ไฟป่า....... หมายถึง


ไฟ..... .ที่เกิดขึ้นจากสาเหตุอันใดก็ตามแล้วลุกลามไปโดยอิสระปราศจากการควบคุม ทั้งนี้ไม่ว่าไฟนั้นจะลุกลามในป่าธรรมชาติหรือสวนป่า (ศิริ อัคคะอัคร, 2544)

ไฟป่า... มี 3 ชนิด


1.ไฟใต้ดิน(Ground Fire) เป็นไฟที่เผาไหม้เชื้อเพลิงที่ฝังทับถมอยู่ในดินไหม้ในแนวดิ่งลึกลงไปในชั้น อินทรีย์วัตถุใต้ผิวพื้นป่าซึ่งอาจไหม้ลึกลงไปได้หลายฟุต ไฟชนิดนี้สามารถตรวจพบได้ง่ายเช่นเดียวกับไฟผิวดินทั่วๆไปในประเทศไทยมักจะเกิดทางภาคใต้ในป่าพรุโต๊ะแดงและป่าพรุบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ไฟใต้ดิน

2.ไฟเรือนยอด (Crown Fire) คือ ไฟป่าที่ลุกลามไปตามเรือนยอดของต้นไม้โดยเฉพาะในป่าสนซึ่งไม้จำพวกนี้มียาง ช่วยในการลุกลามได้ดีไฟเรือนยอดมักรุนแรงยากต่อการดำเนินการดับไฟและสร้างความเสียหายให้แก่ป่าอย่างมาก
ไฟเรือนยอด

3.ไฟผิวดิน (Surface Fire) คือ ไฟป่าที่เผาไหม้เชื้อเพลิงบนผิวดิน ไฟชนิดนี้เผาไหม้ลุกลามไปตามพื้นป่า ซึ่งมีเชื้อเพลิงส่วนใหญ่ ได้แก่ หญ้า ใบไม้ ที่ตกสะสมบนผิวดิน รวมทั้งลูกไม้ วัชพืช ไม้พุ่มต่างๆ ไฟผิวดินมีการลุกลามอย่างรวดเร็วและอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟชนิดอื่นขึ้นได้ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของป่าและลักษณะเชื้อเพลิง ไฟป่าที่เกิดขึ้นในประเทศไทยส่วนใหญ่จัดอยู่ในไฟป่าชนิดนี้
ไฟผิวดิน

องค์ประกอบของไฟ (สามเหลี่ยมไฟ)

ไฟป่าเกิดจากการสันดาปซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบ 3 สิ่งมารวมกัน ได้แก่
1. เชื้อเพลิง ได้แก่ ต้นไม้ ไม้พุ่ม กิ่งไม้ กอไม้ ลูกไม้เล็ก ๆ หญ้า และวัชพืชอื่น ๆ
2. ออกซิเจน ซึ่งมีอยู่ทั่วไป
3. ความร้อน แหล่งของความร้อนที่ทำให้เกิดไฟป่าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ แหล่งความร้อนตามธรรมชาติ เช่น ฟ้าผ่า หรือการเสียดสีของกิ่งไม้ และ แหล่งความร้อนจากมนุษย์ซึ่งจุดไฟด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน
หากขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งไป ไฟก็จะไม่เกิดขึ้นหรือ ไฟป่าที่เกิดขึ้นแล้วกำลังลุกลามอยู่ก็จะดับลง ความรู้เรื่องสามเหลี่ยมไฟเป็นความรู้พื้นฐานที่ต้องนำมาใช้ในการวางแผนปฏิบัติงานควบคุมไฟป่าทั้งระบบ

สาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่า

1.เกิดจากธรรมชาติเช่น ฟ้าผ่า กิ่งไม้เสียดสีกัน
2.เกิดจากมนุษย์
2.1 เก็บหาของป่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่ามากที่สุด การเก็บหาของป่าส่วนใหญ่ ได้แก่ ไม้ไผ่ น้ำผึ้ง ผักหวาน และฟืนเป็นต้น
2.2 เผาไร่ เพื่อกำจัดวัชพืชหรือซากพืชที่เหลืออยู่ภายหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในรอบต่อไปโดยปราศจากการทำแนวกันไฟและปราศจากการควบคุมทำให้ไฟลุกลามเข้าป่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
2.3 ล่าสัตว์ โดยวิธีไล่เหล่า คือจุดไฟไล่สัตว์หนีออกจากที่ซ่อน เช่นจุดให้แมลงบินหนีไฟ นกชนิดต่าง ๆ จะบินมากินแมลงแล้วดักยิงนก อีกทอดหนึ่งหรือจุดไฟเผาทุ่งหญ้าเพื่อให้หญ้าแตกยอดอ่อน ล่อให้สัตว์ชนิด ต่าง ๆ เช่น กระทิง กวาง กระต่าย มากินหญ้า แล้วดักรอยิงสัตว์นั้น ๆ
2.4 เลี้ยงสัตว์ ชาวบ้านที่เลี้ยงสัตว์แบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติมักลักลอบจุดไฟเผาป่าให้มีสภาพเป็นทุ่งหญ้าเพื่อเป็นแหล่งอาหารสัตว์
2.5 ความประมาท เกิดจากการที่คนเข้าไปพักแรมในป่า โดยก่อกองไฟแล้วลืมดับ หรือทิ้งก้นบุหรี่ลงในพื้นป่า หุงต้มอาหาร หรือก่อไฟให้ความอบอุ่นแล้วไม่ได้ดับให้สนิททำให้เกิดการลุกลามกลายเป็นไฟป่า
2.6 เพื่อความสะดวกในการเดินผ่านป่า จุดไฟเผาให้ป่าโล่ง ง่ายต่อการเดินผ่าน คนที่เดินผ่านป่าในเวลากลางคืน มักจุดไฟเผาป่าเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง
2.7 จุดเพื่อกลั่นแกล้ง เช่น ในกรณีที่ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความ ขัดแย้งกับหน่วยงานของทางราชการในพื้นที่เช่น สวนป่า อุทยานแห่งชาติ โดยการกลั่นแกล้งจุดไฟเผาป่า
2.8 จุดไฟโดยความคึกคะนอง โดยไม่มีวัตถุประสงค์ใด ๆ แต่จุดเล่นเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

ผลกระทบของไฟป่า


ผลกระทบต่อต้นไม้ คือลดอัตราการเจริญเติบโตและลดคุณภาพเนื้อไม้ของต้นไม้และขาดช่วงการสืบพันธุ์ทดแทนตามธรรมชาติ
ต้นไม้ถูกไฟเผา

ผลกระทบต่อดิน คือเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของดินและเกิดการชะหน้าดินและการพังทลายของดินอีกทั้งดินเสื่อมความอุดมสมบูรณ์
หน้าดินถูกทำลาย

ผลกระทบต่อน้ำ ทำให้ปริมาณน้ำไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาที่ต้องการใช้ประโยชน์ เกิดภาวะน้ำท่วมและภาวะแห้งแล้ง โดยปกติในฤดูฝน เมื่อฝนตกดินป่าไม้มีอินทรีย์วัตถุปกคลุมอยู่เป็นชั้นหนาและมีชั้นดินที่มีรูมากจะทำหน้าที่ดูดซึมน้ำฝนส่วนหนึ่งไว้ให้ไหลซึมลงสู่ชั้นดิน น้ำส่วนที่เหลือเกินความสามารถในการดูดซับของดินจะไหลลงสู่ลำห้วยลำธารต่อไป ฤดูแล้งไม่มีฝนตก น้ำที่เก็บอยู่ในชั้นดินในช่วงฤดูฝนนี้เองจะค่อยปล่อยออกมาหล่อเลี้ยงลำธารลำห้วยทำให้มีน้ำไหลตลอดปีแต่เมื่อป่าถูกไฟไหม้ ดินเสื่อม คุณสมบัติ ฝนที่ตกลงมาไม่สามารถซึมลงสู่ใต้ดินได้ น้ำทั้งหมดก็จะไหลบ่าไปตามหน้าดินสู่ลำห้วยลำธาร ปริมาณน้ำไหลบ่าหน้าดินที่มีมากกว่าเดิมนี้ จะเกินความจุที่ลำน้ำจะรองรับได้น้ำจึงเกิดการเอ่อล้นสองฝั่งเกิดน้ำท่วมเรือกสวนไร่นาและบ้านเรือนของประชาชน อุทกภัยซึ่งเกิดจากน้ำป่าในแต่ละครั้งนี้นำความเสียหายมาสู่ชีวิตและทรัพย์สินของมนุษย์อย่างใหญ่หลวงครั้นพอถึงฤดูแล้งไม่มีฝนตกลำน้ำ ลำห้วย ลำธารทุกสายจึงแห้งขอดทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค เปลี่ยนแปลง คุณสมบัติของน้ำ น้ำที่ไหลบ่าไปตามหน้าดินจะชะหน้าดินผิวหน้าดิน เถ้าถ่านที่เกิดจากไฟไหม้ตลอดจนเศษซากอินทรีย์วัตถุต่าง ๆ ให้ไหลลงสู่ลำน้ำด้วย ทำให้ลำน้ำขุ่นเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกปะปน แสงแดดส่องผ่านลงไปในน้ำได้น้อย มีผลเสียต่อความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตในน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นน้ำจะเกิดการเน่าเสียจากการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุของ จุลินทรีย์ทำให้กลิ่นเหม็น เปลี่ยนสี และมีอุณหภูมิสูงขึ้น ความเป็นกรดเป็นด่างเปลี่ยนแปลงปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำลดลง สภาวะเหล่านี้เป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตของสัตว์และพืชน้ำ ซ้ำยังทำให้มนุษย์ไม่สามารถนำน้ำเหล่านั้นไปใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคได้อีกต่อไป
อุทกภัยบ้านน้ำก้อ

ผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งมีชีวิตในป่า คือ ทำลายแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและยังทำอันตรายต่อชีวิตของสัตว์เล็กๆและจุลินทรีย์ในดิน
สัตว์ป่าโดนไฟไหม้

ผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ไฟป่านอกจากจะไหม้เผาผลาญทำลายทรัพยากรป่าไม้ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ แล้วหากไฟลุกลามมาสู่พื้นที่ทำการเกษตร หรือบริเวณที่อยู่อาศัยของมนุษย์แล้ว ไฟป่าก็สร้างความหายนะแก่ชีวิตทรัพย์สินของมนุษย์ได้เช่น เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2545 เกิดไฟป่าในท้องที่อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ทำให้ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้าไปหาผักหวานในป่าเสียชีวิต 2 ราย และเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2545 เกิดไฟป่าที่ หมู่ 20 ต.ตับเต่า อำเภอเทิง จ.เชียงราย ไฟป่าได้นำความสูญเสียต่อชีวิตอีกโดยมีราษฎร์เสียชีวิตจากไฟป่าอีก 3 ราย
เด็กถูกไฟป่าคลอกตาย    เด็กถูกไฟป่าคลอกตาย
(ชาวบ้านเสียชีวิต 2 รายจากไฟป่าในท้องที่อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก)

ชาวบ้านถูกไฟป่าคลอกตาย    ชาวบ้านถูกไฟป่าคลอกตาย
(ชาวบ้านเสียชีวิต 3 รายจากไฟป่าใน หมู่ 20 ต.ตับเต่า อำเภอเทิง จ.เชียงราย)
ผลกระทบจากไฟป่าต่อสภาวะอากาศของโลก คือไฟป่าก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกซึ่งมีผลทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากในขณะที่เกิดไฟป่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงจะก่อให้เกิดก๊าชชนิดต่าง ๆ ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นอีก 1.5 - 4.5องศาเซลเซียสในทุก ๆ ปี ไม่เพียงเท่านั้นการที่อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นสร้างความเสียหายแก่มนุษย์อย่างร้ายแรงอย่างยิ่งคืออุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายมีผลให้ระดับ น้ำทะเลสูงขึ้นและอุณหภูมิที่สูงทำให้ระบบนิเวศน์ของโลกเสียสมดุลตามธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย
ควันไฟทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคม

เราป้องกันไฟป่าได้โดย


1.เมื่อทำการเผาไร่ในพื้นที่ ต้องควบคุมดูแลไฟไม่ให้ลุกลามเข้าไปในป่าและทำแนวกันไฟก่อนเผาไร่ทุกครั้ง
2. อย่าจุดไฟเผาป่าเพื่อล่าสัตว์
3. โปรดระมัดระวังการใช้ไฟ เมื่ออยู่ในป่า หรือเดินผ่านป่าถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ไฟในป่าต้องดับไฟให้หมดก่อนที่จะออกจากป่า
4. ดับบุหรี่ก่อนทิ้งในทุกสถานที่
5.อย่าจุดไฟเล่นด้วยความสนุก หรือคะนองมือเพราะไม้ขีดเพียง 1 ก้านจะเผาป่าได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
6. เมื่อพบเห็นไฟไหม้ป่าหรือสวนป่า ขอความร่วมมือในการดับไฟหรือ โปรดแจ้งหน่วยงานกรมป่าไม้โดยด่วน
7. ไม่เป็นผู้ทำให้เกิดไฟไหม้ป่า
8. ช่วยประชาสัมพันธ์ ชี้ให้เห็นความสำคัญของป่าไม้และโทษของไฟป่า
9. ร่วมเป็นอาสาสมัครป้องกันไฟป่า
10. ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดไฟไหม้ป่ารวมทั้งช่วยจับกุมผู้ฝ่าฝืนมาลงโทษตามกฎหมายเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างต่อบุคคลอื่นต่อไป

หน้าหลักหน้าถัดไป

ศูนย์ควบคุมไฟป่าที่ 35   (พิษณุโลก)    รักษาป่า     เพื่อให้สิ่งแวดล้อมที่ดีแก่ทุกคน