทับใจมากเลย กับทุ่งดอกไม้ พอตื่นเช้ามา ก็ทะเลหมอกอีก คนที่ร่างกายไม่แข็งแรงอย่าไปเลยนะคีะ อันตรายจริงๆ แต่ถ้าไม่ลำบากก็ไม่รู้นะสิค๊ะ ว่าความสุขสนุกสนานที่แท้จริงเป็นอย่างไร




bubble(bubblegum@poppymail.com) 10 พฤษภาคม 2543


ภูสอยดาว - ดินแดนแห่งความฝันสำหรับคนรักป่าสน ใบเมเปิลและสายหมอก


สำหรับใครที่รักในความงามของป่าสนและสายหมอก และชอบความท้าทายของการเดินขึ้นเขาแล้วล่ะก็..  ไปเที่ยวภูสอยดาวแล้วจะไม่ผิดหวังเลยค่ะ  เดินขึ้นเขาไกลและลำบากกว่าภูกระดึงมาก  แต่ยิ่งเดินขึ้นไปสูง  ถึงจะเหนื่อย  แต่ก็จะประทับใจกับลมเย็น ๆ  ที่พัดเอาเมฆหมอกมา  มองลงไปจะเหมือนเดินอยู่เหนือเมฆ  ข้างบนยอดเขาเป็นผืนป่าสนที่สวยงาม  มีทุ่งดอกไม้ป่าชนิดต่าง ๆ  ผลัดกันบานให้เห็นในช่วงปลายฝนต้นหนาว   ถ้าเดินข้ามไปฝั่งลาวจะได้เห็นกล้วยไม้รองเท้านารีที่สวยงามมาก 
บางคนอาจจะไม่เคยทราบว่า  ภูสอยดาวก็มี ใบเมเปิล  ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงสะพรั่ง และร่วงอยู่ในแอ่งน้ำและบนโขดหิน ของน้ำตกสายทิพย์   ถ้าใครที่รักใบเมเปิลด้วยล่ะก็  มาที่นี่ได้เห็นแน่นอนค่ะ 
เพิ่มเติมนิดนึงค่ะ ถ้าไปช่วง  ธค. - ต้น มค. แล้ว  อากาศหนาวเย็นมาก   บางครั้งอุณหภูมิอาจลดต่ำถึง 0 องศาค่ะ  รับรองว่าไม่แพ้ต่างประเทศเลย   เช้า ๆ แต่ถ้าชอบบรรยากาศแบบดินแดนเทพนิยาย  ต้องไปช่วงปลาย ตค. - ต้น พย.  จะมีหมอกหนาทั้งวันเหมือนเดินอยู่ในดินแดนเทพนิยาย  แล้วถ้าไปดูที่หน้าผา  จะเห็นทะเลหมอกทั้งวันเลยค่ะ  แต่ต้องเตรียมพร้อมรับกับฝนตกตอนช่วงกลางคืน   ทั้งเปียกทั้งหนาว  แต่ได้บรรยากาศลุยของแท้ค่ะ
.



จุฑามาศฯ(jutamas07@hotmail.com) 6 มิถุนายน 2543


อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


การเดินป่าครั้งแรกในชีวิตเริ่มขึ้นที่นี่ เป็นประสบการณ์ที่เราประทับใจมากทีเดียว เดินครั้งแรกก็เจอหนทางโหด ๆ และลำบาก แต่การเดินทางครั้งนี้ก็แสนคุ้ม เมื่อเป็นการจุดประกายให้กับตัวเอง ว่าการเดินทางนั้นมันท้าทายและสนุกมากแค่ไหน หนทางขึ้นไปลานสนที่ภูสอยดาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ร่วมทางที่มีร่างกายแข็งแรง และใจรักด้วย เพราะถ้าถอดใจแล้ว ไปไม่ถึงแน่ ๆ ทุกเนินของภูสอยดาว สุดจะบรรยาย แต่ก็ขอขอบคุณความประทับใจในบรรยากาศ อากาศ และทิวทัศน์ ความหนาวเย็น ความสวยงามที่ได้พบเห็นมา ขอบอกเลยว่าสุด ๆ ทุกด้าน มีทุ่งดอกไม้ให้ชมมาก และดอกไม้แปลก ๆ มีให้เห็นกันมากมายที่ลานสน คนไหนไม่เคยไปลองดูสักครั้งสิในชีวิตนะ




จุฑามาศฯ(gonproject@hotmail.com) 10 มิถุนายน 2543


ภูสอยดาวที่เราเฝ้าคิดถึง....


เป็นการเดินป่าครั้งแรก ที่สุดจะทรมาน เนื่องจากหนทางนั้นแสนจะชันอะไรอย่างนั้น แต่ก็จุดประกายให้เรารู้จักการเดินป่าที่แท้จริง และบอกได้คำเดียวว่าสุดคุ้ม ถ้าใครคิดจะไปเตรียมสุขภาพร่างกายให้พร้อม และลุยซะ




ลุงตู่ แอร์พอร์ท - - chaiyuth.c@chaiyo.com - 18/07/2000


re:อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว


เคยไปมาแล้วเหมือนกันครับ ทางขึ้นงี้โหดสุดๆ ช่วงเนินส่งญาติกับเนินมรณะ ตอนที่ไปมีเราเพียง 5 คนเองทั้งภู ได้นอนบ้านพักเจ้าหน้าที่อุทยานด้วย ต้องไปดูเองว่าเลิศอย่างไร ฝนตกตลอดคืนเลย อากาศเย็น วิ่งไล่จับเมฆเล่น แต่ไม่เจอนางฟ้าเลย ใครยังไม่เคยไปต้องไปลองดูสักครั้งนะ แล้วชิวิตจะมีความหมายมากกว่านี้




แม่มดน้อย - - 68073397 - 26/07/2000


re: ภูสอยดาวที่เราเฝ้าคิดถึง....


เห็นด้วย ไปมาสองหน รักภูสอยดาวมาก ๆ ขึ้น ถึงจะยากลำบากแค่ไหน แต่เป็นสุดยอดของสถานที่ที่ประทับใจ ในขณะนี้ 11.30 26.7.00 โต๊ะทำงาน (ไปมาเมื่อ 14-17 กรกฎาคม 2543)




จิงโกะ กะ ทิกท้อจัง  27 กรกฎาคม 2543


ภูสอยดาว


บันทึกการเดินทาง......ภูสอยดาว ( 11-12 กันยายน 2542 )
สายฝนโปรยพริ้ว ผ่านยอดไม้ หอมกลิ่นละอองไอ... ดินหญ้า สายหมอกเคลื่อนไหว บางจางตา ทุ่งดอกไม้ตรงหน้า สะพรั่งพราย สวนสนสูงสุดสวยสุดสายตา แมงมุมน้อยถักทอใย ไปมา สีบางใส เสียงจั๊กจั่น เสียงแมลง แว่ว....มาแต่ไกล เป็นลำนำจากไพร ให้ ผู้มาเยือน ทากตัวน้อยค่อยเคลื่อนคลาน ผ่านใบไม้ เสียงน้ำไหล เอื่อยเซาะค่อยเลาะเลื่อน แม้สายฝนลบรอยเท้าให้จางเลือน ความทรงจำยังย้ำเตือน ให้หวลมา ........ เป็นรางวัลที่มีค่า ....แด่ผู้มา .....ภูสอยดาว

ไปเที่ยวภูสอยดาวมาแล้วค่ะมันส์มาก ลุยมากเลย พวกเราจะผลัดกันเล่าให้เพื่อนๆฟัง และน่าเป็นข้อมูลกับใครที่อยากไปเที่ยวค่ะ

ภูสอยดาว....... เส้นทางสู่ภูสอยดาวด้วยเสันทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ผมเพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 11-12 นี้เอง แต่ทางที่ดีควรไปซัก 3 วัน ไป 2 ตัวคับ ฟาย 1 ตัว กับหมาอีก 1 ตัวครับ "มออ.....อ" เนื่องจากเป็นป่าฝน ฝนตกเกือบตลอดวัน แต่ดอกไม้จะบานในหน้านี้ รับรองคุ้มค่าครับ สิ่งที่สำคัญต้องเตรียมคือ
  1. เตาแก็ส เพราะจะก่อไฟลาบากถ้าฝนตก เราทำกับข้าวกันในเต็นท์เลยครับ
  2. Fly Sheet ต้องเอาเต็นไปครับไม่มีบ้านพัก ที่สำคัญก็ไอ้ Fly Sheet นั่นหล่ะครับ ถ้าไม่เอาไปรับรองน้ำท่วมแน่นอน ถ้าไม่มีก็ใช้พลาสติกปูโต๊ะ ความยาวซัก 2.50 เมตรใช้แทนกันได้ แถมยังเป็นที่รองน้ำฝนได้อีกด้วย
  3. อาหาร
  4. ถุงนอน หนาวมากครับ ไม่ต้องหวังว่าจะได้อาบน้ำบนภู ลงมาอาบที่ขนส่งรวดเดียวเลย จะมีน้องทากเกาะกลับมากรุงเทพด้วยเพียบเลยครับ แต่น้องทากเค้าใจดีครับไม่ยอมดูดเลือดเราเลย คงเหม็น ....
  5. เสื้อกันฝน เอาแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งก็ได้ ที่บิ๊กซี 16 บาทเอง
  6. น้ำดื่มครับ ไปแวะซื้อที่อำเภอน้ำปาดได้ครับ ข้างบนก็มีลำธารครับ อยู่ไม่ไกลจากจุดกางเตนท์เราสามารถจะไปตักน้ำที่นั่นมาต้มทำอาหาร และใช้แปรงฟันได้
  7. กล้องครับ มี Subject ให้เก็บเยอะมาก
สิ่งที่ไม่ต้องระวัง 1.ทากมีน้อยครับ ไม่สะใจเลย อุตส่าห์เอายาเส้นไป ผมเลยต้องดูดเองขี้เกียจขนกลับ ครับ
เริ่มต้นการเดินการด้วยรถทัวร์จากหมอชิตใหม่ ถ้าเชิดชัยทัวร์ก็ 250 บาท บขส.ก็ 390 กว่าบาท ออกเดินทางจากกรุงเทพตอน 4 ทุ่ม ควรจะไปรอบซัก 20.00 น.กว่า ๆ จะได้ไปถึงแต่เช้า ระหว่างนั่งรถพักผ่อนเก็บแรงไว้มาก ๆ ครับ ควรมีหมอนรองคอจะได้นอนสบาย( Travel Mart ครับ 96 บาท ) ช่วยได้มากเลย หลับ....... เช้าแล้วครับตื่น....แต่ยังไม่ถึงนะครับ เข้าเขตอุตรดิตถ์แล้ว สังเกตยอดดอยสองข้างทางจะเต็มไปด้วยหมอก สดชื่นนนนนนนน...เมื่อได้เห็น
เมื่อถึงขนส่งจังหวัดก็จะมีพวกรถเหมากรูเข้ามาถามว่าจะไปไหน ถ้าเราเหมารถเขาไปที่ที่ทำการภูสอยดาว จะตกราคาประมาณ 1000-1500 บาท (เฉพาะไปอย่างเดียว กลับก็นัดเค้ามารับ เค้าจะคิดราคาเดิม )
ถ้าคุณอยากลุยก็ไปรถเมล์แบบผมสิถูกกว่ากันเยอะเลย ข้างหน้าขนส่งจะมีร้านข้าวแกง รองท้องสักจานก่อน แล้วขึ้นสามล้อที่ตรงร้านข้าวแกง บอกพี่เค้าว่าจะไปขึ้นรถเมล์ไปน้ำปาดเค้าจะพาไปส่งถึงที่ 30 บาท เมื่อถึงท่ารถเมล์ไปอำเภอน้ำปาด ตีตั๋วครับ 27 บาท แล้วขึ้นนั่ง 1.5 ชั่วโมงครับจะถึงอำเภอน้ำปาด ระหว่างนั่งรถคุณจะได้เห็นทัศนียภาพริมน้ำน่าน คนที่นั่นใจดีครับ ผมไปครั้งแรกไม่รู้จักเส้นทาง แต่เจอป้าคนหนึ่ง( ไม่ได้ถามชื่อ ) ป้าบอกว่าให้ไปกับป้าได้เลย บ้านป้าอยู่ใกล้ภูสอยดาวครับ(ใจดีจัง) ถึงน้ำปาดครับลงรถเมล์ครับ ตรงนั้นจะเป็นสถานีตำรวจ และไปรษณีย์ จะมีศาลารถเมล็อยู่ฝั่งเดียวกันกับสถานีตำรวจ รอรถไปน้ำตกภูสอยดาวที่นั่นครับ จะเป็นรถสองแถวครับ ถามคนแถวนั้นดูด้วยเค้าจะได้ช่วยเราดูรถให้ ระหว่างรอเดินไปฝั่งตรงข้ามจะมีตลาดครับ รองท้องซักอีกจาน ต้องกินนะครับอย่าตื่นเต้น เพราะระยะทาง 6 กม. 85 องศารอคุณอยู่
ฮ่า...รถสองแถวมาแล้วครับ ขึ้นเลยบอกเค้าว่าไปน้ำตกภูสอยดาว แต่ต้องใจเย็นนะครับเพราะที่นั่นจะเป็นชนบทที่อาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีน้ำใจต่อกันมาก
รถอาจจะวิ่งช้าสักหน่อยอาจจะแวะไปส่งคนนอกเสั้นทางบ้าง ก็วันหนึ่งมีรถเข้าออกไม่กี่เที่ยวนี่ครับ นั่งดูธรรมชาติรอบๆ ครับ ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง กี่โมงแล้วนี่ ที่ทำการจะปิดไม่ให้คนเข้าที่ทำการเวลาบ่าย 2 โมงตรง ที่สำคัญจ่ายค่ารถสองแถว ตอนผมไปสองคนเค้าคิด 150 บาทครับ แล้วนัดเค้ามารับครับต้องเหมาออกไปในราคา 500 บาท ตอนนี้จะขอตัดภาพข่าวไปยังศูนย์ข่าวภาคเหนือ รายงานจากภูสอยดาวจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยคุณ ทิกท้อจังี ได้เลยครับ
ให้ไปถึงที่ทำการก่อนบ่าย 2 โมงนะคะ ช้ากว่านี้เค้าจะไม่ให้ขึ้น ที่ตรงที่ทำการเค้าจะให้วางมัดจำ 100 บาท และรับถุงขยะขึ้นไปค่ะ
พอตอนลงมาให้เก็บขยะลงมาด้วยแล้วเอามาคืนให้ที่ทำการเค้าจะคืนเงินให้ค่ะ และก็มีลูกหาบอยู่ ให้เอาสัมภาระให้ลูกหาบแบกค่ะ เอาไปแต่ของที่จำเป้นก็พอค่ะ แต่ให้เอาน้ำ อาหาร ลูกอม ติดตัวขึ้นไปด้วย เพราะทางจะค่อนข้างลำบากมาก เดินอย่างเร็วสุดก็ใช้เวลา 4 ชั่วโมง ระยะทาง 6 กม.กว่าค่ะ เพิ่งไปมาเหมือนกัน เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปขึ้นไปเลย นอกจากน้ำ แทบตายค่ะ หิวมากด้วย ที่สำคัญตกเย็นหมอกจะเยอะมาก ต้องรีบขึ้นไปให้ถึงข้างบนที่ป่าสน ก่อน 6 โมงนะคะ เพราะ หมอกลงจะทำให้มองทางไม่ค่อยเห็น และก็มืดเร็วด้วย อีกอย่างหนึ่งต้องรีบขึ้นไปกางเตนท์ด้วยนะคะ เพราะต้องดูทำเลให้ดี ดูทางลมด้วยเพราะพอตกดึกจะมีฝนตกค่อนข้างแรง ตอนที่ไปฝนตกแรงมากค่ะ น้ำเข้าเตนท์กันทั้งนั้นเลย นักท่องเที่ยวที่นั่นไปไหนมาไหน เค้าก็ถามกันว่าเมื่อคืนน้ำเข้าเตนท์หรือเปล่า
และทางที่นั่นค่อนข้างจะลำบากอยู่หลายจุดเลย คือตอนที่จะเดินเข้าป่าไป เนี่ยเค้าจะมีลูกหาบนำทางไปก่อน ช่วงแรกๆ แต่พอทางที่ไปค่อนข้างจะ OK ลูกหาบเค้าก็จะเดินไปเลยไม่รอเรา
แต่จะจ้างเจ้าหน้าที่นำทางไปก็ได้นะคะ แต่ที่ต้องระวังคือ จะต้องเดินข้ามน้ำตกค่ะ และยิ่งถ้าฝนตก น้ำตกที่เราต้องข้ามจะไหลเชี่ยวมากๆ เราต้องจำทางด้วยนะคะ ว่าเราข้ามที่จุดไหน เพราะจะข้ามได้เฉพาะ บางจุดเท่านั้น ตอนกลับจะได้ข้ามถูก น้ำลึกและแรงมากค่ะ และก็ให้ระวังก้อนหินริมน้ำตกให้ดี จะมีตะไคร่และลื่นมาก ถ้าตกลงไป อันตรายมากค่ะ เพราะน้ำเชี่ยวมาก และก็ต้องระวังระหว่างทางค่ะ เพราะทางค่อนข้างลื่น และเส้นทางบางที่มองไปเหมือนทางมันขาด เพราะป่าหน้าฝนจะค่อนข้างสมบูรณ์
หญ้าคาที่ขึ้นมา 2 ข้างสูงและแทบจะชนกันมาองไม่เห็นว่ามีทางไป ให้ดูให้ดีๆค่ะ จะมี 2 เนิน ที่ลำบากสุดๆ คือเนินปราบเซียน และเนินมรณะ
เนินแรกจะชันมากและลื่นเป็นป่าไผ่ที่ค่อนข้างไกล ส่วนเนินที่ 2 จะเป็นเนินที่ชันกว่าเนินแรก ตอนเราเดินถ้าเราหันหลังมองกลับไป ข้างล่างจะเป็นทางชันมาก และบางจุดเราต้องปีนขึ้นไปและทางมันเอียงคดไปมา เมื่อมองไป ข้างหลังเราคือเหว ต้องคอยระวังมากๆ และที่สำคัญสุดๆที่ต้องรีบขึ้นไปให้ถึงป่าสนข้างบนที่เป็นจุดกางเตนท็ให้เร้วที่สุด เพราะเนินมรณะนี้จะเป็นเนินสุดท้ายก่อนจะถึงข้างบน ถ้าตกเย็นหมอกจะเยอะมาก และถ้ามามืดเอาที่เนินมรณะนี่ อันตรายมากๆค่ะ แต่ถ้าขึ้นไปถึงข้างบนแล้วที่นั่นสวยมากค่ะ ตอนนี้ทีทุ่งดอกไม้ คือดอกหงอนนาค บานเต็มไปหมดเลย
อ้อ! ดอกหงอนนาคนี่จะบานตอนบ่ายถึงค่ะนะคะ ตอนเช้าจะหุบค่ะ บนนั้นขะมีน้ำตกสายทิพย์อยู่ด้วย ถ้ามีเวลาว่างก็ลองแวะไปเที่ยวดูนะคะ อยู่ไม่ไกลจะที่พักมาก อ้อ! ข้างบนไม่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรเลยนะคะ นอกจากห้องน้ำ อย่างอื่นต้องเอาไปเองค่ะ และเตรียมชุดกันฝนไปด้วยนะคะ ที่นั่นฝนตกชุกมากค่ะ
ส่วนทากดูดเลือดไม่มีค่ะ น่าจะมีเวลาหลายๆวันนะคะ สำหรับภูสอยดาว และที่สำคัญ ต้องฟิตหน่อยนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ ขอตัดกลับไปยังศูยน์ข่าวกรุงเทพมหานครเลยค่ะ
ตอนกลับนะครับลงมาที่ศูนย์ขึ้นรถที่นัดมารับไปลงที่อำเภอน้ำปาด แล้วขึ้นรถเมล์กลับ รถเมล์รอบสุดท้าย 17.30 น.นะครับ ถ้าไม่ไหวก็เหมารถที่นัดไว้ไปถึงที่จังหวัดเลย 900 บาท
ถ้ามีปัญหาเรื่องการเดินทางโทรติดต่อลุงเต่งผู้ใจดี 055-419016 ลุงเต่งหรือรถแดงห้วยมุ่นครับ ลุงจะคิดค่ารถเราถูกมากครับ และจะเสนอทางเลือกการเดินทางที่ถูกที่สุดให้เรา ถ้าต้องการเหมารถจากขนส่งไปภูสอยดาว โทรนัดลุงเต่งได้เลยครับ ลุงจะมารับถึงที่เลย
ทริบครั้งนี้ขอขอบคุณ พี่คนขับรถเชิดชัยทัวร์ที่เก็บวิทยุของเราที่หล่นไว้ในรถมาคืนเรา พี่สามล้อหน้าขนส่งที่หารถเมล็ให้เรา ป้าคนที่เจอบนรถเมล์ที่พาเราไปถึงภูสอยดาว หลวงพี่ที่เจอบนรถเมล์ที่ให้ข้อมูลกับเรา ลุงเต่งผู้ใจดีที่พาเราไปกลับเช่นกัน ลูกหาบ นายประกอบ ผู้เสนอบริการชั้นเยี่ยมกับเรา และหมาน้อยที่ไม่ทำให้เราไปคนเดียว
ขอบคุณพิเศษสำหรับเพื่อนๆใน Blue planet ทุกๆคน ที่ใจดี มาให้ข้อมูลกับเราก่อนจะไปภูสอยดาว ไม่งั้นพวกเราคงจะไม่ได้เห็นความสวยงามของภูสอยดาวค่ะ สนุกมาก
ขอให้ทุกๆคนที่กำลังจะไป เที่ยวภูสอยดาว ขอให้สนุกนะคะ โชคดีทุกคนค่ะ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม tusuya@yahoo.com




นาตยา - - woofer-mp.com - 10/08/2000


re: ภูสอยดาว.


พวกเราไปในเวลาที่คนอื่นไม่ไป คือไปตอนหน้าฝน เดือนกรกฎาคมนี้ เอง สมกับคำล่ำลือจริง ๆ ที่ว่าสวยม๊าก ก..ก..ก..ค่ะ และไอ้ที่ว่าโหด ดับเบิ้ลโหดนั้น่ะ เรื่องจริงไม่อิงนิยายน่ะ.......บอกให้ เราเสียดายที่ กะเวลาไว้ผิด ทำให้เหมือนไปไม่ถึง อยากไปอีกม๊าก..ก..ก ถ้ามีโอกาส ต้องไปให้ได้อีกแน่นอน เพื่อน ๆ ที่ชอบธรรมชาติ ไม่ควรพลาดกับ ความงามของ ลานสน ดอกไม้กำลังบาน ถ้าเดินทางช่วงเดือน ส.ค- ต.ค ดอกหงอนนาคจะบานเต็มลานสน ขอย้ำ เพื่อเป็นการส่งเสริม การท่องเที่ยวของไทย เพื่อน ๆ จะไม่ผิดหวังแน่นอน
จาก :สาวซ่าส์ เอ็ม.พี




แคน - - smartcan@hotmail.com - 14/08/2000


re:ภูสอยดาว - ดินแดนแห่งความฝันสำหรับคนรักป่าสน ใบเมเปิลและสายหมอก


ไปมา 2 ปี ที่แล้ว ช่วงปลายตุลา ขึ้นไปเจอฝนตกหนักมาก กว่าจะกางเตนท์ได้รอเป็น1-2 ชม. ประทับใจห้องน้ำข้างบนมาก เพราะด้านบนเป็นแบบเปิด (กั้นแค่ 4 ด้าน) ทำให้รู้สึกอิสระ และรู้สึกว่าไม่มีใครอยู่สูงกว่าเราอีก ดาวสวยมาก ถ้าไปเดือนมืด อาจจะได้เห็นทางช้างเผือก




นก - - nanokonok@hotmail.com - 15/09/2000


re: ภูสอยดาวที่เราเฝ้าคิดถึง....


เป็น trip ที่ หฤโหด จริงๆ ไปมาเมื่อ ธ.ค. 2538 เมื่อครั้งนั้นทั้งภูมีกันเพียง แค่ 8 คน เท่านั้น (ไม่รวมคนเจ้าหน้าที่อีก 1) สมัยนั้นข้างล่างมีเพียงกระต๊อบ 3 หลัง ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ช่วงนั้นรู้สึกจะมีฝนดาวตกด้วย แต่ไม่ทราบว่ากลุ่มดาวอะไร มีเยอะมาก มากกว่าตอนปรากฎการณ์ฝนดาวตกลีโอนิคอีก ขนาดไม่ตั้งอกตั้งใจดู ยังเห็นได้ตั้ง 30 ดวง/ ชม. (ย้ำขนาดไม่ตั้งใจดู) แต่โชคไม่ดีอยู่อย่าง ที่ไม่ได้ไปช่วงหงอนนาคบาน แต่ถ้าไปช่วงนั้นเราอาจไม่เห็นดาวตกมากมายขนาดนี้ (สำหรับพวกเรา) เพราะท้องฟ้าอาจไม่เปิดก็เป็นได้ ตอนที่เพื่อน ๆ ไปกันตอนปี 42 ดูจากรูปถ่ายแล้วเปลี่ยนไปมากเลย แต่ยังงัยก็อยากให้เพื่อน ๆ ไปลองเที่ยวกันดู แล้วรักษาสภาพแวดล้อมและเก็บขยะลงมาให้หมดนะคะ อะไรที่ไม่จำเป็นอย่านำขึ้นไปทิ้งบนนั้นเลยนะ แต่ขอบอกว่ามันส์....มาก




อาษา - - asaanco@bangkok.com - 30/10/2000


ภูสอยดาว...สวยจริง?


ได้ไปสัมผัสเอง เพิ่งจะลงมาจากภูเมื่อตอนเช้า คิดว่าไม่ประทับใจนะ หญ้ารกมากเพราะไม่มีไฟป่ามา2-3ปีแล้ว ทางเดินน่าจะต้องปรับปรุงอีกมาก และไม่มีแผนที่ทางเดินให้นักท่องเที่ยว ที่ทำการป่าไม้ข้างบนก็เป็นแค่กระต๊อบเก่าๆ ห้องน้ำแย่มากไม่มีน้ำให้ใช้ทั้งที่อยู่ติดน้ำตกแท้ๆ ลองใช้วิธีตอกน้ำของเชียงรายมาใช้ก็ได้ใช้งบน้อยมาก ขอให้พิจารณาพัฒนาให้มีมาตรฐานดีกว่านี้ในด้านบริการ ส่วนคนทั้งลูกหาบและเจ้าหน้าที่โอเคดี




โอ๋ - 01/11/2000


Re:ภูสอยดาว...สวยจริง?


เราว่าดีอยู่แล้วนะ เป็นธรรมชาติดี ไม่ควรเปลี่ยนแปลง แต่ผู้ที่ไปควรจะปรับตัวให้เข้ากับสถานที่มากกว่า ให้สถานที่มาปรับตัวเข้าหาเรา




ดาวแดง - 03/11/2000


Re:ภูสอยดาว...สวยจริง?


เห็นด้วยกับบคุณโอ๋ค่ะ เป็นธรรมชาติดีมาก ไม่มีตลาดให้รกลูกตาดค่ะ ยิ่งสบายก็ยิ่งถูกทำลาย ปล่อยไว่อย่างนี้ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ได้ไปมาแล้วชอบมากเลย
เราไปมา ตอนกลางเดือนสิงหาคม สวยนะ ยอมรับว่าห้องน้ำแย่ แต่ก็ดีกว่าไม่มี




Noo_kae - - - - 10/11/200


Re:ภูสอยดาว...สวยจริง?


เคยไปมาเกือบปีแล้ว คิดว่าเป็นธรรมชาติดีนะ สวยดี สวยมาก ไปเที่ยวธรรมชาติก็ต้องอยู่แบบธรรมชาติ




เด็กลุย - 13/11/2000


Re:ภูสอยดาว...สวยจริง?


ถ้าพูดเรื่องความสบายคงจะหาไม่ได้ หรือว่าความสวยงามหยดย้อย ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่เป็นโลกของผู้รักธรรมชาติอย่างแท้จริง หาได้ง่ายไหม? ที่จะนอนดูดาวเต็มฟ้าได้สุขใจเท่านี้




ธรรมชาติ - 21/11/2000


Re:ภูสอยดาว...สวยจริง?


เห็นด้วยกับการที่จะปล่อยธรรมชาติให้อยู่คงสภาพเดิมให้มากที่สุด เพราะมนุษย์ทั้งหลายทำลายธรรมชาติมากเกินไป แล้วไม่ค่อยรักษาธรรมชาติ อยากจะปล่อยให้ธรรมชาติให้เสื่อมโทรมลงกว่านี้ ที่ใดมีความสะดวกสบายมากเกินไป มนุษย์อย่างเราก็จะเริ่มไปทำลายธรรมชาติโดยตั้งใจและก็ไม่ได้ตั้งใจ ยกตัวอย่างเช่น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตอนนี้กำลังขยายถนนให้ใหญ่ขึ้น เคยนึกถึงผลเสียต่อสัตว์ป่าหรือเปล่าครับ รถวิ่งเร็วขึ้น อันตรายต่อสัตว์ป่าก็มากขึ้นด้วยจริงหรือเปล่าครับ
ผมไปเที่ยวเขาใหญ่มาเมื่อวันที่ 11 - 12 พ.ย. 43 (ลอยกระทงพอดี) ได้เจอกันช้างน้อยเกเร ไม่ยอมให้ผมกับคณะเดินทางผ่าน ผมคิดว่าถ้าถนนสร้างเสร็จเรียบร้อย ช้างน้อยเกเรตัวนี้จะอันตรายเท่าไหร แล้วอย่างนี้เราควรจะพัฒนาอุทยานแห่งชาติที่อื่น ๆ ให้เจริญหรือเปล่า ผมไม่เห็นด้วยคนหนึ่งครับ
"ธรรมชาติอยู่ มนุษย์อยู่ ธรรมชาติสลาย มนุษย์ตาย"




พินยา - - Pinyaa@hotmail.com - 17/11/2000


ผมกะภูสอยดาว


ผมออกเดินทางไปเที่ยวภูสอยดาว เนื่องจากผมน่ะได้อ่านกะทู้ต่างๆๆแลยเกิดข้อข้องใจขึ้นมาว่า ภูสอยดาวกับเขาหลวงที่ไหน มันโหดกว่ากันแน่ เพราะรู้ว่าเขาหลวงที่เคยไปมาน่ะ โคตรโหดเลย แล้วอ่านเจอในกระทู้ว่า ภูสอยดาวโหดมาก โหดกว่าภูกระดึงอีก เอาล่ะซิ ความคิดไม่ตรงกันมันก็ต้องมีการพิสูจน์ !! ว่าแล้วก็ออกเดินทางซะเลย
ออกจากพิษณุโลกตอน 17.00 น. โดยรถคันสุดท้ายที่ขนส่งจังหวัดพิดโลก (นอนตื่นสาย+เตรียมของ+ตกรถเที่ยว15.00น.) ไปถึงชาติตระการ เวลา 20.30 น. กะว่าจะไปหาที่นอนที่สถานีตำรวจซะหน่อย มีป้าคนหนึ่งเค้าชวนผมกะเพื่อน (ลืมบอกไปครับไปกับเพื่อนอีกคน)ไปนอนที่บ้านเค้า (ดีใจมากเลยที่น้ำใจยังหาได้ในสมัยนี้)แต่ผมก็ปฏิเสธป้าเค้าไป (ผมเลวไหมที่หมางเมินต่อน้ำใจที่ป้าเค้ามอบให้) ก่อนที่จะไปหาที่นอนนั้นก็ทานข้าวที่ร้าน จ๊ะโอ๋ ขอบอกว่าอร่อยมากๆๆ จริงๆๆ ไม่แพงด้วย (พี่ครับขอค่าโปรโมทด้วย) พอดีไปพบรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ที่ไปทำงานอยู่ที่ชาติตระการพอดี พี่เต้ + พี่ขวัญ ก็เลยหาอะไรมาดื่มกัน สุดท้ายรุ่งขึ้นผมกับเพื่อนก็ยังไปไม่ถึงไหนกันเลย เพราะแฮงค์มาก (ดื่มเหล้าป่าประมาณ 3 ขวด มีแค่ 4 คนเอง)
วันต่อมาจึงได้ขึ้น ต่อรถที่ชาติตระการไป แยกบ้านร่มเกล้า ไม่อยากเหมาเพราะแพง ( 300 บาท ) เสียค่ารถ 50 บาทต่อคนเอง เราโบกรถต่อไปอีก 11 กิโลก็ถึง ที่ทำการอุทยานฯ แล้ว (ผมขอติงไว้นิดนึง ค่ารถจริงๆๆไม่ถึง500 บาทหรอก ที่อ่านเห็นเหมารถกันมาแต่ละคนนั้นแพงๆๆทั้งนั้นเลย เลยพาลคิดไปว่าเราโชคดีแล้วที่ไม่โดนชาจ์ตค่ารถ)
ขึ้นบนภูฯ สวยมากอืมยอมรับเลย เรื่องน้ำก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปมาก เพราะเรารู้ว่ายังไงข้างบนต้องมีแหละ ไม่งั้นเจ้าหน้าที่จะเอาน้ำที่ไหนอาบ+อึ ล่ะ +ประกอบอาหารอีก ผมถามข้างล่างเค้าก็บอกว่าไม่มี พยายามให้ผมซื้อน้ำให้ได้ แต่ผมก็ไม่ซื้อ(งบน้อย) ใช้เวลาขึ้น 7 ช.ม. ผมว่าเฉยๆๆไม่นานเพราะแบกสัมภาระไปเองด้วย เพราะมาเอง เลยอยากแบกเอามันขึ้นไปเอง มันจะเป็นความภูมิใจเล็กๆๆ ข้างบนสวยดีแต่เสียดายตอนที่ผมมาไม่มีดอกไม้อะไรซะแล้ว อากาศหนาวเย็นมาก หาฟืนยากมากจริงๆๆ เค้าบอกว่าน้ำค้างแรงมาก
ตอนเช้าตื่นมา ทรายเต็ม ฟลายชีทเลย อะไรเนี่ย !! ตอนลงใช้เวลา 3 ช.ม. เอง เทียบเวลากันแล้ว เท่ากับตอนที่ปีนเขาหลวงเลย แต่เขาหลวง "ปีน" 4 กิโลเมตรเอง ก็เลยได้ข้อสรุปว่า เขาหลวง โหดกว่า อืมแล้วตอนดูดาวที่เขาหลวงจะเห็นชัดกว่าด้วย สวยกว่าด้วย เพราะผมนอนดูดาวอยู่ ยังไงก็จะลองไปตอนหน้าปลายๆเดือน สิงหา ฯ ดูอีกที่เผื่อจะสวยกว่าตอนนี้ ใครสนใจเดินทางแบบประหยัดจริงๆๆลองคุยกันได้ครับ ที่ Pinyaa@Hotmail.com ผมไปกัน 2 คน ค่ารถ ไปกลับ จากพิดโลก ประมาณ 300 บาท ต่อคนเอง




ชมรมคนชอบภู - - 1351@chaiyo.com - 26/11/2000


ชมรมคนชอบภู....ที่ภูสอยดาว..


บันทึกความประทับใจกับภูสอยดาว ขุนเขาแห่งสวรรค์ ..พวกเราไปเสพย์ความสุขจากธรรมชาติมาแล้ว มีความสุขมากเลย..ขอบอก ที่นั่นสวย ยังเหลือสิ่งที่เป็นธรรมชาติอีกมาก สนยังสวย ฟ้ายังใส ประมาณว่าฟ้ายังฟ้าอยู่เลยหละ อากาศก็หนาวใช้ได้ ทุ่งดอกไม้ก็ยังมีให้ดู(หมายเหตุ พวกเราไปในขณะที่ดอกหงอนนากโรยซะแล้ว) แต่ดอกอื่น ๆ ยังมีให้ดูอยู่ อากาศสดชื่น ดาวสวย ความประทับใจสุด ๆ ของพวกเราอยู่ที่ได้ไปนั่งส่งพระอาทิตย์ตกเขาทุกเย็นตลอด 2 วันที่เราไปอยู่ สวยงามยากเกินบรรยาย พวกเราสัญญานะว่าจะกลับไปเก็บเกี่ยวความฝันของเราที่ฝากไว้ที่ภูสอยดาวอีก .....สัญญา




เอท - - est_isme@hotmail.com - 28/11/2000


re: ผมกะภูสอยดาว


ดาวสวย น้ำใส ระยะทางลำบากและไกล แต่ไปแล้วคุ้ม




กานต์ - - actionmask@lemononline.com - 01/12/2000


re: ผมกะภูสอยดาว


ผมเชื่อว่าหลายคนเพียงได้ยินชื่อและเห็นภาพก็วาดฝันซะแล้ว ว่าคงจะสวยงามอย่างที่ตนเองจินตนาการ ครับผมยอมรับ ถ้าหากเราเลือกเวลาที่ถูกที่ควรสภาพทุ่งดอกไม้ไม่ต่างในภาพนิตยสารเลย หรือปรับปรุงห้องน้ำที่ชำระล้างน้ำกินน้ำใช้ให้ดีกว่านี้ มีเจ้าหน้าที่คอยสอดส่องดูแลและบริหารการจัดการทรัพยากรได้ดีกว่านี้ แต่ก็เห็นใจงบประมาณไม่ทั่วถึง และนักท่องเทียวเองก็ควรมีจิตสำนึกในการท่องเทียวในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เพี่อให้คงไว้ให้เป็นธรรมชาติต่อไป




โก้ โรตาแรคท์ - - win_chai@chaiyo.com - 13/12/2000


re: ผมกะภูสอยดาว


เห็นคนอื่นเขียนความประทับใจก็ขอเขียนบ้าง ผมไปภูสอยดาว กับเพื่อนๆที่ชมรมในตอนสิ้นปี40 หลังจากไปเยี่ยมค่ายที่สร้างไว้ ที่อุตรดิตร์แล้วเดินทางต่อไปที่ภูสอยดาว ตอนนั้นอากาศหนาวมาก น้ำก็น้อยไม่มีอาบเลยเรียกว่าซักแห้งทั้งชายและหญิงเลย อยากบอกว่าไม่เคยดูดาวสวยเท่าที่นี่มาก่อนเลย สมชื่อมาก ประทับใจมาก ได้ฉลองปีใหม่กับ บรรยากาศดีๆ ดูทะเลหมอกตอนเช้าสวยจริงครับ ขอเน้นว่าสวยมาก พอตอนลงมากันถึงน้ำตกข้างล่าง พากันโดเล่นน้ำกัน นักท่องเที่ยวคนอื่นขึ้นมาอยู่ริมฝั่งมองดูพวกเรา แบบคิดว่าพวกนี้เพิ่งออกจากป่าหรือไง บรรยายไม่เก่ง แต่อยากบอกว่าแนะนำว่าที่นี่สวยและสนุก ประทับใจครับ




ธวัช ผลสวัสดิ์ - - thawat@lux.co.th - 13/12/2000


บันทึก(ไม่)ลับของคนเดินทาง ของ..พรานหม่อง


บันทึก (ไม่) ลับของคนเดินทาง โดยพรานหม่อง
ภูสอยดาว
(12 – 15 ต.ค. 2543)
เสียงเรียกร้องจากหัวใจ ให้ไปลุยภูสอยดาวหลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสดี ๆ ซักที จนกระทั่ง ได้ฤกษ์งามยามดีในปีนี้ แล้วความฝันที่จะไปภูสอยดาวของเราก็มาถึงอยากรู้ไหม ! ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลองตามมาดูสิจ๊ะ ………
หลังจากที่เตรียมศึกษาข้อมูลต่าง ๆ เรียบร้อย เราก็เริ่มจัดโปรแกรมของเราทันที 12 – 15 ตค. 43 เป็นวัน D-DAY แน่นอน และแล้วบันทึก (ไม่) ลับของคนเดินทางของพรานหม่องก็เริ่มต้นอีกครั้ง……. เอ้า! เร่เข้ามาใครอยากจะไปเที่ยวกับเราบ้าง เชิญ….
12–10–43 (20.00น .) เส้นทางสู่ภูสอยดาวเส้นนี้เป็นการเดินทางจากกรุงเทพ ฯ (หากใครมีเส้นทาง จากภาคอื่น ๆ ก็เล่ามาให้ฟังกันบ้างนะ) เราใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 32 + 1 จนถึงนครสวรรค์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 117 มุ่งตรงสู่ จ. พิษณุโลก เลยทางแยกเข้า อ.บางระกำ ไปสักเล็กน้อย เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางบายพาสที่มีป้ายบอกไปอุตรดิตถ์ ทางหลวงหมายเลข…… (สำหรับผู้ที่ต้องการไปไหว้พระพุทธชินราชหรือเข้าเมื่องพิษณุโลกให้ตรงไปไม่ต้องเลี้ยวขวา) วิ่ง ไปจนบรรจบกับเส้นทางหลวงหมายเลข 11 ตรงไปตามทางที่จะไปอุตรดิตถ์ ระยะทางประมาณ 18 กม. จนถึงอ. วัดโบสถ์ วิ่งเลยไปอีกเล็กน้อย จะพบป้ายบอกไป อ.ชาติตระการ เลี้ยวขวาเข้าสู่ เส้นทางหลวงหมายเลข 1296 ทางเส้นนี้เรียบ ลาดยางตลอดถ้าไปถึงช่วงกลางคืนก็ให้ระวังสุนัข กับนกฮูก นกเค้าแมวสักหน่อย เพราะพวกเขาจะออกมาสังสรรค์กันอยู่บนถนนสายนี้เยอะมาก เน้น เยอะมาก . ก. ก. ก. บางตัวก็นอนชมจันทร์ชมดาวไปตามเรื่อง บางพวกก็จับกลุ่มแซวสาว บางพวกก็ไล่ตีกัน (กัด) กันเป็นที่เอิกเกริกโกลาหล ฉะนั้นเวลาขับผ่านเส้นทางสายนี้ก็ขอให้ขับ อย่างระมัดระวังกันสักนิดนะครับ เดี๋ยวจะไปรบกวนความสงบสุขของพวกเค้าเข้า ขนาดผมขับ ผ่านยังโดนมองค้อนแบบเคือง ๆ เอาซะหลายหนแน่ะ……….
วิ่งไปจนเจอทาง 3 แยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 1246 ทางเส้นนี้กำลังทำ เป็นบางช่วง วิ่งไปจนถึง อ. ชาติตระการ (ถ้าไปถึงกลางวันให้แวะซื้อน้ำดื่ม , พืชผัก และอาหาร พื้นเมืองติดไปเลย) จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1237 ถนนเส้นนี้แคบสักเล็ก น้อยแต่ลาดยางตลอดระยะทางประมาณ 80 กม. วิ่งไปสักเล็กน้อยจะพบอุทยาน ฯ ชาติตระการ อยู่ทางขวามือที่ขนานไปกับเทือกเขาสูงทอดยาวเคียงคู่กันไป ถ้าไปถึงแต่เช้าจะแวะเล่นน้ำตก ชาติตระการสักนิดก็ได้ แต่อย่าโอ้เอ้นักเพราะต้องไปให้ทันที่ภูสอยดาวก่อนบ่าย 2 โมง (หลัง บ่าย 2 โมงทางที่ทำการภูสอยดาวจะไม่ให้เดินทางขึ้น) วิ่งไปเรื่อยผ่านบ้านนาดอน บ้านบ่อภาค ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่หนึ่งในโครงการการพัฒนาปลูกป่าภูขัด , ภูเบี่ยง และภูสอยดาว สภาพถนน ช่วงนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวพอสมควร (ขับรถระวังกันสักนิดหนึ่ง) ไปจนถึงบ้านเหล่ากอหก เลี้ยวซ้าย เข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 1268 จนถึงทางแยกบ้านร่มเกล้า (หมู่บ้านที่รู้จักกันดีในกรณีพิพาท ปัญหาเรื่องพรมแดนระหว่างประเทศในอดีต) จะพบด่านตรวจ จากจุดนี้ไปอีก 11 กม. จะถึงบ้าน ใหม่รักไทย มองทางขวามือจะเห็นที่ทำการอุทยานฯ ภูสอยดาวเด่นชัดเจน มีบ้านพัก (สำหรับผู้ ที่ต้องการความสบายควรพักที่นี่) จากที่ทำการวิ่งเลยไปอีกนิดจะพบทางรูปตัวยู มีป้ายบอกว่า “น้ำตกภูสอยดาว” ให้จอดรถแล้วไปติดต่อ เจ้าหน้าที่ที่อาคารหมายเลข 1 อยู่บนเนินขวามือมี เสาธง (ถ้าไปถึงยังมืดอยู่ให้นอนพักผ่อนเอาแรงไว้ก่อน)
เจ้าหน้าที่จะเปิดทำการเวลา 8.00 น. แจ้งความประสงค์ขอขึ้นภูสอยดาวและติดต่อเรื่องลูกหาบกับเจ้าหน้าที่เลย เขาจะจัดหาคิว ลูกหาบให้ (ค่าลูกหาบแบกของ กก. ละ10 บาท) ที่นี่จะเสียค่าถุงขยะดำ (จำนวนมากน้อยแล้ว แต่ขนาดของกลุ่ม) ถุงละ 100 บาท ขากลับลงมาเอาถุงขยะลงมาด้วยไปแลกเจ้าหน้าที่จะคืน เงินให้ตามจำนวนถุง (ความคิดนี้ดี น่าสนับสนุนเพราะจะตัดปัญหาขยะบนดอยได้ดีมาก) 13-10-43 (07.00น.) ก่อน 8 โมงขณะรอเจ้าหน้าที่ ข้ามไปฝั่งตรงข้ามจะมีร้านค้าข้างทางควรหาอะไร รองท้องก่อนเดินขึ้น อย่าลืมติดน้ำดื่ม , ขนม , ลูกอม ,ของรองท้องเช่น ข้าวเหนียวไก่ย่างติดไม้ ติดมือไปด้วย เพราะต้องใช้เวลาเดินทางขึ้นประมาณ 5 ชม.เป็นอย่างต่ำ หรือใครจะอาบน้ำ แปรงฟันก็มีห้องน้ำบริการเสร็จสรรพ
คำเตือน จากนี้ไปจะเป็นทางเดินแสลงสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายนะครับ โปรด พิจารณาตนเองด้วย แต่สำหรับขาลุยละก้อ …….LET GO!!!!
นับจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นการเดินเท้าที่ระยะทางความยาว 7.5 กม. ในสภาพลาดชันแบบต้อง ปีนป่ายไปตามไหล่เขาเพื่อให้ถึงจุดสุดยอดของพื้นที่ที่มีชื่อเสียงจากการเล่าขานตลอดมาว่า สวยงามยิ่งนัก
เริ่มลุยกันนะจ๊ะ จากริมถนนใหญ่หน้าน้ำตกภูสอยดาว (เส้นทางศึกษาธรรมชาติ 1268) เริ่มเดินเท้าผ่านเส้นทางลัดเลาะสำธารน้ำตกภูสอยดาว ช่วงนี้จะมีป้ายบอกสถานีต่าง ๆ เป็น ระยะทั้งหมด 14 สถานี (เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธรรมชาติ วิทยา) น้ำตกภูสอยดาว มี 5 ชั้นมีชื่อเรียกดังนี้ “สอยดาว , สกาวเดือน , เหมือนฝัน , กรรณิการ์ และสุภาภรณ์” ตอนนี้เป็นการวอร์มอัพเบา ๆ กันก่อน เดินลัดเลาะไปตามขอบแอ่งน้ำตกมีความ ร่มรื่นเย็นสบาย แม้จะต้องปีนป่ายบ้างเป็นบางช่วง ข้ามสะพานต้นไม้ 3 สะพาน ป่าแถบนี้เป็น ป่าเบญจพรรณเราจะได้เห็นต้นตะเคียนทอง (ยังไม่มีรอยขูดขอหวย) , กาสะลอง ซึ่งแต่ละต้น ใหญ่มาก เมื่อผ่านสถานีทั้ง 14 แห่งแล้ว ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพิสูจน์ร่างกายในด้านความ พร้อมของบการออกกำลังกายล่ะ
แล้วเราก็เริ่มปีนป่ายไหล่เขาซึ่งกั้นระหว่าง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก กับ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ช่วงแรกจะเป็นเนินลาดชัน บางจุดค่อนข้างสูง และเป็นหน้าผาในแนวตั้งมากพอ สมควร (ราว 85 องศา) บริเวณนี้เป็นเนินแรกมีชื่อเรียกว่า “เนินปราบเซียน” เป็นป่าไม้ - เบญจพรรณสลับกับป่าไผ่ (เนินนี้เหมาะสำหรับชายโสดที่ยังไม่มีแฟนและพยายามหาอยู่ สำหรับทำคะแนนให้ตัวเอง เพราะจะมีโอกาสแต๊ะอั๋งเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนช่วยจูงช่วยฉุดช่วยดัน (หลัง) แต่อย่าไปดัน (ก้น) เขาล่ะ เพราะคะแนนจะตกลงไปเขาจะหาว่าทะลึ่ง เผลอ ๆ ได้ลูก ตบเป็นของแถมอีกต่างหาก
เป็นไงบ้างครับสำหรับการเรียกน้ำย่อยเนินแรก เอ้า! แวะพักเหนื่อยกันที่แคร่ไม้ไผ่ที่ ทางอุทยามฯ ทำไว้ให้กันสักหน่อยก่อน (หรือจะแสดงความดีใจกับคนที่เริ่มมีคะแนนนิยมใน การหาแฟนก็ไม่ผิดกติกาอันใด แต่อย่างพึ่งให้ออกหน้าออกตานัก)
หายเหนื่อยกันแล้วใช่มั๊ย ! ไปต่อกันละนะ เนินที่ 2 มีชื่อเรียกว่า “เนินป่ากอ” เนินนี้ จะเริ่มไต่ความสูงไปเรื่อย ๆ ทางเดินเรียบบ้างสลับกับขั้นสูงต่ำ บริเวณนี้จะเป็นป่าไผ่ลำต้น ใหม่มาก (ใครที่ไม่มีผักสดติดมา จะลองหาดูหน่อไม้ไปต้มกินก็ได้) เดินสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ สำหรับช่างภาพทั้งหลายลองมองดูดี ๆ จะเห็นพวกเฟริน , มอส , ไลเดน , หวาย , เถาวัลย์ และมุมสวย ๆ ให้ถ่ายภาพเป็นระยะ ๆ
จากเนินป่ากอเราเริ่มเข้าสู่เนินที่ 3 ที่มีชื่อว่า “เนินเสือโคร่ง” เส้นทางเริ่มลาดชันขึ้นไป เรื่อย ๆ ช่วงเส้นทางนี้เป็นป่าทึบขึ้นทางเดินแคบลง 2 ข้างทางเป็นหน้าผา ทางเดินซ้ายและขวา จะมองเห็นภูเขาลูกถัดไป เป็นหน้าสีเขียวเป็นระยะ ถ้าแสงดี ๆ สำหรับช่างภาพก็พอจะได้ ภาพ สวย ๆ บ้างนะครับแล้วแต่มุมมอง เดินลอดไม้ล้มบ้าง ปีนข้ามบ้าง ไปตามเส้นทาง วันที่เราไป เราได้พบกับรอยเท้าของเสือด้วย แต่เป็นรอยที่ไม่ใหญ่นัก คาดว่าเขาคงจะเดินผ่านทางเดินจาก ผ่าฝั่งซ้ายไปฝั่งขวาตามทางเดินหากันของเขา (ถ้าโชคดีอาจจะได้เห็นรอยเท้าของหมีด้วย ขณะ เดินก็พยายามภาวนาก็แล้วกัน ว่าขอให้ได้เห็นแต่รอย แต่ตัวไม่ต้องโผล่มาให้เห็นก็ด้าย ยกเว้น พวกเบื่อโลกหรือเซ็งชีวิต ก็ภาวนาในทางกลับกันก็แล้วกัน ถ้าโผล่มาก็ เฮ้ย! ตัวใครตัวมันโว้ย)
เอาล่ะในที่สุดเราก็ผ่านมาได้ 3 เนินแล้ว ตอนนี้เรามาหยุดพักสักนิดก่อนจะลุยขึ้นเนิน ที่ 4 ก่อนจะเป็นผู้พิชิตสวนสนสามใบบนยอดภูสอยดาว ช่วงพักนี้ก็ขอให้ขาลุยทั้งหลายสำรวจ ตัวเองเพื่อความพร้อมก่อน ใครที่น้ำมันข้อเท้ารั่วก็เติมซะ ใครน๊อตลูกสะบ้าหัวเข่าหลุดหรือ หลวมก็จัดการเปลี่ยนหรือขันให้แน่นซะก่อนนะ เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน
พร้อมหรือยังสำหรับการเป็นผู้พิชิตภูสอยดาว ถ้าพร้อมแล้วไปกันเลย….ย….ย. เย้ เนิน ที่ 4 จะเป็นเนินสุดท้าย สำหรับวันนี้แล้ว เนินนี้มีชื่อว่า “เนินมรณะ” (ฟังชื่อแล้วหนาว) เป็นเส้น ทางไต่หน้าผาสูงชัน ทางเดินจะแคบและรกมีหน้าผาอยู่ 2 ข้าง อย่าพยายามเดินออกนอกเส้น ทาง(ยกเว้น พวกเบื่อโลกหรือเซ็งชีวิตที่รอดมาจากเนินที่ 3) สำหรับเนินนี้เราจะได้สัมผัสกับไอ หมอกและก้อนเมฆที่พัดผ่านตัวเราไป จากเนินนี้เราต้องขึ้นให้ถึงลานสนข้างบนก่อน 6 โมงเย็น จะเป็นการดี มิฉะนั้นแล้วจะอันตราย เพราะหมอกจะเยอะจัดมากทำให้มองไม่เห็นทางเดินและ จะมืดเร็วด้วย (สาเหตุนี้ที่ทางอุทยานฯจึงไม่ยอมให้ขึ้นหลังบ่าย 2 โมง) ทางปีนชันไปเรื่อย ๆ แคบ และรกป่าหญ้าคาที่ชันสูงมาก เป็นหน้าผาสูงชัน ปกคลุมด้วยไอหมอกตลอดเวลา
เอ้า ! เร็วอีกนิดเดียวจะถึงกันแล้ว ช่วงนี้ใครเหนื่อยมากให้พยายามพักตามที่ว่างข้างทาง เป็นระยะ ๆ นะครับ (และช่วงนี้อีกเหมือนกันที่เหมาะสมสำหรับคนโสดที่ที่จะทำคะแนนนิยมอีก ครั้งแล้วก็ยังเหมาะสำหรับท่านที่มีแฟนแล้วแต่อยากเลิกหรือหาใหม่ เพราะสามารถหลอกแฟน ให้ไปยืนถ่ายรูปริมหน้าผาแล้วบอกให้ถอยอีกนิด ๆๆๆๆ จนแฟนตกลงไปตายได้)
และแล้ว แอ่น แอ๊น ! เราก็เป็นพวกแรกสำหรับวันนี้ที่ขึ้นมาถึงลานสนบนยอดภูสอยดาว เราใช้เวลา 4 ชม. กับ 9 นาที (เริ่ม 8.30 น. ถึง 12.39 น.) ณ จุดนี้เองเสียงบ่นและความเหนื่อย ก็คลายหายไปมองไปรอบ ๆ บนนี้จะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนา (เอ้าตากล้องเตรียมกดชัตเตอร์ได้ตาม สะดวก) เราจะได้เห็นทุ่งสนสามใบ เบื้องล่างผิวดินจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าไม้ดอกนานา พรรณ ดอกหงอน พาดผลิดอกสีม่วงบานท้ายทายสายตา (ดอกหงอนนาดเช้าจะยุบ จะเริ่ม บานตอนสายสัก 10 โมงไปแล้ว) และจะชูก้านปลิวสะบัดไปตามแรงลมคือดอกเอนอ้าสีชมพู แซมช่อดอกออกมาเป็นเกสรสีเหลืองอร่าม ทอดสายตาไปในแนวทุ่งสนสามใบจะแน่นไปด้วย ดอกตาเหินไหวที่มีดอกสีขาวตัดกับพื้นผิวของลำต้นสน เท้าเบื้องหน้าเต็มไปด้วยดอกกระดุม เงิน , กระดุมทอง ตลอดไปถึงเอื้องนวลจันทร์ และหากส่งสายตาไปตามเสียงหวีดหวิวของ สายลมที่ต้องใบสนบนคาคบเบื้องบนก็จะได้สัมผัสกับกล้วยไม้ดินที่ชูช่อออกดอกสีเหลืองสวย งามน่าดู บนพื้นดินแซมด้วยดอกดินสีแดงเป็นระยะ แวะเก็บภาพกันสักชุดหนึ่ง แถวป้าย ผู้พิชิตลานสนสามใบยอดภูสอยดาวที่ระดับความสูง 1,633 ม. จากนั้นก็เดินเข้าสู่บริเวณที่ กางเต้นท์ เลือกบริเวณทำเลดี ๆ หน่อยนะครับ
ขณะนั่งรอลูกหาบเราก็จัดการกับข้าวเหนียวเนื้อทอดที่เตรียมมาเป็นการรองท้องในมื้อ เที่ยง อื้มห์………อาหร่อยมาก…..ก…..ก (คงจะเป็นเพราะหิวมาก) เสร็จจากอาหารมื้อเที่ยง ลูกหาบก็ขึ้นมาถึงพอดี (ถึงตอนนี้ให้นัดแนะกับลูกหาบให้เรียบร้อย ว่าเราจะลงวันไหนลูกหาบ ชุดเดิมจะขึ้นมารับของจากเราในวันที่เราจะกลับ)
เราเลือกเดินข้ามลำธารไปกางเต้นท์ฝั่งบ้านพักของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ (กางเต้นท์แล้วอย่า ลืมขังผ้าใบกันน้ำค้าง และฝนให้เรียบร้อยด้วยเพราะฝนจะชุกมาก,น้ำค้างแรง ) เสร็จสรรพเรียบ ร้อย เราก็เดินไปอาบน้ำในลำธารที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักเท่าไรนัก (โปรดสังเกตุจะมีป้ายบอกน้ำกิน น้ำใช้) ใครจะเข้าห้องน้ำก็ไปขอกระป๋องจากเจ้าหน้าที่ แล้วไปตักน้ำในลำธารไปไว้สำหรับทำ ความสะอาดด้วย จากนั้นช่างภาพเตรียมตัว เราจะไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ 2 สัญชาติกัน (อาทิตย์จะตกในฝั่งไทย แต่ดันไปโผล่ขึ้นฝั่งลาวในวันรุ่งขึ้น ) ได้ภาพมาแล้วเราก็กลับมาที่เต้นท์ หุงหาอาหารเย็นกินกัน จากนั้นตามอัธยาศัย
คืนวันที่เราไปเป็นวันออกพรรษาพอดี เราเลยอดนอนนับดาวกัน แต่เมื่อดวงจันทร์ขึ้น สูงเต็มดวง สำหรับช่างภาพ + คู่หวานแหววทั้งหลาย ก็รู้สึกว่าจะดื่มด่ำกับบรรยากาศที่โรแมน ติกไปอีกแบบหนึ่งนะ หลังจากถ่ายภาพจันทร์เต็มดวงแล้วเราก็แยกย้ายกันเข้านอนเอาแรงไว้ เตรียมลุยภาคเช้าพรุ่งนี้ต่อ สำหรับวันนี้ คร่อก………..ฟี้
14-10-43 (06.00 น.) เช้านี้เราตื่นขึ้นด้วยความไม่สดชื่นเท่าที่ควร (เนื่องจากเมื่อคืนนักท่องเที่ยวกลุ่ม ใหญ่กลุ่มหนึ่งซึ่งขึ้นมาทีหลังมากางเต้นท์ข้าง ๆ เราแล้วเปิดบ่อนเล่นไพ่ กินเหล้ากันเสียงดัง จนดึก) เราต้มน้ำชงกาแฟกันแล้วออกเดินทางไปถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นทางฝั่งลาว (แต่รู้สึก ผิดหวังเล็กน้อยถึงปานกลาง เนื่องจากได้ภาพไม่ค่อยสวยมากนักเพราะทางด้านนี้มีแนวภูเขา สูงฝั่งลาวกั้นอยู่กว่าจะเห็นดวงอาทิตย์ก็สว่างมากแล้ว) แต่เราก็ทดแทนความรู้สึกผิดหวังนี้ได้ ด้วยการถ่ายภาพทุ่งใยแมงมุมนับพัน ๆ ใย ที่ต้องละอองน้ำค้างยามเช้าบนลานทุ่งดอกกระดุม เงิน สวยมากทุ่งใยแมงมุมนี้ถ้าต้องการภาพก็ขอให้ออกเดินแต่เช้าสักนิด เพราะถ้าสายแมงมุม จะเริ่มเก็บใยของตัวเองจนหมด
จากนั้นเราก็เดินไปตามทางเดินเลียบแนวเขตกั้นไทย – ลาว จะพบทุ่งหญ้าสะวันนาสลับทุ่งสนสามใบ มองดี ๆ จะพบช่อดอกฮ่อตะพายควาย สีน้ำเงินอม ม่วงสีสดหรือจะถ่ายภาพมอส , เฟริน , ปรง ที่เกราะตามลูกหินก็สวยดี อีกอย่างที่มีมากก็คือ ตั๊กแตนสีเขียวสดแบบปีก แมลงพับตัดด้วยเส้นสีเหลืองสด เก๋ไปอีกแบบ
เราย้อนกลับมาที่เต้นท์เกือบ 10 โมงเช้าเพื่อหุงหาอาหารกินกันก่อนสักนิด แล้วทีนี้เราจะ บุกเข้าป่าดิบกัน หลังอาหารเช้า (ซึ่งสายมาก) เราก็เริ่มบุกเข้าป่าดิบ (ทางเดินเส้นนี้ถ้าจะให้ดีควร มีเข็มทิศติดตัวไปด้วย หรือจะติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้นำทางไปก็ได้)
จากสายและตลอดบ่ายวันนั้นเราเดินเลาะแนวตะเข็บชายแดนไทย-ลาว เราเดินข้าม เขตแนวเส้นแบ่งดินแดนระหว่างไทย-ลาว ซึ่งเป็นเส้นแนวของสันเขาฝีปันน้ำ พื้นที่กว่า 3,000 ไร่ที่ครอบคลุมพื้นที่ของทั้ง 2 ประเทศ คือประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ลาว โดยเป็นพื้นที่อยู่ในฝั่งลาวประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งอีกไม่นานก็จะมีการปักเขตแดนกันให้เป็น ที่เรียบร้อย
เราเดินถึงป่าดิบแห่งแรก (บริเวณนี้มีป่าดิบ 3 ป่า) เราจะพบป้าย “เขตห้ามเข้า” และป้าย “ห้ามเดินออกนอกเส้นทางโดยเด็ดขาด” ติดอยู่บนต้นส้นเป็นระยะ (ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่นำทางมาด้วยอย่างล่วงล้ำเข้าไป เพราะเขตฝั่งลาวด้านโน้นยังคงมีระเบิดที่ยังไม่ได้กู้เป็นจำนวนมาก อาจเป็นอันตรายได้) ผ่านป่าดิบแห่งแรกเข้าสู่ป่าดิบแห่งที่ 2 จุดนี้เราแอบเข้าไปเพื่อเก็บภาพของใบเมเปิ้ล 3 แฉกสีแดงที่ตกลงมาค้างบนท่อนไม้ล้ม ภาพที่ได้มาจะเห็นสีแดงสดของใบเมเปิ้ลตัดกับสีเขียว สดของมอสและเฟรินบนขอนไม้สวยงามมาก คุ้มค่ากับที่เราแอบเข้าไปในเขตนั้น
ส่วนป่าดิบแห่งที่ 3 เมื่อเข้าไปแล้วก็มองดูสูง ๆ จะเห็นกล้วยไม้รองเท้านารี แต่ตอนที่เรา นั้นดอกยังไม่บานมกา และแสงก็ไม่ค่อยมีเลยเก็บภาพไม่ได้ กลับจากป่าดิบเรายังได้มาเห็นต้น ว่านงูซึ่งมีอยู่หลายพันธุ์ เป็นต้น ว่านสีเขียวมีช่อดอกห้อยเป็นงวงเป็นตุ้ม ๆ บางพันธุ์เป็นสีเขียว อย่างเดียว บางพันธุ์ก็ข้างบนสีเขียวส่วนด้านโคนจะเป็นลายสีน้ำตาลคล้ายงูเหลือม งูหลาม มองดูแปลกตาไปอีกแบบ
อ้อ! ขอเตือนสักนิดสำหรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปว่า ควรช่วยกันอนุรักษ์พันธุ์ไม้ที่เรามี อยู่กันหน่อยนะครับ อย่าเที่ยวไปหักหรือเด็ดทิ้ง เวลาเดินจะเหยียบย่ำผ่านก็ลองมองดูทิศทาง ที่จะเดินสักนิด บางท่านอาจจะกำลังเหยียบลงไปบนต้นสนน้อยที่พึ่งจะเริ่มแตกตัวออกมา ถ้า ท่านไม่ช่วยกันอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ อีกหน่อยพันธุ์ไม้ในฝั่งไทยก็จะลดน้อยลงและหดหายไป ขณะ ที่ฝั่งลาวกลับอุดมสมบูรณ์ เราจะนึกเสียดายกันภายหลัง ช่วยกันรักษาสิ่งที่เรามีอยู่เพื่อให้นักท่อง เที่ยวรุ่นลูกหลานเหลนโหลนของเราได้รู้จักพบเห็นเหมือนเช่นกัน ปัจจุบันที่เราได้มีโอกาสรื่นรมย์ กันอยู่เถอะนะครับ ขอร้อง
เรากลับมาที่พักทำอาหารเที่ยงกินกันก็บ่ายแก่ ๆ มากแล้ว อาจจะเลยเวลาไปนิดแต่สิ่งที่ เราได้ไปลุยพบเห็นในป่าดิบก็คุ้มค่ามากในความรู้สึกของเรา หลังอาหารเราผูกเปลนอนชมวิว ฉากด้านหลังของเราเป็นภูเขาสูงใหญ่ (ปัจจุบันเป็นของเขตลาว) ด้านหลังของภูเขาลูกนี้จะมีแนว ทอดขวางยาวแยกออกไปอีกเส้นหนึ่ง ห่างออกไปจากภูเขาลูกนี้สักประมาณ 20 กม. คือบริเวณ ที่มีการสู้รบเพื่อแย่งชิงดินแดนกันในอดีต เวลายังเหลืออีกก่อนพระอาทิตย์จะตกใครยังไม่เหนื่อย ก็ลองเดินไปดูน้ำตกสายทิพย์ก็ได้นะครับ อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก
ตกเย็นไอหมอกเริ่มลามเข้ามา เราจัดการย้ายเต้นท์ของเราออกมาอีกนิด (เพื่อความสงบ ของเราเอง) หลังอาหารเย็นก็นอนเปลคุยกัน ชมจันทร์จนดึก ไอหมอกเริ่มมากขึ้นจนมองรอบตัว แทบไม่เห็น เราก็เข้านอนพักผ่อนเอาแรงเตรียมตัวลงจากภูในวันพรุ่งนี้
15-11-00 (06.00 น.) เช้านี้เราตื่นด้วยความสดชื่นเนื่องจากได้พักผ่อน (อย่างสงบ) เต็มที่เก็บเต้นท์และ ข้าวของ ไอหมอกยังคงเต็มอยู่ ขณะรอลูกหาบเรายังออกไปเก็บภาพสวย ๆ ได้อีกชุด เมื่อพร้อม เสร็จสรรพทุกสิ่งเราก็เริ่มเดินทางลงจากภูสอยดาว ทางลงยังคงชื้นด้วยละอองน้ำค้างและหมอก (ระวังลื่น) เราเป็นคณะแรกอีกเช่นเคยที่เดินลง ระหว่างทางขาลงก็ยังสามารถเก็บภาพต่าง ๆ อีกเป็นระยะจนกระทั่งถึงที่ทำการขาลงเราใช้เวลา 2 ชม. 7 นาที (เริ่ม 08.00 ถึง 10.07 น.) หลังจากลงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ (อาคารหมายเลข 1) และเคลียร์คืนถุงขยะ, ลูกหาบเรียบร้อยแล้ว เราก็อาบน้ำข้างที่ทำการ
จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางกลับ กทม. โดยใช้เส้นทาง 1268 ย้อน กลับเข้า อ.นาแห้ว แล้วเข้าเส้นทาง 2115 สู่ อ.ด่านซ้าย แวะกินข้าวกลางวันที่ตลาด แล้วแยก เลี้ยวขวาผ่านพระธาตุศรีสองรัก (ถ้าจะแวะไปไหว้อย่าใส่สีแดง เขาถือกันเป็นประเพณี) จาก นั้นเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวง 203 ผ่าน อ. หล่มเก่า (ถ้ามีเวลาควรจะแวะกินขนมจีนหล่มเก่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ อ. นี้) เข้าสู่ อ.หล่มสัก เลี้ยวขวาเข้าเส้นทาง 21 ผ่านเพชรบูรณ์-ชัยบาดาล -สระบุรี ถึง กทม. โดยสวัสดิภาพ เหลือเพียยงความทรงจำดี ๆ และภาพถ่ายสวย ๆ เก็บเข้าสู่ บันทึกการเดินทางของเราอีกชุดหนึ่ง และก็ยังตั้งความหวังจะไปภูสอยดาวอีกครั้งเมื่อโอกาส อำนวย เผื่อว่าคราวนี้เราจะไปนอนนับดาวอีกที.
ข้อมูลเบื้องต้นเพื่อการเตรียมตัวสู่ภูสอยดาว
1. ศึกษาเส้นทางการเดินทาง + ข้อมูลต่าง ๆ พร้อมกับวางแผน + โปรแกรมการเดินทางทั้งไป และกลับ
1. จัดเตรียมของ
  • - เตาแก๊ส , แก๊สกระป๋อง , หม้อและกะทะสนาม , กระติกน้ำ จะสะดวกที่สุด
  • - เต้นท์ ,ผ้ากันฝนหรือ Fly Smeet , ถุงนอน , เปลสนาม
  • - ของใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็น3
  • - ยาสำหรับผู้เป็นโรคประจำตัว , ยากันแมลง , ยาหม่อง
  • - เสื้อกันฝน , เสื้อหนาว
  • - น้ำดื่ม , อาหาร , ลูกอม , บุหรี่ (ถ้าสูบ)
  • - แผนที่ , เข็มทิศ
  • - กล้อง , ขาตั้ง , VDO , ฟิลม์ (เยอะสักนิดเพราะมีรายละเอียดให้เก็บเยอะ)
    1. ฟิตร่างกายให้พร้อมก่อนไป
    ข้อควรระวัง
    บนภูจะมีแมลงชนิดหนึ่ง เรียกว่า ขุ้มหรือคุ่ม (ไม่แน่ใจสะกดอย่างไร) เยอะมาก เวลากัดเราจะ ไม่รู้ตัว ยิ่งมันดูดเลือดเรานาน จุดที่มันกัดจะแดงแผ่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนทากมีน้อยมาก ถ้าไม่ลุยเข้าหญ้ารก ๆ หรือป่าดิบ แทบจะไม่เจอเลย แมลงหวี่ , ตัวริ้น มีพอสมควร
    ข้อเสนอแนะ
  • - การให้นำถุงขยะขึ้นไปแล้วเก็บขยะลงมาคืนเงิน (ดีมาก)
  • - ข้างบนควรมีเตาถ่าน พร้อมถ่านถุงให้เช่าแบบภูกระดึง
  • - ควรชี้แจงกฏของกรมป่าไม้ให้นักท่องเที่ยวทราบ โดยจัดหาแผ่นพับ , รายละเอียดแผนผัง บริเวณแจก ณ ที่ทำการอาคารหมายเลข 1
  • - ห้ามมิให้นักท่องเที่ยวตัดไม้ทำลายป่ามาก่อไฟ เพราะที่ขึ้นไปเท่าที่เห็นมันมีอยู่หลายกลุ่ม ที่ไปตัดเอาต้นไม้สด ๆ มาก่อกองไฟกัน ซึ่งนอกจากติดยากแล้ว บางครั้งตัดกันมากเกิน ความจำเป็น แล้วก็ทิ้งไว้เมื่อตนเองกลับ เสียดายไม้มาก
  • - ห้องน้ำข้างบนควรเพิ่มถังตักน้ำสักนิด พร้อมติดป้ายให้ช่วยกันรักษาความสะอาด
  • - เพิ่มป้ายชี้แจงข้างบน ให้ชัดเจนเช่น การส่งเสียงอึกทึก , การตัดไม้ก่อไฟ
  • - ท้ายสุดใคร่ขอวิงวอนนักท่องเที่ยวทั้งหลายว่า หากท่านเดินทางขึ้นไปทุกอย่างที่นำขึ้นไป ควรนำกลับลงมาทุกชิ้น ทุกอย่างไม่ควรทิ้งไว้โดยเฉพาะขยะ เพราะจะเป็นอันตรายต่อ สัตว์ป่าของพื้นที่ที่มันอยู่เป็นจำนวนมาก และประเภทสัตว์ที่กำลังหายากใกล้จะสูญพันธุ์ อีกทั้งพันธุ์ไม้ควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้ หวังว่าคงต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึก และช่วยดูแล ให้เกิดผลของการปฏิบัติในกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยกันนะครับ

    ด้วยรักและปรารถดี
    www.พรานหม่อง.COM




    noi - - send_to_onnnoi@hotmail.com - 15/12/2000


    พึ่งไปเที่ยวมาเมื่อต้นเดือนธค. ไม่มีรถกลับเพราะเดินลงช้า ค่าเหมารถแพงมากและเงินก็ใกล้หมด แต่ก็ได้กลับแพราะพี่วิ ร้านน้องดาวพาขับรถเครื่องไปตามหารถกับพ่ออู๊ดเจ้าของรถประจำทางช่วย แถมไม่มีข้าวกินบนรถไปร้านน้องดาวก็ให้ไข่เจียว แล้วพ่ออู๊ดก็ให้ข้าวเหนียวมา หน่อยซึ้งมาก ถ้าเพื่อนๆจะไปถามเราได้นะ ช่วยอุดหนุนร้านพี่วิกับพ่ออู๊ดด้วยแล้วกันนะ บอกว่าหน่อยแนะนำมาพี่เค้าจะลดให้ ฝากด้วยนะเพื่อนๆพี่ๆที่ช่อบเที่ยวป่าทุกคน




    ไอ - 15/12/2000


    ผมไปเที่ยวที่นี่แล้วรู้สึกแย่ มีคนบางส่วนที่เอาแต่ได้ ไม่ว่าจะเป็นลูกหาบบางคนหรือเจ้าหน้าที่บางคน ขอให้ทุกคนที่ไปเที่ยวที่นี่เช็คของให้ดีนะระวังของหาย แล้วก็ถามราคากับหลายๆคน ระวังโดนเพิ่มเงิน แล้วก็เตรียมของไปให้ครบนะครับ ระวังจะโดนหลอกเหมือนที่ผมโดน ขอให้ทุกคนโชคดี
    ผมอยากให้ที่นั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมากกว่าขณะนี้ อยากให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นกับที่ ที่ผมและทุกๆคนที่เคยไปรัก ขอบคุณครับ




    สชา - - mshomsacha@ thaimail.com - 08/01/2001


    ยิ่งกว่าที่คิดไว้จริงๆ ตั้งชื่อแต่ละเนินเนี่ย สมชื่อเลย เป็นความประทับใจในอีกรูปแบบ ทั้งเหนื่อยทั้งหิวทั้งหนาว ได้ครบทุกรสชาติจริง แถมได้ของแถมมาเป็นอาการเท้าปวม ใครชอบการเดินทางไกลที่โหดๆ ละก็ มาลองสักตั้งซิคะ




  • ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง..ภูสอยดาว


    Image Loading...