เมื่อบุษบงจะลงจากคาน
โดย ริญา
ตอนที่ 1
ขอแนะนําก๊วนสาวโสด
มกราคม
กลิ่นปีใหม่ยังไม่ทันจาง กลิ่นสาวเพิ่มขึ้นมาอีกปีของใครบางคน
ก็ลอยมาตามลม
9
มกราคม
เวียนมาถึงอีกแล้ว
นับอายุตัวเองปีนี้
บุษบง
ก้าวเข้าสู่วัย
33 เต็ม สาม-สิบ-สาม
หล่อนเอ่ยยํ้ากับตัวเอง
แล้วอยากร้องกรี๊ด
กับตัวเลขที่เพิ่มขึ้น
หากแต่ความภูมิใจในใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าอายุจริง
(ตามความคิดของหล่อน)
กลับเปลี่ยนเสียงกรีดร้อง
เป็นรอยยิ้มละมุน
บนใบหน้า
ใครก็เดาไม่ถูกหรอกว่า
ฉันอายุเท่าไหร่ หล่อนบอกกับตัวเองพลางไล้ครีมบํารุง
ชนิดต่อต้านริ้วรอยไปทั่ววงหน้า
ไม่ลืมไล่วนเนื้อครีมโดยรอบหน้าผากอันโหนกนูนโดดเด่นเป็นสง่า
อันสามารถทําให้เพื่อนที่สนิทคุ้นเคย
จดจำ
และมองเห็นหล่อนได้ในระยะไกล
บุษบงเคยคิดว่าหน้าผากของหล่อนนั้น
เป็นปมด้อยมาตลอด
ตั้งแต่วัยเด็กจวบจนเข้ามหาวิทยาลัย
แต่หลังจากที่หล่อนได้อ่านจากตําราโหงวเฮ้ง
แล้วพบว่าหน้าผากกว้างโหนกนูนแบบนี้
แสดงถึงความเป็นผู้มีภูมิปัญญาเลิศ
บุษบงจึงพึงพอใจกับคําทํานายตามตํารานั้น
และยึดถือเป็นความภูมิใจเรื่อยมา
โดยหล่อนละที่อ่านคำอธิบายต่อไป
ที่จําแนกรูปทรงของหน้าผากโดยละเอียด
รู้แต่ว่าดีก็พอแล้ว หล่อนคิด
หล่อนมักเลือกที่รับรู้เรื่องต่างๆในเพียงแต่ในแง่ดี มองโลกแง่ดีไว้
ทําให้จิตใจปลอดโปร่ง
ชะลอความแก่ได้ เป็นแง่คิดที่หล่อนจำมาจากตอนหนึ่งของบทความเรื่อง
กลยุทธ์ชะลอความแก่ ในนิตยสารเล่มหนึ่ง
ที่หล่อนเคยอ่านฟรีในร้านกาแฟ
ระหว่างรอเพื่อน
เช้านี้บุษบงใช้เวลาหน้ากระจกนานเป็นพิเศษ
ด้วยวันนี้หล่อนมีนัดกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์สาวโสด
กิ่งแก้วและเนาวนิตย์
ความจริงแค่นัดกับเพื่อนหล่อนไม่จำเป็นต้องสวยเลิศก็ได้
เพียงแต่วันนี้ตรงกับวันเกิดของหล่อนพอดี บุษบงจึงรู้สึกอยากสวยเป็นพิเศษ
เพื่อต้อนรับตัวเลขจํานวนใหม่ที่ก้าวเข้ามาในชีวิต
วันเกิดปีนี้
หล่อนจะได้รับของขวัญอะไรจากกิ่งแก้ว
และเนาวนิตย์เพื่อนรักทั้งสองคนนะ
เมื่อวานหล่อนเพิ่งได้รับพัสดุไปรษณีย์
จากอเมริกา ธนิตาเพื่อนรักอีกคนในกลุ่มส่งมาให้
เปิดออกมาบุษบง
อยากจะกรี๊ดใส่
กรี๊ดให้ดังกว่าตอนไปดูคอนเสิร์ต
บอง โจวี่
เสียอีก
(แต่จะกรี๊ดในโทนเสียงที่ต่างกัน)
ของขวัญที่
ธนิตาส่งมาให้
ถ้าไม่คิดว่าเป็นเพื่อนรักกัน
บุษบงจะคิดว่า
เป็นการหยามหน้ากันมาก
เพราะมันเป็นหนังสือตระกูล
ซุปไก่ Chicken Soup for the
Singles Soul ธนิตาเขียนแทรกในการ์ดอวยพรว่า
อยู่เป็นโสด
เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องธรรมดามากนะเพื่อน
อย่ากังวล
อ่านหนังสือเล่มนี้
จะมีกำลังใจดีขึ้นนะ
แล้วจะรู้ว่าอยู่เป็นโสดก็มีความสุขได้
ใช่สิ
เธอรอดตัวไปแล้วนี่
แต่งงานกับฝรั่งหล่อลํ้า
ยังกะ ฮิวจ์
กรานท์
(หล่อนออกเสียงตามสำเนียงอังกฤษ)
สมัยเล่นเรื่อง
Maurice แถมดีเลิศประเสริฐสุด
ชาติก่อนไม่รู้ว่าทําบุญด้วยอะไร
บุษบงนึกค่อนขอดอยู่ในใจ
แต่ก็ช่างเถอะ
หล่อนคิดว่า
อย่างไรเสีย
ชีวิตหล่อนตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่
แม้จะเหงาบ้างเป็นบางคราว
หนาวใจเป็นบางครั้ง
แต่หล่อนก็ยังมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์
(ว่าที่)คานทอง
กิ่งแก้ว และเนาวนิตย์
นั่นเอง
นึกถึงเพื่อนสาวสองคนนี้ทีไร
หล่อนรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง
จนอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับชีวิตสาวโสดอันแสนสุข
(จริงหรือ ? บางเสียงในใจร้องแทรกขึ้นมา)
บุษบงบรรจงเลือกชุดสวมใส่
หล่อนหยิบเสื้อผ้าฝ้ายสีฟ้าอ่อน
แขนกุด
ด้านหน้าเย็บลูกไม้จากบ่าถึงชายเสื้อ
สวมกางเกงผ้าไทยสีดำ
หล่อนมักจะใส่กางเกงสีดำ
เพื่ออำพรางช่วงสะโพกผายมากเกินพอดี
และบั้นท้ายมหึมา
ที่นับวันจะอิ่มเนื้อมากขึ้น
และงอนมากขึ้น
แต่ไม่ถึงกับสามารถวางลังเบียร์ได้อย่างที่
พวกปากมอม ประจำสํานักงาน
แซวกันหรอกน่า
หล่อนบอกตัวเอง
นึกถึงรูปร่างที่สมส่วนน้อยกว่าลูกเกด
เมทินีแล้ว
หล่อนรู้สึกคับแค้นใจ
ใครนะเป็นคนตั้งกฎกำหนดไว้ว่า
ผู้หญิงหุ่นดี
ต้องผอมเพรียวบาง
ร่างสูงโปร่ง
ท่อนขายาวเรียว
และถ้าให้เซ็กซี่ต้องอกอึ๋ม
อวบอิ่ม ทําไมไม่มีใครบอกบ้างว่า
ต้องก้นใหญ่
งอนงาม สะโพกดินระเบิด
หุ่นแบบนี้ต่างหาก
ถึงจะเรียกว่าสุดยอดนางแบบ
ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็
ปฏิทินเหล้านอก
เหล้าไทยทั้งหลาย
ต้องมีรายชื่อบุษบงเป็นหนึ่งในนางแบบอย่างไม่มีข้อกังขา
หล่อนคิดก่อนเชิดหน้า
ยิ้มให้กับตัวเองในกระจก
11
โมงเช้านิดๆ
บุษบง
ก็มาถึงที่นัดหมาย
ร้านกาแฟ
สำหรับคนรุ่นใหม่
ย่านสยามสแควร์
กว่าจะเดินถึงที่นัดหมายก็เล่นเอาเหนื่อย
เพราะต้องเดินข้ามถนนมาจากฝั่งสถาบันนิติเวช
โรงพยาบาลตำรวจ
ที่หล่อนแอบแฝงเข้าไปหาที่จอดรถฟรี
ดังทุกครั้งที่มีนัดกับเพื่อนสาวในย่านนี้ แปลกที่วันนี้หล่อนรู้สึกว่าเดินไกลๆแล้วเหนื่อยมากกว่าทุกวัน
หรือเป็นเพราะวัยที่เพิ่มขึ้น
ไม่สิ!
หล่อนค้านกับตัวเอง
แต่ก็พยายามไม่นึกหาเหตุผลอื่นมาลบล้าง
เมื่อมาถึงก็พบว่า
กิ่งแก้วมานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
พร้อมกับสีผมที่เพิ่งย้อมมาใหม่
ออกประกายน้ำตาลแดงเจิดจ้า
เห็นแล้วชวนนึกถึงสาววัยรุ่นญี่ปุ่นในแม๊กกาซีนแฟชั่นล้ำสมัย
นี่ผมแกเป็นอะไรน่ะ
ตอนย้อมผมไฟดับหรือไง
ทำไมมันถึงแดงอย่างนั้น บุษบงทักสีผม
ที่ดูผิดตา
ของเพื่อนสาว
ทันทีที่ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้
บ้าสิ
คราวนี้ฉันไม่ได้ย้อมเอง
ไปทำที่ร้านมา
แล้วลองเปลี่ยนสีใหม่
มันลงไปซ้อนกะสีเก่า
สีมันเลยเพี้ยนไปหน่อย กิ่งแก้วอธิบาย
แล้วสีหน้าเปลี่ยนแสดงความกังวลใจ มันแดงมากเหรอวะ
แกทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจเลย
ฉันกะจะรอให้สีมันจางลงค่อยไปเปลี่ยนใหม่
ไปทำตอนนี้กลัวผมเสีย พูดพลางลูบผมฟู
ที่ดูคล้ายๆไม่เป็นทรง
แต่เป็นทรงที่กำลังนิยมในหมู่วัยรุ่น
ความใส่ใจในความสวยงาม
และก้าวทันตามแฟชั่นนั้น
กิ่งแก้วถือเป็นเรื่องหลักในชีวิต
หล่อนเป็นสมาชิกนิตยสารผู้หญิงฉบับเน้นเนื้อหาด้านแฟชั่น
และความงาม
เพื่ออัพเดทข้อมูลใหม่ๆอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์เสื้อผ้าแบบไหน
โทนสีเมคอัพ
เครื่องสำอางชนิดไหน
ยี่ห้อไหนออกใหม่
ดีไม่ดีอย่างไร
ถามกิ่งแก้วได้
อย่าเพิ่งนึกภาพว่า
หล่อนจะเป็นสาวสังคมแต่งหน้าโบ๊ะฉํ่า
ฉีดน้ำหอมฟุ้ง
ถึงหล่อนจะติดตามข่าวคราว
วงการแฟชั่นจนแทบไม่กระพริบตา
แต่กิ่งแก้วรู้จักเลือกแต่งให้เหมาะกับตัวเอง
ด้วยเป็นคนรูปร่างเล็ก
หน้าหมวย
ตาโต
(หลังจากทำตาสองชั้นมาแล้ว)
กิ่งแก้วจึงเลือกที่จะแต่งตัวแบบน่ารัก
สไตล์สาวญี่ปุ่น
แต่งหน้าแต่เพียงบางเบา
พอให้มีสีสรร
ระบายแก้มสีแดงระเรื่อเล็กน้อยให้แลดูอ่อนกว่าวัย
หล่อนจะเล่าด้วยความภูมิใจเสมอ
เวลาที่เจอรุ่นน้อง
หรือเพื่อนเก่าตั้งแต่สมัยประถม
ยันมัธยม ทักว่าหล่อนยังดูสาว
และสวยขึ้นมาก แต่ประโยคสุดท้ายที่มักจะขัดใจกิ่งแก้วเสมอนั่นคือ
แต่แปลกนะ
ทำไมยังไม่มีแฟน
ฉันนะ
อยากจะด่าคนพวกที่ทักแบบนี้จริงๆ
สวยแต่ไม่มีแฟน
มันแปลกตรงไหนวะกิ่งแก้วมักจะพูดต่อด้วยอารมณ์เดือดทุกครั้ง
ไม่แต่กิ่งแก้วหรอก
บุษบงก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกับคำพูดเชิงนี้เช่นกัน
แล้วประเด็นเรื่องความเป็นสาวโสด
ก็จะเป็นที่ถกเถียงกันต่อในวงสนทนาอาหารกลางวันของสามสาว
นังนิตย์
ช้าอีกตามเคย กิ่งแก้ว
เอ่ยขึ้น
ตะกี้มันโทรมาบอกฉันว่า
มันตื่นสายอาจจะมาถึงช้าหน่อย
แต่มันนั่งรถไฟฟ้ามา
เดี๋ยวคงถึง
ไม่ทันขาดคำ
สาวร่างระหงผมซอยสั้น
ก็ผลักบานประตูร้านกาแฟ
เดินยิ้มร่าเข้ามาหา
แก้ว
บุษ โอ๊ย
คิดถึงจังเลย เนาวนิตย์
พูดพลางโอบกอดเพื่อนรักทั้งสองสาว
หลังจากลงนั่งเรียบร้อย
เป็นไงกันบ้าง
นัดคราวนี้
ทิ้งห่างตั้งสองเดือนนะ
ฉันยุ่งเป็นบ้าเลยว่ะ บ.ก.
เร่งงาน
กำหนดส่งต้นฉบับเร็วขึ้น
เฮ้อ!
ชีวิตฉันช่วงนี้มีแต่งานๆๆ เนาวนิตย์มาถึงก็บ่นยาวเรื่องงานตามเคย
เนาวนิตย์ ทํางานอยู่ในกองบรรณาธิการ
นิตยสารเกี่ยวกับครอบครัวฉบับหนึ่ง
หล่อนมักจะหยิบยก
เรื่องข้อดีของการมีคู่ครอง
มีครอบครัว
มาถกในประเด็นสนทนาของกลุ่มสาวโสดบ่อยๆ
พาให้บุษบง
ถึงกับคล้อยตามในบางครั้ง
จนนึกอยากจะแต่งงานในวันรุ่งขึ้น
ให้รู้แล้วรู้รอด
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายดีๆ
ไม่ใช่หาง่ายๆเหมือนร้าน
เซเว่น อีเลฟเว่น
จึงพอช่วยให้บุษบงค่อยคลายความร้อนใจ
เรื่องการมีคู่ครองขึ้นมาบ้าง
หลังจากพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบ
และรอเนาวนิตย์
นั่งพักจนหายเหนื่อย
สามสาวจึงเริ่มเคลื่อนขบวน
ไปหาร้านอาหารรับประทานสำหรับมื้อกลางวัน
การนัดทุกครั้ง
เหมือนเป็นสูตรสำเร็จ
ตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย
นัดเจอที่สยามฯ
11 โมงเช้า
เบอร์เกอร์คิงส์
ดื่มกาแฟเย็น
กินเฟรนช์ฟรายด์รอ
จนกว่ามากันครบ
ย้ายไปกินข้าว
นั่งคุย
ถ้ามีหนังดีน่าสนใจ
ก็จองตั๋วก่อนค่อยไปกินข้าว
เสร็จแล้วค่อยมาดูหนัง
ถ้าไม่ได้ดูหนัง
ก็เดินช้อปปิ้ง
เสื้อผ้า
หนังสือ
เทปเพลง
ตามประสา
ปฏิบัติกันไม่รู้จักเบื่อ
จนเป็นกิจวัตรอย่างต่อเนื่องมาถึง
10 ปี
กระทั่งเพิ่งมาเปลี่ยนแปลง
เมื่อเบอร์เกอร์คิงปิดกิจการ
สามสาวต้องระเห็จ
ระหกระเหิร
วนเวียนหาที่นัดอยู่นาน
กว่าจะลงตัวที่ร้านกาแฟหรู
ที่นัดกันวันนี้
ระหว่างนั่งรออาหาร
สาวๆก็เริ่มตั้งวงถกเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในความสนใจ
เรื่อยมาตั้งแต่หนังสือ
เพลง หนัง
ดาราชายสุดโปรด
ดาราสาวที่น่าหมั่นไส้
และน่าอิจฉา
ฉันหมั่นไส้
นังเจนนิเฟอร์ อนิสตันที่สุด
ไม่อยากเชื่อ
หล่อนได้แบรด
พิทท์
ของฉันไปกกกอดสบายอารมณ์
ดูสิ
แถมยังรักกันดี
ไม่มีข่าวร้าวฉานให้ฉันได้มีความหวังบ้างเล้ย เฮ้อ!
แต่ก็ไม่เป็นไร
ยังไงก็มีน้องออร์แลนโด้ บลูม
หน้าใหม่ใสปิ๊งเข้ามาให้ฉันได้ชุ่มชื่นหัวใจ กิ่งแก้วพูดขึ้น
นัยน์ตากรุ้มกริ่ม
ปล่อยไปเถอะแบรด
พิทท์น่ะ
ถึงจะหล่อแต่ก็เริ่มแก่แล้ว
อะไรก็ไม่น่าเจ็บใจเท่า
น้องแอชตั้น
คูชเชอร์
ควงกับเจ๊เดมี่
มัวร์หรอกนะแก
แก่กว่าตั้งเยอะ
ดูสิเราอ่อนกว่าอีกทำไมไม่มาสน บุษบงต่อ
เฮ้ย
แก
นั่นเป็นตัวอย่างที่ดีนะเฟ้ย
แสดงว่าพวกเราแก่ๆ
นี่ยังมีหวังได้ควงเด็กเอ๊าะ ฮิๆ
กิ่งแก้งว่าพลางหัวเราะ
พร้อมส่ายหัวด๊อกแด๊กอย่างสบอารมณ์
เนาวนิตย์
ได้แต่หัวเราะในความไร้สาระของเพื่อน
ด้วยหล่อนไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสาร
วงการบันเทิงฮอลลีวูด
ขนาดเกาะขอบเวทีเหมือนเพื่อนสาวทั้งสอง
มีบ้างที่หล่อนตามไม่ทันมุขของเพื่อนทั้งสอง
แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อนแต่ประการใด
พวกหล่อนทั้งสามยังคุยกันถูกคอและถูกใจกันเรื่อยมา
อาทิตย์ก่อน
ฉันเพิ่งไปตะลุยซื้อนิยายที่สวนจตุจักรมา บุษบง
บอกเพื่อนๆ ซื้อนิยายของ
ชมัยภร
แสงกระจ่าง
กฤษณา
อโศกสิน
กิ่งฉัตร ปิยะพร
ศักดิ์เกษม
แล้วก็ติดนิยายของ
จามรี
พรรณชมพู
มาด้วยแหละ พูดเสร็จหัวเราะคิก
แหมแก
ซื้อของป้าจามรี
มาอ่านเดี๋ยวก็ฟุ้งซ่านหรอก กิ่งแก้วพูดพลางหัวเราคิกเช่นกัน
ทําไมต้องฟุ้งซ่านล่ะแก
เขาเขียนแนวไหนเหรอ เนาวนิตย์ถามหน้าเหรอ
ด้วยอาชีพแล้ว
หล่อนก็อ่านหนังสือมาก
แต่เป็นคนละแนวกับเพื่อนทั้งสอง
สามสาวจัดเป็นหนอนหนังสือตัวยงเหมือนกัน
แต่ความสนใจในการอ่านหนังสือนั้น
จะต่างแนวกันออกไป
บุษบงนั้นอ่านมากกว่าเพื่อน
ด้วยว่าหล่อนอ่านสารพัด
นิยายพาฝัน
นิยายเพื่อชีวิต
เรื่องสั้น
กวีนิพนธ์ การ์ตูนญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะนักเขียนรุ่นใหม่
รุ่นเก่า
บุษบงอ่านหมด แต่สุดท้ายตายรังที่นิยายประเภทติดอันดับขายดีของไทย
ที่หล่อนเข้าถึงอารมณ์ตัวละครมากที่สุด
จนบางครั้งเผลอตัวนึกว่าเป็นนางเอกนิยายในเรื่องที่กำลังอ่านอยู่
และยังมีการ์ตูนญี่ปุ่นชุด
คำสาปฟาโรห์ ที่หล่อนติดหนึบมาตั้งแต่สมัยผูกคอซอง
จนถึงปัจจุบันก็ยังหยิบมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กิ่งแก้ว
ชอบอ่านสารคดี
ประวัติศาสตร์
นิยายพาฝันอิงประวัติศาสตร์ และคอลัมน์ที่ต้องอ่านทุกวันคือ
เสพสมบ่มิสม
เรื่องนี้เคยเป็นที่สงสัยของเพื่อนๆ
กิ่งแก้วแย้มเหตุผลให้ฟังว่า
อ่านแล้วบางทีก็ตลกดีนะ
อีกอย่างเราไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้รู้จริงจากการปฏิบัติวิชาเมื่อไหร่
รู้ทฤษฎีไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน
สําหรับเนาวนิตย์
หล่อนชอบอ่านสารคดีทุกประเภท
แต่ด้วยงานประจำในช่วงนี้
หล่อนเน้นหนักที่สารคดี
เกี่ยวกับสุขภาพของผู้หญิง
แม่และเด็ก
และความสัมพันธ์ของครอบครัว
หล่อนสารภาพตามตรงกับบุษบงเพื่อนรักว่า
หล่อนไม่ติดนิยายพาฝันเอาเสียเลย
ชีวิตของหล่อนจึงเต็มไปด้วยสาระ
และสาระ
วันนี้หล่อนจึงเพิ่งรู้ว่า
จามรี
พรรณชมพู
นักเขียนที่เพื่อนสาวเอ่ยถึงนั้น
มักจะเขียน
นิยายรัก
แทรกด้วยบทพิศวาส
หฤหรรษ์
ที่อาจพาสาวๆ
หัวใจกระเจิดกระเจิงเอาได้
เมื่ออาหารมาถึงโต๊ะ
วงสนทนาค่อยเงียบเสียง
และเริ่มติดเครื่องต่อ หลังอาหารเริ่มพร่อง
บวบนี่ดีนะ
บำรุงน้ำนมดี เนาวนิตย์พูดขึ้น
ขณะตักบวบจากหม้อแกงเลียง
นั่นเหมาะมากสำหรับคนท้องนะ
แต่พวกเราน่ะ
ยังหาคนทำให้ท้องไม่ได้เลย กิ่งแก้วต่อ
คนทำให้ท้องน่ะมีเกลื่อนถนนอยู่หรอก
แต่จะหาแบบที่มีคุณภาพนี่ยากเต็มทน บุษบงออกความเห็น
ใช่ๆๆ
กว่าจะหาผู้ชายดีๆ
สมบูรณ์แบบอย่างที่เราฝันไว้นี่
ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรจริงๆ กิ่งแก้วเห็นด้วยในทันที
แน่ล่ะ
ผู้ชายตามมาตรฐานของกิ่งแก้วนั้น
ต้องหล่อคม
ล่ำสัน
กล้ามเป็นมัด
ตัวสูง เท่ห์
ฉลาด เก่ง
นัยน์ตาซึ้ง
นิสัยดี
สุภาพบุรุษ
ไม่เจ้าชู้
และอีกหลายๆ
คุณสมบัติตามแบบฉบับพระเอกนิยาย
ให้เวลาค้นหาถึงชาติหน้า
ยังไม่รู้ว่าจะพบหรือเปล่า
คำกล่าวที่บอกว่า
ผู้หญิงจะเริ่มลดมาตรฐานของผู้ชายตามวัยที่เพิ่มขึ้นนั้น
นำมาใช้กับกิ่งแก้วไม่ได้
เพราะหล่อนไม่ยอมลดมาตรฐานลงแม้แต่ข้อเดียว
ไม่เหมือนกับบุษบงและเนาวนิตย์
ที่ยอมลดมาตรฐานลงบ้างแล้ว
แต่ผู้ชายดีๆ
ก็ยังจัดเป็นสมบัติหายากอยู่นั่นเอง
ในความเห็นของเธอทั้งสามคน
ทำไมพวกเราถึงไม่ได้แต่งงานกันสักทีนะ
แกรู้หรืเอเปล่าว่า
ยิ่งอายุมากขึ้น
มดลูกเราก็แก่มากขึ้นด้วย
มันจะไม่สดเหมือนตอนสาวๆนะ
เขาถึงบอกว่า
ควรมีลูกก่อนอายุ
35 เนาวนิตย์
เริ่มแสดงความกังวล
หลังจากนึกถึงข้อมูลที่หล่อนเพิ่งค้นพบ
เกี่ยวกับสุขภาพของสตรี
35
เหรอ บุษบงร้องออกมาอย่างกังวลใจ
ปีนี้ฉัน
33 แล้ว
เหลืออีกแค่ 2
ปีเองน่ะสิ
อย่างนี้ฉันต้องรีบหาสามี
ก่อนที่จะมีลูกไม่ได้แล้วล่ะสิ
เนาวนิตย์และกิ่งแก้ว
มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
กับอาการที่แสดงออกโดยฉับพลันของบุษบง
แกจริงจังมากเลยเหรอบุษ กับการมีผอ สระ อัว เนี่ยะ กิ่งแก้วถาม
ก็
ไม่รู้สิ
บางทีก็อยากมี
บางทีก็เฉยๆนะ บุษบงตอบแก้เก้อ
หล่อนคาดไม่ถึงเหมือนกันว่า
คำพูดของเนาวนิตย์
นั้นเป็นดั่งการกดรีโมท
กระแทกต่อม อยากมีใครสักคน ที่แอบแฝงเร้นลึกในใจของหล่อน
พาลให้เกิดปฏิกิริยาอยากแต่งงานขึ้นมาโดยฉับพลันทันใด
แม้หล่อนจะเปิดเผยในที่สาธารณะว่า
หล่อน(อาจ)จะครองตัวเป็นสาวโสด
ที่อยู่อย่างมีความสุข
สนุกสนานกับชีวิต
ซึ่งหล่อนเองก็พึงใจกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระ
แบบที่สาวไม่โสดหลายคนโหยหา
แต่ในบางคืนที่ใจเหงา
บุษบงยอมรับกับตัวเองลึกๆว่า
หล่อนไม่ได้พึงใจกับการไร้คู่อยู่แบบนี้หรอก
หล่อนก็ต้องการใครสักคนเคียงข้าง
คอยเอาใจใส่ดูแล
ใครสักคนที่มาร่วมสร้างครอบครัวอบอุ่น
มีลูกตัวน้อยๆ
เป็นสายใยถักทอความรักภายในครอบครัว
และให้หล่อนได้เฝ้าดูความเจริญเติบโต
เมล็ดพันธุ์ที่หว่านด้วยความรักจากพ่อและแม่...แล้วก็...
เฮ้ย!
ตื่นๆ
ทำตาปรอยฝันอยู่ได้นะแก
เดี๋ยวจะเรียกเขาเช็คบิลแล้ว กิ่งแก้วร้องบอก
พาลให้บุษษงสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นจากภวังค์
เออ
แหม
ฉันกำลังเคลิ้มเลย บุษบงบอกกับเพื่อนด้วยอาการเขิน
ที่เผลอตัวเคลิ้มฝันไปกับความต้องการ
ที่ฝังอยู่เร้นลึกในหัวใจ
นิตย์
วันหลังได้โปรดอย่าพูดเรื่องการมีครอบครัวอีกนะ
ฉันอดฝันไม่ได้ทุกทีเลยว่ะ
เรายังไม่แก่สักหน่อย
ยังมีสิทธิ์ฝันนะ
ฉันเองก็อยากมีเหมือนกันนะ
แต่เนื้อคู่ยังไม่เกิดสักที
ไปดูหมอแต่ละที
ก็บอกว่า
จะเจอเนื้อคู่อยู่เรื่อยเลย
แต่ไม่เห็นมาสักที เนาวนิตย์ตัดพ้อกับชะตาชีวิต
หล่อนเป็นคนเดียวในกลุ่ม
ที่ยอมรับอย่างเปิดเผยทั้งที่ลับและที่แจ้งว่า
อยากมีแฟน
อยากมีแฟน
และอยากมีแฟน แต่หลังจากเลิกรากับแฟนหนุ่มคนแรกไปตั้งแต่อายุ
24
หล่อนก็ยังไม่พบใครที่ลงตัวและถูกใจสักรายเดียว
พวกแกก็อย่าเครียดกันนักเลยเรื่องการมีคู่
ดูอย่างฉันสิ
ไม่เคยอนาทรร้อนใจ
ถ้ายังไม่มีใครดีๆถูกใจเข้ามาในชีวิต
จะแต่งไปทําไม๊
ให้เป็นทุกข์ กิ่งแก้วลอยหน้าลอยตาพูดขึ้น
แล้วเปลี่ยนเรื่องสนทนา
ไปสู่การมอบของขวัญวันเกิดให้แก่บุษบง
ของขวัญที่บุษบงได้รับในวันครบรอบอายุ
33
จากเพื่อนทั้ง
2 สอง
เป็นวรรณกรรมแปลอมตะ
ชั้นเยี่ยม
ที่บุษบงรํ่าร้องอยากได้มานาน
นั่นคือ
100
ปี
แห่งความโดดเดี่ยว บุษบงแทบจะตะโกนร้องออกมาด้วยความดีใจ
หลังแกะกระดาษห่อของขวัญ
พบหนังสือปกแข็งชื่อเรื่องเขียนด้วยตัวพิมพ์ทอง
ผลงานชิ้นอมตะ
ของนักเขียนรางวัลโนเบล
กาเบรียล
กาเซีย มาร์เควซ
หนังสือที่คอวรรณกรรมชั้นสูงแนะนําว่า
ต้องอ่าน แม้ชื่อเรื่องฟังดูไม่ค่อยเป็นมงคลนัก
กับการได้รับเป็นของขวัญวันเกิด
แต่หล่อนก็ดีใจและปลื้มใจเป็นอย่างมาก
ที่ได้หนังสือเล่มนี้มาครอง
หลังจากตั้งท่าจะซื้อมานาน
เราสองคนเห็นว่าแกอยากได้
เลยไปหาซื้อมาให้
ดีใจที่ถูกใจแกนะ กิ่งแก้วเอ่ย
โดยมีเนาวนิตย์
คอยยิ้มและพยักหน้าปลาบปลื้มอยู่ข้างๆ
ถูกใจมากๆ หล่อนลากเสียงยาว
ขอบใจแกทั้งสองคนมาก
ฉันชอบจริงๆนะ บุษบงยิ้มปลื้ม
แต่สักพักพลันหุบยิ้มแล้วถามขึ้น
แต่สงสัยอยู่หน่อยเดียว
วันเกิดปีนี้
ทำไมฉันถึงได้แต่หนังสือเป็นโสด
แล้วนี่ยังจะโดดเดี่ยวอีก
มันมีความหมายแฝงอะไรหรือเปล่าวะ
เพื่อนสาวสองคนมองหน้ากันอมยิ้มแล้วส่ายหัวดิก
ทิ้งคำถามให้ค้างคาใจบุษบงอยู่อย่างนั้น
...........................