Image Loading...
ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง...อุทยานแห่งชาติไทรทอง

โดยคุณมโน(mongkol@witty.net) 20 กรกฎาคม 2541


ทุ่งดอกกระเจียว

และแล้ว บอลโลกก็จบลง ผลไปตามความติดของใครหรือเปล่านั้น ผมไม่สนใจเท่าไหร่ เพราะผมดูเอามันส์เข้าว่า แต่คืนนั้นก็ไม่ประทับใจเท่าไหร่กับฝ่ายแพ้ แต่ก็ช่างมันเถอะ เพราะเสาร์นี้แล้วที่จะไปตามใจฝันอีกครั้ง ยังทุ่งดอกกระเจียว นัดล้างตาจากปีที่แล้ว ที่ไปแล้วฝนตก เล่นเอางานกร่อยเลย หากไม่มีเทศกาลแบบ 4 ปีมีครั้งละก็ ผมคงแล่นไปตั้งแต่ต้นเดือนแล้วล่ะ
หลังจากหาข้อมูลอีกรอบกันเหนียว(แม้ปีที่แล้วจะไปมาแล้วก็ตาม)ผลที่ได้ไม่ค่อยแตกต่างนัก ข้อมูลที่หาได้ค่อนข้างเหมือนเดิม รู้มาว่าเขาจัดเป็นเทศกาลดอกกระเจียวบานช่วงนี้เท่านั้น ปีที่แล้วผมพารถที่มีอายุเกือบเท่าตัวผมไป นอกจากหลังไปเกือบร้อยกิโลเพราะถนนกำลังก่อสร้างทำให้มองไม่เห็นป้าย ยังเจอทางลูกรังขึ้นเขาอีกกว่า 20 กิโล เล่นเอาสงสารพาหนะคู่ใจไปไม่น้อย ก็ได้แต่หวังว่าปีนี้ถนนคงทำเสร็จแล้วนะ
คราวนี้ตั้งใจว่าจะไปดูทุ่งกระเจียวกลางสายหมอกให้ได้ คิดเอาในใจว่าคงต้องพาสังขารตน ด้นให้ถึงก่อนแปดโมงน่าจะไหว ระยะทางเท่าที่จำได้คงตกอยู่ประมาณ 250 กว่ากิโลเมตร เวลาเดินทางควรไม่เป็น 3 ชั่วโมงมากนัก(ตีนผีเก่าครับ) ออกสักตี 3 น่าจะทัน
วันจริงกว่าจะได้ออกก็ปาไปตี 3 ครึ่ง ออกมาก็กะว่าเหยียบสักร้อย(ประหยัดน้ำมันครับ ยุค IMF)ก็น่าจะทันหมอก late นิดหน่อยหมอกคงรอน่า แต่ยังไม่ทันออกจากกรุงเทพฯเลย เจอแถวยาวเหยียดจนนึกว่ารถสิบแปดล้อนึกสนุกขวางถนนวิภาวดีเสียแล้ว เพราะตี 3 ครึ่งนะไม่ใช่หกโมงเย็น กว่าจะรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะทีมสร้างโทลล์เวย์ก็รู้แล้วว่า ได้สวมวิญญาณตีนปีศาจอีกแล้ว
พอหลุดออกมาได้ ก็เพิ่มน้ำหนักเท้าขวาทันที ถึงสระบุรีในเวลาน้อยกว่าชั่วโมง(107 กม.นะเนี่ย) แวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา และหาของกินที่ปั๊ม ก็พร้อมบึ่งต่อในระยะที่เหลือ ปีที่แล้วหลงเพราะทำถนน ปีนี้กลัวจะน้อยหน้าก็เลยเอาซะอีกรอบ แค่สามแยกพุแคก็เลี้ยวเข้าซอยไปจ๊ะเอ๋ฝูงรถสิบล้อซะก่อนแล้ว ดีว่าถนนมันพังผิดปกติ เลยเอะใจวนกลับมาทันก่อนเตลิดเปิดไป เข้าทางหลวง 21 ซึ่งเป็นทางหลวงเส้นหนึ่งที่ผมประทับใจมาก ตอนขับไปเพชรบูรณ์ใน trip หนึ่ง เนื่องจากวันนั้นถนนโล่งและอากาศดีมากเพราะเป็นตอนเช้าวันธรรมดาที่รถว่างด้วย แต่วันนี้มีเพียงแสงไฟหน้ารถเท่านั้นที่เป็นเพื่อน เพราะเป็นตอนมืด และไม่ได้ท่องแผนที่มาก่อนเหมือนอย่างเคย ทำให้เริ่มไม่แน่ใจว่าแยกหน้าอยู่ไกลเท่าไหน เล่นเอาต้องจอดรถข้างทางอีกรอบเพื่อเช็คระยะ ก่อนโล่งใจเมื่อเจอแยก 205 ตัดกับ 21 ทางสายตา เลี้ยวขวาตามป้ายบอกว่าไป อ.ด่านขุนทด วันนี้ไม่นมัสการพ่อคุณเหมือนปีที่แล้วนะครับ กราบอภัยด้วย ปีก่อนอ้อมไปเกือบร้อยกิโล ปีนี้ลูกช้างขอชมธรรมชาติก่อน พอถึงสามแยกที่เส้น 205 ต้องเลี้ยวซ้าย ปีนี้ถนนทำเสร็จแล้ว เป็นราดยางอย่างดี ผมเจอพระอาทิตย์มายิ้มให้หลังเหลี่ยมเขา เล่นเอาต้องจอดไปชักภาพก่อนจนรถตามหลังมามองอย่างสงสัยว่าทำอะไรอยู่ จากนั้นก็ขับยาวเพลินเท้ามาจนเลยกิ่ง อ.ลำสนธิ ปีที่แล้วผมก็กลับทางนี้ จำได้อยู่ว่าทางเอาเรื่อง แต่ปีนี้ก็ไม่วายเผลอเพราะมาเร็วและไม่นึกว่า sharp curve กว่าที่คิด เล่นเอาเชนเกียร์ตบเบรกทันแบบหวุดหวิด ดีที่เอาอยู่ ไม่ยังงั้นก็ไม่ได้มาบรรเลงเพลงอักษรอย่างนี้แล้ว
มือไขว้ผสมกับบรรเลงเพลงเท้าสลับคันเร่ง-เบรก-คลัทช์กว่า 10 กิโล ก็ถึงแยกทางเข้าอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ผมเลี้ยวโดยไม่รอช้า แล้วก็เหยียบต่อเพื่อทำเวลาไปหาหมอก แยกสุดท้ายก่อนถึงทุ่ง ผมจำได้ว่าปีที่แล้วดินแดงรออยู่ แต่ปีนี้กลายเป็นคอนกรีตหมดแล้ว ทำเอาผมใจชื้นเรื่องเวลาไปได้เยอะ(เพราะเหยียบทำเวลาได้สบายหน่อย)แถมยังเจอหมอกเป็นละอองอยู่รอบคัน ผมเลยไม่รอช้าที่จะปิดแอร์ เปิดกระจกรับบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่นแบบเต็มปอด(แถมด้วยประหยัดน้ำมันอีก สองต่อเลย แต่ก็ต้องผ่อนคันเร่งลง เพราะทัศนวิสัยลดลง) พอเห็นป้ายอุทยาน ก็ไม่รอช้าที่จะตรงไปถามพี่เจ้าหน้าที่ถึงสภาพทุ่ง พี่เจ้าหน้าที่ก็ใจดีตอบให้ฟังอย่างเต็มใจ พร้อมบอกว่าเอารถขึ้นไปได้เลย ไม่ต้องรอสองแถว(ปีที่แล้วผมก็เอารถขึ้น แต่ระเบียบการจัดรถขึ้นลงแย่มาก เล่นเอาฉุนขาดลงไปต่อว่ามอเตอร์ไซด์มาแล้วนะเนี่ย)ปีนี้ทางอุทยานเลยมีนโยบายใหม่ว่า ถ้ามาก่อน 8 โมงเอารถขึ้นได้เลย แต่ถ้าหลัง ก็ต้องอาศัยสองแถวไปละกัน
ระหว่างทางไปชมทุ่ง มีคนไม่น้อยที่ทยอยเดินขึ้น จะแวะรับใครก็เกรงใจตัวเอง เพราะในรถสมเป็นรถหนุ่มโสด รกระเบิด ถ้าจะรับใครขึ้นไปอาจเสียเวลาจัดรถมากกว่าเดินขึ้นเสียละมั้ง ก็เลยค่อยๆขับไปจนถึงบริเวณทุ่งที่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณเกือบกิโล หาที่จอดแอบได้ข้างทางเสร็จสรรพ ก็คว้า camera คู่มือพร้อมขาตั้ง ลุย! หมอกโรยตัวค่อนข้างหนา ทำเอาหวั่นใจว่าฝ้าจะมาหาเลนส์หรือเปล่า แต่กังวลไปไย มาถึงที่แล้ว มีปัญหาอะไรว่ากันอีกที คนต้องถือว่าเยอะนะสำหรับเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ปีนี้ทางอุทยานกั้นราวไว้ให้เดินชมเฉพาะ ไม่ให้เดินอย่างอิสระเหมือนปีที่แล้ว เพราะอะไรคงเดากันได้โดยไม่ต้องบอก แต่แรกก็ว่าจะทำตัวเป็นคนดี แต่กล้องผมมันทำไม่ได้ดั่งใจ ก็ขออนุญาต(ในใจ)แล้วก็แว่บ มุดราวเข้าไปเก็บภาพดอกกระเจียว แต่ก็ไม่นาน เพราะกลัวคนอื่นจะทำตาม ซึ่งคงไม่ดีแน่ ถ้าผมเป็นคนเริ่มเรื่องแบบนี้ หมอกลงนานและหนา เรียกได้ว่าทัศนวิสัยไม่เกิน 50 เมตรเลยล่ะ ระหว่างเก็บรูปจึงได้ยินแต่เสียงจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ทางนั้นที ทางโน้นที ที่ต่างก็เก็บภาพกันจริงจัง ชนิดได้ว่า หาคนไม่มีกล้องไม่เจอเลยล่ะ หลังจากเริ่มเก็บภาพสักพักหนึ่ง พี่เจ้าหน้าที่ก็ตามมาปักป้ายว่าครงนี้มุดราวเข้าไปถ่ายรูปได้ เล่นเอาคนเที่ยวใจชื้น พร้อมมุดราวตามกันไปหาดอกไม้อย่างสบายใจกันถ้วนหน้า ผมเห็นคนเริ่มเยอะ ก็เลยหลบไปทางอื่นที่ไม่ค่อยมีคน ก็ลั่นซัตเตอร์ที่ถูกใจได้อีกหลายเหมือนกัน พอนับรูปที่ถ่ายไป ก็ต้องเตือนตัวเองว่าม้วนกว่าแล้วนะ หมอกยังไม่จางเลย เก็บไว้ถ่าย(รูปดอกไม้)กับแดดมั่งซิ ก็เลยหาทำเลนั่งรอแดดดีกว่า เดินหาที่นั่งก็ไม่เจอที่ถูกใจ ก็เดินต่อตามใจ คราวนี้เลยเจอที่นอนซะเลย เป็นแผ่นหินเรียบขนาดพอดีตัว งีบท่ามกลางละอองหมอกซักพักท่าจะดี เลยเอนหลังเอกเขนกหลังตั้งนาฬิกาปลุกกันลืมตื่นเรียบร้อย
เกือบ 10 โมง หมอกจึงเริ่มจาง แต่ที่ทดแทนมาคือ จำนวนคนที่มาทุ่ง ผมย้อนกลับมาถ่ายตรงที่หมายตา ก็เจอมหาชนรออยู่เต็มไปหมด ทำเอาต้องไถลไปคุยกับพี่เจ้าหน้าที่ก่อน สรุปความหลังจากไต่สวนพี่ซึ่งพี่เขาก็ให้ความร่วมมือด้วยดี เขาบอกว่าดอกกระเจียวจะบานช่วงมิถุนาถึงสิงหา แต่ปีนี้บานไม่ค่อยจะพร้อมเพรียง เลยสวยน้อยกว่าปีก่อนๆไปบ้าง ผมซักต่อว่า แล้วงานที่จัดกันช่วงนี้มีอะไรพิเศษกว่าตอนไม่ได้จัดไหม พี่เขาตอบตรงว่าไม่มีอะไรนอกจากนิทรรศการที่จัดตรงที่ทำการ เล่นเอาผมงงไปพักหนึ่งเลย แต่พี่เขาพูดต่อเหมือนอ่านใจผมออกว่า ก็มันเป็นจุดขายที่ปีหนึ่งมีแค่ช่วงเดียว เลยต้องโหม promote กันหน่อย ปัญหาของผมยังไม่หมด ก็เลยป่อนต่อถึงเรื่องทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติไทรทองว่าสวยกว่าที่นี่ไหม พี่เขาคิดนิดนึงแล้วบอกว่าสวยใกล้เคียงกัน ผมเลยถามต่อว่าไกลจากที่นี่ไหม พี่เขาบอกไม่แน่ใจเส้นทางก็เป็นอันจบคำถาม พอเก็บภาพตามตั้งใจแล้ว ก็จ้ำกลับรถ หาของกิน(หิวครับ) พักขา 5 นาทีแล้วก็ตะกายเขาไปดู "สุดแผ่นดิน" หน้าผาที่เป็นช่วงยกตัวตรง "สุดแผ่นดิน"นี้ ถ้าคนชอบมองพื้นที่กว้างจากมุมสูงน่าจะชอบ แต่วิวก็ไม่ต่างจากหน้าผาทั่วไปเท่าไร ต่างคนก็ต่างจิตใจ แต่ผมก็เก็บภาพเหมือนเคยแหละครับ
ขาลงตียาวสวนกับผู้คน ตัดไปที่ลานหินงามเลย ไม่มีรถส่วนตัวสวนขึ้นสักคัน แสดงว่าที่พี่เขาบอกว่าห้ามเอารถส่วนตัวขึ้นก็เห็นจะรักษากฏกันได้ดี เลยกลายเป็นว่ารถผมเป็นของประหลาดในสายตาคนอื่นไปเลย เพราะมีแต่คนอาศัยสองแถวทั้งนั้น ผมคนเดียวฉายเก๋ง(เก่าๆ) จอดรถใต้ร่มไม้ แล้วก็ดุ่มเข้าป่าหินงาม เจอพี่เจ้าหน้าที่อีก หน้าผมเป็นเครื่องหมายคำถามหรือไงไม่ทราบได้ พี่เค้าถามว่ามีอะไรหรือ ผมก็เลยถามโดยไม่ตั้งใจว่า ป่าหินกว้างไหม ใช้เวลาเท่าไรถึงเดินทั่ว ทางเดินเดินลำบากไหม คำตอบออกมาเป็น 10 ไร่และหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทางเดินเป็นเนิน เหยียบบนหินไปเรื่อยๆจะไปตรงไหนเดี๋ยวก็ถึงเอง ขอบคุณครับพี่
หน้าป่าหินมีป้ายบอกถึงหินหลักว่าหินรูปร่างนี้อยู่ตรงไหนของป่าหิน เห็นแล้วนึกเจ็บใจในความรีบร้อนของตนที่ไม่แวะที่ทำการก่อน ไม่งั้นคงมีเอกสารติดมือมาดูบ้าง แต่ ช่างมัน สองขาสองตาสองมือ ได้เวลาท่องป่าแล้ว แดดออกตามเวลาจริง สิบเอ็ดโมงกว่า เล่นเอาต้องปาดเหงื่อกันหลายรอบ คนยังเยอะอยู่ดี ถ่ายภาพเฉพาะหินได้ลำบากเต็มทน หลังจากรออยู่พักใหญ่ ก็ยอมแพ้ หม่ำข้าวเที่ยงดีกว่าเรา กลับเข้าที่ทำการ แวะร้านอาหารของอุทยานหลังขอแผ่นพับที่ที่ทำการ กินข้าวไปก็อ่านไป ได้ความรู้มาอีกตั้งหนึ่ง ข้างๆที่ทำการ มีการจัดบอร์ดแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดชัยภูมิ คนเท้ามาเป็นชีพจรอย่างเรา มีหรือจะพลาด ยิ่งเวลาเหลือตั้งครึ่งวันโดยไม่วางโปรแกรม ไม่รอช้าอยู่แล้ว เขาก็จัดได้ดีพอสมควร แต่เน้นไปทางสัตว์ป่าเสียมาก จากความเห็นส่วนตัวในฐานะนักท่องเที่ยวขาจร ผมไม่สนใจมากนัก เพราะโอกาสเจอตัวจริง สงสัยน้อยกว่าถูกลอตเตอรีรางวัลที่หนึ่งบวกเลขค้างเคียงอีกมั้ง นี่ไง อุทยานแห่งชาติไทรทอง เจอบอร์ดแล้ว อ่านอยู่สองรอบแน่ะ ยังไม่รู้เลยว่าไปยังไง ในแผนที่ทางหลวงประเทศไทยเล่มที่มีอยู่ก็ตกสำรวจ แล้วเอาไงดี ปากมีนี่ ถามสิครับ(พ่อสอนไว้ มีปากอย่ากลัวหลง ถามโลดลูก) ถึงถิ่นแล้วถามพี่เขาดีกว่า ถามพี่คนแจกแผ่นพับ ไม่ใสกว่าเดิมเท่าไหร่เลย เห็นพี่อีกคนถือ ว. ลองดูน่า ได้เรื่องเลย เขาตามคนขับรถ(ของใครไม่กล้าถาม) มาวาดแผนที่ให้ทันใจ ผมก็ไต่ถามอีกบางจุด กันหลง ดูจากท่าทีพี่เขาแล้ว เขากลัวผมหลงทางแฮะ -แล้วหลงไหม อ่านต่อครับ- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แผนที่อยู่ในมือ แถมได้เบอร์มือถือหัวหน้าที่ทำการอุทยานที่ไทรทองมาอีก สตาร์ทรถ ไทรทองครับ รอเดี๋ยวนะ ออกจากป่าหินงาม ลงทางเดิม(มีทางเดียวแหละครับ)กลับมาเจอทางหลวง 2354 เลี้ยวซ้ายเข้าหาตู้ยาม(แปลกใจเหมือนกันทำไมเขาเอาตู้ยามเป็น mark แต่พอขับไปก็เข้าใจ เพราะแถวนี้ถนนโยธาทั้งนั้น ไม่มีหมายเลขทางหลวงครับ) เจอตามระยะ ก็ใจชื้น เลี้ยวซ้ายปั๊บ หาสามแยกต่อ ก็เจออีก ไม่หลงแล้วมั้งเรา ขับได้สักพัก เจอแล้วครับ เพื่อนเก่า แดงมาเลย ขรุขระนับหลุมไม่ทันเลย เพื่อนคนนี้ชื่อลูกรังครับ พาครอบครัวชื่อร่องน้ำเซาะกับหลุมดักรถเก๋งมาด้วย คลานต่อ พอแยกต่อไป กลายเป็นว่าเจอบ้านไทรงาม ก็เอ น่าจะใกล้แล้วทั้ง ไทรงาม-ไทรทอง ขับได้อีก 5 นาที ไม่เห็นป้ายอะไรว่าจะเข้าเค้าเลย ก็พอดีเจอเหยื่อ พี่ชาวบ้านเขาขับสวนมาพอดี ก็เจรจาเลยรู้ว่า หลงอีกแล้ว พี่เขาไม่รู้จักอุทยานแห่งชาตินี้แฮะ ผมงี้คิ้วตีกันเลย แต่พี่เขาบอกว่าน้ำตกไทรทองหรือเปล่า พอดีผมอ่านมาจากบอร์ดที่ป่าหินงาม เลยรีบพยักหน้า โชคหล่นทับซ้ำ เพราะพี่เขาจะไปพอดี นำโลดเลยพี่ กินฝุ่นจนเกือบอิ่ม รถผมเหมือนคนโดนระเบิดแป้ง(ฝุ่นลูกรัง)ลงลูกใหญ่ ไม่นับหลุมกับหินและทางร่องน้ำเซาะนะเนี่ย ขอเลยครับว่าไม่จำเป็นอย่าเอารถโดยเฉพาะเก๋งมาทางนี้ ไปน่ะไปได้ แต่ถ้าจังๆกับอะไรสักอย่างมีหวังเสียทรัพย์แน่ เจอทางหลวง 225 ขวางอยู่ โล่งไปหน่อย เป็นผู้ดีตามไปเรื่อยๆพี่เขาก็เลี้ยว ไปตามป้ายน้ำตกไทรทองซ้ายมือ ป้ายอุทยานน่ะไม่มีจริงๆครับไม่ต้องหา ลูกรังอีกรอบ ดี(เลว)ไม่แพ้กัน อีก 7 กม.เอาน่าถึงนี่แล้ว ไม่มีถอย เลี้ยวอีกสองที เห็นป้ายอุทยานแล้ว เข้าที่ทำการก่อนครับ
มือเป็นฝักถั่วก่อนกับพี่เจ้าหน้าที่ ถามทันทีว่า ขึ้นดูทุ่งดอกกระเจียวทันไหม พี่เขาถามสวนเลยว่า มากี่คนล่ะ คนเดียวครับ พี่เขาเลยบอกเพิ่งมีกลุ่มหนึ่งขึ้นไป ต้องใช้ 4WD เพราะต้องข้ามห้วย เป็นอันว่าวันนี้แห้วครับ ไม่เป็นไร คุยต่อ พี่ครับ แล้วผมไปไหนได้มั่ง พี่เขาก็ให้แผ่นพับมาดู แล้วบอกว่า คงได้แค่น้ำตกไทรทอง ส่วนผาอีกแห่งหนึ่งที่คล้าย "ที่สุดแผ่นดิน" ก็อยู่ทางเดียวกับทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการสิบกว่ากิโล พี่เขายังบอกอีกว่าที่นี่ทุ่งดอกกระเจียวสวยกว่าที่ป่าหินงาม(ผมนึกในใจแล้วใครล่ะจะไม่บอกว่าของตัวสวยกว่า) และที่นี่ให้กางเต็นท์ได้หมด ทั้งที่ทำการ ทุ่งดอกกระเจียว หรือริมน้ำตก ผมนั่งพักได้ครู่หนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจว่า ไปดูน้ำตกดีกว่า ไหนๆก็มาแล้ว
ถึงน้ำตก คนไม่เยอะเท่าไร แม้พี่เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าวันนี้มีทั้งทัวร์สื่อเดินทางและช่อง 5 มา ตอนเข้าก็ดีอยู่หรอก มีป้ายบอก แต่เข้าได้ไม่ถึงอึดใจ ป้ายหายหมด แล้วผมไปไงต่อล่ะ กลับครับ สรุปว่าไปแค่ วังเงือก เหนือน้ำตกไปนิดเดียว คนน้อยบวกกับความเงียบ นิ่งของวังน้ำ ถ้ามีได้เข้โผล่มาสักพัก ผมว่าผมไม่แปลกใจแน่ แวะถ่ายรูปกับหัวใจหิน ใครอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร มาขอรูปไปดู หรือไม่ก็ไปดูเองนะครับ เก็บภาพน้ำตกขนาดย่อมอีกสองรูป พอดีฟิล์มหมดม้วน ก็เตรียมกลับ กำลังจะเดินออก มีคนยิ้มให้(ผู้ชายครับ อย่าคิดเกินเลย)ผมก็ยิ้มตอบ แล้วก็คุยกัน น้องเขาบอกว่า เห็นผมตั้งแต่เดินเข้าแล้ว มาคนเดียว แบกกล้องกับขาตั้ง แปลกดี แต่ผมว่าท่าทางเขาก็ไม่แพ้กัน เพราะโบกรถกันมา 4 คน ชายหญิงอย่างละครึ่ง ยังเรียนกันอยู่แต่มีคนหนึ่งทำงานแล้ว คืนก่อนถึงป่าหินงามตั้งแต่เที่ยงคืน รอกว่าจะได้เข้าก็เกือบเช้า แถมมาที่ไทรทองทางเดียวกับผมอีก หัวแดงกันเป็นแถว คุยกันสักพัก แลกชื่อที่อยู่กัน น้องคนหนึ่งอยู่จันทบุรี พอดีแล้ว งวดหน้าไปแถวนั้นจะไปรบกวน น้องเขาไม่ว่าอะไร งวดหน้าเจอกัน
ออกจากน้ำตกเกือบห้าโมงครึ่ง เชื่อไหมครับว่าออกจากอุทยานผมเลี้ยวผิดแล้ว ทั้งที่ปกติผมจำทางแม่นนะ เอะใจแล้ว ก็พานถามลุงที่นั่งรอใครสักคนอยู่ ลุงเขาทางนี้หลาน เห็นลุงนั่งอยู่คนเดียว ปากถามต่อว่า ลุงออกไปข้างนอกหรือเปล่า ไปด้วยกันไหม ไม่มีรีรอ ลุงตามพวกอีกสามมาเลย ผมเลยได้ฤกษ์จัดรถให้เรียบร้อย ก่อนลุงป้าทั้งทีมเดินทางออกมาที่ทางหลวงด้วยกัน ก็ดีครับ อย่างน้อยก็ไม่หลง ส่งทั้งทีมตามจุดที่ลุงบอก ก่อนกลับทางเดิม ยังไม่วายงงอีก ต้องลงมาถามชาวบ้านอีกรอบ คิดเอาเองละกันว่าเป็นไง กว่าจะโล่งก็เมื่อเจอทางราดยางนั่นแหละครับ คราวนี้ชัวร์
ขับยาวมาเติมน้ำมันที่เทพสถิต ก่อนลุยรวดเดียวถึงกรุงเทพฯแวะร้านรูปก่อนเลย ไม่ถึงชั่วโมงก็ได้ดูรูป พอใจสักเท่าไรดีล่ะ สงสัยต้องหาคนอื่นดูแล้วบอกทีแล้วล่ะ สรุปงานนี้ คงมีล้างตาอีกรอบที่ไทรทองแน่ โอกาสหน้าเจอกันครับ




Tee 28 มิถุนายน 2542


ป่าหินงามและไทรทอง

จากป่าหินงามสู่ไทรทอง
ออกเดินทางจากหมอชิตเวลา23.00 เป็นรถป2ค่ารถ 102 บาท ไปลงรถที่วะตะแบก อ.เทพสถิต ตี3 ตรงนั้นจะมีร้านอาหารอยู่และมีป้อมตำรวจ ค่อนข้างปลอดภัย หลังจากนั้นหารถเหมาเข้าไป ประมาณ300 บาท จากร้านอาหารนั้นและให้แวะตลาดซื้อขนมมาทานเล่นเวลาดูดอกกระเจียวก็ได้ หลังจากนั่งรถเข้าไปถึงตัว อชป่าหินงามประมาณ ตีสี่ครึ่ง ก็ให้ขึ้นไปชมทุ่งดอกกระเจียวตอนเช้าเลย จะดูดีและมีหมอกลงอ่อนเหมาะกลับการถ่ายรูปสวยๆ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่จุดชมวิว สุดแผ่นดิน ก็จะเห็นผืนป่าซับลังกาอยู่เบื้องล่างที่จุดนี้จะมีศาลาเก้าเหลี่ยมไว้นั่งดูวิวด้วย หลังจากนั้นก็เดินลงมาที่ยังป่าหินงาม ในนี้จะมีเส้นทางให้ดูหินแปลกๆที่มีลักษณะต่างๆ ดูแล้วงงว่าธรรมชาติสามารถสร้างขึ้นมาได้อย่างไร พอชมเสร็จก็ประมาณ 10.00น.ก็หาอาหารกินที่ร้านสวัสดิการ ใกล้กับที่จุดกางเต้นท์และที่ทำการ หลังจากเราก็คิดกันว่าน่าจะไปที่อื่นบ้างเพราะว่าที่นี่จุดเที่ยวน่าจะมีรถส่วนตัวเพราะห่างจากที่กางเต้นท์มาก (ทางรถเป็นทางคอนกรีตอย่างดี) พวกเราเลยโบกรถไปที่ อช ไทรทองต่อหารถคอ่นข้างลำบากมากวันหนึ่งมีเที่ยวเดียว ไม่งั้นต้องเหมาเข้าไป ทางยังเป็นลูกรังช่วง 7 กม สุดท้าย ถ้าเป็นรถสองแถวต้องนั่งรถของป้าอ้วนเท่านั้นที่เข้าไปทรัพย์มงคล แล้วเหมารถแกต่ออีก100-200 บาทเข้าไปส่งที่น้ำตกไทรทองซึ่งเป็นน้ำตกไม่สูงมาก แต่มีความกว้างและมีเวิ้งน้ำขนาดใหญ่อยู่ ที่นี่ยังมีจุดท่องเที่ยวซึ่งเป็นผาต่างๆโดยเหมารถพร้อมเจ้าหน้าที่ขึ้นไปกลับรวม 800 บาท หาเพื่อนขึ้นไปให้ได้ประมาณ 13คนจะประหยัดมากระยะทางที่รถวิ่งประมาณ 10 กม หลังจากนั้นเดินเท้าอีก 2กม ผ่านทุ่งดอกกระเจียวสีขาวซึ่งไม่เหมือนกับที่หินงามมีทุ่งอยู่ทั้งหมด 4 ทุ่งใหญ่ กำลังบานชูดอกสวยงาม ที่นี่เราจะพักกางเต้นท์ใกล้ทุ่งดอกกระเจียวเลยแต่ที่นี่ไม่มีอาหารต้องกางเต้นท์เท่านั้นแต่มีห้องน้ำ ตกเย็นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาอาทิตย์อัสดง โดยมีฉากหลังเป็นภูเขียว แล้วก็กลับมาทำอาหารนั่งคุยกันหาเพื่อนใหม่ๆ ตื่นเช้ามาอากาศดีมากๆหมอกลงจัดเราจึงเดินชมทุ่งกระเจียวและผาอื่นๆอีกเราพักที่ผาเพลินใจสวยงามและเย็นสบาย แล้วก็เก็บสัมภาระกลับสู่เบื้องล่างและมุ่งสู่ กทม. โดยนั่งรถที่โบกมาลงที่ถนน 225 เพื่อหารถไปที่นครสวรรค์ มีรถเที่ยวสุดท้ายประมาณ บ่าย 2 ค่ารถ 60 บาท ระหว่างทางก็มีจุดชมวิวที่ภักดีชุมพล กม 70 เราถึงนครสวรรค์ 6 โมงก็นั่งรถสู่ กทม ต่ออีกถึง กทม 4 ทุ่ม เป็นอันว่ากลับมาอย่างสวัสดิภาพทุกท่าน
ข้อแนะนำ
1. ควรมีรถส่วนตัวหรือรถตู้จะสะดวกมากๆๆๆๆ
2. ไปให้ถึงก่อนเช้าจะดีเพราะจะไม่ร้อนและอาจมีหมอกลงได้
3. เตรียมกล้องและฟิล์มไปมากๆ
4. อย่ามุดรั้วที่เค้ากั้นไว้ถ้าอดใจไม่อยู่ก็ระวังอย่าเหยียบดอกไม้เพื่อเก็บไว้ให้ชุดต่อไปดูบ้าง วันที่ไป 26-27 มิย 2542 ผู้ร่วมเดินทาง ธี ยุ้ย จัน เอ๋ อ๊อด โจ้ และ พี่รถแดงขวํญใจน้องๆ และ พี่นักบิน
งบประมาณ 600-700 บาท มากเพราะผมกินบ่อย และเหมารถหลายครั้ง




bee (s_benjawan@hotmail.com) 20 กรกฎาคม 2542


หวัดดีค่ะ
พูดถึงเรื่องท่องเที่ยวละก็ที่แรกที่นึกถึงก็คงจะเป็นน้ำตกกะภูเขานี่ แหล่ะค่ะ ยิ่งถ้าเป็นน้ำตกด้วยแล้ว..ไม่เคย ลืมเลยก็คงจะเป็นน้ำตกไทรทองนี่แหละค่ะ เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่าตอนนั้นอยู่ปี 3 ค่ะจะไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่หนองบัวแดงก็แวะหลายที่นะคะระหว่างทาง พอดีเราเจอป้ายน้ำตกไทรทองเข้า แค่ 7กม.เองก็เลยแวะซะหน่อย แต่ที่ใหนได้ ระยะทางแค่ 7 กม.แต่เราใช้เวลาเดินทางตั้ง 40 นาที่เชียวแหล่ะ ปวดฉี่แทบแย่คิดว่า7 กิโลฯจริงๆนี่นา แต่ที่ใหนได้ ชอกช้ำจริงๆ แต่พอไปถึงที่หมายก็ฉี่แทบราดเลยล่ะค่ะ คิดว่าคุ้มกับการรอคอยและการเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตนะคะ เพราะที่นั่นสวยมากกกกกกก น้ำเย็นเจี๊ยบเลย แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ (อิอิ เราชิมมาแล้วตอนเล่นน้ำอ่ะค่ะ) รูปถ่ายนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ...เพียบ! แหม ไม่ได้สิก็ 40 นาที /7 กม. นี่นาต้องถ่ายซะให้คุ้ม หลังจากนั้นก็ออก เดินทางต่อ ประมาณ 30 นาทีก็ออกจากไทรทองแสนสวย.....(แต่ไม่มีแฟน) มาได้ ก้นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ ดีและน่าประทับใจจจจจจจจจจมากกกกกกกอีกที่นึง แต่ยังค่ะเรายังไม่เข็ด ปีนี้เราจะไปกันอีก แต่คราวนี้คง ใช้เวลาไม่มากเพราะเรารู้ทางหนีที่ไล่แล้ว แต่จุดมุ่งหมายจริงๆของเรานั้นอยู่ที่ สุดแผ่นดินค่ะ จะไปชมทุ่งดอกกระเจี๊ยว เอ๊ย ดอกกระเจียวกัน 28 ก.ค. นี้แหล่ะค่ะ ถ้าใครที่วางแผนจะไปเที่ยวที่นั่นก็เจอกันได้กะพวกเรานะคะ 1188-2404283 นะจีะ.


บีและชาวคณะ




วิภารัตน์ (pirompak@hotmail.com) 2 สิงหาคม 2542


สวัสดีค่ะ
วันนี้ก็จะขอเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติไทรทองให้ท่านๆที่ ่สนใจได้ฟังบ้างเล็กน้อยนะคะ เนื่องด้วยข้าพเจ้าถือได้ว่าอยู่ในถิ่นเลย บ้านของข้าพเจ้าเองก็ตั้งอยู่นะทางแยกลูกรักระยะ 7 กม.สุดท้ายน่านแหละ (หลังที่มีป้ายใหญ่ๆปักไว้ว่าบ้านท่าโป่งน่ะคะ) ว่างๆก็แวะลงซักถามข้อมูลด้วย เพราะว่าทั้งครอบครัวจะทำงานเป็นอาสาสมัครอยู่ที่อุทยาน สามารถสอบถามข้อมูลหรือแวะดื่มน้ำดื่มท่าเอาแรงก่อนจะลุยขึ้นไปได้ (ถ้ามีคนอยู่บ้าน) ว่ากันถึงอุทยานแห่งชาติโทรทองซึ่งจะมีแหล่งที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อยู่สามจุดเด่นๆที่นิยมเที่ยวกันคือ
ทุ่งดอกกระเจียวซึ่งทางอุทยานเรียกกันว่าทุ่งบัวสวรรค์ ซึ่งเป็นทุ่งที่เปิดใหม่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความงามได้เพียงสามปีเท่านั้น ความงามจึงยังไม่ถูกเหยีบย่ำทำลายซักเท่าไหร่ ซึ่งถ้าท่านๆที่สนใจจะเข้ามาเที่ยวก็ต้องอาศัยความพยายามนิดนึงเพราะ อาจจะยังไม่พร้อมในหลายๆเรื่องแต่จะเหมาะมากสำหรับขาลุย การเดินทางถ้ามาด้วยรถส่วนตัวจะสะดวกถ้าเป็น 4WDได้ยิ่งดีเพราะทางค่อนข้างลำบาก ช่วงนี้ยังพอมีให้ชมความงามจนถึงสิ้นเดือน เลยจากนี้จะเริ่มโรยแล้ว สำหรับท่านที่สนใจก็รีบๆกันหน่อยนะคะ อาทิตย์ที่แล้วได้ข่าวว่าทีมแรลลี่มาเที่ยวกันขบวนใหญ่
นอกจากเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวกันเต็มอิ่มแล้วขาลงท่านก็จะอาจจะแวะเล่นน้ำที่น้ำตกไทรทองได้ ช่วงนี้น้ำมากกำลังสวย (พึ่งกลับไปเล่นมาน่ะคะ)
และขากลับตอนออกจากน้ำตกไทรทองท่านสามารถเลี้ยวขวาวิ่งรถไปอีกประมาณ สิบกโลเมตรท่านจะเจอกับจุดชมวิวเขาพังเหย ซึ่งที่นั่นจะได้ชมบรรยากาศอีกรูปแบบหนึ่ง ถ้าไปในช่วงเช้าได้จะสวยมากเพราะมีหมอกคลุมลมพัดตึง ท่านที่ไม่เคยเหยีบเมฆก็สามารถจะสำผัสได้ที่อุทยานแห่งชาติไทรทองเนี่ยแหละค่ะ ที่นี่เค้าจะมีจัดนิทรรศการ ให้ได้ชม และจะมีบ้านพักริมหน้าผา และสามารถกางเต้นท์นอนที่นี่ได้ บริเวณใกล้ๆนี้ก็จะมีทุ่งดอกกระเจียวเล็กๆที่ท่านสามารถเดินไปชมได้ นระยะทางประมาณสองกิโลเมตร ซึ่งพึ่งจะพบปีนี้เอง เค้าเรียกทุ่งสองยาย ลองๆสอบถามเจ้าหน้าที่ที่นี่เค้าดูได้ค่ะ
สำหรับท่านที่สนใจข้อมูลหรือรายละเอียอดเพิ่มเติมสอบถามมาได้นะคะ ต้องรีบกันหน่อยนะคะ เพราะถ้าจะเที่ยวปีนี้เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงเดือนเองนะคะ ไม่งั้นคงต้องรอจนถึงปีหน้า แต่สำหรับท่านที่รักจะสำผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติ ช่วงหน้าหนาวก็สามารถเที่ยวชมความงามดอกไม้ป่าและกล้วยไม้ป่าได้นะคะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่pirompak@hotmail.com หรือ152- 836330 มีถือหัวหน้าอุทยาน หัวหน้ามานิตย์ เพชรล้ำ 01-4630952ค่ะ


ขอให้สนุกกับการท่องเที่ยวในครั้งนี้นะคะ




ไอ-ดิน - - somchair@dit.go.th - 27/02/2001


ความงามและสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนเร้น อช.ไทรทอง


ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว ที่ผมนาย ไอ-ดินได้มาเล่าประสบการณ์ของการท่องเที่ยว อช. ทริปนี้ประมาณ ปลายเดือน ตุลาคม 2543 กำหนดการเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวของพวกเรากลุ่ม ไอ-ดิน ได้เลือกเอาจังหวัดชัยภูมิและอช.ไทรทองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อหลบหนีความวุ่นวายของสังคมเมืองของพวกเรา
พวกเรา ประมาณ 8 ชีวิต เดินทางออกจากกรุงเทพ ประมาณ ห้าทุ่มกว่าของคืนวันศุกร์อันมีความสุข ผมว่าไม่มีผู้ที่ทำงานคนใหนไม่มีความสุขกับวันศุกร์ของทุกสัปดาห์- เพราะมันหมายถึงการได้ผ่อนคลายกับหน้าที่การงาน .... การได้ทำในสิ่งที่เราชอบ การได้พบเพื่อนที่เราอยากเจอ.... หรือการที่ได้อยู่กับตัวเองในบางครั้งถ้าใจต้องการ ... แต่ในวันศุกร์..นี้พวกเรากลับมีความสุขเพิ่มขึ้นอีก เพราะเราได้เรากลุ่มชาวไอ-ดินกันอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่ครบก็ตาม
ระยะเวลาในการเดินทางของพวกเราเหมือนเดิม ไม่เร่งรีบ..เจอปั๊มใหนที่กาแฟ (สด) อร่อยพวกเราก็จอดรถ เพื่อลิ้มลองรดชาดมันดูหน่อย พวกเราไม่ค่อยพลาด .....หรือเมื่อมีอาการเมื่อยขบ...แต่โปรแกรมที่พวกเราพลาดไม่ได้ ก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขออนุญาตเข้า อช....คือการแวะชมตลาดและซื้อเสบียงเพื่อสองคืนกับสามวันที่ อช.ไทรทอง ในครั้งนี้เราใช้บริการตลาดสดในตัวเมืองจังหวัดชัยภูมินั้นเอง หลังจากที่พวกเราตระเตรียมอาหารและอิ่มกับอาหารเช้าตามถนัดของทุกคนแล้ว...พวกเราก็ออกเดินทาง....
...........ในสิ่งที่พวกเราคิดไว้ก็ไม่ไกลเกินฝันของพวกเราเลยจริงๆ คือจะต้องไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน .... เพราะการมาเที่ยวของพวกเราถ้าเลือกได้ จะเลือกไปสถานที่ที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนไปใช้บริการกันมากนัก และพวกเราก็เลือกไปในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาล
.........ต้องออฟโร้ดโดยไม่รู้ตัว...จุดที่พวกผมกล่าวถึงก็คือเส้นเส้นทางที่จะไปทุ่งบัวสวรรค์หรือผาหำหด อันเป็นสถานที่ที่สวยงาม ของ อช.แห่งนี้....โชคดีที่การมา....เที่ยวนี้พวกผมใช้รถ 4 X 4 มิเช่น นั้นพวกผมจะต้องขออนุญาต จนท.กางเต้นท์นอนที่ทำการแน่นอน เพราะไม่สามารถเดินทางเข้าไปยังจุดหมายที่จะไปได้ เพราะยังอยู่ในช่วงหน้าฝน และถนนดังกล่าวก็เป็นเส้นทางสำหรับสำรวจป่าของ จนท.เท่านั้น ดังนั้นเส้นทางไม่ต้องพูดถึงถ้าใจไม่ถึง หรือไม่มีประสบการณ์ก็ไม่สามารถเข้ามาได้เลยในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ เพราด่านแรกช่วงน้ำตกไทรทอง ก็ต้องขามลำน้ำ ซึ่งน้ำก็ปาเข้าไปถึงฝากระโปรงรถ..และในช่วงของตลอดเส้นทางยังต้องข้ามลำธารไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ทำให้พวกเราต้องลุ้นตลอดเส้นทาง
แต่เมื่อเราไปถึง....พวกเราก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะไม่คิดว่าสถานที่ดังกล่าวจะสวยงามตระการตา เพราะ อช.แห่งนี้แทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่ทุกอย่างตรึงตาตรึงใจพวกเราจนถึงทุกวันนี้... ขอบคุณธรรมชาติดีๆ ที่ยังหลงเหลือให้พวกเราได้ชื่นชม เพราะบนอุทยาน มีกิจกรรมให้เราเลือกทำหลายอย่าง เช่นเดินดูดอกไม้...เดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ตกเย็นลงมาหลักจากที่พวกเราอร่อยกับอาหารเย็นที่วิเศษทีสุดที่พวกเราได้ลิ้มลองกัน ไม่บ่อยครั้งมากนักก็ต้องมาเผชิญกับความหนาวและหมอกฝนตลอดทั้งคืน...ซึ่งมันเป็นบรรยากาศของเมืองเหนือ จนทำให้พวกเราประทับใจมากจริงๆ เหมือนกับพวกเรายืนอยู่บนยอดดอยทางภาคเหนือของประเทศไทยจริงๆๆ ผมกลุ่ม ไอ-ดิน อยากเชิญชวนผู้ที่รักกับความวิบากและกลิ่นไอของบรรยากาศแบบเมืองเหนือผมว่าไม่ควรพลาด (หน้าฝน)




danee - - da_nee@thaimail.com - 01/03/2001


re: ความงามและสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนเร้น อช.ไทรทอง


เราก็เคยไปมาแล้ว คราวนั้นมีไปแค่เรากลุ่มเดียว 8 คน มีเต๊นท์แค่ 4 หลัง เหมือนโลกเป็นของเราจริง ๆ มีเจ้าหน้าที่คอยนำทางด้วย เพราะไปถึงเย็นมากแล้ว และเราก็มีแต่เด็ก กับผู้หญิง ประทับใจมาก ขนาดดอกกระเจียวโรยไปมากแล้ว แต่วิวรอบ ๆ สวย อากาศดี


Image Loading...