วันที่26 มีค.44 บ่าย 2 โมงครึ่ง ผมขึ้นรถไฟ จากสามเสน มุ่งสู่หาดใหญ่ ถึงหาดใหญ่ 8 โมงเช้า ยังไม่ทันได้พักกินข้าวเลย ก็ต้องขึ้นรถตู้ไป ท่าเรือ ปากบารา ค่ารถตู้ ก็ 70 บาท ต่อคน เต็มเมื่อไหร่รถก็ออกเมื่อนั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เพราะทางไม่ค่อยดีกำลังทำอยู่ตลอดทาง ระหว่างทาง ฝนตกสลับกับแดดออกอยู่ตลอด ไม่รู้ว่าขึ้นเรือจะเป็นยังไง กลัวก็กลัวว่าคลื่นจะแรง เพราะฟ้าช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย ประมาณ 10.30 ถึงท่าเรือซะที แต่ฟ้าก็ครึ้มๆ ฝนตกปรอยๆ ทริปนี้ท่าทางจะไม่ดีซะแล้วสิ (คิดเงียบๆอยู่คนเดียว เพราะเป็นคนพาเพื่อนๆ มา เดี๋ยวเสียขวัญกันหมด)
ตอนขาไป ต้องซื้อข้าวมากินเป็นอาหารเที่ยงด้วย เพราะคลื่นอาจจะแรง ต้องไปจอดที่หลังเกาะ ซึ่งไม่มีอะไรขายเลย เรือออก 11.15 ออกเลทนิดหน่อย เพราะรอนักท่องเที่ยวอีกกลุ่ม พอเรือออกได้ไม่ถึงครึ่ง ชม. เหตุการณ์ที่คิดไว้แต่ต้นก็เกิดชึ้นจริง ทะเลเริ่มมีคลื่นมากขึ้นเรื่อยๆ เรือโคลง ไปมาแต่ก็ไม่หนักเท่าไหร่ ประมาณ 1.30 ชม. เรื่อเข้าเทียบท่า ที่ตะรุเตา ทางด้านหลังเกาะ เพราะ ลม ที่หน้าเกาะแรง มากๆ แต่ก็เป็นโชคดีของพวกเรา เพราะว่าเราเห็น ปลาโลมา 4 ตัวว่ายน้ำเล่นไปกับเรือเราด้วย
บ่ายโมงกว่าๆ เราก็ออกจากเกาะตะรุเตา อู้ฮูออกมาได้ไม่ถึง 15 นาทีก็เจอทีเด็ดซะแล้ว!!! คลื่น ครับ มาจากไหนไม่รู้แรงจริงๆ ตอนแรก พวกเราก็สนุกดีครับ เพราะนั่งอยู่หน้าเรือ เรือมันกระโดดเหมือนม้า วูบวาบเหมือนนั่งรถไฟเหาะอย่างไงอย่างนั้นเลยครับ ก็ความสูงของคลื่นเกือบ 3 เมตร น่ากลัวสุดๆ แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงของทุกคนหายไป นั่งสมาธิกันอยู่ครับ ทำใจไม่ให้อ๊วก วันนั้นคลื่นประมาณ เกือบ 2 เมตรตลอดทาง ทำให้ เราใช้เวลา เดินทางมากกว่าปกติ ชั่วโมงกว่าๆ ถึงเกาะ เกือบ 5 โมงเย็น พวกเราเข้า พักที่ หลีเป๊ะ รีสอร์ท พร้อม พบาบาล สาว อีก 5 คน ทั้งรีสอร์ท ก็มีคนไทย แค่ 11 คน ที่รวมกลุ่มผมกับ กลุ่มพยาบาล เรา 2 กลุ่มก็เลยรวมเป็นกลุ่มเดียวไปโดยปริยาย เฮไหนเฮนั่น ได้มิตรภาพดีๆกลับมา
ชายหาดหน้าที่พักสวยมากๆๆๆ น้ำสีฟ้า ค่อยๆ ไล่เป็นสีน้ำเงิน มีปะการังให้ดูด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นปะการังแข็ง ประเภท ปะการังหัวสมอง แต่ไม่ค่อยมีปลา มองหาตั้งนานเจอตัวเดียว แต่ที่เจอเยอะ ก็หอยเม่นครับ เยอะมาก กลุ่มผมก็ขอนั่งบนหาดดีกว่า ไม่ขอเสี่ยงครับ ทรายที่นี่ละเอียดมาก เหมือนกับปูนขาว เอามาปั้นเล่นได้สบายๆ ได้พักแป็บเดียวก็ค่ำแล้ว ชายหาดเงียบสงบมาก อาจเป็นเพราะ ไม่มีนักท่องเที่ยวไทย ก็เลยเงียบเป็นพิเศษ ผมว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น
เช้าแล้วครับวันนี้เป็นวันที่ 2 ที่อยู่บนเกาะ(28 มีค.44) ตอนแรกกะว่า จะตื่นดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ว่า....มันขึ้นไปก่อนผมตื่นครับ ก็เมื่อวานเมาเรือทั้งวัน ต้องนอนเยอะเอาแรงหน่อยจะได้มีแรงมาดำน้ำ วันนี้ทีม เรา 11 คน นัดให้เรือ มารับ ตอน 9 โมง เช้า แต่ว่ากลุ่มของผมตื่นสายไปหน่อยก็เลย ออกช้าไป 30 นาทีลืมบอกไป การเช่าเรือให้ติดต่อที่รีสอร์ทได้เลย ราคาก็แล้วแต่จำนวนเกาะที่ไป ทีมของผม 11 คน ไป 4 เกาะ ราคา 1000 บาท หาร 11 ก็ไม่แพงเลยนะครับ ส่วนอุปกรณ์ดำน้ำต้องเช่า ของที่รีสอร์ท ชุดละ 100 บาท แล้วก็อย่าลืม เอาน้ำดื่ม ครีมกันแดด แล้วก็อาหารกลางวันไปด้วยนะครับ
เกาะแรกที่ไป เกาะจาบัง เราไม่ได้ดำน้ำบริเวณรอบเกาะ แต่ว่าอยู่บริเวณร่องน้ำ วันนั้นแดดไม่ค่อยมี กระแสน้ำแรงมาก อีกทั้งน้ำก็ขุ่น ทำให้มองอะไรไม่ค่อยเห็น แต่ที่เห็น ก็จะเป็นปะการังอ่อน แล้วก็ฝูงปลา แต่อย่างที่พูดไปเนื่องจากกระแสน้ำพัดแรงทำให้เราดำน้ำ ที่นี่ไม่ได้ ก็เลย
ไปยังเกาะที่2 คนขับเรือบอกว่าชื่อเกาะยาว ที่นี่มีปะการังแข็งเป็นส่วนมาก แต่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะคนขับเรือ จอดเรื่อใกล้ฝั่งเกินไป เพราะแนวที่เขาให้ดูปะการังกว้างมาก แต่ถึงยังไงเราก็อยู่เกาะนี้นานพอสมควร
หลังจากนั้น เราก็จะไปดำน้ำที่ เกาะราวี ที่นี่น้ำใสมาก ใสจริงๆ ไม่ต้องเอาหน้าจุ่มลงไปในน้ำก็เห็นปะการัง แล้ว แนวปะการังที่นี่ยาวประมาณ 800 เมตร แต่มีเชือกให้ใต่ชมปะการัง ประมาณ 300 เมตร ปะการังส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็ง ใหญ่ และสวยมาก นอกนั้นก็เป็นดอกไม้ทะเลสีต่างๆ เวลาน้ำพัดมาดูสวยมากๆ แต่ว่าปลาน้อยไปหน่อย แต่ถึงยังไงก็สวยครับประทับใจสุดๆ เรือปล่อยทีมผม ตั้งแต่ยังไม่มีมีแนวเชือกให้ว่ายน้ำมาเรื่อยๆ เหนื่อยครับ แต่สนุก ยิ่งเวลาแดดออกมากระทบกับน้ำ ปะการังข้างล่างกับฝูงปลา ยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เราว่ายมาจนสุดเชือก ที่นี่ มีหาดทรายเล็กๆ สวยมากครับ ไม่รู้จะบรรยายยังไง เงียบสงบ มีขอนไม้สีขาววางอยู่บนชายหาด มีชิงช้าไม้อยู่ 1 อัน อยู่ติดริมหาดเลยครับ พอไกวเสร็จก็กระโดดลงน้ำได้เลย เราอยู่ที่เกาะราวีนานมากประมาณ 3 ชม. ก็มันสวยนี่ครับทำไงได้ เราแวะกินข้าวที่เกาะนี้ แค่ธรรมชาติสวยๆก็อิ่มแล้วหละครับ
หลังจากนั้นเราก็ ไปเกาะหินงามกันต่อ เกาะนี้มีแต่หินจริงๆครับ หินสีดำ เวลาโดนน้ำทะเล บวกกับแสงแดดยิ่งเพิ่มความสวยอีกหลายเท่า ยิ่งเวลาคลื่นสาดมาแต่ละที เสียงก้อนหินที่กระทบกันเหมือนกับมีใครมายิงปืนใหญ่หลายๆลูกต่อกัน เราอยู่ที่เกาะหินงาม ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้เวลากลับเกาะหลีเป๊ะกัน ไม่อยากกลับเลย แต่ยังไง ความสวยงามกับความประทับใจก็ไม่อาจเอาไปได้เราเอาไปได้แค่ความทรงจำเท่านั้นเอง
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็มานอนเล่นที่ชายหาดใต้ร่มไม้อ่านหนังสือไปด้วย แต่อ่านได้ไม่นาน ก็หลับครับ ก็มันเหนื่อยนี่ครับ ตื่นมาประมาณเกือบ 6 โมงเย็นผมกับเพื่อนก็ไปดูพระอาทิตย์ตกดินอีกฟากหนึ่งของเกาะเดินประมาณ 20 นาที ก็ถึง แต่ต้องเดินไปให้ถึงสุดหาดนะครับ แล้วก็ข้ามดงต้นสนไป บรรยากาศดีมากๆครับ ถ้ามากับแฟนได้บอกรักอีกร้อยหนแน่ๆครับ หาดทรายตรงนี้ก็ขาวสะอาด พระอาทิตย์ตก กลางทะเล มีวิวของเกาะต่างๆอยู่ข้างๆ สวยอย่างนี้ต้องลองไปพิสูจน์เองนะครับ เย็นวันนี้เราไปกินอาหารทะเลกันที่ ร้านอาหารข้างๆรีสอร์ท เดินเลียบหาดไปประมาณ 100 เมตร บรรยากาศดีมากโต๊ะนั่งอยู่ที่หาด จุดเทียนไว้ที่กลางโต๊ะ อาหารสด อร่อยใช้ได้ แต่ราคาแพงไปหน่อย แต่อาหารบนเกาะก็ต้องแพงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว คืนนี้พวกเรานอนดึก เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว เรามีเวลาอยู่บนเกาะน้อยมาก แต่ความประทับใจมากกว่า พวกเรานอนดูดาวอยู่ถึง 5 ทุ่ม ก็ต้องเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อขึ้นเรือกลับซะแล้ว ลาก่อนมิตรภาพดีๆของคนบนเกาะทุกคน พี่พยาบาลที่น่ารักที่ให้ยาแก้เมาเรือกับเรา และเป็นมิตรกับเราตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะ เจ้าของรีสอร์ทที่เป็นกันเอง
ตอนเข้าอีกวันก็มาถึง(29 มีค.44) เรือเล็กมารับเราเพื่อไปขึ้นเรือใหญ่ตอน 9.00 น. เรือออกจากเกาะอาดัง ตอน 9.30 น. วันนี้ทะเลไม่มีคลื่นฟ้าใสเป็นใจให้พวกเราดีจริงๆ เราแวะที่เกาะตะรุเตา ประมาณ 1ชม. พวกเรากินข้าวกันที่นี่ อาจจะซื้อข้าวไปจากที่หลีเป๊ะ หรือไปซื้อที่ตะรุเตาก็ได้ เรือมาถึงที่ปากปาราตอน บ่าย 2 ครึ่ง เราต่อรถตู้ไปหาดใหญ่ทันที ถึงหาดใหญ่ประมาณ 16.30 น. แล้วผมก็แยกทางกับเพื่อนๆ ไปเที่ยวกับพ่อแม่ ต่อ ได้ข่าวว่ารถไฟ ออก 3ทุ่ม กว่าจะถึง กทม. ก็ประมาณ 14.00 น.
การเดินทางครั้งนี้ ใช้เวลา 5 วัน 4 คืนรวมวันเดินทาง ถ้าเพื่อนจะไปควรมีเวลาให้มากกว่านี้เพราะ เวลาเดินทางนานมาก รถไฟที่ไปคือขบวนระหว่างประเทศ ออกเวลา 14.20 น. แต่มีอีกขบวนออก 14.45 แต่แนะนำให้ขึ้นขบวนแรกเผื่อรถไฟเสียเวลา ค่าโดยสาร เตียงบน 675 บาท เตียงล่าง 745 บาท
ค่ารถตู้ 70 บาท ค่าเรือไปกลับ 800 บาท ค่าเหมาเรือดำน้ำ 1000 บาท ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ 100 บาท ค่าที่พักที่หลีเป๊ะรีสอร์ทมีหลายราคา 200 300 แล้วก็ 500 บาทพวกผมพัก 500 บาท 2 คืนก็ตกประมาณ 1000 บาท ถ้าจะนอนเพิ่มเสียอีกคนละ 50 บาทต่อคน
ค่าใช้จ่ายครั้งนี้ ประมาณคนละ 3500 บาท เผื่ออีก 500 บาทก็ดีนะครับ ถ้าอยากถามรายละเอียดก็ mail มาถามกันได้นะครับ เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้นะครับ...........
|