บทแปลเนื้อเรื่องSRW OG สาย ริวเซย์

โดย คุณ Jin จอมเวทย์แว่นหนา

เพื่อให้เครดิตต่อผู้แปลผมจะไม่ดัดแปลงหรือแก้ไขข้อความต่างๆ(ถ้าบางแห่งผิดพลาดคุณ jin จอมเวทย์แว่นหนาจะแก้ก็ติดต่อผมนะครับ - megaton )

 

บทนำเรื่อง
ในปี AD 197
ในอวกาศที่ห่างไกลออกไปนั้น เรืออวกาศฮิริวไค (Hiryu-Kwai) ของกัปตันไดเท็ตสึกับจอห์นถูก โจมตีจากกองกำลังลึกลับที่มีรูปร่างคล้ายแมลง กิกันสคูโด (Giganscudo) กำลังรบที่สำคัญก็เสียหายจนเคลื่อนไหวไม่ได้ ไดเท็ตสึจึงต้องถอนตัวกลับมา

ฉากที่1
เอลแซม วี บรานซไทน์ (Elzam V Branstein) กำลังทำการทดสอบเครื่องของ เกสเพนสต์ มาร์ค2 R (Gespenst-Mk2 R) และได้พบกับสิ่งมีชีวิตลึกลับ เขาได้ตั้งชื่อให้มันว่า บัคส์ (Bugs) และเข้าต่อสู้โดยที่ไม่ได้ติดอาวุธ เมื่อทำลายไปได้4ตัว เอลแซมก็ทำการจับกุมตัวที่5 เพื่อนำไปให้ ศาสตราจารย์ บิอัน โซลดาล์ค (Bian Zoldark) ทำการวิจัยต่อไป

ในปี AD 197 หลังจากที่มนุษยชาติได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ มีแล้วสองศตวรรษ ได้มีอุกกาบาตตกลงมาสู่โลก สิ่งนั้นถูกเรียกว่า "เมเทโอ3" ซึ่งได้นำสิ่งที่เกินกว่าวิทยาการของมนุษย์ชาติมาด้วย นั่นคือEOT (Extra Over Technology) ซึ่งผู้รับผิดชอบในโครงการวิจัยนี้ก็คือ ศาสตราจารย์ บิอัน โซลดาล์ค และแล้วอาวุธที่มีรูปร่างแบบมนุษย์ที่ถูกเรียกว่า Personal Trooper ก็ได้กำเนิดขึ้น...

ฉากที่2
ริวเซย์ ดาเตะ กับคุสุฮะ มิสุฮะ ก่อนที่จะไปงานแข่งขันเกม"เบิร์นนิ่งPT"พวกเขาจะไปเยี่ยมแม่ของริวเซย์ที่โรงพยาบาล ระหว่างทางริวเซย์เอาแต่ดูของเล่นที่เป็นหุ่นยนต์จนโดนคุสุฮะแซว
เมื่อได้เยี่ยมแม่ ยูกิโกะ ดาเตะ แล้ว ริวเซย์ได้บอกว่าเขาจะไม่เรียนต่อ แต่จะหางานทำ เพื่อหาเงินมาพยาบาลแม่ , แต่ยูกิโกะ กลับบอกริวเซย์ ไม่ให้ใช้ชีวิตแบบเสียเปล่า จงหาสิ่งที่มีแต่ริวเซย์เท่านั้นที่ทำได้...
จากนั้น ริวเซย์และคุสุฮะ จึงได้ไปต่อที่งานแข่งขันเกม ริวเซย์อธิบายเกี่ยวกับเกม เบิร์นนิ่งPTว่า เป็นเกมที่ทำให้เหมือนกับได้ขึ้นขับหุ่นยนต์จริงๆ และเขายังฝันว่าสักวันจะได้ขับซุปเปอร์โรบอทจริงๆ. คุสุฮะ นึกในใจว่า เวลาที่ริวเซย์พูดถึงหุ่นยนต์ เขาจะดูดีที่สุด แต่คงดีกว่านี้ ถ้าริวเซย์จะสนใจเธอแบบเดียวกันบ้าง
ในงานแข่ง ริวเซย์ได้รางวัลชนะเลิศ เพราะคู่แข่งสละสิทธิ์ แต่ริวเซย์ไม่เคยรู้เลยว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นเครื่องมือของทางกองทัพที่ใช้เพื่อหาคนที่มีความสามารถไปเข้าร่วมในหน่วยรบพิเศษ . ที่บริเวณนอกสนามเวลานั้น อินแกรม พริสเกน กับ อายะ โคบายาชิ กำลังรวบรวมข้อมูลของ ตัวอย่างทดลองหมายเลข55...ริวเซย์นั่นเอง
โดยไม่มีใครคาดคิด กลุ่มบักส์ก็ออกมาโจมตีบริเวณสนามนั้น อินแกรม ออกคำสั่งให้เครื่องบินรบถอนกำลังแล้วให้ทำการถอนเครื่องเกสเพนตส์ มาร์ค2 รุ่นTT (ทดสอบT-Link) ลงจากรถแทน . ริวเซย์บอกให้คุสุฮะรีบหนีไป ส่วนตัวเขาจะขับหุ่นยนต์ที่จอดอยู่นอกสนามนี้เพื่อทำสิ่งที่พอจะทำได้เอง . แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่า เครื่องควบคุมของหุ่นยนต์ตัวนี้ เหมือนกับในเกมไม่มีผิด!?!? แต่"ของจริง"ย่อมไม่เหมือนกับเกม ริวเซย์ยังรบได้ไม่คล่องนักจนอายะดุผ่านวิทยุ แต่ริวเซย์สวนกลับไปว่า ถ้าอายะเป็นคนของกองทัพที่ผ่านการฝึกมาดี แถมมีเวลามาตวาดใส่เขาละก็ เอาเวลาไปอพยพคนออกจากเขตสู้รบแล้วค่อยมาช่วยเขาทีหลังไม่ดีกว่าหรือไง!
หลังจากการรบจบลงแล้ว ริวเซย์ตามหาคุสุฮะ อินแกรมบอกริวเซย์ว่าไม่ต้องห่วง คุสุฮะปลอดภัยอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว อยากจะขอคุยธุระกับริวเซย์สักหน่อย...อินแกรมยื่นข้อเสนอให้ริวเซย์เข้าร่วมหน่วยพิเศษเพื่อแลกกับการพยาบาลแม่ของริวเซย์อย่างดีภายใต้การดูแลของกองทัพ โดยริวเซย์จะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของอินแกรมเช่นเดียวกับคนอื่นที่กำลังถูกเรียกมารวมกลุ่มกันเร็วๆนี้

ในเวลาต่อมา ริวเซย์ ดันลืมบัตรประจำตัวจนเข้าไปในฐานไม่ได้แถมท่าทางของริวเซย์ก็ดูเด็กเกินกว่ายามจะเชื่อว่าเป็นสมาชิกหน่วยพิเศษ ชายหนุ่มผมสีทองอีกคนแสดงบัตรก่อนเข้าไปในฐานทิ้งให้ริวเซย์ยืนเก้ออยู่คนเดียว จนอายะต้องมาตามเข้าไป. อายะแนะนำตัวเองแล้วขอโทษริวเซย์เรื่องที่ตะคอกใส่ริวเซย์เมื่อตอนนั้นไป

ส่วนเด็กหนุ่มผมสีทองที่เข้าไปก่อนริวเซย์นั้น ชื่อว่า ไร เอฟ บรานซไทน์ (Rai F Branstein) อินแกรมเรียกเขาไปสัมภาษณ์และทบทวนว่าไรเป็นทายาทของตระกูล บรานซไทน์ แต่ ไร ปฏิเสธว่า เขาได้ตัดขาดกับทางบ้านไปแล้ว ตัวเขาคือตัวเขาเอง พร้อมถามเหตุผลที่อินแกรมเรียกเขามา ทั้งๆที่เกิดอุบัติเหตุกับแขนของเขา แต่อินแกรมปฏิเสธว่า ยังไม่จำเป็นต้องรู้ในตอนนี้ หลังจากที่ไรกลับไปแล้ว อินแกรมบอกตัวเองว่า ในที่สุด ส่วนประกอบและผู้เล่นก็มากันครบแล้ว

ฉากที่ 3
ริวเซย์ได้ร่วมทีมกับไรและอายะ ริวเซย์รู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับไรที่ชอบทำเหมือนริวเซย์เป็นเด็ก การฝึกในวันนี้ของริวเซย์เป็นการซ้อมในเครื่องจำลองสถานการณ์ ซึ่งริวเซย์รู้สึกว่าไม่ต่างกับเกม จึงคิดฉายเดี่ยวโดยไม่สนเรื่อเพื่อนร่วมทีมเอาซะเลย หลังการฝึก ริวเซย์ถูกทำโทษให้ซ้อมซ้ำเนื่องจากหัวข้อในการฝึกวันนี้คือ ความสำคัญของทีมเวิร์ค ในเวลาต่อมาริวเซย์ได้พบกับสมาชิกคนอื่นที่จะใช้เครื่องซ้อมบ้าง ได้แก่ การ์เน็ต เจียดา(Giada) และลาทูนี่ ซึ่งการ์เน็ตค่อนข้างกระตือรือร้นเหมือนสนุกกับเกม ส่วนลาทูนี่ก็เงียบและไม่ค่อยพูดเอาซะเลย

ฉากที่ 4
ไรกับริวเซย์ทะเลาะกัน เนื่องจากไรวิจารณ์เกี่ยวกับผลการฝึกของริวเซย์ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาจนอายะต้องมาห้ามไว้
การฝึกในวันนี้เป็นการฝึกจริงที่เกาะแห่งหนึ่ง แต่กลับมีสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากยานขนส่งที่ถูกโจมตี ผู้ที่โดยสารมาทักทายอินแกรมกับไร เขาคือ อิรุม(Irum) คาซาฮาร่า นั่นเอง
อินแกรมอนุญาตให้ริวเซย์ได้ปฏิบัติการจริง ถ้าหากริวเซย์ไม่ทำนอกเหนือคำสั่ง พร้อมบอกให้ระวังเรื่องการรบในน้ำให้ดีๆ ในระหว่างการรบ ริวเซย์ได้รู้จักกับนักบินของฝ่ายตรงข้าม นั่นคือเทนซัน นากาจิม่า นักบินที่คิดว่าการรบก็เหมือนกับเกมเกมหนึ่งเท่านั้น ผิดกับริวเซย์ที่เพิ่งจะได้เรียนรู้ถึงความน่ากลัวของสงครามเป็นครั้งแรก เมื่อสังเกตการเคลื่อนไหวของริวเซย์แล้ว เทนซันคิดว่า คู่ต่อสู้คนนี้ต้องเคยเล่นเกมเบิร์นนิ่งPTมาก่อนเหมือนกันแน่ๆ

หลังจากยานขนส่งได้รับการช่วยเหลือแล้ว อิรุมจึงบอกถึงธุระของตัวเองว่า มาที่นี่เพื่อนำ วิลด์ รับเตอร์(Wild Raubtier) มาซ่อมแซม
(ถ้าเล่นสายเคียวสุเกะ วิลด์รับเตอร์ลำนี้เป็นลำที่เคียวสุเกะทำพังไปในฉากที่1นั่นเอง)

ฉากที่ 5
มีแผนการจัดการเจรจาครั้งแรก ระหว่างมนุษย์ กับ แอโรเกเตอร์ . ทีมSRXของริวเซย์ได้รับเลือกให้เข้าร่วมในฐานะตัวแทนสมาพันธ์พร้อมกับไดเท็ตสึ กัปตันเรือชิโรงาเนะ และตัวแทนจากคณะวิจัยEOTI , ศาสตราจารย์ ชูว์ ชิราคาว่า, ซึ่งจะนำแกรนซัน หุ่นรบหุ้มเกราะที่กำลังอยู่ในขั้นทดลองมาเข้าร่วมงานด้วย
ริวเซย์ตกใจมาก เมื่อได้รู้ความจริงว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง และพวกบักส์ที่ริวเซย์ต่อสู้ไปด้วยนั้น ก็เป็นกองกำลังของมนุษย์ต่างดาวด้วยเช่นกัน แบบนี้ก็เหมือนกับหนังหุ่นยนต์ในทีวีที่ริวเซย์ชื่นชอบมากๆเลยน่ะสิ

ณ ที่ประชุมแถบขั้วโลกใต้ ยานชิโรงาเนะได้เข้าเทียบท่า พร้อมกับ เรือของแอโรเกเตอร์ ฟู-เร
ประธาน ได้ชี้แจงว่ามนุษย์ต่างดาว แอโรเกเตอร์ ที่มาในวันนี้ คือพวกเกสต์ หรือ แขกผู้มาเยือน เพราะไม่ได้มาเพื่อรุกรานโลกนี้ แต่ไรกลับรู้สึกระแวงแปลกๆ
ลางสังหรณ์เป็นจริง เมื่อแกรนซันเปิดฉากโจมตี เรือฟู-เร รีบปล่อยหน่วยรบเพื่อป้องกันตัวเองทันที การเจรจาล้มเหลว และสงครามก็ได้เปิดฉากขึ้น
หลังจากเรือของแอโรเกเตอร์ถอนตัวกลับไปแล้ว แกรนซันก็หันมาเล่นงานฝ่ายสมาพันธ์บ้าง กองกำลังทั้งหมดถูกกวาดทิ้งอย่างง่ายดาย แม้แต่เรือรบชิโรงาเนะก็ยังไม่สามารถต่อต้านไหว เหลืออยู่เพียงแต่ทีมSRXที่เหลือมาได้อย่างปาฏิหารณ์
(สงสัยมากครับ เจอท่ากวาดMapของแกรนซันอย่างนั้น หลบยังไงเนี่ย?)
ริวเซย์ช็อคอย่างแรงจนคุมสติตัวเองไม่ได้ ไรกับอายะต้องคอยคุ้มกันริวเซย์แทน ก่อนที่พวกเขาจะถูกชูว์จัดการนั้นเอง หุ่นรบสีขาวที่ไม่มีใครรู้จักก็ได้บินออกมา ชูว์จึงหนีไปก่อน ทิ้งไว้เพียงความพินาศย่อยยับของฐานทัพ และความหวังที่จะเจรจาสันติภาพซึ่งถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง...

ฉากที่ 6

และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็ตามมา เมื่อศ.จ.บิอัน โซลดาล์คแห่งEOTI ได้ประกาศก่อตั้งDivine Crusader(กองทัพศักดิ์สิทธิ์แห่งเหล่าทวยเทพ) พร้อมประกาศสงครามกับสมาพันธ์โลกที่ไร้ประสิทธิภาพ
DCใช้ขีปนาวุธ MAPW ถล่มฐานที่มั่นตามที่ต่างๆของโลก ไม่เว้นแม้แต่ฐานทัพที่อเมริกาซึ่งทีมATX(ทีมของเคียวสุเกะ)ประจำอยู่จนย่อยยับ

ที่กองบัญชาการทหารของญี่ปุ่น
ไคและพวกของการ์เน็ตซึ่งเป็นลูกทีมพยายามป้องกันฐานด้วยกำลังที่เหลืออย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเต็มไปด้วยกองทัพอากาศก็ตาม ด้วยความช่วยเหลือจากทีมSRXที่ตามมาสมทบ ทำให้สามารถขับไล่หน่วยรบของDCกลับไปได้ แต่ทว่า...
ขีปนาวุธMAPW ถูกตั้งเป้าให้มายังฐานทัพแห่งนี้ อินแกรมสั่งให้ทุกคนถอนทัพกลับโดยด่วน แต่ริวเซย์ถามว่า มีทางทำลายกลางอากาศก่อนที่มันจะมาถึงเป้าหมายได้ไหม?
ไรเตือนริวเซย์ว่า นายยังไม่มีความสามารถพอจะทำอย่างนั้นได้ ริวเซย์จึงบอกให้ไรทำแทน ถ้าไรคิดว่าตัวเองเก่งพอ แต่ไรก็ยังคงปฏิเสธว่าเครื่องจักรที่พวกเรามีอยู่ทั้งหมด ไม่สามารถทำอะไรกับขีปนาวุธได้หรอกน่า รีบทำตามคำสั่ง หนีไปซะ
ริวเซย์ได้แต่ร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจก่อนจะหนีไป ริวเซย์ทะเลาะกับไรอีกครั้ง อายะพยายามสงบสติอารมณ์ของริวเซย์จนเกือบหลุดปากเรื่องมือข้างซ้ายของไรออกไป ริวเซย์บอกว่าไรเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุด

ฉากที่ 7
มีการตรวจพบการเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรูที่แม่น้ำ เมื่อทีมเข้าตรวจสอบก็พบกับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ "คิลเลอร์เวล(Killer whale ปลาวาฬเพชรฆาต)" สองลำจอดอยู่
(แม่น้ำอะไร กว้างขนาดเรือดำน้ำสองลำจอดได้เนี่ย)
พวกริวเซย์ต้องหยุดการทำงานของเรือดำน้ำสองลำนั้น โดยระวังอย่าให้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิด โดยได้รับความร่วมมือของอิรุมด้วย
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ริวเซย์ได้เผชิญหน้ากับเทนซันอีกครั้ง และนึกออกว่า เทนซันก็คือ นักเล่นเกมเบิร์นนิ่งPTที่เป็นตัวเต็งในการแข่งขันนั่นเอง เทนซันดูจะชื่นชอบสงครามนี้มาก เพราะมันทำให้เขาได้ใช้ความสามารถในการเล่นเกมกับชีวิตจริงๆ โดยไม่แยแสถึงคนที่ต้องสู้ด้วยเลย พร้อมบอกว่าริวเซย์ก็เหมือนกับเขา ที่ได้พบกับโอกาสที่จะได้ขับหุ่นยนต์ที่เคยชื่นชอบจริงๆซะที
แต่ริวเซย์ปฏิเสธ จริงอยู่ที่เป้าหมายในตอนแรกของริวเซย์กับเทนซันจะเหมือนกัน แต่ริวเซย์ในเวลานี้ ได้เรียนรู้ถึง ความน่ากลัว ความโกรธ และความเจ็บปวดของสงครามจริงๆที่ไม่ใช่เกม เพราะฉะนั้นเหตุผลในการต่อสู้ของฉัน ไม่เหมือนของแก

หลังจากกองกำลังฝ่ายศัตรูถอนตัวไปแล้ว พวกการ์เน็ตคุยกับริวเซย์ เรื่องที่เอาเทคนิคการเล่นเกมมาใช้ควบคุมหุ่น และขอให้ช่วยสอนให้บ้าง นั่นทำให้ริวเซย์ไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะนึกสงสัยขึ้นมาว่า ถ้าเกมเบิร์นนิ่งPTเป็นเครื่องมือที่ทางสมาพันธ์ใช้เพื่อเสาะหาคนที่มีความสามารถมาเข้าร่วมแล้วหละก็...ทำไมเทนซันถึงไปเข้าร่วมกับDCได้ล่ะ???

ฉากที่ 8
นายพลนอร์แมน ประกาศแผนการรบกับDC โดยการมอบหมายหน้าที่บุกฐานบัญชาการของDC ให้เรือรบฮางาเนะ . ซึ่งประกอบด้วยอดีตกัปตันของเรือชิโรงาเนะ ไดเท็ตสึ และรอง เท็ตสึยะ ตามด้วยสมาชิกของทีมSRXทุกคน.
ริวเซย์ได้พบกับโรเบิร์ท หรือ ร็อบ , ผู้สร้างเกมเบิร์นนิ่งPT และหุ่นยนต์สายRซีรี่ย์ . ริวเซย์คุยถูกคอกับร็อบมาก(พวกบ้าหุ่นทั้งคู่). ร็อบให้ริวเซย์ดูR-1ที่ยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงอยู่ ริวเซย์เมื่อเห็นR-1แล้วก็บอกว่า นี่มันเรียลโรบอทนี่หน่า ยังไม่ใช่ซุปเปอร์โรบอทอยู่ดี เสียดายจัง. ร็อบบอกว่า ในตอนนี้ระบบT-Linkยังไม่พร้อม เลยยังไม่สามารถขับเคลื่อนR-1ได้ แต่ริวเซย์กลับไม่รู้จักระบบ T-Linkเลย อินแกรมก็ไม่เคยสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ซักนิด.
ในเวลาต่อมา ลูกเรือที่จะโดยสารไปกับเรือฮางาเนะก็มารวมกันทีละคนๆ รวมถึง ริโอะ เหม่ยหลง และคุสุฮะที่มาเป็นเจ้าหน้าที่โอเปอเรเตอร์ด้วย. ริวเซย์โกรธคุสุฮะมากและพยายามไล่คุสุฮะกลับ เพราะหน้าที่นี้มันอันตรายเกินไป ริโอะต้องรีบเข้ามาห้ามริวเซย์ไว้ ก่อนที่คุสุฮะจะเสียใจมากไปกว่านี้ สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นเสียก่อน

พวกDCยกทัพมาเพื่อโจมตีเรือรบฮางาเนะที่ยังไม่ออกจากท่า ฐานทัพโดยรอบถูกถล่มเสียหายหนัก. อินแกรมขับวิลด์ชไวน์ (Wild Schwein) ออกนำลูกทีมทุกคนเข้าต้านไว้. แต่ริวเซย์ไม่สามารถออกรบได้เพราะR-1ยังไม่สมบูรณ์ แถมเกสเพนสต์ที่เคยใช้ก็พังไปตอนถูกโจมตีรอบแรกซะแล้ว. ทุกคนพยายามป้องกันท่าที่ฮางาเนะจอดอยู่เพื่อรอให้ฮางาเนะเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือ แต่เอลแซมก็ปรากฏตัวออกมาและทักทายไรเล็กน้อย ริวเซย์ประหลาดใจมากเมื่อพบว่าไร เป็นคนของตระกูลบรานซไทน์ , ซึ่งเป็นตระกูลที่ดำรงอำนาจสูงสุดในกลุ่มโคโลนี่ทั้งหมด. แต่ไรกลับบอกว่า ตอนนี้เขาตัดขาดกับทางบ้านแล้ว และจะต้องเหนือกว่าพ่อและพี่ด้วยตัวเองให้ได้. เอลแซมปรบมือให้ไรด้วยความชื่นชม ก่อนจะกลับไปรบต่อ พร้อมกับเตือนว่า ขีปนาวุธMAPW กำลังจะมาถึง ซึ่งเป้าหมายของมันก็คือฮางาเนะในตอนนี้ยังไม่สามารถเคลื่อนตัวออกจากท่าเรือได้เลย

อินแกรมบอกร็อบว่า ต้องใช้บูสเต็ด ไรเฟิลของR-1ยิงขีปนาวุธก่อนที่จะมาถึง. แต่ร็อบบอกว่า วิลด์ชไวน์ตอนนี้ติดตั้งบูสเต็ดไรเฟิลไม่ทันแล้ว ริวเซย์จึงบอกให้ใช้R-1ทำหน้าที่ยิงเอง. อินแกรมเตือนว่ามีโอกาสแค่นัดเดียวที่จะยิงกระสุนเพื่อช่วยชีวิตทุกคนเอาไว้. แต่ในขณะที่ขีปนาวุธใกล้เข้ามาเรื่อยๆนั้นเอง R-1เกิดเครื่องดับไปซะเฉยๆ ริวเซย์ร้องตะโกนในห้องคนขับว่า

ฉันน่ะ อยากจะปกป้องคุสุฮะและเพื่อนๆ พรรคพวกของเขาทุกคนบนฮางาเนะ. R-1 แกน่ะถูกสร้างมาเพื่อปกป้องทุกคนไม่ใช่เหรอไง ถ้าแกไม่สามารถช่วยทุกคนได้ละก็ แกจะถูกสร้างมาเพื่ออะไรกันเล่า!

ทันใดนั้น R-1 ก็ตอบสนองต่อความรู้สึกของริวเซย์ และเดินเครื่องอีกครั้ง ริวเซย์อาศัยโอกาสนั้นใช้บูสเต็ดไรเฟิลยิงใส่ขีปนาวุธได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียดพอดี
หลังจากการต่อสู้จบลง ริวเซย์ขอให้อินแกรมช่วยปลดคุสุฮะออกจากเรือรบฮางาเนะ แต่ไม่สำเร็จ. จากนั้นเมื่อพบกับไร ทั้งคู่จึงคุยกันเรื่องที่มาของไร ไรถามริวเซย์ว่าคราวนี้คงจะเห็นฉันเป็นศัตรูไปเลยสินะ แต่ริวเซย์ตอบว่า เปล่า แค่แปลกใจนิดหน่อยที่ไรเลือดเย็นพอที่จะสู้กับสายเลือดเดียวกันนั่นหละ
และแล้ว ในที่สุดริวเซย์ก็ได้พบเหตุผลในการต่อสู้ของตัวเอง เพื่อปกป้องคนที่เขารักทุกคนนั่นเอง

ฉากที่ 9
แต่ทว่าหลังจากนั้น R-1 ก็ไม่ยอมเดินเครื่องอีกเลย ร็อบต้องปรับระบบT-Linkใหม่ ริวเซย์จึงได้รับวิลด์ รับเตอร์มาใช้งานแทน. ส่วนฮางาเนะ ก็ได้เริ่มออกเดินทางไปยังเกาะฐานทัพของDC โดยดำลงใต้น้ำเพื่อไม่ให้ฝ่ายข้าศึกจับได้. แต่ระหว่างทาง กลับพบเรือดำน้ำของDCดักรออยู่ก่อนแล้ว ซ้ำร้ายPTทุกตัวยังไม่สามารถออกปฏิบัติการได้เนื่องจากระดับความลึก กัปตันไดเท็ตสึจึงสั่งเดินเครื่องเต็มที่เพื่อไปให้พ้นจากวงล้อมของกองเรือดำน้ำฝ่ายตรงข้าม

ฉากที่10
เหตุเพราะริวเซย์เอาแต่เย็นชาและใจร้ายกับคุสุฮะ เพราะไม่พอใจที่คุสุฮะมาเป็นลูกเรือของฮางาเนะ, กาเน็ตก็เลยจัดการจับลาทูนี่มาแต่งหญิงเพื่อให้ริวเซย์ได้เห็นความน่ารักของผู้หญิงซะบ้าง ไม่ใช่เอาแต่บ้าหุ่นหรือคิดแต่เรื่องต่อสู้อย่างเดียว(แต่ผมว่าเจ๊กาเน็ตอยากเล่นแต่งตัวตุ๊กตาให้ลาทูนี่มากกว่าแฮะ) และผลที่ออกมาก็คือ...

อีกด้านหนึ่ง ริวเซย์ได้พบกับฮิวเคไบน์ 009(Huckebein)ที่บรรทุกมาบนเรือฮางาเนะด้วย โดยอิรุมจะเป็นคนขับเอง แล้วมอบเกสเพนสต์ตัวเดิมให้ลาทูนี่ขับแทน. ริวเซย์ได้รับรู้ถึงความลับในอดีตของฮิวเคไบน์ว่า , ฮิวเคไบน์นั้นเคยมีอยู่ด้วยกัน3เครื่อง ได้แก่ 008L 008R และ009 โดยมีการติดตั้งBlack Hole Engine ไว้ใน008ทั้งสองเครื่อง, นับเป็นครั้งแรกที่มีการริเริ่มรวมวิทยาการEOT(Extra Over Technology) ซึ่งมนุษย์ได้วิจัยมาจากเมเทโอ3เข้ากับวิทยาการของชาวโลก. แต่ในระหว่างการทดสอบรุ่น008R นั้น ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นจากการทำงานของเครื่องยนต์ขัดข้อง ทำให้ทุกคนในที่นั้นเสียชีวิต เหลือรอดมาแค่3คน ได้แก่ ร็อบ อิรุม และไร, ซึ่งเป็นผู้ขับ008Rนั่นเอง. ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้ฮิวเคไบน์ได้ฉายาว่า"Vanishing Trooperหรือ พลทหารแห่งการสูญหาย" เครื่อง008Lถูกปิดผนึกไว้. ส่วนไรเสียมือซ้ายในอุบัติเหตุและต้องใช้มือเทียมทดแทน ริวเซย์ที่เพิ่งได้รู้ความจริงเรื่องนี้ประหลาดใจมากที่ไรไม่เคยบอกอะไรเกี่ยวกับมือซ้ายของตัวเองเลย. หลังจากนั้นไม่นาน ริวเซย์โดนริโอะว้ากใส่ เรื่องเกี่ยวกับคุสุฮะ แต่กลับมีเด็กผู้หญิงผมสีม่วงแต่งตัวแบบตุ๊กตาวิ่งผ่านไปทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว ริวเซย์ถามริโอะก็ไม่รู้จัก สงสัยว่าเป็นเพื่อนของร็อบซะหละมั้ง? แล้วริโอะก็กลับมาว้ากริวเซย์ต่อ

เรือฮางาเนะลงจอดบนเกาะร้างแห่งหนึ่งเพื่อทดสอบเครื่องยนต์ของ009และวิลด์รับเตอร์. แต่ก็ถูกโจมตีจากหน่วยลาดตระเวณของDCที่นำโดยเทมเปสต์ ฮอว์คเคอร์. ซึ่งมีความแค้นฝังลึกกับฝ่ายสหพันธ์มากว่า16ปี ซึ่งเขาได้สูญเสียภรรยาและลูกสาวไปในเหตุการณ์ที่ฝ่ายสหพันธ์ต้องรับผิดชอบ.
ริวเซย์และอิรุม เตรียมพร้อมสำหรับการรบ แต่ก็สะกิดใจกับคนที่ขับเกสเพนสต์ที่ทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน. และทุกคนก็ต้องประหลาดใจกันโดยถ้วนหน้าเมื่อรู้ว่าเธอก็คือ...ลาทูนี่นั่นเอง?!?
หนุ่มๆหลายคนตกตะลึงกันโดยถ้วนหน้า โดยเฉพาะอิรุมที่บ่นว่า รู้อย่างนี้น่าจะจดลาทูนี่ไว้ใน"สมุดปกดำ"ของเขาไว้ซะตั้งนานแล้ว. ริโอะถึงกับทนไม่ไหว ว้ากจากวิทยุสื่อสารใส่พวกโลลิค่อนทั้งหลายจนหูชาไปตามๆกัน
เทมเปสต์เองก็ประหลาดใจเมื่อพบว่ามีทหารของสหพันธ์ที่ยังเป็นเด็กอยู่ด้วย ทำให้เทมเปสต์ลังเลที่จะต่อสู้กับลาทูนี่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจว่าทหารของสหพันธ์ทุกคนเป็นศัตรูทั้งหมด แม้จะเป็นเด็กก็ไม่เว้น. และเข้าต่อสู้กับลาทูนี่ . ลูกทีมทุกคนเข้าช่วยเหลือและขับไล่DCกลับไปได้

หลังจากการรบจบลง ลาทูนี่กลับไปใส่ชุดทำงานและใส่แว่นตาตามเดิมและไม่ขอใส่ชุดอย่างนั้นอีกเด็ดขาด ท่ามกลางความเสียดายของหลายคน(รวมถึงคนเล่นด้วย). ส่วนริวเซย์ก็เริ่มใจเย็นลง และขอโทษคุสุฮะที่เขาเอาแต่โมโหใส่ตลอดเวลาที่มา และสัญญาว่า เมื่อสงครามครั้งนี้จบลง คุสุฮะจะต้องได้ออกจากฮางาเนะกลับไปใช้ชีวิตแบบปกติตามเดิมได้แน่ๆ. โดยไม่รู้เลยว่า สาเหตุที่ทำให้คุสุฮะตามมาน่ะ ก็เพราะริวเซย์เองน่ะแหละ

ฉากที่11
เทนซันได้เป็นฝ่ายวางแผนรบที่เกาะป้อมปราการของDC ซึ่งฮางาเนะกำลังจะผ่านมา. เขากระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อเตรียมตัวเล่นและอาวุธลับสำหรับ"เกม"กับฮางาเนะในครั้งนี้
ส่วนเรือฮางาเนะตัดสินใจดำใต้น้ำเพื่อเลี่ยงการถูกรุมยิงจากป้อมปืนจำนวนมากพอที่จะถล่มฮางาเนะให้เละคาที่ได้อย่างง่ายดาย. ตามด้วยแผนปล่อยหน่วยรบออกทำลายป้อมปืนเพื่อลดกำลังรบของฝ่ายตรงข้าม. แต่เทนซันกลับซ้อนแผนโดยอาศัยช่วงที่หน่วยรบของฮางาเนะออกห่างจากเรือ, ยิงขีปนาวุธใส่ฮางาเนะทันที. ถึงแม้ว่าทีมSRXจะถอนกำลังกลับมาป้องกันขีปนาวุธได้ทันเวลา แต่ป้อมปืนของป้อมปราการก็ยังคงมีมากมายมหาศาลอยู่ดี. ในช่วงเวลานั้นเองมีวัตถุบินได้ที่ไม่อาจระบุที่มาปรากฏในจอเรด้าร์และพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว. สิ่งนั้นกลับไม่ใช่ขีปนาวุธ แต่เป็นหุ่นรบสีขาวที่เคยมาช่วยพวกริวเซย์ที่ขั้วโลกใต้นั่นเอง! เมื่อริวเซย์ได้พบกับหุ่นยนต์สีขาวนั่นแล้วก็ถึงกับอุทานว่า เจ๋งไปเลย หุ่นยนต์แบบซุปเปอร์โรบอทนี่หน่า
รองกัปตันเท็ตสึยะถามนักบินของหุ่นยนต์ที่มาใหม่นั้น แทนคำตอบ มาซาคิใช้ไซแฟลชถล่มฐานทัพของDCแล้วบินเข้าไปเพื่อเป้าหมายเดิมของตัวเอง. นั่นเปิดโอกาสให้หน่วยSRXจัดการกับหน่วยDCที่เหลืออย่างง่ายดาย. เทนซันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหนีไปโดยมิวายบ่นว่า เกมนี้มียูนิตลับที่อยู่นอกแผนอยู่ด้วยแฮะ. อินแกรมสอบถามนักบินของหุ่นยนต์สีขาว ทางฝ่ายนั้นจึงแนะนำตัวเองว่าชื่อ มาซาคิ อันโด และหุ่นที่ตัวเองขับอยู่ก็คือ ไซบัสเตอร์(Cybaster) แต่ดูท่าทางจะใช้พลังพลาน่ามากไปเลยสลบไป. ทุกคนเลยพามาซาคิและไซบัสเตอร์ไปด้วย.

เมื่อร็อบทำการตรวจสอบไซบัสเตอร์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าหุ่นตัวนี้ถูกสร้างมาโดยไม่ใช้วิทยาการของPTหรือAM(อาเมอร์โมดูล หุ่นรบของDC)แม้แต่น้อย บางทีอาจจะไม่ใช่ผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้นมาด้วยซ้ำ, แต่ผลการตรวจร่างกายของมาซาคิก็ระบุว่าเป็นมนุษย์โลกชัดๆ. และทุกคนยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อพบกับแมวสีดำสีขาวที่พูดภาษาคนได้???
เมื่อมาซาคิตื่นแล้ว เขาพุ่งพรวดไปในห้องกัปตันและถามหาชูว์ทันที. อินแกรมเจรจากับมาซาคิโดยบอกว่า เวลานี้ชูว์ ชิราคาว่าอยู่กับDC และพวกเขาก็กำลังเดินทางไปยังที่ตั้งของDCพอดี. ถ้ามาซาคิช่วยต่อสู้กับDC ก็ต้องได้เจอกับชูว์ที่กำลังตามหาแน่ๆ. มาซาคิจึงตอบตกลงและเดินทางไปพร้อมกับฮางาเนะ.

ฉากที่12
ริวเซย์ตื่นเต้นมากกับไซบัสเตอร์ และสาธยายถึงความเจ๋งของหุ่นยนต์แบบซุปเปอร์โรบอท จนอายะแซวว่า มีหุ่นยนต์แบบไหนที่ริวเซย์ไม่คิดว่าเจ๋งบ้างเนี่ย?. ริวเซย์อยากให้มีซุปเปอร์โรบอทมาเสริมกำลังอีกจังเลยก็พวกPTที่ขับๆกันอยู่เนี่ย มันเป็นเรียลโรบอท ไม่ใช่ซุปเปอร์โรบอทน่ะสิ. ร็อบอธิบายถึงหุ่นยนต์ที่มีลักษณะแบบซุปเปอร์โรบอทก็ต้องเป็นกรุนกัสต์, ซึ่งในตอนนี้มีทั้งหมดสามเครื่อง เครื่องหมายเลข2กำลังรับการปรับปรุงอยู่ เครื่องหมายเลข3ถูกนำไปที่ดวงจันทร์เมื่อเจ้าของเก่า,หลิง เหมา,ไปเป็นผู้บริหารของกลุ่มอุตสาหกรรมเหมาที่ดวงจันทร์. เหลือเพียงเครื่องหมายเลข1ที่หยุดการใช้งานและถูกเก็บไว้ที่อเมริกาเหนือพร้อมกับรุ่นต้นแบบ กรุนกัสต์เรย์ชิคิ(Type-0)
ฮางาเนะได้รับสัญญาณSOSจากยานลำเลียงที่หลบหนีมาจากฐานทัพATXที่อเมริกาเหนือ. สัญญาณนั้นระบุชื่อของอิรุม คาซาฮาร่ามาด้วย. เมื่ออิรุมได้รับสัญญาณแล้วก็รู้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งมา, เขาขอยืมเครื่องบินรบรุ่นFX28ของเจียด้าและมุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบทันที. ตามด้วยมาซาคิที่ใช้ไซบัสเตอร์เร่งความเร็วบินตามมาคุ้มกันระหว่างที่ฮางาเนะยังไปไม่ถึงที่หมาย.
เมื่อมาซาคิและอิรุมไปถึงยานลำเลียง, ซึ่งกำลังถูกเอลแซมโจมตีอยู่. มาซาคิเข้าต่อสู้กับเอลแซมเปิดโอกาสให้อิรุมนำเครื่องบินไปเทียบจอดกับยานลำเลียงให้ได้. ระหว่างการดวลระหว่างมาซาคิกับเอลแซม เอลแซมทักทายมาซาคิ และบอกว่าได้ยินเรื่องของมาซาคิมาจากชูว์ ทำให้มาซาคิเสียสมาธิและถามเรื่องที่อยู่ของชูว์กลับ. ส่วนอิรุมเมื่อไปฝ่าดงกระสุนไปถึงยานลำเลียงก็ทักทายกับโจนาธาน, พ่อของอิรุมนั่นเอง. พร้อมกันนั้นก็บ่นถึงเรื่องที่บอกให้รีบๆมาของขวัญน่ะ มันอะไรกัน? ตามด้วยเรื่องที่ของขวัญที่ผ่านๆมาของป๋าน่ะมีแต่ของซังกะบ๊วย เจ๊งบ๊ง บางทีล่อซะเกือบถึงตายเลยนะเฟ้ย. และของขวัญงวดนี้ก็คือกรุนกัสต์จากฐานทัพอเมริกาเหนือ ที่ตอนนี้ซ่อมเสร็จแล้ว อิรุมขึ้นขับกรุนกัสต์และกลับไปช่วยมาซาคิทันที. เล่นเอาเอลแซมถึงกับชมว่า ได้เจอกับคู่มือที่สมน้ำสมเนื้อซะที. ในที่สุดฮางาเนะก็ตามมาทันจนได้ พร้อมส่งหน่วยรบออกสนับสนุนทันที. หลังจากที่เอลแซมถอนตัวไปแล้ว ไรสงสัยว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงไม่รีบยิงยานลำเลียงเสียก่อนที่ไซบัสเตอร์จะมาถึง ทั้งๆที่ถ้าเอาจริงก็ทำได้อยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังไม่ขัดขวางฮางาเนะที่เป็นศัตรูสำคัญของDCอีกด้วย?

ร็อบต้อนรับโจนาธานที่ฮางาเนะ และสอบถามเรื่องการหลบหนีจากอเมริกาเหนือ. โจนาธานตอบว่าด้วยการช่วยเหลือของพวกATXทีมที่หลบหนีมาเหมือนกันนั่นเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ฐานทัพอเมริกาเหนือต้องพ่ายแพ้ก็คือ การที่หัวหน้าหน่วยATX, เซนการ์ โซนโบลต์, แปรพักต์ไปอยู่ฝ่ายDCเสียแล้ว. นั่นเท่ากับว่าตอนนี้นอกจากไค คิตะมูระที่เฝ้าฐานอยู่แล้ว ทุกคนในหน่วยรบพิเศษรุ่นเดิมเข้าร่วมกับDCกันหมดเลย

ฉากที่13
แอดเลอห์,รองผู้บัญชาการของDC, กังวลเรื่องฮางาเนะที่ใกล้เกาะDCเข้ามาทุกทีๆ. จึงเร่งให้บิอันรีบจัดการโดยเร็ว เมื่อเลี่ยงไม่ได้ บิอันจึงตัดสินใจเข้าสู้กับฮางาเนะด้วยตัวเองซะเลย.(ประชด)
ในเวลานั้นเองบนฮางาเนะก็กำลังเกิดเรื่องเหตุวุ่นวายที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น... เริ่มจากคุสุฮะที่ขอตัวไปอาบน้ำแต่กลับหายไปถึงสามชั่วโมง, เมื่อริโอะมาตามที่ห้องก็ต้องตกใจเมื่อพบกับของที่คุสุฮะซื้อมาผ่านรายการทีวีช็อปปิ้งกองเป็นภูเขาเลากา มิหนำซ้ำสาเหตุที่คุสุฮะหายหัวไปก็คือ มัวแต่อาบน้ำตั้งแต่สามชั่วโมงที่แล้ว, พร้อมกับแนะนำให้ริโอะลองเอาเครื่องออกกำลังกายนักบินอวกาศที่ซื้อมาไปลองใช้ดูบ้าง.
หลังจากนั้นคุสุฮะก็ปรุง"เครื่องดื่มผสมเพื่อสุขภาพสูตรพิเศษ"ให้มาซาคิลองชิมดู. เพียงจิบเดียวเท่านั้น มาซาคิก็...

ในเวลานั้นเองศัตรูบุกจู่โจม ทุกๆคนออกปฏิบัติการทั้งหมด ยกเว้นมาซาคิเพียงคนเดียวที่เกิดป่วยกระทันหัน.
ในหน่วยจู่โจมที่บุกมานั้น นำโดยเลโอน่า คัซชไทน์, ลูกพี่ลูกน้องญาติห่างๆของไร. เธอโจมตีไรและบอกว่า หากไรเลือกที่จะต่อสู้กับพ่อและพี่ชายหละก็ เธอจะต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขาเอง. แต่ไรก็เตือนเลโอน่าให้ออกจากกองทัพซะ ถ้าจะคิดจะเอาชนะเขาก็เหมือนฆ่าตัวตายเปล่าๆ และปราบหน่วยรบทั้งหมดลงได้.
แต่สิ่งที่ตามมาในภายหลังก็คือ จักรกลยักษ์สีแดงชาดที่ดูน่าเกรงขามด้วยความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้น, นามของมันคือ วาลซิออน ซึ่งขับมาโดยผู้นำสูงสุดแห่งDC, บิอัน โซลดาร์คนั่นเอง! บิอันมอบข้อเสนอแก่ฮางาเนะว่าจะถอยหรือจะตาย.
ไดเท็ตสึสั่งลุยเต็มกำลัง โอกาสมาถึงแล้ว หากสามารถจัดการกับบิอันได้ซะตรงนี้ สงครามก็จะจบลง. อินแกรมสังเกตุว่าบิอันไม่ได้ตั้งใจสู้เต็มที่นัก เหมือนจะลองเชิงกันมากกว่า. ส่วนริวเซย์โมโหมากที่บิอันก่อสงครามที่ทำให้คนมากมายต้องตายไป บิอันตอบว่าริวเซย์ยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเป้าหมายของสงครามครั้งนี้.

การต่อสู้ดำเนินไปอย่างยากลำบาก วาลซิออนแข็งแกร่งเกินไป. ไดเท็ตสึตัดสินใจใช้ไฮเปอร์โทรเนี่ยมแคนน่อน ซึ่งเป็นอาวุธลับสุดท้ายของฮางาเนะ. แต่การจะใช้ได้ต้องมีเวลาเตรียมพร้อม ในตอนนั้นเอง มาซาคิก็ปรากฏกายออกมาพร้อมกับไซบัสเตอร์ และบอกกับคุสุฮะว่า ถึงไอ้น้ำชีวจิตของคุสุฮะจะรสชาติสยดสยองไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็ได้ผลเหมือนกันนะ. แต่บิอันกลับบอกว่า วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า กำลังรบของฮางาเนะในเวลานี้ ไม่คู่ควรจะต่อกรกับวาลซิออนหรอก และทำท่าจะถอนตัวกลับ. เล่นเอามาซาคิถามกลับว่า นี่ฉันอุตส่าห์ออกโรงทีหลังเพื่ออะไรกันเล่า เขาควรจะได้ดวลกับบิอันเพื่อถ่วงเวลาให้ฮางาเนะเตรียมพร้อมแล้วยิงอาวุธลับใส่บิอันต่างหาก แล้วทำไมถึงหนีไปดื้อๆซะล่ะ?. (คำตอบง่ายๆ เอ็งเล่นป่าวประกาศซะขนาดนั้น ใครจะอยู่ให้โดนยิงกันเล่า ^^' )
หน่วยรบของเอลแซมปรากฏขึ้นและรับบิอันกลับไป.

หลังการต่อสู้ ทุกคนในหน่วยเต็มไปด้วยความสงสัยว่า บิอันมาเพื่ออะไรกันแน่? เพื่อประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ของDC? เพื่อข่มขวัญผู้ที่จะต่อต้าน? หรืออยากโชว์ออฟกันแน่หว่า?
ส่วนมาซาคิกับริวเซย์คุยกันเรื่อง"เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพผสมพิเศษ"ของคุสุฮะ. ริวเซย์บอกว่ามาซาคิงี่เง่ามากที่ดันดื่มน้ำนั่นลงไป ถึงแม้มันจะดีต่อสุขภาพร่างกายแต่รสชาติของมันทำลายสุขภาพจิตของคนดื่มที่สุดในจักรวาลเลยนะนั่น ส่วนผสมของมันแทบไม่ต่างอะไรกับยาหม้อของแม่มดในนิทานเลย.
พอดีกับที่คุสุฮะเดินมาพร้อมกับน้ำส้มเพื่อสุขภาพแก้วใหม่ที่ทำมาเพื่อแก้ตัวกับมาซาคิโดยเฉพาะ.
"อ๊ะ เดี๋ยวฉันต้องไปตรวจสภาพของไซบัสเตอร์ก่อนนะ"มาซาคิชิ่งหนีก่อนเพื่อน
"จริงสิ ฉันก็ต้องไปตรวจวิลด์รับเตอร์เหมือนกัน"ตามด้วยริวเซย์
"อ้าว กรุนกัสต์ไม่ได้ดับเครื่องนี่หน่า"อิรุมเผ่นไปอีกทางหนึ่ง
"เดี๋ยวฉันต้องรีบไปทำรายงานส่งให้อินแกรมแล้วหละ"อายะบอกก่อนวิ่งไป
"อ่า ได้เวลาฝึกของวันนี้แล้ว ขอตัวก่อนนะ"เจียร์ด้าและการ์เน็ตหลบไปทั้งคู่
สุดท้ายก็เหลือแค่คุสุฮะตัวคนเดียว เธอเหลือบไปเห็นอินแกรมที่กำลังตรวจเช็คสภาพของPTอยู่พอดี จึงให้อินแกรมลองดื่มน้ำส้มที่ทำมาให้ อินแกรมที่ไม่รู้อะไรเลยจึงดื่มลงไป
"อุ นี่มัน. ไม่...ไม่เลวเลยนี่หน่า"
คำตอบของอินแกรมทำให้คุสุฮะมีกำลังใจขึ้นมา, ทว่า หลังจากที่คุสุฮะคล้อยหลังกลับไป เธอไม่ได้เห็นเลยว่าอินแกรมทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยความทรมานขนาดไหน

ฉากที่14
เทนซันไม่พอใจเรื่องที่บิอันไม่จัดการฮางาเนะเมื่อมีโอกาสและอิจฉาที่มีหุ่นสุดเจ๋งอย่างวาลซิออน. แอดเลอห์จึงมอบหุ่นรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้านการยิงสูงให้เทนซันไปจัดการกับฮางาเนะด้วยตัวเอง.
หลังจากนั้นแอดเลอห์ได้พบกับด็อกเตอร์อีเกรท ทั้งคู่คุยกัน แอดเลอห์บอกว่าในเวลาแบบนี้ต้องทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัย บางทีอาจจะได้เปิด"สคูล"แห่งที่สองก็ได้.

บนเรือฮางาเนะ ริวเซย์รู้สึกว่ายังควบคุมการบินของวิลด์รับเตอร์ไม่คล่องเอาซะเลย จึงไปขอให้ลาทูนี่ช่วยถ่ายโปรแกรมสนับสนุนการบินให้หน่อย แต่ลาทูนี่กลับเดินหนีไปซะเฉยๆ, ริวเซย์จ๋อยพลางสงสัยว่าทำไมลาทูนี่ถึงไม่ค่อยคุยกับใครเลยน้า.
เวลาต่อมา หน่วยของเทนซันได้มาถึงพร้อมกับAMรุ่นใหม่ Barrelion ซึ่งมีทั้งความสามารถในการบินและการยิงที่สูงมาก. ผิดกับทางฮางาเนะที่กำลังรบส่วนใหญ่ต้องดำน้ำเข้ามา, ริวเซย์พยายามเข้าต่อสู้ด้วยวิลด์รับเตอร์เท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังเสียเปรียบเทนซันอยู่ดี. ลาทูนี่ตัดสินใจโหลดข้อมูลการบินให้ริวเซย์ ทำให้ระบบการบินของวิลด์รับเตอร์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด.
เทนซันจึงทักว่า ลาทูนี่คงเป็นเด็กที่จบมาจาก"สคูล"สินะ. ทำให้ทั้งเจียร์ด้าและการ์เน็ตโกรธมากที่เทนซันรื้อฟื้นอดีตที่แสนเจ็บปวดของลาทูนี่. ริวเซย์จึงสั่งสอนเทนซันด้วยการบินแบบใหม่ของวิลด์รับเตอร์ที่ได้มาจนเทนซันต้องพ่ายแพ้กลับไป.

หลังจากนั้นริวเซย์จึงได้รู้ความจริงจากการ์เน็ตและเจียร์ด้าว่า "สคูล" ก็คือโรงเรียนสอนการเป็นนักบินที่ฝึกฝนเด็กให้รับฟังคำสั่งโดยห้ามขัดขืนและไม่ให้ความสำคัญกับนักเรียนในฐานะมนุษย์เลย. ลาทูนี่จบจากโรงเรียนนั้นแต่เกลียดช่วงเวลาที่ต้องทนอยู่ที่นั่นมากจนกลายเป็นคนที่เก็บตัวอย่างที่เป็นอยู่, แต่ว่าหลังจากที่ได้เจอกับริวเซย์แล้วรู้สึกว่าลาทูนี่จะค่อนข้างเปิดใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้วหละ. ซักวันหนึ่งลาทูนี่จะต้องกลับมาเป็นเด็กที่ร่าเริงสมวัยได้แน่ๆ.

ฉากที่15
แอดเลอห์เครียด(อีกแล้ว) เรื่องที่ฮางาเนะเข้าใกล้เกาะที่มั่นของDCเข้ามาทุกทีๆ แถมบิอันยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ จึงตัดสินใจพึ่ง"เจ้าหมอนั่น"

ในเวลานั้น อายะเข้าทดลองระบบT-linkกับร็อบแต่เกิดผิดพลาดจนหมดสติไป. พอดีกับที่ศัตรูบุกมา นำโดยโทมัส ตามด้วยหน่วยรบย่อยที่มีเรียวโตะอยู่ด้วย. เรียวโตะถามด้วยความไม่มั่นใจว่า พวกเรามีกันแค่นี้จะสู้กับฮางาเนะไหวเหรอครับ?. แต่โดนโทมัสตวาดกลับว่าอย่าปอดแหกแล้วไปจัดการกับฮางาเนะซะ ส่วนฉันจะรอดูผลงานอยู่ตรงนี้แหละ.เรียวโตะแอบบ่นว่าอีตานี่ปล่อยเราไปตายชัดๆ แต่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้อยู่ดี.
ริโอะตัดสินใจขับเกสเพนสต์ของอายะแทนในระหว่างที่อายะยังไม่ได้สติอยู่. เล่นเอา เอย์ตะ โอเปอเรเตอร์อีกคนหัวหมุนเพราะไม่เคยรับหน้าที่เดี่ยวๆมาก่อน.
ส่วนเรียวโตะยังคงปอดอยู่ โทมัสจึงสั่งให้เรียวโตะไปจัดการกับลูกทีมของฮางาเนะให้ได้ซักคน ก่อนจะยุให้เข้าไปสู้กับริโอะ ถ้าทำได้จะให้หยุดพัก. เรียวโตะจึงเน้นการจู่โจมที่ริโอะเพียงเป้าหมายเดียว.
การรบดำเนินไปจนกระทั่งโทมัสถอนตัวกลับ แต่เครื่องยนต์ของเรียวโตะกลับดับไปดื้อๆ ทำให้เรียวโตะจมทะเลไป. อินแกรมขอให้เก็บหุ่นAMตัวนั้นมาเพื่อศึกษาข้อมูล เรียวโตะจึงได้รับการช่วยเหลือและกลายเป็นเชลยของฮางาเนะไป.
โดยไม่มีใครเฉลียวใจเลยว่ามันเป็นกับดัก

ฉากที่16
เรียวโตะถูกสืบสวนเพื่อข้อมูลของDCแต่ไม่คืบหน้าเท่าไหร่นัก เพราะเรียวโตะเป็นเพียงแค่พลเรือนที่ถูกDCเกณฑ์มาเท่านั้น. พอดีกับที่ร็อบพบระเบิดที่ถูกซ่อนไว้ในหุ่นของเรียวโตะและเกือบเอาชีวิตไม่รอด. เมื่อเรียวโตะรู้จริงว่าตัวเองถูกสั่งให้รบเพียงเพื่อให้เป็นระเบิดพลีชีพเท่านั้นก็สับสนจนตัดสินใจอะไรไม่ถูก. เทตสึยะถามว่ายังคิดจะกลับไปDCอีกรึเปล่า พร้อมให้เวลากับเรียวโตะ. ส่วนริโอะได้ตำแหน่งใหม่เป็นนักบินโดยถาวร เล่นเอาเอย์ตะบ่นอุบว่างานหนักขึ้นแบบนี้ต้องขอขึ้นเงินแล้วมั้งเนี่ย.
ฮางาเนะถูกโจมตีจากระยะไกลด้วยฝีมือของโทมัสและเทนซัน ซึ่งคราวนี้นำรถถังขนาดยักษ์"ไรโนเซรัส"ที่เพิ่งประดิษฐ์เสร็จเป็นครั้งแรกมาเสริมกำลังรบอีกด้วย. แรงระเบิดทำให้ประตูห้องที่ขังเรียวโตะเปิดออก, เรียวโตะได้โอกาสหนีไป แต่ เขาจะหนีไปไหนได้ล่ะ???

เรียวโตะขับลิออนFเครื่องเดิมออกมานอกฮางาเนะ. โทมัสออกคำสั่งให้เรียวโตะกลับมาหาซะดีๆ. เรียวโตะอ้ำอึ้งตอบอะไรไม่ได้ จนริโอะต้องว้ากใส่เรียวโตะให้พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปดังๆเลยเซ่. เรียวโตะจึงตัดสินใจรวบรวมความกล้าของคนเองตอบกลับไปว่า เขาจะไม่กลับไปที่DCและจะต่อสู้ร่วมกับพวกริโอะ!.
โทมัสเยาะเย้ยเรียวโตะว่ากล้าดีไม่เลวสำหรับพวกปอดแหก เพราะถึงเรียวโตะจะกลับไปDCก็ยังโดนลงโทษอยู่ดี. เรียวโตะโกรธและลุกขึ้นสู้กับโทมัส เช่นเดียวกับริโอะและริวเซย์ที่รับไม่ได้กับเจ้าพวกนิสัยเสียอย่างโทมัสและเทนซัน. ทุกคนร่วมมือกันช่วยเรียวโตะต่อสู้จนทำให้เทนซันกับโทมัสถอยกลับไปได้สำเร็จ.

แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแกรนซัน , ชูว์ ชิราคาว่า ปรากฏตัวขึ้น. เขาบอกว่าตอนนี้ฉันสนใจฮางาเนะก็เลยแวะมาเยี่ยมก่อนที่จะทำลายซะให้สิ้นทราก. แน่นอนว่ามาซาคิรี่เข้ามาหาชูว์ด้วยความแค้นในอดีตเช่นเคย. อย่างไรก็ตาม ไดเท็ตสึสั่งให้ถอนกำลัง สร้างความสงสัยให้เท็ตสึยะที่คิดว่าไดเท็ตสึน่าจะอยากล้างแค้นให้เรือชิโรงาเนะที่ถูกแกรนซันทำลายไปที่ขั้วโลกใต้. ไดเท็ตสึตอบว่า หน้าที่หลักของเราในเวลานี้คือไปที่DCเพื่อปราบบิอัน โซลดาร์ค, ถ้าหากแกรนซันคิดจะทำลายฮางาเนะจริงๆ คงไม่มัวพูดเสียเวลาแบบนี้ แต่คงยิงถล่มแบบชิโรงาเนะไปนานแล้ว.
ในการรบครั้งนี้ ริวเซย์บอกว่าคราวนี้เขาไม่กลัวแกรนซันอีกต่อไปแล้ว. ส่วนชูว์ยังคงหยอกมาซาคิตามเคย ก่อนจะถามอินแกรมว่าดูท่าทางอินแกรมจะรู้เรื่องของวิทยาการEOTดีเหลือเกิน รู้มากกว่าบิอันหรือแม้แต่ตัวชูว์เองซะอีก แต่อินแกรมก็ไม่ตอบอะไร.
(Note - ถึงต้องหนีตามเนื้อเรื่อง แต่เราสามารถจัดการแกรนซันก็ได้นะ)
หลังจากนั้น ไดเท็ตสึสั่งเร่งเครื่องเต็มที่ เพื่อไปยังเป้าหมายให้เร็วที่สุด. ส่วนเรียวโตะตัดสินใจว่าจะไม่กลับDCและพร้อมจะสู้ร่วมกับเพื่อนๆทุกคน.

ฉากที่17
[Note - ก่อนจะเข้าฉากนี้ให้ย้ายวิลด์รับเตอร์ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ริวเซย์ขับก่อน]
ผลการวิจัยวิทยาการของDCก็เป็นไปด้วยดี ร็อบสามารถประดิษฐ์เทสล่าไดรฟ์ที่ทำให้PTสามารถบินได้เหมือนกับAMของDCได้สำเร็จ.
ริวเซย์ขอร้องร็อบ เรื่องR-1 เนื่องจากในการรบที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่า พวกเขาต้องการกำลังรบเพิ่ม. แต่ร็อบปฏิเสธไปพร้อมเตือนว่า ถ้าริวเซย์ใช้ระบบT-Linkในสภาพนี้ละก็ ริวเซย์จะตายซะเอง. อินแกรมพิจารณาแล้วอนุญาตให้ริวเซย์ลองทำตามใจชอบ เพื่อที่จะกระตุ้นให้ริวเซย์เพิ่มความสามารถของตัวเอง.

ศัตรูที่รอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าก็คือ กองกำลังพิเศษ ลาสต์ แบตเตอเรี่ยนของเอลแซมนั่นเอง. ไดเท็ตสึสั่งให้เดินทัพมุ่งหน้าฝ่าวงล้อมไปให้เร็วที่สุด.
ระหว่างการต่อสู้ไรได้เผชิญหน้ากับพี่ชายของตัวเองอีกครั้ง และสาเหตุแห่งความขัดแย้งก็ได้เผยออกมา, หลายปีก่อนในตอนที่ผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาในโคโลนี่นั้น เอลแซมมีเหตุจำเป็นต้องฆ่าภรรยาตัวเองเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อโคโลนี่ , ไรไม่สามารถทำใจยอมรับความเลือดเย็นที่ฆ่าได้แม้แต่คนที่ตนเองรักจึงถอนตัวออกมา.เอลแซมโกรธจนเสียความเยือกเย็นไปเล็กน้อยเมื่อถูกสะกิดแผลเก่า.
เมื่อฮางาเนะเข้าใกล้เส้นเขตแดนที่เป็นเป้าหมายโดยมีหน่วยรบของตัวเองคอยสกัดลาสต์ แบตเตอเรี่ยนนั้น. เทมเปสต์ที่ดักรออยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับแสดงความตั้งใจที่จะแก้แค้นให้กับภรรยาและลูกซึ่งเสียชีวิตไปเพราะการรบกับผู้ก่อการร้าย สหพันธ์ต้องรับผิดชอบ. พร้อมกับโจมตีใส่ฮางาเนะจนเสียหายหนัก.
ในช่วงเวลาที่คับขันนั้นเอง ริวเซย์ก็สามารถเดินเครื่องR-1ได้สำเร็จพร้อมออกมาขวางการโจมตีของเทมเปสต์ พร้อมโต้ตอบกลับด้วยความรู้สึกที่ต้องต่อสู้เพื่อปกป้อง ไม่ใช่เพื่อความแค้นจนกระทั่งฮางาเนะสามารถข้ามเส้นเขตแดนได้สำเร็จ. เอลแซมถอนตัวไปพร้อมบอกว่าเจอกันใหม่ที่เกาะDC ที่ซึ่งการต่อสู้ครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้น.

ฉากที่18
ในที่สุดฮางาเนะก็มาถึงเกาะDCจนได้. แผนการจู่โจมที่วางไว้ก็คือ นำเรือฮางาเนะเข้าไปให้ใกล้เป้าหมายที่สุดแล้วใช้อาวุธลับที่ร้ายกาจที่สุด,โทรเนี่ยมบัสเตอร์แคนน่อน,เข้าทำลายศูนย์บัญชาการDC โดยหวังว่าจะสามารถสังหารบิอันได้ก่อนตั้งตัว.
ร็อบอธิบายเกี่ยวกับแร่โทรเนี่ยมว่า เป็นโลหะที่สกัดมาจากเมเทโอ3ซึ่งมาจากนอกโลก ตกลงมาที่เกาะซึ่งปัจจุบันก็คือเกาะDCนี่เอง. พร้อมเตือนว่า ถึงแม้ว่าแร่โทรเนี่ยมจะสร้างพลังได้อย่างมหาศาล แต่มันก็ไม่เสถียร ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด มันจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ฮางาเนะเอง.
ริวเซย์สงสัยว่าทำไมบิอันถึงไม่ครอบครองโทรเนี่ยมที่ทรงพลังขนาดนั้นไว้ในมือตัวเองล่ะ?. ร็อบอธิบายเพิ่มเติมว่า มีแร่โทรเนี่ยม6ส่วนที่สกัดออกมาได้, บิอันเก็บไว้แค่ส่วนเดียวและที่เหลือ5ส่วนถูกส่งมาให้สหพันธ์. ร็อบเองก็สงสัยเช่นกันว่าทำไมบิอันที่คิดจะทำสงครามกับสหพันธ์ถึงไม่เก็บไว้เองทั้งหมด.

เมื่อทั้งหมดเข้าสู่บริเวณเกาะDCแล้ว ก็ทำตามแผนการที่วางไว้
แอดเลอร์เตรียมกำลังรบเต็มพิกัดพร้อมอาวุธลับ. เทนซันท่าทางตื่นเต้นมากกับฉากสุดท้ายในเกมของเขา(แต่ไม่ใช่ฉากสุดท้ายของคนเล่นเกมนี้หรอกน่า). โทมัสสงสัยว่าทำไมแกรนซันของวาลซิออนถึงไม่ออกมารบด้วย. และเอลแซมก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงด้วยเรือรบระดับชั้นเดียวกับฮางาเนะ, ชื่อของมันคือคุโรงาเนะ.
ทุกคนพยายามต้านกำลังข้าศึกเพื่อป้องกันเรือรบของพวกเขาเต็มที่ จนกระทั่งฮางาเนะเข้าถึงพิกัดที่ตั้งไว้ก็ลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อทำการยิงปืนใหญ่โทรเนี่ยมทันที. แต่ถูกขัดขวางโดยเอลแซมที่เสี่ยงตายขับคุโรงาเนะเข้าปะทะกับด้านหน้าของฮางาเนะจนเสียหายหนัก แผนการใช้ปืนใหญ่โทรเนี่ยมถูกทำลาย มิหนำซ้ำ ความเสียหายจากการปะทะยังทำให้ฮางาเนะไม่สามารถลอยตัวขึ้นได้ ไดเท็ตสึจึงสั่งให้PTทุกตัวบุกเข้าไปในศูนย์บัญชาการของDCแล้วทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่จัดการกับบิอันให้ได้ในระหว่างที่พวกเขาพยายามตรึงกำลังไว้ ณ ที่นี้.
[Note - แน่นอนว่าสามารถเก็บกวาดพวกศัตรูทุกตัวให้หมดฉากก่อนก็ได้นะครับ]

ฉากที่19
บิอันออกคำสั่งให้ทุกคนในหน่วยลาสต์ แบตเตอเรี่ยนสละฐานให้หมด, เพราะวาลซิออนกับแกรนซันจะออกปฏิบัติการเอง.
เมื่อเผชิญหน้ากัน ทุกคนในทีมฮางาเนะต่างมีคำถามต่อบิอัน, ทำไมถึงไม่ร่วมมือกับพวกเขาหากเป้าหมายของบิอันคือการปกป้องโลกจากแอโรเกเตอร์. ส่วนมาซาคิตะโกนบอกชูว์ว่าจะไม่ยกโทษให้กับสิ่งที่ทำลงไปที่ขั้วโลกใต้โดยเด็ดขาด. แต่ชูว์กลับตอบว่าเขา"ช่วย"ปกป้องโลกนี้ไว้ต่างหาก.
บิอันเปิดเผยความจริงของการเจรจาสันติภาพในครั้งนั้นว่า เป้าหมายจริงๆของการเจรจาก็คือ การขอยอมแพ้และยกโลกให้แอโรเกเตอร์เข้าครอบครอง, เขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกเอาไว้. บิอันพยายามมาหลายปีเพื่อให้สหพันธ์วางโครงการที่จะต่อต้านแอโรเกเตอร์, แต่ไม่เป็นผล, DCจึงกำเนิดขึ้นเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งพอที่จะพิชิตแอโรเกเตอร์ได้. สาเหตุที่แร่โทรเนี่ยมอยู่ในกำมือของสหพันธ์นั้นก็เพราะบิอันทิ้งไว้ให้ระหว่างที่คิดสร้างอาวุธต่อต้านแอโรเกเตอร์เช่นAMและPT. อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำลงไป ทุกชีวิตที่ต้องเสียไปก็ไม่อาจยกโทษให้ได้ ทีมฮางาเนะจึงตัดสินใจจัดการกับบิอันซะ.
การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบาก แม้ว่าแกรนซันจะไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวด้วยก็ตาม. บิอันชมเรียวโตะว่าตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกแล้ว เรียวโตะรู้สึกประหลาดใจที่บิอันจำเขาได้แม้ว่าจะเป็นแค่ทหารชั้นปลายแถวก็ตาม. ส่วนมาซาคิกับริวเซย์โดนตำหนิเรื่องที่อ่อนต่อโลกจนไม่อาจเข้าใจวัตถุประสงค์ในการก่อสงครามได้.
(Note - ใช้เอเนอจี้เทคเกอร์ยิงใส่เพื่อตัดEnก่อน ไม่ให้เปิดบาเรียได้ จากนั้นรุมยิงอย่าให้ฟื้นพลังทัน)
ด้วยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน วาลซิออนที่แสนร้ายกาจก็ถูกพิชิตลงได้ และแล้วทุกคนก็เข้าใจสาเหตุที่บิอันไม่ทำลายพวกเขาทิ้ง ก็เพื่อฝึกฝนทุกคนให้เติบโตกลายเป็นหน่วยรบที่สามารถรับมือแอโรเกเตอร์ได้ นี่คือสิ่งที่ที่บิอันและไมเยอร์(พ่อของไร)หวังมาตลอด. สงครามแม้จะนำมาซึ่งความสูญเสียแต่ก็ก่อให้เกิดความแข็งแกร่ง และการพัฒนาของอารยธรรม. คำสั่งเสียสุดท้ายที่บิอันไว้ก็คือ คำขอโทษต่อริวเน่ ลูกสาวของเขาที่ไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อที่ดีให้ได้เลย. มาซาคิรับฝากข้อความนี้ก่อนที่วาลซิออนจะระเบิดไปพร้อมกับชีวิตที่สิ้นสุดของวีรบุรุษผู้ยอมเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อปกป้องโลกผู้นี้เอง...

ทางด้านนอกศูนย์บัญชาการ แรงระเบิดที่รุนแรงแจ้งให้ทุกคนได้ทราบถึงการจากไปของผู้นำของDC. แอดเลอร์กลับถือโอกาสนี้ยกตัวเองขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดแทน และสั่งให้กองกำลังDCที่เหลือเชื่อฟังตนเอง. แต่เอลแซมกลับออกคำสั่งให้สมาชิกทุกคนในหน่วยถอนกำลังไปซะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลงแล้ว...
เมื่อปราศจากฐานที่มั่นหลักและผู้นำที่เคารพ DCที่อยู่ตามส่วนต่างๆของโลกก็แตกทัพกระจัดกระจายออกไป.กองกำลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเหล่าทวยเทพก็ถึงกาลอวสานไปด้วยประการนี้เอง.

ฉากที่20
หน่วยฮางาเนะยังคงอยู่บนเกาะของDCต่อเพื่อซ่อมแซมฮางาเนะ. มาซาคิบอกลาทุกคนเพื่อตามหาชูว์ที่หายไปหลังการตายของบิอัน เขาจะไล่ตามชูว์จนกว่าชูว์จะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปได้. เท็ตสึยะบอกว่า พวกเขาจะเก็บข้อมูลของไซบัสเตอร์ไว้ เพื่อให้เรดาร์ทุกตัวระบุมาซาคิเป็นพวกเดียวกัน เมื่อได้พบกันใหม่ซักวัน.
ส่วนไดเท็ตสึเปิดสาเกโบราณที่แอบเก็บไว้เพื่อฉลองชัยชนะ และคะยั้นคะยอให้เท็ตสึยะดื่มด้วยกัน เท็ตสึยะปฏิเสธแต่ก็ต้องจิบเล็กน้อยอย่างเสียไม่ได้.
ทางด้านนอก การ์เน็ตกับเจียร์ด้าออกมาชมจันทร์กันอย่างโรแมนติคพลางมองไปทางเมเทโอ3ที่ยังกองอยู่บนเกาะ. และพบกับแอโรเกเตอร์ที่บุกมาก่อนจะรีบกลับไปเตือนภัยทุกคนทันที.
เอย์ตะตามหาผู้บัญชาการทั้งสองของเขาอย่างจ้าละหวั่นจนพบกับไดเท็ตสึและเท็ตสึยะที่ เอ่อ...หมดสภาพ.(เมาไม่ขับ ไหนว่าแค่จิบนิดๆหน่อยๆไง)
เอย์ตะเลยต้องสั่งการแทนท่ามกลางความสงสัยของทุกคนว่าทำไมผบ.ถึงไม่มาสั่งการเอง. เอย์ตะตอบได้แค่ว่า เรื่องมันยาวน่ะครับ.
ลูกทีมทุกคนเข้าสู้กับแอโรเกเตอร์ จนกระทั่งมีกำลังมาเสริมอีกกลุ่มหนึ่ง ทันใดนั้น ไซบัสเตอร์ก็บินกลับมาจากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกลเพื่อช่วยทุกคนก่อนจะจากไปดุจสายลม.
ทุกคนลาส่งมาซาคิด้วยความชื่นชมก่อนจะกลับไปยังฮางาเนะที่ตอนนี้พร้อมจะเดินทางไปจากเกาะแห่งนี้ ทิ้งไว้เพียงความทรงจำของการต่อสู้ที่ทุกคนไม่มีวันลืม.

ฉากที่21
หนึ่งเดือนผ่านไปภายหลังจากการต่อสู้แตกหักกับบิอัน. ฮางาเนะได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ในการติดตามกองกำลังที่แตกทัพของDCที่ยังคงก่อความไม่สงบตามส่วนต่างๆของโลก.
ระหว่างที่เรียวโตะกับริวเซย์จับคู่ลาดตระเวณด้วยกัน เรียวโตะถามริวเซย์เรื่องที่ถูกเลือกเพราะได้เป็นแชมป์ของเกมเบิร์นนิ่งPT และสงสัยว่าทำไมเขากับเทนซันถึงถูกเลือกโดยDCแทนที่จะเป็นสหพันธ์แบบริวเซย์ล่ะ? เป็นไปได้มั้ยว่าจะมีสายลับในสหพันธ์ที่แอบส่งข้อมูลการทดสอบไปให้DCได้. เมื่อกลับมาถึงฮางาเนะ พวกเขาได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากประเทศเล็กๆที่ถูกDCรุกราน.
หน่วยรุกรานนำโดยเทมเปสต์ ต้องการเข้ายึดครองประเทศแห่งนี้เพื่อใช้เป็นฐานกำลังในการฟื้นฟูDCขึ้นมาใหม่ และให้เจ้าหญิงไชน์,รัชทายาทของประเทศนี้เป็นตัวประกัน. ทว่าเจ้าหญิงไชน์กลับไม่เกรงกลัวเทมเปสต์เลยแม้แต่น้อย แถมยังรู้ดีว่าเป้าหมายที่แท้จริงของDCนั้นมีมากกว่านั้น...
ฮางาเนะมาถึงและให้ลูกทีมออกปฏิบัติการป้องกันพระราชวัง. เทนซันปรากฏตัวออกมาพร้อมกับบอกว่าจะคอนตินิวต่อจากที่เกมโอเวอร์ไปคราวก่อน. ส่วนเทมเปสต์ยังคงประกาศล้างแค้นตามเดิม.(นี่พวกนายไม่รู้จักเบื่อบ้างเลยหรือไงเนี่ย?)
ทุกคนเข้าป้องกันพระราชวังอย่างสุดกำลังและสามารถขับไล่กองกำลังDCไปสำเร็จ. หลังการต่อสู้ทุกคนเข้าพบเจ้าหญิงไชน์ และได้รู้ความจริงว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการรุกรานก็คือพลังพิเศษทางจิตของเจ้าหญิงไชน์ต่างหาก.
ที่สถาบันวิจัย"Earth Cradle" แอดเลอร์คุยกับอิเกร็ทเรื่องการขอความร่วมมือในการฟื้นฟูอำนาจของตน แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเมกัสซิสเต็มและแมชชีนเซลล์ที่ทำการวิจัยอยู่ยังไม่สมบูรณ์ต้องใช้เวลาอีก1ปี.แอดเลอร์จึงหวังว่าจะได้ตัวเจ้าหญิงไชน์มาเพื่อให้ระบบKeimซิสเต็มสมบูรณ์เสียก่อน.
ทางด้านฮางาเนะ ตัดสินใจพาตัวเจ้าหญิงไปที่ฐานที่มั่นของสหพันธ์เพื่อความปลอดภัย. ขณะที่เจ้าหญิงเดินเที่ยวรอบๆยานฮางาเนะก็ได้พบกับไร ไรกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดกับพ่อ(ในสายเคียวสุเกะ ไมเยอร์เสียชีวิตระหว่างการต่อสู้กับATXเช่นเดียวกับบิอัน) เมื่อไรแนะนำตัวกับเจ้าหญิง เธอทักเรื่องนามสกุลของไร แต่ไรตอบกลับว่าตัวผมก็คือตัวผมไม่เกี่ยวกัน สร้างความประทับใจให้เจ้าหญิงจนเรียกไรว่า ท่านไรดี้ซามะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา(อ่า ไร นายคงไม่ใช่โลลิค่อนหรอก...ใช่ม้า)

และผู้ที่ได้รับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดก็คือลาทูนี่ โดยมีข้อแม้ว่าลาทูนี่ต้องถอดแว่นตาและสวมชุดให้เข้ากับเหมาะสมกับเธอ. แน่นอนว่าเป็นชุดที่การ์เน็ตเลือกให้อีกแล้ว.

ฉากที่22
วันนี้เป็นวันหยุด ลูกทีมหลายคนถือโอกาสไปพักผ่อน เจียร์ด้ากับการ์เน็ตไปเที่ยวในเมือง เช่นเดียวกับลาทูนี่ที่ต้องคอยอารักขาเจ้าหญิง...ด้วยชุดฟูฟ่องแบบตุ๊กตาอีกครั้ง.
ส่วนริวเซย์ถามอินแกรมเรื่องขออนุญาตให้คุสุฮะออกจากตำแหน่งหลังจากที่จบสงครามDCแล้ว แต่อินแกรมยังคงปฏิเสธโดยบอกว่าริวเซย์ไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล. จนริวเซย์ย้อนถามว่าเหมือนกับที่ปิดบังเรื่องระบบT-Linkที่อินแกรมคิดว่าริวเซย์ไม่จำเป็นต้องรู้รึเปล่า?. หลังจากที่ริวเซย์กลับไปแล้ว อินแกรมนึกในใจว่าริวเซย์เริ่มสงสัยแล้ว. ก่อนจะไปพบคุสุฮะที่ถูกสั่งให้แอบฝึกเบิร์นนิ่งPTอย่างลับๆ.

ที่ค่ายทหาร โจนาธานกับร็อบตรวจทานกรุนกัสต์นิชิคิ(Type-2)และR-2ให้พร้อมใช้งานได้จริง. ส่วนอายะกลับไปที่ห้องแล็บของพ่อเพื่อทดสอบระบบT-LinkสำหรับR-3. ริวเซย์กับไรได้รับคำสั่งให้ออกซ้อมรบพร้อมกับนิชิคิซึ่งริวเซย์ตกใจมากที่พบว่านักบินของนิชิคิก็คือ คุสุฮะนั่นเอง!
ริวเซย์โมโหมาก บอกให้คุสุฮะหยุดซะ มิฉะนั้นคุสุฮะจะต้องออกรบและอาจฆ่าคนตายได้, แต่คุสุฮะกลับตอบว่าเธอตัดสินใจด้วยตัวเอง.
ในเวลานั้นเองเครื่องจักรสีแดงที่ไม่มีใครรู้จักก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมจู่โจมR-1แบบลองเชิง. เขาแนะนำตัวเองคือ เคียวสุเกะ นันบุจากยานรบฮิริวไค ส่วนหุ่นที่ขับอยู่คือเกสเพนสท์มาร์ค3 "อัลไทเซน" .
ตามด้วยเครื่องจักรสีขาวที่บินตามมาติดๆนั่นคือเกสเพนสท์มาร์ค2รุ่นดัดแปลง "ไวส์ริตเตอร์" (Weiz Writter) ส่วนผู้ขับก็คือเอ็กเซลเลน บราวนิ่งซึ่งมีนิสัยชอบพูดติดตลกอยู่เรื่อย เธอหยอกไรว่าวันนี้คู่เดทของไรคือเธอเอง แล้วจึงจับคู่สู้กับR-2.
สุดท้ายก็คือบรู๊คลิน แร็คฟิลด์ ฉายาบูลิทท์(Bullet=ลูกกระสุน)ผู้ขับฮิวเคไบน์มาร์ค2ซึ่งได้รับคำสั่งให้สู้กับนิชิคิ.
อย่างไรก็ตามคุสุฮะไม่สามารถโต้ตอบบูลิทท์ได้ เนื่องจากเธอไม่ต้องการทำร้ายคนที่ไม่ใช่ศัตรู. อินแกรมบอกว่าถ้าไม่ทำเธอจะถูกฆ่าเอง แล้วจึงสั่งให้บูลิทท์โจมตีต่อ ถึงจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างฝึกซ้อมบ้างก็ไม่เป็นไร. บูลิทท์หยุดมองคุสุฮะอีกครั้งหนึ่งก่อนจะดับเครื่องของฮิวเคไบน์โดยอ้างว่ามอเตอร์ชำรุดต้องหยุดทำงาน.

ส่วนมวยอีกคู่ก็กำลังดุเดือด หลังจากแลกหมัดและกระสุนกันไปจนน่วมทั้งคู่. ริวเซย์ทึ่งในความอึดของอัลไทเซน ส่วนเคียวสุเกะก็ชื่นชมความคล่องตัวที่สูงมากของR-1. ทั้งคู่ตัดสินใจจบการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยไม้เด็ดของตัวเอง. T-Link KnuckleของR-1พุ่งเข้าใส่อัลไทเซนอย่างแรง ส่วนอัลไทเซนสวนกลับมาด้วยกระบวนท่า"คิริฟุดะ"(ไพ่ตาย)จนน็อคทั้งคู่ การฝึกซ้อมรบจบลงแล้ว. สมาชิกของทั้งสองทีม SRXและATXแนะนำตัวกัน ริวเซย์นึกออกแล้วว่าเคียวสุเกะก็คือคนที่ทำวิลด์รับเตอร์พังไปนั่นเอง. หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ร่วมมือกันต่อต้านการรุกรานของแอโรเกเตอร์ที่ใกล้จะมาถึง...หรืออาจจะมาถึงแล้วก็ได้
[Note - เมื่อเจียร์ด้ากับการ์เน็ตกลับมา จะเล่าให้ฟังว่าได้เจอกับโรอาและเอมี่ ซึ่งเคยเป็นตัวละครOriginalในเกมรวมฮีโร่เกมอื่นๆของBanprestoด้วย]

ฉากที่23
ดวงดาวสีขาวที่ไม่ทราบที่มา ได้โคจรเข้าใกล้ชั้นบรรยากาศของโลกทุกทีๆ. ยานฮิริวไคซึ่งประจำอยู่ในอวกาศจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำการตรวจสอบโดยด่วน. แม้ว่าในเวลานี้จะมีสมาชิกเหลือเพียง กัปตันเลฟีน่า รองกัปตันจอห์น แคทีน่า รัซเซล ทาสึคุ และลัดดา กับกำลังรบเล็กน้อยเท่านั้น.
[Note - ที่จริงแล้วชื่อของลัดดาสะกดว่า Radha ซึ่งควรออกเสียงว่า ราธาหรือราดาห์ แต่ในบทแปลนี้ขอเรียกตามความเคยชินของผมนะครับ]
เมื่อยานฮิริวไคเข้าใกล้ดาวสีขาว ก็พบกับกองลาดตระเวณของแอโรเกเตอร์เป็นฝูง และยังคงเพิ่มจำนวนตามมาเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ แคทีน่ายังเกิดอาการน็อตหลุดลุยเดี่ยวโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของคนอื่นเลย (แถมยังสั่งให้คนอื่นคอยคุ้มกันตัวเองให้อีกตะหาก เอากะเจ๊สิ).
ขณะที่แอโรเกเตอร์มีกองหนุนมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จักรกลสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏตัวขึ้น แกรนซันของชูว์นั่นเอง?!? ชูว์เสนอตัวเข้าช่วยเหลือยานฮิริวไค ในสถานการณ์แบบนี้ฮิริวไคไม่อาจปฏิเสธความช่วยเหลือได้ แม้จะระแวงชูว์ที่เคยก่อความพินาศที่ขั้วโลกใต้ก็ตาม. และผู้ที่ตามมาภายหลังก็คือ ไซบัสเตอร์ มาซาคินั่นเอง. มาซาคิทะเลาะกับชูว์อีกครั้ง แต่ชูว์กลับบอกมาซาคิให้ดูสถานการณ์ดีๆ สิ่งที่ควรทำในเวลานี้คือช่วยกันจัดการแอโรเกเตอร์ต่างหาก มาซาคิยังคงโมโหเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจความจำเป็นจึงยอมร่วมมือกับแกรนซันช่วยจัดการกับกองทัพแอโรเกเตอร์จนหมด.

เลฟีน่าสั่งถอนกำลังโดยเด็ดขาดขนาดแคทีน่ายังต้องยอมถอย. ชูว์บอกมาซาคิก่อนจะแยกกันว่าให้ร่วมมือกับฮิริวไค ส่วนตัวเขาจะขอวางมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆทั้งสิ้นซักระยะหนึ่ง.
เลฟีน่าขอแรงให้มาซาคิให้ช่วยร่วมมือกับฮิริวไคในระหว่างที่จะไปสมทบกับฮางาเนะ. มาซาคิยินดีอย่างยิ่งที่จะได้พบกับฮางาเนะอีกครั้งหลังจากที่ผ่านมาครึ่งปี...

ฉากที่24
ณ จุดนัดพบของฮางาเนะและฮิริวไค. ทุกคนแปลกใจที่พบมาซาคิรออยู่พร้อมกับฮิริวไค. หลังการทักทายไม่นาน ก็ตรวจพบสัญญาณเครื่องจักรของDCเข้าใกล้ด้วยความเร็วสูง เมื่อเข้าสู่ระยะที่สามารถมองเห็นได้ ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อพบกับหุ่นยนต์ที่ดูเหมือนตัวการ์ตูนผู้หญิงมากๆ ผู้ที่ขับมาแนะนำตัวเองว่านี่คือ วาลซิโอเน่ ส่วนเธอคือ ริวเน่ โซลดาร์ค ลูกสาวของบิอัน โซลดาร์คผู้ก่อสงครามDCนั่นเอง??? ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะไม่ค่อยเป็นพ่อที่ดีซักเท่าไหร่ แต่ริวเน่ก็ต้องการจะล้างแค้นให้ได้.
มาซาคิถามว่าริวเน่เป็นพวกของDCหรือเปล่า? ริวเน่ปฏิเสธไปเพราะDCในเวลานี้ไม่ใช่DCที่พ่อของเธอตั้งใจสร้างขึ้นมา, มาซาคิชี้ไปข้างหลังริวเน่พร้อมถามว่างั้นพวกที่ตามเธอมามันคือใครกันล่ะ.
กองกำลังโคโลนี่ที่เคยร่วมกับDC(โดยความตั้งใจของไมเยอร์ พ่อของไร)ปรากฏตัวขึ้น. โดยมีซีเบลเป็นผู้นำกองยานรบ และมีเลโอน่าอยู่ในกองรบนี้ด้วย. ริวเน่ด่ากลับไปว่าDCในตอนนี้มันต่ำช้าที่สุด DCที่พ่อสร้างขึ้นมาจะไม่มีวันใช้วิธีสกปรกโดยการใช้แก๊ซพิษสังหารคนในโคโลนี่โดยเด็ดขาด เธอจะจัดการกับDCที่แปดเปื้อนนี้เอง.
เมื่อเลโอน่าได้ฟังคำของริวเน่ก็รู้สึกเจ็บใจ เพราะเธอเองก็ยอมรับสิ่งที่กำลังทำอยู่ไม่ได้เช่นกัน เลโอน่าบุกเดี่ยวเข้ามาพร้อมตะโกนว่านี่จะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายซะที!
ทาสึคุรู้สึกได้ว่า เลโอน่าคิดจะฆ่าตัวตายในสนามรบ จึงคิดที่จะช่วยเลโอน่าเพราะรู้ว่า เลโอน่าเองก็ไม่ต้องการจะสู้เพื่อDCในตอนนี้เช่นกัน.
[Note - ถ้าให้ไรหรือทาสึคุเป็นคนทำลายกาลิออนของเลโอน่า จะได้กาลิออน(Guarlion)มาใช้เมื่อจบฉาก]
และทั้งสองทีมก็ได้ร่วมมือกันรบเป็นครั้งแรก ผลคือประสพความสำเร็จอย่างงดงาม ซีเบลต้องถอยหนีไปอย่างหมดรูป.

เมื่อไม่มีคนมาขวางแล้ว ริวเน่ก็กลับมาท้าสู้กับพวกมาซาคิต่อ มาซาคิบอกริวเน่ว่า บิอันยอมอุทิศชีวิตของตัวเอง เพื่อฝึกฝนพวกเขาให้เป็นกองกำลังพิทักษ์โลกนี้ และพิชิตริวเน่ลงอย่างง่ายดาย. ริวเน่สารภาพความจริงว่า เธอไม่คิดว่าเอาชนะหน่วยรบที่สามารถปราบพ่อได้อยู่แล้ว แค่อยากจะทดสอบฝีมือนิดหน่อยเท่านั้นหละว่าเธอควรจะขอร่วมมือด้วยเพื่อพิทักษ์โลกนี้อีกแรงหรือเปล่า.

ภายหลังการต่อสู้ เคียวสุเกะขอดูวิลด์รับเตอร์อีกครั้ง แม้อิรุมจะปลอบใจว่าไม่ใช่ความผิดของเคียวสุเกะเลยก็ตาม แต่เคียวสุเกะก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี.
ส่วนเลโอน่าได้เมื่อสติแล้วจึงถามทาสึคุว่าทำไมถึงไม่ฆ่าเธอซะ. ทาสึคุตอบว่าเขาแค่ทำลายหุ่นเฉยๆ ที่เลโอน่ารอดมาได้ก็เพราะดวงแข็งต่างหาก ดังนั้นเลโอน่าไม่ควรทิ้งขว้างชีวิตของตัวเองที่อุตส่าห์รอดมาได้อีกนะ. เลฟีน่าถือนี้โอกาสชวนเลโอน่าเข้าร่วมกองกำลังซึ่งไมเยอร์และบิอันฝากฝังความหวังเอาไว้ เลโอน่าจึงใช้โอกาสที่สองของชีวิตเลือกที่จะต่อสู้เคียงข้างทุกคน บนเส้นทางที่บิอันและไมเยอร์ต้องการ.
จากนั้นไรได้คุยกับเลโอน่าอีกครั้งหลังจากที่ห่างเหินกันไปนาน ไรยังคงไม่ยกโทษให้กับเรื่องที่เอลแซมทำลงไป แต่เลโอน่าถามไรว่าเคยเข้าใจความรู้สึกของเอลแซมบ้างไหม? ความจำเป็นที่ต้องเสียสละคนที่ตัวเองรักที่สุดเพื่อปกป้องชีวิตของคนอื่นอีกนับไม่ถ้วน...

...ในตอนนั้น มีผู้ก่อการร้ายบุกเข้ายึดท่าเรือในโคโลนี่เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ ภรรยาของเอลแซมถูกจับเป็นตัวประกัน ในเวลานั้นเอลแซมตัดสินใจทำลายท่าเรือไปพร้อมกันเพื่อไม่ให้ความเสียหายแผ่กว้างออกไป...

...ถึงแม้ว่าเอลแซมจะไม่แสดงออก แต่เลโอน่ารู้ดีว่าเอลแซมนั้นเก็บงำความโศกเศร้า เป็นบาดแผลลึกไว้ในใจตลอดมา. เธอจะไม่ให้อภัยไรที่ไม่เคยรับรู้ความเจ็บปวดของพี่ชายและไม่ยอมให้อภัยด้วยความโกรธเลย.
ไรจึงได้คิด ในช่วงเวลาของสงครามDC ไรคิดจะอยู่เหนือพ่อและพี่ชายให้ได้ แต่หลังจากได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเป้าหมายของพ่อและบิอันในการก่อตั้งDCแล้ว เขาถึงรู้ว่าเข้าใจความมุ่งมั่นของพ่อกับพี่ผิดไป.

ฉากที่25
เลวี่ โทเลอร์ ผู้นำแห่งแอโรเกเตอร์ ออกอากาศไปทั่วโลก พร้อมแจ้งความประสงค์ที่จะยึดครองโลก โดยให้เวลาชาวโลก30วันสำหรับรอคำตอบ. สร้างความตึงเครียดกับเหล่าผู้มีอำนาจทางการเมืองทั่วโลก จนต้องจัดประชุมครั้งใหญ่เพื่อตัดสินใจแผนการรับวิกฤติระดับโลก ไม่สิ ระดับจักรวาลครั้งนี้.
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีของโลกออกคำสั่งให้กองกำลังทหารหลีกเลี่ยงการปะทะกับแอโรเกเตอร์อย่างถึงที่สุด. จึงมีคำสั่งให้ฮางาเนะและฮิริวไคห้ามต่อสู้กับแอโรเกเตอร์โดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องขึ้นศาลทหารโทษฐานขัดคำสั่ง. ทั้งฮางาเนะและฮิริวไคจะต้องกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อทำการป้องกันตลอด30วันอันตรายนี้.
ในระหว่างที่เตรียมพร้อม แคทีน่าขอเข้าพบอินแกรมเพื่อขออนุญาตเป็นนักบินประจำของR-Gun อินแกรมตอบเพียงว่าจะรับไว้พิจารณา. เวลาต่อมาอินแกรมจึงคุยกับลัดดาเกี่ยวกับR-Gunว่า ถึงจะเป็นของที่เขาสร้างก็ไม่จำเป็นต้องเป็นของเขาคนเดียว. ลัดดาจึงชวนอินแกรมเล่นโยคะเพื่อผ่อนคลายความเครียด แต่อินแกรมปฏิเสธไปเพราะเคยได้ยินคำล่ำลือจากทุกคนบนฮิริวไคเกี่ยวกับท่าต่างๆที่ลัดดาเคยทำมาแล้ว. ลัดดาคุยว่าแม้แต่วิเลตต้าก็ยังเคยทำเลย อินแกรมจึงบอกว่าอะไรที่วิเลตต้าทำได้ เขาก็ทำได้ดีกว่า ผลคืออินแกรมเจ็บหนักเพราะดัดตนผิดท่า(กรำ เสียฟอร์มอีกแล้ว)

แต่แล้วฐานทัพก็ถูกจู่โจมจากกองกำลังDC โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนภัยเลย. ความจริงปรากฏเมื่อ ฮันส์ (อดีตผู้บังคับบัญชาของเคียวสุเกะ) ลักพาตัวเจ้าหญิงไชน์หนีออกไป, ที่แท้ไส้ศึกของDCก็คือเขานั่นเอง. ฮันส์บอกลาเหล่าคนโง่ที่ถูกหลอกทุกคนและด้วยของขวัญชิ้นเยี่ยมอย่างเจ้าหญิงไชน์จะทำให้เขาได้รับรางวัลอย่างดีจากแอดเลอร์แน่นอน. ไรโกรธมากจนแทบจะไล่ตามฮันส์ไป ริวเซย์ถึงกับเตือนเลยว่าไม่เหมือนกับไรที่ใจเย็นคนเก่าเลย ทำให้ไรสงบลงไปบ้าง.
ส่วนเคียวสุเกะออกคำสั่งให้ทุกคนป้องกันฐานและขับไล่ข้าศึกไปเสียก่อนบัญชาการอย่างเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ มีแค่เอ็กเซลเลนคนเดียวที่รู้ดีว่า เคียวสุเกะน่ะเป็นที่โกรธจนอยากฆ่าฮันส์ด้วยมือตัวเองที่สุดในเวลานั้นต่างหาก.

หลังจากความวุ่นวายสงบลง อิรุมทราบเป้าหมายของฮันส์ในการขัดขวางแผนพัฒนาวิลด์รับเตอร์แล้ว. เพราะถ้าหากวิลด์รับเตอร์ประสพความสำเร็จและได้รับอนุมัติการผลิตละก็ ความได้เปรียบของAMที่DCมีอยู่จะหมดไป เหตุเพราะAMทุกรุ่นจะมีศักยภาพในการบินสูงกว่าPT. แต่เพราะการแทรกแซงของฮันส์ การทดสอบล้มเหลว ความรับผิดชอบตกอยู่ที่เคียวสุเกะเพียงคนเดียว ทำให้ทางสหพันธ์ล้มโครงการวิลด์รับเตอร์ และต้องใช้กำลังหลักเป็นเกสเพนสต์ที่รบได้เฉพาะบนพื้นดินแทน.
ในขณะเดียวกัน เรียวโตะกับร็อบพยายามค้นข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของวาลซิโอเน่เพื่อหาเบาะแสของฐานที่มั่นที่ฮันส์และDCน่าจะไปหลบซ่อนตัวได้. ด้วยความช่วยเหลือของริวเน่จึงสามารถปลดรหัสได้จากหนังสือที่พ่อและเธอเคยชอบอ่านด้วยกัน.
ข้อมูลที่ถูกปิดไว้เป็นจดหมายที่ทิ้งไว้ให้ริวเน่ เขาขอโทษที่ไม่เคยเป็นพ่อที่ดีของริวเน่ แต่อย่างน้อยข้อมูลนี้น่าจะช่วยเหลือริวเน่ได้ในเวลาลำบาก. ข้อมูลนั่นระบุถึงสถานที่ต่างๆที่บิอันเคยติดต่อระหว่างที่รวบรวมกองกำลังDC มีสถานที่หนึ่งซึ่งถูกเรียกว่าEarth Cradleซึ่งถูกก่อตั้งโดยอิเกรท ซึ่งที่นั่นมีความเป็นไปได้สูงสุดว่าDCต้องใช้ที่นั่นเป็นฐานที่มั่นอย่างแน่นอน.

ฉากที่26
อายะกลับจากห้องวิจัยของพ่อพร้อมกับR-3และท่าทางกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด. เพราะก่อนที่จะกลับมา อายะพบว่าผู้ที่ทดลองระบบT-Linkคนก่อนๆนั้น มียูคิโกะ ดาเตะ แม่ของริวเซย์อยู่ด้วย และบางทีอาการป่วยของยูคิโกะอาจจะมีสาเหตุจากการทดลองก็ได้. อายะพยายามยิ้มเมื่ออยู่ต่อหน้าริวเซย์และไรถึงจะเสแสร้งไปบ้างก็ตาม.
แคทีน่าขออนุญาตปลดล็อคของฮิวเคไบน์008Lมาใช้งาน แต่ถูกปฏิเสธ. แคทีน่าโกรธเพราะคิดว่าตัวเธอดีพอที่จะเป็นนักบินทดสอบสำหรับเครื่องรุ่นต้นแบบแท้ๆ. เลยฝ่าฝืนคำสั่งหนีออกไปเพื่อตามพวกมาซาคิกับริวเน่ที่ออกลาดตระเวณก่อนหน้านี้.
(Note - ในเนื้อเรื่องของเคียวสุเกะ แคทีน่าจะเป็นคู่ปรับกับเคียวสุเกะตลอดเพราะอิจฉาที่เคียวสุเกะได้ขับพวกรุ่นทดลองหรือไม่ก็รุ่นที่มีตัวเดียวในโลกเสมอ เลยเอาเกสเพนสต์ที่รับต่อมือสองจากเคียวสุเกะอีกทีมาทาสีแดงเพื่อให้เป็นเครื่องเดียวในโลกซะเลย)

ทางด้านริวเน่กับมาซาคิ ได้พบกับซีเบลระหว่างลาดตระเวณ. ซีเบลเก็บความเจ็บใจที่โดนแหย่เล่นเมื่อคราวก่อนจึงเน้นการโจมตีใส่ริวเน่. แคทีน่าโผล่มาช่วยริวเน่ได้พอดีโดยมีรัซเซลตามประกบเพื่อคุ้มกันตามเคย.
ทั้งสี่พยายามเอาตัวรอดแบบหืดขึ้นคอกว่ายานบัญชาการจะมาช่วยพร้อมกำลังเสริม. เลโอน่าตะโกนใส่ซีเบลว่าDCที่ปราศจากไมเยอร์และบิอัน ก็ไม่ต่างอะไรกับองค์การร้ายที่ต้องกำจัดออกไป.
แต่ทางซีเบลก็มีกำลังเสริมเช่นกัน กองยานของลิลี่มาสมทบพร้อมกับบุคคลที่พวกเคียวสุเกะลำบากใจที่จะรับมือที่สุด, เซนการ์ โซนโบลต์ อดีตผู้บัญชาการของพวกเขา พร้อมกับกรุนกัสต์เรย์ชิคิ(Type-0).
บูลิทท์ถามเซนการ์ว่าถ้าเป้าหมายของเซนการ์คือต่อสู้กับแอโรเกเตอร์ แล้วทำไมไม่ร่วมมือกันล่ะ? เซนการ์ปฏิเสธแล้วตั้งท่าต่อสู้ บูลิทท์จึงตอบด้วยความโกรธว่าถ้าหากเซนการ์เลือกเส้นทางนี้ เขาก็จะต่อสู้กับเซนการ์เอง!
เคียวสุเกะและบูลิทท์ช่วยกันจนทำให้เรย์ชิคิเสียหายหนัก เซนการ์ถอนตัวไปโดยทิ้งท้ายว่า เขาจะรออยู่ที่เมืองหลวง ซึ่งกองกำลังของDCจะไปรวมพลที่นั่นเพื่อสังหารผู้นำของสมาพันธ์ซะ. ส่วนซีเบลตายในการรบครั้งนี้เอง.

หลังจากที่ทุกคนกลับขึ้นยานแล้ว. รัซเซลตบหน้าแคทีน่า ท่ามกลางความตกใจของแคทีน่า(และเหล่าไทยมุงที่แอบดู) ที่อยู่ดีๆเจ้าหนุ่มผู้มีดีกรีความแหยไม่แพ้เรียวโตะจะกล้าทำถึงขนาดนี้. รัซเซลบอกว่าเขานั้นพร้อมจะคอยอยู่เคียงข้างเพื่อป้องกันแคทีน่าเสมอ ถ้าหากว่าแคทีน่าไม่ฝ่าฝืนคำสั่งและออกรบกับคนอื่นอย่างพร้อมเพรียง เมื่อไรที่แคทีน่าทำอย่างนี้อีกละก็ เขาจะเตือนสติแคทีน่าอีกครั้ง. แคทีน่าเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะขอโทษสำหรับความใจร้อนของเธอ.
ส่วนบูลิทท์ยังคงเสียความรู้สึกเมื่อคิดว่าเซนการ์เลือกเป็นศัตรูกับพวกเขาอีก แต่เอ็กเซลเลนกลับคิดว่าอย่างเซนการ์มีหรือจะเผลอหลุดปากถึงแผนการจู่โจมครั้งต่อไปของตัวเองออกมาให้ข้าศึกรู้.

อีกด้านหนึ่ง ที่Earth Cradle วิศวกรซึ่งทำการซ่อมแซมเรย์ชิคิถามเซนการ์ว่าใครกันนะที่ทำให้เรย์ชิคิเสียหายหนักได้ขนาดนั้น. เซนการ์ตอบด้วยความภูมิใจว่า อดีตลูกทีมของเขาเอง และนึกในใจว่าทุกคนเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว.

ฉากที่27
แอดเลอร์สร้างอาวุธใหม่ที่ร้ายกาจได้สำเร็จและสั่งให้เทมเปสต์นำออกไปใช้งานเพื่อทดสอบ พร้อมกันนั้นก็สั่งให้ฮันส์ไปทำลายเรือรบฮางาเนะและฮิริวไคเพื่อพิสูจน์ตัวเอง.
ทางด้านฮางาเนะและฮิริวไค เมื่อได้ทราบถึงแผนการของDCที่เซนการ์หลุดปากมาแล้ว พวกเขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงทันที. แน่นอนว่าDCได้ทิ้งกำลังดักรอไว้ก่อนแล้ว.
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้เห็น วาลซิออน ที่เคยเป็นของบิอันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเป็นสีน้ำเงิน ขับโดยเทมเปสต์ที่ยังคงประกาศล้างแค้นอีกตามเคย. ริวเน่โกรธมากที่ผลงานสุดรักของพ่อถูกเลียนแบบและออกมาสู่สนามรบพร้อมกับมาซาคิทันที. เทมเปสต์จำจิกันสคูโดของทาสึคุได้ เขาบอกว่าจิกันสคูโดนี่แหละคือต้นเหตุแห่งการสูญเสียเมื่อ16ปีที่แล้ว. ทาสึคุจึงนึกออกว่าเคยได้ยินคนอื่นพูดอดีตที่น่าเศร้าของจิกันสคูโดแต่เขาก็จะขอใช้จิกันสคูโดนี้ต่อไปเพื่อชดเชยอดีตของมันก็แล้วกัน.

เมื่อเทมเปสต์ได้รับความเสียหายได้ระดับหนึ่ง เทมเปสต์ก็บ้าคลั่งและคิดแต่เรื่องล้างแค้นเพียงเรื่องเดียว. ลาทูนี่นึกได้ว่าเธอเคยรู้จักระบบนี้ มันคือKeimซิสเต็ม ระบบที่ทำงานแบบMan-Machine Interface, ซึ่งใช้เชื่อมโยงสมองของมนุษย์ให้รับการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง แต่มันก็ส่งให้ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะของตัวเองได้และคิดแต่เรื่องที่ตั้งใจไว้ในเวลานั้นเพียงอย่างเดียว สำหรับเทมเปสต์นั่นคือการล้างแค้น.

ฮันส์ได้โอกาสโผล่ออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับกองทหารของDCที่ดักรออยู่ก่อนแล้ว. ไดเท็ตสึถามเหตุผลของฮันส์ คำตอบก็คือสหพันธ์โลกนั้นอ่อนแอเกินกว่าจะต่อต้านแอโรเกเตอร์ได้ ต้องDCต่างหาก นับแต่บิอันจากไปและDCเสื่อมอำนาจลง ก็ได้Earth Cradleคอยค้ำจุนกำลังที่หลงเหลืออยู่ โดยมีเป้าหมายในการคัดเลือกมนุษย์ที่มีค่าเพียงพอให้แช่แข็งเก็บไว้เพื่อรอวันที่มนุษย์ต่างดาวจะทิ้งโลกนี้ไป. ฮันส์เองก็ต้องการเป็นผู้ถูกเลือกด้วยเช่นกัน.
เคียวสุเกะใช้โอกาสนี้ชำระเรื่องที่ค้างคาระหว่างเขาและฮันส์ด้วยความโกรธที่เก็บกดมานาน อสูรคลั่งRampage Ghostแผลงฤทธิ์แล้ว. ฮันส์ไม่อยากเชื่อว่าจะต้องตายแบบนี้ จึงได้แต่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนเรือดำน้ำจะระเบิดไป.
ส่วนเทมเปสต์นั้นแม้วาระสุดท้ายก็ยังคงตะโกนล้างแค้นไม่เลิก ลาทูนี่ไว้อาลัยให้กับเขาก่อนตายว่าสงครามของคุณมันจบลงตั้งแต่16ปีก่อนแล้ว ในที่สุดเทมเปสต์ก็จะได้ไปพบกับภรรยาและลูกเสียที.
หลายคนกังวลเกี่ยวกับวาลซิออนไค เพราะเป็นไปได้ว่ายังมีเครื่องอื่นๆเหลืออยู่อีก และเจ้าหญิงไชน์ก็อาจจะถูกใช้เพื่อให้ระบบKeimสมบูรณ์ก็ได้.

ฉากที่28
ด็อกเตอร์โซเฟียแห่งEarth Cradleกังวลเกี่ยวกับการรบขั้นแตกหักของDCและสหพันธ์. ทำไมมนุษย์ต้องรบกันเองในเวลาที่มนุษย์ต่างดาวกำลังคุกคามมนุษยชาติแท้ๆ แม้แต่ที่สถาบันแห่งนี้ก็อาจจะกลายเป็นสนามรบไปด้วยก็ได้. เซนการ์ปลอบใจโซเฟียและรับประกันว่าEarth Cradleจะต้องปลอดภัยแน่นอน.
ส่วนเทนซันก็ได้เป็นนักบินของ"ตัวละครลับที่ใช้สูตรเรียกมา"(วาลซิออนไคน่ะแหละ)ที่น่าจะให้มาตั้งนานแล้ว. ส่วนแอดเลอร์นำวาลซิออนไคเครื่องสุดท้ายไปพร้อมกับเจ้าหญิงไชน์ และบอกกับอิเกรทว่าจะกลับมาในฐานะผู้ครองโลกใบนี้. ลับหลัง อิเกรทก็วางแผนการตัดช่องน้อยแต่พอตัวไว้เรียบร้อย.

ทางด้านฮางาเนะและฮิริวไคก็รีบมุ่งหน้ามาที่เมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด. บูลิทท์กลัวที่จะต้องสู้กับเซนการ์ในฐานะศัตรูทั้งที่ควรจะได้ร่วมมือกันแท้ๆ คุสุฮะจึงปลอบใจบูลิทท์ว่าเมื่อเขาเชื่อมั่นในใครสักคน ก็ควรจะเชื่อใจคนๆนั้นจนถึงวินาทีสุดท้าย.(คุสุฮะจังคิดผิดคิดใหม่ได้นะ โดยเฉพาะกับอินแกรมน่ะ)
แต่พวกเขาก็มาช้าไป เทนซันใช้วาลซิออนไคสังหารเหล่าผู้มีอำนาจทางการเมืองไปเรียบร้อยแล้วด้วยการยิงเพียงนัดเดียวเท่านั้น.
ริวเซย์บอกให้เทนซันรีบลงมาจากวาลซิออนไคซะ แต่เทนซันกลับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและประกาศจะฆ่าทุกคนให้เป็นเทศกาลละเลงเลือดให้หมด Keimซิสเต็มออกฤทธิ์แล้ว. ริวเซย์ขอเป็นผู้หยุดความบ้าคลั่งของเท็นซันเอง.
แอดเลอร์ตามมาทีหลังและปล่อยไม้เด็ดนั่นคือ วาลซิออนไคที่ใช้เจ้าหญิงไชน์กับระบบKeimซิสเต็มทำให้ไรโกรธมาก. อินแกรมวิเคราะห์แล้วบอกให้ทุกคนทำลายระบบKeimซิสเต็มให้ทันเวลาเพื่อช่วยชีวิตเจ้าหญิงไชน์. ไรและลาทูนี่ร่วมมือกับทุกคนเข้าช่วยเหลือเจ้าหญิงไชน์อย่างลำบากเพราะการโจมตีที่ร้ายกาจของวาลซิออนไคแทบไม่เคยพลาดเลย แต่ไรก็สามารถช่วยเหลือเจ้าหญิงไชน์ได้สำเร็จ.

หลังจากนั้นลิลี่ผู้ภักดีต่อไมเยอร์เสมอมาตัดสินใจยิงแอดเลอร์เนื่องจากDCในเวลานี้ ไม่ใช่DCที่ไมเยอร์และบิอันตั้งใจให้เป็นอีกต่อไปแล้ว แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ลิลี่เสียชีวิตเมื่อถูกโจมตีกลับ ก่อนตายเธอหัวเราะด้วยความยินดีที่จะได้พบกับไมเยอร์อีกครั้ง ส่วนที่เหลือเซนการ์จะรับช่วงต่อเอง...
เซนการ์ปรากฏตัวพร้อมเรย์ชิคิและประกาศว่าไมเยอร์ฝากฝังให้เขาสางปมของDCที่ขัดต่ออุดมการณ์ของตนเองและใช้อำนาจของDCเพื่อความทะเยอทะยานส่วนตน.
"นามของข้า เซนการ์ โซนโบลต์, จอมกระบี่ผู้พิชิตอธรรม!!!!!!!!!!"
เสียงคำรามของเซนการ์ดังไปทั่วทั้งสมรภูมิ สร้างความยินดีแก่บูลิทท์ที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเซนการ์ตลอดเวลา.
ด้วยความช่วยเหลือของเซนการ์ พวกเขาสามารถจัดการกับวาลซิออนของเทนซันได้สำเร็จ เทนซันหัวเราะพลางบอกว่าถึงจะจบเกมนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะยังคอนทินิวได้อีกเรื่อยๆ ก่อนจะตายไป. ริวเซย์เสียใจที่ช่วยเทนซันไว้ไม่ได้ ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นแบบเทนซันแท้ๆ และอาจจะพบจุดจบแบบเทนซันถ้าหากว่าไม่ได้เจอกับพวกไรและอายะละก็...
ตรงกันข้ามแอดเลอร์ถูกทิ้งให้ตายอย่างเดียวดายเมื่อทุกคนสละยานหนีไป ไร้ซึ่งทหารที่จงรักภักดีต่อตนเองแม้แต่คนเดียว ผิดกับบิอันและไมเยอร์ผู้จากไปโดยทิ้งความนับถือให้กับผู้จงรักภักดีทุกคน.
เซนการ์เมื่อเห็นว่าถึงคราวล่มสลายของDCอย่างแท้จริงแล้ว จึงจากไปอย่างทรนงโดยให้สัญญาว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่แอโรเกเตอร์บุก เขาจะกลับมาร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ทุกคนเอง.

ภายหลังการสูญเสียประธานาธิบดี, คำสั่งระงับการโจมตีแอโรเกเตอร์ก็หมดไป. ผู้บัญชาการนอร์แมนและเรเคอร์จึงวางแผนจู่โจมเนบิอิมหรือดาวสีขาว ชื่อของแผนการนี้ได้แก่ ...
"โอเปอเรชั่น SRW"

ฉากที่29
เจ้าหญิงไชน์ได้รับการช่วยเหลือจนหายดี เธอเล่าว่ารู้สึกเหมือนกับหลับและฝันไปว่าถูกจับตัวไป แล้วไรดี้ซามะก็เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยเธอไว้.
[Note - หากในฉากที่แล้วสามารถทำให้HPของวาลซิออนที่ไชน์ขับต่ำกว่า10%ได้ทันภายใน5เทิร์นจะได้วาลซิออนมาใช้งานด้วย]
ไรเองก็ยินดีเจ้าหญิงไชน์หายดี แต่เมื่อเจ้าหญิงไชน์จะขอตามไปด้วย ไรกลับห้ามเธอไว้ ก่อนจะปลอบใจว่าเจ้าหญิงไชน์หน้าที่ที่สำคัญของตัวเองรออยู่ที่ประเทศของเธอ ส่วนพวกเขาก็มีหน้าที่ปกป้องโลกรออยู่ข้างหน้า. เจ้าหญิงไชน์จึงขอสัญญากับไรว่าเมื่อโลกสงบสุขแล้ว ต้องแวะมาหาที่ประเทศของเธอด้วยนะ.
ทางด้านEarth Cradleเองก็ขอสงบศึกกับทางสหพันธ์เนื่องจากในเวลานี้เป็นอิสระจากกองทหารDCที่ควบคุมแล้ว. ไดเท็ตสึกับเท็ตสึยะยอมรับข้อเสนอเพราะเห็นว่าเวลานี้Earth Cradleไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกต่อไป.(แต่ในวันข้างหน้านี่สิ นึกออกมั้ยว่าเกิดอะไรในAlpha Gaiden)

แต่ทุกคนก็โล่งอกได้ไม่นานเมื่อจักรกลของแอโรเกเตอร์บุกมาที่เมืองหลวง. เครื่องจักรในร่างมนุษย์ของแอโรเกเตอร์ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกหลังจากที่ผ่านๆมามีแต่รูปแบบของสัตว์.
เมื่ออินแกรมได้เห็นเครื่องจักรนั้นก็รู้ตัวว่าเวลาที่รออยู่มาถึงแล้ว. เขาเตือนทุกคนให้เตรียมหาที่กำบังเพราะฝ่ายตรงข้ามจะทำการยิงขีปนาวุธMAPW. ไดเท็ตสึประหลาดใจที่อินแกรมสามารถคาดเดาเหตุการณ์ได้อย่างถูกต้อง ลูกทีมทุกคนสามารถหนีรอดอย่างปลอดภัยก่อนที่MAPWจะถล่มเมืองหลวงจนพินาศ.

อีกด้านหนึ่ง เรวี่ชื่นชมในความสำเร็จของสายลับที่ถูกส่งไปยังโลก...วิเลตต้านั่นเอง .วิเลตต้าพูดต่อถึงสายลับอีกคนหนึ่ง "เขา"กำลังจะกลับมา ในอีกไม่นานนี้.

ฉากที่30
ชิ้นส่วนเสริมของR-2และR-3เสร็จสมบูรณ์แล้ว. อินแกรมจึงสั่งให้อายะเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบการรวมร่างของSRX. เมื่อเห็นอายะรู้สึกกดดันมากกับหลายเรื่องที่ผ่านมา อินแกรมจึงให้กำลังใจอายะพร้อมบอกว่าเขาจะอยู่เคียงข้างอายะเสมอ. อายะเริ่มมั่นใจมากขึ้นและตั้งใจจะไม่ให้อินแกรมต้องผิดหวัง. ลับหลังอายะ อินแกรมยิ้มเยาะกับตัวเองว่ามนุษย์ช่างถูกชักนำได้ง่ายจริงๆ.
อีกด้านหนึ่งพวกอิรุมก็แอบซุ่มชมความหวานชื่นของบูลิทท์และคุสุฮะ. คุสุฮะช่วยพยาบาลบูลิทท์ที่ฟกช้ำจากการฝึกหนัก บรรยากาศของสองคนนี้เป็นไปอย่างดี .ทุกคนดูก็รู้เลยว่าบูลิทท์นั้นตกหลุมรักคุสุฮะชัวร์ๆ แต่มัวอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ. ในที่สุดบูลิทท์ก็ตกเป็นเหยื่อรายล่าสุดของ"เครื่องดื่มชีวจิตเพื่อสุขภาพปรุงพิเศษสูตรใหม่"ของคุสุฮะ โดยไม่ทราบมาก่อนว่าคนที่ดื่มก่อนหน้านั้นต่างมีอันเป็นไปแทบทุกคน...

ในห้องประชุม ริวเซย์ได้รู้ความจริงว่าRซีรี่ย์ทั้งสามเครื่องนั้นมีกลไกพิเศษสำหรับรวมร่างกันเป็นซุปเปอร์โรบอทได้ ทำให้ริวเซย์ตื่นเต้นมากพร้อมกับตั้งรหัสการรวมร่างเองเลยว่า "Variable Formation".
ไรไม่ค่อยเข้าใจ เอ็กเซลเลนเลยอธิบายแทนว่ามันเป็นบทพูดในหนังทีวีเก่าๆ คล้ายๆกับPileอะไรซักอย่างOn หรือไม่ก็Let's Combอะไรอินๆนี่และ
(เป็นมุขแซวมาชินก้าZกับคอมแบตตร้าVน่ะครับ)
ไรเงียบไปก่อนตอบสั้นๆว่า nonsense เล่นเอาริวเซย์โกรธมาก. แต่ก่อนที่จะมีมวยคู่พิเศษอายะเข้ามาห้ามทั้งสองคนไว้ด้วยอารมณ์ดีสุดๆจนทุกคนสงสัยว่าอายะไปเจอเรื่องอะไรดีๆมารึเปล่าถึงได้ร่าเริงผิดปกติแบบนี้.

เมื่อแอโรเกเตอร์บุก อินแกรมขอเลื่อนการออกปฏิบัติการของทีมSRXและกรุนกัสต์นิชิคิของคุสุฮะเพื่อเตรียมระบบให้พร้อม.
หลังจากพวกเคียวสุเกะและบูลิทท์จัดการกับกองกำลังของแอโรเกเตอร์ได้จำนวนหนึ่ง ยานรบฟูเรของแอโรเกเตอร์ปรากฏขึ้นพร้อมหุ่นรบรุ่นใหม่. พอดีกับที่อินแกรมพาทีมSRXที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมเสร็จเรียบร้อยมาร่วมรบได้ทันเวลา.
การต่อสู้เป็นไปอย่างตึงมือเพราะจำนวนที่ต่างกันและยานรบของข้าศึกที่แข็งแกร่ง. อินแกรมสั่งให้ลูกทีมของเขาทำการรวมร่างSRXทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ฝึกมาก่อน อินแกรมให้พวกริวเซย์ตั้งสติให้ดีเพราะนี่คือเวลาที่พวกเราจะนำสิ่งที่ฝึกฝนมาตลอดมาใช้แล้ว.

อายะซึ่งเชื่อมั่นในตัวอินแกรมมาตลอดจึงทำการแวริเอเบิ้ล ฟอร์เมชั่นทันที... แต่พลาด พวกของริวเซย์กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ส่วนอายะได้รับบาดเจ็บแทบสิ้นสติ. อินแกรมที่เฝ้าดูทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นหัวเราะออกมา แล้วบอกอายะว่าเมื่อทำไม่สำเร็จ เธอก็หมดประโยชน์แล้ว, R-GunทำลายR-3จนพังพินาศ. สร้างความตกตะลึงกับทุกคนในที่นั้น มิหนำซ้ำ อินแกรมยังเรียกกองทหารของแอโรเกเตอร์ออกมาอีกด้วย. ริวเซย์ถามว่าฆ่าอายะทำไม อินแกรมตอบแบบเลือดเย็นว่าอายะเป็นตัวอย่างทดลองที่ผิดพลาด ไม่สมควรเก็บไว้อีก.
ความจริงปรากฏแล้ว แท้จริงอินแกรมก็คือสายลับชาวแอโรเกเตอร์ที่ถูกส่งมาเพื่อเก็บตัวอย่างการทดลองของมนุษย์โลก แม้แต่ริวเซย์เองก็เป็นตัวอย่างทดลองหมายเลข55ของเขาเช่นกัน.
ส่วนไร, อินแกรมบอกว่าSRXต้องการคนที่สามารถใช้พลังจิตได้ทั้งสามคน ดังนั้น ไรจึงไม่มีความจำเป็นอะไรกับSRXเลย. ไรตอบกลับว่าตราบใดที่อินแกรมยังไม่ถูกกำจัด เขาจะไม่เลิกขับR-2โดยเด็ดขาด.
ริวเซย์ระเบิดความโกรธออกมาเต็มที่ ทั้งที่อายะรักและไว้ใจอินแกรมมาตลอดแท้ แต่อินแกรมกลับเหยียบย่ำอายะเหมือนกับของที่ไม่ต้องการ
"ผู้การอินแกรม ไม่สิ! อินแกรม พริสเก้น !!! ฉันจะไม่ให้อภัยแกอย่างเด็ดขาด"ริวเซย์กระโจนเข้าหาอินแกรมอย่างไม่ลังเล พร้อมอาวุธใหม่กระบี่T-Linkเข้าต่อสู้กับR-Gun ของอินแกรม.
[Note - พยายามล้อมR-Gunไว้อย่าให้หนีไปถึงยานแม่ฝ่ายศัตรู แล้วทำลายให้ได้จะได้R-Gunกลับมาใช้ตอนจบฉาก]
แต่อินแกรมก็หนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของวิเลตต้าอยู่ดี. มิหนำซ้ำยังพาคุสุฮะและนิชิคิติดไปเป็นของฝากอีกด้วย.
ทั้งริวเซย์และบูลิทท์ร้องตะโกนด้วยความเจ็บใจ จนแทบจะมีเรื่องกัน. ริวเซย์โทษบูลิทท์ว่าควรจะคอยดูแลคุสุฮะแท้ๆ, แต่บูลิทท์สวนกลับว่าริวเซย์ต่างหากที่คุสุฮะต้องการมาตลอด แล้วริวเซย์ล่ะ เคยคิดว่าตัวเองมีความหมายอย่างไรต่อคุสุฮะบ้างหรือเปล่า ทำไมไม่บอกไปตรงๆเลยว่าคิดยังไงกับคุสุฮะบ้าง.
เจียร์ด้าเข้ามาห้ามทั้งสองคนไว้พร้อมเตือนให้เก็บแรงไว้ช่วยคุสุฮะกลับมาดีกว่า.
อีกด้านหนึ่งไดเท็ตสึได้รับรายงานว่าทั้งR-GunและR-3นั้นเก็บกู้คืนมาได้ด้วยดี, ส่วนอายะนั้นได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยแต่ความกระทบกระเทือนทางจิตนั้นรุนแรงมาก.
ทางด้านดวงดาวสีขาว เนบิอิม ซึ่งเป็นฐานของแอโรเกเตอร์. อินแกรมได้รับคำชมจากเลวี่ถึงผลงานที่ทำลงไปพร้อมนำตัวอย่างทดลองกลับมาด้วย.

ฉากที่31
อายะได้สติในห้องพยาบาลโดยมีลัดดาและริวเน่คอยเป็นเพื่อน. อายะพยายามหลอกตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่ความฝันเท่านั้น.
เอ็กเซลเลนเข้ามาเยี่ยมทีหลังเมื่อได้เห็นอาการของอายะจึงเตือนสติว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เลิกหลอกตัวเองแล้วเผชิญความเป็นจริงซะ.
อายะขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเพื่อให้เธอลุกขึ้นและพยายามค้นหาความจริงด้วยตัวเอง เมื่อได้พบกับอินแกรมอีกครั้งหนึ่ง. ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว.
ลัดดาจึงถือโอกาสนี้ ชวนทุกคนมาเล่นโยคะเพื่อผ่อนคลายจิตใจ. เอ็กเซลเลนนึกในใจว่า ว่าแล้วเชียว งวดนี้กระดูกฉันหักไม่เหลือแหงๆ.
อีกด้านหนึ่ง เคียวสุเกะได้รับการเลื่อนขั้น(ถ้าแปลไม่ผิดคือยศผู้พันครับ ไม่ค่อยชัวร์นะ) และมอบหมายหน้าที่ให้เป็นผู้บัญชาการแทนอินแกรมที่เคยทำหน้าที่นี้.
เคียวสุเกะปฏิเสธว่าอายะหรืออิรุมเหมาะกับหน้าที่นี้มากกว่า. แต่เพราะอายะนั้นมีความรู้สึกต่ออินแกรมมากไป ส่วนอิรุมก็ชี้นิ้วสั่งคนอื่นไม่เป็น(ประชดหรือเปล่า). แคทีน่าถามว่าถ้าเคียวสุเกะไม่รับจะรับหน้าที่นี้แทนนะ ทำให้เคียวสุเกะยอมรับตำแหน่งนี้โดยปริยาย. (แหงหละถ้าแคทีน่ารับหน้าที่นี้มีหวังเละทั้งกองทัพแน่)

ที่เนบิอิม อาแด็ททำการตั้งชื่อให้ขุนพลคนใหม่ว่าเกซ่าและมอบหน้าที่ให้บุกโลก. แต่อินแกรมเสนอให้ส่งขุนพลหน้ากากเหล็กลงไปทดสอบก่อนดีกว่า.
เคียวสุเกะได้ทดลองงานในตำแหน่งใหม่เร็วกว่าที่คิด, เขาแนะนำตัวเองอย่างขัดๆเขินๆเล็กน้อยเพราะยังวางตัวไม่ถูก จนสมาชิกคนอื่นในทีมแซวแต่ก็พร้อมรับคำสั่งของเคียวสุเกะ. เอ็กเซลเลนบอกว่า เคียวสุเกะก็เป็นคนดี เป็นการเป็นงานดีด้วย ขาดอย่างเดียวคือยังไม่มีแฟนเท่านั้นเอง.
ในระหว่างการรบ ฝ่ายศัตรูเก่งมากเหมือนกับจะคาดเดารูปแบบการต่อสู้ของทุกคนในทีมได้หมด เคียวสุเกะรู้ว่าอินแกรมต้องแอบบันทึกข้อมูลการรบที่ผ่านมาของพวกเขาติดไปด้วยแน่ๆ. แต่สมาชิกใหม่ที่อินแกรมไม่เคยมีข้อมูลก็ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือพวกเขา, เขาคือ กีเลี่ยม อิเอก้า จากหน่วยข่าวกรองที่เคยช่วยพวกเคียวสุเกะตอนสงครามDCนั่นเอง.
มาซาคิเหล่กีเลี่ยมสักครู่ก่อนถามว่า เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า? กีเลี่ยมนึกสักครู่แล้วตอบว่าเปล่ามั้ง อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่.
[Note - ทั้งสองคนนี้เคยเจอกันแล้วในเกมรวมฮีโร่บนเครื่องSFC ถ้าจำชื่อไม่ผิดเกมนั้นชื่อ "ฮีโร่เซนคิ โปรเจคต์ โอลิมปัส" กีเลี่ยมเป็นพระเอกเกมนั้นครับ]

กีเลี่ยมออกรบด้วยเกสเพนสต์มาร์ค2R เข้าสู้กับแอโรเกเตอร์อีกแรง แต่เมื่อเขาเผชิญหน้าบุรุษลึกลับผู้สวมหน้ากากเหล็กกลับมีความรู้สึกคุ้นเคยกับการเทคนิคการขับเคลื่อนของหน้ากากเหล็กอย่างบอกไม่ถูก.

หลังจากที่แอโรเกเตอร์ล่าถอยไป กีเลี่ยมรายงานตัวกับเลฟีน่า, ตอนนี้กีเลี่ยมได้รับมอบหมายจากหน่วยข่าวกรองให้เก็บข้อมูลของแอโรเกเตอร์ จึงได้มาประจำตำแหน่งกับฮิริวไคและฮางาเนะ.
กีเลี่ยมกับลาทูนี่บรรยายเกี่ยวกับการรูปแบบการเคลื่อนไหวและเทคนิคการรบของหน้ากากเหล็กที่เพิ่งได้สู้ไปนั้น เป็นรูปแบบเดียวกับผู้การ เก้าเหว่ย เหลา, ผู้บัญชาการของหน่วยรบพิเศษที่เคยประกอบด้วยกีเลี่ยม ไค เทมเปสต์ เซนการ์และเอลแซม. ผู้การเก้าเหว่ยหายสาบสูญไปพร้อมกับเกสเพนสต์S จากนั้นหน่วยพิเศษก็ถูกยุบ สมาชิกแต่ละคนกระจัดกระจายไปตามทางของแต่ละคน.
อย่างไรก็ตาม ยังสรุปไม่ได้ว่าหน้ากากเหล็กนั้นเป็นผู้การเก้าเหว่ยเด็ดขาด เพราะอินแกรมอาจจะลอกเอาข้อมูลของผู้การติดไปพร้อมกับข้อมูลการรบของทุกคนก็ได้ ดังนั้นเรื่องที่กีเลี่ยมคุยกับกัปตันในวันนี้ต้องเก็บเป็นความลับโดยเด็ดขาด.
ในเวลาต่อมา กีเลี่ยมพบกับลัดดาอีกครั้ง เลยแซวว่าตอนนี้ยังไม่อยากหักกระดูกตัวเองเล่นหรอกนะ ลัดดางอนเล็กน้อยที่แม้แต่กีเลี่ยมยังเห็นว่าเธอบ้าเล่นโยคะ. ลัดดาขอให้กีเลี่ยมช่วยถอดล็อคแฟ้มข้อมูลที่อินแกรมหลงเหลือไว้เพื่อหาเบาะแสเกี่ยวกับจุดประสงค์ของอินแกรม.

ฉากที่32
ที่เนบิอิม"ไวท์สตาร์" อินแกรมทำการสะกดจิตของคุสุฮะ.
เมื่อถามคุสุฮะว่าตัวเธอคืออะไร เธอตอบว่าเป็นอาวุธของจักรวรรดิที่ทรงอำนาจ.
เมื่อถามว่าใครคือศัตรู เธอตอบว่าผู้ต่อต้านจักรวรรดิคือศัตรู ฮางาเนะและฮิริวไคคือศัตรู.
แต่เมื่อถามว่าริวเซย์และบรู๊คลินคืออะไร คุสุฮะชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบว่าเป็นศัตรูเช่นกัน.
อินแกรมตัดสินใจส่งคุสุฮะออกปฏิบัติการครั้งต่อไป ถึงแม้จะถูกอาแด็ทคัดค้านก็ตาม.

บนโลกเวลานั้น พวกริวเซย์กำลังเจอปัญหาใหญ่เมื่อทางเบื้องบนมีคำสั่งให้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องกับอินแกรมทุกคนพร้อมกับแยกชิ้นส่วนRซีรี่ย์ทุกตัวเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย.
วิศวกรอย่างร็อบกับเคิร์คต้องประกอบชิ้นส่วนRซีรี่ย์ทุกตัวกลับอย่างวุ่นวาย, ร็อบกังวลเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งต่อไป เพราะอินแกรมรู้ไส้รู้พุงของกองกำลังทั้งหมดไปแล้ว.
พอดีกับที่เกซ่าบุกเข้ามาที่ฐานเวลากลางคืน บูลิทท์คิดจะเค้นเบาะแสของคุสุฮะจากแอโรเกเตอร์คนนี้ แต่นิสัยที่ชอบพูดเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่นี่ทำให้หลายคนรู้สึกคุ้นๆอยู่บ้าง.
คุสุฮะกลับมาพร้อมกับนิชิคิแต่ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปจนน่ากลัว. เธอเริ่มโจมตีฐานและพวกของบูลิทท์ เคียวสุเกะสั่งให้หาทางหยุดการเคลื่อนไหวของนิชิคิแล้วช่วยคุสุฮะออกมาให้ได้.
ในขณะที่บูลิทท์กำลังจะช่วยคุสุฮะออกมาจากนิชิคิที่เสียหายนั่นเอง คุสุฮะร้องช่วยด้วยออกมาเบาๆด้วยจิตใต้สำนึก เธอเรียกหาริวเซย์ให้ช่วยด้วย. เมื่อบูลิทท์ได้ยินดังนั้นก็เกิดเจ็บปวดหัวใจจนเผลอปล่อยให้คุสุฮะหนีไปจนได้.

หลังจากที่ฐานปลอดภัยแล้ว บูลิทท์จมอยู่กับความเสียใจที่พลาดโอกาสจะช่วยคุสุฮะกลับมา และได้รู้ว่าในใจของคุสุฮะคิดถึงแต่ริวเซย์เท่านั้น.
ส่วนริวเซย์ในเวลานั้น ยังคงถูกสอบปากคำอยู่คนเดียว. ริวเซย์ประหลาดใจเมื่อได้รู้ความจริงจากผู้สอบสวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของแม่ตัวเองกับการทดลองที่ห้องวิจัยของพ่ออายะ ซึ่งอินแกรมเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย. แม่ริวเซย์เคยเป็นอาสาสมัครทดลองระบบT-Linkก่อนริวเซย์ และที่อินแกรมเลือกเขามาก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเช่นกัน.
ลัดดากับกีเลี่ยมสามารถถอดแฟ้มข้อมูลของอินแกรมได้สำเร็จ กีเลี่ยมพบว่าเป็นแค่แฟ้มข้อมูลบุคคลสูญหายธรรมดาๆ แต่เมื่อลัดดาลองพิจารณาดูก็ต้องตกใจเมื่อพบข้อมูลบางอย่างที่บิดเบือนไปจากสิ่งที่เธอเคยทราบมาตลอด...

ฉากที่33

ลัดดากับกีเลี่ยมทำการตรวจสอบแฟ้มข้อมูลของอินแกรมที่หลงเหลือเพื่อหาเบาะแส แต่สิ่งที่พบคือข้อมูลบางส่วนที่บันทึกบุคคลสูญหาย เป็นข้อมูลของเจนนิเฟอร์ ฟอนด้า กับไม โคบายาชิ พี่สาวของอายะที่อายะคิดว่าตายไปแล้ว แต่จากบันทึกนี้ กลับระบุไว้ว่าไมมีอายุน้อยกว่าอายะ ปริศนาต่างๆเริ่มประเดประดังเข้ามา จนกีเลี่ยมเตือนลัดดาอย่าให้วู่วาม.
อีกด้านหนึ่ง มาซาคิเสนอแผนนกต่อโดยใช้ไซบัสเตอร์เป็นเหยื่อล่อพร้อมกับวาลซิโอเน่. เมื่อเอ็กเซลเลนแซวเล่นๆว่าได้โอกาสเลิฟเลิฟแล้ว มาซาคิก็บอกว่า เจ๊ก็ต้องไปด้วยน่ะแหละ. เอ็กเซลเลนอยากจะชวนเคียวสุเกะไปด้วยจะได้เป็นดับเบิลเดทซะเลย แต่ติดที่อัลท์ไอเซนบินไม่ได้ก็เลยอด.ไรเตือนทั้งสามคนให้ระวังตัวด้วย

ลาทูนี่ปรึกษากับเจียด้าและการ์เน็ต หาทางช่วยริวเซย์ที่กำลังซึมเศร้าให้กลับมาเข้มแข็งดังเดิม. ริวเซย์ในเวลานั้นกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆที่ผ่านมา และคิดว่าทุกอย่างที่เขาทำลงไปนั้น เป็นแค่การเดินไปตามเกมในเงื้อมมือของอินแกรมเท่านั้นเอง ทั้งๆที่เขาเคยเชื่อในตัวของอินแกรมแท้ๆ. ลาทูนี่เข้ามาทักทายริวเซย์แต่ริวเซย์ก็ยังคงโทษตัวเองถึงเรื่องที่ทำให้อายะกับคุสุฮะต้องรับเคราะห์เพราะตัวเอง. ลาทูนี่เข้าใจความรู้สึกเสียใจของริวเซย์และให้กำลังใจริวเซย์อีกครั้ง.
(Note - ริวเซย์ แกนะแก แค่คุสุฮะคนเดียวยังไม่พอ ลาทูนี่อีกคนด้วยเหรอเนี่ย)

แต่เมื่อพวกมาซาคิดำเนินตามแผนนกต่อ ก็ต้องตกใจเมื่อพบกับชูว์และบิอันที่น่าจะตายไปแล้วรออยู่. มาซาคิถามเรื่องสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ชูว์กลับบอกว่ามาซาคิโง่เองที่หลงเชื่อคำพูดของเขา. ส่วนบิอันชักชวนลูกสาวของตนเองให้มาร่วมมือกันยึดครองโลกซะ เพื่อต่อสู้กับพวกมนุษย์ต่างดาว. แต่ริวเน่กลับบอกว่า นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ที่แท้จริงที่พ่อเคยบอกไว้เลย.
เอ็กเซลเลนเห็นท่าทางแปลกๆจึงลองตรวจสอบรอบๆจนพบกับอาแด็ทที่แอบซุ่มอยู่จนได้. อาแด็ทรู้สึกแปลกใจที่ทราวม่าชาโดว์ซึ่งสร้างภาพลวงตานั้นไม่มีผลกับเอ็กเซลเลนเลย. เอ็กเซลเลนจู่โจมใส่อาแด็ทและทำให้ภาพลวงตาของชูว์กับบิอันหายไป. อาแด็ทเห็นท่าไม่ค่อยดีจึงเรียกกำลังเสริมออกมา ซึ่งเข้าแผนที่วางไว้พอดี, กำลังเสริมที่ซุ่มอยู่ออกปฏิบัติการและถล่มหน่วยของอาแด็ทจนย่อยยับ.

จากการรบครั้งนี้ทำให้ไดเท็ตสึแน่ใจแล้วว่า พวกของตนเองเป็นเป้าหมายสำคัญของแอโรเกเตอร์ที่ต้องการตัวอย่างทดลอง จึงตั้งใจจะให้เป็นเหยื่อล่อเพื่อเบนกำลังรบของฝ่ายตรงข้ามมาที่ตัวเอง. ส่วนเอ็กเซลเลนเมื่อกลับมาก็ขอรางวัลจากไดเท็ตสึเป็นเหล้าในคอลเล็คชั่นของสะสมสุดหวงของไดเท็ตสึ จากนั้นทั้งเอ็กเซลเลน ไดเท็ตสึ และจอห์นก็จ้อกันถึงเรื่องเหล้าแต่ละประเภทอย่างสนุกสนาน...
(ลืมเรื่อง"เมาไม่ขับ"เมื่อตอนนั้นแล้วเหรอเฮีย ไม่เข็ดใช่มั้ย)

ฉากที่34
ทางด้านฮางาเนะกับฮิริวไค เรียวโตะประชุมแผนการช่วยเหลือคุสุฮะให้กับเพื่อนๆ, ใจความสำคัญก็คือการควบคุมจากระบบT-Linkที่ควบคุมคุสุฮะไว้ ถ้าสามารถสร้างแรงกระเทือนอย่างแรงกับส่วนห้องสั่งการได้ อาจมีทางช่วยคุสุฮะได้ แต่ปัญหาอยู่ที่เกราะที่หนาของกรุนกัสต์นิชิคิคงไม่สามารถทำได้ง่ายๆนัก. ทาสึคุจึงเสนอแผนอีกแผนหนึ่งนั่นคือหยุดการเคลื่อนไหวของนิชิคิซะก่อนแล้วค่อยทำลายตัวรับสัญญาณควบคุมเพื่อตัดการควบคุม เหมือนกับรถบังคับวิทยุน่ะ. ทำให้บูลิทท์ร้อนใจอยากจะไปช่วยคุสุฮะให้ได้ จนทาสึคุต้องบอกให้ใจเย็นๆไว้ คนที่อยากจะช่วยคุสุฮะกลับมาไม่ได้แค่บูลิทท์คนเดียวซักหน่อย เพื่อนๆทุกคนก็จะช่วยด้วยกันนั่นหละ ทำให้บูลิทท์รู้สึกซึ้งใจในพวกเพื่อนๆทุกคน.(พวกเพื่อนที่ประชุมกันน่ะเพื่อนๆจากAlphaทั้งนั้น)

และแล้วพวกศัตรูก็บุกมา รวมถึงอินแกรมและคุสุฮะด้วย. อินแกรมทักทายทุกคนพร้อมกับR-Gunตัวใหม่และเผยความจริงเรื่องที่หลอกใช้อายะด้วย ทำให้ริวเซย์และคนอื่นๆโกรธมาก. ส่วนคุสุฮะกลับถามบูลิทท์กับริวเซย์ว่าจะมาช่วยกลับไปเหรอ? ไม่จำเป็นหรอก เพราะเธอเต็มใจตามอินแกรมมาเองต่างหาก จริงสิถ้าหากบูลิทท์เอาชนะได้ เธอจะยอมเป็นของบูลิทท์ก็ได้นะ. ทั้งริวเซย์และบูลิทท์เมื่อได้ฟังแล้วก็เข้าใจได้ทันทีว่า คุสุฮะโดนอินแกรมควบคุมอยู่แหงๆ แต่คำพูดของคุสุฮะก็เล่นเอาบูลิทท์เครียดไปเหมือนกัน
ริวเซย์บอกกับบูลิทท์ว่า เขาจะจัดการอินแกรมเอง แล้วฝากฝังให้บูลิทท์ไปช่วยคุสุฮะซะ เพราะว่าตัวเองไม่สามารถทำให้คุสุฮะมีความสุขได้ แต่บูลิทท์น่ะ ทำได้แน่!
ด้วยคำพูดนี้เอง ทำให้บูลิทท์ไม่เสียสมาธิกับคำพูดของคุสุฮะอีกต่อไป. บูลิทท์นึกถึงคำสอนของอาจารย์ทั้งสองก่อนจะเข้าประจันบาญขั้นสุดท้าย.
"ลาก่อนนะ... บูลิทท์คุง"คุสุฮะใช้เพลงดาบไม้ตายใส่บูลิทท์ เขารับการโจมตีด้วยความอดทน ก่อนจะยิงปืนกลสวนกลับไปยังส่วนควบคุมของนิชิคิที่จุดๆเดียว เกิดการระเบิดอย่างแรงที่หุ่นทั้งสอง เมื่อควันจางหายไป สิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือ ร่างของฮิวเคไบน์ของบูลิทท์ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ข้างนิชิคิซึ่งหยุดการทำงานโดยที่คนขับทั้งสองไม่เป็นอันตรายใดๆ. เมื่อเห็นว่าสามารถปลดปล่อยคุสุฮะจากการควบคุมได้สำเร็จ ริวเซย์บอกว่าบูลิทท์ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้ว ต่อไปก็ถึงตาของเขาบ้างหละ

ในระหว่างการต่อสู้นั้น กีเลี่ยมกับอินแกรม ได้เผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก. อินแกรมตกใจมากเมื่อพบว่าทั้งคู่หน้าเหมือนกันยังกะส่องกระจกและถามว่ากีเลี่ยมเป็นใครกันแน่?. กีเลี่ยมตอบว่า เราสองคนคือผู้ที่แบกรับชะตากรรมเดียวกัน ชะตากรรมที่ต้องเดินทางไปยังโลกคู่ขนานต่างๆ แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางเดินของเราจะสวนทางกันซะแล้ว. อินแกรมถึงเป้าหมายของกีเลี่ยม กีเลี่ยมตอบว่าเพื่อติดตามและสังเกตผู้คนหลากหลาย แต่ตอนนี้ฉันมีเป้าหมายที่ต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อน นั่นคือปราบอินแกรมและแอโรเกเตอร์ซะ. นั่นทำให้อินแกรมถึงกับกล่าวว่า มีแขกไม่ได้รับเชิญเข้ามาซะแล้วสิ.
หลังจากที่พวกริวเซย์สามารถจัดการกับR-Gunได้ แต่มันกลับฟื้นสภาพกลับมาในร่างใหม่ นั่นคือR-Gun ริวาเล่ . ความร้ายกาจของริวาเล่นั้นดุจอสูรร้าย ริวเซย์ถูกโจมตีจนเสียท่า แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ของริวเซย์นั้น กลับทำให้ระบบลับของR-1ทำงาน, ยูเรนัสซิสเต็มเริ่มคุยกับริวเซย์ผ่านR-1. ไรรู้สึกได้ว่า นี่คือโอกาสและขออนุมัติการประกอบร่างพร้อมให้สัญญาณกับริวเซย์กับอายะเตรียมตัว. ด้วยระบบนำร่องของR-1 เครื่องยนต์โทรเนี่ยมของR-2 และT-LinkของR-3 ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว...
"เอาหละนะ, ไร,อายะ! แวริเอเบิล ฟอร์เมชั่น!!"
Rซีรี่ย์ทั้งสามเข้าประสานร่างกัน กลายเป็นหุ่นยักษ์ SRX, Super Robot typeX. ร่างที่แท้จริงของRซีรี่ย์นั่นเอง
"ซุปเปอร์โรบอทไร้เทียมทานแห่งใต้หล้า กำเนิดแล้ว ณ ที่นี้!!"ริวเซย์ตะโกนก้องจากห้องบังคับของSRX
SRXแสดงพลังที่ร้ายกาจกับกองกำลังแอโรเกเตอร์และอินแกรม อย่างไรก็ตามSRXก็สามารถทำงานได้แค่สามนาทีเท่านั้น อินแกรมหนีไปได้หลังจากเก็บข้อมูลการต่อสู้ของริวเซย์ไปเรียบร้อยแล้ว.

หลังการต่อสู้ บูลิทท์รีบไปที่ห้องพยาบาลเพื่อดูอาการของคุสุฮะ แต่พบกับริวเซย์ที่รออยู่แล้ว, ริวเซย์ปฏิเสธว่ามาเฝ้าอาการของอายะต่างหาก. น่ายินดีที่อาการของคุสุฮะไม่เป็นไรมากนอกจากความจำเสื่อมไปในช่วงที่ถูกอินแกรมพาตัวไปเท่านั้นเอง. ริวเซย์ฝากให้บูลิทท์ดูแลคุสุฮะด้วยก่อนเดินจากมา.

เจียร์ด้ากับการ์เน็ตดักรอริวเซย์และเตือนริวเซย์ไม่ให้วู่วามไป ทั้งคู่สังเกตุการต่อสู้ของริวเซย์กับอินแกรมแล้วรู้สึกได้ว่า ริวเซย์คิดจะสู้โดยทิ้งชีวิตของตัวเองโดยไม่คิดถึงคนที่รัก...ไม่สิ รออยู่เบื้องหลังเลย พร้อมบอกริวเซย์ว่าไม่ได้สู้อยู่แค่คนเดียวแต่ยังมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างริวเซย์ด้วย อย่าลืมเรื่องนี้ซะล่ะ.
ไรกับเรียวโตะนำข้อมูลการประกอบร่างมาปรึกษากับริวเซย์ เนื่องจากปัญหาเรื่องเครื่องยนต์และอื่นๆที่วิทยาการของมนุษย์ยังค้นคว้าไม่ถึง บางทีอาจจะไม่สามารถประกอบร่างSRXได้อีกแล้ว. แต่ริวเซย์กลับไม่ตกใจอะไร เพราะตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่ายังมีเพื่อนๆที่พร้อมจะสู้ไปด้วยกันอย่างเคียวสุเกะหรือมาซาคิแล้ว ถ้าต้องใช้ไพ่ตายใบนี้ ต้องเป็นศึกตัดสินครั้งสุดท้ายเท่านั้น. ริวเซย์ขอตัวไปพักผ่อนโดยฝากให้ไรช่วยดูแลอายะด้วย.

ฉากที่35
คุสุฮะฟื้นขึ้นมาและพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่ถูกพาตัวไป. บูลิทท์พยายามกลบเกลื่อน แต่คุสุฮะกลับนึกออกแล้วว่าเคยเกือบทำร้ายเพื่อนๆทุกคนไปซะแล้ว แต่ก็ขอบใจบูลิทท์ที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตไปช่วยเธอกลับมา เธอจำได้ว่าเสียงที่เรียกหาเธอให้กลับมานั้นเป็นเสียงของบูลิทท์นั่นเอง.
ส่วนฮางาเนะก็กำหนดเป้าหมายต่อไปที่ฐานโคทส์แลนด์ ที่ซึ่งเคยใช้เพื่อเจรจาสันติ ไม่สิ เคยใช้เพื่อขอยอมแพ้และยกโลกให้แก่แอโรเกเตอร์ต่างหาก. เนื่องจากผู้มีอำนาจทางการเมืองคิดจะใช้ที่นั่นดำเนินแผนการลับพร้อมกับเรือชิโรงาเนะที่ซ่อมขึ้นใหม่.
ที่นั่น เอลแซมปรากฏตัวพร้อมเรือคุโรงาเนะและถามถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง เมื่อได้คำตอบว่าพวกเขาคิดจะหนีแอโรเกเตอร์ไปตั้งรกรากที่ดาวอื่นแทน ทำให้เอลแซมไม่พอใจอย่างมาก ในเวลานั้นเอง พวกแอโรเกเตอร์ก็บุกมา. ถึงเอลแซมจะไม่เห็นด้วยกับชิโรงาเนะ แต่ตัดสินใจต่อสู้กับแอโรเกเตอร์, เขาออกปฏิบัติการพร้อมกับฮิวเคไบน์"ทรอมเบ"(ม้ามังกร)คู่ใจของตัวเองเข้าต่อต้านแอโรเกเตอร์. แต่จำนวนต่างกันเกินไป ขณะที่เอลแซมถูกล้อมนั้นเอง เซนการ์ก็มาช่วยพร้อมกับเรย์ชิคิได้ทันเวลาพอดี. เมื่อสามารถถ่วงเวลาจนฮางาเนะมาถึงแล้ว ทั้งสองบอกให้ไปเจอกันใหม่ที่ดาวสีขาว เนบิอิม ของแอโรเกเตอร์นะ.

เมื่อพวกฮางาเนะจัดการกับยานแม่ของแอโรเกเตอร์ได้แล้ว วิเลตต้าก็ปรากฏตัวออกมาและจัดการกับห้องบังคับการเรือชิโรงาเนะ ก่อนจะหลบไปท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน. ภายหลังจากที่ตรวจสอบความเสียหายแล้วพบว่าเรือชิโรงาเนะเสียหายแค่เล็กน้อยบริเวณห้องบังคับการเท่านั้น ส่วนผู้โดยสารไม่รอด. อย่างไรก็ดีเรือชิโรงาเนะสามารถซ่อมแซมให้กลับคืนสู่สภาพการรบได้อย่างง่ายดายและพร้อมใช้ในปฏิบัติการSRWต่อไป.
ส่วนวิเลตต้ากลับไปที่เนบิอิม เพื่อรายงานผลให้กับเลวี่และอินแกรม แต่พบว่าเลวี่มีอาการแปลกๆไป เนื่องจากผลการฟีดแบ็คของจูเด็คก้า. อินแกรมบอกกับวิเลตต้าว่าไทม์ลิมิตของพวกเรากำลังจะถึงที่สุดแล้ว พร้อมบอกคำสั่งให้วิเลตต้าทำหน้าที่บางอย่าง.

ฉากที่36
สมาชิกในทีมวางแผนจัดงานปาร์ตี้เคานท์ดาวน์ก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย. ริโอะชวนเลโอน่าให้ไปทำอาหารด้วยกันจะได้รวมฮิตอาหารนานาชาติ แม้เลโอน่าจะไม่ค่อยมั่นใจนัก แต่เห็นท่าทีระริกระรี้ของทาสึคุก็เลยขัดไม่ได้.
อีกด้านหนึ่งที่ห้องแล็บของทีมSRX โจนาธานกับร็อบและเคิร์ค ปรึกษากันเรื่องSRXอยู่จนมีแขกที่คาดไม่ถึงมาเยือน ด็อกเตอร์มาริออน ลาดอม นักวิทยาศาสตร์ที่ดัดแปลงอัลท์ไอเซนและไวส์ริทเตอร์นั่นเอง. เคิร์คทักทายกันพอเป็นพิธี การสนทนาของทั้งคู่ทำให้ร็อบรู้ได้เลยว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันแหงๆ. มาริออนบอกธุระที่อุตส่าห์แวะมาหาก็เพื่อนำเซอร์โวมอร์เตอร์รุ่นใหม่มาส่งให้ ด้วยสิ่งนี้จะช่วยให้SRXสามารถประกอบร่างได้อีกครั้ง ร็อบขอบคุณมาริออนด้วยความนับถือ. มาริออนยังคงคุยกับเคิร์คอย่างไว้ท่าทีจนร็อบแอบถามโจนาธาน, เมื่อก่อนสองคนนี้เคยเป็นคู่แข่งด้านการวิจัยมาก่อน ขนาดแต่งงานกันก็ยังมีท่าทางเป็นคู่แข่งกันอยู่ดี.
อีกด้านหนึ่ง สมาชิกทีมATXก็ได้ต้อนรับอาจารย์ริชูที่เดินทางมาพร้อมมาริออน. เคียวสุเกะกับบูลิทท์ดีใจที่ได้พบกับอาจารย์สอนวิชาดาบของพวกเขาอีกครั้ง. ริวเซย์ได้รู้ว่าริชูเป็นครูสอนวิชาดาบแถมยังเป็นคนบันทึกข้อมูลการใช้ดาบให้กับกรุนกัสต์จึงทำความเคารพบ้าง. ริชูถามว่าดาบของSRXมีชื่อว่าอะไร. ริวเซย์ตอบว่า "เท็นโจเท็นเงะ มุเทคิเค็น"(กระบี่ไร้เทียมทานเหนือฟ้าใต้หล้า) เล่นเอาเรียวโตะสะดุ้ง ถามว่ามีอาวุธชื่อนี้จริงๆเหรอ?. ริวเซย์เลยบอกว่า เปล่า ฉันคิดเอง ซุปเปอร์โรบอทมันต้องมีท่าไม้ตายเจ๋งๆซี่.

ที่งานเลี้ยง เจียร์ด้าร้องเพลงท่ามกลางคำชมของทุกคน ตามด้วยการ์เน็ตกับเอ็กเซลเลนในชุดบันนี่เกิร์ลมายั่วตะเข้หนุ่มๆในงาน. บูลิทท์ถึงเลือดกำเดาไหลหันไปถามเคียวสุเกะว่าแบบนี้ดีแน่เหรอ คำตอบคือห้ามไปก็เปล่าประโยชน์ ปล่อยให้เจ๊แกทำตามใจชอบเหอะ. รายการต่อมาคืออาหารฝีมือของพวกผู้หญิงในทีม เริ่มจากแกงเผ็ดสูตรอินเดียผสมเกาหลีของลัดดากับหยุนที่ทำให้ไรถึงกับร้องขอน้ำ ตามด้วยอาหารเยอรมันของเลโอน่า ที่ทาสึคุตั้งอกตั้งตารอ โดยไม่ทันสังเกตท่าทางเคร่งเครียดของเลโอน่า ผลคือทาสึคุน็อคเอาท์ด้วยรสชาติทันที เลโอน่าขอโทษพร้อมสารภาพว่า ความจริงแล้วเธอทำอาหารไม่เก่งเอาซะเลย.
(Note - ในเนื้อเรื่องเคียวสุเกะ ทาสึคุจะกินอาหารของเลโอน่าแล้วติดคอ ร้องขอน้ำ คุสุฮะจึงส่ง"เครื่องดื่มผสมเพื่อสุขภาพสูตรพิเศษ"ให้ทาสึคุดื่มด้วย...ซวยสองต่อ)
ส่วนไดเท็ตสึกับจอห์นหลบไปดื่มเหล้ากันสองคนในห้อง คุยกันถึงเรื่องที่เคยช่วยเหลือกันมาหลายเรื่องด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน. จนกระทั่งการ์เน็ตกับเอ็กเซลเลนแวะมาหาพร้อมทวงสัญญาเรื่องเหล้าโบราณที่เคยให้ไว้ ไดเท็ตสึส่งให้ด้วยความเสียดาย คิดในใจว่า ไม่เหลือแหงๆ.
ส่วนเอย์ตะที่ต้องอยู่เวรเอาแต่ถอนหายใจอยากไปร่วมงานเลี้ยง ไปกินอาหารฝีมือของหยุนบ้างจัง. เท็ตสึยะอนุญาตให้ไปได้20นาที ส่วนเขาจะอยู่เฝ้าแทนให้. หลังจากที่เอย์ตะไปแล้ว เท็ตสึยะได้ยินเสียงคนมาจากข้างหลังเลยหันไปโดยไม่ทันระวังว่าเป็นกัปตันเลฟิน่า. ผบ.ที่ยังหนุ่มสาวทั้งคู่สนทนากันถึงเรื่องที่มาประจำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร ในขณะที่บรรยากาศของทั้งสองคนกำลังไปกันได้ด้วยดี ศัตรูก็บุกมา...

แอโรเกเตอร์นำโดยเกซ่าและกัลอินบุกมา. พวกเคียวสุเกะต้องออกรบทันที เอ็กเซลเลนถามว่าทำไมเคียวสุเกะท่าทางสบายดีจัง เคียวสุเกะบอกว่าดื่มแต่ชาอู่หลง(ชาที่ชงด้วยใบชาสดไม่บ่ม ไม่ตากแห้ง) ส่วนอิรุมดื่มแต่ชาเย็น เลยไม่เมาแม้แต่น้อย ส่วนเอ็กเซลเลนกับการ์เน็ตไม่มีเวลาอาบน้ำเลยต้องใส่ชุดออกรบทับชุดกระต่ายอับกลิ่นเหล้า...
ระหว่างการต่อสู้ กีเลี่ยมกับลาทูนี่จำได้ว่ารูปแบบการจู่โจมของกัลอินเป็นแบบเดียวกับอ.เก้าเหว่ยมิหนำซ้ำยังมีท่าทางจำอะไรบางอย่างเมื่อได้เห็นเกสเพนสต์. ส่วนคำพูดระหว่างการต่อสู้ของเกซ่าที่ทำเหมือนกำลังเล่นเกมอยู่ก็ทำให้ริวเซย์จำได้ว่าเหมือนกับเทนซันมากๆ แต่เทนซันตายไปแล้วนี่หน่า? เอ็กเซลเลนสงสัยว่าน่าจะเป็นผีหรือไม่ก็คู่แฝดที่พรากจากกันตั้งแต่เด็กหละมั้ง มาซาคิสวนกลับว่าใครจะมีคู่แฝดเป็นมนุษย์ต่างดาวกันเล่า. แต่แผนการรบต่อมาของเกซ่าทำให้ทุกคนแน่ใจยิ่งขึ้นเมื่อเกซ่าสั่งให้ขีปนาวุธMAPWบุกเข้ามาโดยไม่สนใจพรรคพวกในบริเวณใกล้เคียงเลย ทำให้ทั้งสองทีมต้องรับศึกหนักทั้งสองด้าน.
หลังการรบจบลง ทั้งเกซ่าและกัลอินถอนตัวไปทิ้งไว้เพียงความกังขาที่ค้างคาของหลายๆคน. กีเลี่ยมมั่นใจเกี่ยวกับความลับของแอโรเกเตอร์มากขึ้นจากหลักฐานหลายอย่างที่ยืนยันว่ากัลอินคือผู้การเก้าเหว่ยจริงๆ. ไดเท็ตสึสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวนับถอยหลังสู่ปฏิบัติการSRW.

ฉากที่37
การประชุมสรุปแล้วว่า เป้าหมายที่แท้จริงของแอโรเกเตอร์ก็คือ การมอบเมเทโอ3ให้กับชาวโลกเพื่อให้ชาวโลกได้ใช้วิทยาการล้ำหน้าของEOTพัฒนาตัวเองก่อนที่แอโรเกเตอร์จะกลับมาเก็บเกี่ยวความก้าวหน้านั้นกลับไปในฐานะของทหารของตนเอง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับกัลอินและเกซ่า
และแล้วเวลาสำหรับปฏิบัติการSRWก็มาถึง ขั้นตอนสำหรับปฏิบัติการมีดังนี้
ขั้นที่1 ใช้PTและAMเข้าจู่โจมในขั้นต้นเพื่อเปิดทางโดยใช้HOSแจมเมอร์เพื่อพรางตัว
ขั้นที่2 ให้ยานรบและขีปนาวุธMAPWยิงไปที่ดาวสีขาว และใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ยิงซ้ำ
ขั้นที่3 เมื่อการป้องกันของดาวสีขาวลดต่ำลง จะใช้ปืนใหญ่แรงโน้มถ่วงแรงสูงของฮิริวไคกับโทรเนี่ยมบัสเตอร์แคนนอนของฮางาเนะยิงทำลายเกราะป้องกันเพื่อเปิดทางบุกเข้าไปภายใน
ขั้นที่4 ใช้PTที่ประกอบด้วยหน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดของเหล่าผู้ปกป้องโลกนี้บุกเข้าสู่พื้นผิวของดาวสีขาวและทำลายจากภายใน
ทั้งหมดนี้คือแผนการสำหรับปฏิบัติการSRW
หลังการประชุม ทุกคนสุมหัวกันเพื่อหาคำตอบว่า...ไอ้SRWมันย่อมาจากอะไรกันหว่า? เอ็กเซลเลนเดาว่าน่าจะหมายถึง Sexy Romance Weapon แหงๆเลย. แต่ริวเซย์ตอบว่าSRWมันต้องย่อมาจาก Super Robot Warsต่างหากล่ะ! (ถูกต้องแล้วคร้าบ!)
ส่วนอิรุมได้คุยกับพ่อของตัวเองก่อนออกรบ ทั้งคู่ยังคงหยอกกันหนักๆตามเคย. โจนาธานบอกให้อิรุมมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้ มิฉะนั้นแล้ว...พ่อจะขอสมุดปกดำที่จดชื่อที่อยู่สาวๆทุกคนที่อิรุมเคยหลีทิ้งไว้ไปรับช่วงต่อเองก็แล้วกัน.
อายะพาริวเซย์ไปพบแม่ที่กำลังรับการพยาบาลอยู่. สองแม่ลูกได้คุยกันก่อนที่ริวเซย์จะไปทำภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา นั่นคือการได้เคียงข้างเพื่อนที่ไว้ใจได้ต่อสู้เพื่อปกป้องโลกนี้. ยูคิโกะจึงบอกให้ริวเซย์จงใช้ชีวิตของตัวตามที่เขาต้องการเถอะ. ริวเซย์สัญญาว่าจะไม่ตายและกลับมาหาแม่ให้ได้
ฮางาเนะและฮิริวไคออกเดินทางสู่อวกาศโดยผ่านเหมาอินดัสตรี้บนดวงจันทร์ แต่ที่นั่น แอโรเกเตอร์ได้บุกไปรอพวกเขาอยู่ก่อนเสียแล้ว ทั้งสองลำจึงต้องเปลี่ยนเส้นทางกระทันหันเพื่อช่วยเหลือ.

ที่ดวงจันทร์ โรงงานอุตสาหกรรมของเหมาอินดัสตรี้ถูกล้อมด้วยจักรกลของแอโรเกเตอร์. หลิน ตัดสินใจจะออกรบแต่เนื่องจากเกสเพนสต์ที่มีอยู่ถ้าไม่พังไปตอนรบกับDCก็ถูกเกณฑ์ไปร่วมปฎิบัติการSRWหมดแล้ว ฮิวเคไบน์มาร์ค2ทั้งสองเครื่องก็ยกให้คนอื่นไปแล้ว ส่วนมาร์ค3ก็ยังไม่สมบูรณ์. หลินจึงตัดสินใจใช้ของที่ระลึกของตัวเองออกรบ(ของผมได้กรุนกัสต์ แต่ถ้าทำตามเงื่อนไขบางอย่างจะได้ฮิวเคไบน์008Lมาแทน)
หลังจากที่หลินต่อสู้ได้ซักพักฮางาเนะก็ปรากฏออกมาช่วย อิรุมถามหลินด้วยความเป็นห่วงแต่หลินกลับตอกกลับไปว่า จำไม่ได้ว่าเคยขอให้อิรุมมาช่วยตอนไหนนะ. เล่นเอาอิรุมหนาวเพราะคิดว่าหลินยังโกรธอยู่จริงๆด้วย
แต่ยังไงซะทั้งคู่ก็ร่วมมือกันต่อสู้
ส่วนริโอะถามหาพ่อที่ทำงานอยู่ที่นี่ด้วยความเป็นห่วง. เมื่อทั้งสองพ่อลูกได้เจอกัน พ่อของริโอะชื่นชมความห้าวหาญของริโอะที่ไม่ต่างจากแม่ของเธอเลย.
จนกระทั่งกัลอินปรากฏตัวออกมาด้วยเกสเพนสต์sที่หายไปพร้อมกับเก้าเหว่ย ซึ่งภายนอกแม้จะเป็นเกสเพนสต์ แต่ภายในนั้นถูกดัดแปลงใหม่ด้วยวิทยาการของแอโรเกเตอร์ให้ร้ายกาจขึ้น. เพื่อปลดปล่อยอดีตผู้การ กีเลี่ยมจึงต่อสู้กับกัลอินจนวาระสุดท้าย กัลอินได้รับความทรงจำกลับมาและขอบคุณกีเลี่ยมที่ช่วยทำให้เขาหลุดพ้นจากสภาพนี้เสียที ผู้การเก้าเหว่ยจากไปอย่างสงบ แต่กลับจุดไฟโกรธให้กับกีเลี่ยมอย่างมหาศาล. หลังการต่อสู้ ฮางาเนะกลับเข้าสู่เส้นทางเดินไปสู่แผนการSRWต่อไป.

ฉากที่38
เคียวสุเกะบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้าย. การ์เน็ตขอร้องแกมบังคับเจียร์ด้าไม่ให้ตายและมีชีวิตกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันกับลาทูนี่ให้ได้ เจียร์ด้าให้สัญญาก่อนออกศึกครั้งสำคัญนี้.
ส่วนเรียวโตะตัดสินใจรวบรวมความกล้าบอกริโอะว่า หลังจากที่สงครามครั้งนี้จบลงแล้วพวกเราไปปิคนิคกันได้มั้ย? ริโอะเห็นด้วยว่าน่าจะไปฉลองพร้อมกันกับทุกคนก็ดี แต่เรียวโตะกระซิบเบาๆว่า "แค่พวกเราสองคนเท่านั้นนะ" เล่นเอาริโอะที่เพิ่งเข้าใจความหมายที่เรียวโตะอยากบอกนั้น ถึงกับพูดไม่ออกไปเลย.
เท็ตสึยะเข้าพบไดเท็ตสึที่เอาเหล้าออกมาจิบอีกแล้ว เท็ตสึยะเตือนไม่ให้ดื่มเหล้าก่อนออกรบ แต่ไดเท็ตสึชวนให้เท็ตสึยะคุยกันเล็กน้อย เขารำพันออกมาว่าเท็ตสึยะน่ะเหมือนกับลูกชายของตัวเองมาก ไม่มีพ่อที่ไหนที่อยากเสียลูกของตัวเองไปหรอก. เท็ตสึยะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของไดเท็ตสึจึงสัญญาว่า จะมาดื่มด้วยแน่นอน แต่ต้องเป็นสุราฉลองหลังชัยชนะเท่านั้น ทั้งสองเดินจึงออกไปทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดด้วยกัน.

การรบเริ่มขึ้น พวกของริวเซย์ทำการขับไล่พวกหน่วยลาดตระเวณด้วยความเร็วด่วนมาก ตามด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้าที่ผิวนอกของไวท์สตาร์ แต่ขีปนาวุธกลับถูกสนามพลังของไวท์สตาร์สะกัดได้ก่อนเข้าสู่ระยะที่สร้างความเสียหายได้. มิหนำซ้ำยิงถูกยิงขีปนาวุธสวนกลับมาจนทำลายเรือรบของกองกำลังโลกไปได้ถึงสองลำ. พร้อมกับส่งกองยานรบของแอโรเกเตอร์เพิ่มขึ้นมาอีก. จึงต้องใช้แผนการขั้นที่3นั่นคือการใช้เรือรบทั้งสองลำเข้าประชิดไวท์สตาร์แล้วใช้อาวุธยิงระยะเผาขน. เป้าหมายใหม่ในครั้งนี้คือป้องกันเรือรบทุกลำอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามนอร์แมนเสียชีวิตในการปฏิบัติการครั้งนี้เมื่อเข้าใกล้ไวท์สตาร์และถูกขีปนาวุธที่หลงเหลืออยู่โจมตี.
ทางส่วนใจกลางของไวท์สตาร์เวลานั้น อาการของอินแกรมหนักขึ้นเรื่อยๆ เลวี่จึงสั่งให้วิเลตต้าออกรบพร้อมกับเกซ่า อาแด็ทสบโอกาสจึงวางแผนการหักหลังวิเลตต้า.

ฉากที่39
บนพื้นโลกเวลานั้น เจ้าหญิงไชน์ยังคงรอคอยไรด้วยความเป็นห่วง และสวดอ้อนวอนให้ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย...
ส่วนที่ฮางาเนะเวลานั้น หลังจากที่สูญเสียผู้การนอร์แมนไปแล้ว ไดเท็ตสึจึงคิดจะใช้แผนการขั้นที่4 และขอให้ทุกคนร่วมมือแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม.
เป้าหมายของฮางาเนะคือการนำเรือรบไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมและยิงโทรเนี่ยมบัสเตอร์แคนนอนเข้าใส่ไวท์สตาร์. แต่วิเลตต้าก็นำกำลังแอโรเกเตอร์ไว้คอยต้อนรับอยู่แล้ว.
ไดเท็ตสึฝ่าวงล้อมของแอโรเกเตอร์ไปจนถึงตำแหน่งที่ตั้งไว้ ทุกคนบนฮางาเนะเตรียมพร้อมสำหรับการยิงปืนโทรเนี่ยมบัสเตอร์แคนนอนทันที. โดยไม่มีใครคาดคิด เกซ่าปรากฏตัวขึ้นและโจมตีใส่ฮางาเนะที่กลายเป็นเป้านิ่งเข้าอย่างจังจนปืนใหญ่เสียหายไม่สามารถยิงโทรเนี่ยมบัสเตอร์จากระยะไกลได้อีก. ไดเท็ตสึตัดสินใจใช้ทางเลือกสุดท้ายนั่นคือใช้การเร่งเตาปฏิกรณ์โทรเนี่ยมของฮางาเนะในระยะประชิดเพื่อเปิดสนามพลังของไวท์สตาร์ เขาสั่งให้ทุกคนสละเรือซะ หน้าที่นี้ขอให้เขาเป็นคนจัดการแต่เพียงผู้เดียวเอง.ไดเท็ตสึสั่งเสียเท็ตสึยะให้มีชีวิตต่อไป แต่เท็ตสึยะปฏิเสธและขอปฏิบัติหน้าที่อย่างถึงที่สุดด้วยกัน.
ระหว่างดำเนินแผนการขั้นต่อไปนั้นเอง เกซ่าก็ประกาศจะฆ่าวิเลตต้าเพราะรู้ว่าเธอคือสายลับสองหน้า และทำลายหุ่นรบของวิเลตต้าจนพินาศไป. ริวเซย์มั่นใจสุดๆว่าเกซ่ายังมีนิสัยตอนที่ยังเป็นเทนซันเหลืออยู่.
กองเรือของแอโรเกเตอร์ตามมาสนับสนุนในช่วงเวลาที่เหมือนซ้ำเติมกัน. แต่พวกริวเซย์ก็มีผู้ช่วยสนับสนุนในยามลำบากเช่นกัน พวกเขามาตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้, เอลแซมและเซนการ์ปรากฏตัวขึ้นเพื่อปกป้องโลกตามที่เคยสัญญากับทุกคน กีเลี่ยม เอลแซม เซนการ์ทักทายกันในฐานะสหายเก่าที่เคยร่วมด้วยกันกับผู้การเก้าเหว่ยและกลับมาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้ง และช่วยเหลือฮางาเนะให้สามารถไปยังเป้าหมายได้สำเร็จ. โดยแม้ว่าพวกเขาจะสามารถล้มหุ่นรบของเกซ่าลงได้ แต่มันก็คืนชีพกลับมาได้เรื่อยๆ.
[Note - ฉากนี้เหมาะจะใช้เก็บเลเวลและPPอย่างมากเพราะยานฟูเรจะให้PPลำละ15หน่วย ส่วนเกซ่านั้นผมบึ้มมันเต็มที่ได้แค่สองรอบเพราะSPไม่เหลือเอาไปใช้เล็งเป้าหมด]

เมื่อฮางาเนะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของไวท์สตาร์ได้สำเร็จ จึงเริ่มเดินเครื่องยนต์ด้วยโอเวอร์บูสต์ ระดับความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับความเสียหายของตัวยาน ทุกคนบนฮางาเนะทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อให้ปฏิบัติการนี้สำเร็จให้ได้.
ในที่สุดประจุพลังงานโทรเนี่ยมก็ลุกวาบที่ด้านหน้าของยานพร้อมสำหรับการพุ่งทะลุสนามพลังของไวท์สตาร์แล้ว .เกซ่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าโดนดึงความสนใจไปจึงรีบเข้ามาขวางหมายทำลายฮางาเนะด้วยมือตัวเอง. แต่สายเกินไป เท็ตสึยะอาศัยจังหวะนี้เร่งความเร็วของฮางาเนะพุ่งเข้าชนเกซ่าปะทะอัดเข้ากับสนามพลังของไวท์สตาร์ไปพร้อมกัน. ถึงแม้หุ่นรบของเกซ่าจะสามารถคืนสภาพได้เรื่อยๆ ก็ยังไม่สามารถต้านทานพลังงานโทรเนี่ยมมหาศาลในระยะกระชั้นนี้ได้. ส่วนฮางาเนะนั้นระเบิดอย่างเจิดจรัศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสูญสลายหายไป
และแล้วสนามพลังของดาวอสูรสีขาวก็ถูกทำลายไปพร้อมกับวาระสุดท้ายของเรือรบฮางาเนะในครั้งนี้เอง...

การระเบิดครั้งใหญ่ของฮางาเนะทำให้เลฟีน่าและทุกคนบนเรือฮิริวไคตื่นตระหนก หลังจากนั้นสัญญาณของฮางาเนะก็หายไป. พวกเราสละชีพไปแล้วหรือ?...
สัญญาณจากคุโรงาเนะของเอลแซมติดต่อมา, แจ้งว่าขณะนี้ลูกเรือทุกคนของฮางาเนะได้รับการช่วยเหลือแล้ว. จากนี้ไปคุโรงาเนะจะโอนการบัญชาการให้กับกัปตันไดเท็ตสึแทน และขอให้ยานรบลำอื่นนอกจากคุโรงาเนะคอยควบคุมสถานการณ์จากด้านนอก พวกเขาจะบุกไปด้านในโดยลำพังเอง.

ฉากที่40
ที่ด้านในของเนบิอิม เหล่านักรบผู้มาจากโลกต้องแปลกใจเมื่อพบว่าบรรยากาศภายในดาวสีขาวนั้นเหมือนกับโลกมาก ราวกับว่าถูกจำลองมาเพื่อให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้เลย. ขณะที่ทำการสำรวจรอบๆอยู่นั้น ทาสึคุแอบกระซิบเลโอน่าว่า เขาจะยังไม่ยอมแพ้ เมื่อจบการรบครั้งนี้เขามีเรื่องที่อยากบอกเลโอน่า.
ในที่สุดกองกำลังที่ป้องกันพื้นที่นี้ก็ปรากฏออกมา ทุกคนแปลกใจเมื่อพบว่ามันคือกองกำลังAMของDCที่ถูกล้างสมองมา. คุสุฮะถามวิธีที่จะช่วยคนพวกนี้เหมือนกับที่ช่วยเธอไว้ แต่กีเลี่ยมปฏิเสธว่าไม่สามารถทำได้เพราะตอนนั้นคุสุฮะแค่โดนควบคุมด้วยT-Linkเท่านั้น แต่กับทหารDCพวกนี้ถูกล้างสมองโดยสมบูรณ์ ไม่มีทางช่วยได้แล้ว เหมือนกับผู้การเก้าเหว่ยนั่นเอง. เมื่อไม่มีทางเลือกพวกเขาจึงต้องจัดการกับทหารพวกนี้และเก็บเอาเจ็บปวดไว้คืนให้กับแอโรเกเตอร์ที่เป็นต้นเหตุทั้งหมด.
เมื่อทหารDCถูกจัดการจนหมด อายะเกิดอาการแปลกๆราวกับมีบางอย่างกำลังรบกวนทางจิต ลัดดารีบบอกให้อายะตัดระดับT-Linkลง40% ทำให้อายะดีขึ้นเล็กน้อย ลัดดานึกในใจว่าT-Linkของเลวี่ที่เป็นน้องสาวของไมกำลังเรียกหาพี่สาว.
สิ่งที่ปรากฏต่อมาก็คือวาลซิออนไคถึง4เครื่อง สร้างความเดือดดาลให้ริวเน่มากที่บังอาจเอางานสุดรักของพ่อมาทำซ้ำ. หลังจากที่ทุกคนเข้าต่อสู้กับวาลซิออนไคทุกเครื่องจนหมด วิเลตต้าปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเกสเพนสต์. หลายคนสงสัยว่าจะไว้ใจวิเลตต้าดีไหม มีเพียงกีเลี่ยมที่คิดว่าวิเลตต้าไว้ใจได้. วิเลตต้าจึงบอกว่าเมื่อไหร่ที่เธอตุกติกก็ยิงทิ้งได้เลย. เธอขอบคุณกีเลี่ยมยอมไว้ใจ.
ทันใดนั้นศัตรูกลุ่มใหม่ก็ปรากฏออกมา ทุกคนตกใจมากเมื่อพบกับ...ร่างก็อปปี้ของตัวเอง. มิหนำซ้ำทุกคนยังมีนิสัยเหมือนตัวจริงไม่ผิดเพี้ยน. น่าแปลกที่เคียวสุเกะคนที่สองบอกว่าพวกเราเจอตัวปลอมเข้าให้แล้ว ส่วนเอ็กเซลเลนคนที่สองท่าทางร่าเริงเหมือนปกติ ริวเซย์คนที่สองบอกว่าจะแสดงพลังของตัวจริงให้ดู มิหนำซ้ำนอกจากมาซาคิแล้วขนาดชิโร่,คุโร่ก็ยังมีตัวก็อปปี้ด้วย เอาเข้าไป.

วิเลตต้าสงบสติทุกคนโดยอธิบายว่า พวกนี้ก็เหมือนกับวาลซิออนไคและDCที่ต่อสู้ไปเมื่อครู่นี้. แอโรเกเตอร์สร้างขึ้นจากข้อมูลที่ได้จากอินแกรม รวมไปถึงคลื่นสมองและความทรงจำของนักบินที่ถูกบันทึกไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าใจว่าตัวเองเป็นตัวจริง แต่มีความคิดตามคำสั่งของแอโรเกเตอร์. เคียวสุเกะตัดสินใจสั่งให้ทุกคนเข้าต่อสู้กับตัวปลอม จงกำจัดเงาให้หายกลับไปในความมืดซะ.
เมื่อทีมSRXปะทะกับSRXกันเอง ทั้งสามคนต่างก็ตกใจเมื่อได้รู้ว่า คู่เหมือนของตัวเองต่างก็เหลิงในพลังอันยิ่งใหญ่ของSRXและคิดจะใช้เป็นอาวุธเพื่อทำลายล้างมนุษย์โลก ริวเซย์จึงใช้SRXที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งหัวใจอันเที่ยงธรรมแท้จริง จัดการกับตัวปลอมไปด้วย"เพลงกระบี่ไร้เทียมทานเหนือฟ้าใต้หล้า"จนสิ้น เช่นเดียวกับตัวปลอมคนอื่นๆที่ไม่อาจเทียบฝีมือกับตัวจริงได้.
ในที่สุดตัวการที่แท้จริงก็ปรากฏออกมา อาแด็ทที่ซุ่มอยู่โผล่ออกมาพร้อมถามว่าสนุกกับทราวม่าชาโดว์บ้างมั้ย? . พร้อมเผยความจริงว่านี่คือสิ่งที่อาแด็ททำมาตลอด เก็บมนุษย์ที่มีความสามารถสูงมามอบร่างกายใหม่เช่นเดียวกับเทนซันและกัลอิน พร้อมปลูกฝังความรู้สึกกระหายการต่อสู้ให้.อาแด็ทคุยด้วยความภาคภูมิใจในวิทยาการของชาวบาลเมอร์ซึ่งเป็นชนชาติหนึ่งของแอโรเกเตอร์ . เกซ่าที่น่าจะแหลกไปพร้อมกับฮางาเนะไปแล้วปรากฏตัวออกมาพร้อมหัวเราะด้วยความสะใจเมื่อคิดจะขยี้ศัตรูให้แหลกเละกับมือตัวเอง. ริวเซย์ในเวลานี้ไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว เขาจะขอจบความบ้าคลั่งของเทนซันด้วยมือของตัวเองในครั้งนี้ให้ได้.
ริวเซย์เข้าต่อสู้กับเกซ่าหรือเทนซันด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆทุกคน เขาสามารถจัดการเกซ่าลงได้. ก่อนตายเกซ่ารำพันถึงเรื่องที่ตั้งใจจะทำในวันพรุ่งนี้...เขาจะเล่นเกมเบิร์นนิ่งPTอีกรอบ แล้วคราวนี้จะต้องชนะให้ได้. ริวเซย์ฟังแล้วนิ่งไปจนเรียวโตะเป็นห่วง เรื่องที่เกิดกับเทนซันนั้นมีผลกับริวเซย์มากเหลือเกิน. ริวเซย์บอกเพียงว่าเทนซันเกมของแกน่ะจบลงแล้วนะ จากนี้ไปเป็นของจริงของฉันบ้างหละ. ริวเซย์หันไปสู้กับอาแด็ทซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เทนซันและเก้าเหว่ยต้องมีจุดจบแบบนี้.

อาแด็ทได้รับบาดเจ็บซมซานหนีไป เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าชาวบาลเมอร์ที่ยิ่งใหญ่จะพ่ายแพ้แก่มนุษย์โลกได้. อาแด็ทได้พบความจริงที่ไม่อยากเชื่ออีกข้อ ตัวจริงของเธอคือชาวโลกชื่อเจนนิเฟอร์ ฟอนด้า ไม่ใช่ชาวบาลเมอร์อย่างที่เคยเชื่อมาตลอด. อินแกรมสารภาพความจริงว่าจับตัวเจนจิเฟอร์มาพร้อมกับไม โคบายาชิ น้องสาวของอายะในฐานะตัวอย่างทดลองแล้วจึงปลูกฝังความทรงจำเทียมลงไป เช่นเดียวกับเกซ่าและกัลอิน. บนดวงดาวสีขาวเนบิอิมแห่งนี้มีชาวบาลเมอร์สายพันธุ์แท้จริงเพียงคนเดียวก็คือ อินแกรมเท่านั้น. เมื่อเอ่ยจบแล้วอินแกรมจึงปลิดชีพอาแด็ทหลังจากที่คืนชื่อเดิมในฐานะมนุษย์ให้เจนนิเฟอร์ในวาระสุดท้ายนี้.

ฉากที่41(ครึ่งแรก)
ในที่สุดคุโรงาเนะก็สามารถเข้าสู่ใจกลางของไวท์สตาร์ได้สำเร็จ สิ่งที่รอพวกเขาอยู่ก็คือR-Gunริวาเล่, อินแกรม พริสเก้นผู้คอยต้อนรับพวกเขาอยู่. ริวเซย์ประกาศว่าจะจัดการกับอินแกรมและทำลายไวท์สตาร์ลงให้ได้. มาซาคิไม่ให้อภัยอินแกรมที่เห็นมนุษย์เป็นแค่ตัวอย่างทดลอง. เอลแซมเอ่ยว่านี่คือเวลาที่บิอันและไมเยอร์เฝ้ารอมาตลอด ไรพยักหน้ากับพี่ชายของตนเอง เขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องโลกและโคโลนี่ที่ท่านพี่แคทลียารักให้ได้. เซนการ์ตะโกนปลุกใจทุกคน ให้ต่อสู้ด้วยอาวุธที่ทุกคนมีอยู่. อายะรับคำด้วยอาวุธที่มีอยู่ในหัวใจของทุกคน เธอจะเอาชนะอินแกรมให้ได้. อินแกรมชื่นชมในความตั้งใจของทุกคนและท้าให้เข้ามาสู้กันเพื่อตัดสินทุกสิ่งในครั้งนี้.
ริวเซย์ใช้SRXเข้าต่อสู้กับอินแกรม เมื่อต่อสู้ได้สักพักอายะเกิดอาการปวดหัวอีกครั้ง ไรเตือนอายะให้ตัดระบบT-Linkหลักให้เป็นหน้าที่ของR-1 แต่อายะปฏิเสธ เพราะเธอต้องการจะเห็นทุกสิ่งด้วยตาของตัวเอง ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เมื่อเห็นอายะตั้งใจจริงไรจึงยอมให้อายะทำหน้าที่ต่อไป.การต่อสู้ของริวเซย์และอินแกรมมาถึงจุดสิ้นสุด(ถึงความจริงจะใช้วิธีลงแขกอินแกรมก็เหอะ) อินแกรมแสดงความยินดีกับริวเซย์. เขาขอบคุณที่ช่วยหยุดตัวเองไว้ในระหว่างที่ตัวเขากำลังจะถูกจูเดคก้าควบคุมจนไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป.
แท้ที่จริงแล้วอินแกรมเป็นมนุษย์เทียมที่บาลเมอร์สร้างมาและส่งให้เดินทางไปยังจักรวาลที่เวิ้งว้างพร้อมกับจูเดคก้าเพื่อรวบรวมตัวอย่างทดลอง ความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างของอินแกรมจะเชื่อมโยงกับจูเดคก้า และจูเดคก้าก็ควบคุมความรู้สึกนึกคิดของอินแกรมตลอดราวกับเป็นนักโทษที่ไม่อาจหนีเป็นอิสระได้. ทั้งคู่เดินทางไปยังที่ต่างๆจนกระทั่งได้มาพบกับดาวโลก ที่ซึ่งเขาหวังไว้ลึกๆว่าจะต้องมีคนที่ช่วยปลดปล่อยพันธนาการของจูเดคก้าให้สำเร็จได้. ริวเซย์แทบไม่อยากเชื่อเลยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่อินแกรมทำลงไปก็เพื่อให้มีคนมาจบชีวิตตัวเอง. อินแกรมอวยพรให้ทุกคนได้รับชัยชนะในการรบครั้งนี้. ก่อนที่อินแกรมจะสิ้นลม เขาให้กำลังใจอายะเป็นครั้งสุดท้ายว่า อย่าให้อดีตมาผูกมัดตัวเอง จงฝ่าฟันสู่อนาคตด้วยตัวเอง. และแล้วอินแกรมหลุดพ้นจากพันธนาการไปสู่ความสงบชั่วนิรันดร์. ทุกคนไว้อาลัยต่ออินแกรมเช่นเดียวกับไมเยอร์และบิอัน พร้อมกับศูนย์กลางของดวงดาวเนบิอิมซึ่งเริ่มการพังทลายลง.

ทางด้านนอก ฮิริวไคและกองยานรบของชาวโลกได้รอคอยการกลับมาของคุโรงาเนะ. คุโรงาเนะออกมาจากเนบิอิมได้ทันเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่พบเลวี่ โทเลอร์ผู้นำของแอโรเกเตอร์ก็ตาม. แต่มันยังไม่จบ เนบิอิมปลดปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาลออกมาทำลายกองยานรบทั้งหมดของชาวโลก เหลือเพียงฮิริวไคและคุโรงาเนะที่เหลือรอดมาแต่ก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก. ดาวสีขาวยังไม่หมดฤทธิ์ มันกำลังมุ่งหน้าลงไปยังโลกเพื่อเข้าปะทะ พร้อมกับส่งอาวุธขนาดยักษ์ออกมา. มันคือยักษ์สีขาวซึ่งเป็นต้นตอแห่งสงครามทั้งหมด...จูเดคก้า!

ฉากที่41(ครึ่งหลัง)
ทุกคนเผชิญหน้ากับจูเดคก้า. เพียงอยู่ต่อหน้า ผู้มีT-Linkทุกคนต่างก็สัมผัสถึงพลังที่รุนแรงคุกคามจนรู้สึกได้, เลวี่ โทเลอร์นั่นเอง. เลวี่บอกถึงจุดประสงค์ของแอโรเกเตอร์, เริ่มจากส่งวิทยาการEOTมากับเมเทโอ3เพื่อให้มนุษยชาติได้เรียนรู้และพัฒนาความเจริญ จากนั้นเมื่อผลผลิตสุกงอมได้ที่ ก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวคืนแล้ว พวกริวเซย์คือเหล่านักรบที่ได้ผ่านการคัดเลือกให้เป็นอาวุธของแอโรเกเตอร์เพื่อพิชิตจักรวาลต่อไป เช่นเดียวกับที่คุสุฮะ,เทนซันและผู้การเก้าเหว่ยที่ได้รับเลือกก่อนหน้านี้.ทุกคนปฏิเสธและเข้าต่อสู้กับเลวี่ทันที.
(เนื่องจากเรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นบทสนทนาเมื่อต่อสู้กับเลวี่ ดังนั้นขอเล่าแยกตามตัวละครแต่ละคนนะครับ)

อิรุม - อิรุมพิจารณาเลวี่แล้วแสดงความเห็นว่าเลวี่ดูดีๆก็น่ารักดีนะ ถ้าโตอีกหน่อยคงสวยจนควงไปเดทได้แหงๆ แน่นอนว่าเลวี่ปฏิเสธแถมยังโมโหที่ถูกแหย่เล่น. อิรุมบอกว่าต่อจากนี้จะไม่ออมมือให้แล้วหละนะ.
ไดเท็ตสึ - เขากล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มขึ้นตั้งแต่ยังเขาบัญชาการเรือฮิริว ลูกเรือหลายคนต้องพลีชีพไป แต่การเสียสละของพวกเขาจะไม่สูญเปล่าแน่นอน!
เลโอน่า - เธอประกาศด้วยเกียรติแห่งไมเยอร์,บิอัน และผู้คนมากมายที่ยอมเสียสละเพื่อการปกป้องโลกในครั้งนี้ นี่คือเวลาที่จะปกป้องดาวโลกและอนาคตแห่งมนุษยชาติแล้ว
ลัดดา - เมื่อได้เผชิญหน้ากัน ลัดดาแน่ใจในสิ่งที่เธอสันนิษฐานมาตลอด เลวี่ถามว่าลัดดารู้อะไรบ้างจากพลังจิตพิเศษที่ค้นคว้ามา ลัดดาตอบว่า เลวี่คือมนุษย์โลกเหมือนกับเธอนั่นแหละ
ริวเน่ - เลวี่เยาะเย้ยวาลซิโอเน่ว่าเป็นแค่ตุ๊กตาที่สร้างขึ้นมาเพื่อตามใจริวเน่เท่านั้น. แต่ริวเน่สวนกลับไปว่า ตุ๊กตาตัวนี้เจ๋งพอปราบพยศเลวี่ได้ละกันหละน่า.
ลาทูนี่ - เลวี่ชื่นชมลาทูนี่ว่า เธอจะต้องเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมได้แน่ๆ. ลาทูนี่ปฏิเสธ เธอจะไม่ยอมทำตามคำบงการของคนอื่นอีกต่อไปแล้ว, เพราะริวเซย์และทุกคนแท้ๆ ที่ทำให้เธอค้นพบตัวเองจนได้.
แคทีน่า - แคทีน่าบู๊ด้วยแรงฮึดเต็มที่ บอกว่าเธอจะเตะไอ้พวกที่เธอไม่ชอบหน้าทุกคนเต็มเหนี่ยวไปเลย รู้ฤทธิ์เจ๊น้อยไปซะแล้ว เจ้าพวกต่างดาว!
ริโอะ - ริโอะบอกว่าเลวี่และแอโรเกเตอร์นั้นทำในสิ่งที่ผิด แต่เลวี่ไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ริโอะจึงว้ากใส่เลวี่ว่า เลวี่เป็นคนชั่ว เธอจะกำหราบเลวี่ด้วยความยุติธรรมเอง

เรียวโตะ - เลวี่บอกกับเรียวโตะว่ากลัวอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเจ้าคนปอดแหกอย่างเรียวโตะจะทำอะไรได้ เรียวโตะตอบว่า จริงอยู่ที่เขากำลังกลัว แต่เขาก็รู้ดีว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร เขาจะต่อสู้ด้วยความกล้าที่ได้จากทุกๆคน
รัซเซล - รัซเซลบอกว่า แม้ว่าจะรู้สึกปอดๆอยู่บ้าง แต่ถ้าเทียบกับแคทีน่าเวลาฉุนขาดแล้วละก็ น่ากลัวกว่าจูเดคก้าเป็นไหนๆ เพราะฉะนั้น เขาจะไม่หนีเป็นเด็ดขาด
การ์เน็ต - การ์เน็ตบอกว่าเธอไม่อยากตาย เธอจะต้องรอดเพราะเธอมีเหตุผลที่ต้องมีชีวิตอยู่ เลวี่ถามว่า แล้วทำไมถึงคิดจะฆ่าตัวตายโดยมาต่อสู้กับจูเดคก้าซะล่ะ การ์เน็ตตอบว่า เธอไม่ต้องการอนาคตที่ได้มาอย่างง่ายดาย หากคิดจะหนีก็หนีไปตั้งนานแล้ว เธอจะสร้างอนาคตของตัวเองกับคนที่เธอรักด้วยตัวเอง.
เซนการ์ - เซนการ์ส่งเสียงคำรามด้วยสโลแกนประจำตัว "นามของข้า เซนการ์ โซนโบลต์! จอมกระบี่ผู้พิชิตอธรรม!!! เลวี่ โทเลอร์ ข้าจะขจัดแกด้วยเพลงดาบซันคันโตเอง!!!"
ทาสึคุ - ทาสึคุบอกว่าเขาจะลองเสี่ยงดวงดูอีกซักที คราวนี้เดิมพันกองโตซะด้วย เลวี่เยาะเย้ยว่า แค่ดวงอย่างเดียวยังไม่พอหรอก แต่ทาสึคุบอกว่า แน่จริงก็ลองพิสูจน์สิ ฉันมันพวกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุซะด้วย
กีเลี่ยม - เขาบอกว่าถึงจุดเปลี่ยนแปลงของประวัติศาสตร์แล้ว เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นอนาคตที่ถูกกำหนดไว้ หรือจะเป็นอนาคตที่คาดไม่ถึงอยู่ที่การตัดสินของเวลานี้แหละ. เลวี่ไม่เข้าใจที่กีเลี่ยมพูด แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่สะกิดใจในคำพูดของกีเลี่ยม
วิเลตต้า - เลวี่เรียกวิเลตต้าว่าตุ๊กตาน้อยๆของอินแกรม ตอนนี้เธอสามารถคิดทำอะไรด้วยตัวเองได้หรือยัง? วิเลตต้าตอบกลับไปว่าตอนนี้เธอเป็นอิสระจากอินแกรมแล้ว คราวนี้จะปลดปล่อยเลวี่จากชะตากรรมที่ถูกอินแกรมบงการบ้างหละ

เอ็กเซลเลน - เอ็กเซลเลนทักทายเลวี่เหมือนเพื่อนเล่นๆ ยินดีที่ได้รู้จัก เลวี่จัง ตอนนี้เราต้องสู้กันหละนะ^_^
บูลิทท์ - เลวี่ชื่นชมบูลิทท์ว่าทำได้ดีมาก ตอนนี้พลังของบูลิทท์เหมาะสมที่จะเป็นหนึ่งในทหารที่เข้มแข็งของเธอแล้ว แต่บูลิทท์ปฏิเสธว่า พลังไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาได้รับชัยชนะ วิชาที่ได้เรียนรู้จากเซนการ์และอาจารย์ต่างหากที่ทำให้เขาได้รับชัยชนะ รวมถึงการต่อสู้กับเลวี่ครั้งนี้ด้วย!
คุสุฮะ - คุสุฮะพยายามห้ามเลวี่ว่า การต่อสู้ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เลวี่ก็เหมือนกับที่เธอเคยถูกล้างสมองมาแล้ว เลวี่ปฏิเสธแล้วสู้ต่อไป
มาซาคิ - เลวี่ชื่นชมในความเก่งกาจของมาโซวคิชินที่มาซาคิขับ กล่าวว่าถึงแม้พลังนี้จะเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยรู้จักแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเธอได้ครอบครองจะใช้อำนาจเพื่อบาลูเมอร์ . มาซาคิสวนกลับไปว่าการชักนำให้ผู้อื่นทำตามอำเภอใจตัวเองนั้นคืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาเองได้เรียนรู้จากชูว์และอินแกรมมาแล้ว ตอนนี้เลวี่เองก็กำลังถูกชักนำโดยการบงการของผู้อื่นโดยไร้ความตั้งใจของตัวเอง ในฐานะของผู้ขับมาโซวคิชิน เขาจะตัดเชือกชักใยที่บงการเลวี่อยู่เอง
เอลแซม - เลวี่ชมเอลแซมว่าเขาจะเลือกเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมของแอโรเกเตอร์หรือตาย เอลแซมตอบว่า เขายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าภรรยาในโลกโน้น แคทลียายอมสละชีวิตของเธอเพื่อปกป้องความสงบสุข ฉันจะไม่ยอมให้การเสียสละของเธอต้องสูญเปล่าแน่ ด้วยมือที่แปดเปื้อนเลือดนี้ จะควบทรอมเบพิชิตเลวี่เอง.
ไค (เนื้อเรื่องเคียวสุเกะเท่านั้น) - ไคขอบใจเลวี่ที่ทำให้หน่วยพิเศษที่แยกย้ายกันไป ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อให้วิญญาณของผู้การเก้าเหว่ยได้พักอย่างสงบ. เลวี่บอกว่าไคถูกวิญญาณสิงหรือไง . ไคจึงตอบว่า ใช่ หน่วยพิเศษก้าวเดินไปด้วยสปิริต จิตวิญญาณที่เรียกว่าเกสเพนสต์ไงล่ะ!
ริวเซย์ - ริวเซย์บอกให้เลวี่ทบทวนให้ดีๆ ทั้งเทนซัน อาแด็ท เก้าเหว่ย ต่างก็เป็นมนุษย์โลกที่ถูกล้างสมองให้คิดว่าตัวเองเป็นแอโรเกเตอร์ทั้งนั้น บางทีเลวี่เองก็อาจจะเป็นชาวโลกที่ถูกล้างสมองด้วยก็ได้ แน่นอนว่าเลวี่ปฏิเสธ เธอยืนยันว่าเป็นชาวแอโรเกเตอร์ เป็นศูนย์กลางของจูเดคก้าต่างหาก. ริวเซย์ตวาดกลับว่านั่นก็เป็นความทรงจำจอมปลอมเหมือนกันนั่นแหละ!

ไร - นักรบที่ดีรู้ที่ที่ตัวเองต้องตาย เขารู้ดีว่าตราบที่ยังมีสิ่งที่ต้องปกป้อง ที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ตายของเขาเด็ดขาด
อายะ - อายะรู้สึกได้ถึงพลังจิตที่เหมือนกับของตัวเองจากเลวี่ อายะจึงบอกว่าแม้เธอจะไม่ต้องการพลังที่ผิดมนุษย์ที่เธอมีอยู่ แต่ถ้ามันจำเป็นสำหรับหยุดยั้งเลวี่และจูเดคก้าแล้ว เธอยอมใช้พลังนั้น

เมื่อการต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เลวี่เริ่มไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์พวกนี้ถึงได้ต่อสู้กับจูเดคก้าโดยไม่มีการลังเลหรือยอมแพ้เลย.
ริวเซย์พยายามคุยกับเลวี่อีกครั้ง แต่ก็ยังปฏิเสธเหมือนเดิม ริวเซย์จึงบอกว่าทั้งDC ทั้งกองกำลังโคโลนี่ และพวกเขาเองต่างก็ต่อสู้ด้วยจุดประสงค์ของตัวเองทั้งนั้น แต่เลวี่ไม่มีจุดประสงค์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกจูเดคก้าเชิดอยู่เท่านั้น. เลวี่ยังคงดื้อและปฏิเสธต่อไป มาซาคิและเคียวสุเกะบอกริวเซย์ว่าสายเกินไปสำหรับเลวี่แล้ว เรามีทางสุดท้ายคือทำลายจูเดคก้าซะ.

เลวี่เกิดอาการช็อคจิตของตัวเอง เธอกรีดร้องด้วยความไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น. อายะถามลัดดาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดกับเลวี่ ลัดดาได้แต่เงียบไป อายะเริ่มสรุปอะไรได้ในใจ ก่อนจะประกาศว่า เลวี่ในเวลานี้เกินเยียวยาเช่นเดียวกับอินแกรมซะแล้ว ดังนั้น เพื่อปกป้องโลก ต้องจัดการกับจูเดคก้าเท่านั้น. เลวี่ร้องบอกทั้งที่ยังเจ็บปวดว่า พวกชาวโลกไม่มีทางจะหยุดจูเดคก้าได้.
แต่เคียวสุเกะสวนกลับไปว่า เขาเห็นหนทางแห่งชัยชนะอยู่ต่อหน้านี้แล้ว หากทำลายจูเดคก้าลงได้นั่นแหละคือชัยชนะ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ ด้วยไพ่ตายในมือนี้หละ!
เลวี่ได้รับรู้ถึงความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของชาวโลกที่แอโรเกเตอร์ไม่มีวันครอบครองได้ และกลายเป็นดาบสองคมกลับมาทำร้ายเธอเอง เลวี่กรีดร้อง ลั่นปากว่าจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง

มาซาคิตะคอกกลับไปหาเลวี่พร้อมบอกว่าเลวี่ในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กดื้อที่งอแงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เลย
เลวี่ไม่เข้าใจว่าเธอมีข้อมูลของพวกชาวโลกแล้วแท้ๆ มาซาคิตอบว่าข้อมูลเป็นแค่บันทึกของวันวานเท่านั้น ลองชิมพลังที่เติบใหญ่จากวันวานดูหน่อยเซ่!
เคียวสุเกะเข้าประจันบาน พร้อมสั่งการทุกคนว่า ได้เวลาเทหมดหน้าตัก นี่คือตาสุดท้าย โซ้ยเจ้ามือให้เจ๊งซะ
ริวเน่ตะโกน นี่คืออนาคตที่พ่อทิ้งไว้ให้กับพวกเรา เราจะปกป้องไว้ด้วยมือตัวเอง
มาซาคิชูดาบประกาศก้อง ให้มันจบลงตรงนี้ เพื่ออรุณรุ่งของพรุ่งนี้แต่โลกของเรา
ส่วนเอ็กเซลเลน แอบนึกในใจว่า ทุกคนไปซะแล้ว

ด้วยความมุ่งมั่นของทุกคน ในที่สุดจูเดคก้าก็ถูกทำลายลงจนได้ เลวี่หัวเราะเยาะชาวโลกที่บังอาจทำลายจูเดคก้า. เธอเปิดเผยความจริงว่าเมื่อจูเดคก้าถูกทำลายลงแล้ว ก็จะไม่มีผนึกนิรภัยสำหรับอาวุธสุดท้ายของชาวบาลเมอร์ที่ถูกส่งไปยังโลกได้อีกต่อไป อาวุธนั้นอยู่ ณ ที่ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง และจะกลืนกินทุกอย่าง โลกนี้ถึงจุดจบแล้ว. ทุกคนเมื่อได้ฟังจึงรู้ได้ทันทีว่า อาวุธสุดท้ายของมนุษย์ต่างดาวนั้นอยู่โลกเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ...

ฉากสุดท้าย
ณ เมเทโอ3 ที่ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้น ณ บัดนี้ มันจะเป็นที่ซึ่งทุกอย่างจบลง
กองทัพของสหพันธ์โลกถูกเมเทโอ3กินเข้าไปจนหมด คุโรงาเนะกับฮิริวไคมาถึงที่เกาะของDCและได้พบกับสภาพที่แท้จริงของเมเทโอ3 ซึ่งบัดนี้ได้เผยตัวเป็นอาวุธสุดท้ายของชาวบาลูเมอร์แล้ว. เรียวโตะคาดไว้ไม่มีผิด เมื่อครั้งที่เขายังอยู่DC ศจ.บิอันเคยเล่าให้ฟังว่าบางส่วนของเมเทโอ3ถูกสมอแรงโน้มถ่วงปิดผนึกไว้ ที่แท้ก็เพื่อปิดผนึกอำนาจของเมเทโอ3นั่นเอง ศจ.บิอันคงคาดไว้แล้วว่าเป้าหมายของมนุษย์ต่างดาวคืออะไรตั้งแต่ตอนนั้น จึงเริ่มพยายามทำทุกวิธีเพื่อปกป้องโลกไว้.
เมเทโอ3 ทำการปลดปล่อยกองกำลังทหารที่ดูดกลืนไว้ออกมาภายใต้การควบคุมของตนเอง หากพวกเขาแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ โลกจะถูกกลืนกินเข้าไปและกลายเป็นอาวุธที่ไร้ชีวิตจิตใจต่อไป. ทุกคนฮึดสู้เต็มที่ นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่แท้จริงแล้ว

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เมเทโอ3หรือเซพทากิน ค่อยๆปลดปล่อยกองกำลังเสริมออกมาเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แถมยังสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ซะอีก ในช่วงสุดท้าย เซพทากิน ปลดระบบสุดท้ายสำหรับกลืนกินโลก ไดเท็ตสึบอกว่าเวลาเหลืออีกแค่5นาทีก่อนที่โลกจะถูกทำลาย รีบทำลายเซพทากินซะ ชะตากรรมสุดท้ายของการต่อสู้นี้ ทั้งกับDC กับแอโรเกเตอร์ และกับบาลูเมอร์ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะจบสิ้นซะที.........

เมเทโอ3ถูกทำลายลงได้สำเร็จ ไดเท็ตสึประกาศว่าปฏิบัติการSRWเสร็จสิ้นแล้ว การเคลื่อนไหวของเนบิอิมหยุดลง เลวี่หายสาบสูญ ลัดดาจึงบอกความจริงกับอายะว่า แท้จริงแล้วเลวี่ก็คือน้องสาวของอายะ ไม โคบายาชิที่ถูกอินแกรมปลอมแปลงข้อมูล และพาตัวล้างสมองที่ดวงดาวไวท์สตาร์ เช่นเดียวกับบุคลากรอื่นๆของแอโรเกเตอร์ที่เป็นชาวโลก ริวเซย์เสียใจว่าทั้งที่ควรจะได้ช่วยเหลือเลวี่เหมือนกับคุสุฮะแท้ๆ อายะปลอบใจโดยรำลึกถึงคำสั่งเสียของอินแกรมที่ว่า "อย่าให้อดีตมาผูกมัดตัวเอง จงฝ่าฟันสู่อนาคตด้วยตัวเอง" อายะยิ้มพร้อมบอกว่า น่าแปลกนะ ที่เธอรู้สึกว่าอินแกรมและไม ต้องยังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ ถึงจะเป็นแค่ลางสังหรณ์ก็เถอะ

อินแกรมคุยกับวิเลตต้าสองต่อสอง วิเลตต้าเปิดเผยความจริงว่า นามสกุลที่แท้จริงของเธอคือ พริสเก้น วิเลตต้า พริสเก้น เป็นลูกสาวที่อินแกรมสร้างขึ้นในระหว่างที่การควบคุมของจูเดคก้าอ่อนกำลังลง เพื่อให้วิเลตต้าช่วยสืบทอดความตั้งใจของตัวเอง ก่อนที่อินแกรมถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ ดังนั้นวิเลตต้าจึงหลุดพ้นจากการควบคุมของจูเดคก้าและทำตัวเป็นสายลับสองหน้านี่เอง ส่วนข้อมูลอื่นๆเท่าที่รู้ก็คือ อินแกรมถูกส่งมาพร้อมจูเดคก้าโดยเผ่าพันธุ์บาลูเมอร์ เดินทางผ่านจักรวาลที่ไกลโพ้นมาจนพบโลกมนุษย์ เมื่ออินแกรมตื่นขึ้น เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ตัวเองเป็นอิสระ และสร้างวิเลตต้าขึ้นเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ส่วนเผ่าบาลูเมอร์ในตอนนี้ เธอไม่รู้เหมือนกันว่ายังคงอยู่หรือพินาศจากสงครามไปแล้ว
กีเลี่ยมนึกในใจว่า เป็นไปได้ที่จะมีมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธ์อื่นหลงเหลืออยู่ในจักรวาลนี้แน่ ถ้าอย่างนั้นห้วงมิตินี้กำลังจะเปลี่ยนไปจากที่เขาเคยหยั่งรู้ได้
กีเลี่ยมชวนให้วิเลตต้าไปอยู่หน่วยข่าวกรองด้วยกัน แต่วิเลตต้าปฏิเสธด้วยว่าคำสั่งเสียสุดท้ายของอินแกรมคือให้เธออยู่เคียงข้างพวกริวเซย์ ซึ่งเธอรับทำไม่ใช่เพราะเป็นคำสั่ง แต่เป็นเพราะเธอเต็มใจทำด้วยความตั้งใจของตัวเองโดยไม่ถูกบงการ แล้วก็ ขอบคุณที่กีเลี่ยมยอมไว้ใจเธอตลอดมา.

ฮิริวไคและลูกเรือคนอื่นๆจะไปประจำยังฐานอิคารอสที่อยู่นอกโลก ไดเท็ตสึกล่าวลาจอห์นผู้เป็นสหายเก่าพร้อมแซวเล็กๆน้อยๆ.
ทาสึคุถามหาเซนการ์และเอลแซมที่หายไปดุจสายลมหลังจากที่สงครามจบลง เคียวสุเกะตอบว่าเมื่อโลกอยู่ในอันตราย พวกเขาต้องกลับมาแน่ๆ. บูลิทท์ถามทาสึคุว่าจะย้ายไปอยู่อวกาศจริงๆนะเหรอ ทาสึคุยืนยันความตั้งใจเดิมทั้งที่ยังตัดใจเรื่องเลโอน่าไม่ได้ แต่ก็ยังแอบแซวบูลิทท์เรื่องคุสุฮะหน่อยๆ
ลับหลัง เอ็กเซลเลนแอบกระซิบทาสึคุว่า นี่โอกาสสุดท้ายแล้ว จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้เหรอ?
เคียวสุเกะให้กำลังใจทาสึคุให้รวมความกล้าเดิมพันครั้งยิ่งใหญ่ไปเลย
ทาสึคุจึงตัดสินใจรวมความกล้า บอกเลโอน่าว่า อยากให้เธอไปที่ฐานอิคารอสด้วยกันได้มั้ย? ฉันอยากทานซุปที่เธอทำน่ะ...
[Note - นี่เป็นประโยคขอแต่งงานแบบโบราณและคลาสสิคสุดในละครหลังข่าวของญี่ปุ่นน่ะครับ ]
เลโอน่าแกล้งถามลองใจทาสึคุอีกเล็กน้อยก่อนตอบตกลง ทำให้ทาสึคุดีใจมาก
แคทีน่าตามมาลากคอทาสึคุให้รีบไปซักทีอย่ามัวชักช้า เลโอน่าบอกให้ทาสึคุเดินนำไปก่อน และห้ามคิดไม่ซื่อโดยเด็ดขาดไม่งั้นมีเรื่องแน่
แคทีน่าบอกลาเคียวสุเกะ ถึงแม้เธอจะไม่ได้เป็นนักบินทดสอบอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ได้อยู่กับเคียวสุเกะก็สนุกมาก ดังนั้นจะขอรับหุ่นรบรุ่นปรับปรุงพิเศษของเธอโดยเฉพาะไว้เป็นที่ระลึกนะ. รัซเซลนึกในใจว่า แต่เดิมเกสเพนสต์ตัวนั้นมันเป็นของที่แคทีน่าแอบแฮ้บเคียวสุเกะมาทาสีเองตามใจชอบจนแดงแปร้ดทั้งตัวอยู่แล้วนี่หน่า.

เลฟีน่ามารายงานตัวครั้งสุดท้ายกับไดเท็ตสึก่อนที่จะไปยังฐานอิคารอส เธอขอบคุณที่ช่วยเหลือมาตลอดรวมถึงทุกคนที่ช่วยเหลือตลอดเวลาของปฏิบัติการSRW. เลฟีเอ่ยลาเท็ตสึยะว่าสักวันเท็ตสึยะต้องเป็นกัปตันที่ดีไม่แพ้ไดเท็ตสึแน่ๆก่อนจะออกเดินทางไป. เท็ตสึยะเหม่อมองตามแม้เลฟีน่าจะพ้นสายตาไปแล้ว จนเอย์ตะต้องมาสะกิดว่ามัวแต่เหม่ออะไรอยู่

อิรุมกลับมาพบกับพ่อของตัวเองและทวงสมุดปกดำตามสัญญา แต่กลับพบหลินโดยไม่ได้คาดคิด หลินถามอิรุมว่า อธิบายมาซะดีๆนะยะ.
หยวน พ่อของริโอะและหลินเดินทางจากเหมาอินดัสตรี้เพื่อแสดงความยินดี เรียวโตะรู้สึกตื่นเต้นจะเผลอเรียกหยวนเป็นคุณพ่อ เล่นเอาหยวนแทบลมใส่ นึกว่าได้ลูกเขยแบบไม่ทันตั้งตัว. ริโอะให้เรียวโตะแนะนำตัว เรียวโตะจึงแนะนำตัวและบอกว่าที่บ้านของเขาเป็นโรงฝึกคาราเต้ เล่นเอาริโอะเริ่มยั๊วะที่เรียวโตะไม่เคยบอกกันก่อน เพราะเธอไม่ชอบที่แพ้เรียวโตะตอนซ้อมPTบ่อยๆ ดังนั้นถ้ากลับไปที่เหมาอินดัสตรี้ที่ดวงจันทร์เมื่อไหร่ ต้องมาดวลกันซะดีๆ. ส่วนอิรุมพยายามย่องไปเงียบๆ แต่โดนหลินที่ท่าทางยั๊วะเรียกไปคุยด้วย และท่าทางทั้งสองคงต้องคุยกันอีกยาวแน่.

เจียร์ด้า การ์เน็ตและลัดดาคุยกันเรื่องแผนการใช้ชีวิตต่อไป ลัดดาจะไปทำงานกับเหมาอินดัสตรี้ต่อ ส่วนเจียร์ด้ากับการ์เน็ตประกาศจะแต่งงานกันซะที จัดงานเมื่อไหร่จะแจ้งให้ทุกคนทราบทีหลังตอนนี้ขอเก็บเงินกันก่อน. ส่วนลาทูนี่จะเข้าสังกัดกับไค เพื่อออกสืบหานักเรียนคนอื่นๆจาก"สคูล"ของแอดเลอร์ต่อไป

เคียวสุเกะและลูกทีมATXที่เหลือจะไปประจำที่ฐานแลงเกรย์ อเมริกาเหนือที่เคยถูกทำลายไปเมื่อครั้งสงครามDC ตอนนี้ซ่อมแซมจนกลับมาดีเหมือนเดิมแล้ว. ด็อกเตอร์มาริออนกับอาจารย์ริชูก็ไปด้วย แต่ก่อนหน้านั้น ร็อบบอกถึงแผนงานการหยุดยั้งการพัฒนาอาวุธประเภทPT และAM นั่นรวมถึงการปลดอาวุธของพวกPTที่ใช้ในSRWเพื่อยืนยันเจตนาในด้านการรักษาสันติภาพด้วย. เพราะเหตุนี้ฮิวเคไบน์มาร์ค3และกรุนกัสต์ซันชิคิที่กำลังพัฒนาจึงถูกสั่งระงับการผลิตไป แต่สาเหตุจริงๆแล้ว เป็นเพราะหุ่นพวกนั้นใช้วิทยาการของต่างดาวต่างหาก ด็อกเตอร์มาริออนไม่แคร์ปัญหานี้ เพราะเธอตั้งใจจะพัฒนาวิทยาการของโลกไม่ให้แพ้พวกต่างดาวเลย ไม่ว่าจะเป็นอัลท์ไอเซน แล้วก็พวกวิลด์วิลเกอร์ วิลด์ฟาลเก้นด้วย. เล่นเอาอาจารย์ริชูกับร็อบแอบยิ้ม เพราะพวกวิลด์ซีรี่ย์น่ะ เป็นผลงานของเคิร์ค (อดีต)สามีของด็อกเตอร์มาริออนนี่หน่า.
มาซาคิกับริวเน่มาบอกลาพวกริวเซย์ ริวเน่จะออกเดินทางไปที่ดาวพฤหัส เพราะว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้นำDC จะให้อยู่ในกองทัพของสหพันธ์ต่อไปคงไม่ดีแหงๆ ส่วนมาซาคิจะออกตามหาชูว์ต่อไป เพื่อนๆที่ริวเซย์ได้พบระหว่างทางที่ผ่านมาต่างก็แยกย้ายไปสู่เส้นทางของตัวเองต่อไป

ลาทูนี่คุยกับอายะ บอกว่าเธอตัดสินใจอยู่ในกองทัพต่อในฐานะลูกทีมของไค เพื่อตามหาเพื่อนๆที่เคยจบมาจาก"สคูล"เช่นเดียวกับเธอ เช่นโอวคะ อาราโด้ เซโอล่า ซึ่งเธอเชื่อว่าต้องมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งแน่ๆ
[Note - อยู่ในภาค2ไงน้อง รีบไปหาซะสิ]
ริวเซย์มาหาอายะตามที่ถูกเรียกมา อายะบอกริวเซย์เรื่องการอนุมัติการซ่อมแซมRซีรี่ย์ผ่านแล้ว ดังนั้นในระหว่างที่ทำการฟื้นสภาพหุ่นทุกตัว ริวเซย์ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านไปพักผ่อนได้ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะที่นี่มีทั้งกีเลี่ยมและวิเลตต้าคอยคุมอยู่แล้ว ลาทูนี่เองก็เห็นด้วยที่จะให้ริวเซย์กลับไปเยี่ยมแม่ที่เวลานี้อาการดีขึ้นมากแล้ว

ณ สุสานแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
องค์หญิงไชน์รอคอยไรดี้ซามะของเธอ ด้วยสังหรณ์ว่าเจ้าชายของเธอจะมาเยือนที่แห่งนี้หลังจากสงครามจบลงแน่ๆ ในที่สุด ไรก็มาจนได้
ไรบอกว่าสุสานแห่งนี้เป็นสุสานของแคทลียา ฟูจิวาระ บรานซไทน์ พี่สะใภ้ที่เคารพของเขาเอง เพื่อไม่ให้หลงลืมเธอไป จึงได้นำชื่อของเธอมาใช้เป็นนามกลางของไรดีส เอฟ บรานซไทน์นั่นเอง
องค์หญิงไชน์ชี้ให้ไรดูดอกไม้ไหว้สุสาน ที่มีผู้นำมาเคารพก่อนหน้าไร ดอกแคทลียา ใช่แล้วหละ นี่คืออนุสรณ์ของท่านพี่เอลแซมนั่นเอง ไรนึกพลางยิ้ม

ริวเซย์กลับมาที่บ้าน เขาได้พบจดหมายจากคุสุฮะ เธอบอกว่าเธอตัดสินใจที่จะตามบูลิทท์ไปยังอเมริกา เพื่อไปศึกษาเป็นแพทย์ที่นั่น ริวเซย์เริ่มรู้สึกเหงาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหล่าสหายของเขา ก่อนจะกลับไปที่บ้าน เขาพบกับแม่ที่กำลังรอคอยการกลับมาของเขาอยู่
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจ๊ะ"
"ครับ ผมกลับมาแล้ว"

จบภาค