banner
พาเที่ยวภูเรือ-น้ำหนาว-เขาค้อ
โดย โลมาน้อย - - lomanoi@travel.to



พาเที่ยวภูเรือ-น้ำหนาว-เขาค้อ
เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วซิน่ะ...ปีนี้เราจะไปที่ไหนกันดีล่ะ หน้าหนาวต้องขึ้นเหนือซิน่ะ พวกเราเริ่มลงมือหาข้อมูล ดูแผนที่ แล้วก็มาได้ที่หนึ่งซึ่งยังไม่เคยไปก็คือ แถบเพชรบูรณ์ ในตอนแรกที่วางแผนกันไว้นั้น กะว่าจะไปภูสอยดาว น้ำตกชาติการ ภูหินร่องกล้า ทุ่งแสลงหลวง เขาค้อ แต่สอบถามทางคนขับรถตู้แล้ว เขาบอกว่าทางไปแถวน้ำตกชาติการกำลังทำถนนอยู่ เราเลยเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย ก็มาได้ข้อสรุปก็คือขับรถขึ้นไปภูเรือจังหวัดเลยก่อนแล้วค่อยลงมาเที่ยวน้ำหนาว จากนั้นก็ไปแวะเขาค้อ... เป็นอันว่าเวลา เพียง 4 วัน 3 คืนที่ได้ไปเที่ยว ก็มาถึง...
วันแรก
เราเดินทางโดยรถตู้ออกจากรุงเทพฯ กันเวลาประมาณสี่ทุ่ม มีด้วยกัน 10 คน ไปถึงภูเรือตอนเช้ามืด แต่ยังขึ้นไปบนภูเรือไม่ได้ เพราะว่าทางอุทยานจะเปิดให้ขึ้นตอนตีห้า เราต้องนั่งรอในรถอีก 15 นาที รถของเราได้ขึ้นไปสู่ยอดภูเรือทันที แต่เราต้องลงเดินเท้าตามเส้นทางสู่ยอดภูเรือ จากลานจอดรถ เราเดินไปที่ผาโหล่นน้อยกันก่อน ระยะทางประมาณ 200 เมตร เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอก แต่เช้านี้เมฆเยอะมากเราเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เราเลยเดินเลียบเชิงผาสู่ยอดภูเรือ ระยะทางประมาณ 700 เมตร ผ่านป่าดิบเขาและทุ่งหญ้า อากาศดีมาก ไม่ค่อยหนาวมาก ระหว่างทางพระอาทิตย์ก็โผล่มาให้เห็น ก็เลยได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสัก 2-3 รูป ที่ยอดภูเรือจะมีทะเลหมอกลอยขึ้นจากหุบเขาเป็นภาพที่ประทับใจมาก เราใช้เวลาอยู่บนยอดภูเรือกันสักพักใหญ่ๆ จากนั้นก็เดินทางกลับ เราเลือกที่จะเดินทางกลับทางที่เป็นถนนลาดยางมาที่ลานจอดรถ จากนั้นก็นั่งรถลงไปที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเพื่อติดต่อบ้านพักซึ่งจองไว้ล่วงหน้าที่กรมป่าไม้ กรุงเทพฯ เมื่อเราเข้าบ้านพักพวกเราก็แยกย้ายกันนอนพักผ่อนสัก 3 ชั่วโมง ถึงเวลาอาหารกลางวัน ก็นั่งรถลงไปกินกันข้างล่าง ในช่วงบ่ายเรากลับเข้ามาที่บ้านพัก จากนั้นเราเดินเท้าไปน้ำตกห้วยไผ่กัน ระยะทางประมาณ 2.5 กม. ซึ่งกว่าที่พวกเราจะไปถึงตัวน้ำตกกันก็เสียพลังงาน เสียเหงื่อกันเป็นจำนวนมาก เพราะทางเดินเป็นทางชันสลับทางราบผ่านป่าดิบเขา ป่าไผ่ เมื่อเราไปถึงตัวน้ำตก เราก็ได้พบกับความสวยงานของน้ำตก แม้ช่วงนั้นจะไม่ใช่ช่วงฤดูฝน เรายังเสียดายเลยถ้าน้ำเยอะกว่านี้อีกสักนิดคงสวยกว่านี้ จากนั้นเราก็เดินกลับบ้านพักกัน ขอชมเจ้าหน้าที่ที่ทำการอุทยานฯ ที่ให้บริการอย่างเป็นกันเองและประทับใจมาก
วันที่สอง
วันนี้...ตอนสายๆ เราออกเดินทางจากภูเรือสู่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เราไปถึงที่ทำการตอนบ่ายกว่าๆ เมื่อติดต่อบ้านพักที่จองไว้ และ นำสัมภาระเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เราเปลี่ยนชุดและเตรียมตัวออกเดินป่าตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เราเลือกเส้นทางศูนย์บริการฯ-ดงมะไฟ-ทุ่งนาน้อย ระยะทางประมาณ 2.5 กม. ตามเส้นทางที่เราเดินจะเป้นป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ ป่าสนสามใบ เราเริ่มออกเดินทางข้ามลำห้วยชนาหิ้งยางเสือ ข้ามลำห้วยหญ้าเครือ ผ่านทุ่งหญ้าเครือ ดงมะไฟป่า ทุ่งนาน้อย ได้เห็นดอกไม้ป่าต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะกล้วยไม้ดินชนิดต่างๆ จำนวนนักท่องเที่ยวที่นี้มากพอสมควร แต่ไม่ถึงกับเยอะจนไม่น่าเที่ยว มีพวกนักศึกษามาส่องกล้องดูนกกัน เรายังขอพวกน้องๆ เค้าดูด้วย พวกเราเดินกลับถึงบ้านพักก็เกือบเย็น หลังจากนั้นเรารีบออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ตกที่ถ้ำผาหงส์ ซึ่งอยู่ที่ กม.39 มีลานจอดรถ แล้วเดินเท้าเข้าไปผ่านป่าไผ่ ประมาณ 200 เมตร แล้วต้องปีนบันไดไปถึงยอดเขาอีกประมาณ 100 เมตร ที่ยอดเขาจะมีแท่งหินปูน ซึ่งต้องปีนขึ้นไปนั่งชมพระอาทิตย์ตก และทิวทัศน์บริเวณรอบๆ เราเก็บภาพที่นี่ไว้หลายภาพ พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มปกคลุม พวกเราเลยต้องรีบเดินลงจากยอดเขา แล้วเดินทางกลับที่พัก
ก่อนอาหารค่ำคืนนี้ เราเข้าไปชมสไลด์เกี่ยวกับป่าใหญ่น้ำหนาวที่ทางศูนย์บริการฯ จัดฉายสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัน ประมาณ 15 นาที แล้วไปรับประทานอาหารค่ำกัน อาหารที่นี่อร่อยมาก โดยเฉพาะฟักแม้วหรือมะระหวานเพิ่งเคยทานเป็นครั้งแรก หลังจากทานอาหารค่ำแล้วก็กลับที่พักกัน ในค่ำคืนนี้พวกเราก็นั่งสังสรรค์ พูดคุยกันจนดึก แล้วแยกย้ายกันเข้านอน มีพวกเราส่วนหนึ่งออกไปดูฝนดาวตก ซึ่งมีคณะอาจารย์จากวิทยาลัยแห่งหนึ่งมาตั้งกล้องเพื่อดูฝนดาวตก มาเที่ยวน้ำหนาวคราวนี้ได้พักผ่อน และได้ความรู้กลับไปด้วย...
วันที่สาม
เราออกเดินทางจากน้ำหนาวสู่เขาค้อ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกันที่สะพานพ่อขุนผาเมือง เป็นสะพานสูง 50 เมตร ยาว 180 เมตร เชื่อมภูเขาสองลูกเข้าด้วยกัน เราไปถึงเขาค้อก็เกือบเที่ยง จุดแรกที่เราไปกันคือน้ำตกศรีดิษฐ์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นหน้าผากว้างคล้ายม่าน ที่บริเวณน้ำตกยังมีร่องรอยกระท่อมของพวกคอมมิวนิสต์ซึ่งทรุดโทรมลงไปจนเกือบไม่เหลือร่องรอยแล้ว จากน้ำตกเราเดินทางขึ้นไปสู่พระตำหนักเขาย่า ชมพระตำหนัก ชมวิวทิวทัศน์เทือกเขา จากนั้นไปแวะฐานอิทธิ ซึ่งเป็นฐานที่ตั้งสำหรับต่อสู่พวกคอมมิวนิสต์ในอดีต แวะอนุสรณ์สถานผู้เสียสละ จากนั้นเราลงจากเขาค้อเดินทางสู่ที่พักที่เขาค้อทะเลภู
วันที่สี่
ที่เขาค้อทะเลภู เป็นรีสอร์ทที่มีบรรยากาศยามเช้าดีมาก แต่การบริการไม่ค่อยดีเท่าที่ควร พนักงานบริการมีน้อยมาก บริการไม่ทั่วถึง และยังราคาค่อนข้างแพงด้วย ตอนสายๆ เราออกเดินทางเพื่อกลับกรุงเทพฯ แวะซื้อของฝากที่ไร่บีเอ็น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเขาค้อทะเลภู เราไปแวะทานขนมจีนในตัวเมืองเพขรบูรณ์ที่ร้านคุณตา อยู่ในซอยด้านหลังศาลาว่าการฯ อร่อยมาก แล้วเดินทางออกจากเพชรบูรณ์ ผ่านลพบุรี เราเห็นว่ายังพอมีเวลาจึงเลี้ยวเข้าไปที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพราะมีบางคนยังไม่เคยไป เราออกมาจากเขื่อนป่าสักฯ เกือบมืดแล้วแหละ แล้วเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ รวมค่าใช้จ่ายคราวนี้คนละประมาณ 2,400 บาทเอง...
ดูรูปท่องเที่ยว และบันทึกการเดินทางอื่นๆ ได้ที่ http://lomanoi.travel.to




คุยเรื่องพาเที่ยวภูเรือ-น้ำหนาว-เขาค้อ กับโลมาน้อย