การเดินทางครั้งนี้รวบรวมน้องๆ ที่ชอบลุยโดยไม่มีรถส่วนตัวและเคยไปเที่ยวที่เกาะช้างและได้รู้จักกันค่ะ พวกเราไปโดยรถประจำทางรวมคุณแม่และน้องเซ็ท เป็น 8 คน เหมารถ 2 แถว เข้าไปที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ไปกลับในราคา 1500 บาท
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นตั้งอยู่ในเทือกเขาตะนาวศรี ทางที่ไปต้องขึ้นเขาตลอด เริ่มเดินทางจากขนส่งที่กาญจนบุรี ถ.แสงชูโต ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ช.ม. เส้นทางก็ไม่ได้โหดมากนัก ที่อ่านๆ มา บอกว่าต้องรถ 4wd เท่านั้น ที่ไปก็ยังเห็นมีรถเก๋งมิตซู โตโยต้า ถนนบางช่วงลาดยาง บางช่วงเป็นลูกรัง ถนนก็ไม่ได้เละอะไร เป็นถนนลูกรังแห้งๆ ไม่ได้เป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะเขาทำทางไว้อย่างดี ช่วงที่ชัน เขาก็จะทำถนนเป็นปูนเพื่อกันลื่น ตอนที่พวกเราไปไม่เจอฝน แต่ถ้าฝนตกก็ไม่รู้สภาพเหมือนกันค่ะว่าจะเละอย่างไร
ขึ้นไปถึงข้างบนเขา จุดที่เราจะกางเต็นท์เป็นลานสนามหญ้ากว้าง มองลงมาเห็นวิวของเขื่อนศรีนครินทร์สวยจริงๆ ค่ะ ด้านข้างทางซ้ายมือก็จะเป็นน้ำตกชั้นที่ 4 ชื่อฉัตรแก้ว สวยมากเลยค่ะเหมือนธรรมชาติเขาบรรจงตบแต่งให้มันมีความสวยงามที่มองมุมไหนก็สวย น้ำตกที่นี่มี 7 ชั้น พวกเราก็เดินมันหมดทั้ง 7 ชั้นละค่ะ เดินไม่ลำบากเลยค่ะ แบบสบายๆ ชั้นไหนคนไม่เยอะเราก็ลงเล่นกัน สรุปแล้วก็เกือบจะทุกชั้นล่ะค่ะ
พูดถึงคนที่มากางเต็นท์นอนที่นี่หน่อยนะคะ ส่วนมากเขามากันด้วยรถ 4wd มากันเป็นแบบครอบครัวก็เยอะ มีเด็กเล็กๆ มาสัก 5 ครอบครัวด้วย บรรยากาศดูเงียบสงบ เขาก็มาทำอาหารทานกัน ดีจังค่ะ ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครมอะไร
ตอนเย็นสักประมาณ 6 โมงกว่า จะมีค้างคาวคุณกิติบินบนท้องฟ้าให้เราเห็น แต่น้อยตัวเหลือเกินค่ะ เป็นค้างคาวตัวเล็กกระจิ๋วเดียว สัก 2 ทุ่ม ก็มีการฉายสไลด์เกี่ยวกับอุทยานให้ดู
ตอนเช้า 8 โมง ก็จะมีเจ้าหน้าที่อุทยานพาเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เดินไปเรื่อยๆ สัก 3 ก.ม. ได้ ซึ่งจะหยุดบรรยายตามสถานี่ต่างๆ ที่เขาทำเป็นจุดๆ ไว้ นี่ต้นอะไร นั่นดอกอะไร และก็แบกกล้องส่องนกมาด้วย เจอนกก็จะบอกชื่อนกได้หมด เจ้าหน้าที่ที่พาศึกษาธรรมชาติครั้งนี้ชื่อ คุณประกอบ ใครซักถามอะไรเขาก็จะตอบอย่างไม่เบื่อ ระหว่างที่เดินไปก็จะมีพวกมูลสัตว์ คุณประกอบก็จะบอกได้ว่าเป็นมูลของตัวอะไร ที่นี่ต้นไผ่และพวกหน่อไม้จะเยอะมาก มีร่องรอยการขุดของหมูป่าใหม่ๆ เลย
ที่ได้ไปเที่ยวตามอุทยานต่างๆ มา ในตอนนี้เขาจะมีวิธีการเหมือนกันหมดเกือบทุกที่แล้ว มีการฉายสไลด์ เดินศึกษาธรรมชาติ ให้ความรู้กับนักท่องเที่ยว
ร้านอาหารที่นี่ดำเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ของอุทยานเอง สะอาดค่ะ อาหารราคาไม่แพง จัดโต๊ะดูดี บริการดี และนักท่องเที่ยวสามารถปั๊มแสตมป์พาสปอร์ตได้ตลอดเวลา ร้านอาหารเปิดขายถึงประมาณ 4 ทุ่มได้ ในร้านก็มีขายของที่ระลึก และพวกสบู่ ยาสีฟัน ฯลฯ
ถ้าเป็นหน้าหนาวที่นี่คงสวยมากเลย เพราะอยู่บนเขา เจ้าหน้าที่บอกว่าน้ำตกก็มีตลอดปี พวกเราถ้ามีโอกาสจะกลับไปเที่ยวตอนหน้าหนาวกันอีก
ขอพูดถึงการเดินทางหน่อยค่ะ เผื่อสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวที่นี่โดยไม่มีรถ 4wd ขับไป เริ่มนั่งรถทัวร์จากขนส่งสายใต้ ควรจะออกจากกรุงเทพประมาณ ตี 4-5 นั่งไปกาญจน์ 2 ช.ม. หาข้าวเช้ากินที่ขนส่งกาญจน์ แล้วนั่งรถเมล์เล็กสายที่ไปน้ำตกเอราวัณซึ่งจอดอยู่ในขนส่งกาญจน์ ประมาณ 8 โมงเช้า รถไปเอราวัณจะออกทุก ช.ม. นั่งรถไปลงที่ลาดหญ้า (บอกกระเป๋ารถ) ใช้เวลาประมาณ ครี่ง ช.ม. ค่ารถประมาณ 15 บาท ลงรถแล้วก็ถามคนแถวนั้นว่า ท่ารถน้ำมุดจอดตรงไหน จะเป็นรถ 2 แถวที่พาเราไปอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์หรือน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ค่ารถคนละ 70 บาท จะไปส่งถึงที่ทำการเลยค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช.ม. ช้าหน่อยเพราะรถเขาจะรับพวกแม่ค้าต้องบรรทุกของด้วย คนที่จะไปเที่ยวอุทยานฯ ต้องไปให้ถึงท่ารถน้ำมุดไม่เกินเที่ยงนะคะ รถเขาจะหมดประมาณเวลานี้ ขากลับ จากอุทยานต้องตื่นเช้าหน่อยถ้าไม่ได้เหมา เขาจะมารับพวกชาวบ้านหรือพวกแม่ค้าตั้งแต่ 6 โมงเช้า เราต้องคุยกับคนขับรถก่อนว่าจะมารับเราที่อุทยานได้กี่โมง ไม่งั้นตกรถแน่ถ้าไม่นัดให้ดี และถ้าเราจะเหมารถนะคะ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้ให้เบอร์มือถือของคนขับรถไว้ ซึ่งพวกเราก็ใช้บริการนี้ค่ะ ชื่อเขานะคะ ชื่อคุณอภิมาสภ์ (มาส) แย้มสำรวย 01-9128256 เขาขับรถ 2 แถวน้ำมุดที่จะไปอุทยานฯ น่ะค่ะ หน้าตาเท่ห์ อายุประมาณ 27 ปีได้ ยังยกกล้วยน้ำว้าใส่รถมา 1 เครือ ให้พวกเรากินระหว่างทาง แถมจะเก็บมะละกอ ฟัก ลูกเบ้อเริ่มเป็นของแถมพวกเราให้เอากลับบ้านอีก ถ้าไม่มีเป้ ไม่มีเต็นท์ คุณแม่ก็คงจะแบกหรอกค่ะ ใจดีค่ะ.. ใครที่จะไปแบบเหมาก็สะดวกนะคะ ไปกลับ 1500 บาท เราไม่ต้องไปขึ้นที่ลาดหญ้า เขาจะมารับเราที่ขนส่งกาญจน์เลย เราก็บอกเขาไปว่าเราใส่ชุดสีอะไร เขาก็จะบอกว่าเขาแต่งตัวใส่เสื่อสีอะไร และเราก็ยืนรอตรงที่จอดรถที่จะไปเอราวัณ ซึ่งมันก็ใกล้กับจุดที่เราลงรถในขนส่งกาญจน์
ใครที่ยังไม่เคยไปเที่ยวที่นี่ เชิญนะค่ะ รับประกันความสวยของน้ำตก วิว ทิวทัศน์ต่างๆ ได้เลยค่ะ น้ำตกก็เล่นแบบสบายใจ ไม่ลื่นล้มง่ายๆ เลยค่ะ เจ้าหน้าที่อุทยานให้การต้อนรับอย่างดีเลยค่ะ เสียดายค่ะที่น้องๆ ที่ไปด้วยเขาอยู่ได้แค่คืนเดียว คุณแม่กับน้องเซ็ทเลยยังตักตวงความสุขไม่พอ จึงให้รถเขาไปส่งที่เอราวัณค่ะ แล้วลองตามไปอ่านเที่ยวอุทยานแห่งชาติเอราวัณนะคะ
15/08/2000
|