เมื่อสองปีที่แล้วช่วงปีใหม่หยุดติดกันหลายวัน ตกลงกับแฟนว่าจะไปเที่ยวอุทยานบริเวณเพชรบูรณ์และพิษณุโลก เริ่มด้วยเย็นวันศุกร์ เราเดินทางออกจากกรุงเทพประมาณบ่ายสามโมงกว่ากะว่าจะไปนอนที่เพชรบูรณ์ ประมาณห้าโมงเย็นแวะกินไก่ย่างที่วิเชียรบุรี มีหลายร้าน เราเลือกร้านที่คนแน่นที่สุด (เพราะไม่รู้ว่าร้านไหนอร่อยที่สุด ก็เลือกร้านคนแน่นไว้ก่อน และก็อร่อยจริงๆ เป็นร้านสุดท้ายถ้าไปจากกรุงเทพ) จากนั้นเดินทางต่อถึงเพชรบูรณ์ยังไม่มืดเลย ก็เลยตัดสินใจเดินทางต่อไปนอนที่น้ำหนาวเลย ร่วมสองทุ่มก็ถึงน้ำหนาว มีคนกางเต้นท์กันเต็มไปหมด
จอดรถเสร็จก็เลือกหาที่กางเต้นท์ก่อนเลย ปักสมอบกไม่ลงดินแข็งมาก ก็ได้น้ำใจจากนักท่องเที่ยวท่านนึง ให้ยืมค้อนมาช่วยตอก เราได้ทราบมาว่าเมื่อคืนก่อนเราไปมีน้ำค้างแข็งด้วย ก็ภาวนาว่าคืนนี้ขอให้ได้เจอ แต่ก็ผิดหวังอากาศไม่หนาวมากอย่างที่คิด ผิดกับเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้านี้เราไปนอนที่ผากล้วยไม้เขาใหญ่ หนาวจับใจเลยประมาณ 6 องศา ต้องเอาถุงนอนมาซ้อนกันสองชั้นแล้วเข้ามานอนเบียดกันถึงหลับได้
ตื่นมาตอนตีห้า ก็ออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เห็นครับ แต่เห็นตอนขึ้นสูงไปแล้ว เพราะมีหมอกมาก เจ้าหน้าที่บอกว่าแนวทิวเขาเบื้องหน้าที่ตัดกับดวงอาทิตย์คือ ภูกระดึง ก่อนถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนึง แล้วกลับมากินข้าวที่บริเวณกางเต้นท์ จากนั้นก็เดินเที่ยวที่ทำการ มีสัตว์สต๊าฟหลายชนิด และอ่านเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับอุทยาน จากนั้นก็ออกเดินเที่ยวป่า แต่เที่ยวได้ไม่ไกล เพราะแฟนบอกว่าไม่ชอบที่กางเต้นท์ที่นี่เลย เหมือนกางอยู่กลางสวนสาธารณะ หรือในไร่สวนมากกว่า วิวก็ไม่มีดู
ต่อจากนั้นก็กลับมาเก็บเต้นท์ เพื่อเดินทางไปยังเขาค้อ อากาศร้อนมากเลย ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์อาวุธ ฐานอิทธิ อนุสรณ์สถาน ตกลงใจกันว่าจะไม่พักที่นี่ เพราะไม่มีวิวสวยเท่าไหร่ อีกใจนึงอยากจะเข้าทุ่งแสลงหลวง ที่หนองแม่นา แต่ไม่กล้าเข้าเพราะขับรถเก๋งมากลัวไม่ถึง
ท้ายสุดก็ตกลงกันว่าขึ้นภูหินร่องกล้าดีกว่า ทางระหว่างเขาค้อไปภูหินร่องกล้าสวยมาก ตัดผ่านสองข้างทางที่เป็นทิวเขา ป่าบางส่วนเป็นป่าสนสองใบดูแล้วประทับใจมาก เราแวะเติมน้ำมันที่ อำเภอนครไทย และหาซื้ออาหารสดที่ตลาด
จากนั้นขับขึ้นร่องกล้า ประมาณ 30 กว่ากิโล พอถึงอุทยานเห็นคนมาเที่ยวเต็มไปหมด แต่ลานกางเต้นท์นั้นใหญ่มาก น่าจะรับได้นับพันคน ใต้ดงสนสามใบที่วิวข้างหน้าเป็นทิวเขาไกลสุดสายตา ดูโล่งและสวยงามดี ก็ขับรถเข้าไปเลือกที่กางเต้นท์ กางเสร็จก็จะมืดแล้ว และเริ่มหนาวด้วย ไม่เอาแล้วที่จะทำกินเอง ไปซื้อกินดีกว่า ก็มีไก่ย่าง หมูปิ้ง ส้มตำแครอท แค่นี้ก็อิ่มแล้ว เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึงแค่ล้างหน้าก็จะแย่แล้ว คืนนี้นอนหลับอย่างมีความสุข นอนฟังเสียงลมพัดยอดสนเหมือนเสียงคลื่นเลย
เช้าขึ้นมา รีบตี่นแล้วออกไปเดินเล่นที่ ลานหินแตก ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ยังมีคนตื่นมาเที่ยวน้อย เราเลยเป็นเจ้าของลานหินไปเลย นั่งชมวิว ถ่ายภาพกันจนหนำใจ จากนั้นกลับมากินข้าว คราวนี้ต้มข้าวต้มกินกันเอง คราวนี้ถึงคราวออกเที่ยวแล้ว เริ่มต้นเราเข้าไปที่ทำการอุทยานขอแผนที่ และเข้าชมประวัติต่างๆ พร้อมกับชม slide multivision ด้วย ทำได้ดีมาก น้ำตาซึมเลยเมื่อดูจบ
เราเริ่มต้นเที่ยวที่บริเวณกังหันน้ำ และโรงเรียนการเมืองการทหาร
เดินเที่ยวไปก็จินตนาการตามไปว่าเมื่อยุคนั้นเค้าอยู่กันอย่างไร ทำให้รู้สึกร่วมไปกับยุคสมัยจริงๆ ด้านหน้าจะมีชาวเขามาขายพืชผักต่างๆจำนวนมาก เราเห็นแครอทดูแล้วน่ากินมาก สวยกว่าที่ขายตาม super market อีก ก็ซื้อไป และซื้อดอกกระดาษ ซื้อน้ำเต้าจากเด็กชาวเขาที่มาขาย เป็นที่ระลึกด้วย
จากนั้นก็เดินทางไปยังสำนักอำนาจรัฐและลานหินปุ่ม ก่อนเข้าก็แวะกินข้าวกลางวันตามร้านค้าบริเวณนั้น
ก่อนเดินเราซื้อน้ำไปด้วยสองขวด เพราะแดดแรงมาก ช่วงแรกเดินไปยังบริเวณสำนักอำนาจรัฐก่อน ซึ่งก็มีลักษณะคล้ายกับโรงเรียนการเมืองการทหาร ต่อจากนั้นจึงเดินไปยังผาซูธงและลานหินปุ่ม เรียกเหงื่อได้พอสมควรเลยแหละ พอถึงผาชูธง คอยคิวถ่ายรูปไม่ไหวคนแยะมาก ก็เลยได้แต่เก็บไว้ในความทรงจำ และเดินต่อไปนั่งพักที่ลานหินปุ่ม ซึงสมัยก่อน ผกค.ใช้เป็นสถานที่พักฟื้นของทหารป่าที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับทหารรัฐบาล อากาศเย็นสบายมาก จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังสุสานนักรบทปท.เป็นเนินดินใหญ่ๆมีคนเอาดอกไม้ธูปเทียนมาคารวะเยอะเหมือนกัน แล้วจึงเดินทางออก
จากนั้นก็ขับรถย้อนไปยังหลุมหลบภัยทางอากาศ เที่ยวเสร็จผ่านทางลงไปยังน้ำตกหมันแดง ติดสินใจไม่ลงไปเพราะบ่ายแก่ๆแล้ว กลับเต้นท์ดีกว่า เมื่อมาถึงก็เดินชมบริเวณลานกางเต้นท์ซึ่งกว้างมาก และแต่ละจุดวิวสวยๆทั้งนั้นต่างกันออกไป ก็เลยมีที่เลือกที่หมายตาไว้สำหรับการกลับมาเที่ยวครั้งต่อไป เดินเล่นจนเย็นก็กลับมาทำอาหารกินกัน แล้วก็เข้านอนฟังเสียงลม คราวนี้มีเสียงเพลงด้วย เต้นท์ใกล้ๆกันเล่นกีตาร์ร้องเพลง ได้เพราะมาก กล่อมเราจนหลับไปเลย
ตื่นเช้ามา ก็เตรียมตัวกลับ ไม่อยากเจอรถติดมากตอนเข้ากรุงเทพ ก็เก็บเต้นท์ และไม่ได้อาบน้ำเพราะน้ำหมด เนื่องจากคนมาเที่ยวมาก ก็ ขับรถมายังที่ทำการอุทยาน เข้าไปขออาบน้ำที่นั่น ไม่มีคนเลย อาบไปสั่นไปแต่ก็สดชื่นดีมาก
แล้วเราก็ลาภูหินร่องกล้า ลงมาทางนครไทย ว่าจะแวะทุ่งแสลงหลวงนิดนึงก่อนกลับ
จากนั้นก็เข้าเพชรบูรณ์มากินไก่ย่างวิเชียรบุรีเป็นมื้อเที่ยง แล้วก็ดิ่งเข้ากรุงเทพเลย ก่อนถึงสระบุรีผ่านทุ่งดอกทานตะวัน ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย พอผ่านสระบุรีไม่กี่กิโลก็ผ่านอุทยานแห่งชาติเขาสามหลั่น เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติพระพุทธฉายแล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้วเที่ยวมาหลายอุทยาน ก็เลยแวะเข้าไปซักหน่อย เข้าไปเดินอ่านนิทรรศการที่ที่ทำการอุทยาน และเดินเล่นบริเวณน้ำตกเขาสามหลั่นซึ่งไม่ไกลนัก ที่นี่ผีเสื้อเยอะมาก อยู่ไม่นานก็ต้องกลับ และกะไว้ว่า จะกลับมาเดินป่าเที่ยวที่อุทยานนี้อีก
ปีนี้หวังไว้ว่าจะเดินทางตามเส้นทางนี้อีก แต่จะเปลี่ยนเส้นทางโดยไปที่พิษณุโลกก่อน แล้วกลับทางเพชรบูรณ์ แต่เวลาและโอกาสยังไม่เอื้ออำนวย คงต้องปลายปีนี้ที่จะกลับไปเก็บในสิ่งที่เรายังไม่ได้ไป
|