เมื่อบุษบง จะลงจากคาน โดย ริญา

ตอนที่ 14 ความหวัง...และความฝัน

 

                การ์ดสีชมพู สีหวาน มีลายพิมพ์นูนรูปหัวใจไขว้  ประดับอยู่บริเวณมุมการ์ดทั้งสี่ด้าน ข้อความในการ์ด ประกาศชื่อ เจ้าสาว และเจ้าบ่าว เชื้อเชิญแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย ไปร่วมอวยพรในวันอันเป็นมงคลของสองหนุ่มสาว

                ในที่สุดยายแหวน มันก็ได้แต่งงานซะทีนะ ฉันละดีใจกับมันด้วยจริงๆเลย ขวัญชนกซึ่งแวะมาหาบุษบงที่โต๊ะทำงานเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนสาวกำลังอ่านการ์ดเชิญงานแต่งงาน ของเพื่อนร่วมงานในบริษัท

                ใช่ ฉันก็ดีใจกับแหวนด้วย ยังจำได้ตอนที่เขาอกหัก เลิกกับแฟนคนแรกใหม่ๆ อาการแย่เลยนะ มาทำงานที หูตาแดงก่ำไปหมด ลาป่วย ลากิจ ขาดงาน มาสาย ซะเต็มโควต้า จนเกือบโดนไล่ออก บุษบงนึกย้อนไปถึงเรื่องของแหวน เมื่อสามปีก่อนหน้า

                ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอนะแกนะ แฟนคนใหม่ ของแหวนนี่ ฉันได้ข่าวว่า ดีมากๆเลยล่ะแก เสมอต้นเสมอปลาย ดูแลเอาใจทุกอย่าง โชคดีนะที่ได้ผู้ชายดีๆ ขวัญชนกเสริม  ในความคิดของหล่อน หากผู้หญิงคนใดได้พบพานผู้ชายแสนดีสักคนนั้น นับว่าเป็นบุญอย่างยิ่ง เพราะในชีวิตของหล่อน ยังไม่เคยพบเจอกับตัวเองจริงๆสักครั้ง แม้แต่พ่อผู้ให้กำเนิด นั่นจึงเป็นความฝังใจที่ทำให้หล่อน รู้สึกลบกับเพศตรงข้าม และมีใจให้กับเพศเดียวกันมากกว่า

                นี่แกเห็นรูปคู่ที่แหวนถ่ายที่สตูดิโอ บ้านดอกรัก หรือยัง โอ้โฮ! ถ่ายออกมาสวยมากๆ ยายแหวนซ้วยสวย  แล้วแฟนแหวนนะขนาดหน้าตี๋ๆ แต่งหน้าออกหล่อยังกะดาราฮ่องกง แล้วฉากนะก็จัดอย่างสวยงามอย่างกับอยู่ในสวนแห่งความฝัน มีเพียงแค่เราสอง ขวัญชนกทำหน้าเคลิ้มฝัน เล่าอย่างชื่นชมยินดี 

                เหรอๆ อยากเห็นบ้างจัง เดี๋ยวต้องไปขอแหวนดูบ้าง บุษบงเคยได้ยินเกี่ยวกับ รูปที่ถ่ายในสตูดิโอมาบ้างว่า รูปออกมาสวยชนิดว่าเจ้าตัวอาจจะจำตัวเองไม่ได้เลยทีเดียว และยิ่งถ้าถ่ายกับสตูดิโอชื่อดังอย่าง บ้านดอกรัก รูปคงออกมาสวยเลิศมากๆ อย่างคำที่เพื่อนสาวบอก หล่อนอยากจะเห็นรูปนั้นด้วยสายตาตัวเองจริงๆ เผื่อว่า...เผื่อว่า...วันหนึ่งอาจจะมีโอกาสใช้บริการบ้าง คิดแล้วหล่อนก็แอบเคลิ้มฝันอยู่ในใจคนเดียว

                ถ้าแกแต่งงานนะ แกต้องถ่ายรูปในสตูดิโอด้วยนะบุษ แพงแค่ไหนแกก็ต้องสู้ เก็บไว้ดูสวยดี ขวัญชนกพูดขึ้นโดยที่ไม่ทันล่วงรู้ไปในใจของเพื่อนสาวว่า บุษบงหมายมั่นอยู่เช่นกัน

                แหม แกยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้แต่งหรือเปล่าเลย ไม่รู้จะมีใครมาขอหรือเปล่า

                ทำเป็นมาพูด ฉันเห็นมีนัดกับคุณพี่เก้งสุดหล่อเป็นว่าเล่น...ว่าแต่ว่า...มีความหวังถึงขั้นแต่งงานหรือเปล่าล่ะ ขวัญชนกถามตรงๆ ทำเอาเพื่อนสาวยิ้มขวยเขิน

                ฉันกับพี่เก้งเพิ่งจะคบกันได้ไม่ถึงปีเลยนะแก จะพูดเรื่องแต่งงง แต่งงานมันก็เร็วเกินไปหน่อย บุษบงสอดการ์ดเชิญเก็บเข้าซอง ขณะพูดด้วยใบหน้าชื่นบาน

                จริงของแกนะ  แต่งงานทั้งที ก็ต้องดูกันนานหน่อยๆ แต่อย่าดูนานมาก เดี๋ยวจะพาลไม่ได้แต่ง

                แล้วถ้าคบกันไปเรื่อยๆ แล้วผู้ชายเขาไม่ขอแต่งงานล่ะ จะทำยังไง บุษบงแสร้งทำหน้าเคร่งเครียด

                แกก็รวบหัวรวบหาง แล้วก็ปล่อยให้ท้องสิ เขาจะได้รีบแต่ง พูดจบทั้งคนพูดทั้งคนฟังต่างหัวเราะร่า

                วิธีนี้ไม่เลวนะแก กำลังฮิต แต่ถ้าคนมานับเดือนลูกในท้องฉัน แล้วรู้ว่าฉันท้องก่อนแต่ง อายชาวบ้านแย่เลย บุษบงหัวเราะคิก พลางพาลจินตนาการภาพตัวเองไล่ปลุกปล้ำชายหนุ่มในดวงใจ นึกถึงวันที่หล่อนตั้งครรภ์ แล้วเดินเขาไปบอกเขา พี่เก้งคะ บุษท้องค่ะดวงตาคมคู่นั้นสบตาหล่อนแล้วพูดอย่างภาคภูมิ พี่ขอรับผิดชอบเรื่องที่เกิดเอง ถึงแม้บุษจะเป็นฝ่ายปล้ำพี่ก็ตาม เราแต่งงานกันเถอะคิดพลางก็ขำตัวเอง

                ขวัญชนกพลอยหัวเราะไปด้วย เมื่อเห็นเพื่อนสาวตกอยู่ภวังค์ และนั่งหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว  แล้วหล่อนก็เรียกสติของบุษบงให้กลับมาสู่โลกปัจจุบัน และเอ่ยชวนออกไป หาอะไรกระแทกปากกันเถอะ วันนี้ฉันอยากกินส้มตำแซ่บๆ น้ำตกหมู ตับหวาน เอาแบบเผ็ดนรกต้องกราบสักหน่อย

                เป็นไรของแก อยากของเผ็ดมากขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่ก็โอเค ฉันก็อยากกินอะไรเผ็ดๆเหมือนกันวันนี้ บุษบงพูดพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วลุกขึ้นพร้อมเพื่อนสาว แล้วนี่ยอดไปไหนล่ะ ไม่ไปกินด้วยเหรอ บุษบงเอ่ยถามถึงยอดธิดา คู่รักของขวัญชนก

                ไม่มีคนคนนี้ในชีวิตฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ ขวัญชนกตอบเสียงเครียด เลิกกันแล้ว...ตั้งแต่มันไปดูหมอดู แล้วเขาบอกว่ามันจะได้แต่งงานกับผู้ชาย มันก็เปลี่ยนไป...เลิกก็เลิกฉันก็ไม่ง้อ ขวัญชนกทำสีหน้าไม่ยี่หระ หากแต่บุษบงก็เหลือบเห็นน้ำใสๆคลออยู่สองเบ้าตาของเพื่อนสาว แล้วโอบกอดขวัญชนกคล้ายปลอบโยน

                โลกนี้...ไม่มีอะไรแน่นอนเลยนะ...แม้แต่คนที่เคยรักกัน ขวัญชนกกับยอดธิดาคบกันมายาวนานถึง 3 ปี ดูท่าทางว่ามีความสุขกันดี แม้จะเป็นความรักที่หลายคนมองว่า ผิดธรรมชาติ แต่บุษบงคิดว่า ความรักไม่ว่าเกิดกับใครเป็นสิ่งสวยงามทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรักต่างเพศ หรือรักระหว่างเพศเดียวกัน  ทว่าความรักก็เป็นสิ่งธรรมดาสามัญบนโลกที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และไม่แน่นอน สายน้ำยังไหลเปลี่ยน ไฉนเลยใจคน ก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่เปลี่ยนใจ

                บุษบงคิดแล้วก็ถอดถอนใจ....ความรักที่หวานชื่นของหล่อนวันนี้...จะยาวนานสักเพียงใด...คงไม่มีใครตอบได้...หล่อนคงทำได้แค่เพียงพยายามถนอมความรัก และวันเวลาแห่งความสุขนี้ไว้ให้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่อีกฝ่าย...พี่เก้งของหล่อนต้องร่วมมือรักษาต้นรักของหล่อนกับเขาให้งอกงาม...ด้วยกัน

                ใจคนเรานี่ยากแท้หยั่งถึงนะ ขวัญ ฉันรู้ว่าแกเข้มแข็ง และแกคงทำใจได้ บุษบงบอกกับขวัญชนก ขณะเดินไปด้วยกัน ยังไงแกก็ยังมีฉันเป็นเพื่อนนะ ถ้ามีอะไรที่ฉันช่วยได้ก็บอก หล่อนมองหน้าเพื่อนสาวส่งสายตาบอกความจริงใจ

                ขอบใจว่ะ ฉันก็ทำใจได้พักใหญ่แล้วล่ะ บางทีก็เหงาๆนะ ก็หาไรทำแก้เหงาไป ฉันอกหักจนชินจนจะเขียนหนังสือวิธีรักษาอาการอกหักได้แล้วล่ะแก ไม่ต้องห่วง ขวัญชนกปาดน้ำใสๆที่คลออยู่รอบดวงตา ทั้งรอยยิ้ม  หล่อนมีอารมณ์ขันให้ตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข บุษบงนึกนิยมในความเข้มแข็งของเพื่อนสาว ได้แต่คิดว่า หากหล่อนเกิดบาดเจ็บทางหัวใจขึ้นมา หล่อนจะยังมีรอยยิ้มได้อย่างขวัญชนกหรือเปล่านะ

                .......................

                เลยเวลานัดไปสิบห้านาทีแล้ว...บุษบงได้แต่ยืนกระสับกระส่ายอยู่บริเวณหน้าร้านโดนัท อันเป็นสถานที่นัดพบ หล่อนมองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตรวจสอบสัญญาณคลื่นก็ยังมีคลื่นอยู่เต็ม อีกทั้งคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ยืนพูดคุยโทรศัพท์มือถือกันให้คึกคัก เป็นไปไม่ได้ที่โทรศัพท์หล่อนจะรับสัญญาณโทรเข้าไม่ได้ หล่อนกำลังสงสัยอยู่ว่า...ถ้าเขามาช้า ผิดนัด หรือมาไม่ได้...ทำไมเขาไม่โทรมา

                หล่อนลองโทรไปที่บริษัทที่เขาทำงาน เขาก็ไม่อยู่

                คุณปวริศร์ กลับไปแล้วค่ะ เสียงหญิงสาวที่รับสายตอบกลับมา

                พอจะทราบไหมคะว่าคุณปวริศร์ ออกมาตั้งแต่กี่โมง หล่อนลองถามออกไป ทั้งๆที่ไม่อยากถาม

                ไม่ทราบสิคะ ในแผนกคุณปวริศร์ ก็ไม่มีใครอยู่แล้วด้วย ไม่งั้นก็พอจะถามให้ได้

                หล่อนตอบขอบคุณแล้วกดวางสาย เกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่านะ หล่อนนึกห่วง เพราะเขาไม่เคยผิดนัด แบบนี้มาก่อน แล้วหล่อนจะต้องรอถึงกี่โมงกี่ยามกันนี่ กว่าเขาจะมา หล่อนทั้งนึกห่วง นึกโกรธ คนกันไปหมด

                แม้โทรศัพท์มือถือ จะราคาถูกลง ปวริศร์ ก็ไม่ยอมใช้ ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครตามตัว และคิดว่าเป็นสิ่งไม่จำเป็นในชีวิตสำหรับเขา หล่อนเคยนึกชื่นชมความคิดนี้ แต่วันนี้หล่อนรู้สึกอยากให้เขาเปลี่ยนทัศนคติเสียจริง

                บุษบงลองเสี่ยงโทรเข้าไปที่บ้านของเขา...แปลกที่ไม่มีใครรับสาย บ้านนี้เขาไม่อยู่บ้านกันในคืนวันศุกร์หรืออย่างไรนะ หล่อนนึก

                เวลาผ่านไปชั่วโมงครึ่ง บุษบงจึงตัดสินใจ ขับรถกลับบ้าน ด้วยหัวใจซึมเศร้าและเปลี่ยวเปล่า ช่างต่างจากทุกคืนวันศุกร์ที่หล่อนพบเขาเหลือเกิน หล่อนได้แต่ภาวนาว่าคงไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขา บุษบงยอมโกรธที่เขาผิดนัด ดีกว่าที่จะได้รับรู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุ หรืออะไรร้ายต่างๆนานา

                เอาน่า เขาคงมีเหตุสุดวิสัยจริงๆที่มาตามนัดไม่ได้...อาจจะต้องไปพบลูกค้าคนสำคัญ หรืออาจจะต้องบินด่วนไปต่างประเทศ...มีเหตุมากมายร้อยแปดพันประการที่คนเราผิดนัดกันได้...แต่ทำไมเขาไม่โทรมาบอกหล่อน...สองแก้มร้อนผะผ่าวจากน้ำใสๆที่รินไหลออกจากทั้งสองตา บุษบงไม่เคยเตรียมใจรับมาก่อนว่า วันชื่นคืนสุขระหว่างหล่อนกับปวริศร์ ต้องมีสักวันหนึ่งที่ไม่สุขสมดังใจหวัง นี่คงเป็นบทเรียนบทแรกกระมัง

                ปวริศร์ ปล่อยให้บุษบงนอนร้องไห้น้ำตาเปียกหมอนไปจนถึงรุ่งเช้า เขาจึงได้โทรมาขอโทษและบอกเหตุผล

                คุณแม่พี่ปวดท้องขนาดหนัก ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วน พอคนที่บ้านโทรมาบอกพี่ตกใจก็เลยรีบออกจากที่ทำงาน ไปเฝ้าคุณแม่ ตั้งแต่ 4 โมงเย็น พี่ขอโทษนะบุษ พี่ห่วงคุณแม่จนพี่ลืมที่นัดกับบุษ น้ำเสียงเขาเศร้าจนบุษบง ไม่กล้าที่จะแสดงความโกรธ หรือน้อยอก น้อยใจออกไป

                แล้ว...คุณแม่พี่เก้งเป็นยังไงบ้างคะ หล่อนถาม

                หมอตรวจเจอเนื้องอกในกระเพาะอาหาร ต้องเข้าผ่าตัดด่วนวันนี้ หมอบอกว่าไม่แน่...อาจจะเป็นมะเร็งด้วยเพราะขนาดเนื้องอกค่อนข้างใหญ่ เขานิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนเอ่ยต่อ ช่วงนี้พี่คงไม่ได้ไปเจอกับบุษ ได้บ่อยเหมือนแต่ก่อนนะ พี่อยากอยู่กับคุณแม่ให้มากที่สุด...พี่กลัวว่า....กลัวว่าคุณแม่จะอยู่ได้อีกไม่นาน น้ำเสียงเขาคล้ายกลั้นสะอื้น

                บุษบงได้ยินแล้วใจอ่อนยวบ นึกสงสารเขาจับใจ หากแต่ไม่รู้จะปลอบโยนเขาอย่างไรดี จึงได้แต่บอกไปว่าไม่เป็นไรค่ะพี่เก้ง เราเจอกันน้อยลงบ้างก็ได้ พี่เก้งจะได้มีเวลาดูแลคุณแม่มากๆ แล้วเอ่ยถามชื่อโรงพยาบาล และหมายเลขห้องพัก เพื่อจะไปเยี่ยมไข้ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

                หล่อนเคยเจอคุณหญิงปัทมา อิทธิดล คุณแม่ของปวริศร์ ครั้งหนึ่งที่บ้านของเขา หากเพียงครู่เดียวเท่านั้น ด้วยวันที่หล่อนไปทานข้าวที่บ้านของปวริศร์นั้น คุณหญิงกำลังจะออกไปธุระนอกบ้านพอดี บุษบงจึงไม่มี

โอกาสดูท่าทีของคุณหญิงปัทมา ว่ามีความเห็นเกี่ยวกับตัวหล่อนอย่างไร หล่อนได้แต่หวังว่าคุณหญิงแม่คงจะไม่ตั้งท่ารังเกียจว่าที่ลูกสะใภ้ไร้ศักดินาอย่างหล่อน เหมือนบรรดาแม่ๆในละครน้ำเน่าเท่านั้นก็เป็นพอ

                 

          ห้องสีขาวสะอาดตา บัดนี้เต็มไปด้วยช่อดอกไม้หลากสีสันนานาชนิด ที่บรรดาคนรู้จักมักคุ้นนำมาเยี่ยมคุณหญิงปัทมา อิทธิดล ผู้นอนหน้าซีดเซียว หายใจรวยรินผ่านสายออกซิเจนที่สอดเข้าทางจมูก ท่อนแขนระโยงระยางไปด้วยสายน้ำเกลือ

                คุณแม่หลับอยู่ เพิ่งออกจากห้องผ่าตัดเมื่อคืนนี้ ปวริศร์บอกกับหล่อนด้วยเสียงแผ่วเบา ขณะรับกระเช้าผลไม้ที่หล่อนนำมาเยี่ยมไข้

                ปวริศร์ บอกกับหล่อนว่า เขาตั้งใจมานอนเฝ้าคุณหญิงปัทมาทุกคืน ด้วยบวรพงศ์ พี่ชายของเขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว เขาจึงไม่อยากให้พี่ชายเขาต้องยุ่งยาก และ    บุษบงได้พบกับบวรพงศ์ และครอบครัวของเขาวันนี้เอง

                บุษบงรู้สึกหัวใจพองฟูและเบิกบานยิ่งนัก เมื่อได้ยินชายหนุ่มเอ่ยแนะนำว่า พี่กั้ง นี่บุษ แฟนผมฮะ

                หล่อนยิ้มชื่นบาน พร้อมยกมือไหว้พี่ชายเขาด้วยกิริยามารยาทอันงดงาม ปวริศร์คงไม่รู้สินะว่า กว่าจะไหว้ได้งดงามขนาดนี้  หล่อนต้องฝึกหน้ากระจกอยู่หลายรอบทีเดียว บุษบงคาดไว้ในใจว่า มาคราวนี้หล่อนคงได้พบบรรดาญาติของเขาหลายคน ดังนั้นหล่อนต้องมีมาดและกิริยาที่ดี อันเป็นที่น่าประทับใจ และหล่อนก็ทำได้ดี เมื่อเห็นบวรพงศ์ และภรรยา ส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นตอบกลับมา

                บรรยากาศการคุยในวันนั้นคงจะดีกว่านี้ หากนฤมล ภรรยาของบวรพงศ์ ผู้กำลังพลิกอ่านชื่อจากการ์ดที่แนบมากับกระเช้าเยี่ยมไข้ เพื่อจดบันทึกรายชื่อ ไม่เอ่ยขึ้นมาว่า

                บราลี สัณหธวัช ยายบิวนี่ มาเยี่ยมด้วยเหรอ หล่อนหันมาทางปวริศร์ ถามเสียงเหยียด คล้ายมีความขุ่นข้องใจกับเจ้าของชื่อ

                ครับ ปวริศร์ตอบเบา พลางเสมองไปทางเตียงผู้ป่วย ซึ่งยังคงหลับสนิท

                เป็นพี่ คงไม่อยากเจอเห็นหน้าเขาอีกแล้วในชาตินี้ พูดจบนฤมลก็หันไปวุ่นวายกับการจดรายชื่อต่อ

                เรื่องมันผ่านไปแล้วน่ามล เขามาเยี่ยมคุณแม่ ก็ถือเป็นน้ำใจของเขาแล้ว บวรพงศ์บอกภรรยาสาว

                นฤมลหัวเราะฮึๆ ก็พูดต่อว่า เฮอะ น้ำใจ อยากจะรีเทิร์นน่ะไม่ว่า

                มล บวรพงศ์ปรามเสียงเข้ม เมื่อเห็นว่าภรรยาพูดมากเกินควร นฤมลยักไหล่ก่อนสงบคำและหันไปจัดการกับงานตรงหน้าต่อ

                บุษบงรู้สึกใจหายกับคำพูดของนฤมล ทำไมหล่อนจะจำไม่ได้ว่า บราลี สัณหวัช  คือคนรักเก่าของเขา ที่กิ่งแก้วเพื่อนของหล่อนเคยเอ่ยปากว่า เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก นี่หล่อนกับเขาได้พบกันอีกแล้วหรือนี่

มิหนำซ้ำคำพูดที่นฤมลพี่สะใภ้ของเขาพูดอีกเล่า อยากจะรีเทิร์น หมายความว่า บราลี สัณหธวัช สาวไฮโซคนนั้นอยากจะคืนดีกับพี่เก้งอย่างนั้นหรือ หล่อนหันไปสบตาเขา คล้ายค้นหาความจริงจากสายตาคมคู่นั้น

                ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันมั๊ยบุษ เขาเอ่ยชวน แล้วเดินเขามาคว้ามือหล่อนให้ออกเดิน โดยไม่รอคำตอบ

                อยู่ในห้องคนป่วยนานๆเดี๋ยวเบื่อแย่ เขาบอกหล่อน แล้วหันไปพูดกับพี่ชายเดี๋ยวผมมานะครับพี่กั้ง

               

                เขาชวนหล่อนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ขณะเดินไปตามโถงทางเดินของโรงพยาบาล จนกระทั่งมาถึงสวนหย่อมภายในโรงพยาบาล เขาพาหล่อนไปนั่งคุยที่เก้าอี้ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น

                 บุษบงรู้โดยสัญชาติญาณว่าเขาคงมีเรื่องในใจบางอย่างที่จะบอก หล่อนได้แต่ร้องขออยู่ในใจว่า ได้โปรดอย่าทำร้ายหัวใจของหล่อนเลย

                บุษ รู้ใช่มั๊ยว่า บิวกับพี่เคยเป็นแฟนกัน เขาเริ่ม

                ค่ะ หล่อนตอบรับเสียงเบาหวิว

                เรื่องระหว่างพี่กับบิว มันเป็นอดีตไปแล้ว บุษอย่าเก็บเอาไปคิดมากนะ เขากุมมือหล่อนและดึงมาวางไว้ที่ตัก

                บุษไม่กังวลหรอกค่ะ ถ้าเมื่อกี้พี่มลไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับ...แฟนเก่าพี่เก้ง หล่อนบอกไปตรงกับใจคิด

                ปวริศร์ผ่อนลมหายใจก่อนเอ่ยตอบ เมื่อวานบิวเขามาเยี่ยมคุณแม่ พี่เพิ่งรู้ว่า เขาเลิกกับแฟน...คู่หมั้น เขาทิ้งพี่ไปเพื่อไปหมั้นกับผู้ชายคนนั้นน่ะ เขาเค้นเสียงพูดอย่างลำบากยากเย็น

                ตอนนั้นที่พี่รถคว่ำ กระดูกสันหลังเคลื่อน มีโอกาสเสี่ยงเป็นอัมพาต พอบิวเขารู้ เขาก็ขอเลิกกับพี่...เขากลัวว่าพี่จะกลายเป็นคนพิการ คนเราพิสูจน์ใจกันก็ตอนยามยากนะบุษ แล้วบุษคิดว่าพี่ควรจะกลับไปหาเขาหรือเปล่า ถ้าเขามาขอคืนดี เขาหันมาสบตาหล่อน ด้วยแววตาที่แฝงเร้นด้วยความเจ็บปวด

                จากคำบอกเล่าของเขา บุษบงเดาได้ว่า หญิงคนรักเก่าของเขาคงจะกลับมาขอคืนดีจริงๆ หากแต่ความเจ็บปวดจากการกระทำของเจ้าหล่อน ทำให้เขาไม่คิดจะหวนคืนไปหา หล่อนควรจะเบาใจได้ ทว่าเสียงหนึ่งในใจร้องค้านอย่างไม่พอใจว่า ทำไม๊ ทำไม พี่เก้งไม่บอกว่า เพราะพี่มีบุษบงเต็มอยู่ทั้งสี่ห้องหัวใจแล้ว พี่เลยไม่สามารถรักใครได้อีก และไม่เปลี่ยนใจกลับไปหาใครอีกส่วนอีกเสียงหนึ่งก็ร้องปรามว่า เอาเถอะๆ เขาไม่กลับไปคืนดีกับคนรักเก่าให้หล่อนช้ำใจก็ดีแล้ว จะเอาอะไรอีก     ก็ฉันอยากให้เขาบอกว่ารักนี่เจ้าเสียงแรกตอบกลับอย่างกระเง้ากระงอด

                จริงสินะ เขายังไม่เคยเอ่ยคำว่า รัก กับหล่อนสักครั้งเลย เคยพูดแต่ว่าชอบ ซึ่งฟังดูผิวเผิน ไม่ลึกซึ้ง ไม่ซาบซึ้งถึงทรวงในเลยสักนิด เขาควรพูดบ้างนะ บุษบงคิดในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ย

                ไม่ทราบสิคะ บุษไม่รู้ว่าในใจพี่เก้งคิดอะไร แล้วบุษก็ไม่รู้ว่า พี่เก้งยังรักเขามากแค่ไหน และยอมอภัยให้เขาได้หรือเปล่า ความน้อยใจล้วนๆที่ส่งคำพูดนั้นให้ออกจากปาก อีกทั้งคอที่ตั้งชันใบหน้าเชิดหยิ่งนั่นอีกเล่า โอ้บุษบงหล่อนทำอะไรลงไปนี่  หญิงสาวถามตัวเองในใจ แต่มิอาจเปลี่ยนทีท่าที่แข็งขืนนั้นได้

                บุษโกรธเหรอ เขาถาม หล่อนเงียบ พี่เล่าให้บุษฟัง เพราะไม่อยากให้บุษคิดมาก และอยากให้บุษรู้ว่า ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ยังไงพี่ก็ไม่มีทางหวนกลับหาเขา ที่สำคัญที่สุด พี่คิดว่าพี่เจอคนที่ ใช่และถูกใจแล้ว

                ดั่งน้ำทิพย์ไหลมาชโลมใจ หญิงสาวรู้สึกแช่มชื่นยิ่งนักเมื่อได้ยิน คนที่ ใช่และถูกใจ แล้ว บุษบงอยากโผผวาเข้ากอดเขาเหลือเกิน คอที่แข็งตั้งอยู่สักครู่ เริ่มอ่อนและหันมามองเขาด้วยสายตารักใคร่ หล่อนยิ้มน้ำตาคลอหน่วย มันเป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้ง ประทับใจ อิ่มเอม ถึงแม้เขาจะไม่เอ่ยคำว่ารักอย่างที่หล่อนต้องการก็เถิด

                คนๆนั้น ใช่บุษหรือเปล่าคะ หล่อนรวบรวมความกล้าถามเขาออกไป หล่อนไม่ใช่นางเอกนิยาย ที่ชอบอมพะนำเก็บความสงสัยไว้ในใจ

                ไม่ใช่นะบุษ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า เขายิ้มยั่ว ก่อนจะโอบหล่อนมาแนบตัว แล้วกระซิบเบาๆที่ข้างหูว่า ใช่จ๊ะ

                บุษบงหน้าแดงซ่าน ร้อนผ่าวไปทั้งตัว อ้อมกอดของคนรักมันอบอุ่นจนอุณหภูมิในร่างกายมันเดือดพล่าน อย่างนี้นี่เอง

                หล่อนผลักเขาออกเบาๆ แล้วพูดแบบที่จำมาจากนางเอกนิยายว่า ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า หากในใจบอกว่ากอดนานๆนะคะพี่เก้ง

               

                ความเอ๋ย ความรัก บุษบงได้ประจักษ์เดี๋ยวนี้เองว่า มีทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม  และน้ำตา อ้อ ความซาบซ่านด้วยอีกประการ (ก็หล่อนเพิ่งถูกเขากอดอยู่แหมบๆ เลยเกิดเป็นความซาบซ่านด้วยไงล่ะ) ดูเถอะนะหล่อนเพิ่งร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า เมื่อคืนก่อนนั้น แต่ตอนนี้ กลับนั่งยิ้มสดใสในอ้อมกอดเขา เหตุเกิดเพราะความรักแท้ๆ

                นั่งคุยกระหนุงกระหนิงกันอีกพักใหญ่ สองหนุ่มสาวถึงเดินกลับไปยังห้องพักผู้ป่วย

                คุณหญิงปัทมา ตื่นแล้วหากแต่ยังอ่อนเพลียอยู่มาก หล่อนยิ้มรับ เมื่อบุษบงเข้าไปไหว้ คุณหญิงเอ่ยเสียงแผ่ว หากมีแววแช่มชื่นว่า แฟนเก้งนี่น่ารักนะ บุษบงยิ้มแก้มแทบปริ ทั้งตื่นเต้นยินดีอยู่ในใจ ดีใจจัง คุณหญิงไม่รังเกียจว่าที่ลูกสะใภ้โลโซ

                แม่อยากอยู่ให้ทันแต่งงานเก้งจังเลยลูก คุณหญิงหันหน้ามามองลูกชายคนสุดท้องขณะพูด ด้วยหวั่นใจกับโรคร้ายที่คุกคาม

                ทันสิครับ คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย พักไม่นานก็กลับบ้านได้แล้ว ปวริศร์ ผู้นั่งอยู่ปลายเตียงคนป่วยตอบ

                เก้งก็รีบแต่งงานสิ คุณแม่จะได้แน่ใจ นฤมล พี่สะใภ้แกล้งกระเซ้า ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้ม บุษบงอยากรู้นักนะว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่

                ก่อนที่ปวริศร์จะเอ่ยปากตอบคำพี่สะใภ้ คุณหญิงก็ส่งคำถามไปยังลูกชายคนโตกับภรรยา อย่างอารมณ์ดีว่าแต่แม่มล กับตากั้งเมื่อไหร่ จะมีหลานให้แม่อุ้มล่ะ

                ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้ข่าวดีเลย บวรพงศ์ หรือ กั้ง รวบร่างบางของภรรยาสาวเข้ามากอดโดยเร็วจน ฝ่ายหญิงร้องว๊าย ด้วยความเขินอาย  คุณหญิงปัทมามองภาพลูกชาย คนโตหยอกล้อลูกสะใภ้ด้วยใบหน้าแช่มชื่น มือหนึ่งกุมมือปวริศร์ ลูกชายคนสุดท้องไว้แน่น สายตาของหญิงชราที่ทอดมองลูกชายทั้งสอง เต็มไปด้วยความรักอย่างเปี่ยมล้น 

                บุษบงมองภาพนั้นอย่างสุขใจ ก่อนเอ่ยขอลากลับ เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา

                แล้วมาเยี่ยมแม่อีกนะหนูบุษ คุณหญิงปัทมา บอกเมื่อหล่อนกราบลา

                ปวริศร์ เดินมาส่งหล่อนที่รถ บุษบงมองจากกระจกมองหลัง เห็นเขายืนรออยู่ตรงนั้น กระทั่งรถหล่อนเคลื่อน จากไปจนสุดสายตา วันเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆเขา ทำให้หัวใจบุษบงอิ่มเอิบทุกโมงยาม....หล่อนฝัน และหวังถึงวันที่หล่อนและเขาจะได้ครองคู่อยู่ร่วมกันทุกวันคืน...เมื่อไรนะวันนั้นจะมาถึง

 

 

-----------------------------------