เมื่อบุษบงจะลงจากคาน โดย ริญา

ตอนที่ 12  คืนวันอันรื่นรมย์

 

                ตลอดอาทิตย์หลังจากเปิดตัวชายคนรัก ไม่ว่าบุษบงจะเดินไปทางไหนภายในสำนักงาน หรือนอกสำนักงาน หล่อนเป็นอันต้องได้ยินเสียงกิ๊วก๊าว เย้าแหย่ จากบรรดาเพื่อนร่วมงานอย่างไม่ขาดสาย

                หล่อนอยากจะลุกขึ้นเอ็ดตะโรออกไปบ้างว่า จะตื่นเต้นอะไรกันหนักกันหนา กับการที่ฉันจะมีแฟนหล่อ หากแต่หล่อนต้องระงับอาการหงุดหงิดรำคาญใจไว้ คงไม่เหมาะสมแน่ เพราะผู้หญิงทั่วไปที่อยู่ในห้วงรัก คงไม่ทำกัน และไม่ดีแน่หากใครเห็นอาการงุ่นง่านของหล่อน อาจจะคิดเอาเองว่า ความรักของหล่อนเริ่มขมเสียแล้ว และนั่นอาจจะเป็นการเปิดช่องให้มารเข้ามาผจญอีกระลอก

                กระนั้นก็เถิดมารก็ยังไม่เลิกจองล้างจองผลาญหล่อนง่ายๆ

                เสียงกริ่งโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของบุษบงดังขึ้น ในบ่ายวันพุธ หญิงสาวเอื้อมมือไปรับและกรอกเสียงไปตามปกติ

                ได้ยินเสียงน้องบุษแล้ว ชื่นใจ บุคคลที่หล่อนไม่พึงประสงค์ พูดผ่านมาตามสาย

                ใครคะนี่ หล่อนแกล้งทำเป็นจำไม่ได้

                แหม น้องบุษก็พี่พจน์ไงจ๊ะ

                ไม่ทราบมีอะไรคะ หล่อนถามกลับไป ด้วยเกรงว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน

                อยากได้ยินเสียงน้องบุษน่ะเลยโทรมา แปลกนะ เราทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน ชั้นเดียวกันแท้ๆ แต่ไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันเลย วรพจน์ส่งเสียงออดอ้อน

                บุษบงกลั้นอกกลั้นใจเต็มที่ หล่อนพยายามระงับอารมณ์อย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนกับหน้าที่การงาน

                คุณวรพจน์มีธุระสำคัญอะไรเรื่องงานหรือเปล่าคะ ช่วยบอกดิฉันเร็วๆด้วย พอดีมีงานค้างค่ะ หล่อนถามกลับไปเสียงเรียบ

                อ้างงานอีกแล้ว อย่าทำงานหนักนักเลย สมัยนี้ผู้หญิงหลายๆคนไม่ต้องทำงานหนัก ก็ก้าวหน้าได้นะ เพียงแค่เอาอก เอาใจผู้บริหารนิดหน่อย ก็เลื่อนตำแหน่งขึ้นได้หลายขั้นแล้ว

                จะมาไม้ไหนอีก บุษบงคิดในใจ

                พอดีดิฉันไม่ใช่คนประเภทนั้นค่ะ ที่ดิฉันทำงานอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะผลงานของตัวเอง ไม่ต้องเลียแข้งเลียขาใคร หล่อนตอบกลับไป ทั้งพยายามระงับอารมณ์เต็มที่

                อย่างนี้นี่เอง ฝ่ายน้องบุษ ถึงไม่มีตำแหน่งผู้จัดการ แต่มีแค่หัวหน้าฝ่าย อีกฝ่ายย้อนกลับมา ราวกับได้รู้อะไรมาดีๆ

                ความจริงแล้วบุษบงเคยรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่เหมือนกันว่า ทำไมหน้าที่การงานของหล่อนถึงก้าวไปช้านัก ทั้งๆที่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายยังว่างอยู่ แต่หล่อนก็ยังแป้กในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายมานานถึง 3 ปี ดีที่ว่าหล่อนได้ขึ้นเดือน  พร้อมโบนัส ทุกปี หล่อนจึงเดาเหตุผลเอาเองว่า บริษัทคงยังไม่พร้อมที่จะมีตำแหน่งนี้ เพื่อประหยัดงบประมาณ

                น้องบุษรู้หรือเปล่า พี่มีพาวเวอร์พอที่จะคุยกับท่านประธานบริษัทฯได้นะ แค่กระซิบๆบอกแกนิดหน่อย ท่านก็จะรับไว้พิจารณาแล้ว

                ขอบคุณค่ะที่หวังดี แต่ดิฉันคงรับความปรารถนาดีนี้ไว้ไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรที่สามารถตอบแทนบุญคุณคุณวรพจน์ได้หรอกค่ะ หล่อนโกรธจนไม่รู้จะโกรธอย่างไร เกลียดผู้ชายคนนี้นัก ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ต้องเอาด้วยกล

                โถ ไม่เห็นต้องตอบแทนอะไรมากเลย แค่น้องบุษยอมไปทานข้าวกับพี่ พูดจาดีๆกับพี่บ้าง พี่ก็พอใจแล้ว  คนเจ้าเล่ห์เอ่ยกลับมาเสียงอ่อน เสียงหวาน

                คุณวรพจน์คะ ถ้าไม่มีธุระอะไรมากกว่านี้ ดิฉันขอวางสายนะคะ เพราะถ้าคุยกันต่อไป ดิฉันอาจจะพูดอะไรที่ระคายหูออกไปได้ ไหนคุณบอกว่าจะเลิกตอแยกับดิฉันแล้ว ถ้าคุณได้เห็นแฟนดิฉันจริงๆ

                พี่ไม่ได้ตอแยน้องบุษนะ พี่เพียงแต่มีข้อเสนอดีๆมาให้เท่านั้นเอง ถ้าน้องบุษไม่ต้องการ ก็ไม่เป็นไรจ๊ะ งั้นพี่ไม่รบกวนแล้ว เขาวางหูไปโดยรวดเร็ว และแรง จนหล่อนถึงกับสะดุ้ง

                คนอะไรเลวแล้วยังไร้มารยาท นี่เขาคงเสียหน้าอย่างมาก ที่จีบหล่อนไม่สำเร็จ แถมหล่อนยังควงคู่รัก (ปลอมๆ ที่หวังให้เป็นจริง) มาเย้ยเขาอีก วรพจน์คงเจ็บแค้นอยู่ไม่น้อย ขนาดหาวิธีพิชิตใจหล่อนโดยยื่นข้อเสนอผลักดันหล่อนเรื่องงานแล้ว หล่อนก็ยังไม่รับ

                บุษบงเดาได้ว่า เขาไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับหล่อน เพียงแค่ให้หล่อนยอมควงกับเขา จี๋จ๋ากันชั่วประเดี๋ยวประด๋าว พอให้เขาชนะพนันก็คงพอกระมัง ถึงได้ใช้วิธีเอาตำแหน่งงานมาล่อ เมินเสียเถอะ หล่อนมั่นใจในการทำงานของหล่อน และเชื่อว่าประธานบริษัท ก็คงเห็นผลงานของหล่อนเช่นกัน การที่หล่อนไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ก็น่าจะด้วยเหตุผลอื่นๆ  มิใช่จากเหตุว่าหล่อนไม่ไต่เต้า โดยยอมเอาเต้าให้ใครไต่ อย่างที่อีตาวรพจน์คิด

               

                ความโกรธพลุ่งพล่านอยู่ในใจบุษบงไม่ทันจางหาย เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครา นี่ถ้าเป็นวรพจน์โทรมาอีก หล่อนคงทนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ไม่ไหว ได้กรีดร้องใส่เขาเป็นแน่

                บุษบงค่ะ อารมณ์ที่คุกรุ่นในใจพาลทำให้หล่อนรับโทรศัพท์ด้วยเสียงห้วน

                บุษ...นี่พี่เก้งนะ...

                หญิงสาวอ้าปากค้างยกมือทาบอก ตายๆๆ บุษบงร้องกับตัวเอง ก่อนรีบปรับเสียงให้อ่อนหวาน

                พี่เก้งเองเหรอคะ ขอโทษค่ะ บุษเสียงห้วนไปหน่อย พอดีกำลังโมโหคนอยู่ หล่อนรีบแก้ตัว ในใจเกรงว่าเขาจะเข้าใจผิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงหยาบกระด้างยามลับหลังเขา

                โมโหใครล่ะ โจทก์เดิมหรือเปล่า  เสียงทุ้มนุ่ม ถามกลับมา

                ค่ะ อีตาวรพจน์นั่น ยังไม่ยอมเลิกรา โทรมากวนบุษอีกแล้ว เออนะ หล่อนทำเสียงกระเง้ากระงอด ออดอ้อนอย่างเด็กช่างก็เป็น

                สงสัยพี่ต้องแวะไปหาบุษที่ทำงานทุกเย็นซะละมั้ง เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง ทำเอาหัวใจหญิงสาวพองคับอก

                บุษบงนึกอยากจะรีบรับคำพูดนั้นเสียทันที หากค่าที่เป็นหญิงช่างสงวนทีท่าของหล่อน  ทำให้หล่อนต้องเก็บปากเก็บคำไว้ก่อน

                คงไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เก้ง บุษเกรงใจ ไม่อยากรบกวนให้ พี่เก้งต้องมาเสียเวลากับ เรื่องไร้สาระแบบนี้ หล่อนนึกชิงชังท่าทีนี้ของตัวเองเหลือเกิน

                ไม่เป็นหรอก พี่เต็มใจช่วย พี่ไม่ชอบคนที่ไม่ให้เกียรติ ผู้หญิง

                คำที่ตอบกลับมา บุษบงอยากแก้บทพูดให้พระเอก จากคำพูดว่า ผู้หญิง เปลี่ยนเป็น บุษ ให้ชี้เฉพาะเจาะจงไปเสียเลย ว่าที่เขาอาสาช่วย ก็เพราะเป็นหล่อน ไม่เพียงหมายถึงผู้หญิงอื่นๆ ทั่วไป

                ขอบคุณพี่เก้งมากค่ะ....บุษ...ซาบซึ้งใจมากๆ พูดจากใจจริงแต่หล่อนเสหัวเราะ เพื่อให้แลดูเป็นเหมือนมุขตลก

                ปวริศร์หัวเราะตอบกลับมา ก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจบุษบงเต้นแรงขึ้นไปอีก

                เย็นนี้พี่ว่าง ถ้าบุษไม่ติดธุระอะไร ไปดูหนังกันมั๊ย เขาเอ่ยชื่อหนังแนวสืบสวน สอบสวน ที่เพิ่งลงโรงเมื่อต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา

                ถ้าหล่อนปฏิเสธคำชวนนี้ ล็อคพนันคงถล่มแน่ บุษบงรีบตะครุบโอกาสทอง รีบตอบรับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดใดๆ ไม่ติดอะไรเลยค่ะ ให้ตัวเองดูดีเสียหน่อย บุษบงรีบหาเหตุผลที่คิดว่าดีมาอ้าง นี่บุษกำลังตั้งตาคอยดูหนังเรื่องนี้อยู่พอดีเลย

                พี่จำได้ว่า บุษชอบพระเอกคนนี้ ก็เลยโทรมาชวน

                โอ พี่เก้งขา แต่ละคำ แต่ละประโยค เขย่าใจบุษเหลือเกิน  หล่อนร้องครวญครางในใจ เขาจำเรื่องที่หล่อนเคยบอกได้ บุษบงปลาบปลื้มเนื้อตัวสั่นเทา จนแทบทำอะไรไม่ถูก หล่อนได้แต่อมยิ้มกับสมุดจดงานตรงหน้า

                ฮัลโหลๆ บุษ...บุษ ยังอยู่หรือเปล่า ทำไมเงียบไป

                อยู่ค่ะ อยู่ หล่อนละล่ำละลักตอบไป เมื่อเขาปลุกให้ตื่นจากภวังค์

                ถ้าอย่างนั้น เลิกงานพี่จะไปรอบุษที่หน้าโรงหนังนะ เอ้อ...หรือบุษจะให้พี่แวะไปหาที่ทำงาน จะได้มีคนเห็นว่าเรานัดกัน เขาเอ่ยอย่างนึกขึ้นมาได้

                จริงสิ...พี่เก้งมาที่ทำงานบุษได้หรือเปล่าคะ ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ยังไงเราก็นัดเจอกันวันศุกร์อยู่แล้ว นาทีนี้ หล่อนไม่สนใจเรื่องละครตบตาใดๆทั้งสิ้น เพราะการได้พบกับเขานั้นเป็นสุดยอดปรารถนาของหล่อน

                พี่ไปที่ทำงานก็ได้ วันนี้พี่ว่างงานมาก ปวริศร์หัวเราะน้อยๆ เขาพูดความจริงที่วันนี้เขาไม่มีงานอะไรติดพันที่บริษัท เป็นเหตุให้เขาว่างมากจึงนึกถึงหญิงสาว แล้วโทรมาหาหล่อน

                ปวริศร์นัดแนะกับหล่อนเสร็จสรรพจึงวางสายไป เขาจะรู้ไหมหนอ สาวเจ้าที่เขาเพิ่งคุยด้วยนั้น บัดนี้ นั่งยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่ พอได้สติที ก็หยิกตัวเองที ราวกับเกรงว่า หล่อนกำลังนั่งฝันกลางวัน

                อารมณ์ขุ่นมัวในใจ จางหายไปจนสิ้น บุษบงใจจดจ่อรอให้เวลาเลิกงานมาถึงโดยเร็ว ตลอดบ่าย หล่อนนั่งทำงานด้วยหัวจิตหัวใจแช่มชื่น นี่หากว่าหล่อนกับพี่เก้งเป็นแฟนกันจริงๆ ทุกวันในชีวิตของหล่อน คงเป็นวันอันแสนรื่นรมย์เป็นแน่

 

                หนังสนุกดีนะคะพี่เก้ง หล่อนชวนคุยเมื่อก้าวพ้นจากประตูโรงหนัง

                ก็โอเคนะ แต่ยังไม่ค่อยสะใจพี่เท่าไหร่ เขาเอ่ยตอบ ก่อนแหย่หล่อนด้วยใบหน้าระบายยิ้ม บุษคงชอบ ที่พระเอกหล่อ

                แน่อยู่แล้วล่ะ หล่อนเก็บไว้ในใจ สำหรับอีกประโยคที่ว่า ยิ่งมากับคนหล่อ หนังยิ่งดูสนุก

                ไปหาอะไรกินแถวเยาวราชไหม เขาชวน กลัวอ้วนหรือเปล่า เขาถามต่อด้วยรู้ว่าอาหารมื้อดึก เป็นมื้อที่เพิ่มน้ำหนักได้อย่างดี

                ไปสิคะ ไม่ได้ได้กินทุกวัน คงไม่ทำให้อ้วนหรอกค่ะ หล่อนรีบตะครุบโอกาสที่จะได้อ้อยอิ่งอยู่กับเขาได้นาน ขึ้นอีกนิด ในใจหล่อนนั้น แทบไม่อยากจะพรากจากเขาเลยทีเดียว นี่เขาเรียกว่า...ความหลงใหลหรือเปล่านะ

 

                ค่ำคืนนั้นของบุษบงจบลงอย่างสุขสมดังเช่นคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และคืนวันอันรื่นรมย์ของหล่อนก็ดำเนินไปเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ทุกวันศุกร์เย็น และในบางวันทำงานระหว่างสัปดาห์ ที่ปวริศร์ว่าง เขาก็โทรมาชวนหล่อน ไปดูหนังบ้าง ไปเดินชมงานแสดงศิลปะบ้าง ไปฟังเพลงบ้าง ตามแต่โอกาส 

                การที่ปวริศร์ มานั่งคอยหล่อนที่บริษัทเป็นประจำนั้นเป็นการแสดงได้เห็นแน่ชัดว่า หล่อนกับเขาเป็นคู่รักหวานแหววที่น่าอิจฉาคู่หนึ่ง ละครตบตาที่นับวันยิ่งแสดง ยิ่งสมจริงเรื่องนี้ ทำให้ วรพจน์เลิกรา ไม่มาตอแยกับบุษบงในที่สุด

 

                บุษบง รู้สึกว่าหล่อนกลายเป็น นางสาวบุษบง อิ่มสุข ผู้อิ่มสุขอย่างแท้จริงเมื่อมีเขาเคียงค้าง แต่กระนั้นหล่อนก็ห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้คิดหวั่นไม่ได้ ความสุขเช่นนี้ จะยาวนานไปถึงไหนหนอ ในเมื่อหล่อนรู้อยู่แก่ใจว่า  การที่เขาเข้ามาพัวพันในชีวิตหล่อน ก็เพื่อช่วยเหลือให้หล่อนพ้นจากการรังควาญของวรพจน์ เขาเพียงเข้ามาเพื่อแสดงเป็นแฟนกำมะลอของหล่อนเท่านั้น หาใช่ด้วยจิตพิศวาสหล่อนแต่อย่างใด ยามนึกถึงความจริงข้อนี้ทีไร หล่อนมีอันต้องเศร้าซึมทุกทีไป

                เป็นอะไรน่ะบุษ ทำไมเงียบไป ปวริศร์เอ่ยถามขึ้นระหว่างที่ขับรถไปส่งเขาที่บ้าน ตามปกติ

                บุษบงระบายลมหายใจ นี่หล่อนจะเอ่ยปากบอกเขาอย่างไร ถึงเรื่องที่หล่อนครุ่นคิดและหวั่นใจอยู่ในขณะนี้

                บุษ...กำลัง...ใช้ความคิดค่ะ หล่อนตอบออกไปเท่าที่จะคิดได้

                คิดอะไร มีเรื่องกลุ้มใจหรือเปล่า เขาถามอย่างห่วงใย

                รถของหล่อนจอดถึงหน้าบ้านเขาพอดี ปวริศร์ ยังไม่ลงจากรถ เขาพูดต่อเมื่อเห็นหญิงสาวยังคงเงียบ ถ้าบุษไม่สบายใจอะไร อยากระบาย พี่ก็รับฟังนะ แต่ถ้าไม่อยากพูด ก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ทำใจให้สบายละกัน ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ

                ใช่ค่ะ บุษรู้ หล่อนตอบเขาอยู่ในใจ แต่ปัญหานี้ หล่อนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร มันเป็นปัญหาความรักค่ะ พี่เก้งขา หล่อนอยากบอกเหลือเกิน วันเวลาที่ใกล้ชิดเขา ตลอด สามเดือนที่ผ่านมา จากความชอบ และปลาบปลื้ม ได้ผลิแยกแตกหน่อก่อเป็นความรักที่มีต่อเขา หล่อนจะบอกเขาอย่างไรกับความรู้สึกที่ทะลักล้นหัวใจหล่อนอยู่ในขณะนี้

                ปวริศร์ ปลดเข็มขัดนิรภัย และตั้งท่าจะเปิดประตูก้าวลงจากรถ แล้วพลันหยุดเมื่อหล่อนเอ่ยคำขึ้น

                พี่เก้ง...พี่เก้งคิดว่า เราจะเล่นละครเป็นแฟนกันไปอีกนานแค่ไหนคะ หล่อนโพล่งถามเขาออกไป

                ชายหนุ่มเงียบ ด้วยว่าไม่เคยคิดถึงวันปิดฉากละคร  เขาเพียงแต่นัดเจอหล่อน เพราะรู้สึกอยากพบ อยากพูดคุย และอยากไปไหนต่อไหนกับหล่อน  กระทั่งลืมนึกถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขากับหล่อนเริ่มมีนัดกัน หรือว่าหล่อนไม่อยากนัดเจอกับเขาอีก ปวริศร์คลางแคลงในใจ

                แล้ว...คุณวรพจน์อะไรนั่น เขาเลิกตอแยกับบุษหรือยัง เขาถาม

                นั่นประไร...บุษบงคิดแล้วว่า เขาไปมาหาสู่ก็เพียงเพราะคิดจะช่วยหล่อนเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดอื่นแอบแฝง เขาคงไม่รู้สึกอะไรกับหล่อนมากเกินไปกว่ารุ่นน้องคนหนึ่ง หล่อนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ไม่สวย ไม่หวาน ไม่เลิศเลอเพียงพอที่จะควรคู่กับเขาหรอก หญิงสาวได้แต่นึกสะท้านอยู่ในใจ

                เขาก็...ไม่มากวนบุษแล้วละค่ะ ล่าสุด ได้ข่าวว่า เขาได้คู่ควงเป็นสาวในบริษัทแล้ว หล่อนไม่อาจปกปิดความเศร้าซึมที่เจืออยู่ในน้ำเสียงนั้นได้

                แล้ว...บุษยังอยากให้พี่ไปหาที่บริษัทอีกหรือเปล่า เขาถามหล่อนตรงๆ

                หญิงสาวก้มหน้านิ่ง มองพวงมาลัยรถ ราวกับขอคำปรึกษาจากมันว่าหล่อนควรจะพูดว่าอะไรดี ถ้าเป็นช่วงที่อารมณ์สดใส หล่อนคงคิดเข้าข้างตัวเองว่า เขาดูเหมือนมีใจกับหล่อน แต่ขณะนี้ หล่อนทั้งกลัวและหวาดหวั่น บุษบงอยากจะตอบเขาออกไปดังๆ เหลือเกินว่า อยากค่ะพี่เก้ง ทว่าหล่อนนั้นรู้สึกขลาดกลัวเหลือเกิน หล่อนกลัวความผิดหวัง

                ถ้า...บุษไม่อยากให้พี่ไป พี่ก็จะไม่ไป เขาเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกบางอย่าง

                ประโยคนั้นทำให้บุษบง ถึงกับรีบหันขึ้นมามองเขาโดยเร็ว นี่เองคือสิ่งที่หล่อนกลัว...หล่อนกลัวว่าจะไม่ได้พบกับเขาอีก เวลานี้หล่อนทำใจให้ตั้งตารอวันที่โลกกลม หมุนให้เขากับหล่อนมาพบกันโดยบังเอิญไม่ได้อีกต่อไปแล้ว       บุษบงได้แต่อึ้ง ไม่รู้ว่าจะสรรคำพูดใดมาเอ่ย  วูบหนึ่งหล่อนนึกโมโหตัวเองที่เปิดประเด็นนี้ขึ้นมา หากหล่อนทำเฉยเสีย ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปเรื่อยๆ หล่อนก็คงได้พบเขาไปอีกเรื่อยๆ แต่หล่อนก็ยอมให้อะไรเป็นไปเรื่อยๆ โดยไม่มีจุดหมายไม่ได้ คืนวันอันแสนสุขของหล่อนจึงกำลังจะสิ้นสุดลง อีกไม่กี่นาทีนี้

                แล้ว....จะเป็นไปได้หรือเปล่า เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ ถ้าพี่โทรชวนบุษออกไปกินข้าว ไปเที่ยวกันบ้าง หลังจากนี้

                จะอย่างไรล่ะ คนฟังก็นั่งกำพวงมาลัยรถแน่น ตาโต อ้าปากค้าง ก่อนเอ่ยความในใจที่ซ่อนอยู่ อย่างสุดที่จะคุมสติไว้ได้ พี่เก้ง...บุษรอให้พี่พูดคำนี้อยู่ 

                ตาของหล่อนไม่ได้ฝาด หูของหล่อนไม่ได้เฝื่อนเป็นแน่ ยามที่เห็นเขายิ้ม แววตาวิบวับเป็นประกาย น้ำเสียงที่เซื่องซึม และเต็มไปด้วยลังเล มลายหายไปสิ้น คำพูดที่หล่อนได้ยินต่อไปนี้ เต็มไปด้วยความดีใจ คล้ายโล่งอก

                แสดงว่าบุษก็ยังอยากนัดเจอกับพี่อยู่เหมือนกัน ใช่มั๊ย

                หล่อนยิ้ม พร้อมพยักหน้า พยายามกลั้นน้ำตาแห่งความปิติไว้ไม่ให้ไหลออกมา

                ปวริศร์ผ่อนลมหายใจ ก่อนตัดสินใจพูดว่า พี่ชอบบุษนะ เรามีทัศนคติที่ตรงกันหลายเรื่องๆ เวลาพี่อยู่กับบุษ พี่รู้สึกสบายใจ เวลาเหนื่อยจากการทำงาน ได้คุยกับบุษ พี่ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ เขาพูดพร้อมยิ้มน้อยๆ สบสายตาหล่อนอย่างเปี่ยมไปด้วยความหมาย ขณะพรรณนาความรู้สึกภายในใจ  แล้วเอ่ยปากถามหล่อนต่อว่า ถ้าเราจะลองคบกันเป็นแฟนจริงๆ ไม่ใช่เล่นละคร บุษจะว่ายังไง

                เท่านั้นเอง บุษบงไม่อาจกลั้นความตื่นเต้นยินดีไว้ได้แล้ว สองมือของหล่อนยกขึ้นมาแตะระหว่างจมูก ปาก  แล้วเลื่อนมาประสานไว้ที่อก ราวกับนางงามจักรวาลที่เพิ่งได้ยินผลตัดสิน หล่อนจ้องมองเขาน้ำตารื้น

                พี่เก้งพูดจริงเหรอคะ บุษไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย

                หล่อนถามย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา บุษไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ย กระทั่งเขาคว้ามือหล่อนไปกุม และจูบที่หลังมือ

                จริงสิจ๊ะ

 

                เพียงคำพูดตอบรับสั้นๆ ก็ทำให้บุษบงกลับบ้าน และนอนหลับอย่างเป็นสุข

                ถ้าฉันจะมีแฟน แกจะว่าไงชะเอม หล่อนลูบตัวแมวรักที่นอนเบียดอยู่เคียงข้างหล่อน

                แหง่ว ชะเอมส่งเสียงคล้ายกับจะไม่เห็นด้วย นับตั้งแต่พี่เก้งเขามาผูกพัน หล่อนกลับบ้านดึกเป็นประจำ   ทิ้งชะเอมแมวรักให้เฝ้ารอคอยเจ้านายอย่างเหงาหงอย หญิงสาวรู้แก่ใจอยู่เหมือนกัน

                ทำไงได้ล่ะเอม ถ้าฉันไม่ให้เวลากับพี่เก้งขนาดนี้ เขาคงจะยังไม่ผูกพันกับฉัน และรู้จักตัวตนของฉัน จนกระทั่งชอบฉันแบบนี้หรอก หล่อนบอกกับชะเอม

                แหง่ว แง๊ว ชะเอมร้องตอบ

                โอเค ฉันไม่ลืมแกหรอกน่า จะเอาใจใส่แกเหมือนเดิม

                ชะเอมดูเหมือนจะพอใจในคำมั่นสัญญา มันซุกหน้าแนบแขนเจ้านายสาวผู้กำลังมีความรักแบ่งบาน และนอนยิ้มกริ่มท่ามกลางแสงจันทร์นวลที่ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง

 

----------------------------------------