Image Loading...
ประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง...อุทยานแห่งชาติสิรินาถ

Pattharin (ongartitthichaip@ndu.edu)24 ธันวาคม 2541


I 'm proud that there is this kind of beautiful place in Thailand. But, I am wondering if this place is going to be turned into contaminated place like pattaya.




"Kamhaeng@Harn" (kamhaengharn@hotmail.com)13 เมษายน 2542


โอ้ในยาง


ไปเที่ยวทะเลทั้งทีก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าได้เล่นน้ำทะเลที่ใสสะอาดหรือนอนบนชายหาดทรายขาว แต่เชื่อเถอะครับว่าคุณจะไม่ได้พบความสุขอย่างที่ผมว่าแน่ที่อช.หาดในยาง
ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าผมเคยเป็นแฟนประจำของในยาง ช่วงแรกๆก็ไปอาศัยนอนบ้านพักของอุทยาน ว่ากันถึงบ้านพักที่นี่ก็ดีครับ อยู่กลางทิวสน มองจากระเบียงออกไปเห็นทะเลอยู่ใกล้ๆ ขนาดสองห้องนอน นอนกันได้ห้องละสองคนสบายๆ กับราคาหกร้อยบาท ห้องน้ำก็สะอาดสะอ้าน แม้ว่าแมงสาบจะเยอะไปหน่อย แต่ก็หยวนน่า แต่อย่าเผลอลงไปเดินเล่นชายหาดเชียว เพราะมันสกปรกอย่างไม่น่าเชื่อ มิไยต้องพูดถึงหน้ามรสุมหรอกครับ ที่ขยะจากทั่วสารทิศจะมากองอยู่หน้าหาดไล่กันมาตั้งแต่หาดไม้ขาวยันในยางไปจนถึงหน้าโรงแรมเพริล์วิลเลจโน่น คุณจะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แต่คุณสามารถหาของทุกชนิดได้บนหาดที่นี่ ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันชิ้นส่วนเรือรบ หรือแม้แต่อะไหล่รถยนต์ แม้ในหน้าท่องเที่ยวอย่างวันนี้ ขยะก็ยังเต็มไปหมด (ก็เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง) ผมไปทีไรก็หอบเอาถุงขยะ เดินเก็บขยะกับแฟนสองคน เจ้าหน้าที่เดินป้วนเปี้ยนแถวนั้นเยอะแยะก็ทำตัวทองไม่รู้ร้อน บ้างก็กำลังตกแต่งร้านอาหารสวัสดิการ บ้างก็ข้ามถนนไปเล่นบอล เตะตระกร้อกันอย่างมีความสุข ผมก็ได้แต่เก็บเฉพาะพวกเศษขวด เศษแก้ว เพราะถ้าต้องเก็บทุกอย่างคงจะต้องเอารถสิบล้อร่วมยี่สิบคันมาขน รุ่งเช้ามาเจ้าหน้าที่ก็ขับรถเก็บขยะสีเหลืองมาเก็บขยะ ดูท่าทางขยันขันแข็งกันเหลือเกิน แต่น่าเสียดายมันก็ไอ้ขยะที่ผมเก็บให้เค้าเมื่อวานนั่นแหละ ส่วนคนงานทำความสะอาดก็กวาดแต่ใบสน แล้วไอ้ใบสนนี่มันสกปรกและรกลูกตานักหรือไง ทีขยะริมชายหาดจำนวนมหาศาลดันไม่มีใครสน กลับกลายเป็นหน้าที่ของเราชาวนักท่องเที่ยวต้องช่วยกันเก็บกันเอง ข้อนี้ผมขอแนะนำว่า ทุกเช้า หลังเข้าแถวเคารพธงชาติกันเรียบร้อย ก็จับเอาเจ้าหน้าที่มาเดินเรียงแถวหน้ากระดานบนชาวหาด แล้วก็ช่วยกันกวาดช่วยกันเก็บ ใช้เวลาไม่นานก็คงจะสะอาดเรียบร้อย อย่างนี้ใครผ่านไปผ่านมาก็ยิ่งน่าชมน่ายกย่อง
มี ยังมีอีก ครั้งหลังสุดนี่สะเออะอยากนอนเต๊นท์ ผมกับแฟนก็ลงทุนแบกเต๊นท์ขึ้นเครื่องบินไปภูเก็ต ปรากฎว่าเพิ่งเข้าใจครับว่าพวก backpacker อย่างเราได้รับการต้อนรับที่เย็นชาและเลวร้ายมาก แต่พวกฝรั่งขี้ยากลับได้รับการปฏิบัติที่ตรงกันข้าม ผมไม่แน่ใจว่าพวกฝรั่งนี่มันเป็นญาติฝ่ายไหนของเจ้าหน้าที่บางคนที่นี่ ผมกับแฟนนั่งเงียบๆหงิมๆสั่งอาหารเต็มโต๊ะ ก็เหมือนกับไม่มีใครอยากจะมาสนใจบริการถามไถ่ ในขณะที่พวกฝรั่งสั่งโค้กขวดเดียว แต่ก็เห็นเอาใจน่าดู เอ๊ะ รึเขาไม่อยากกวนเวลาหวานแหววส่วนตัวของเราก็ไม่รู้ ใช่! ผมควรจะมองโลกในแง่ดีไว้บ้าง
ผมแบกสัมภาระไปถามเรื่องสถานที่กางเต๊นท์ เจ้าหน้าที่ที่นั่นบอกว่าบริเวณชายหาดหน้าที่ทำการห้ามกางเต๊นท์ เพราะมันรกลูกตา ขวางวิวของพวกที่นอนบ้านพัก อ้าว แล้วทีไอ้ฝรั่งที่มันกางอยู่ตรงนั้นล่ะ ทำไมกางได้ ถ้าจะกางเต๊นท์ต้องไปนอนที่ค่ายลูกเสือซึ่งอยู่ลึกถัดเข้าไปในอีกฝั่งของถนน ห่างจากที่ทำการประมาณ 500 เมตร ที่นั่นไม่มีห้องน้ำ ไม่มีไฟ และที่สำคัญไม่มีความปลอดภัย ก็เป็นป่ารกชัฎ ไอ้สัตว์ป่าที่นี่มันก็มีแค่แย้แค่กิ้งก่าเท่านั้นครับ แต่ผมกลัวคนมากกว่า ผมก็บอกว่าผมไม่พักหรอกตรงนั้น เจ้าหน้าที่ก็บอกต่อว่างั้นก็ข้ามคลองไปอีกฝั่งและกัน กางเต๊นท์ได้แต่ไม่รับรองความปลอดภัย ดู ดูมันพูดออกมาได้ไง ที่ตรงนั้นก็ห่างไกลผู้คนแต่ก็อยู่ในพื้นที่อุทยาน
สรุปผมก็ต่อรองเขยิบไปกางเต็นท์แถวริมหาดแต่ก็เลี่ยงไปริมๆ ไม่ให้ขวางวิวใคร จ่ายเงินค่าสถานที่คนละห้าบาทแถมไม่มีใบเสร็จซะอีก พอทวงก็บอกว่าออกใบเสร็จให้เฉพาะค่าบ้านพัก มีอย่างที่ไหนกันวะไอ้ระเบียบข้อนี้ เออ ถ้าผมมาเช่าเต๊นท์อุทยานก็ว่าไปอย่าง แต่ผมก็เถียงจนจวนเจียนจะชกกันอยู่แล้วก็เลยกลัวจะนอนอยู่ที่นี่อย่างไม่สงบสุข ก็เลยคิดว่าให้ทานพวกชอบกินเล็กกินน้อยไปก็แล้วกัน
ยังมีอีกเรื่อง พื้นที่อุทยานก็มีนิดเดียว ป่าเขาก็แทบไม่มีให้ตรวจตรา สัตว์ป่าก็มีแต่พวกจิ้งจกตุ๊กแก เจ้าหน้าที่ที่นั่นน่าจะไปจัดการกับพวกที่มาตั้งร้านขายเหล้า ขายอาหารบุกรุกพื้นที่อุทยานซะบ้าง บางร้านก็เริ่มปรับพื้นที่กันเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ชายหาดแถวนั้นก็เต็มไปด้วยขวดเหล้าขวดเบียร์ ฝาขวด ก้นบุหรี่ ถุงขนมและอีกมากมาย ไม่ต้องพูดถึงโรงแรมสองแห่ง และร้านอาหารด้านในอีกหลายสิบร้านที่บุกรุกพื้นที่อุทยานอย่างเป็นล่ำเป็นสันมาเป็นเวลาร่วมสิบปี ระวังเหอะต่อไปอุทยานแห่งนี้ก็จะเหลือแต่ชื่อเท่านั้น ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกร้านแถวนั้นมันมีอิทธิพลอะไรนักหนา ที่ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานไม่กล้าไปทำอะไรให้มันเด็ดขาด หัวหน้าอุทยานแต่ละคนเข้ามาก็ไม่เคยมีน้ำยาจะไปแก้ไขอะไรได้ คิดแล้วปวดใจจริง
เรื่องนี้อาจจะซีเรียสไปหน่อยแต่เพื่อนๆนักเที่ยวก็ควรจะได้รับรู้เอาไว้ ว่าที่ไหนที่ไหนมันเป็นยังไง ขอให้เพื่อนๆไปเที่ยวอย่างมีความสุขและกัน แล้วพบกันใหม่ครับ


Image Loading...