> HEMIONITIDACEAE > Doryopteris || back

สกุล Doryopteris J. Smith; J. Bot. (Hooker)
(dor-ee-OP-ter-iss)
วงศ์ HEMIONITIDACEAE


เฟินใบองุ่น (ชื่อทางการค้า) Doryopteris ludens
[ Image : Mr. Helicon]

สกุลนี้เดิมเคถูกจัดรวมอยู่ในวงศ์ Pteridaceae วงศ์เฟินเงิน เฟินหิรัญ ต่อมาจึงแยกไปจัดใหม่ มีบางแห่งจัดอยู่ในวงศ์ต่างๆ กันเช่น Adiataceae, วงศ์ Cheilantaceae วงศ์ SINOPTERIDACEAE วงศ์ Dryopteridaceae วงศ์ Pellaeaceae เป็นต้น ซึ่งยังไม่มีการตกลงกันเป็นที่แน่นอน
เฟินสกุลนี้ เป็นเฟินดิน ขนาดเล็กถึงกลาง มักพบเจริญเติบโตอยู่กับก้อนหิน ลำต้นเป็นเหง้าเลื้อยรวมกันเป็นกระจุก เหง้าเป็นเส้นเล็ก สีดำ มีเกล็ดสีน้ำตาลแก่ ออกใบถี่
ใบมีก้านยาว เรียว แข็ง สีดำเป็นเงามัน ท่อลำเลียงภายในจัดเรียงเป็นแถวเดี่ยวรูป U หรือ V แผ่นใบหนา บางชนิดเป็นใบเดี่ยวธรรมดา บางชนิดเป็นแฉกรูปมือ หรือแยกเป็นพู อับสปอร์เกิดเป็นกลุ่มต่อเนื่องที่ริมขอบใบ ขอบใบม้วนพับลงมาปิดแทนเยื่ออินดูเซีย (pseudoindusium เยื่อปลอมอินดูเซีย) หรือเรียงเป็นแถวไปตามเส้นใบย่อย ใบที่เกิดสปอร์มีลักษณะแตกต่างจากใบปกติ

เฟินในสกุลนี้ค้นพบ 40-50 ชนิด กระจายพันธุ์อยู่ในทวีปอเมริกา มีมากในบราซิล อินเดียใต้ มาเลเซีย อัฟริกา มาดากัสการ์ ออสเตเรีย แปซิฟิคใต้

ในไทยพบชนิดเดียว คือ Dorypteris ludens (Wall.) J.Smith
มีสองสายพันธุ์ คือ พันธุ์ใบใหญ่ และพันธุ์ใบเล็ก


Doryopteris ludens


ในสภาพธรรมชาติ แสงรำไร ความชื้นปานกลาง

Dorypteris ludens (Wall.) J.Smith
ชื่ออื่น : เฟินใบตำลึง กูดฮู้กวาว กระปรอกว่าว แพนตาโก เฟินราชินิ และ เฟินใบองุ่น (ที่หลายคนรู้จักกันในชื่อทางการค้า)

เฟินชนิดนี้พบตามซอกเขาหินปูนที่มีความชื้นสูงสลับแล้ง โดยงอกอยู่กับอินทรีย์วัตถุ จำพวกใบไม้ผุ พบกระจายอยู่ทั่วไปในไทย ตามภูเขาระดับต่ำ และในอินเดีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตเรีย และนิวกีวนี
เฟินชนิดนี้ บันทึกการค้นพบครั้งแรก โดย Hope ในปี พ.ศ. 2445

ลักษณะทั่วไป มีลำต้นเป็นเหง้ายาว เลื้อยนอนไปกับพื้น หรือใต้ผิวดิน มีก้านใบผอม ยาวสีดำหรือน้ำตาลเข้ม เป็นเงามัน ใบมี 2 รูปร่าง คือ ใบที่ไม่สร้างสปอร์ (sterile frond) ใบคล้ายใบตำลึง เกือบเป็นรูปสามเหลี่ยม ขอบใบหยักเป็น 5 แฉก ปลายแหลม ส่วนใบที่สร้างสปอร์ (fertile frond) ก้านใบยาว ชูใบสูงเหนือทรงพุ่ม รูปร่างผอม เรียว ขนาด 15-20 x 10-20 ซ.ม. แตกเป็น 5 พู พูคู่ที่อยู่ด้านล่างจะมีขนาดใหญ่ที่สุด ก้านยาวได้ถึง 20 ซ.ม. แล้วแต่ความสมบูรณ์ อับสปอร์เกิดตามขอบใบ โดยมีเยื่อจากขอบใบแผ่ลงมาหุ้มเอาไว้

ใบที่สร้างสปอร์ (fertile frond) ก้านใบยาว ชูใบสูงเหนือทรงพุ่ม รูปร่างผอม เรียว ขนาด 15-20 x 10-20 ซ.ม. แตกเป็น 5 พู พูคู่ที่อยู่ด้านล่างจะมีขนาดใหญ่ที่สุด ก้านยาวได้ถึง 20 ซ.ม. แล้วแต่ความสมบูรณ์ อับสปอร์เกิดตามขอบใบ โดยมีเยื่อจากขอบใบแผ่ลงมาหุ้มเอาไว้
ใบสปอร์ fertile frond ลักษณะใบ ผอมเรียวกว่าและก้านยาวกว่าใบปกติ


Doryopteris concolor
[ Image : Kitti ]


[ Image : Kitti ]

Doryopteris concolor (Langsd. & Fisch.) Kuhn v. Deck., Reis.
ชื่อพ้อง : Pteris concolor Langsd. et Fisch, Pellaea concolor (Langsd. et Fisch.) Baker

เฟินใบองุ่น concolor เป็นเฟินที่นำเข้าสายพันธุ์มาจากต่างประเทศ มักพบเจริญเติบโตบนก้อนหิน ตามลาดเนินดินบริเวณชายป่า ที่ระดับความสูง 1500-2500 ม. MSL ในศรีลังกา อินเดีย จีน ไตหวัน มาเลเซีย
ลักษณะทรงต้นคล้ายเฟินใบองุ่นในบ้านเรา ใบเป็นหยักลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ ลักษณะก้านใบเรียวผอม 15-20 ซ.ม. ยาว สีดำเป็นเงามัน แผ่นใบบาง แข็ง ผิวใบเป็นเงามัน ขนาด 5-1010 ซ.ม. อับสปอร์เกิดเป็นแถวริมขอบใบ โดยขอบใบพับลงมาปิดอับสปอร์ ลักษณะใบที่มีสปอร์ (fertile frond) ไม่แตกต่างกับใบปกติ (sterlie frond)

พบมีสองสายพันธุ์ คือ var. kirkii Hook.; Wiss. Ergeb. Schwed. Rhod.-Kongo Exp. และ var. nicklesii (Tardieu) Schelpe


[ Image : Bank ]


Doryopteris sp. ยังไม่ทราบชื่อ


Red young fronds ใบอ่อนใหม่สีแดง

Doryopteris sp.

ชนิดนี้ ใบหนาและผิวหน้า เป็นเงามัน มองดูเผินคล้ายเฟินใบองุ่น D. ludens ของบ้านเรา อีกอย่าง ใบอ่อนงอกออกมาใหม่ เป็นสีแดง หรือสีน้ำตาลแดง เมื่อโตเต็มที่เป็นสีเขียว เมื่อต้นยังเล็ก ใบหยักเป็นแฉกน้อย เมื่อโตเต็มที่ ใบเป็นแฉกมากกว่าเดิม ใบปกติและใบสปอร์ มีรูปร่างเหมือนกัน อับสปอร์เรียงตัวเป็นแถวต่อเนื่องอยู่ที่ริมขอบใบ มีเยื่อยางๆ ที่ริมขอบใบม้วนพับลงมาปิดสปอร์เมื่อยังอ่อน และเผยอเปิดออกเมื่อสปอร์แก่


อับสปอร์เรียงตัวต่อเนื่องที่ริมขอบใบ

 



Doryopteris sp.
อีกชนิดหนึ่ง ส่งมาจาก Blue Jay
 

ในมาเลเซียมีเฟินในสกุลนี้ อีกชนิดหนึ่ง คือ
Doryopteris allenae Tryon.

หมายเหตุ : เฟินใบตำลึง ชนิดนี้ ดูคล้ายเฟิน Hemionitis palmata L. ดูภาพเฟินชนิดนี้ ของ Alexander Rojas A., UBIs.

> HEMIONITIDACEAE > Doryopteris || back