ตกลงพวกผมเดินทางไปทั้งหมด 6 คน เพราะสมาชิก 2 คน คุณพ่อป่วยกะทันหัน เลยใช้รถเก๋งไปคันเดียว ออกเดินทางตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ไปถึงตลาดเพ ประมาณ 9โมง แวะทานอาหารเช้า และ ซื้อหาเสบียง ของทะเลทั้งของสด และ ปรุงสำเร็จแล้ว เยอะจนแม่ค้าสงสัยว่า มากันแค่ 6 คน (เป็นเด็กซะ 1 คน) จะกินกันหมดหรือ เราอยู่ที่ตลาดเพ จนถึง 10โมงครึ่ง ก็เดินทาง ไปท่าเรือ ผมได้ติดต่อจองเรือไว้กับ ท่าโชคมานะ ตอนแรกจองไว้เป็นเรือ ใหญ่ วิ่งช้า จุคนได้ประมาณ 30 คน แต่พวกผมไปแค่ 6 คน ทาง เจ๊เจ้าของเรือ จึงเสนอ ให้เปลี่ยนเป็นเรือเร็ว ซึ่งจุคนได้ 15คน แทน โดยให้ราคาพิเศษ จากปกติ7000 บาท ลดเหลือ 5000 บาท สำหรับโปรแกรม เที่ยว เกาะทะลุ และเกาะอื่น จนถึง 6 โมงเย็น พร้อมแถมสน๊อคเกิ้ล สำหรับทุกคน, เตาย่าง, น้ำแข็ง
เรือออกจากท่าประมาณ 11โมงครึ่ง วิ่งตรงไปเกาะทะลุใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ที่เกาะนี้มีอาคารที่ทำการของหน่วยพิทักษ์อุทยานอยู่แต่ไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่ มีนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งไปดำน้ำ, มีคนไทยอยู่กลุมหนึ่งประมาณ 30คน ไปกับเรือของระยองรีสอท ไปถึงเกาะผมก็รีบกางเปลไว้สำหรับนอนเล่นทันที
แล้วให้คนขับเรือช่วยก่อไฟย่างปลาหมึก ,กุ้ง, หอย เป็นอาหารเที่ยง ขณะเดียวกัน พวกผมก็ไปดำน้ำดู ปะการังที่นี่น้ำใสมากๆๆๆๆ เห็น ปะการังสวยๆ ทั้งปลาการ์ตูน หอยมือเสือสวยๆ ก็มีเยอะ แต่แถวบริเวณน้ำตื้นจะมีหอยเม่นอยู่มากพอสมควร ต้องคอยระวังให้ดี ซึ่งมีนักท่องเที่ยวบางคนโดนตำเอาบ้าง แต่พวกผมก็ไม่มีใครโดนตำเลย
เราอยู่ที่เกาะทะลุกันจนถึง ประมาณบ่าย 2โมง ก็เก็บข้าวเก็บของ นั่งเรือกลับมาที่เกาะขามโดยใช้เวลาประมาณ20นาทีที่เกาะขามมีชาวบ้านมาขุดหาหอยหวาน กับอยู่กลุ่มใหญ่ พวกผมเลยลงไปขุดกันบ้าง ได้หอยมาเยอะพอสมควร เลยลองถามชาวบ้านดูว่าทำอะไรกินได้บ้าง ได้คำตอบว่าหอยหวานนี้คล้ายกับหอยลาย แต่เปลือกหนากว่า น่าจะเอาไปผัดน้ำพริกเผาก็เลยคัดเอาไว้แคพอทำกิน ที่เหลือก็ยกให้เขาไป เราอยู่ที่นี่ จนถึงประมาณ 4 โมงเย็น ก็ลงเรือไปเกาะกุฎี ใช้เวลาแค 5นาทีพอมาถึงเกาะ ก็รีบสอดส่ายสายตาหาหัวหน้าหน่วย (พี่ส่าย) ครับสมดังกิตติศัพย์ แกดูเหมือนนักการมากๆ เข้าไปติดต่อ
ขอพักบนเกาะ แกก็ให้กุญแจห้องอาบน้ำมา โดยห้องนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเราเท่านั้นเพราะจะคิดค่าน้ำถังละ 400บาท แต่ถ้าใช้ไม่หมดจะลดให้
ในวันนี้บนเกาะกุฎี มีคนมาพักเยอะมาก พวกผมจึงพยายามขนข้ามไปที่หาดแหลมถ้ำฤษี ซึ่งห่างจากห้องน้ำประมาณ 100 เมตรที่นี่มีลานหินกว้างพอสมควร เลยตัดสินใจกางเต้นท์กันที่นี่ จุดนี้รับลมดีมากเลยครับ แถมยังมีชิงช้าแขวนไว้ตามต้นไม้หลายอันทีเดียวน้องป.แก้ว ลูกสาวผมโชิงช้าเล่น สนุกสนานมาก ส่วนผู้ใหญ่ก็ ช่วยกันทำอาหาร มีทั้งต้ม ปิ้งย่าง ของทะเลสดที่หอบหิ้วมาจากบ้านเพพอตอนหัวค่ำ มี น้องๆจาก ม.ศรีปทุม 3 คน อพยพหนียุงมาจากด้านหน้าเกาะ เราเลยชวนมาร่วมวงกันเราด้วย งานนี้ช่วยให้ของกินที่เราเอามาหมดไปได้
คืนนี้ผมกับลูกสาวก็เข้านอนกันตอน 5 ทุ่ม ในเต้นท์ยังร้อนอบอ้าวอยู่เลย กว่าจะหลับลงไปได้ก็นอนกระสับกระส่ายพอสมควร มารู้สึกตัวอีกที ก็ตอนตี 5 มีลมกระโชกแรงมาก สักพักหนึ่ง ก็มีฝนตกลงมา ทำเอาพรรคพวกอีก 2 เต้นท์ต้องรีบยกเต้นท์วิ่งเข้าไปใต้ชายคาของบ้านพักเพราะไม่ได้กางฟลายชีตกัน ฝนตกลงมาปรอยๆ จนสว่างก็หยุดแต่ท้องฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ ยังไม่น่าไว้ใจ พวกเราเลยไปตั้งวงทำอาหารกันในศาลาริมหาดกัน ช่วงเช้าฝนก็ตกลงมาพรำๆ จนปรมาณ 10 โมงกว่า ก็หยุด หลังจากนั้น พวกเราก็แยกย้ายกัน บางคนก็ไปเดินเที่ยวรอบเกาะบางคนก็ ไปดำน้ำดูปะการัง ส่วนตัวผมก็เก็บข้าวของ เสร็จแล้วก็ผูกเปล นอนรับลมดูนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆที่นั่ง บานาน่าโบ๊ทมาจากฝั่งมาดำน้ำดูปะการังกัน สักพักก็ได้ยินเสียงมาจากกลุ่มที่ดำน้ำกันอยู่ ว่าโดนแมงกระพรุน คราวนี้วงแตกเลยครับ มีคนโนแมงกระกรุนกัน2 คน ผมเลยให้น้ำส้มสายชูไปทา บรรเทาอาการ ผมนอนเล่นอยูจนเกือบเที่ยงก็จัดการทำอาหาร โดยงัดทุกอย่างออกมา ทำกินให้หมด
พอทำกับข้าวเสร็จ3 หนุ่มจาก ม.ศรีปทุมก็ตื่นพอดี เลยชวนมาร่วมวงกำจัดอาหารกัน หลังจากนั้นเราก็นอนเล่นเรือ มารับเราตอน บ่าย 2 ครึ่ง 3หนุ่มก็ติดเรือเรากลับเข้าฝั่งด้วย ตอนกลับเข้าฝั่งเรือวิ่งจากเกาะมาได 15 นาที ก็เข้าหลัง เขื่อนกันคลื่นของ อ่าวเพ ในอ่าวขยะมากจริงๆ มาพันใบพัดเรือจน บูตใบพัดแตก เรือไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ต้องค่อยไปช้า ใช้เวลาเกือบ 20นาทีกว่าจะเอาเรือเข้าเทียบท่าได้
หลังจากที่เราขึ้นจากเรือ จัดเก็บของเข้ารถเรียบร้อยแล้ว ผมก็ขับรถกลับ กท อ้อมไปทาง แกลง ใช้เส้นทาง แกลง-บ้านบึง เข้า มอเตอร์เวย์จากนั้นก็วกไป ตัวเมืองฉะเชิงเทรา แวะกินข้าวเย็นกันที่ ริมแม่น้ำบางปะกง จำชื่อร้านไม่ได้ ที่นี่อาหารก็ดี บรรยากาศก็ดี ในน้ำมีฝุงปลาสวายมาคอยกินเศษอาหารฝูงใหญ่มาก จนดูน่ากลัวว่าถ้ามีคนตกลงไปมันจะรุมแทะหรือเปล่า เรากินข้าวเย็นกันจนถึงทุ่มครึ่ง ก็ออกเดินทางกลับตามเส้นทางสาย 304 มาถึงตลาดอินทรารักษ์ ตอน 3ทุ่มโดยสวัสดิภาพ
ทริปนี้ ค่าใช้จ่าย เฉลี่ย หาร 5 ตกคนละ 2000 บาท
|