เมื่อบุษบงจะลงจากคาน โดย ริญา

ตอนที่ 9 โลกนี้วุ่นวายหนอ

 

                ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงแล้ว บุษบงไม่รู้หรอกว่า มีคนอยู่สองคนในสำนักงานที่รอคอยเวลานี้ ด้วยหัวใจรุมร้อน กระสับกระส่าย  และสองคนนั้นก็คือ ขวัญชนก กับยอดธิดา สองสาวคู่รัก เพื่อนสนิทของหล่อน

                ยังไม่ทันจะเที่ยงดี ขวัญชนก ก็อดรนทนไม่ไหว พรวดพราดมาลากบุษบงออกจากโต๊ะทำงาน

                วันนี้ไปหาที่กินข้างนอกนะ อย่ากินแถวนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกแกขวัญชนก ละล่ำละลัก บอกบุษบง

                เรื่องอะไรของแก เกี่ยวกับฉันเหรอหญิงสาวถามด้วยความสงสัยเต็มแก่

                เออ น่า พี่บุษ เดี๋ยวรู้เอง เตรียมใจฟังไว้ดีๆ จะคิดหาคำด่ง คำด่าอะไรก็เตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนก็ได้นะ

                ยอดธิดา ทอมสาว เสียงห้าว หันมาบอก บุษบงรู้สึกเหมือนหล่อนกำลังถูกถาโถม โจมตีด้วยครื่องหมาย คำถามสักหนึ่งร้อยอัน

                อะไรกันนักกันหนานะพวกแกหล่อนระบายเสียงด้วยความขุ่นใจ  แค่ท่าทางประหลาดๆ ของแกสองคน ฉันก็อกจะแตกอยู่แล้ว แล้วนี่ยังจะให้คิดคำด่าอะไรเตรียมไว้อีก ฉันละงง จนหัวสมองไม่แล่นแล้ว

                ขึ้นรถก่อน พูดแถวนี้ไม่ได้ขวัญชนก พูดเบาๆ ทำสีหน้าเรียบๆ พลางปรายตาไปยังกลุ่มพนักงานคนอื่นๆ ที่เริ่มออกเดินไปหาอาหารกลางวันรับประทาน  ราวกับเป็นการส่งสัญญาณให้บุษบง รับรู้ว่าเรื่องที่หล่อนจะได้รับรู้ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านั้น  สำคัญและเป็นความลับไม่น้อย

               

                ทันทีที่ประตูรถเก๋งของยอดธิดาปิดลงปุ๊บ ขวัญชนก ก็รีบพร่างพรูเรื่องที่ทำให้จิตใจของหล่อนร้อนรน จนอกแทบระเบิดให้แก่ บุษบง เพื่อนสาวผู้มีความสงสัยใคร่รู้ อัดแน่นเต็มหัวอก

                “คืออย่างนี้นะคะ คุณบุษบง ดิฉันก็ไม่ทราบว่า คุณไปได้สเน่ห์ยาแฝดดีจากหมอผีที่ไหนมา ความงามถึงได้เย้ายวนใจไปเตะตา ท่านสมาชิกใหม่ของ “แก๊งค์หื่น” เข้าถึงกับมีการพนันขันต่อกันว่า ถ้าหากสมาชิกท่านนั้น จีบหล่อนสำเร็จ จะฉลองโต๊ะใหญ่ ปิดคลอเคลียเล้า เอย ค๊อกเทลเล้าจ์ ฉลองกันเลย”

                ฮ๊า! อะไรนะ จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว” บุษบงตะโกนร้องลั่นรถ หลังจากกลั้นอกกลั้นใจฟังเรื่องราวจนจบ

“แล้วคนที่ว่านั่น เป็นผีเปรต หรือผีนรกตนไหนกันล่ะ” บุษบงถามต่อด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเต็มที่

                “อีตาวรพจน์  ไงล่ะ สมาชิกแก๊งค์หื่น คนใหม่” ขวัญชนกเฉลย อันว่าแก๊งค์หื่นนั้น เป็นชื่อที่หล่อนตั้งให้กับ กลุ่มผู้บริหารตั้งแต่ระดับผู้จัดการขึ้นไป ที่รวมตัวกัน จะด้วยเหตุผลใดเป็นหลักนั้น ขวัญชนกไม่อาจคาดเดาได้ แต่พฤติกรรมหนึ่งที่แน่ๆ อันทำให้ฉายาของแก๊งค์นี้ วาบเข้ามาในความคิดก็คือ “พฤติกรรมการล่าสวาทสาวๆ” จนเป็นที่เล่าลือแบบกระซิบกระซาบกันภายในกลุ่มพนักงานบริษัท

โอย! ฉันจะบ้าตาย ยอดในรถแกมีถุงพลาสติกมั้ย ฉันอยากจะอ้วกบุษบงกุมขมับ ท่าทางคล้ายกับจะอาเจียนจริงๆ จนยอดธิดาร้องเสียงหลงเกรงว่า หล่อนจะพรวดพราดโอ้กอ้ากออกมาจริงๆ

อันที่จริง บุษบงก็อยากจะอาเจียนออกมาจริงๆ หล่อนรู้สึกคลื่นเหียนอย่างบอกไม่ถูก เมื่อใบหน้าของ วรพจน์ วูบเข้ามาในสมอง ประกอบกับเกิดอาการความเครียดลงกระเพาะอย่างกระทันหัน

ว่าแต่แกสองคนแน่ใจนะว่าเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด แล้วพลอยทำให้ฉันกลุ้มใจเป็นบ้าอยู่นี่

เฟิร์มพี่ เฟิร์ม ยอดได้ข่าวกรองสดๆมาจากน้าศักดิ์ คนขับรถเลย  แกได้ยินมาเต็มๆ ตอนขับรถพาผู้บริหารไปตรวจโรงงานที่ระยองยอดธิดายืนยันแข็งขัน

เอ่ยชื่อ น้าศักดิ์ คนขับรถ บุษบงถึงกับนิ่งอึ้ง ข่าวนี้เป็นข่าวจริงแท้ โดยสายงานแล้ว น้าศักดิ์ ก็ถือว่า อยู่ใต้บังคับบัญชาของหล่อน หญิงสาวจึงรู้นิสัย น้าศักดิ์ผู้นี้ดีว่า เป็นคนพูดน้อย และได้ใจความ เรื่องหลายเรื่องที่ออกจากปากน้าศักดิ์ ไม่เคยเป็นเรื่องที่เชื่อไม่ได้เลยสักครั้ง บุษบงชื่นชมนิสัยข้อนี้ดี แต่คราวนี้หล่อนอยากให้น้าศักดิ์กลายเป็นคนประเภทพูดจาไร้สาระเสียจริง

คิดแล้วหล่อนอยากจะกรีดร้องให้กับตัวเอง ทำไมนะ ทำไม เรื่องวุ่นวาย ไร้สาระแบบนี้ ต้องเกิดขึ้นกับหล่อนด้วย ทั้งที่หล่อนอยู่เฉยๆ ใช้ชีวิต(สาวโสด) ของหล่อนอย่างปกติสุข ไม่เคยแม้แต่จะคิด ไปก้อร่อก้อติกกับผู้ชายหน้าไหน แล้วจู่ๆ ทำไมหล่อนต้องตกเป็นเหยื่อกลายเป็น เครื่องมือในวงพนันขันต่อ ของผู้ชายที่เห็นผู้หญิง เป็นเพียงเครื่องสนองทางกามารมณ์ เมื่อไกัน ที่ผู้ชายจิตทรามพวกนี้จะหมดไปจากโลก บรรดาผู้หญิง เหยื่อผู้บริสุทธิ์ ทั้งหลายจะได้อยู่อย่างสงบสุขเสียที 

แล้วนี่แกคิดจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงล่ะบุษขวัญชนกเอ่ยถาม

ไม่รู้สิ รู้แต่ว่า ตอนนี้ อยากได้รองเท้าผ้าใบเก่าๆ เหม็นๆสักข้าง เอาไว้ตบหน้าคนสักฉาด 

ยอดธิดา ได้ยินแล้วหัวเราะร่าก่อนถามข้างเดียวพอเหรอพี่ ฮ่าๆๆๆ

เออจริง คงไม่พอหรอก สำหรับคนเลวๆอย่างตานี่ รองเท้า ก็ยังสูงไปด้วยซ้ำ” บุษบงเอ่ยตอบเสียงขึ้งเครียด บอกอารมณ์ โกรธถึงขีดสุด

                โอ้โห พี่บุษ นี่ขนาดตะกี้ว่าสมองไม่แล่นนะ แต่ละคำที่ว่าเฉือดเฉือนจริงๆ ยอดธิดาหัวเราะร่า จนขวัญชนก ขมึงตาใส่ปรามคู่รักสาวห้าว

                ไม่ใช่เรื่องตลกนะยอด หล่อนบอกเสียงเข้ม ก่อนหันมามองหน้าเพื่อนสาวแล้วระบายลมหายใจยาว ด้วยเห็นใจ ก่อนเอ่ยปลอบให้บุษบงเย็นลง

                ฉันเห็นใจแกจริงๆบุษ ฉันก็เกลียดไอ้ผู้ชายเลวพวกนี้เหมือนกัน แต่ฉันว่าตอนนี้ แกคงต้องวางตัวสงบ นิ่งเฉยไว้ก่อน คอยดูท่าทีตานั่นไปก่อนว่า จะมาไม้ไหน หลบได้หลบ ถ้าหากยังตามตื๊อไม่เลิกรา ค่อยมาคิดหาทาง แก้กันต่อ

                บุษบงนิ่งฟังเพื่อนสาว พลางครุ่นคิด

ก็ฟังเข้าทีดี ฉันจะพยายามนิ่งนะ แต่ฉันก็ไม่มั่นใจตัวเองเหมือนกันว่า จะหลุดปากด่าตานี้ ออกไปตอนไหน อีกอย่าง ฉันไม่อยากให้เรื่องงี่เง่าพรรค์นี้มากระทบกับเรื่องงาน และทำให้ตัวฉันต้องเสื่อมเสียด้วย”

 

หลังจากนิ่ง และเย็นลง บุษบงจึงพบว่า อีกสิ่งที่หล่อนต้องระวังนักระวังหนาคือ เรื่องหน้าที่การงาน หล่อนรักที่จะรักษาภาพพจน์ความเป็นมืออาชีพของหล่อนนางสาวบุษบง ผู้สง่างาม มาดมั่น เพียบพร้อมด้วยศีลธรรมจรรยา อันดี”   หล่อนจะมาเสียภาพพจน์ ที่หล่อนพึงรักษามาตลอด ด้วยเรื่องชู้สาว ไร้สาระเช่นนี้ ได้อย่างไร ไม่เสียละ บุษบงยอมไม่ได้ หล่อนจะต้องสู้ และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ ที่ไม่อาจคาดเดาได้ในอนาคตข้างหน้า ให้จงได้

จะทำอะไร อย่างไรนั้น ตอนนี้ บุษบงยังคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่า หล่อนหิวเหลือเกิน ท้องไส้เริ่มเขม็งเกลียว หากผ่อนคลายลงเมื่อ รถเก๋งคันงามของยอดธิดา จอดรถนิ่งสนิทยังร้านส้มตำไก่ย่างเจ้าประจำ เอาเถอะ หลังได้ปลาช่อนเผาจิ้มแจ่ว ตามด้วยข้าวเหนียว ส้มตำ คงคิดแผนต่อกร กับตาวรพจน์ ออกบ้างแหละน่า บุษบงบอกตัวเองในใจ

 

ยังมิทันที่จะผ่อนคลายสบายใจหลังจากท้องอิ่มจากมื้อเที่ยง บุษบงก็ต้องมานั่งนิ่วคิ้วขมวด กับลิลลี่ขาวช่อโต ที่ถูกส่งมาจากร้านดอกไม้ชื่อดัง พร้อมการ์ดสีสวย ข้อความหวาน

 

            สำหรับ คุณบุษบง...คุณคือดอกไม้ที่กำลังบานในดวงใจผม

                                                                        วรพจน์

 

หญิงสาวถือการ์ดด้วยมือสั่นระริก มิใช่ตื่นเต้น หากแต่ความขึ้งเครียดส่งแรงให้หล่อนสั่นเทาไปทั่วร่าง ดอกไม้แม้จะสวยหวานเพียงใด ก็ไม่สามารถขับไล่ความเกลียดชังที่หล่อนมีต่อผู้ส่งมันมาให้หล่อนได้  บุษบงได้แต่โกรธแค้นอยู่ในใจ อีตาวรพจน์จกเปรต นี่ช่างดำเนินการรวดเร็วเสียจนหล่อนตั้งตัวรับไม่ทัน

ดอกไม้สวยจังเลยพี่บุษ นงนุช ลูกน้องสาวในแผนก เอ่ยปากเมื่อหล่อนเดินเข้ามาเห็นลิลลี่ช่อสวย พลางยิ้มและยั่วเย้า หนุ่มที่ไหนส่งมาให้หรือคะพี่ ช่างเลือกจัง

ไม่มีรอยยิ้มจากหัวหน้าสาว เพียงคำตอบด้วยน้ำเสียงเครียด ที่พยายามปรับให้ราบเรียบ ใครก็ไม่รู้พี่ไม่รู้จัก คงจะส่งผิดน่ะ เดี๋ยวพี่จะเอาไปทิ้งถังขยะ

เสียดายแย่เลยพี่ ช่อนี้ท่าทางจะหลายร้อย ถ้าพี่ไม่เอา นุชขอนะคะ จะเอามาใส่แจกันตั้งบนโต๊ะ นงนุชเอ่ยขอประสาซื่อ

พี่ให้ได้ แต่ช่วยเอาไปไว้ให้พ้นหูพ้นตา อย่าเอาไว้บนโต๊ะ พี่เกลียดลิลลี่ โดยเฉพาะลิลลี่ช่อนี้ บุษบงย้ำเสียงเข้ม หากละที่จะพูดว่า เกลียดไอ้บ้าที่ให้ลิลลี่ช่อนี้ด้วย

นงนุชรีบรับดอกไม้ช่อนั้นมาถือไว้อย่างทะนุถนอม ราวกับหล่อนได้รับมันมาจากคนรัก หล่อนเอามันไปฝากไว้ในห้องครัวของบริษัท ตั้งใจว่าจะเอามันกลับบ้าน เมื่อมีคนถามถึงที่มา หล่อนได้แต่บอกว่า หล่อนซื้อมา ด้วยรับปากบุษบงไว้ว่า  หล่อนต้องไม่บอกใครถึงที่มาของดอกไม้ช่อสวย ช่อนี้

 

กำจัดดอกไม้ไปได้แล้ว ส่วนการ์ดหวานล้ำแทนคำนับพันใบนั้น บุษบงก็จัดการเอาเข้าเครื่องทำลายเอกสารบดเสียย่อยยับ พลางแช่งชักหักกระดูกในใจประดุจพิธีกรรมเผาพริกเผาเกลือแช่ง ถึงจะเป็นการตอบโต้ที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รับรู้ บุษบงก็รู้สึกสาแก่ใจเป็นยิ่งนัก อย่างน้อยหล่อนก็ได้ทำอะไรระบายความโกรธออกไปได้บ้าง เหตุการณ์วันนี้ ไม่รู้จะทำให้เกิดริ้วรอยขึ้นมาบนใบหน้าของหล่อนบ้างหรือเปล่า บุษบงชักกังวลใจ  ไม่คุ้มเลยที่เรื่องไร้สาระแบบนี้ จะทำให้ใบหน้าเต่งตึงอ่อนกว่าวัยของหล่อน กลับกลายเป็นดูแก่กว่าวัย หญิงสาวภาวนากับเครื่องทำลายเอกสารตรงหน้า ขอให้เรื่องนี้จบสิ้นไวๆ ราวกับบดกระดาษด้วยเถิด

เรื่องวุ่นๆวันนี้ยังไม่จบลงง่ายๆ และปลอดโปร่งดังคำทำนายดวงของคนเกิดวันอังคาร ที่บุษบงอ่านจากคอลัมน์ดวงชะตาราศี  ในหนังสือพิมพ์รายวัน พลันเมื่อหล่อนยกหูโทรศัพท์ ได้ยินเสียงที่ดัดให้ทุ้มนุ่ม กรอกผ่านมาตามสาย

น้องบุษ ชอบดอกไม้ที่พี่ส่งให้ไหมจ๊ะ

เป็นอีตาวรพจน์ ที่หล่อนแสนเกลียด บุษบงอยากกรี๊ดให้แก้วหูตานั่นดับ ไม่ได้ยินเสียงใดๆไปตลอดชีวิต หากแต่มิใช่วิสัยของหล่อน ที่จะกรีดร้องเต้นเร่าๆ (หล่อนส่งเสียงกรี๊ดได้ เฉพาะเวลาดูคอนเสิร์ตวงโปรดเท่านั้น) สิ่งที่หล่อนทำได้คือ ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ชาเย็น และเยียบอย่างที่สุด

อ๋อ ลิลลี่ๆเน่าๆนั่นเหรอคะ ไม่ชอบค่ะ ดิฉันเกลียดดอกไม้ทุกชนิด

แหม ใจร้ายจัง ถ้าเปลี่ยนเป็นทานอาหารเย็นที่ร้านอร่อยๆเย็นนี้ล่ะจ๊ะ จะว่ายังไง ปลายสายตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านกับท่าทีของหญิงสาว

ไม่ว่างค่ะ และไม่ว่างทุกวันด้วย

ทำไมล่ะ ว่างหน่อยสิ บุษยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ ให้โอกาสพี่บ้างสิ วรพจน์ออดอ้อน

คุณวรพจน์คะ จริงๆมันเป็นเรื่องส่วนตัวนะคะ แต่ขอบอกคุณว่า ดิฉันมีแฟนแล้ว เรารักกันมาก แฟนดิฉันน่ะ หล่อเลิศ หน้าที่การงานดี ตระกูลดี ฉลาด และเป็นถึงสถาปนิก ดิฉันไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นได้โปรดเลิกตอแยกับดิฉันได้แล้ว บุษบงยื่นไม้เด็ด หวังเผด็จศึกครั้งนี้ให้จบสิ้น

อะไรไม่รู้ดลใจให้ หล่อนพร่างพรูคุณสมบัติ คู่รักกำมะลอไปยาวเหยียด หากมีเวลาหยุดคิดสักนิด บุษบงคงถึงกับยกมือทาบอกตัวเอง ด้วยล่วงรู้ใจตนว่า มีใครคนหนึ่งที่หล่อนแอบเก็บเขาไว้ อยู่ข้างในลึกสุดใจของสาวโสด หัวใจแแกร่ง และหล่อนเพิ่งเอ่ยถึงเขาไปเต็มๆเมื่อครู่

โถจริงเหรอจ๊ะบุษจ๋า วรพจน์ หัวเราะขึ้นมาเบาก่อนเอ่ย ใครๆเขาก็รู้กันทั่วว่าบุษน่ะ โสดสนิท ไม่เคยมีใครเห็นแฟนบุษเลยสักคน คนรักกันจริง เขาก็ต้องเช้าถึงเย็นถึง มารับมาส่งกันถึงที่ทำงานบ้างนะ ไม่ต้องบ่อยครั้ง สองครั้ง ให้คนได้รู้กันบ้าง พี่นะสืบมาหมดแล้วนะบุษ อย่าหลอกพี่เลย ไหนๆ พี่ก็จับคนโกหกได้แล้ว เย็นนี้ไปทานข้าวกับพี่นะ ฮื้อ ว่าไง วรพจน์ยื่นข้อเสนอเสียงระรื่น

บุษบงหน้าชา มือเย็นวาบ หากแต่หล่อนจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด ศึกนี้ต้องจบ หล่อนเหนื่อยหน่าย และขยะแขยงเรื่องนี้เต็มทน และหล่อนเอ่ยโต้ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเข้ม

ดิฉันคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเที่ยวโพนทะนา บอกชาวบ้านเรื่องแฟน เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว คนแต่ละคน มีหลักการในการดำเนินชีวิตไม่เหมือนกัน  นั่นเป็นสิ่งที่คุณวรพจน์คิด ว่าคนทั่วไปต้องพาแฟนมาโชว์ตัว แต่ไม่ใช่สิ่งที่ดิฉันคิดค่ะ อ้อ...แล้วโทรศัพท์นี่ บริษัทมีให้ใช้เพื่อเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ดิฉันคิดว่า เราน่าจะจบบทสนทนาแล้วนะคะ

ผู้หญิงอะไรดุจัง ยิ่งดุยิ่งท้าทายนะ เอางี้ ถ้าอยากให้ผมเลิกชอบบุษ พาแฟนมายืนยันสิ มาวันนี้เลยนะแล้วจะพี่จะเลิกตามตื๊อทันทีเลย อีกอย่างถ้าเป็นแฟนจริงๆน่ะ เรียกให้มาเมื่อไรก็ต้องมาได้เมื่อนั้น ยิ่งมีหนุ่มๆมาตอแยแบบนี้ รักกันจริงก็ต้องรีบมาแสดงตัวอยู่แล้ว จริงมั๊ย

ได้ค่ะ เย็นนี้ค่อยดูละกัน สวัสดีค่ะ หล่อนเอ่ยรับคำท้าด้วยอารามหน้ามืด และหวังให้เรื่องบ้าๆนี้จบๆกันซะที ต่อเมื่อนึกได้หล่อนก็ให้เกิดอาการลุกลี้ลุกลน กระสับกระส่ายอย่างหนัก แล้วจะหาใครมารับบทเป็นแฟนกันล่ะทีนี้ ใครจะช่วยหล่อนได้บ้าง โธ่ โลกหนอโลก ทำไมช่างวุ่นวายเสียจริง หล่อนร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ

มือไวเท่าความคิด หล่อนรีบกดโทรศัพท์ ไปหาวีร์ เพื่อนชายคนเดียวของหล่อนทันที วีร์น่าจะช่วยรับบทเป็นแฟนกำมะลอของหล่อนได้แน่ ในสถานการณ์คับขัน

มีอะไรให้รับใช้ขอรับ ปลายสายตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นหมายเลขโทรศัพท์คุ้นเคย

หากเป็นอารมณ์ปกติ หล่อนอาจจะขำกับคำพูดและน้ำเสียง ที่แสร้งทำเป็นนอบน้อมราวทาสผู้กำลังรอรับคำสั่ง แต่ยามนี้หล่อนเครียดเกินกว่าจะรับมุขใดๆได้  ถึงกระนั้น หล่อนก็ยังเบาใจว่า วีร์น่าจะอยู่ในอารมณ์แจ่มใสพอควร โอกาสที่เขาจะยอมตอบรับเป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยหล่อนนั้น น่าจะเป็นไปได้สูง บุษบงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนหนุ่มฟัง ตั้งแต่ต้นแล้วเอ่ยปากขอร้องให้เขาช่วยมาแสดงตัวเป็นแฟนปลอมๆของหล่อน

อะโธ่เอ้ย จะคุยล่ะสิว่า มีคนมาชอบ ฮ่าๆๆๆ แทนที่จะกังวล วีร์กลับหัวเราะร่า พลางพูดล้อ หลังฟังเรื่องทั้งหมดจบ

นี่ ถ้าเป็นคนดีๆ มีเจตนาดีๆ บุษก็คงรับพิจารณาหรอกนะ แต่นี่มันไม่ใช่ ตานั่นเห็นบุษเป็นของพนันในวงเหล้า แล้วพฤติกรรมก็อุบาทว์ ลามก อีก วีร์เข้าใจที่บุษพูดมั๊ย แล้วจะช่วยเพื่อนหรือเปล่า ถามแค่นี้แหละ หล่อนบอกกลับไปด้วยอารมณ์ร้อน

โอ๋ๆ ใจเย็นๆสิ ช่วยก็ได้ แต่สำเร็จแล้วต้องพาไปเลี้ยงติ่มซำนะ ตอบรับอย่างง่ายๆ ด้วยน้ำเสียงเริงรื่น

โอเค จะเลี้ยงสองมื้อเลย ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ แล้วก็จบๆซะที

แล้วจะให้ไปกี่โมง...เออ แต่เดี๋ยววีร์ต้องไปแวะเซ็นทรัล ลาดพร้าวก่อนนะ มีนัดตอน 5 โมง

เฮ้ย! ไม่ได้เด็ดขาด โทรไปเลิกนัดเลย บุษบงร้องเสียงหลง วีร์ต้องมาถึงอย่างน้อย 5 โมง 15 นาที ก่อนที่อีตาบ้าลามกนั่นจะกลับบ้าน แล้วยิ่งเซ็นทรัล ลาดพร้าวนะ ห้ามแวะเด็ดขาด รถติดมาก หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

อ้าว นี่แม่คุณ จู่ๆจะให้กระผมไปเลิกนัดคนอื่นกระทันหันได้ยังไง วีร์แสร้งทำเสียงเข้มตอบกลับมา แต่ก็เอาเถอะ เพื่อเธอ และติ่มซำ วีร์จะเลิกนัดให้ เพื่อนหนุ่ม ยังคงตอบกลับมาด้วยความรื่นรมย์ ราวกับนัดที่ว่าไม่ได้สลักสำคัญอะไร

นาทีนี้ บุษบงไม่สนใจใคร่รู้อะไรแล้วว่า วีร์มีนัดกับใคร ทำไมเลิกนัดได้ง่ายดาย ทั้งที่ปกติวีร์เป็นคนไม่ชอบผิดนัดใคร  แม้จะรู้สึกว่าหล่อนออกจะเห็นแก่ตัวเหลือเกิน แต่ขอสักครั้งเถอะนะ ยามนี้หล่อนเหมือนหลังชนฝา มีทางไหนที่ทำให้หล่อนรอด จากเงื้อมมือมารได้ หล่อนก็จะยอมทำ

ขอบคุณมากนะคะคุณเพื่อนสุดที่รัก บุษบงตอบขอบคุณ ก่อนผ่อนลมหายใจยาว  คลายเครียดไปหนึ่งเปลาะ เย็นนี้ก็เป็นหน้าที่ของวีร์กับหล่อนแล้วว่า จะแสดงบทบาทคู่รักได้สมจริงขนาดไหน หวังใจแต่ว่า คุณแฟนของหล่อนจะไม่หลุดท่าทีก้ำๆกึ่งๆออกมาให้ใครๆพาลสงสัยเท่านั้นเอง

ข้างฝ่ายอัศวินผู้กำลังจะขี่ม้าขาวไปช่วยนั้น วางสายจากเพื่อนสาวด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม บุษบงเพื่อนสาวของเขาไม่มีโอกาสรู้หรอกว่า อัศวินเจ้าแผนการผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ

----------------------------------------