banner
อุทยานตากสินมหาราชและแม่วงก์
โดย นายแม้นคนสวน - -



เรื่องมันเริ่มจากเราไปซื้อเต้นท์ใหม่มาและตัดสินใจจะไป Car Camp บ้าง เดินป่าแบบลุยๆ ไม่ไหวเพราะ 2 คนปาเข้าไปก็เกือบร้อยปีแล้ว ฮา ฮา .. เรามานั่งกางแผนที่กันดู วางเส้นทางสำหรับ 2 คืน 3 วันแบบสบายๆ และที่สำคัญต้องสวย เราได้ข้อมูลจากพี่เขยเราที่ชอบ Car Camp แบบไม่ลุยว่า อช.ตากสินสิน้อง เยี่ยมมาก วิวสวย อากาศดีและไม่ต้องเสียตังค่าบ้านพัก เพราะเอาเต้นท์ไปกางเองนะซิ ฮา …


ข้อมูลล้นมือจาก web ทั้งหลายแหล่รวมถึงการโทรศัพท์ผ่านดาวลูกไก่เช่นเคย ได้ความว่า มาได้ครับอากาศดี ถนนดี คนไม่มีเพราะเป็นวันพฤหัสบดี ฮา ฮา … " ตกลง ไปก็ไปนะ " เราว่า แม่คุณพยักหน้าแบบขรึมๆ สุขุม " แวะหาอะไรอร่อยๆ ทางผ่านด้วยละ อย่าลืม " ฮา … มุขนี้นายแม้นชอบมากครับ … เราเปิด web ดูอีกเพื่อหาประโยชน์จากเส้นทางนี้ให้คุ้มค่าที่สุด คลิ๊กจนตาลายสุดท้ายได้ที่ อุทยานแม่วงก์ ครับ เพิ่งเคยได้ยินนี่แหละครับ ฮา … เชยเสียไม่มี มือใหม่ เปิ่นและเฉิ่มอะไรจะขนาดนั้น น่าอายเด็กๆ แต่เราน่ารักนะครับ …


ออกเดินทางกันแต่เช้า ของบรรทุกเพียบตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ 06.00 น. 1300 ซีซี คันเก่าแต่เก่งก็ออกเดินทางตามทางหลวงหมายเลข 1 เยี่ยมมากครับ 4 เลนตลอด ทำเวลาได้พอสมควร ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท นครสวรรค์ ตามลำดับ พักคน พักรถเสียหน่อย เราผ่านกำแพงเพชร พร้อมกับบอกตัวเองว่า I shall return tomorrow บ่ายต้นๆ และอีก 7 กม. ก่อนถึงจ.ตาก เราก็มาเลี้ยวซ้ายแบบนุ่มนวลเข้าถนนหมายเลข 105 ตาก - แม่สอด ถนนช่วงนี้เลนเดียวแล้วครับ ร่มรื่นทีเดียว ว่าแล้วไหมละ เข้าเขตอุทยานสวยๆ ทีไร จะมีอะไรแบบนี้เป็นสัญลักษณ์ให้ทราบก่อนเสมอ ถนนเริ่มขึ้นๆ ลงๆ ครับ วนซ้ายวนขวา ป่าเขียวชุ่มชื่น ภูเขาสดใส อากาศเย็น ปลายกรกฎาคมต่อสิงหาคม ……


มีรถสวนมาเป็นระยะๆ ไม่มากคันนัก ส่วนใหญ่เป็นรถกระบะขนยา .. หรือขนคน(พม่า) … ฮา ไม่เอาน่า.. ล้อเล่นครับ ถนนยุทธศาสตร์เชียวนาเส้นนี้ ว่าก็ว่าเถอะ … ไปตามเส้น 105 ได้สักประมาณ 13 กม. จะเห็นป้ายอุทยานแห่งชาติลานสางอยู่ซ้ายมือ เราก็เลี้ยวแบบนุ่มนวลเข้าไปเยี่ยมเสียหน่อย เสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ … ที่อุทยานนี้จัดได้สวยทีเดียวครับ พื้นที่กางเต้นท์ บ้านพัก สงบร่มรื่นใต้ต้นสนอยู่ริมเส้นทางที่มุ่งหน้าไปที่ทำการอุทยานครับ จนท.ต้อนรับด้วยอัธยาศัยที่อบอุ่น ให้ข้อมูล เอกสารที่เป็นประโยชน์ เราเดินชมน้ำตกลานสางบริเวณที่เป็นจุดชมวิว สวยตามประสาน้ำตกแหละครับ เงียบมากเพราะมีอยู่แค่เราสองคน ฮา ฮา จะเดินสำรวจขึ้นไปต้นน้ำก็หมดแรง เอกสารของอุทยานฯแนะนำว่าเหมาะสำหรับผู้มีร่างกายบึกบึนเท่านั้น … เดี๋ยวเกิดเราขึ้นไปได้ข้อมูลของอุทยานฯ จะเสียหายหมด ฮา ฮา … เราเห็นซากเลียงผาที่ถูก Stuff เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวดูถึงความไร้สำนึกของมนุษย์ผู้ล่าแล้วก็ได้แต่ทำใจ passport เล่มแรกเราได้ที่นี่ และนั่นทำให้นายแม้นต้องมานั่งเล่าอย่างสนุกสนานนี่แหละครับ ชื่อลานสางนี้มีที่มาที่ไปทางประวัติศาสตร์ ระดับบางระจันเชียวนะครับ อยากรู้ต้องตามไปเที่ยวดูเอง …. ฮา ฮา


ออกจากลานสางเลี้ยวซ้ายไปอีกราว 10 กม. จะเห็นป้ายอช.ตากสินมหาราชอยู่ทางขวามือ เราก็เลี้ยวแบบนุ่มนวลเข้าไปอีก ขับไปได้สักประมาณ 1 กม. ซ้ายมือเป็นที่ตั้งของสถานีสื่อสารของทางราชการ อากาศเริ่มเย็นแล้ว … ยังครับ ยังมองไม่เห็นอะไร แต่ขับมาอีกราว 1 กม. ก็ต้องร้องโอ้ โห … ขวามือเป็นวิวเปิดครับ ทำให้เห็นได้เลยว่าเรากำลังขับรถเลียบบนสันเขา มีภูเขาน้อยใหญ่เรียงรายอยู่ต่ำลงไปให้เห็นชัดเจน สวยเหลือเกิน เราขับมาเรื่อยจนถึงที่ทำการ พอเปิดประตูรถลงไป ถึงเชื่อข้อมูลที่ได้มาว่า ที่นี่อากาศเย็นสบายตลอดปี (เฉลี่ย 22 องศาครับ) และลมแรงมาก … กระจกของห้องทำงาน จนท. เป็นฝ้าและต้องปิดสนิทกันลมครับ … ลานกางเต้นท์มี 2 แห่ง ด้านหน้าทางเข้าอุทยานฯ กับด้านหลังบริเวณกลุ่มบ้านพักครับ เราเดินไปดูด้านหลังและก็ทำให้ทราบว่าทำไมพี่เขยเราถึงชอบมาที่นี่นัก กลุ่มบ้านพักเป็นบ้านริมเขา มีสวนสวยและรายล้อมด้วยต้นสนสูงใหญ่ครับ สวยมาก มีลานสำหรับแคมป์ไฟอยู่ตรงกลาง สนามหญ้าบริเวณกางเต้นท์เป็นหญ้ามาเลเซีย นุ่มหนา เขียวสดด้วยการดูแลอย่างดี ห้องน้ำห้องท่าสะอาดและน้ำเย็นมากกก …ฮา ฮา เราเลือกกางเต้นท์ตรงริมขอบสันเขา ใต้ต้นสนเลยละ ถ้านอนกลิ้งก็โน่น ตีนเขาข้างล่างนะแหละครับ ฮา ..


… มีเราเพียงเต้นท์เดียวเช่นเคย จนท.แวะมาดูหน่อยบอกว่าไฟปิด 4 ทุ่มครับ สวิทช์อยู่ที่เสานะครับถ้าจะใช้ ฮา ฮา น่ารักเชียว คืนนี้ฟ้าปิดๆ เปิดๆ อาหารค่ำทำทานเอง ร้านสวัสดิการก็มีครับอยู่ทางด้านหน้า แต่เราทำเองได้บรรยากาศและแม่คุณทำอร่อยกว่าจริงๆ ครับ ทำกับข้าวยกโน่นยกนี่ต้องระวังครับ เผลอละก้อ โน่น … ตีนเขา คืนนี้ฝนตกหนักแต่เป็นความสุขที่สุด อากาศเย็นมากแต่เราอุ่นอยู่ในเต้นท์ใต้ผ้าห่ม นอนฟังเสียงฝนตกเปาะแปะ ตูมตาม …ใส่หลังคาเต้นท์ เอาสเต็กมาแลกก็ไม่ยอม ตอนดึกฝนหยุด … เช้าเปิดประตูเต้นท์ออกมา ก็ต้องถอนหายใจด้วยความเต็มตื้น หมอกบางๆ ปนหนาๆ ลอยอ้อยอิ่ง อ้อยอิ่งให้จับ ให้สัมผัส ให้สูดเข้าปอดอย่างเต็มอิ่มอยู่ตรงหน้านี่เอง มีภูเขาน้อยใหญ่เป็นฉากอยู่เบื้องหลัง น้ำท่ายังไม่อาบแต่แปรงฟันก่อน … แล้วออกไปเดินเอาตัวถูไถกับหมอก ฮา ฮา แถมแอบไปยืมวิวบ้านพักของอุทยานฯ มาใช้เป็นฉากเสียอีก ฮา ฮา … สายๆ แดดอ่อนออก เราเก็บเต้นท์แล้วขับรถไปชมต้นกระบากยักษ์ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานฯ ระยะทางประมาณ 2.5 กม. ถนนลาดยางครับ จะเดินไปก็ได้มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไป - กลับ ประมาณ 2- 3 กม. ครับจากที่ทำการอุทยานฯ ที่จุดลงต้นกระบากยักษ์มีข้อความขู่เอาไว้ประมาณว่า ระยะทาง 400 เมตร เด็กและสตรีมีครรภ์รวมทั้งผู้ป่วยโรคหัวใจและความดันสูงไม่ควรดื่ม(เดิน) ฮา … เราชะงักครับ แต่ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งจะถอยก็ใช่ที่ อายุก็ยังน้อย ฮา … ทำให้เราได้เห็นป้ายให้กำลังใจเป็นระยะๆ ตลอดทางเดินลงที่ชันมาก … ในที่สุด จากวิวเปิดโล่งก็ค่อยๆ ทึบขึ้นเรื่อยๆ ตามความสูงที่ลดลง เราก็มายืนยิ้มเผล่ หอบหายใจอกแทบแตกอยู่หน้าต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยขนาดราว 15 คนโอบ สูงประมาณ 50 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานเรียบ สะอาด สงบและเย็นสบายมาก อุทยานฯ ทำทางเดินไม้อย่างดีไว้ให้ศึกษาธรรมชาติบริเวณนี้ พร้อมกับเป็นที่นั่งพักไปในตัว เพื่อให้ผู้มาเยือนได้ทำสติก่อนจะเดินกลับ ฮา ฮา …


" หายใจยาวยาว ก้าวเท้าสั้นสั้น อย่าให้ใจสั่น ช่วยกันประคอง " เรายืนอ่านป้ายนี้ที่ระยะทาง 200 เมตร ขาขึ้น ก่อนจะบอกว่า ไม่เอาอีกแล้ว …จะตายอยู่แล้ว สนุกมากครับ กว่าจะขึ้นมาถึงได้ เหงื่อท่วมตัวแต่ก็ภูมิใจว่ายังเตะปี๊ปดังแน่ๆ ฮา ฮา …


อุทยานฯ ตากสินยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งครับ เช่นสะพานหินธรรมชาติ ตลาดหมู่บ้านชาวเขาและน้ำตก ข้อมูลดูได้ครับจากเอกสารของอุทยานฯ ถ้าสนใจจะไป เราร่ำลาออกมาด้วยความประทับใจ (อุทยานตากสินมหาราช โทร. 055 - 511429 ครับ โทรไปเถอะครับ อยากรู้อะไรจะได้เตรียมไปถูกและสนุก ดีกว่าไปผิดหวังเอาดาบหน้าอุตสาห์มาตั้งไกลแล้ว)


…เรามุ่งหน้าย้อนลงไปกำแพงเพชร แล้วมุ่งอ.คลองลานซึ่งแยกจากเส้นหมายเลข 1 ไปเข้าเส้นทาง 1117 คลองลาน - อุ้มผาง ครับ ดูป้ายไปเรื่อยๆ ถนนลาดยางเรียบร้อย จะผ่านอุทยานฯ น้ำตกคลองลาน ก่อนให้เลยไปเลย เราจะไปอุทยานฯ แม่วงก์ครับที่ กม. 57 … บริเวณอุทยานร่มรื่นมากที่สำคัญและขึ้นชื่อก็คืออัธยาศัยของ จนท. ที่นี่ ซึ่งน่ารักและให้ข้อคิดคำคม ข้อปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวเพื่อรักษาแม่วงก์เอาไว้ให้อยู่นานๆ ได้อย่างดีมากครับ บริเวณที่เราจะกางเต้นท์เรียกว่า "ช่องเย็น" ครับ ไม่ต้องอธิบายคงเข้าใจว่าหมายถึงอะไร (อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่า 20 องศาครับ) … ระยะทางอีก 28 กม. จากที่ทำการอุทยานฯ เส้นทางไม่แตกต่างจากเส้นขึ้นพะเนินทุ่งที่แก่งกระจานครับ ดุเดือดพอควรแต่คุณแก่เราก็ไปถึง เนี่ยถ้ามันโวยวายได้ ป่านนี้หูผมคงหนวกไปแล้ว ฮา ฮา ก่อนขึ้นเราถามว่า ข้างบนสวยไหมครับ จนท. มองเราแล้วยิ้มแบบขันๆ ก่อนตอบว่า เอาไม้บรรทัดอะไรมาวัดค่ะ สวยไม่สวย นั่น เห็นไหม เหมือนที่เราว่าไหม … ที่แม่วงก์นี่ มีกิจกรรมศึกษาธรรมชาติหลายอย่างครับ เส้นทางไปน้ำตกแม่กระสา แม่รีวา เส้นทางดูนก มีน้ำตกแก่งผานางคอย (1.4 กม.จากที่ทำการฯ น่ารักมาก) และมีสุดยอดของความท้าทาย ยอดเขาโมโกจูที่สูง 1,964 เมตรจากระดับน้ำทะเล (4 คืน 5 วัน สำหรับผู้สนใจจะพิชิตครับ) ป่าที่นี่สมบูรณ์มากครับ … ติดต่อ จนท. ได้ครับ เราตั้งใจว่าครบรอบวันเกิดปีที่ 45 เราจะพิชิตมันให้ได้ ฮา .


เราออกเดินทางจากที่ทำการอุทยานฯ กระโดกกระเดก กระเด้งกระดอน ไปเรื่อย … เรามาถึงบริเวณกางเต้นท์แรก วิวเปิดครับแต่ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ต้องไปถึงยอดให้ได้ ไม่งั้นไม่ยอม .. ก็ลุยต่อไปอีก ถนนจะไปสุดที่ลานกางเต้นท์พอดีครับ … จะเป็นลานกว้างโล่งครับ (หน้าฝนจะเป็นหญ้าสีเขียวครับ จนท.ว่าเอาไว้) มีบ้านพักของอุทยานฯ เป็นเรือนแถวอยู่ด้านขวา ด้านซ้ายของลานเป็นอาคารซีเมนต์โล่งๆ มีห้องน้ำและบริเวณนั่งพัก เรามองหาที่กางเต้นท์ที่ปลอดภัยจาก ลมแรงมากถึงมากที่สุดของช่องเย็น เราเชื่อตั้งแต่ยังไม่ลงจากรถเลยครับ ละอองไอน้ำชุ่มชื้นปนหมอกพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา มองไม่เห็นอะไรมากนักแต่พอเห็นภูเขาใกล้ๆ ครับ กางเต้นท์ด้วยความขลุกขลักพอควรเพราะโดนลมกระหน่ำ ใครที่ไปมาคงเข้าใจความรู้สึกนี้ดีนะ บนนี้ไม่มีอาหารขายครับต้องเอามาเอง เราเข้าไปทำอาหารกันในอาคารซีเมนต์ กว่าจะจุดเตาปิกนิกได้ก็สนุกพอควรติดๆ ดับๆ ….


ต้มชาจนเดือด เทใส่แก้วแล้วหันไปอุ่นข้าว หันมาอีกทีกลายเป็นชาเย็นเสียแล้ว ฮา ฮา … ยิ่งมืดยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ ครับ ก่อนมืดสนิทก็มีเพื่อนมาร่วมด้วย เป็น off road กระบะเกือบ 10 คันแนะ ค่อยๆ โผล่พ้นโค้งมาให้เห็นทีละคันๆ สนุกดีครับ ค่อยอุ่นใจหน่อย เฮ ฮา มากก็คือชุดนี้มาจากทางใต้ครับ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้หลงไปหลายชั่วโมงตอนขับผ่าน กทม. ครับ ฮา ฮา … ที่สุดของที่สุดคือมีการเอาเทียนพรรษาแท่งใหญ่ยักษ์มาจุดใช้งานครับคณะนี้ นัยว่าสว่างดีและไม่ดับง่าย ฮา … เราเลยพลอยได้อานิสงค์ความสว่างจากแรงเทียนพรรษาไปด้วย … นอนตั้งแต่ยังไม่ 2 ทุ่มแนะครับ น้ำอาบไม่ลง หนาวมากครับได้แต่แปรงฟัน เช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น ฮา ฮา นอนสบาย … ประโยชน์ของเตาปิกนิกก็ดีตรงนี้แหละครับ … คืนนี้เป็นคืนพิสูจน์ความเป็นช่องเย็นได้อย่างดี ลมกระหน่ำทั้งคืนพร้อมฝนตกเป็นระยะๆ แรงบ้าง อ่อนบ้าง ต้องคอยเช็คเสาเต้นท์ว่าอยู่หรือเปล่าตลอด ฮา ฮา … นอนๆ อยู่เดี๋ยวก็จะมีเสียงคล้ายๆ คลื่นซัดเข้าฝั่งแล้วกระแทกโขดหินดังตูมให้ฟังตลอดคืน ก็คือเสียงลมที่พัดเข้ามาระหว่างช่องเขาแล้วปะทะกับหน้าผาแหละครับ สนุกมาก ลมแรงจริงๆ …


ความที่ไม่ชอบคนแยะ ทำให้ตอนเช้าเรารีบตื่นเก็บเต้นท์ อากาศเย็นยะเยือก ละอองน้ำชุ่มชื้นแหมะๆ ตลอด เป้าหมายเราคือไปอาบน้ำข้างล่างที่น้ำตกแก่งผานางคอยที่เราผ่านมาตอนขาขึ้นเมื่อวานนี้แหละครับ เราไปถึงน้ำตก (มีนิทานอ้างอิงนะครับน้ำตกแห่งนี้ระดับ titanic เชียว ฮา ..) เอารถเข้าไปจอดให้เรียบร้อยแล้วเราก็กระโดดลงไปเล่นน้ำ เป็นน้ำตกเล็กๆ น่ารัก น้ำใสไหลเย็น อาบน้ำจนฉ่ำปอด มีฉากวาบหวิวของนายแม้นหลายฉาก เป็นเป้าสายตาของผีเสื้อและหมู่นกน้อยใหญ่ ฮา ฮา นั่งเล่นน้ำแช่น้ำจนเพลิน ก็มาอาหารเช้ากันตรงนี้ครับ ข้าวต้มร้อนๆ ปลาเค็มๆ ยำกุ้งแห้ง ริมน้ำตก อากาศเย็นสบายตัวและสบายใจ ไม่มีผู้ใดเลย สงบเงียบและได้อยู่กับธรรมชาติอย่างที่หวังจริงๆ …


เราลงจากแม่วงก์สายๆ ครับ ทิ้งไว้แต่ความทรงจำและกระแสลมแรงให้ระลึกถึงเสมอ (เบอร์โทร.อุทยานแม่วงก์ 055 - 719010 ครับ ติดต่อไปก่อนครับ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นไปอย่างสนุกสนานนะครับ) … เรามาแวะที่อุทยานฯ คลองลานทางผ่านขากลับ เป็นอุทยานฯ แบบน้ำตกนะครับ ถ้าใครชอบก็แวะไป ใหญ่พอสมควรครับ ผู้คนหนาตา ร้านข้าวเหนียวไก่ย่างหนาแน่น ฮา … เราไปขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ความว่า คลองลานยังมีทีเที่ยวอีกหลายแห่งเช่นกัน เช่นที่บริเวณเกาะร้อย (4 wd โดยเฉพาะ มีที่ล่องแก่งด้วยครับ กำลังจะโปรโมทเร็วๆนี้) บ่ายๆ เราออกเดินทางกลับ ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพตอนค่ำๆ พร้อมกับความอิ่มเอมใจและคำถามว่า งวดหน้าจะไปไหนดี ฮา ฮา …




สนทนาเรื่องพาเที่ยวอุทยานตากสินมหาราชและแม่วงก์ กับ นายแม้นคนสวน