อช.ไทรทอง สวรรค์บนดิน
โดย paeo
29/6/44 1/7/44 ณ อุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ
วันนี้เราและเพื่อน ๆ นัดกันว่าจะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติไทรทอง ก็เลยนัดเจอกันที่หมอชิต ตอน 4 ทุ่ม แต่กว่าจะรวมตัวกันได้ก็ 4 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว พวกเราตัดสินใจขึ้นรถ ป.2 เพราะประหยัดดี ก็เก็บเงินกองกลางคนละ 500 บาท เองนี่ นั่งรถไปลง อ.จัตุรัส ก็คนละ 137 บาท ป.2 นี่เป็นอะไรที่โหดนิด ๆ ก็ขึ้นรถแต่เค๊าไม่ได้นั่งตามหมายเลขที่จองไว้หรอกเล่นนั่งตามใจชอบพวกเรามาทีหลังเลยได้นั่งแยกกันและนั่งข้างหลังอีก แถมคนที่มาหลังสุดมีเก้าอี้มาเสริมให้นั่งตรงกลางอีก โห
สุด ๆ ไปเลย พวกเราเจอกลุ่มนักท่องเที่ยวอีก 3 คนที่จะไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวเหมือนกัน และก็ไปลง อ.จตุรัสเหมือนกันอีกนะ กำหนดเวลารถออก 5 ทุ่มครึ่งนะ แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็เที่ยงคืนค่ะ กว่าจะถึง ก็ตี 4 ครึ่ง ตอนแรกเราก็นึกว่าจะไปจอดให้ลงขนส่งที่มีรถต่อไป อ.หนองบัวระเหว หรือ อช.ไทรทอง ที่ไหนได้ปล่อยลงตรงศาลารอรถข้างทาง พอลงรถปุ๊บก็งงไปตาม ๆ กัน แล้วก็ไปคุยกับรถตุ๊ก ๆ แถวนั้นแหละถามอะไรก็งงไปหมด จนเหมาไปตลาดเพราะว่าจะไปซื้อของกันด้วย ตั้ง 50 บาทแน่ะ จริง ๆ ถ้าเดินมาก็ไม่ไกลหรอก เหมือนโดนตุ๊ก ๆ หลอกเลย พอออกมาจากตลาดก็เลยเดินออกมาหน้าปากซอย แล้วก็เดินมาเกือบถึงศาลาที่พวกเราลงรถตอนแรกนั่นแหละ เห็นกลุ่ม 3 คนที่จะไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวก็ยังไม่ได้ไปไหนเลยยังคงโบกรถที่จะไปทุ่งดอกกระเจียว (สงสัยจะไปดูดอกกระเจียวที่ อช.ป่าหินงาม) พวกเราโบกอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกนั้นคงจะสงสัยพวกเราเหมือนกันนะเพราะว่าตอนถามว่าจะไปทุ่งดอกกระเจียวเหรอ เราก็ตอบว่าใช่ เพียงแต่ไปคนละอุทยานเท่านั้นเอง พอโบกรถได้ ก็โบกได้พร้อม ๆ กันด้วยนะ แต่พวกเราต้องลงไปต่อรถตรงทางแยกไป อ.หนองบัวระเหว เพราะรถเค๊าจะไป จ.ชัยภูมิ แต่โบกรถตรงนี้ครั้งเดียวก็เจอคุณลุงใจดีขับรถยาวถึงปากทางเข้าอุทยานเลยล่ะ
พวกเราก็แวะทานข้าวตรงปากทางกันก่อน ถึงตอนนี้ก็ 7โมงกว่า และก็ได้รถผู้ใหญ่ไปส่งถึงอุทยาน เหมารถาของทางอุทยานไป 600 บาท เพื่อจะขึ้นไปบนเขา มีเจ้าหน้าที่นำทางที่ไม่ได้รับเชิญไปกับพวกเราด้วย ก่อนไปก็เลยขอแวะน้ำตกไทร-ทองกันหน่อย
ไม่ค่อยมีน้ำเท่าไหร่ เห็นเจ้าหน้าที่มาด้วยก็เลยให้พาไปน้ำตกชวนชมด้วย โห
ไม่คิดว่าการเดินทางมันจะลำบากขนาดนี้ กว่าจะถึงตัวน้ำตกก็ 2 กิโลแม้ว กว่า ๆ เดินกันจนหอบแฮก ๆ นี่แหละนะผลแห่งการไม่ได้ออกกำลังกาย ทางเดินไปน้ำตกเป็นป่าทึบขึ้นเขาสูงชันด้วย พอเห็นน้ำตก ก็หายเหนื่อ ( หรือไม่ก็เหนื่อยกว่าเดิม
เพราะไม่ได้เห็นน้ำตกหรอก แต่เป็นน้ำย้อยต่างหาก ) พวกเราทุกคนก็ขอเอาขาแช่น้ำให้หนำใจกันไปเลย แล้วก็ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
พอหายเหนื่อยกันแล้ว ก็เดินทางกลับ
มีความรู้สึกว่าตอนเดินกลับมันเร็วกว่าเดิมหรืออาจเป็นเพระส่วนใหญ่จะเป็นการเดินลงเขามากกว่าตอนขึ้นเขา ทำให้ไม่เหนื่อยมาก เลยเดินได้เรื่อย ๆ กลับมาถึงตรงที่จอดรถ ก็แวะร้านค้ากันเพราะหิวน้ำกันสุด ๆ แล้วก็ซื้อข้าวเหนียวไก่ย่างและไข่ปิ้งขึ้นไปกินกันตอนเที่ยง กว่าจะนั่งรถไปถึงบนเขาก็ 10 กว่ากิโลทางไปก็โหดสุด ๆ มิน่าล่ะเค๊าถึงไม่ให้เอารถขึ้น แต่พอรถจอดพวกเราก็ต้องเดินเข้าอีก 3 กิโลฯ เพราะรถเข้าไม่ถึง ได้เหนื่อยกันอีกรอบค่ะ
กว่าจะเดินถึงจุดหมายก็เหนื่อยไปตาม ๆ กัน พอถึงที่พัก ก็ช่วยกันกางเต็นท์แล้วก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็นั่งพักให้หายเหนื่อยเพราะเพิ่งจะบ่ายแก่ ๆ เท่านั้นเอง พวกเราไม่ได้ไปผาอาทิตย์อัสดงเลยเพราะเหนื่อยกัน
พอตอนเย็นเราก็หุงข้าวทำกับข้าวกินกัน กว่าจะก่อกองไฟได้หมดน้ำมันรอนสันไปเยอะเลย ก็พี่เอฟเล่นเทราดซะ ไฟก็ติด ๆ ดับ ๆ เราเลยต้องก่อเองไม่ต้องพึ่งน้ำมันมากหรอกแค่กระดาษกับเศษไม่แห้งเท่านั้นแหละก็ติดแล้ว
จากนั้นก็ให้ 3 หนุ่มขี้เมาไปอาบน้ำกัน พวกเรา 4 สาว ช่วยกันลอกเปลือกหุ้มไส้กรอก เพื่อเอามาต้มกินกัน ถึงตอนทานข้าวก็ล้อมวงทานกัน บรรยากาศก็แปลกไปอีกแบบ รู้สึกประทับใจนะ ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยบ้างก็เถอะ
ทานข้าวเสร็จก็ไปล้างจาน กลับมาก็มานั่งคุยกันต่อ พอดีหน่อยอ้วนมันเพลียก็เลยชวนเราไปนอนเราเองก็เพลียเหมือนกันแหละ ส่วนอุ๋ยกับหน่อยพาฝันก็นั่งคุยกันต่อกับพี่เอฟ ต้อม และพี่นนท์ แต่เห็นซักพักพี่นนท์ก็เข้าไปนอน
ตกดึกลมพัดแรงมากยังกับพายุจะมาทำให้เต็นท์เกือบพังแน่ะเราก็ได้ยินเต็นท์ข้างมันบอกว่าฝนจะตก เราก็ตกใจสิเลยลุกออกจากเต็นท์ไปดูข้างนอกเห็นแล้วแทบช็อค ก็ทั้งเมฆทั้งหมอกลอยคว้างอยู่เต็มไปหมดมองแทบไม่เห็นอะไรเลย ลมก็พัดแรง เลยกลับเข้าไปบอกพวกนั้นให้ตื่นมาเก็บของไว้ก่อนถ้าฝนตกจะได้เตรียมถือของวิ่งหนีฝนได้ทัน แต่แล้วก็ไม่ตกอย่างที่คิดเอาไว้ ที่ตกก็เห็นจะเป็นน้ำค้างตกแรงพอ ๆ กับฝนเลย คืนนี้พวกเราก็นอนหนาวกันล่ะค่ะ
ตื่นเช้ามาตอน 6 โมง ได้เห็นหมอกลงหนามากเลยสวยด้วยไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เลยรีบปลุกเพื่อน ๆ พี่นนท์ พี่เอฟ และก็ต้อม มาดูกัน ด้วยความตื่นเต้นก็ชวนกันไปอาบน้ำล้างหน้ามาเพื่อจะได้มาถ่ายรูปกันเพราะกลัวหมอกมันจะหมดซะก่อน ที่ไหนได้พอยิ่งสายหมอกก็ยิ่งหนาขึ้นเรื่อย ๆ ประเภทที่ว่ามองแทบไม่เห็นทางเลยเชียวแหละ
นี่แหละคือเหตุผลที่เราอยากมาเที่ยวที่นี่
... อยากเห็นละอองหมอกสวย ๆ แบบนี้แหละ สวยจริง ๆ นะ
เช้านี้พวกเราไม่ได้ทำอะไรกินกัน ก็ได้ขนมปังนี่แหละรองท้องไปพลาง ๆ ก่อน ที่สำคัญน้ำก็หมด ดีนะที่เมื่อคืนแอบเอาไว้ในเต็นท์ขวดนึง ไม่งั้นไม่มีน้ำกินกันเลยค่ะ จากนั้นพวกเราก็เก็บของเพื่อออกเดินทางกลับ
ก่อนกลับก็เก็บภาพกับทุ่งดอกบัวสวรรค์ (ดอกกระเจียว) กันจนเกือบหมดม้วน และก็เดินไปเรื่อย ๆ แล้วก็ไปที่ผาหำหดกัน ตอนนี้ 9 โมงกว่าแล้วหมอกยังคงหนาอยู่เลย ผานี้น่ากลัวมากนะถ้าชะโงกหน้าไปดูมีสิทธิ์หน้ามืดได้ มิน่าถึงได้ชื่อผาหำหด พวกเราก็ถ่ายรูปกันจนหมดม้วนพอดี จึงเดินต่อไปยังลานจอดรถเพื่อรอรถมารับกลับลงไป ประมาณ 10 โมงกว่าแน่ะถึงได้ขึ้นรถ พอถึงที่ทำการอุทยานเท่านั้นแหละเจ้าหน้าที่ที่นำทางเราไป ก็มาทวงตังค์ค่าเจ้าหน้าที่ 300 เราก็งงสิ ไม่เห็นบอกแต่แรกก็ไหนว่าเป็นหน้าที่ไง ว่าแล้วก็เหมือนโดนหลอก เห็นพี่คนขับรถบอกว่าไอ้คนนี้มันชอบหากินกับนักท่องเที่ยว ตอนแรกพี่เค๊าก็นึกว่าพวกเราจ้างมา พี่ผู้หญิงอีกคนเลยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหาว่าทำเสียชื่ออุทยานหมด เลยจะไปฟ้องหัวหน้าอุทยาน
ตอนแรกพี่นนท์ก็ว่าจะให้เค๊านั่นแหละเพราะรู้สึกพวกเราจะใช้งานเค๊าเยอะเหมือนกันแต่พอมาพูดแบบนี้เลยเสียความรู้สึก เราเลยให้พี่นนท์ตัดสินใจกลัวพูดไปแล้วจะด่าไอ้เสื้อลาย จาน ชื่อนี้เรียกตามพี่ผู้หญิงเค๊านะ พี่นนท์เลยให้ไปแค่ 200 นี่ก็ถือว่ามากสุดแล้วนะ
เกลียดจริง ๆ เลยคนแบบนี้
จากนั้นพวกเราก็ให้พี่เค๊ามาส่งที่ปากทาง แล้วก็ไปทานข้าวที่ร้านเดิมก่อนจะนั่งรถส้มไปชัยภูมิ ตอนแรกก็กะว่าจะโบกรถซะหน่อยแต่ทุกคนก็เหนื่อยเต็มทนแล้ว ถึงชัยภูมิเกือบบ่าย 2 โมง ก็ไปจองตั๋ว ป.1 กว่ารถจะมารับก็ 2 โมงครึ่ง เราก็นึกว่ามารับพวกเราแล้วจะไปกรุงเทพฯเลย ที่ไหนได้แวะเข้าบริษัทอีกกว่าจะออก ก็บ่าย 3 โมงกว่า แถมยังมาไล่ที่เราอีกหาว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เลยต้องย้ายที่กัน แย่ที่สุดกับบริการของรถชัยภูมิ นั่งไปนั่งมาความรู้สึกไม่ได้ต่างไปจากนั่ง ป.2 เลย ก็เล่นจอดทุกที่ที่ ป.2 จอด แถมมีเก้าอี้เสริมให้นั่งเหมือนกันเด๊ะ แล้วก็จอดรับรายทางให้คนยืนเข้ากรุงเทพอีก ไม่รู้คิดผิดคิดถูกที่นั่ง ป.1 ว่าไปแล้วนั่ง ป.2 ก็มีค่าเท่ากัน ต่างกันตรงมีน้ำกับห้องน้ำให้ก็เท่านั้นเอง
เฮ้อ
สรุปว่าแย่
สถานที่เที่ยวก็ดีหรอก แต่เหตุการณ์ที่เจอไม่ค่อยน่าประทับใจตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ กว่าจะถึงกรุงเทพฯ ก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มครึ่งแน่ะ
แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับด้วยความเพลียเต็มที่แล้ว
สรุปแล้วท่องเที่ยวทริปนี้ก็มีทั้งประทับใจและไม่ประทับใจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานการณ์ล่ะนะ
ไว้ทริปหน้าเจอกันใหม่นะคะ
|
|